สวัสดีทุกคน วันนี้บัดดี้จะมาแนะนำวัดจากหลายจังหวัด ที่มีสีสันสวยโดดเด่นสะดุดตา จนกลายเป็นทั้งสถานที่ทำบุญและสถานที่ท่องเที่ยว แถมบางวัดยังกลายเป็น Land Mark สำคัญของจังหวัดไปเลยด้วย ลองตามมาอ่านกันดู ว่าวันนี้บัดดี้มีวัดไหนมานำเสนอบ้าง
สีขาว 1. วัดร่องขุ่น จ.เชียงราย
วัดร่องขุ่น ออกแบบและสร้างโดยอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ ศิลปินชื่อดังของไทย ที่สร้างขึ้นจากปณิธานและแรงศรัทธา ด้วยงานศิลปะงดงามสีขาว ทั้งลวดลายปูนปั้น การประดับกระจกและจิตรกรรรมปูนปั้นหลายจุด
แรงบันดาลใจในการสร้างวัดของอาจารย์เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ คือการอยากจะสร้างวัดให้เหมือนเมืองสวรรค์ ที่มนุษย์สามารถเดินทางไปสัมผัสได้ ซึ่งหลายจุดในวัด มีการสร้างเป็นสื่อสัญลักษณ์ต่าง ๆ ในพุทธศาสนา อย่างทางเข้าด้านหน้าจะมีสระน้ำขนาดใหญ่ ที่มีสะพานเป็นทางเดินเข้าสู่ตัววัด หมายถึง การเดินข้ามวัฏสงสารมุ่งสู่พุทธภูมิ ครึ่งวงกลมเล็กหมายถึงโลกมนุษย์ วงใหญ่ที่มีเขี้ยวเป็นปากของพญามารหรือพระราหู เปรียบเหมือนกิเลสในใจ ผู้ที่จะเข้าเฝ้าพระพุทธเจ้าในพุทธภูมิต้องตั้งจิตปลดปล่อยกิเลสตัณหาของตนเองลงไปในปากพญามาร เพื่อเป็นการชำระจิตให้ผ่องใสก่อนที่จะเดินผ่านเข้าไปนั่นเอง
ปัจจุบัน วัดร่องขุ่นเปิดจุดเช็กอินแห่งใหม่ที่ใช้เวลาสร้างกว่า 6 ปี นั่นก็คือ “ถ้ำศิลป์วัดร่องขุ่น” เป็นผลงานประติมากรรมของอาจารย์เฉลิมชัย ภายในถ้ำ มีรูปทรงหินงอกหินย้อย พระพุทธรูปทุกขภูมิ ขุมนรกและประตูพระนิพพาน มีเพลงบรรเลงประกอบแสงสีเสียงตลอดเส้นทาง โดยมีค่าเข้าชม 50 บาท/คน มีเวลาประมาณ 10-15 นาที ต่อรอบ
รายละเอียด
ต.ป่าอ้อดอนชัย อ.เมือง จ.เชียงราย
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 6.30 – 18.00 น.
ห้องแสดงภาพ : เปิดให้เข้าชมวันจันทร์–ศุกร์ เวลา 8.00 – 17.30 น.
วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดราชการ เวลา 8.00 – 18.00 น.
วัดร่องขุ่น 0 5367 3579, ททท.สำนักงานเชียงราย 0 5371 7433, ศูนย์บริหารจัดการการท่องเที่ยวจังหวัดเชียงราย 0 5371 5690
https://goo.gl/maps/sQZ7Q2qq9cyRJhs79
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/วัดร่องขุ่น
2. วัดข่อย จ.เพชรบุรี
ตั้งอยู่ติดกับอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย มีการใช้รูปแบบของยันต์ฉิมพลีมาประกอบสถาปัตยกรรมการสร้างเป็นทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส
ตัวอาคาร มี 3 ชั้นประกอบด้วย
ชั้นที่ 1 ประดิษฐานพระพุทธรูป 3 องค์ คือพระพุทธเศรษฐีมิ่งมงคล พระพุทธเศรษฐีนวโกฏิ และพระสิวลีมหาลาภ
ชั้นที่ 2 ผนังด้านนอกเป็นลายอักขระยันต์ฉิมพลี มีฉัตรทองเหลืองดุนลาย 9 ยอด 4 ทิศ ด้านในเป็นไม้สักแกะสลักลวดลายยันต์โภคทรัพย์
ชั้นที่ 3 เป็นซุ้มเรือนยอดประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุในบุษบก 5 ยอดลงรักปิดทอง ยอดฉัตรทำด้วยทองคำ
ถ.คีรีรัถยา ต.คลองกระแชง อ.เมือง จ.เพชรบุรี
เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น.
06 1061 7868, 08 9052 7874
https://goo.gl/maps/NQSr5AkQEyy9pvQE7
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/พระธาตุฉิมพลีพระเศรษฐีนวโกฏิ-วัดข่อย
สีน้ำเงิน 3. วัดร่องเสือเต้น จ.เชียงราย
วัดแห่งนี้ในอดีตราว ๆ 80-100 ปีก่อน เคยเป็นวัดร้าง มีสัตว์ป่ามาอาศัย โดยเฉพาะเสือที่มีอยู่มาก และชอบกระโดดข้ามร่องน้ำไปมา ชาวบ้านจึงเรียกบริเวณนี้ว่า ร่องเสือเต้น ภายหลังชาวบ้านได้ร่วมกันบูรณะวัดขึ้นมา จึงเรียกชื่อวัดว่า “วัดร่องเสือเต้น” เพื่อใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีทางศาสนาในวันสำคัญต่าง ๆ และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวบ้าน
สิ่งก่อสร้างโดดเด่นที่สุดในวัดนี้ คือ วิหารสีน้ำเงิน ที่สร้างโดย “สล่านก” หรือ นายพุทธา กาบแก้ว ศิลปินท้องถิ่นชาวเชียงราย ลูกศิษย์ของ อ.เฉลิมชัย โฆษิตพิพัฒน์ โดยเริ่มก่อสร้างเมื่อ พ.ศ. 2548 แล้วเสร็จ พ.ศ. 2559 รวมระยะเวลาถึง 11 ปี
ภายในวิหารประดิษฐาน “พระพุทธรัชมงคลบดีตรีโลกนาถ” พระประธานสีขาวปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน ซึ่งภายในพระเศียรบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ที่สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก เป็นผู้ประทานให้
ด้านหลังวิหารเป็นที่ตั้งของเจดีย์ทรงระฆัง สูง 20 เมตร นามว่า “พระธาตุเกศแก้วจุฬามณีห้าพระองค์” บนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่ได้รับประทานจาก สมเด็จพระญาณสังวร สมเด็จพระสังฆราช สกลมหาสังฆปริณายก
ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงราย
08 2026 9038
เปิดทุกวันเวลา 07.00-17.00 น.
https://goo.gl/maps/ne1JD21wNp12
4. วัดปากน้ำแขมหนู จ.จันทบุรี
วัดแห่งนี้มีความโดดเด่นที่ “โบสถ์เซรามิกสีน้ำเงิน” ซึ่งมีที่มาจาก โบสถ์หลังเก่าที่สร้างขึ้นมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2489 เริ่มชำรุดทรุดโทรม มีการผุกร่อนมาก เนื่องจากวัดตั้งอยู่ติดกับทะเล ทางวัดและชาวบ้านจึงร่วมกันรื้อโบสถ์หลังเก่าและสร้างโบสถ์ใหม่ขึ้นในปี พ.ศ. 2534
ประตูโบสถ์ด้านในทั้ง 4 บาน มีการแกะสลักภาพนูนต่ำ เกี่ยวกับประวัติพระพุทธเจ้า ด้านนอกบานประตูและหน้าต่างมีการลงลายมุข ภาพเทพทวารบาล พื้นผนังด้านในพระอุโบสถมีการประดับภาพลงสีในพื้นเซรามิกเกี่ยวกับวรรณคดีชาดกและพระมหาชนก ภายในโบสถ์ประดิษฐานพระพุทธชินราชองค์จำลอง เป็นที่สักการบูชาของชาวบ้านและนักท่องเที่ยว
ต.ตะกาดเง้า อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-16.00 น.
https://goo.gl/maps/imZW46D6sfUbZFDN9
สีเหลือง 5. วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร จ.อยุธยา
วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ตั้งอยู่บนเกาะลอย เกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดที่ในหลวงรัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สร้างขึ้น เพื่อทรงใช้เป็นสถานที่สำหรับบำเพ็ญพระราชกุศล เมื่อครั้งเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน โดยมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบโกธิก เลียนแบบโบสถ์ของศาสนาคริสต์
ด้านหน้าบริเวณทางเข้าของพระอุโบสถ จะมีมุขเป็นแบบสามเหลี่ยมหน้าจั่วซ้อนกัน 2 ชั้น รอบผนังพระอุโบสถเจาะช่องหน้าต่าง เป็นลักษณะปลายแหลมแบบโกธิก ด้านหลังพระอุโบสถเป็นหอระฆังยอดโดม เป็นทรงกรวยแหลม สูง 3 ชั้น
ภายในพระอุโบสถเพดานสูง มีช่องหน้าต่างโค้งและกระจกสี ตรงกลางพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน “พระพุทธนฤมลธรรโมภาส” บริเวณฐานชุกชีที่มีลักษณะเหมือนที่ตั้งไม้กางเขนในโบสถ์ ผนังแต่ละด้านมีลวดลายพรรณพฤกษา บริเวณด้านล่างมีอัศวินในชุดเกราะเหล็กตามแบบตะวันตก
วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร ตำบลบ้านเลน อำเภอบางปะอิน จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 09.00-17.00 น. (วันจันทร์-วันศุกร์) และ 08.00-18.00 น. (วันเสาร์-วันอาทิตย์)
https://goo.gl/maps/qeAva46ZPSTquReV7
6. วัดปากน้ำโจโล้ จ.ฉะเชิงเทรา
วัดแห่งนี้เป็นวัดดังแห่งเมืองแปดริ้ว สร้างขึ้นในสมัยอยุธยาตอนปลาย ในอดีตบริเวณนี้ก็เคยเป็นที่ตั้งของกองทัพพม่า ในสมัยพระเจ้าตากสินมหาราช เมื่อพระเจ้าตากสินเป็นฝ่ายชนะ จึงมีการสร้างเจดีย์ไว้เพื่อเป็นเหมือนอนุสรณ์แห่งชัยชนะนั่นเอง หากใครไปเที่ยวฉะเชิงเทรา อย่าลืมเดินทางเพื่อไปสักการะ เสริมความเป็นสิริมงคลกันล่ะ
ส่วนชื่อวัด โจ้โล้ มาจากช่วงที่พระเจ้าตากสินวางแผนและโจมตีทหารพม่าโดยการโล้เรือมาตามลำน้ำ เลยเรียกกันว่า เจ้าโล้ ที่ต่อมาเพี้ยนเสียงมาเป็น โจ้โล้ นั่นเอง
จุดเด่นของวัดนี้ คือ พระอุโบสถสีทอง ที่ทาสีทองทั้งภายในและภายนอกตัวอุโบสถ หลังคาของอุโบสถประดับด้วยพญานาคและธรรมจักร ตรงกลางมีบุษบกยอดฉัตร กำแพงแก้วชั้นนอกตกแต่งด้วยลวดลายธรรมจักรสลับกับโคมไฟรูปช้างสามเศียร
ถ.วนะภูติ ต.ปากน้ำ อ.บางคล้า จ.ฉะเชิงเทรา
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.
https://goo.gl/maps/nHV97oMtSNtUb7c47
สีแดง 7. วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ จ.นครสวรรค์
เป็นวัดในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ สร้างเป็นรูปเรือหลวงที่มีนามว่า “ราชญาณ นาวา ฑีฆายุ มงคล” บนเนื้อที่ประมาณ 96 ไร่ เริ่มก่อสร้างเมื่อปี พ.ศ. 2527
ไฮไลต์ภายในวัดแห่งนี้ คือ เจดีย์ศรีพุทธคยา ที่จำลองแบบจากเจดีย์พุทธคยา ประเทศอินเดีย โดยย่อส่วนลงให้เหมาะสมกับพื้นที่ มีลักษณะเป็นรูปสี่เหลี่ยมทรงกรวย ยอดเจดีย์เป็นทรงระฆังคว่ำ รอบเจดีย์มีพระพุทธรูปปางประทับยืนและประทับนั่ง
ภายในเจดีย์มี 3 ชั้น แบ่งเป็นหลายห้อง ทั้งห้องที่ใช้ปฏิบัติธรรม ห้องประดิษฐานสมเด็จพระพุทธเจ้าหลวงพ่อดำที่แกะสลักจากหินที่พบในบริเวณวัด ชั้นบนสุดเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ – พระภควัทบดี (พระอยู่เย็นเป็นสุข พระไม่มีหน้า) เป็นพระพุทธรูปที่มีรูปลักษณ์เหมือนพระสังกัจจายน์ ปางขัดสมาธิ บนกลีบบัว 3 ชั้นและยังเป็นจุดชมวิว ที่สามารถมองเห็นวิวได้ 360 องศา
ภายในศาสนสถานแห่งนี้ ยังมีสิ่งก่อสร้างอื่น ๆ ให้กราบไหว้อีก เช่น ธุดงคเจดีย์ มณฑปเรือนแก้ว ศาลาเสด็จในกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์และลานพระธรรมจักร เนื่องจากเจดีย์ศรีพุทธคยาตั้งอยู่บนยอดเขา เส้นทางค่อนข้างแคบและชัน ทางวัดจึงไม่อนุญาตให้นำรถส่วนตัวทุกชนิดขึ้นไป ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถและใช้บริการรถสองแถวที่มีการจัดเตรียมไว้ขึ้นไป (ค่าโดยสารไป-กลับคนละ 40 บาท) หรือเดินขึ้นบันได 183 ขั้น ก็ได้เช่นกัน
ม.2 บ้านโคกแผ่น ต.ทํานบ อ.ท่าตะโก จ.นครสวรรค์
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.
https://goo.gl/maps/jDJnQ3jNY9u7koHP6
สีชมพู 8. วัดยางใหญ่ จ.นครศรีธรรมราช
อีกหนึ่งวัดดังของเมืองคอน ในอดีตมีชื่อว่า “วัดคงคาล้อม” ที่นี่มี “ตาพรานบุญ” สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่หลายคนให้ความเคารพนับถือ รวมถึงยังมีองค์ท้าวเวสสุวรรณ พระพิฆเนศ เทพทันใจ ผู้คนที่มาที่นี่นิยมมาไหว้ขอโชค ขอลาภ ขอความปลอดภัย ขอให้ธุรกิจเจริญรุ่งเรือง ใครเป็นสายบุญ สายมู อย่าพลาดเสียล่ะ
รูปปั้นตาพรานบุญในท่านั่ง ที่เชื่อกันว่า หากใครที่ได้บูชา จะมีโชคลาภเงินทอง ไร้อุบัติเหตุ มีแต่โชคดี
ในบริเวณวัด จะมีการตกแต่งด้วย รูปปั้นโนราห์ ดอกซากุระจำลอง ซุ้มถ่ายรูปเล็ก ๆ ให้คนที่มาถ่ายรูปได้ตามสบายใจ
ต.ท่าขึ้น อ.ท่าศาลา จ.นครศรีธรรมราช
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-17.00 น.
https://goo.gl/maps/vMhCSSjZVzBxM3v39
เว็บไซต์ : https://www.facebook.com/วัดยางใหญ่
สีเงิน 9. วัดศรีสุพรรณ จ.เชียงใหม่
วัดศรีสุพรรณ ตั้งอยู่ภายในชุมชนหัตถกรรมช่างหล่อและหัตถกรรมเครื่องเงินของถนนวัวลาย ซึ่งถือเป็นแหล่งผลิตเครื่องเงินเลื่องชื่อของจังหวัดเชียงใหม่ เป็นวัดที่มีประวัติการสร้างตั้งแต่ปี พ.ศ. 2043 ในรัชสมัยของพระเจ้าเมืองแก้ว กษัตริย์เชียงใหม่ราชธานี และพระนางสิริยสวดี พระราชมารดามหาเทวีเจ้า
ภายในวัดมี “อุโบสถเงิน” ที่ชาวบ้านร่วมกันสร้างขึ้น เพื่อที่จะอนุรักษ์เครื่องเงินชุมชนวัวลาย ชาวบ้านเลยรวมตัวตั้งกลุ่มหัตถศิลป์ล้านนาวัดศรีสุพรรณขึ้นภายในวัด ต่อมาในปี พ.ศ. 2547 มีการสร้างอุโบสถเงินหลังแรกของโลกขึ้นมา และต่อมาอุโบสถเงินนั้น ก็กลายเป็นหนึ่งในสถาปัตยกรรมที่สำคัญของวัด
พระอุโบสถเงิน ออกแบบเป็นทรงล้านนา สร้างและตกแต่งด้วยโลหะเงินและดีบุกทั้งภายในภายนอก จากฝีมือของช่างท้องถิ่นด้านเครื่องเงินโดยเฉพาะ ภายในมีองค์พระประธาน ที่ชาวบ้านเรียกกันว่า พระเจ้าเจ็ดตื้อ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยทำจากเนื้อทองสัมฤทธิ์
ภายในพระอุโบสถเงินที่ไม่อนุญาตให้สุภาพสตรีเข้า เนื่องจากใต้ฐานอุโบสถฝังสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เครื่องรางของขลังเก่าแก่กว่า 500 ปี ตามความเชื่อโบราณอาจก่อให้เกิดความเสื่อมแก่สถานที่หรือตัวสุภาพสตรีเอง
100 ถ.วัวลาย ต.หายยา อ.เมืองเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-18.00 น.
https://goo.gl/maps/bKZ4FWc8rYzcVwmL9
10. วัดโพธิ์รัตนาราม (วัดโพธิ์คู่) จ.ราชบุรี
วัดโพธิ์รัตนาราม ก่อตั้งขึ้นเมื่อสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 (พ.ศ. 2484-2485) แต่เดิมอุโบสถสร้างด้วยอิฐและปูน สร้างเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2509 ปัจจุบันบูรณะใหม่ด้วยการหุ้มสแตนเลสครอบหลังเดิมทั้งหลัง บนพื้นที่ 15 ไร่ ชาวบ้านมักเรียก “วัดโพธิ์คู่” เนื่องจากในสมัยก่อนมีต้นโพธิ์ขึ้นคู่กันอยู่หลายคู่
ภายในโบสถ์สแตนเลส ตกแต่งด้วยไม้ทั้งหมด มีพระประธานคือ องค์พระพุทธชินราชจำลอง แม้พื้นที่ด้านในโบสถ์อาจไม่กว้างขวางนัก แต่ก็มีลมพัดมาเรื่อย ๆ ไม่ร้อนเกินไปนัก
อีกหนึ่งไฮไลต์ของที่นี่ คือ พระปางปาลิไลยก์ พระพุทธรูปอยู่ในอิริยาบถประทับนั่งบนก้อนศิลา พระบาททั้งสองวางอยู่บนดอกบัว สันนิษฐานว่า มีการสร้างพระปางปาลิไลยก์องค์นี้ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เพื่อเป็นอนุสรณ์เตือนใจถืงการขาดความสามัคคีและการทะเลาะวิวาท
ม.5 ต.ปากแรต อ.บ้านโป่ง จ.ราชบุรี
เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-18.00 น.
https://goo.gl/maps/WYFp1FjsFCQdeoye7