เพื่อนร่วมทาง

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน

วันนี้บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ หนีความร้อนมาชมความงามของโลกใต้น้ำ โดยการพาเที่ยวพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำในหลาย ๆ ที่ในไทย หากวันหยุดนี้ใครว่างและกำลังหาที่เที่ยวแบบหลบแดดแล้ว ยังได้ความรู้และความเพลิดเพลิน ลองตามมาอ่านดูว่าใกล้ที่ไหนแล้วลองตามรอยบัดดี้ดู เชื่อได้เลยว่าต้องชอบใจแน่ ๆ สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำภูเก็ตเป็นสถานที่แสดงพันธุ์สัตว์น้ำ หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวขึ้นชื่อด้านการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่งในจังหวัดภูเก็ตมากว่า 30 ปี ภายในมีการจัดแสดงพันธุ์สัตว์นํ้าที่สวยงาม หลากหลาย บางชนิดหาดูยากมาก ภายในแบ่งเป็น 5 โซนใหญ่ ที่มีทั้งโซนจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำจืด น้ำเค็ม เส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมวิวทะเลแหลมพันวา โรงเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ บ่อเลี้ยงเต่าทะเลฝั่งอันดามันและเรือจักทอง เรือสำรวจทะเลลึกที่สามารถจุคนได้ถึง 100 คน ค่าเข้าชม– ชาวไทยผู้ใหญ่ 80 บาทเด็ก 40 บาท– ชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 300 บาทเด็ก 150 บาท 51 หมู่ 8 ถนนศักดิเดช ตำบลวิชิต อำเภอเมืองภูเก็ต จังหวัดภูเก็ต เปิดทุกวันเวลา 08.30–16.30 น (ปิดจำหน่ายบัตร เวลา 16.00 น.) 0 7639 1126https://maps.app.goo.gl/u8MGnQvXA2yqqJUN Chiang Mai Zoo Aquarium สถานที่รวบรวมปลาน้ำจืดแห่งลุ่มแม่น้ำโขงและสิ่งมีชีวิตใต้ทะเล มีอุโมงค์ใต้น้ำขนาดใหญ่ ยาว 133 เมตร ที่แบ่งเป็นอุโมงค์ทะเลและอุโมงค์น้ำจืดอย่างละครึ่งภายใต้ความลึก 5 เมตร ภายในแบ่งจัดแสดงเป็น 6 โซนโซน 1 สำรวจลุ่มน้ำในป่าลึกสำรวจป่านานาพรรณพร้อมศึกษาระบบนิเวศริมน้ำและสำรวจสัตว์น้ำจืดตามแหล่งกำเนิด โซน 2 สัตว์ประหลาดนักล่าร่วมผจญภัยในถ้ำ ไม่เพียงแต่ชมการจัดแสดงสัตว์เลื้อยคลานในร่มที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย แต่ยังมีแมงมุมทารันทูรา กบต้นไม้ตาแดง ตะกอง กบชะง่อนผาเขียว สัตว์สายพันธุ์ที่พบแค่พื้นที่บริเวณดอยอินทนนท์ ดอยสุเทพและพื้นที่ใกล้เคียงเท่านั้น โซน 3 สำรวจห้วงสมุทรชมระบบนิเวศชายฝั่งและเรื่องราวของม้าน้ำ ปลาไหลชนิดต่าง ๆ ปลาฉลามกบพร้อมไข่ของมัน ที่ปัจจุบันที่แดนเหนือแห่งนี้มีลูกฉลามกบกว่า 100 ตัวแล้ว โซน 4 ความลึกลับใต้ลุ่มน้ำอุโมงค์น้ำจืดที่จำลองชีวิตลุ่มน้ำโขง พร้อมปลาน้ำจืดหายากจากทั่วโลก โซนที่ 5 แปลกประหลาดอย่างน่าอัศจรรย์บ้านของปลามีพิษ ที่จะบอกเล่าเรื่องราวและข้อมูลสุดมหัศจรรย์ของแต่ละตัว แถมยังมีปลาไหลมอเรย์และส่วนจัดแสดงพิพิธภัณฑ์กระดูกปลาจำลองอีกด้วย โซนที่ 6 โลกสีครามใต้ท้องทะเลบอกเล่าเรื่องราวของชีวิตใต้ทะเล ที่มีการจำลองระบบนิเวศใต้ทะเลที่หลากหลาย ทั้งโซนปลาเศรษฐกิจของไทย โซนปลานักล่าและโซนปลาสวยงามตามแนวปะการัง ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 250 บาทเด็กอายุ 3-12 ปี 80 บาท 100 ถนนห้วยแก้ว ตำบลสุเทพ อำเภอเมืองเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ เปิดทุกวันเวลา 08.30-17.00 น. 0 5408 1775https://maps.app.goo.gl/cuWo7YdiBgxrN9yK7 อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ อุโมงค์ปลาบึงบอระเพ็ด อาคารแสดงพันธุ์สัตว์น้ำบึงบอระเพ็ด เฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา เป็นอาคารรูปทรงเรือกระแชงขนาดใหญ่ ภายในมีอุโมงค์ปลาน้ำจืดที่ยาวถึง 24 เมตร มีตู้ปลาที่จัดแสดงปลาน้ำเค็ม ปลาจากต่างประเทศที่หาดูยากมากกว่า 33 ตู้ นอกจากการชมปลาในตู้แล้ว ที่นี่ยังมีการแสดงจระเข้ กิจกรรมล่องเรือรอบบึงบอระเพ็ดเพื่อดูนกนานาชนิด มีจุดส่องนกรอบเรือ ชมปลากระเบนราหูยักษ์ ปลาน้ำจืดขนาดใหญ่ที่พบในบึงบอระเพ็ดและปลาเสือตอลายใหญ่ สัตว์น้ำจืดที่มีถิ่นกำเนิดอยู่ในประเทศไทยที่ปัจจุบันคาดว่าได้สูญพันธุ์ไปจากแหล่งน้ำธรรมชาติประเทศไทยแล้ว ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 49 บาทเด็ก 19 บาทการแสดงจระเข้ผู้ใหญ่ 30 บาทเด็ก 20 บาท ตำบลแควใหญ่ อำเภอเมืองนครสวรรค์ จังหวัดนครสวรรค์ วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.30 – 16.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00–16.30 น. 0 5627 4522 สายด่วน โทร. 1131https://maps.app.goo.gl/62KofhQfp16xKBLo6 พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำหว้ากอ หนึ่งในพิพิธภัณฑ์ทางทะเลชื่อดังแห่งนี้ ตั้งอยู่ในโซนอ่าวคลองวาฬ มีการจัดวางและแบ่งโซนการจัดแสดงภายในได้ดีและสวยงามมาก สามารถเรียนรู้ระบบนิเวศใต้ทะเล น้ำกร่อย น้ำจืดและทำความรู้จักสิ่งมีชีวิตหลากชนิดได้อย่างเพลิดเพลิน ภายในแบ่งเป็น 6 โซนด้วยกันคือโซนอัศจรรย์โลกสีคราม โซนจากขุนเขาสู่สายน้ำ โซนสีสันแห่งท้องทะเล โซนเปิดโลกใต้ทะเล โซนพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำและโซนกิจกรรมปฏิบัติการ แถมยังมีกิจกรรมนั่งรถรางนำชมทัศนียภาพรอบพิพิธภัณฑ์อีกด้วย ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 50 บาทเด็กที่มีความสูง 90-135 เซนติเมตร 30 บาทเด็กที่มีความสูงไม่เกิน 90 เซนติเมตร พระภิกษุ สามเณร ผู้สูงอายุ ผู้พิการ ผู้ด้อยโอกาส และผู้อยู่ในความดูแลของสถานสงเคราะห์ต่างๆ เข้าชมฟรี อุทยานวิทยาศาสตร์พระจอมเกล้า ณ หว้ากอ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เปิดทุกวันเวลา 09.00-16.00 น. 0 3266 1098, 0 3266 1726 ต่อ 0https://maps.app.goo.gl/Qo3PnWH1o7cwTtth7 สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเทศบาลเมืองร้อยเอ็ด สถานที่จัดแสดงและให้ความรู้เกี่ยวกับปลาและสัตว์น้ำจืดชนิดต่าง ๆ ประกอบด้วยอาคาร 2 หลัง หลังแรกเป็นทั้งสำนักงาน ห้องโถง ห้องบรรยาย และห้องนิทรรศการให้ความรู้เกี่ยวกับปลา สัตว์น้ำจืดและอุปกรณ์จับปลา อาคารหลังที่ 2 แบ่งเป็น 2 ส่วน ชั้นล่างจัดแสดงพันธุ์สัตว์น้ำ ภายในมีการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์ มีตู้ปลาขนาดเล็กรอบอาคาร 24 ตู้ และเป็นอุโมงค์แก้วให้เดินชมปลาใต้น้ำได้ ชั้นบนจะเป็นบ่อพักน้ำและแหล่งสำรองพันธุ์สัตว์น้ำ โดยปลาทั้งหมดที่นำมาจัดแสดง จะเป็นปลาจากแม่น้ำโขง แม่น้ำชีและแม่น้ำมูล ที่นี่ไม่เก็บค่าธรรมเนียมในการเข้าชม หากใครอยากช่วยเหลือจะเป็นการให้บริจาคค่าอาหารสัตว์น้ำแทนที่ตู้บริจาคแทน

รวมพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ ชวนเที่ยวหลบร้อน อ่านเพิ่มเติม

ชมประติมากรรมพระพุทธรูปหินลาวาที่ยิ่งใหญ่และงดงาม ณ วัดถ้ำกระบอก จังหวัดสระบุรี

บรรยากาศรายล้อมไปด้วยภูเขา มีพื้นที่กว้างขวาง ประดิษฐานกลุ่มพระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งหล่อด้วยหินสีดำ ซึ่งเป็นหินในบริเวณนั้นมาหลอมด้วยความร้อนสูงจนละลายเปรียบเสมือนกับลาวา แล้วจึงนำมาหล่อรูปเป็นพระพุทธรูปองค์ต่าง ๆ ที่ปรากฏ ในอิริยาบถที่แตกต่างกัน เพื่อน ๆ ที่เดินทางมาเยี่ยมชมที่นี่ สามารถขึ้นมากราบสักการะกันได้นะ  วัดถ้ำกระบอก เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายทั้งในไทยและต่างประเทศว่าเป็นสำนักสงฆ์ที่ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2500 โดย หลวงพ่อจำรูญ หลวงพ่อเจริญ และแม่ชีเมี้ยน รวมถึงคณะสงฆ์กลุ่มหนึ่ง ที่ธุดงค์มาพบถ้ำกระบอกแห่งนี้ ดูแล้วเงียบสงบ เหมาะสมแก่การปฏิบัติกิจของสงฆ์ ต่อมาภายหลังจึงได้ก่อตั้งสำนักสงฆ์ขึ้นที่บริเวณแห่งนี้โดยมีชาวบ้านถวายที่ดินให้แก่คณะสงฆ์ และอีก 3 ปีต่อมา ได้เปิดให้เป็นสถานบำบัดผู้ป่วยติดสารเสพติด โดยการนำหลักพุทธธรรมเป็นเครื่องนำทางให้แก่ผู้บำบัดที่มาด้วยความสมัครใจและหวังว่าจะกลับไปเริ่มต้นชีวิตใหม่ หลังจากได้รับการบำบัดอย่างสมบูรณ์แล้ว พระอาจารย์จำรูญ ยังได้รับรางวัล “แมกไซไซ” สาขาบริการสาธารณะ ในปี พ.ศ. 2518 อีกด้วย แม้ปัจจุบันท่านจะละสังขารไปแล้ว แต่สำนักสงฆ์แห่งนี้ก็เดินตามรอยของหลวงพ่อจำรูญอย่างมั่นคงตลอดมา การเดินทาง จากกรุงเทพมหานคร ใช้เส้นทางมุ่งหน้าจังหวัดสระบุรี แล้วมุ่งหน้าต่อไปยังจังหวัดลพบุรี ช่วงก่อนเข้าตัวอำเภอพระพุทธบาท ทางซ้ายมือจะมีป้ายวัดถ้ำกระบอก ให้เลี้ยวเข้ามาตามทางจนถึงวัด ก็จะพบกับพระหินลาวา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง ตำบลขุนโขลน อำเภอพระพุทธบาท จังหวัดสระบุรีhttps://goo.gl/maps/WgVRLEXeKESzPRWd8

ชมประติมากรรมพระพุทธรูปหินลาวาที่ยิ่งใหญ่และงดงาม ณ วัดถ้ำกระบอก จังหวัดสระบุรี อ่านเพิ่มเติม

 รวมร้านอาหารและคาเฟ่ ในตัวเมืองลพบุรี

มาเที่ยว “ลพบุรี” นอกจากจะมีดีเรื่องสถานที่ท่องเที่ยวที่หลากหลายแล้ว ยังมีของกินมากมาย อาหารเลิศรสให้เพื่อน ๆ ได้เลือกไปอิ่มท้องกันได้หลายร้าน บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ไปปักหมุดพิกัดร้านอาหารและคาเฟ่น่าสนใจ ชิมอาหารอร่อย ในตัวเมืองลพบุรีกัน มัดหมี่อาหารไทย ลพบุรี ร้านอาหารไทย-พวน ร้านเล็ก ๆ ชื่อดังแห่งนี้ เปิดมาราว ๆ 30 ปี ตั้งอยู่หัวมุมในซอยพระศรีมโหสถ ก่อนเลี้ยวเข้าซอยก็จะเห็นป้ายชื่อร้าน เลี้ยวตามป้ายเข้าไปได้เลย จริง ๆ แล้ว ในพื้นที่จังหวัดลพบุรีนั้น มีชาวไทยที่มีเชื้อสายลาวพวนตั้งถิ่นฐานอยู่ด้วยเช่นกัน ดังนั้น วัฒนธรรมรวมถึงอาหาร ก็จะได้รับอิทธิพลมาไม่น้อย เอกลักษณ์เฉพาะตัวของอาหารชาวพวนนั้น จะใช้วัตถุดิบหลักคือปลาร้าต้มสุก สะอาด ผสมผสานเข้ากับอาหารไทยได้อย่างลงตัว จัดลงจานได้น่ากิน แถมยังขึ้นชื่อว่ารสชาติดีอีกด้วย เมนูไหนจัดว่าเด็ด บัดดี้ก็จัดมาชิม ไม่ว่าจะเป็น… แกงคั่วเห็ดเผาะปลากราย น้ำแกงเข้มข้นเขาถึงกะทิ รสหวานนำ เห็ดเผาะซึ่งเป็นวัตถุดิบที่หายาก ราคาสูงและต้องทำให้สะอาด แต่ทางร้านมัดหมี่นั้นก็เสิร์ฟได้อย่างอร่อยในราคาจับต้องได้ ปลาส้มฟักทอด อีกหนึ่งเมนูแนะนำ เนื้อสัมผัสคล้ายหมูยอ รสเปรี้ยวนำ กินกับเครื่องเคียงแล้วเข้ากินสุด ๆ ไข่เค็มผัดพริกขิงปลาดุกฟู นี่ก็เป็นอีกหนึ่งเมนูแนะนำ น้ำพริกแห้งกินกับข้าวสวยร้อน ๆ ทอปด้วยไข่เค็ม ตักกินเพลิน ๆ เลย เลขที่ 10 ถนนพระศรีมโหสถ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เปิดทุกวัน เวลา 10.30-20.00 น. (ร้านหยุดเป็นบางวัน สามารถติดตามได้ที่หน้าเพจ) 0 3661 2387https://maps.app.goo.gl/JHrLDVKCi1xzJv9q9 Kouign.Lopburi โฮมคาเฟ่ที่พึ่งเปิดตัวไปไม่กี่เดือนก่อน ตั้งอยู่ในซอยด้านหลังหมู่บ้านเทพราชนคร มีที่จอดรถด้านหน้าร้าน เดินเข้ามาภายในร้าน รู้สึกสบายตาด้วยโทนสีขาว ตกแต่งเรียบง่ายสมเป็นโฮมคาเฟ่ มีที่ให้นั่งทั้งแบบ Indoor และ Outdoor มีมุมถ่ายรูปสวย ๆ เยอะมาก ทางร้าน เสิร์ฟทั้งเมนู Specialty coffee ซึ่งเป็นเมล็ดกาแฟที่คั่วเอง มีทั้งเมล็ดกาแฟที่เป็นผลผลิตในไทยและจากต่างประเทศ ส่วนใครไม่ดื่มกาแฟ ก็มีทั้งชา น้ำผลไม้ และขนมให้เลือกอีกหลายชนิด แถมยังเป็นขนมที่อบเองอีกด้วย หากได้มาลองแล้วจะติดใจ ซอยท่าศาลา 18/18 ตำบลท่าศาลา อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เปิดเวลา 08.00-17.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 08 6525 8330https://maps.app.goo.gl/gNQLpqEfdZ6bB7ud8 อ๊ะ อ๊ะ ข้าวหมูทอดลพบุรี ไม่อยากคิดเยอะว่าจะกินอะไรดี ลองเมนูง่าย ๆ อร่อย ๆ ที่ร้านนี้เลย เสิร์ฟจานหลักเป็นอาหารจานเดียวหลายอย่าง ทั้งข้าวหมูทอด หมูสามชั้นทอด ไก่ทอด และยังมีเมนูเสริม ไม่ว่าจะเป็น ไข่ต้ม ไข่ตุ๋น ไข่ชะอม ทอดมัน ปลาทู แกงส้ม แถมแต่ละเมนูเริ่มต้นในราคาหลักสิบ บอกเลยว่าถูกใจสายกินจุ เพราะที่นี่ เติมข้าวไม่อั้น ผักไม่หวง แต่ตักไปแล้วกินให้หมด เพื่อช่วยกันลดจำนวนขยะจากอาหารเหลือทิ้งกันด้วยนะ ร้านตั้งอยู่ตรงข้ามกับประตูทางเข้า-ออกมหาวิทยาลัยราชภัฏเทพสตรี ฝั่งซอยคนบาง เลขที่ 283 หมู่ 1 ถนนนารายณ์มหาราช ตำบลทะเลชุบศร อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. 08 0604 7549https://maps.app.goo.gl/gNQLpqEfdZ6bB7ud8 ครัวบ้านเสื่อ หากใครชอบกินเมนูอาหารป่า รสชาติเด็ด บัดดี้แนะนำที่ร้านอาหารครัวบ้านเสื่อ อยู่โซนนอกเมืองออกไปประมาณ 15 นาที ตั้งอยู่ริมแม่น้ำลพบุรี บรรยากาศดี โดยเจ้าของร้านได้ย้ายกลับมาอยู่บ้านเกิดที่จังหวัดลพบุรี แล้วเปิดร้านอาหารภายในชุมชน ช่วยเสริมสร้างอาชีพให้กับผู้คนในชุมชน และวัตถุดิบส่วนใหญ่ก็เป็นของในพื้นที่โดยตรง มีหลากหลายสไตล์ ทั้งอาหารไทยพื้นบ้าน อาหารซีฟู้ด อาหารป่า เสิร์ฟเต็มรูปแบบ เรียกว่านิยมแบบไหนก็มีให้เลือกสั่งกัน แอบบอกก่อนว่าแต่ละจานนั้น ปริมาณไม่น้อยเลย ใครหิวจนตาลายต้องใจเย็น ๆ ก่อนสั่งกันนะ บัดดี้สั่งเมนู… ไก่บ้านอบปี๊บเตาถ่าน เนื้อนุ่ม ไม่เหนียว หอมกลิ่นฟาง กินคู่กับน้ำจิ้มเสริมรสชาติแล้วอร่อยมาก เมนูนี้ค่อนข้างใช้เวลาในการทำ ทางร้านแนะนำให้สั่งจองล่วงหน้า 1 วัน แกงส้มแป๊ะซะปลาช่อนนา เสิร์ฟมาในหม้อไฟร้อน ๆ ตอนพนักงานนำมาเสิร์ฟ บัดดี้ตกใจ เพราะปลาตัวใหญ่มาก อร่อย น้ำแกงส้มเข้มข้น กินแล้วสดชื่นสุด ๆ เต้าเจี้ยวหลน ใส่เนื้อหมูสับเต็มถ้วย เสิร์ฟคู่กับผักสดหลายชนิดให้เลือก กุ้งทอดซอสมะขาม อีกหนึ่งเมนูน่าสั่ง เพราะที่ร้านใช้กุ้งตัวโต ๆ ทอดกรอบ ๆ แล้วราดซอสมะขาม รสเปรี้ยวปลายหวาน อร่อยมาก เนื่องจากร้านเป็นที่นิยมมาก บางวันคนอาจจะเยอะ แนะนำให้เพื่อน ๆ โทรสอบถามล่วงหน้าด้วยนะ เลขที่ 8 หมู่ 5 ตำบลบางขันหมาก อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี เปิดเวลา 10.30-21.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 08 9165 5399https://maps.app.goo.gl/gNQLpqEfdZ6bB7ud8 ครัวไม้หอม Krua Mai Hom ร้านอาหารไทยตามตำรับโบราณที่รังสรรค์เมนูโดยคนรุ่นใหม่ที่เปิดร้านอาหารในบ้านเกิดของตน และเป็นที่รู้จักกันว่าหากมาลพบุรี ต้องมาแวะกินอาหารร้านนี้ ภายในร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์น เรียบ ๆ เท่ ๆ เสิร์ฟอาหารไทยโบราณทั้งต้ม ผัด แกง ทอด ซึ่งเป็นสูตรตกทอดมายังเชฟผู้ปรุงอาหารให้เราได้ชิม บัดดี้สั่งมาหลายเมนู มีทั้ง… แกงรัญจวน

 รวมร้านอาหารและคาเฟ่ ในตัวเมืองลพบุรี อ่านเพิ่มเติม

รวม 9 สถานที่มงคล เมืองชัยนาท

วันนี้บัดดี้จะมานำเสนอ 9 แหล่งท่องเที่ยวทางความเชื่อของ จ.ชัยนาท หนึ่งในจังหวัดที่มีชื่อเสียงเกี่ยวกับวัดและเกจิอาจารย์ ซึ่งสถานที่ที่บัดดี้ยกมาวันนี้ เป็นแค่ส่วนหนึ่งของหลาย ๆ ที่ในตัว จ.ชัยนาท เท่านั้น หากใครเป็นสายมู สายเที่ยววัด หรือหลงใหลในสถาปัตยกรรมความงามของสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ลองตามมาอ่านเนื้อหากัน ว่า 9 สถานที่ที่ว่า มีที่ไหนบ้าง วัดธรรมามูล สถานที่แรกที่บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ มาเยือน เป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองของชัยนาทมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ตั้งอยู่ที่เชิงเขาธรรมามูล ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดที่กษัตริย์แห่งราชวงศ์สุโขทัย (พระร่วง) หรือพระมหาธรรมราชาเป็นผู้สร้าง เนื่องจากมีการขุดพบพระพุทธรูปบูชาบรรจุอยู่ในองค์พระเจดีย์ที่พังลงมา และพระเครื่อง (พระร่วง) จำนวนมาก ภายในวิหารเป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อธรรมจักร พระพุทธรูปปางห้ามญาติศิลปะประยุกต์สมัยเชียงแสนตอนปลายถึงสุโขทัยตอนต้นผสมกับสมัยอยุธยา ยืนประทับบนฐานรูปดอกบัว เพื่อน ๆ สามารถมาขอพร ขอความเป็นสิริมงคลกันได้เลย 1 หมู่ 1 ต.ธรรมามูล อ.เมืองชัยนาท จ.ชัยนาท เปิดทุกวันเวลา 08.00-18.00 น.https://maps.app.goo.gl/yiDGsSEWsEb2kyak9 วัดป่าสัก อีกหนึ่งวัดดัง ที่เคยมีเกจิอาจารย์ขึ้นชื่อของ จ.ชัยนาท หลวงพ่อกำจัด สุจิตโต (พระครูสุจิตตสังวรคุณ) เป็นเจ้าอาวาส ที่นี่เปิดให้ผู้ศรัทธาเข้าไปกราบไหว้สรีรสังขารของท่านเพื่อความเป็นสิริมงคลได้ ใกล้ ๆ กันจะมีอุโบสถ ที่ทางเข้าจะมียักษ์สีเขียวและสีแดงเฝ้าประตูอยู่ ภายในมี “ตะกรุดมหารอด” ตะกรุดยักษ์ขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ทำจากทองเหลืองบริสุทธิ์ มีความเชื่อว่า ถ้าเดินลอดใต้ตะกรุด 3 รอบ สิ่งไม่ดีจะได้ถูกกำจัดออกไป ผู้ชายสามารถเดินขึ้นบันไดจากทางซ้าย เพื่อมุดตัวลอดอุโมงค์ตะกรุดด้านบนได้ 3 รอบ ต.หางน้ำสาคร อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น. 06 5001 2837https://maps.app.goo.gl/WokFXqR2QE88brsZA ศาลเจ้าพ่อกวนอูคุ้งสำเภา สถานที่ถัดมา เป็นศาลเจ้าจีนเก่าแก่ที่อยู่คู่กับชาวมโนรมย์มากว่า 200 ปี ทั้งซุ้มประตูไม้แกะสลักรูปตุ๊กตาชาวจีน ภาพเขียนและสีสันของศาลเจ้ายังสวยงามอยู่จนถึงปัจจุบันจากการดูแลอย่างดี ภายในศาลเจ้า เพื่อน ๆ จะพบเจ้าพ่อกวนอูที่แกะสลักจากไม้ พร้อม 2 องครักษ์ขนาบซ้ายขวา สามารถขอพรเกี่ยวกับการงาน คดีความ ขายที่ดิน การประกอบกิจการ ให้มีความก้าวหน้าเจริญรุ่งเรืองได้ ด้านหน้าศาลเจ้าพ่อกวนอูยังมี “เรือสำเภาทองยักษ์” อายุกว่า 70 ปี ถูกกู้ขึ้นมาจากแม่น้ำเจ้าพระยาช่วงสร้างเขื่อนเจ้าพระยา ก่อนจะนำมาบูรณะซ่อมแซมใหม่ด้วยไม้สักและทาสีทองใหม่ทั้งลำ เนื่องจากศาลเจ้าพ่อกวนอู ตั้งอยู่ในชุมชนคุ้งสำเภา เพื่อน ๆ สามารถเดินชมสตรีตอาร์ตตามอาคารบ้านเรือนได้ โดยภาพบนผนังจะบอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับธรรมชาติและวิถีชีวิตของชาวมโนรมย์ หากเหนื่อยก็สามารถนั่งพักที่ร้านอาหารและร้านกาแฟน่ารัก ๆ ตามถนนได้เลย 112 ม.4 ต.คุ้งสำเภา อ.มโนรมย์ จ.ชัยนาท เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.https://maps.app.goo.gl/3yMaHqQxVGeDwT2f9 วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) วัดเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 100 ปี มีพระเกจิอาจารย์ชื่อดังของภาคกลางอย่าง “หลวงพ่อกวย ชุตินฺธโร” เป็นเจ้าอาวาสรูปที่ 6 ช่วงปี พ.ศ. 2491-2522 ถือเป็นวัดที่ได้รับความนิยมจากทั้งผู้ศรัทธาและผู้แสวงหาโชคลาภมากที่สุดวัดหนึ่งในประเทศไทย เพื่อน ๆ สามารถกราบไหว้รูปหล่อหลวงพ่อกวยได้ทั้งที่ศาลาด้านหน้าและสรีรสังขารของหลวงพ่อกวยบริเวณอุโบสถด้านใน เพื่อให้ท่านช่วยคุ้มกันภัย แก้ดวงตก รอดพ้นอุปสรรคต่าง ๆ เสริมเรื่องหน้าที่การงาน โชคลาภ และสามารถนำน้ำมนต์ของทางวัดกลับไปได้ ทางวัดมีเพียงข้อห้ามเดียวคือ ห้ามนำวัตถุมงคล เครื่องรางของขลังทุกรูปแบบ มาทำพิธีหรือวางเพื่อปลุกเสกในทุกกรณี 18 บ้านแค หมู่ที่ 8 ต.บ้านขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เปิดทุกวันเวลา 08.00-17.00 น. 06 1283 5417https://maps.app.goo.gl/VXVSovXH5THCDLc7A วัดสกุณาราม (วัดนก) วัดเก่าแก่สมัยอยุธยา ที่ปัจจุบันมีการสร้างท้าวเวสสุวรรณองค์ใหญ่ไว้บริเวณหน้าวัด ที่นี่มีชื่อเสียงโด่งดังเรื่องเกจิอาจารย์ต้นตำหรับความคงกะพันหนังเหนียว หลวงปู่เอ้บ ธมฺมจาโร ที่ดังควบคู่มากับ หลวงพ่อกวย วัดโฆสิตาราม (วัดบ้านแค) หนึ่งสิ่งห้ามพลาดของที่นี่ ก็คือ โบสถ์มหาอุตม์ ที่มีตำนานว่า เป็นสถานที่ที่ขุนพันธ์ใช้นัดเจรจาทำข้อตกลงกับเหล่าเสือร้ายแถบนี้ เชื่อกันว่าโบสถ์มหาอุตม์เป็นแหล่งรวมพลัง เหมาะแก่การใช้ประกอบพิธีกรรมศักดิ์สิทธิ์ ระหว่างทำพิธีคนในห้ามออกคนนอกห้ามเข้า เพื่อจะได้รับพุทธคุณ ความขลัง เป็นสิริมงคล แคล้วคลาดปลอดภัย ให้กับคนที่เข้าร่วมพิธี ต.บางขุด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาทhttps://maps.app.goo.gl/gJpWd7CtgDERaFdd9 วัดธรรมิกาวาส (วัดคังคาว)  ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย เดิมเป็นวัดร้าง มีป่ายางสูง มีฝูงลิงอาศัยอยู่จำนวนมาก ต่อมาได้รับการบูรณะและเปลี่ยนชื่อเป็นวัดธรรมิกาวาส สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด คือ รูปหล่อหลวงพ่อเฒ่า (ปั้น) พระเกจิอาจารย์ที่มีชื่อเสียงของลุ่มแม่น้ำน้อย เชื่อกันว่าหากไปกราบไหว้ จะพ้นจากความทุกข์ร้อนที่มีทั้งปวง ในอุโบสถ มี “หลวงพ่อพระประธานใหญ่โต” พระประธานขนาดใหญ่ หากสังเกตที่มุมปากจะเห็นว่ามีเขี้ยวเล็ก ๆ โผล่ออก เชื่อกันว่า เป็นพญายักษ์ที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา ต.โพงาม อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาทhttps://maps.app.goo.gl/erz7sbSaRbo2Wj4d7 วัดทรงเสวย เป็นวัดที่ได้รับพระราชทานชื่อจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ขณะทรงเสด็จพระราชดำเนินเพื่อตรวจสอบลำน้ำเก่า ซึ่งชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจจัดเตรียมพระกระยาหารเพื่อนำไปถวาย พระองค์จึงโปรดให้เรียกวัดแห่งนี้ว่าวัดเสวย แต่ชาวบ้านได้เติมคำว่า “ทรง” เข้าไปด้วย จึงเป็นที่มาของชื่อนี้จนถึงปัจจุบัน ภายในบริเวณวัด มี “พิพิธภัณฑ์วัดทรงเสวย” ที่รวบรวมเครื่องมือเครื่องใช้โบราณ ไปจนถึงพระขรรค์ ตาลปัตรใบลาน ตะเกียงลาน เรือสำปั้น ป้านน้ำชา ของพระเจ้าบรมวงศ์เธอพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช พระโอรสองค์ที่ 75 ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว อีกหนึ่งสิ่งห้ามพลาดของวัด คือการกราบสักการะ หลวงปู่ย้อย เกจิวาจาสิทธิ์ และขอพรไอ้ส้มฉุน ศิษย์วัดทรงเสวย ที่หลวงปู่ย้อยรับมาเลี้ยงไว้ สายมูหลายคนพูดกันปากต่อปากว่าเก่งเรื่องบันดาลโชคในด้านการเงิน การงาน ให้แก่ผู้มาขอพร 63 หมู่

รวม 9 สถานที่มงคล เมืองชัยนาท อ่านเพิ่มเติม

 ติดเกาะ ติดใจ ไปเที่ยวเกาะสีชัง

อยากติดเกาะใกล้กรุง บัดดี้ขอแนะนำให้ไปที่ “เกาะสีชัง” จังหวัดชลบุรี อีกหนึ่งเกาะของฝั่งทะเลอ่าวไทย ที่ได้รับการโหวตจากนักท่องเที่ยวให้เป็น 1 ใน 25 แหล่งท่องเที่ยว Unseen New Chapters ของเมืองไทย ภายใต้ชื่อ เกาะแห่งรัก(ษ์)…ที่สีชัง เที่ยวได้ 365 วัน ไม่มีวันหยุดเลย เกาะสีชังนี้มีประวัติศาสตร์กว่า 100 ปี เพราะเคยเป็นสถานที่ประทับแปรพระราชฐานของพระมหากษัตริย์ไทยถึง 3 รัชกาล ได้แก่ รัชกาลที่ 4 รัชกาลที่ 5 และรัชกาลที่ 6 ที่นี่มีจุดชมพระอาทิตย์ที่สวยงาม สามารถมาชมได้ทั้งแสงเช้าและแสงเย็น มาเที่ยวแล้วจะได้รับประสบการณ์ที่หลากหลาย เพราะมีแหล่งท่องเที่ยว มีสิ่งอำนวยความสะดวกพร้อม อาหารอร่อย ผู้คนก็น่ารัก แถมบนเกาะยังมีกิจกรรมอนุรักษ์ปะการังอ่อน สัตว์น้ำ และการจัดการขยะอย่างยั่งยืนด้วย พร้อมแล้ว ออกเดินทางไปติดเกาะกัน 2 วัน 1 คืน….ไปกันเลยยยยย ตารางเดินเรือไปยังเกาะสีชัง– เส้นทางเกาะลอย ศรีราชา-เกาะสีชัง มีบริการตั้งแต่เวลา 07.00-18.00 น.– เส้นทางเกาะสีชัง-เกาะลอย ศรีราชา มีบริการตั้งแต่เวลา 06.45-18.00 น.*เรือออกทุก 1 ชั่วโมง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที💸 ราคา 50 บาทเรือ 1 ลำจุได้ 100-195 คน แล้วแต่ขนาดของเรือ☎️ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม– เรือนาวาโชคนำทรัพย์ โทร 06 2629 8915– เรือแสงประทีป โทร. 08 1781 9598 ( คุณจิ๋ม )(มีบริการเช่าเรือทั้งแบบไม้และแบบสปีดโบ้ต) Day 1เช่ารถจักรยานยนต์ รถสองแถวหรือรถสกายแล็ปเที่ยว ส่วนใครที่อยากพักผ่อน จิบกาแฟ ซื้อของที่ระลึก สามารถชอปปิงได้ที่ วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวโดยชุมชนเกาะสีชัง ชมประภาคารเกาะสีชัง อยู่ใกล้ท่าเทียบเรือมีสถาปัตยกรรมแบบเก๋งจีน สักการะ ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองของเกาะสีชัง ถ้าได้มาไหว้ติดต่อกัน 3 ปี จะสมปรารถนาในสิ่งที่ขอ สักกะระศาลเจ้าแม่กวนอิม มีความเชื่อกันว่าถ้าอยากให้รักสมหวังต้องมาขอกันที่นี่ ชมมณฑปรอยพระพุทธบาท จำลองจากพุทธคยา ประเทศอินเดีย ด้านบนสามารถชมวิวเห็นทะเลรอบเกาะได้ เที่ยวบริเวณช่องอิศริยาภรณ์ (ช่องเขาขาด) และหาดหินกลมชมพระอาทิตย์ตกได้สวยมาก Day 2 ชมพระอาทิตย์ขึ้นที่พระจุฑาธุชราชฐาน เกาะสีชัง พระราชวังบนเกาะแห่งเดียวในประเทศไทย มีสถานที่สำคัญต่าง ๆ อีกมากมาย เช่น สะพานอัษฎางค์ วัดจุฑาทิศธรรมสภารามวรวิหาร เรือนไม้ริมทะเล เป็นต้น เปิดบริการวันพุธ-อาทิตย์เวลา 09.00-17.00 น. (เรือนต่าง ๆ )เวลา 06.00-19.00 น. (พื้นที่รอบนอกอาคาร) ปิดพิพิธภัณฑ์วันจันทร์-วันอังคาร (เฉพาะเรือนต่าง ๆ)พิกัด https://maps.app.goo.gl/uVNK6VaKTpi2SJeQA ศูนย์เรียนรู้ธนาคารสัตว์ทะเลเกาะสีชัง ในพระราชูปถัมภ์ฯ เรียนรู้ร่วมกิจกรรมการฟื้นฟูทรัพยากรและระบบนิเวศชายฝั่ง ได้แก่ การขยายพันธุ์ปะการังอ่อน การปล่อยปูม้า ให้อาหารเต่าได้ แหลมถ้ำพังหรือแหลมจักรพงษ์ เป็นแหลมคล้าย ๆ แหลมพรหมเทพ ยื่นลงไปในทะเล มีจุดถ่ายสวย ๆ เมื่อเดินลงไปจากศาลาแหลมจักรพงษ์ จะมีช่องหิน หามุมยืนดีดี จะได้ภาพสวย ๆ มากมาย หากมีเวลาถามหาร้านปลาหมึกตากแห้งของชาวบ้านด้วยนะ อร่อยมาก ๆ งานเทศกาลและงานประเพณีที่น่าสนใจ– งานเทศกาลตรุษจีนและงานนมัสการเจ้าพ่อเขาใหญ่ (45 วันหลังเทศกาลตรุษจีน)– งานประเพณีสงกรานต์ “อุ้มสาวลงน้ำ” (18 เมษายน ของทุกปี)– งานวันรำลึก เกาะสีชัง (เดือนกันยายน)

 ติดเกาะ ติดใจ ไปเที่ยวเกาะสีชัง อ่านเพิ่มเติม

กราบขอพร “สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี” วัดโล่ห์สุทธาวาส จ.อ่างทอง

วันนี้บัดดี้จะพามาหนึ่งในวัดสำคัญของเมือง “อ่างทอง” ที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2403-2410 โดยนางโล่ห์ เศรษฐีนีของอ่างทอง แถมที่นี่ยังมีหลวงปู่โต พระอริยสงฆ์แห่งยุครัตนโกสินทร์ มาดูฤกษ์ยามเพื่อสร้างวัดนี้ขึ้นด้วยการนั่งจับยามสามตา ยิ่งใครเป็นสายมูบัดดี้ขอบอกเลยว่า ไม่ควรพลาดที่จะมาขอพรด้วยประการทั้งปวง หลังจากวัดแห่งนี้สร้างเสร็จ ชาวบ้านนิยมเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดยายโล่ห์” ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น “วัดโล่ห์สุทธาวาส” ซึ่งในช่วงนั้นคุณยายโล่ห์ ขออนุญาตสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี จัดสร้างรูปหล่อท่านั่งนับนิ้วหรือนั่งจับยามสามตา ซึ่งที่วัดแห่งนี้น่าจะเป็นที่เดียวที่มีการปั้นรูปหล่อขึ้นมา ขณะที่สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษียังมีชีวิตอยู่ ภายในวัด มีสิ่งศักดิ์มากมายให้กราบไหว้ โดยบัดดี้ขอเริ่มจากอุโบสถด้านล่าง ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและรูปหล่อสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี นั่งนับนิ้วหรือจับยามสามตา ตั้งอยู่บนบ่อน้ำมนต์ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งผู้มาเยือนสามารถนำน้ำมนต์กลับไปได้ ใกล้ ๆ กันจะเป็นห้องหุ่นขี้ผึ้งสมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังษี เกจิอาจารย์หลายรูปและพระพุทธรูปปางไสยาสน์อายุ 150 ปี สามารถกราบไหว้บูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล อาคารเสนาสนะ มีอุโบสถเป็นที่ประดิษฐานพระแก้วมรกตและพระบรมสารีริกธาตุ ชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธอนันตชินเป็นพระประธาน มีภาพจิตรกรรมฝาผนังพระพุทธประวัติ ชั้นล่างสามารถเดินลอดอุโบสถสวรรค์เพื่อความเป็นสิริมงคลได้ สำหรับสายโชคลาภ สามารถขอพรจาก “เจ้าชายกุมารเทพฤทธิ์ ” ได้เชื่อว่าสามารถมอบโชคลาภและความเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงาน ไปจนถึงการสอบเข้าทำงานต่าง ๆ ได้ดี ด้านข้างจะมีรูปภาพเสื้อผ้าของเจ้าชายในยุคร้อยกว่าปีก่อนให้ดูเปรียบเทียบกับชุดของเจ้าชายกุมารเทพฤทธิ์ด้วยนะ บริเวณลานจอดรถ จะมีศาลาย่าโล่ห์ ที่มีการสร้างรูปหล่อของยายโล่ห์ ผู้สร้างวัดและลูกสาวเอาไว้เพื่อเป็นเกียรติและให้ผู้คนมากราบไหว้บูชา นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีพระพิฆเนศ ท้าวเวสสุวรรณ เทพราหู ให้ผู้ศรัทธากราบไหว้บูชาอีกด้วย หากวันหยุดนี้ใครอยากหาสถานที่ที่เป็นที่พึ่งทางใจ ลองมาวัดนี้กันได้นะ วัดโล่ห์สุทธาวาส 41 ถนนเทศบาล 7 ต.ตลาดหลวง อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทอง 0 3561 1778, 0 3562 6366-7https://maps.app.goo.gl/k73iZfiU1gCi6mru9

กราบขอพร “สมเด็จพระพุฒาจารย์โต พรหมรังสี” วัดโล่ห์สุทธาวาส จ.อ่างทอง อ่านเพิ่มเติม

แพร่ ภาพเส้นทางท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน

“แพร่” จังหวัดเล็ก ๆ ทางภาคเหนือที่หลายคนอาจมองข้าม เพราะไม่คิดว่าจะมีแหล่งท่องเที่ยวหรือกิจกรรมท่องเที่ยวอะไรมากมาย แต่หากได้ลองมาสัมผัสแล้ว จะพบว่า “แพร่” เป็นเมืองน่าเที่ยวที่มีครบทั้งธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ และศิลปวัฒนธรรม วัดพระบาทมิ่งเมืองวรวิหาร วัดแห่งนี้เกิดจากการรวมวัดโบราณ 2 แห่งเข้าด้วยกัน คือ “วัดพระบาท” และ “วัดมิ่งเมือง” ภายในวัดประดิษฐาน “พระพุทธโกศัยศิริชัยมหาศากยมุนี” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดแพร่ และภายในวัดยังประดิษฐานพระพุทธรูปสำคัญ คือ “พระพุทธมิ่งขวัญเมือง” พระเจดีย์มิ่งเมือง และรอยพระพุทธบาทจำลอง ให้ประชาชนได้กราบไหว้สักการะ รวมทั้งเก็บรักษาพระคัมภีร์ปักด้วยไหม ซึ่งเป็นงานศิลปะอันทรงคุณค่า เนื่องจากอักขระทุกตัวปักด้วยไหมอย่างประณีต ที่ตั้ง : ถนนเจริญเมือง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ใกล้กับศาลากลางจังหวัดแพร่ (วงเวียนพรหมวิหารสี่)พิกัด : https://maps.app.goo.gl/L7HkLJuAZCFUjEWZ9 พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่คุ้มเจ้าหลวง สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2435 โดยเจ้าพิริยเทพวงศ์ เจ้าหลวงเมืองแพร่คนสุดท้าย เป็นฝีมือช่างชาวจีนและช่างพื้นบ้านตามแบบสถาปัตยกรรมไทยผสมยุโรปที่เรียกว่า “ทรงขนมปังขิง” มีความงดงามด้วยไม้ฉลุลวดลายอยู่โดยรอบตัว อาคารชั้นบนเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ มีรูปปั้นและห้องบรรทมของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ อาคารชั้นล่างเป็นห้องจัดแสดงมรดกภูมิปัญญาท้องถิ่น ข้าวของเครื่องใช้ตามธรรมเนียมประเพณีเจ้านายฝ่ายเหนือ ห้องว่าราชการ ห้องแสดงประวัติเจ้าหลวงและบุคคลที่เกี่ยวข้อง และยังมีชั้นใต้ดิน ห้องหนึ่งเป็นที่คุมขังทาส ส่วนอีกห้องคุมขังผู้มีความผิดขั้นลหุโทษ ห้องทั้งสองมีช่องพอให้แสงส่องเข้าไปได้บ้าง ส่วนห้องมืดใช้ขังผู้ที่ทำความผิดร้ายแรง อาคารแห่งนี้ได้รับพระราชทานรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น ประเภทอาคารสถาบันและสาธารณะจากสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี และจังหวัดแพร่ประกาศให้เป็นสถานที่ศึกษาด้านประวัติศาสตร์และเป็นแหล่งเรียนรู้ทางศาสนา ศิลปวัฒนธรรมของจังหวัดแพร่ เปิดทุกวัน 08.30-16.30 น.สอบถามข้อมูล โทร. 0 5452 4158ที่ตั้ง : ถนนคุ้มเดิม ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่ ตรงข้ามโรงเรียนนารีรัตน์พิกัด : https://maps.app.goo.gl/1N1HUFXC4ScwCn7k9 คุ้มวงศ์บุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2440 โดย “แม่เจ้าบัวถา” เพื่อมอบให้เป็นเรือนหอของคู่สมรสระหว่างเจ้าพรหมวงศ์พระถาง (หลวงพงษ์พิบูลย์) ผู้สืบเชื้อสายจากอดีตเจ้าหลวงนครแพร่ และเจ้าสุนันทา วงศ์บุรี ธิดาเจ้าบุรี ลักษณะเป็นบ้านไม้สักทองสองชั้นแบบยุโรปประยุกต์ (วิกตอเรียน) สีชมพูอ่อน หลังคาทรงปั้นหยาสองชั้น มีจุดเด่นอยู่ที่ลวดลายแกะสลักไม้เครือเถาหรือลาย “ขนมปังขิง” ตามจุดต่าง ๆ ของตัวอาคาร ซึ่งเป็นที่นิยมในสมัยรัชกาลที่ 5 ภายในตกแต่งด้วยข้าวของเครื่องใช้ประเภทเครื่องเงิน เครื่องแก้ว เครื่องปั้นดินเผา เครื่องเรือนไม้สักแกะสลัก พระพุทธรูปสมัยเชียงแสนและสมัยอู่ทอง รูปภาพที่สืบทอดกันมาหลายชั่วอายุคน เอกสารสำคัญที่หาชมได้ยากในปัจจุบัน เช่น สัญญาบัตร ที่ได้รับการโปรดเกล้าจากรัชกาลที่ 5 เอกสารการซื้อขายทาสที่มีอายุกว่า 100 ปี เอกสารการสัมปทานป่าไม้ ตั๋วรูปพรรณช้าง และตั๋วรูปพรรณโค เป็นต้น คุ้มวงศ์บุรีได้รับรางวัลอนุรักษ์ดีเด่นเมื่อปี พ.ศ. 2536 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำภาพยนตร์และละครหลายเรื่อง ทั้งยังรับจัดงานเลี้ยงประเภทขันโตกด้วย อัตราค่าเข้าชมคนละ 30 บาทเปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.(กรณีเข้าชมเป็นหมู่คณะและต้องการวิทยากรนำชม กรุณาติดต่อล่วงหน้า)สอบถามข้อมูล โทร. 08 1883 0546 ที่ตั้ง : เลขที่ 50 ถนนคำลือ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่พิกัด : https://maps.app.goo.gl/TyqH76NxNGWMUd2bA Slope Coffee บ้านเบ้ววว ร้านกาแฟที่ดัดแปลงมาจากบ้านไม้เก่า มีเอกลักษณ์โดดเด่นด้วยการสร้างด้วยไม้ทั้งร้านและตกแต่งสไตล์ล้านนา จากการที่ใช้บ้านเก่าดัดแปลงเป็นร้านกาแฟนั้น ทำให้พื้นของบ้านเบี้ยวเอียงเล็กน้อย จึงเป็นที่มาของชื่อ “ร้านกาแฟบ้านเบ้ววว” (Slope Coffee) ซึ่งคำว่า “เบ้ว” เป็นคำในภาษาเหนือแปลว่า “เบี้ยว” หรือ “เอียง” นั่นเอง บรรยากาศภายในร้าน มีที่นั่งหลากหลายมุม มีต้นไม้รายล้อมให้ความร่มรื่น มีมุมน่ารัก ๆ สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูป เปิดทุกวัน เวลา 08.30-18.00 น.ที่ตั้ง : 11/1 ถนนคำลือ ตรงข้ามวัดพงษ์สุนันท์ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่พิกัด : https://maps.app.goo.gl/tMtUdRp52pVVmW9G8 วัดพงษ์สุนันท์ เดิมชื่อ “วัดปงสนุก” เป็นวัดร้าง มีบันทึกว่าปี พ.ศ. 2472 ผนังวิหารได้พังทลายลงเพราะน้ำท่วม หลวงพงษ์พิบูลย์ (พรหมวงศ์พระถาง) และเจ้าสุนันทา วงศ์บุรี ได้เป็นผู้นำในการก่อสร้างวิหารขึ้นใหม่ และได้เปลี่ยนชื่อจากวัดปงสนุก เป็น “วัดพงษ์สุนันท์” สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด เช่น พระเจ้าแสนสุข พระพุทธรูปปางมารวิชัยอายุหลายร้อยปี เป็นพระประธานในพระอุโบสถ มีพระปางไสยาสน์ (พระนอน) องค์ใหญ่สีทองเหลืองอร่าม ประดิษฐานอยู่ริมกำแพงวัด ซุ้มประตูมงคล 19 ยอดและ วิหารแก้วองค์พระธาตุเจดีย์ 108 ยอด ล้อมรอบด้วยกำแพงลูกแก้วทั้งหมด 108 ลูก เมื่อมองผ่านลูกแก้วจะเห็นภาพกลับหัวของวิหารแก้วและองค์พระเจดีย์ ซึ่งเป็นภาพที่แปลกตาน่าชม ฯลฯ ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี จะมีประเพณีสรงน้ำพระบรมสารีริกธาตุและงานไหว้สาพระธาตุพงษ์สุนันท์มงคล ที่ตั้ง : บ้านพงษ์สุนันท์ ถนนคำลือ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่พิกัด : https://maps.app.goo.gl/nwgcychECzBrY4Fk9 ถนนคนเดินกาดกองเก่า ถนนคนเดินที่ชาวบ้านนำผลผลิตในท้องถิ่นมาวางขาย ประเภทอาหาร ผลไม้ ผักพื้นบ้าน เสื้อผ้า และข้าวของเครื่องใช้ในครัวเรือน มีทั้งแบบโบราณและแบบร่วมสมัย เปิดทุกวันเสาร์ เวลา 15.00 น. เป็นต้นไป ที่ตั้ง : ถนนคำลือ ตำบลในเวียง อำเภอเมืองแพร่ จังหวัดแพร่พิกัด :

แพร่ ภาพเส้นทางท่องเที่ยว 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยพิกัด ‘หลานม่า’ ย่านตลาดพลู

ภาพยนตร์ไทยชื่อดังที่กำลังมาแรง เรื่อง ‘หลานม่า’ เรื่องราวสุดซึ้งกินใจของ ‘อาม่า’ และ ‘เอ็ม’ เนื้อเรื่องดำเนินไปอย่างเรียบง่าย เผยให้เห็นบรรยากาศในย่านเก่าแก่อย่าง ’ตลาดพลู‘ เป็นย่านที่ใครหลาย ๆ คนน่าจะเคยได้ยินว่าเป็นถิ่นอร่อย มีร้านอาหารและของหวานขายอยู่หลายชนิด แต่ที่นี่ก็มีประวัติศาสตร์มาอย่างยาวนานด้วยเช่นกัน ตลาดพลูเป็นชุมชนที่มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ทั้งจีน และมุสลิม ซึ่งเป็นย่านเก่าแก่นับร้อยปี “ตลาดพลู” ถูกตั้งชื่อตามรูปแบบวิถีชีวิตของคนในสมัยนั้น โดยชาวมลายูทำสวนหมากและพลู ปลูกอยู่มากในแถบคลอง ตั้งแต่คลองสำเหร่ คลองบางสะแก และคลองบางน้ำชน ซึ่งเป็นคลองใกล้ ๆ กับตลาดพลู ในสมัยนั้นหมากและพลูได้รับความนิยมอย่างมาก ชาวสวนนำหมากและพลูมาวางขายริมคลอง จนเป็นศูนย์กลางของการค้าหมากพลู และกลายเป็นชื่อเรียกที่เข้าใจกันว่า ที่นี่คือ ‘ย่านตลาดพลู’ เล่าประวัติมาพอสังเขปแล้ว บัดดี้จะพาเพื่อน ๆ ไปตามรอยพิกัดในภาพยนตร์เรื่องหลานม่า พร้อมปักหมุดของอร่อย ๆ รสดีเด็ดให้เพื่อน ๆ จดลิสต์ไว้กัน สถานีรถไฟตลาดพลูเป็นสถานีที่ยังใช้งานอยู่ มีรถไฟวิ่งให้บริการทุกวัน สายวงเวียนใหญ่ – มหาชัย หากเพื่อน ๆ ต้องการเดินทางโดยรถไฟมาลงที่สถานีนี้ สามารถสอบถามตารางการเดินรถไฟได้ที่เบอร์ 1690 การรถไฟแห่งประเทศไทยบรรยากาศบริเวณสถานีรถไฟตลาดพลูสุดคลาสสิกนี้ เป็นหนึ่งในฉากถ่ายทำของภาพยนตร์เรื่อง ‘หลานม่า’ พิกัด : https://maps.app.goo.gl/h1Ziga4HPtwRMMHA8 บัดดี้เริ่มสำรวจบ้านเรือนและอาคารรอบ ๆ สถานีรถไฟ เดินออกไปไม่ไกลมากนัก มีอาคารไม้หลังเก่า ซึ่งในภาพยนตร์เรื่องหลานม่านั้น บริเวณข้าง ๆ ที่เห็นในภาพ เป็นที่ตั้งร้านโจ๊กของอาม่า ซึ่งจริง ๆ แล้วตรงนี้เป็นร้าน ‘กระเพาะปลาน้ำขัน’ หรือ ‘กระเพาะปลาขันโค้ก’ ซึ่งเปิดขายมานานหลายสิบปี ร้านกระเพาะปลาน้ำข้น เสิร์ฟกระเพาะปลาสูตรเด็ดของร้าน วัตถุดิบเน้น ๆ ที่นี่จะใส่ข้อไก่ด้วยนะ รสชาติเบา ๆ สามารถปรุงรสได้ตามใจชอบ ราคาหลักสิบเท่านั้น พร้อมเสิร์ฟน้ำมาในขันสไตล์โบราณ ดื่มแล้วสดชื่นสุด ๆ นอกจากเมนูกระเพาะปลาแล้ว ที่ร้านยังขายก๋วยเตี๋ยวหลอดอีกด้วย ใครมาถึงแล้วลองมาแวะชิมกันได้นะ เปิดทุกวันจันทร์-เสาร์ (ปิดวันอาทิตย์) เวลา 10.00-14.00 น. โทร. 08 7078 8238 พิกัด : https://maps.app.goo.gl/LJRJiduz4uVVE2tJ7 บรรยากาศฝั่งตรงข้ามสถานีรถไฟตลาดพลูเป็นอาคารแถวสองชั้น เป็นทั้งที่อยู่อาศัยของคนในย่านตลาดพลู และยังเป็นร้านขายของอีกด้วย เดินไปบนถนนเลียบทางรถไฟ เป็นเส้นทางที่อาม่าและเอ็ม ตัวละครในเรื่อง ใช้เส้นทางนี้เดินจากสถานีรถไฟกลับบ้านเป็นประจำ บัดดี้เดินตามไปบนถนนเส้นทางนี้ เห็นบรรยากาศของการดำเนินชีวิตของที่นี่เป็นไปอย่างเรียบง่าย ตรงหัวมุมซอยโรงเจนี้ คือร้าน ป.เจริญ เป็นร้ายขายของชำ ซึ่งในเรื่อง อาม่าและเอ็มมาแวะที่ร้านนี้กันด้วย ตัวร้านเป็นอาคารไม้เก่าสองชั้น ดูคลาสสิกสุด ๆ เดินเลียบทางรถไฟมาเจอซุ้มเฟื่องฟ้าสวย ๆ ต้นสูงใหญ่ อยู่ตรงช่วงสะพานข้ามคลองสำเหร่ เป็นอีกหนึ่งจุดที่ปรากฏในฉากของภาพยนตร์หลานม่า ระหว่างที่อาม่าและเอ็มเดินด้วยกัน ใครเดินผ่านมาเจอตรงนี้แวะถ่ายรูปกันได้นะ ทั้งนี้ ถนนเส้นนี้ค่อนข้างเล็ก เพื่อน ๆ ที่มาเที่ยวชมแถวนี้อย่าลืมระมัดระวังรถกันด้วยนะ อย่างที่บอกว่าย่านตลาดพลูมีแต่ของอร่อย แม้แต่เอ็มก็ยังซื้อของกินจากย่านนี้ไปฝากอาม่า นั่นก็คือเกาเหลาเนื้อเปื่อยตลาดพลู ‘ร้าน ต.จันทร์เพ็ญ’ บัดดี้สั่งเป็นเกาเหลาใส่ทุกอย่าง ที่ร้าน ต.จันทร์เพ็ญ เสิร์ฟเครื่องเน้น ๆ เนื้อนุ่ม รสชาติเข้มข้น อร่อยสุด ๆ กลิ่นพริกไทยหอมมาก บังเอิญได้นั่งโต๊ะที่ใช้ถ่ายทำภาพยนตร์ในเรื่องหลานม่าพอดี ร้าน ต.จันทร์เพ็ญ เป็นร้านในคูหาเล็ก ๆ มีที่นั่งไม่เยอะมากนัก บางช่วงอาจจะต้องรอคิวนิดนึง แต่อดใจรอแปบหนึ่ง ก็จะได้กินของอร่อยแน่นอน ร้าน ต.จันทร์เพ็ญ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. โทร. 06 5117 1117 พิกัด : https://maps.app.goo.gl/Wx6ECxagnSsbacXTA ติดกับร้าน ต.จันทร์เพ็ญ เป็นร้านขนมหวานตลาดพลูเจ้าเก่า ‘แม่เจ็ง’ ขายขนมไทยหลากหลายชนิดในราคาเบา ๆ จะซื้อแบบชิ้นหรือยกกล่องก็มีให้เลือก ส่วนเรื่องรสชาตินั้น หวาน หอม อร่อย และไม่หวานโดดเกินไป กินง่าย โดยหลัก ๆ แล้ว ที่ร้านจะขายขนมหวานและขนมไทยมงคล มีทั้งทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ขนมชั้น ถั่วกวน ตะโก้ วุ้น ขนมหม้อแกง บอกเลยว่าลูกค้าเดินเข้าร้านไม่ขาดสาย เพื่อน ๆ คนไหนอยากกิน แนะนำในรีบมา เพราะบางอย่างจะหมดเร็วมาก เปิดทุกวัน เวลา 09.30-20.00 น. โทร. 0 2472 6305 พิกัด : https://maps.app.goo.gl/D2gPk5qAc8zNAuMi8 นอกจากนี้ ย่านตลาดพลู ยังมีของอร่อยอยู่อีกมาก ตั้งแต่หัวมุมซอยเลียบทางรถไฟ ใต้สะพานสี่แยกตลาดพลู ไปจนถึงฝั่งซอยเทอดไท 29 มีทั้งอาหารคาว ขนมอร่อย ๆ และคาเฟ่อีกมาก หากใครนึกถึงย่านของกิน ‘ตลาดพลู’ ก็เป็นอีกย่านที่แนะนำ

ตามรอยพิกัด ‘หลานม่า’ ย่านตลาดพลู อ่านเพิ่มเติม

ศาลเจ้ากวนอู วิเศษชัยชาญ ตลาดศาลเจ้าโรงทอง จ.อ่างทอง

วันนี้บัดดี้จะมาแนะนำหนึ่งศาลเจ้ากวนอูที่บัดดี้คิดว่าทั้งเก่าแก่ สวย ขลัง โดยศาลเจ้าแห่งนี้สร้างขึ้นในต้นรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ราวปี พ.ศ. 2418 โดยเกิดจากความร่วมมือร่วมใจของชาวจีนในสมัยนั้น ซึ่งมีนายเหลือ แซ่ฉั่ว เป็นผู้มอบที่ดินเพื่อสร้างศาลเจ้าแห่งนี้ขึ้น และได้สร้างเสร็จสมบูรณ์เมื่อปี พ.ศ. 2420 ในปี พ.ศ. 2467 ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นบนศาลเจ้าบางส่วน ทางคณะกรรมการศาลเจ้าจึงได้ทำการบูรณะซ่อมแซมศาลเจ้าขึ้นมาใหม่อีกครั้ง ภายใต้การนำ 4 แซ่ คือ1. นายกะ แซ่ฉั่ว2. นายเล่งกวย แซ่ตั้ง3. นายเถ่ง แซ่เล้า4. นายซก แซ่นิ้ม การบูรณะศาลเจ้าหลังจากเกิดเหตุไฟไหม้แล้วเสร็จในปี พ.ศ. 2468 ถือเป็นศาลเจ้าที่สร้างขึ้นด้วยไม้สักทองที่ใหญ่ที่สุดในภาคกลาง ซึ่งนอกจากจะเป็นสถานที่ดำเนินกิจกรรมทางสังคมของชาวชุมชนและเป็นแหล่งยึดเหนี่ยวจิตใจของชุมชนตลาดศาลเจ้าโรงทองแล้ว ที่นี่ยังใช้เป็นที่สอนหนังสือให้กับเด็ก ๆ ทั้งภาษาไทยและภาษาจีนอีกด้วย มีหลักฐานปรากฏว่า ภายในชุมชนแห่งนี้มีร้านทำเครื่องทองมากมาย โดยเฉพาะบริเวณเส้นทางเดินสู่ศาลเจ้าพ่อกวนอู จึงกลายเป็นที่มาของชื่อชุมชนว่า ตลาดศาลเจ้าโรงทองจนถึงปัจจุบัน เนื่องจากที่นี่เป็นศูนย์กลางการค้าที่สำคัญของเมื่องวิเศษชัยชาญตั้งแต่อดีต ทำให้ปัจจุบัน ยังมีร้านค้าที่ขายของเก่าแก่หลายร้านยังดำเนินกิจการอยู่ หากใครได้ไปที่นี่ บัดดี้อยากให้เพื่อน ๆ ลองเดินสำรวจดู จะพบความสวยงามของความเก่าจากอดีตปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจน ปัจจุบันศาลเจ้าพ่อกวนอูแห่งนี้ เป็นสถานที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของทั้งคนในพื้นที่และนักท่องเที่ยวผู้เลื่อมใสหลายคน มีความเชื่อว่า การบูชากราบไหว้เทพเจ้ากวนอู จะทำให้ประสบความสำเร็จ มีคนเคารพ พบแต่ความซื่อสัตย์ปราศจากคนปองร้ายและผ่านอุปสรรคต่าง ๆ ในชีวิตไปได้ด้วยดี สำหรับสายมู นอกจากการเสี่ยงเซียมซีแล้ว ที่นี่ยังมีการใช้ “ไม้ปวย” ที่มีลักษณะเป็นไม้โค้งนูนหลังเต่าหน้าเรียบ 2 ชิ้น บ้างก็เรียก ไป, โปย, ปวย, เช้งปวย ฯลฯ มาใช้ในการอธิษฐานขอพร แล้วโยนไม้ 3 ครั้งเพื่อดูผลลัพธ์ ว่าแต่ละครั้งได้ คว่ำ กลาง หรือหงาย แล้วนำผลลัพธ์นี้แหละ มาดูผลคำทำนาย โดยทางศาลเจ้าจะมีหนังสือรวมคำทำนายให้อ่าน อย่างบัดดี้โยนได้ กลาง ทั้ง 3 ครั้ง ก็เปิดหาผลคำนายนี้ได้เลยในเล่ม หากใครได้คำทำนายที่ไม่ดี ก็สามารถขอพรเปลี่ยนเรื่องร้ายที่อาจจะเกิดขึ้นในอนาคตให้เป็นเรื่องดีแทนได้ ซอยศาลเจ้าโรงทอง 12/1 ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทอง เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. https://maps.app.goo.gl/9fZKp7ym8FVdEjhG8

ศาลเจ้ากวนอู วิเศษชัยชาญ ตลาดศาลเจ้าโรงทอง จ.อ่างทอง อ่านเพิ่มเติม

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว

ช่วงหยุดยาวนี้ ใครกำลังวางแผนพักผ่อน หาสถานที่ที่ไม่วุ่นวายมากนัก พาครอบครัวไปพักผ่อน หรือหากิจกรรมทำเงียบ ๆ บัดดี้ถือโอกาสมาแนะนำ “พิพิธภัณฑ์น่าเที่ยว” ในช่วงวันหยุดนี้ จากหลายจังหวัดในไทย ที่จะได้ทั้งหลบร้อน หลบฝน และได้ความรู้ ลองตามมาดูกัน ว่าจะมีที่ไหนบ้าง 1. มิวเซียมสยาม กรุงเทพมหานคร มิวเซียมสยาม พิพิธภัณฑ์การเรียนรู้ความเป็นไทยตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ที่ใช้สื่อสร้างสรรค์ทันสมัย ที่ให้ความรู้พร้อมกับความสนุกสนาน ทั้งความเป็นมาของประเทศไทย ทั้งด้านเชื้อสาย ศิลปวัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ความเชื่อและวิถีชีวิต แถมการเดินทางก็แสนง่ายเพราะอยู่ติดกับ MRT สถานีสนามไชย ทางออกที่ 1 ขึ้นบันไดเลื่อนมาปุ๊บ ก็ถึงปั๊บเลย ค่าเข้าชม : นักศึกษา 50 บาท | ผู้ใหญ่ (คนไทย) 100 บาท | ผู้ใหญ่ (ชาวต่างชาติ) 200 บาท | นักเรียน นักศึกษา (อายุมากกว่า 15 ปี) ราคา 25 บาท | ผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เสียค่าเข้าชม ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เปิดทุกวันเวลา 10.00-18.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์) 0 2225 2777https://maps.app.goo.gl/xZcts74WZLqrTDvt8 2. องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์แห่งชาติ จ.ปทุมธานี องค์การพิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ (อพวช.) เป็นรัฐวิสาหกิจ สังกัดกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ก่อตั้งในวันที่ 30 มกราคม 2538 มีเนื้อที่ประมาณ 180 ไร่ ภายในประกอบไปด้วย1. พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์2. พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา3. พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ4. พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า พิพิธภัณฑ์วิทยาศาสตร์ เป็นอาคารที่มีรูปทรงเป็นลูกบาศก์ 3 ลูกเชื่อมติดกัน ภายในมี 6 ชั้น จัดแสดงเรื่องราวความรู้ทางวิทยาศาสตร์ผ่านสื่อมัลติมีเดียและแบบจำลองสามมิติ เหมาะสมกับทุกเพศทุกวัย หากพาเด็ก ๆ ไปก็จะได้ความรู้และประสบการณ์ใหม่ หากผู้ใหญ่ไปก็อาจจะได้ทั้งความรู้ใหม่ ๆ และความรู้หลาย ๆ เรื่องที่เคยรู้และหลงลืมไป พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยา เป็นศูนย์กลางการศึกษาวิจัยด้านธรรมชาติวิทยาของประเทศไทยและประเทศใกล้เคียง แถมยังเป็นศูนย์จัดแสดงนิทรรศการความหลากหลายทางชีวภาพที่สำคัญอีกด้วย นิทรรศการหลัก ๆ คือ เรื่องราวการกำเนิดโลก และวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยดึกดำบรรพ์มาจนปัจจุบัน ผ่านการนำเสนอหลากหลายวิธี ทั้งมัลติมีเดีย แบบจำลอง รวมถึงการจัดแสดงสัตว์สตัฟฟ์และโครงกระดูกจริง ที่ช่วยให้เราเข้าใจเรื่องธรรมชาติวิทยาได้ดียิ่งขึ้น พิพิธภัณฑ์เทคโนโลยีสารสนเทศ เป็นพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับความสำคัญของการสื่อสาร ที่จะทำให้ผู้เยี่ยมชมได้ทำความเข้าใจเรื่องคอมพิวเตอร์ เบื้องหลังการทำงาน และวิวัฒนาการของภาษาคอมพิวเตอร์ แถมยังมีกิจกรรมจำลองเสมือนจริงของการ X-ray, MRI, Ultrasound ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ปัจจุบันมีบทบาทในชีวิตเรามากขึ้นเรื่อย ๆ พิพิธภัณฑ์พระรามเก้า เป็นพิพิธภัณฑ์ที่เสนอหลักการคิด และวิธีการทรงงานตามกระบวนการทางวิทยาศาสตร์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ที่แก้ปัญหาให้กับพสกนิกรในพื้นที่ต่าง ๆ ทั่วประเทศไทย ภายในมีการจำลองป่าและน้ำตกสูงประมาณตึก 4-5 ชั้น มาไว้ภายในอาคาร เพื่อแสดงถึงระบบนิเวศวิทยา ภายในพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ จะแบ่งส่วนจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่ บ้านของเรา (Our Home) นำเสนอเรื่องราวของกำเนิดจักรวาล ระบบสุริยะ และโลก ไปจนถึงวิวัฒนาการของสิ่งมีชีวิตหลายสายพันธุ์ จนกระทั่งกำเนิดมนุษย์ ชีวิตของเรา (Our Life) นำเสนอเรื่องราวการปรับตัวของสิ่งมีชีวิตในสภาพแวดล้อมในแบบต่าง ๆ เช่น Antarctica, Arctic, Tundra, Taiga, Desert, Temperate และ Tropical ในหลวงของเรา (Our King) นำเสนอพระราชกรณียกิจ โครงการพระราชดำริ หลักคิด และหลักปรัชญาของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ที่ได้พระราชทานไว้เป็นแนวทางในการดำรงอยู่ของมนุษย์กับโลกใบนี้อย่างยั่งยืน ค่าเข้าชม (ทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ)– ผู้ใหญ่ 200 บาท– เด็ก ผู้สูงอายุ ผู้ถือบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เข้าชมฟรีสามารถ Walk-in ได้ หากมาหลายคนสามารถจองเข้าชมล่วงหน้าได้ที่ : https://nsm.welovebooking.net/onecampus ระบบจะตัดรอบจองล่วงหน้า 1 วัน ตอนเที่ยง เทคโนธานี ต.คลอง 5 อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี ในช่วงเดือนเมษายนนี้ ที่นี่เปิดให้บริการเหมือนเดิม หยุดเฉพาะวันจันทร์– วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 09.30-16.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-17.00 น. 0 2577 9999 ต่อ 2122-2123https://maps.app.goo.gl/hosqpsRWG5m5uhdi9 3. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จ.นครราชสีมา สำหรับภาคอีสาน บัดดี้มีอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์มานำเสนอ นั่นก็คือ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน ที่นี่ยังเป็น 1 ใน 8 พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหินของโลก ซึ่งภายในจะแบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ส่วน ได้แก่1. พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน2. พิพิธภัณฑ์ช้างดึกดำบรรพ์3. พิพิธภัณฑ์ไดโนเสาร์ พิพิธภัณฑ์ไม้กลายเป็นหิน จัดแสดงไม้กลายเป็นหินจากจังหวัดต่าง ๆ ในภาคอีสาน แต่ส่วนใหญ่จะเน้นของ จ.นครราชสีมา ซึ่งไม้กลายเป็นหินของจริงสวยมาก เช่น ไม้กลายเป็นหินเนื้ออัญมณี ไม้กลายเป็นหินตระกูลปาล์มและไม้กลายเป็นหินหลากหลายอายุ ที่มีความสวยเฉพาะตัวสุด

แนะนำพิพิธภัณฑ์น่าเที่ยวช่วงหยุดยาว อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top