ไม่น่าเชื่อว่าจะมีแหล่งท่องเที่ยวใกล้กรุง ที่อยู่บนเกาะและยังมีชุมชนรามัญ (มอญ) ที่ยังคงอนุรักษ์วัฒนธรรม ประเพณีดั้งเดิมสืบทอดมาจากรุ่นสู่รุ่นกว่า 400 ปีได้อย่างดี ที่สำคัญบนเกาะนี้ไม่มีรถยนต์เลยสักคัน ทำให้ลดมลภาวะไปได้มาก อากาศก็ดี สูดหายใจได้เต็มปอด ทุกคนน่าจะพอทราบแล้ว เกาะที่ว่านี้ก็คือ “เกาะเกร็ด” ของเรานี่เอง
วันนี้จะพาทุกท่านเดินเที่ยวบนเกาะเกร็ด ได้ใช้พลังงานของเราอย่างแท้จริง รับรองได้ทั้งการออกกำลัง ได้อิ่มใจและอิ่มท้องแน่นอน โดยเส้นทางนี้จะขอตั้งชื่อว่า “เส้นทางลัดเลาะเกาะเกร็ด สัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตชุมชนรามัญ”
เกาะเกร็ด
เปิดต้อนรับนักท่องเที่ยว ให้เข้ามาเยือนทุกวัน
วันธรรมดา ร้านค้าเปิดบางส่วน
วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ร้านค้าเปิด 100%
เริ่มต้นจาก วัดบางจาก สายมูห้ามพลาด เตรียมข้ามฟากไปยังท่าเรือวัดเสาธงทอง เกาะเกร็ด เรือให้บริการตลอดทั้งวัน ตั้งแต่เวลา 06.00-19.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ราคาคนละ 5 บาท วันธรรมดาราคาคนละ 10 บาท จ่ายเงินให้คนขับเรือได้เลย
เมื่อข้ามเรือมาก็ถึงวัดเสาธงทองเลย จุดไฮไลต์ของที่นี่ คือ เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง เจดีย์ทรงระฆัง และเจดีย์กลีบมะเฟืองที่สมบูรณ์ มีเพียงแห่งเดียวในโลก มีจุดบริการตำรวจท่องเที่ยวอยู่ใกล้ ๆ คอยอำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวด้วยนะคะ
ออกจากวัดเสาธงทอง เดินเลี้ยวขวาเลยไปอีกประมาณ 350 เมตร ถึง วัดไผ่ล้อม มีหงส์ทองขนาดใหญ่ 1 คู่ ตั้งอยู่หน้าอุโบสถ โดยชาวรามัญจัดทำเพื่อเป็นการระลึกถึงบ้านเกิดที่เมืองหงสาวดี หลังอุโบสถมีเจดีย์ชเวดากององค์จำลองให้สักการะ
ออกจากวัดไผ่ล้อม เดินเลี้ยวขาวไปอีกประมาณ 160 เมตร เยี่ยมชมโรงงานเครื่องปั้นดินเผาป้าตุ่ม เป็นแหล่งเรียนรู้การทำเครื่องปั้นดินเผ่าจากชาวรามัญโดยแท้ มาถึงที่นี่แล้วต้องลองลงมือปั้นดินด้วยตัวเอง ค่าใช้จ่ายคนละ 100 บาท
จากนั้นก็ได้เวลาชอปปิง ตลาดหมู่บ้านโอ่งอ่าง มีทุกอย่างให้เลือก ทั้งของกินอาหารคาว หวาน โดยเฉพาะขนมมงคล ขนมหวานโบราณที่นี่ขึ้นชื่อมาก นอกจากนี้ยังมีร้านขายเสื้อผ้า ต้นไม้ ของเล่น ยาหอม ฯลฯ ระยะทางเดินตลาดประมาณ 500 เมตร
เมื่อเดินจนสุดทางเป็นทางเข้า-ออกตลาด จะพบกับ วัดปรมัยยิกาวาสวรวิหาร ชาวรามัญเรียก “เพียะมุเกี๊ยะเติ้ง” มีพระเจดีย์มุเตา (เจดีย์เอียง) เป็นสัญลักษณ์ของเกาะเกร็ด และยังมีโบราณสถานที่สำคัญเกาะเกร็ด รวมทั้งพระประธานปางมารวิชัย มีพระพักตร์คล้ายคนจริง ๆ ด้วย
เดินมานานแล้วท้องเริ่มหิว มาเยือนที่เกาะเกร็ดทั้งที ต้องชิมอาหารขึ้นชื่อ อาหารถิ่นของที่นี่ บัดดี้แวะ ร้านบ้านสวนริมชล เป็นร้านอาหารออร์แกนิกปลอดสารพิษ เมนูแนะนำได้แก่ ทอดมันหน่อกะลา แกงส้มหน่อกะลา เมี่ยงคำกลีบบัว ยำไข่เจียวหน่อกะลา ยำเกสรบัวหลวง ปิดท้ายด้วยแตงโมหน้าปลาแห้ง อย่าลืมกินข้าวแช่ด้วยนะคะ ร้อน ๆ แบบนี้ช่วยดับกระหายได้ดีทีเดียว
จุดหมายถัดไป คือ วัดฉิมพลีสุทธาวาส ห่างจากร้านอาหาร ประมาณ 850 เมตร ถือเป็นการเดินย่อยไปในตัว ระหว่างทางจะมีร้าน Café เก๋ ๆ ที่อยู่ติดกับริมน้ำเจ้าพระยา ร้านของเล่นโบราณ ร้านโชว์ห่วยแบบชาวบ้าน ร้านเช่าจักรยาน ร้านขนมหวาน ร้านข้าวแช่ เดินผ่านผู้คนในชุมชมน่ารักมาก คอยทักทาย ให้การต้อนรับเป็นอย่างดี
เดินทางถึงวัดฉิมพลีสุทธาวาสแล้ว เป็นวัดรามัญเช่นกัน วัดนี้สร้างในสมัยอยุธยา มีอุโบสถมหาอุตม์ที่งามที่สุดในจังหวัดนนทบุรี บริเวณซุ้มหน้านาง เป็นงานปูนปั้นที่มีความละเอียด อ่อนช้อย พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย (รัชกาลที่ 2) ทรงบูรณะและพระราชทานนามว่า วัดฉิมพลีสุทธาวาส เนื่องจากเป็นพระนามเดิมของท่านชื่อว่า เจ้าฟ้าชายฉิม ส่วนคำว่า “สุทธาวาส” ที่พ่วงท้ายนั้นคล้ายชื่อเดิมของวัดสุทัศน์คือ “วัดมหาสุทธาวาส”
ได้เวลากลับไปฝั่งปากเกร็ดแล้ว บัดดี้ยังเหลืออีก 1 วัดที่อยากจะแนะนำเพื่อน ๆ ให้เดินทางมา จากวัดฉิมพลีสุทธาวาส เลี้ยวขวาเพื่อไปยังท่าเรือป่าฝ้าย ประมาณ 130 เมตร เป็นท่าเรือที่ชาวบ้านในชุมชนเกาะเกร็ดใช้สัญจร ข้ามฟากมากที่สุด บัดดี้ขึ้นเรือไปวัดกลางเกร็ด ราคาเพียง 3 บาทเท่านั้น วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่อีกวัดหนึ่งที่เป็นวัดรามัญ มีพระพุทธไสยาสน์ในพระวิหาร ยาวถึง 11 วา มีหอไตรกลางน้ำสร้างด้วยไม้
เป็นอย่างไรบ้างคะ กับเส้นทาง “ลัดเลาะเกาะเกร็ด สัมผัสเสน่ห์วิถีชีวิตชุมชนรามัญ” นักท่องเที่ยว สามารถตามรอยหรือปรับเปลี่ยนเส้นทางตาม lifestyle และเวลาที่สะดวกได้เลย จะไปปั่นจักรยานเที่ยว เดิน-วิ่ง ออกกำลังกาย รอบเกาะ ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร หรือจะล่องเรือเที่ยวรอบเกาะก็ได้เช่นกัน ถ้า 1 วันไม่พอ นอนโฮมสเตย์ที่นี่ก็ยังได้ มีให้เลือกหลากหลายค่ะ ใครไปเที่ยว Style ไหนบ้าง แชร์ประสบการณ์กันมาได้นะคะ