สถานีต่อไป…บางปะอิน

เกร็ดความรู้ :
.
“บางปะอิน” เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่เดิมเรียกกันว่า “อำเภอพระราชวัง” ต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอบางปะอินจนกระทั่งถึงปัจจุบันค่ะ

การเดินทางในวันนี้ แอดและเพื่อนร่วมทางเลือกเดินทางโดยรถไฟ โดยขึ้นจากสถานีรถไฟหัวลำโพงมาลงที่สถานีรถไฟบางปะอินค่ะ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งถือว่าไม่นานเลย
.
และสำหรับทริปนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “พระราชวังบางปะอิน” และ “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” นั่นเองค่ะ
.
เมื่อถึงสถานีรถไฟบางปะอินแล้ว เพื่อนๆ สามารถเดินทางไปยัง “พระราชวังบางปะอิน” ได้ง่ายๆ โดยนั่งวินมอเตอร์ไซค์ ค่าโดยสารคนละ 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว

เมื่อถึงพระราชวังบางปะอิน สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจดูความเรียบร้อยของตนเองก่อน แต่งกายถูกต้องตามกฎระเบียบหรือไม่ (สวมเสื้อมีแขน กางเกงขายาว หรือกระโปรงยาวคลุมเข่า) หลังจากนั้นก็ไปซื้อบัตรเข้าชมกัน
.
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าพระราชวังบางปะอินนั้นกว้างขวางมาก หากมีกำลังขาและเวลามากพอก็สามารถเดินเที่ยวชมได้ค่ะ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแอดแนะนำให้เช่ารถกอล์ฟค่ะ
.
ปล.ผู้ที่สามารถเช่ารถกอล์ฟได้จะต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่เท่านั้นนะคะ

พระราชวังบางปะอิน
ค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก นักเรียนนักศึกษา ผู้สูงอายุ 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท
เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น.

ค่าเช่ารถกอล์ฟ
1 ชั่วโมงแรก ชาวไทย คันละ 300 บาท ชาวต่างชาติคันละ 400 บาท ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละ 100 บาท
 

เมื่อเข้ามาในพระราชวังบางปะอิน เราจะพบกับสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมี “พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์” ตั้งอยู่กลางสระ
.
พระที่นั่งองค์นี้เป็นพระที่นั่งทรงปราสาทโถงจตุรมุของค์เล็ก ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้จำลองแบบมาจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทในพระบรมมหาราชวัง
.
ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ของรัชกาลที่ 5 ขนาดเท่าพระองค์จริง และอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งแห่งนี้ค่ะ

มาต่อกันที่ “พระที่นั่งวโรภาษพิมาน” พระที่นั่งองค์นี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่เดิมเป็นอาคาร 2 ชั้น ใช้เป็นที่ประทับและเป็นท้องพระโรงสำหรับออกว่าราชการ
.
ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อสร้างใหม่เป็นพระที่นั่งชั้นเดียว เนื่องจากมีปัญหาด้านโครงสร้าง แต่ยังคงมีรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนีโอคลาสสิก และใช้เป็นท้องพระโรงเช่นเดิม

“พระที่นั่งเวหาศจำรูญ” หรือ “เทียนเม่งเต้ย” เป็นพระที่นั่ง 2 ชั้นที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบจีน เป็นพระที่นั่งองค์สุดท้ายในพระราชวังบางปะอินที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5
.
ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงใช้พระที่นั่งองค์นี้เป็นที่ทรงพระอักษร และได้พระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง “มัทนะพาธา” หรือ “ตำนานดอกกุหลาบ” ขึ้นที่นี่ด้วยค่ะ

“หอวิทูรทัศนา” มีลักษณะเป็นหอคอยสูง 3 ชั้น ทาสีเหลืองสลับแดง ที่ระเบียงและชายคาประดับลายฉลุงดงาม ตั้งอยู่บนเกาะขนาดเล็ก โดยมีสะพานสีขาวเป็นทางเชื่อมมาจากพระที่นั่งเวหาศจำรูญ

ภายในมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นบน ซึ่งสามารถขึ้นได้ถึงชั้นสองเท่านั้น เนื่องจากด้านบนกำลังบูรณะอยู่ และจากบนหอคอยนี้เพื่อนๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพของพระราชวังบางปะอินได้โดยรอบเลย

“ตำหนักเก้าห้อง” ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน ที่ตามเสด็จฯ ในคราวแปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน
.
ตำหนักหลังนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบยุโรป บริเวณด้านหน้ามีสนามหญ้าเป็นลานกว้าง สามารถเดินชมภายนอกอาคารได้ค่ะ

ภายในพระราชวังบางปะอินยังมีพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ให้ชมอีกมากมาย ได้แก่ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร สภาคารราชประยูร อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ฯลฯ
.
แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่เปิดให้เข้าชมภายใน แต่เพื่อนๆ ก็ยังสามารถเดินชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมต่างๆ โดยรอบได้นะคะ

อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอินเป็นที่ตั้งของ “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเดินทางไปได้โดยกระเช้าค่ะ
.
บริเวณที่ขึ้นกระเช้าจะอยู่ตรงลานจอดรถของพระราชวังบางปะอิน ค่าข้ามกระเช้านั้นจะให้เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ศรัทธา โดยจะมีตู้รับบริจาคสีเขียวอยู่ที่จุดขึ้นกระเช้าฝั่งวัดนิเวศธรรมประวัติค่ะ

วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นวัดประจำพระราชวังบางปะอิน สำหรับทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับยังพระราชวังแห่งนี้
.
เมื่อเข้ามาภายในวัด เพื่อนๆ อาจจะรู้สึกสับสนว่านี่คือวัดพุทธหรือโบสถ์คริสต์กันแน่ เพราะสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดล้วนแล้วแต่เป็นแบบตะวันตกทั้งสิ้น
.
ซึ่งเหตุที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้สร้างวัดนี้เลียนแบบโบสถ์ฝรั่งนั้น ก็เพื่อให้เข้ากับพระราชวังบางปะอิน ซึ่งอาคารส่วนใหญ่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตก และเพื่อให้ราษฎรได้ชมศิลปกรรมของชาติอื่นซึ่งเป็นของแปลกในสมัยนั้นนั่นเองค่ะ

และนี่คือพระอุโบสถของวัดนิเวศธรรมประวัติค่ะ ดูสวยงามแปลกตามากเลยใช่มั้ยคะ?

อุโบสถหลังนี้มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค มีหอคอยยอดแหลมสูงและซุ้มประตูโค้งแหลม บริเวณยอดแหลมนั้นเป็นหอนาฬิกาและหอระฆัง เหนือขึ้นไปยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุด้วย

ภายในอุโบสถตกแต่งแบบโบสถ์คริสต์ มีการประดับกระจกสีตามหน้าต่างและเหนือบานประตูอย่างสวยงาม
.
เป็นที่ประดิษฐานพระประธานคือ พระพุทธนฤมลธรรโมภาส พระพุทธรูปปางสมาธิเพชร ออกแบบโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ โดยเป็นพระพุทธรูปแบบไทยประเพณีที่ผสานความสมจริงแบบตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นับเป็นพระพุทธรูปฝีพระหัตถ์ของท่านที่งดงามที่สุด
.
นอกจากนี้ฐานชุกชีที่ประดิษฐานพระประธานยังมีลักษณะเหมือนกับที่ตั้งไม้กางเขนในโบสถ์คริสต์อีกด้วย

สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากนั่งรถไฟมาเที่ยวบางปะอินแบบแอด ก็อย่ารอช้าเพราะเวลาไม่เคยคอยใคร เพียงหาเวลาว่างสัก 1 วัน เพื่อนๆ ก็สามารถเที่ยวบางปะอินได้แล้วล่ะค่ะ

เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 11 กรกฎาคม 2562

Scroll to Top