เพื่อนร่วมทาง

 4 สวนในกรุง ใกล้รถไฟฟ้า

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาสวนสาธารณะใกล้รถไฟฟ้า ที่เดินทางง่ายแสนง่าย จะไปเที่ยว ไปเดินเล่น ไปสูดอากาศหรือออกกำลังกายก็สามารถทำได้แล้วแต่ใจอยาก…เอาล่ะ ตามมาดูกันว่าบัดดี้จะมีสวนไหนมานำเสนอบ้าง 1. สวนเบญจกิติสวนเบญจกิติ เปรียบเสมือนป่าใหญ่ใจกลางกรุง ที่มีการสร้างส่วนขยายและออกแบบปรับภูมิทัศน์เพื่อรองรับผู้คนทุกกลุ่ม ทั้งผู้พิการทางสายตา ผู้ที่ใช้บริการรถเข็น (Wheelchair) ผู้สูงอายุ ไปจนถึงกลุ่มคนรักสัตว์ ที่นี่แบ่งเป็น 2 โซน คือ สวนน้ำและสวนป่า บริเวณรอบสวนน้ำ เป็นจุดที่หลาย ๆ คนมักจะมาวิ่งออกกำลังกาย หากใครชอบปั่นจักรยานก็มีเส้นทาง Bike Lane สำหรับปั่นจักรยานด้วยนะ โซนสวนป่า ประกอบไปด้วยอาคารพิพิธภัณฑ์ อาคารแสดงศิลปะ หอสมุด ลานกิจกรรมกลางแจ้ง เส้นทางปั่นจักรยานและเส้นทางวิ่ง รวมไปถึงสกายวอล์ก ที่มีการเชื่อมกับสกายวอล์กเดิมที่มาจากสวนลุมพินี (สะพานเขียว) นอกจากนี้ยังมีการจำลองระบบนิเวศ ที่สร้างเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ (Wet Land) มีการปลูกพันธุ์ไม้หายากเพื่อการอนุรักษ์ การเดินทางMRT : สถานีสุขุมวิท ทางออก 3 ถนนรัชดาภิเษก แขวงคลองเตย เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวัน เวลา 05.00-21.00 น. 0 2254 1263, 08 6337 2741https://goo.gl/maps/rRQDNYDSDjtD2rza6 2. สวนลุมพินีสวนสาธารณะแห่งแรกของกรุงเทพฯ หลายคนเรียกสั้น ๆ ว่า สวนลุม เปิดให้บริการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2468 ภายในมีต้นไม้ขนาดใหญ่ สวนปาล์ม สระน้ำขนาดใหญ่ ถือเป็นจุดนัดพบของคนรักสุขภาพ ยอดฮิตของทั้งชาวกรุงเทพฯ และชาวต่างชาติ การเดินทางMRT : สถานีสีลม ทางออก 1 และ สถานีลุมพินี ทางออก 3BTS : สถานีศาลาแดง ทางออก 5 ถนนพระรามที่ 4 แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน จังหวัดกรุงเทพมหานคร เปิดทุกวัน เวลา 04.30-21.00 น.https://goo.gl/maps/GYSQJeuGvLoBZkwMA 3. สวนวชิรเบญจทัศ (สวนรถไฟ)สวนวชิรเบญจทัศ หรือที่หลายคนเรียกกันติดปากว่า สวนรถไฟ เป็นสวนสาธารณะใจที่ในอดีตเคยเป็นสนามกอล์ฟรถไฟของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ต่อมามีการสร้างเป็นสวนสาธารณะเพื่อใช้เป็นสถานที่พักผ่อนและออกกำลังกายของประชาชนทั่วไป ภายในมีสวนป่าใหญ่ในเมือง ที่รวบรวมพันธุ์ไม้หลายชนิด มีการจำลองระบบนิเวศของป่าเพื่อการเรียนรู้ มีเลนจักรยานที่มีความยาว 3 กิโลเมตร มีศูนย์กีฬาที่มีทั้งสระว่ายน้ำ สนามฟุตบอล ฟิตเนส สนามเด็กเล่น ให้คนที่มาได้เลือกกิจกรรมที่สนใจได้ตามสะดวก การเดินทางMRT : สถานีจตุจักร ทางออก 1 และ 2BTS : สถานีหมอชิต ทางออก 1 และ 3 ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงลาดยาว เขตจตุจักร กรุงเทพฯ เปิดทุกวัน เวลา 05.00-21.00 น. 0 2537 9221https://goo.gl/maps/GRBRfcp2PJs6Ax2e9 4. สวนจตุจักรสร้างขึ้นโดย พลเอกเกรียงศักดิ์ ชมะนันทน์ ซึ่งเกิดจากการรถไฟแห่งประเทศไทยได้น้อมเกล้าฯ ถวายที่ดิน 100 ไร่ เพื่อสร้างสวนสาธารณะตามพระราชประสงค์ของพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ในโอกาสพระราชพิธีมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 4 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2518 เมื่อสร้างสวนเสร็จ สวนแห่งนี้ได้รับพระราชทานนามว่า “สวนจตุจักร” และต่อมาถูกใช้เป็นชื่อของเขต และชื่อของแขวงที่เป็นที่ตั้งของสวน ภายในสวนจตุจักร มีหอนาฬิกาสูงเด่น นาฬิกาดอกไม้ สระน้ำ และลู่วิ่งออกกำลังกายเบา ๆ ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ บริเวณริมถนนพหลโยธินด้านข้างของสวนจตุจักร แถมยังใกล้แหล่งชอปปิงสุดฮิต “ตลาดนัดจตุจักร” อีกด้วย ถือเป็นอีกหนึ่งสวนที่น่าสนใจไม่น้อย การเดินทางMRT : สถานีจตุจักร ทางออก 1 และ 2BTS : สถานีหมอชิต ทางออก 1 และ 3 ถนนกำแพงเพชร 3 แขวงจตุจักร เขตจตุจักร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวัน เวลา 04.30-21.00 น.https://goo.gl/maps/CFJPxGFAhzw

 4 สวนในกรุง ใกล้รถไฟฟ้า อ่านเพิ่มเติม

ทุ่งดอกหญ้าคา หอดูสัตว์หนองผักชี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่

เตรียมชุด เตรียมกล้องให้พร้อม แล้วไปถ่ายรูปกับทุ่งหญ้าที่เขาใหญ่กัน!! เรียกได้ว่าเป็นจุดถ่ายรูปที่มาแรงแซงทุกแห่งเลย สำหรับทุ่งหญ้าคา ณ อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ที่ปีนี้หลาย ๆ คนต่างเดินทางไปเที่ยวและถ่ายรูปสวย ๆ ลงโซเชียลกันเพียบ จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปถ่ายรูปกันก็คือบริเวณหอดูสัตว์หนองผักชี โดยบริเวณนี้เป็นลานโล่งกว้าง สุดลูกหูลูกตา มีร่มไม้ใหญ่ให้คอยหลบร้อน บางมุมมีเนินเขาเตี้ย ๆ ที่ถ่ายรูปออกมาแล้วดูมีมิติ สวยสุด ๆ ไปเลย ช่วงเวลาที่แนะนำคือ ช่วงเช้าเวลาประมาณ 06.30-10.00 น. และช่วงเย็นประมาณ 16.00-18.00 น. แสงกำลังสวยและอากาศกำลังดีเลย ปกติแล้วหญ้าคาบริเวณนี้จะออกดอกเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ปลายเดือนพฤษภาคม ไปจนถึงเกือบ ๆ ปลายเดือนกรกฎาคม แต่จะมีดอกเยอะหรือดอกน้อยแตกต่างกันไปในแต่ละปีนะ ข้อสำคัญที่ต้องทำตามและตระหนักถึงเลยก็คือ ห้ามเดินไปบริเวณโป่งดินโดยเด็ดขาด เพราะโป่งดินเป็นแหล่งอาหาร แหล่งแร่ธาตุที่สำคัญของสัตว์ต่าง ๆ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งสะสมเชื้อโรคและสัตว์มีพิษต่าง ๆ อีกด้วย ฉะนั้น ควรเที่ยวและถ่ายรูปเฉพาะบริเวณที่ทางอุทยานฯ กำหนดไว้ให้เท่านั้นนะ ค่าบริการนักท่องเที่ยวชาวไทยเด็ก 20 บาท | ผู้ใหญ่ 40 บาทผู้สูงอายุและผู้พิการ ไม่เสียค่าบริการเข้าอุทยานฯ ค่าบริการนักท่องเที่ยวชาวต่างชาติเด็ก 100 บาท | ผู้ใหญ่ 200 บาท (รวมถึงผู้สูงอายุและผู้พิการ) ค่าบริการประเภทยานพาหนะรถจักรยานยนต์ คันละ 20 บาทรถยนต์ 4 ล้อ คันละ 30 บาทรถยนต์ 6 ล้อ คันละ 100 บาทรถยนต์ มากกว่า 6 ล้อ แต่ไม่เกิน 10 ล้อ คันละ 200 บาท หมายเหตุ– บัตรที่ซื้อ 1 ใบ สามารถใช้แสดงการเข้า – ออกอุทยานแห่งชาติฯ ภายในวันเดียวกันเท่านั้น– เด็ก คือ บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 14 ปี– ผู้ใหญ่ คือ บุคคลที่มีอายุ 14 – 60 ปี– ผู้สูงอายุ คือ บุคคลที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป– ผู้พิการ คือ บุคคลที่มีบัตรผู้พิการหรือผู้ที่ประจักษ์โดยสายตาว่ามีสภาพพิการ โดยให้แสดงบัตรประจำตัวประชาชนพร้อมบัตรประจำตัว คนพิการเพื่อเป็นหลักฐานยืนยันตน หอดูสัตว์หนองผักชีhttps://maps.app.goo.gl/4jKMbgmoZT5tN3GL8 เวลาเปิดอุทยาน: 06:00 – 18:00 น. ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร : 08 6092 6529 (08.30-16.30 น.)

ทุ่งดอกหญ้าคา หอดูสัตว์หนองผักชี อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ อ่านเพิ่มเติม

ป้อมพระจุลจอมเกล้า สมุทรปราการ

ป้อมพระจุลจอมเกล้า (ป้อมพระจุล) สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นปราการด่านแรกในการปกป้องกรุงสยามจากการรุกรานทางเรือ ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ตำบลแหลมฟ้าผ่า อำเภอพระสมุทรเจดีย์ จังหวัดสมุทรปราการ ความพิเศษของป้อมพระจุล คือ เป็นป้อมที่ออกแบบและก่อสร้างตามแบบตะวันตก ผสมผสานเทคโนโลยีการทหารที่ล้ำสมัย มีการติดตั้งปืนใหญ่อาร์มสตรองขนาด 152 มม. จำนวน 7 กระบอก ซึ่งนับเป็นปืนใหญ่ที่มีประสิทธิภาพสูงสุดในยุคนั้น และตั้งอยู่บนทำเลที่ตั้งบริเวณแหลมโค้งริมแม่น้ำเจ้าพระยา เหมาะแก่การยิงโจมตีเรือข้าศึกที่แล่นผ่าน ย้อนไป 131 ปีที่แล้ว ในวันที่ 13 กรกฎาคม 2436 เกิดวิกฤตการณ์ ร.ศ. 112 ป้อมพระจุลมีบทบาทสำคัญในการต่อสู้กับฝรั่งเศส โดยยิงปืนใหญ่ถล่มเรือรบฝรั่งเศสจนได้รับความเสียหาย นำไปสู่การยุติข้อพิพาทเขตแดนริมฝั่งซ้ายแม่น้ำโขงที่ยืดเยื้อมากว่าทศวรรษ ปัจจุบัน ป้อมพระจุลจอมเกล้าขึ้นตรงกับฐานทัพเรือกรุงเทพ และได้รับการบูรณะให้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์  เปิดให้ประชาชนทั่วไปเข้าชม มีสถานที่น่าสนใจ ดังนี้– พระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวในฉลองพระองค์ชุดจอมทัพเรืองามสง่า พระหัตถ์ทรงกระบี่ปกปักษ์แผ่นดินไทย– พิพิธภัณฑ์ จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของป้อมพระจุล เหตุการณ์สำคัญทางประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของชาวปากน้ำ– เรือรบหลวงแม่กลอง เรือรบที่ประจำการยาวนานที่สุดในกองทัพเรือไทย– จุดชมวิว สามารถชมวิวแม่น้ำเจ้าพระยา และทิวทัศน์โดยรอบ– เส้นทางเดินป่าศึกษาธรรมชาติ– ร้านอาหารสวัสดิการ การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว : ใช้เส้นทางถนนสุขสวัสดิ์ ตรงยาวไปจนถึงป้อมพระจุลจอมเกล้า รถสาธารณะ : นั่งรถ BTS มาลงที่สถานีปากน้ำ เดินไปที่ตลาดปากน้ำ นั่งเรือข้ามฟากไปฝั่งพระสมุทรเจดีย์ จากนั้นต่อรถจักรยานยนต์รับจ้างหรือแท็กซี่ไปยังป้อมพระจุลจอมเกล้าเวลาเปิด-ปิด : เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-18.00 น.พิกัด : https://maps.app.goo.gl/hHYiYQNLBzf8gTk48

ป้อมพระจุลจอมเกล้า สมุทรปราการ อ่านเพิ่มเติม

เยาวราช ย่านสีสันแห่งกรุงเทพฯ

หลังจากที่บัดดี้เห็นภาพทีเซอร์และ MV เพลง ROCKSTAR จากค่าย LLOUD ของลิซ่าแล้ว บอกได้เลยว่าตื่นเต้นมาก เพราะใน MV มีการถ่ายทำที่ถนนเยาวราช ซึ่งมีการเปิดเผยว่าทีมงานได้ถ่ายทำในช่วงเวลาตี 2 เป็นเวลา 3 วัน ก่อนที่จะปล่อยเพลงเต็มในวันที่ 28 มิ.ย. 2567 ที่ผ่านมานี้ เวลา 07.00 น. วันนี้บัดดี้ขออุ่นเครื่องโดยการนำภาพบรรยากาศกลางคืนสวย ๆ ของย่านเยาวราชและร้านอาหารบางร้านที่บัดดี้เคยไปทั้งช่วงกลางวันและกลางคืนมาแชร์กับเพื่อน ๆ และหากใครมีร้านไหนที่อยากแนะนำบัดดี้หรือเพื่อน ๆ ก็สามารถโพสต์บอกได้เลยในช่องคอมเมนต์ ร้านเอี๊ยะแซ กาแฟโบราณร้านนี้เหมือนสภากาแฟย่อม ๆ เพราะจะมีอากงอาม่ามานั่งพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ที่สำคัญเปิดมานานกว่า 90 ปีแล้ว ทางร้านยังคงเสิร์ฟกาแฟแบบโบราณมาจนถึงปัจจุบัน นอกจากกาแฟโบราณ ทางร้านก็มีอีกหลายเมนูเครื่องดื่มสุดคลาสสิกอย่างโอเลี้ยง โอวัลตินและน้ำสมุนไพรอย่างเก๊กฮวย กระเจี๊ยบให้สั่งอีกด้วย 103, 105 ถ. เยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 เปิดทุกวันเวลา 04.00-19.00 น. 0 2221 0549https://maps.app.goo.gl/z7HRTxHryPS58ZUu9 ร้านไท้เฮงข้าวมันไก่ร้านอาหารเก่าแก่อีกร้านของย่านเยาวราชที่เปิดมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2463 ตัวร้านตั้งอยู่ในซอยเยาวราช 8 ตรงข้ามกับวัดบำเพ็ญจีนพรต (วัดย่งฮกยี่) โดยตัวร้านจะมี 2 ฝั่ง คือ ฝั่งสำหรับนั่งกิน กับฝั่งทำอาหาร เมนูชูโรงของทางร้านคือข้าวมันไก่ ตัวข้าวมันเม็ดเรียงสวย กลิ่นหอม ไก่ดูภายนอกเหมือนจะแห้ง แต่พอชิมแล้ว เนื้อนุ่มชิ้นใหญ่ไม่กระด้าง กินได้เต็มปากเต็มคำ น้ำจิ้มเต้าเจี้ยวรสหวานเปรี้ยว โดยมีราคาเริ่มที่จานละ 40 บาทเท่านั้น หากใครไม่อยากกินข้าวบัดดี้ขอแนะนำสุกี้ ซึ่งทางร้านก็ทำได้อร่อยไม่แพ้กัน ซอยเยาวราช 8 ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น. (หยุดวันอาทิตย์) 02 222 6791https://maps.app.goo.gl/XiSEYGahj5dL3ykx5 กู่หลงเปาตัวร้านตั้งอยู่ใกล้ ๆ แยกหมอมี โดยซาลาเปาร้านนี้เป็นสูตรโบราณที่คงความดั้งเดิมมากว่า 90 ปี แถมยังปั้นด้วยมือทุกลูก แป้งซาลาเปาของร้านนี้จะผสมมันเทศเข้าไปด้วย ทำให้มีความเหนียวหนึบ กินแล้วเศษแป้งไม่ติดฟัน มีไส้หมูสับไข่เค็ม ถั่วหวานงา เผือกกวนเเละหมั่นโถว ราคาเริ่มต้นที่ 20 บาท/ลูก 660, 662 ถ.เจริญกรุง แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. (หยุดวันอาทิตย์) 09 5797 5747https://maps.app.goo.gl/Qo2W2auRS7hXWTcv8 ปาเฮ่าเถียนมี่ พุดดิ้งร้านของหวานในใจที่หลายคนโดนตกจากเมนูพุดดิ้งในสไตล์จีน พุดดิ้งที่ร้านมีหลายแบบให้เราเลือกกินตามความชอบ วัตถุดิบที่นำมาเป็นท็อปปิงก็หาได้ในย่านเยาวราช ไม่ว่าจะเป็น ชา ใบบัวบก งาดำ หมูหย็อง เก๋ากี้ เป็นต้น 8 ถ.ผดุงด้าว แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 เปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น. 09 7995 4543https://maps.app.goo.gl/tbFRwxhw98ghYGXh6

เยาวราช ย่านสีสันแห่งกรุงเทพฯ อ่านเพิ่มเติม

ตรัง ยุทธจักรความอร่อย 3 วัน 2 คืน

“ตรัง” ดินแดนแห่งอาหารเลิศรส ขึ้นชื่อเรื่องความอร่อยไม่แพ้จังหวัดอื่น ๆ ในภาคใต้ อาหารตรังมีเอกลักษณ์เฉพาะตัว ผสมผสานวัฒนธรรมไทย จีน และมลายู กลายเป็น “ยุทธจักรความอร่อย” ที่รอให้เหล่านักชิมต้องมาลิ้มลอง บัดดี้ชวนเที่ยวตามรอย 9 มื้อเด็ดเสร็จที่ตรัง นำเสนอแผนการเดินทางท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน พาตะลุยแหล่งท่องเที่ยวดังรวมทั้งร้านเด็ด อิ่มอร่อยจุใจ มากกว่าความอร่อย ตรังยังมีเสน่ห์ดึงดูดนักท่องเที่ยวด้วยธรรมชาติอันงดงาม วัฒนธรรมท้องถิ่นที่หลากหลายผู้คนยิ้มแย้มแจ่มใส มาสัมผัสประสบการณ์ “ยุทธจักรความอร่อย” ที่จังหวัดตรังแล้วคุณจะหลงรัก เส้นทางท่องเที่ยวที่ ททท. สำนักงานตรังแนะนำ หากต้องการสอบถามข้อมูลหรือคำแนะนำเพิ่มเติมสามารถติดต่อได้ที่ ททท. สำนักงานตรังพื้นที่รับผิดชอบ : ตรังที่อยู่ 330/3 ถ.ห้วยยอด อ.เมืองฯ จ.ตรัง 92000โทร. 0 7521 5867, 0 7521 1058, 0 7521 1085Facebook : ททท.สำนักงานตรัง : TAT Trang อาหารเมืองตรัง กินได้หลากหลาย ติ่มซำมีให้เลือกมากมาย ชวนชิมร้านดั้งเดิม ร้านเขียวโอชา ร้านภาสินีติ่มซำ 2 ร้านตรังหมูย่าง ร้านจีบขาว ร้านเฉินเจีย ติ่มซำ คาเฟ่ เป็นต้น สถานีรถไฟกันตังเป็นรถไฟสายชุมทางทุ่งสง-กันตัง สถานีรถไฟสุดทางฝั่งอันดามัน อดีตเคยเป็นท่าเรือสำคัญ ใช้รับส่งสินค้ากับต่างประเทศ ตัวอาคารเป็นอาคารไม้ชั้นเดียว ทาสีเหลืองสลับน้ำตาล หลังคาทรงปั้นหยา ปัจจุบันสถานีรถไฟกันตัง ไม่ได้ให้บริการเดินรถไฟแล้ว แต่ยังคงเป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยม สามารถมาเรียนรู้ประวัติศาสตร์ ถ่ายภาพบรรยากาศ ชมสถาปัตยกรรมได้ ถ้ำมรกต เป็นดินแดนแห่งความลับ ตั้งอยู่บนเกาะมุก ขึ้นชื่อเรื่องหาดทรายขาว น้ำทะเลสีมรกตและแสงอาทิตย์ส่องผ่านโพรงถ้ำ ข้อควรระวัง ห้ามนักท่องเที่ยวเข้าชมถ้ำมรกตในช่วงคลื่นลมแรง ควรสวมเสื้อชูชีพก่อนลงเล่นน้ำ เกาะกระดาน ได้รับการยกย่องให้เป็นชายหาดที่สวยที่สุดในโลก ในปี พ.ศ. 2566 ตั้งอยู่บนเกาะห้า หาดทรายขาวละเอียด น้ำทะเลใสสีมรกต และแนวปะการังที่อุดมสมบูรณ์ สามารถดำน้ำดูปะการัง ว่ายน้ำ อาบแดด เดินเล่น พายเรือคายัก บนเกาะมีบริการที่พัก ตุ๊กตุ๊กหัวกบ เป็นเสน่ห์เมืองตรัง นักท่องเที่ยวสามารถเหมารถเที่ยวรอบเมือง ไปชมจุดไฮไลต์ต่าง ๆ เช่น วงเวียนปลาโลมา สตรีตอาร์ตเมืองตรัง หอนาฬิกา จุดชมวิว สถานีรถไฟเมืองตรัง ควรตกลงราคาก่อนเดินทาง

ตรัง ยุทธจักรความอร่อย 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

ฟาร์มเอ๋ย ฟาร์มรัก เที่ยวสายกรีนไม่ไกลกรุง

บัดดี้ขอนำเสนอ แหล่งท่องเที่ยวแบบสวนแบบฟาร์มที่ไม่ไกลกรุง ที่จะมอบความอิ่มใจจากธรรมชาติ ที่เกิดความรักและสามัคคีให้เพื่อน ๆ ได้รู้จัก ลองตามมาอ่านกันว่าฟาร์มเอ๋ย ฟาร์มรัก วันนี้มีที่ไหนบ้าง 1. ฟาร์มลุงรีย์ลุงรีย์ เจ้าของฟาร์มเกษตรในกรุงเทพฯ ที่มีไม่มากนัก สิ่งที่น่าสนใจของฟาร์มลุงรีย์มีทั้งโรงเรือนปลูกผักห้องปลูกเห็ดสายพันธุ์มิลค์กี้ คอนโดไส้เดือนสำหรับย่อยเศษอาหารเพื่อใช้เป็นปุ๋ยให้กับต้นไม้ โรงเลี้ยงสัตว์ระบบปิด ที่มีทั้ง หมู เป็ด ไก่และเต่า ภายในฟาร์มลุงรีย์ มีการใช้เทคโนโลยีระบบ Smart Farm แพลตฟอร์มฟาร์มอัจฉริยะแบบ 4.0 เชื่อมต่ออินเตอร์เน็ต ให้มาช่วยกำหนดความชื้น ความเข้มแสง ระบบน้ำอัตโนมัติ เพื่อให้ได้ผลผลิตคุณภาพดีและประหยัดเวลาได้ดีสุด ๆ นอกจากนี้ ที่นี่ยังมีร้านคาเฟ่เล็ก ๆ “Lessplasticable” ที่จำหน่ายสินค้าเพื่อลดการใช้พลาสติก เช่นของใช้และน้ำยาต่าง ๆ แบบรีฟิล เพื่อน ๆ สามารถเตรียมภาชนะจากบ้านไปเติมได้เลย แถมที่นี่ยังมีอุปกรณ์อย่าง Bio Trash ที่เป็นการแยกขยะ กำจัดเศษอาหารให้กลายเป็นปุ๋ยใส่ต้นไม้ด้วยการนำเศษอาหารใส่กับตัวสตาร์ทเตอร์หมักไว้ประมาณ 45 วันก็นำมาใช้งานได้แล้ว สำหรับใครที่สนใจทำกิจกรรม Workshop การปลูกผัก สามารถติดต่อล่วงได้เลย เพราะที่นี่รับจำนวนจำกัดต่อวัน ฟาร์มลุงรีย์19/31 ซอยเพชรเกษม 46 แยก 11 แขวงบางด้วน เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯฟาร์ม เปิดวันอาทิตย์ เวลา 10.00-12.00 น.ร้านอาหาร เปิดวันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น.06 1414 5242, 09 6654 2654https://maps.app.goo.gl/pb8kKsVsH6ba7Bn99 2. ริเช่ฟาร์ม (Riche’ Farm) จ.ชัยนาทเป็นวิสาหกิจชุมชนของ จ.ชัยนาท มีทั้งที่พักและแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรบนเนื้อที่โดยรวมกว่า 107 ไร่ ที่พักมีทั้งแบบเป็นบ้านหลังใหญ่ เป็นห้องแยกและแบบพูลวิลล่า พร้อมกิจกรรมมากมายให้ทำภายในฟาร์มแห่งนี้ เช่นการเดินเล่นในฟาร์ม ขับรถ ATV ปั่นจักรยาน ปลูกผักและกิจกรรม DIY ต่าง ๆ ด้านหน้าของฟาร์ม มีคาเฟสวย ๆ อย่าง ร้านกาแฟ 168 Riche Farm ร้านประจำของฟาร์มที่นำผลผลิตจากฟาร์มมาทำจำหน่าย มีขายทั้งขนม อาหาร ผักผลไม้ปลอดสารพิษ น้ำเคลปั่น Welcome Drink ที่กินแล้วสดชื่นมาก ไม่มีกลิ่นหรือรสชาติของผักอยู่เลย ใครไม่กินผักกินแก้วนี้ได้ 100% ใกล้ ๆ กันมีสวนครูเอียด ที่มีของว่างอร่อย ๆ ผลไม้ตามฤดูกาลให้กิน ช่วงที่บัดดี้ไปมีเมี่ยงคำที่อร่อยมาก ๆ แถมยังมีมะยงชิดลูกโต ๆ ชมพู่หวาน ๆ กรอบ ๆ ให้อีกด้วยหากใครแวะมาที่ริเช่ฟาร์ม อย่าลืมแวะมาที่นี่กันด้วยล่ะ (สามารถแจ้งที่ริเช่ฟาร์มได้เลย ว่าจะไปสวนครูเอียด ทางฟาร์มจะพาไป) หมู่ที่ 1 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. 06 1979 7254, ททท.สำนักงานลพบุรี โทร. 0 3677 0096-7https://maps.app.goo.gl/q2ziqBTwxPAzVasUA 3. ไร่อารีย์โรจน์ จ.ชัยนาทอารีย์โรจน์ฟาร์ม ปัจจุบันเป็นฟาร์มที่มีร้านอาหารกึ่งคาเฟตั้งอยู่ โดยพี่โอ๋ เจ้าของไร่อารีย์โรจน์บอกกับบัดดี้ว่า จุดเริ่มต้นคือการทำขนมปังให้ลูกกินตอนเช้า ต่อมาเพื่อนลูกอยากให้ทำขายเลยเริ่มจากการพรีออเดอร์และขยับขยายขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นแบบที่เห็นในปัจจุบัน นอกจากโทสต์ต่าง ๆ และโชคุปังทำแบบวันต่อวันที่อร่อยมาก ๆ แล้ว ที่นี่ยังมีอาหารที่รสชาติดีมาก ๆ และผลไม้ที่ทางไร่ปลูกเอง อย่างช่วงที่บัดดี้ไปมีมะม่วงขาวนิยม อร่อยจนอยากจะซื้อกลับไปเยอะ ๆ เลยล่ะ โดยที่นี่เปิดแค่วันเสาร์-อาทิตย์และจะหยุดทุกสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน ต.บ้านเชี่ยน อ.หันคา จ.ชัยนาท 17130 เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น. (หยุดทุกสัปดาห์ที่ 3 ของเดือน) 08 1532 3956https://maps.app.goo.gl/XURNuQWCycnDs2qEA 4. ไออุ่นขุนเขา ออร์แกนิกฟาร์มสเตย์ จ.ราชบุรีฟาร์มเกษตรอินทรีย์ในรีสอร์ตที่ตั้งอยู่ท่ามกลางหุบเขา ดื่มด่ำไปกับวิวสวย ๆ พร้อมร่วมทำกิจกรรมปลูกผัก ผลไม้และเลี้ยงสัตว์แบบอินทรีย์แบบครบวงจร นอกจากกิจกรรมที่บัดดี้ได้บอกไปตอนข้างต้น ที่นี่เพื่อน ๆ ยังสามารถชมฟาร์มองุ่นและมัลเบอร์รี่ และเรียนรู้กระบวนการทำงานภายในฟาร์ม ไปจนถึงขั้นตอนการแปรรูปผลผลิตจากฟาร์มแห่งนี้ รวมไปถึงการอุดหนุนสินค้าอินทรีย์จากกลุ่มเกษตรอินทรีย์ร่มเย็นได้อีกด้วย อ.สวนผึ้ง จ.ราชบุรี เปิดทั้งวัน 08 1685 8329https://maps.app.goo.gl/4ZE8ywtdptGZu5TF6 5. บ้านสวนพาฝัน (The Story of Coconut at Ban Phaeo) จ.สมุทรสาครคาเฟริมน้ำลับ ๆ กลางสวน ที่มีบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบาย เนื่องจากตั้งอยู่กลางสวนมะพร้าวที่ล้อมรอบด้วยคลองสองห้อง ทำให้คาเฟแห่งนี้มีกิมมิคที่ไม่เหมือนใคร คือ นักท่องเที่ยวจะต้องนั่งเรือหางยาวเพื่อเข้ามายังคาเฟเท่านั้น โดยสามารถจอดรถได้ที่วัดหนองสองห้อง และขึ้นเรือจากท่าวัดหนองสองห้องมายังคาเฟซึ่งใช้เวลาเพียง 1 นาทีเท่านั้น ภายในร้านแบ่งพื้นที่ออกเป็น 2 โซน คือ โซน Indoor และ โซน Outdoor มีอาหารคาวหวาน รวมถึงเครื่องดื่มสูตรเฉพาะพร้อมเสิร์ฟให้แก่ผู้มาเยือน เช่น ซี่โครงหมูอบโรสแมรี่ ไก่ทรอปิคอลล่องเรือ สลัดพาฝันกุ้งยูซุ กาแฟมะพร้าว สาคูมะพร้าวนมสด ชีสเค้กทุเรียน และเมนูอื่น ๆ อีกมากมายที่รอให้ทุกคนมาลิ้มลองด้วยตัวเอง สำหรับนักท่องเที่ยวที่อยากมาสัมผัสบรรยากาศร่มรื่นใกล้กรุงเทพ หากจะเดินทางในวันหยุดสุดสัปดาห์ หรือวันนักขัตฤกษ์

ฟาร์มเอ๋ย ฟาร์มรัก เที่ยวสายกรีนไม่ไกลกรุง อ่านเพิ่มเติม

โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี

วันนี้บัดดี้จะมานำเสนอสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่มีความสวยงามและยิ่งใหญ่ ที่หลายคนอาจไม่เคยรู้และไม่เคยไปมาก่อน อย่าง “เมืองโบราณศรีมโหสถ” เป็นเมืองโบราณสมัยทวารวดีขนาดใหญ่ มีลักษณะเป็นรูปไข่หรือสี่เหลี่ยมผืนผ้ามุมมน มีคูเมืองและคันดินกำแพงเมืองล้อมรอบคูน้ำ ภายในเมืองมีโบราณสถาน เนินดิน สระน้ำ บ่อน้ำ กระจายอยู่ทั่วเมืองกว่า 100 แห่ง มีเนื้อที่ประมาณ 742 ไร่ เชื่อว่าเป็นพื้นที่ที่มีคนอยู่อาศัยมาตั้งแต่ยุคก่อนประวัติศาสตร์ และเริ่มมีพัฒนาการเป็นบ้านเมืองในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-12  หรือราว 1,500 ปีมาแล้ว สิ่งที่พบภายในเมืองโบราณแห่งนี้ส่วนมาก จะมีความเกี่ยวข้องกับศาสนาพราหมณ์หรือฮินดู ทั้ง เทวาลัย ศิวลึงค์ ภาพสลัก ไปจนถึงเครื่องปั้นดินเผาและของใช้ในชีวิตประจำวัน ในวันนี้ บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาดูโบราณสถานในเมืองโบราณศรีมโหสถ ที่บัดดี้ได้มีโอกาสไปมาดังนี้ 1. โบราณสถานหมายเลข 22 (เทวสถานพระคเณศ) เป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพพระคเณศองค์ใหญ่ ขนาด 170 เมตร มีแท่นฐานขนาดใหญ่ถึง 200 ตารางเมตร พบหลักฐานว่า ที่นี่เป็นศาสนสถานที่มีอายุไม่น้อยกว่า 800 ปี 2. โบราณสถานสระมรกต ภายในมีรอยพระพุทธบาทคู่สมัยทวารวดี สลักบนพื้นศิลาแลงธรรมชาติลักษณะเหมือนจริง ถือเป็นรอยพระพุทธบาทคู่ที่เก่าแก่ที่สุดในเมืองไทย มีการค้นพบผังอโรคยศาลาในสมัยพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 ทางด้านทิศตะวันออกมีบารายขนาดใหญ่ ปัจจุบันเป็นสระบัวที่มีความสวยงาม 3. โบราณสถานสระแก้ว ตั้งอยู่นอกเมืองศรีมโหสถไปทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ มีสระน้ำศักดิ์สิทธิ์โบราณขนาดใหญ่ขุดลงไปในชั้นของศิลาแลงธรรมชาติ มีจุดขึ้นลง 2 จุด ผนังขอบสระทุกด้านมีการแกะสลักภาพนูนต่ำเป็นรูปสัตว์ต่าง ๆ  เช่น ช้าง สิงห์ หมู กินรี งูพันเสา มกร (มะกะระ หมายถึง มังกร) สันนิษฐานว่าเป็นสระน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาของกษัตริย์เมืองศรีมโหสถอายุราวพุทธศตวรรษ ที่ 10-11 ต่อมาน้ำในบ่อใช้ในพิธีพระบรมราชาภิเษกของพระมหากษัตริย์ ค่าบริการ เข้าชมฟรี บ้านโคกวัด ต.โคกปีบ อ.ศรีมโหสถ จ.ปราจีนบุรี เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น.

โบราณสถานเมืองศรีมโหสถ จังหวัดปราจีนบุรี อ่านเพิ่มเติม

ONE HAPPY GREENERY DAY @ วิสาหกิจชุมชนบ้านบางโรง จ.ภูเก็ต

วันนี้บัดดี้จะมาแนะนำแหล่งท่องเที่ยวใน จ.ภูเก็ต “วิสาหกิจชุมชนบ้านบางโรง” ที่มีกิจกรรมให้คนที่แวะไปเที่ยวที่นี่ได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชาวชุมชนที่มีเสน่ห์ ธรรมชาติสวย ๆ และได้กินของอร่อย ๆ ในสไตล์ออร์แกนิก รวมถึงได้ทราบถึงแกนหลักของชุมชนที่ต้องการให้การมาเยี่ยมเยียนของนักท่องเที่ยวมีความเข้าใจถึงการอยู่กับธรรมชาติได้อย่างมีความสุขและยั่งยืน เอาล่ะ…ลองตามมาดูว่าบัดดี้จะนำเสนอรายละเอียดอะไรในชุมชนนี้บ้าง วิสาหกิจชุมชนบ้านบางโรง เป็นชุมชนเก่าแก่บนเกาะภูเก็ตที่ตั้งอยู่ระหว่างภูเขาและทะเลที่เคยเป็นศูนย์กลางการปกครองที่มีชื่อว่า เมืองถลางบางโรง ในอดีตเกือบ 200 กว่าปีที่แล้ว ชาวบ้านส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิม ประกอบอาชีพประมงพื้นบ้าน ทำสวนและรับจ้างทั่วไป ด้วยความที่หมู่บ้านแห่งนี้มีทรัพยากรที่หลากหลายและมีความอุดมสมบูรณ์ จึงมีการรวมกลุ่มและจัดกิจกรรมท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ “ท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบางโรง” และได้รับรางวัลชุมชนดีเด่นจากการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยประจำปี 2553 (รางวัลกินรี) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย สำหรับกิจกรรมในชุมชนบ้านบางโรง มีหลายกิจกรรมให้เลือกทำ ทั้งกิจกรรมเรียนรู้ป่าชายเลน ชมสวนสับปะรดภูเก็ต จิบชาสับปะรด ชมสวนผลไม้และสวนผักออร์แกนิก ชมฟาร์มแพะ เพ้นท์กระเป๋าผ้าปาเต๊ะ เรียนรู้การกรีดยางวิถีชาวบ้าน ชมสาธิตการทำยางแผ่น ชิมอาหารพื้นถิ่นที่ครัวชุมชนบ้านบางโรง สอยมะพร้าวมาทำขนมโค ทำขนมบัวลอย นอกจากนี้ เพื่อน ๆ ยังสามารถเดินทางไปชม น้ำตกบางแป น้ำตกขนาดเล็กที่มีน้ำไหลชุ่มฉ่ำตลอดปี ใกล้กันกับทางเดินไปน้ำตก เป็นที่ตั้งของสถานอนุบาลชะนี “โครงการคืนชะนีสู่ป่า” โครงการที่ตั้งขึ้นเพื่อศึกษาและเรียนรู้พฤติกรรมของชะนีรวมไปถึงฟื้นฟูสภาพร่างกายและจิตใจของชะนีที่ถูกจับมาเลี้ยง จนพร้อมคืนสู่ป่า กิจกรรมเพ้นท์กระเป๋าผ้าปาเต๊ะ ชมสวนสับปะรดภูเก็ต จิบชาสับปะรด สามารถทดลองและซื้อผลิตภัณฑ์แปรรูปจากสับปะรดได้ เรียนรู้การกรีดยางวิถีชาวบ้านและชมสาธิตการทำยางแผ่น กิจกรรมสอยมะพร้าวมาทำขนมโค ที่นี่ เพื่อน ๆ สามารถมาเที่ยวได้ทั้งแบบวันเดย์ทริปและค้างคืน มีโฮมสเตย์ของชาวบ้านให้บริการ แต่ต้องติดต่อล่วงหน้า 90/17 หมู่ 3 ป่าคลอก อ.ถลาง จ.ภูเก็ต เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น. 08 4270 8378 (พี่นก), 09 4714 8707 (บังหมาด)https://maps.app.goo.gl/eVZGDxAT6RUR1RUY9

ONE HAPPY GREENERY DAY @ วิสาหกิจชุมชนบ้านบางโรง จ.ภูเก็ต อ่านเพิ่มเติม

Miracle of Natural ชวนเที่ยวสวนไม้เมืองหนาว จังหวัดระยอง

เที่ยวฤดูไหนก็คงจะยังไม่ฟินเท่าช่วงที่อากาศเย็นสบาย แต่ช่วงที่อากาศร้อน สลับกับฝนตก เราก็มีสถานที่ให้เพื่อน ๆ หนีมาเพลิดเพลินกับบรรยากาศในโดมสวนดอกไม้เมืองหนาวที่คงอุณหภูมิต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียสได้ตลอดทั้งปีที่  Miracle of Natural สวนไม้เมืองหนาวในโดมขนาดใหญ่ ในจังหวัดระยอง จากกรุงเทพฯ เราออกเดินทางตอนเช้า ใช้เวลา 2-3 ชั่วโมงก็จะถึง เลี้ยวรถเข้ามาภายในพื้นที่บริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด แล้วตรงไปตามป้ายไปที่ อาคารนิทรรศน์พรรณพฤกษา PTTLNG (Flora Exhibition Hall) พาไปชมดอกไม้เมืองหนาวแห่งภาคตะวันออก ถูกออกแบบเป็นทรงโดมกระจกขนาดใหญ่ อยู่ที่บริเวณชั้น 1 จัดแสดงพันธุ์ไม้ดอกและไม้ประดับหลากหลายชนิด สามารถเจริญเติบโตได้ในพื้นที่สภาพอากาศที่เย็น ซึ่งภายในโดมแห่งนี้ควบคุมอุณหภูมิอยู่ที่ต่ำกว่า 20 องศาเซลเซียส ดอกไม้หลัก ๆ ของที่นี่คือดอกทิวลิป มีสีสันหลากหลายมากมายกว่า 40,000 ต้น แถมยังมีความหมายที่ลึกซึ้งอีกด้วย นอกจากนี้ยังมีแปลงดอกไฮเดรนเยียหลากสี และมีดอกไม้อื่น ๆ ที่จัดแสดงร่วมกันก็จะเป็นดอกไม้ที่นำมาเปลี่ยนหมุนเวียนไปตามฤดูกาล โดยสามารถติดตามอัปเดตดอกไม้ของแต่ละเดือนที่หน้าเพจ Miracle of Natural หลายคนอาจจะแปลกใจว่าทำไมบริษัท พีทีที แอลเอ็นจี จำกัด ถึงมีสวนดอกทิวลิปในอาคารสำนักงาน แถมยังใช้อุณหภูมิต่ำซึ่งเทียบกับการเปิดแอร์ก็คงจะใช้กำลังไฟไปมากทีเดียว แต่ในความเป็นจริงแล้ว ความหนาวเย็นภายในโดมแห่งนี้ใช้ความเย็นที่เหลือทิ้งจากกระบวนการแปรสภาพของก๊าซธรรมชาติเหลว (Liquid Natural Gas) นำมาใช้ประโยชน์เพื่อปรับสภาพอากาศภายในอาคารให้หนาวเย็นได้ตลอดเวลา และที่นี่ยังเปิดให้เข้าชมฟรี สายคอนเทนต์ เช็กอินถ่ายรูป สามารถเข้าเยี่ยมชมที่นี่ได้อย่างเพลิดเพลิน ในกรณีที่ถ่ายรูปเชิงพาณิชย์ ต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าเพื่อดำเนินการตามขั้นตอนของทางสถานที่ก่อน และขอความร่วมมือไม่จับ เด็ด หรือหักดอกไม้ในสวน เพราะจะทำให้ดอกไม้สวย ๆ ช้ำได้ ถ้าอยากได้กลับบ้าน ที่นี่มีตู้จำหน่ายดอกไม้ด้วย ไปเลือกซื้อกันได้ และเนื่องจากว่าสวนดอกไม้แห่งนี้อยู่ภายในอาคารสำนักงาน จึงมีพนักงานของที่นี่เดินเข้าออกตามปกติ และขอความกรุณาเพื่อน ๆ ไม่ส่งเสียงดังรบกวนภายในพื้นที่กันด้วยนะ ใครที่มาเที่ยวระยองในวันที่สภาพอากาศไม่เต็มใจ เพื่อน ๆ สามารถปักหมุดมาเที่ยวคลายร้อนที่นี่ได้ตามพิกัดนี้ https://maps.app.goo.gl/s7rXnzHeBipqhRK36 เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.30-16.30 น. (ปิดวันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)

Miracle of Natural ชวนเที่ยวสวนไม้เมืองหนาว จังหวัดระยอง อ่านเพิ่มเติม

ดอยอินทนนท์ หน้าฝน…ก็น่าเที่ยว

หน้าฝนปีนี้ บัดดี้อยากชวนเพื่อน ๆ มาเที่ยว “ดอยอินทนนท์” ลองมาสัมผัสกับบรรยากาศชุ่มฉ่ำ ผืนป่าสีเขียวขจี และอากาศเย็น ๆ ซึ่งถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของการมาเยือนที่นี่ช่วงหน้าฝนกันค่ะ อากาศบนดอยค่อนข้างหนาวเย็น อุณหภูมิเลขหลักสิบต้น ๆ มีลมเบา ๆ สลับกับหมอกบาง ๆ และละอองน้ำจากความชื้นอากาศเย็นจนหนาว บัดดี้เลยต้องหยิบเสื้อกันหนาวที่พกติดตัวกันมาสวมใส่กันหนาวเลยทีเดียว ดอยอินทนนท์ตั้งอยู่ในพื้นที่รับผิดชอบของอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ อำเภอจอมทอง จังหวัดเชียงใหม่ เดิมมีชื่อว่า “ดอยหลวง” หรือ “ดอยอ่างกา” เป็นยอดดอยที่สูงที่สุดในประเทศไทย จึงทำให้ที่นี่มีอากาศหนาวเย็นตลอดทั้งปี เป็นที่ตั้งสถานีเรดาร์ของกองทัพอากาศไทยและประดิษฐานสถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เจ้าผู้ครองนครเชียงใหม่องค์ที่ 7 จากจุดเริ่มต้นบนยอดดอยอินทนนท์ มีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเข้าไปกราบไหว้สถูปเจ้าอินทวิชยานนท์ เดินชมธรรมชาติรอบ ๆ ตามทางเดินไม้ท่ามกลางสายหมอกจาง ๆ ตลอดเส้นทาง สามารถแวะถ่ายรูปตรงหมุดหลักฐานจุดสูงสุดแดนสยาม เมื่อเดินมาจนสุดเส้นทางจะเจอศูนย์ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยว ซึ่งภายในจัดแสดงนิทรรศการเรื่องราวของดอยอินทนนท์ ความรู้ทางภูมิศาสตร์ ชีววิทยา ป่าไม้ และสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่บนดอยฯ ซึ่งบางชนิดหาดูได้เฉพาะที่นี่ที่เดียวเท่านั้นในเมืองไทย บัดดี้ยังได้เดินสำรวจเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอ่างกา ไฮไลต์ที่ไม่ควรพลาดของการมาเยือนยอดดอยแห่งนี้ ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้ระบบนิเวศป่าต้นน้ำ อยู่ห่างออกมาศูนย์ประชาสัมพันธ์นักท่องเที่ยวประมาณ 50 เมตร เส้นทางนี้มีลักษณะเป็นวงกลม ระยะทางประมาณ 320 เมตร ซึ่งไมเคิล แมคมิลแลน วอลซ์ นักสัตววิทยาและอาสาสมัครชาวแคนาดาประจำอุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์เป็นผู้สำรวจและออกแบบเส้นทาง ต่อมาได้รับการปรับปรุงเส้นทางเป็นทางเดินไม้ยกระดับที่กลมกลืนไปกับธรรมชาติ มีป้ายสื่อความหมายอยู่เป็นระยะ ๆ ตลอดเส้นทาง ใช้เวลาเดินประมาณ 30-60 นาที ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายแต่ละคน กลางผืนป่าอ่างกายังเป็นแอ่งน้ำซับลักษณะเป็นพรุ สภาพป่าเป็นป่าดิบเขาเขตร้อน ประกอบด้วยพรรณไม้เขตอบอุ่นผสมกับเขตร้อน พืชที่อาศัยเกาะติดต้นไม้ ซึ่งพรรณไม้เด่นที่พบเห็นเป็นจำนวนมาก ได้แก่ ข้าวตอกฤๅษี กุหลาบพันปี ช่วงหน้าฝน…ที่นี่จะปกคลุมไปด้วยผืนป่าสีเขียวขจี เมื่อเดินลึกเข้าไปข้างในจะมีละอองน้ำที่เกาะตามกิ่งไม้ ใบไม้ปลิวหล่นลงมากระทบร่างกายให้ความสดชื่น บางครั้งก็มีสายหมอกและลมเย็น ๆ พัดผ่าน เดินเล่นถ่ายรูปไปเพลิน ๆ หยุดเก็บภาพความประทับใจและหยุดพักฟังเสียงร้องของนกนานาชนิดที่อาศัยอยู่ท่ามกลางธรรมชาติอันสมบูรณ์ เป็นเสน่ห์ตามธรรมชาติที่เพื่อน ๆ ไม่ควรพลาดเมื่อมาเที่ยวดอยอินทนนท์ช่วง Green Season นี้ อัตราค่าบริการเข้าอุทยานฯชาวไทย ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 30 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 150 บาท ด่านที่ 1 เปิดตลอด 24 ชั่วโมง | ด่านที่ 2 เป็นบริเวณยอดดอยและจุดชมวิว เปิดเวลา 05.00-18.00 น. สอบถามข้อมูล อุทยานแห่งชาติดอยอินทนนท์ โทร. 0 5328 6729https://goo.gl/maps/r5ogn7HF9nnCk3af9

ดอยอินทนนท์ หน้าฝน…ก็น่าเที่ยว อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top