อาหารท้องถิ่น

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน วันที่ 1วัดภูมินทร์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านซุ้มลีลาวดีวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วันที่ 2วัดพระธาตุแช่แห้งวัดหนองบัวกาแฟบ้านไทลื้อฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ วันที่ 3พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ คุ้มเจ้าหลวงคุ้มวงศ์บุรีวัดพระธาตุช่อแฮวัดพระธาตุดอยเล็ง วันที่ 1 สำหรับวันแรกเราเริ่มต้นกันที่จังหวัดน่าน ชวนมาอิ่มบุญ ไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิตกันก่อน.เริ่มที่ “วัดภูมินทร์” วัดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนี่งของจังหวัดน่าน วัดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นอาคารทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยรวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ไว้ในอาคารเดียวกัน เป็นการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อทางพุทธศาสนา  ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระปฤษฎางค์ชนกัน เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศแล้ว จะเป็นสิริมงคล บุญกุศลจะส่งให้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตและแคล้วคลาดปลอดภัย ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดก็คือภาพจิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก” ซึ่งเป็นภาพของปู่ม่านย่าม่านหรือสามีภรรยาชาวพม่ากำลังกระซิบสนทนากัน นับเป็นจิตรกรรมที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดของวัดภูมินทร์ ผลงานของหนานบัวผัน จิตรกรชาวไทลื้อ.ที่ตั้ง : ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น.  ถัดไปไม่ไกลเราแวะชม “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน” ซึ่งเดิมเป็นหอคำ ที่ประทับและออกว่าราชการของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2446 ถ้าเพื่อน ๆ ยังจำได้ เมื่อก่อนตัวอาคารจะเป็นสีขาว มุงด้วยกระเบื้องสีเขียว แต่ภายหลังได้รับการบูรณะใหม่ ให้ใกล้เคียงกับในสมัยก่อนมากที่สุด ซึ่งจะสังเกตได้ว่านอกจากจะทาสีใหม่แล้ว ส่วนประดับตกแต่งอาคารหลายส่วนก็ยังเปลี่ยนแปลงไปด้วย ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้จัดแสดงเรื่องราวด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะ รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีมุมยอดฮิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาแวะถ่ายรูปให้ได้นั่นก็คือ “ซุ้มลีลาวดี” นั่นเอง ซึ่งแอดก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาอวดเพื่อน ๆ ด้วย  จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ข้ามถนนมาก็จะเจอกับ “วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร” เดิมเรียกว่า “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” เป็นวัดซึ่งเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญ  ภายในวัดมีพระวิหารขนาดใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน สกุลช่างน่าน  วัดพระธาตุช้างค้ำ ยังมีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย นั่นก็คือเจดีย์ช้างล้อม มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังที่มีช้างปูนปั้นครึ่งตัวประดับอยู่รอบฐาน ซึ่งคำว่า “ช้างค้ำ” ก็หมายถึงการค้ำจุนพุทธศาสนานั่นเอง.ที่ตั้ง : ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.  วันที่ 2 วันนี้เราจะไปสักการะพระธาตุแช่แห้ง ออกเดินทางไปชมภาพจิตรกรรมที่วัดหนองบัว และไปชมวิวทุ่งนาสีเขียวที่อำเภอปัวกัน “วัดพระธาตุแช่แห้ง” เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นบริเวณศูนย์กลางเมืองน่านเดิม ภายในวัดมีพระธาตุแช่แห้งซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีเถาะอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้ที่ได้บูชาพระธาตุแช่แห้ง จะได้รับการอุดหนุนค้ำชู มีชื่อเสียง ลาภยศ สรรเสริญ.ที่ตั้ง : ตำบลม่วงตื้ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.โทร. 054 601 146  ที่ต่อไปเราไปกันที่วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา อีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน เป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองบัว โดดเด่นด้วยวิหารแบบไทลื้อที่ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัวนั้น สันนิษฐานว่าศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานก็คือ หนานบัวผัน เจ้าของภาพปู่ม่านย่าม่านอันเลื่องชื่อที่วัดภูมินทร์นั่นเอง นอกจากความสวยงามของวัดและภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมีเรือนไทลื้ออายุกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” บริเวณใต้ถุนบ้านจะมีคุณยายมานั่งปั่นฝ้ายและสาธิตการทอผ้าให้ชม เป็นการสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น เพื่อน ๆ สามารถมาลองรีดเมล็ดฝ้ายและปั่นฝ้ายได้ด้วยนะคะ มีคุณยายคอยช่วยสอนอยู่อย่างใกล้ชิดเลย.ที่ตั้ง : บ้านหนองบัว ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.  จากวัดหนองบัวเราเดินทางไปต่อกันที่ “ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ” ซึ่งบริการทั้งอาหารพื้นเมืองและเครื่องดื่มเย็น ๆ ในบรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติสุด ๆ เพราะโดยรอบจะเป็นวิวภูเขาและทุ่งนาสีเขียว ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย  มีทางเดินไม้ทอดยาวให้เดินเล่นชมวิวได้รอบเลยแนะนำว่าให้มาตอนเช้าหรือไม่ก็ตอนเย็น ๆ เพราะอากาศจะได้ไม่ร้อนเกินไป.ที่ตั้ง : ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่าน เปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. หากใครแวะมาอำเภอปัวต้องมาลิ้มลองรสชาติเมนูสารพัดเห็ดที่ “ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ” ที่นี่เป็นทั้งฟาร์มเห็ดและร้านอาหาร มีที่นั่งให้เลือก 2 โซน โซนร้านอาหารมี 2 ชั้น จะนั่งชั้นล่างหรือชั้นบนก็บอกเลยว่าวิวสวยไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีโซนที่เป็นห้องส่วนตัวด้วย โดยรอบจะเป็นทุ่งนาสีเขียวมีภูเขาล้อมรอบและยังมีหมอกจาง ๆ เรียกว่าบรรยากาศดี๊ดีเลยละ   นอกจากจะได้ชมวิวสวย ๆ แล้วในเรื่องของอาหารก็ห้ามพลาด เพราะเมนูของที่นี่จะนำเห็ดชนิดต่าง ๆ มาเป็นวัตถุดิบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พิซซ่าเห็ด ยำเห็ด ไข่ป่ามเห็ด เป็นต้น ได้ทั้งความอร่อยแถมยังดีต่อสุขภาพด้วยนะ   ยำเห็ด.ทานอาหารเสร็จเราก็เดินทางไปยังจังหวัดแพร่และพักค้างคืนกัน เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้เริ่มเที่ยวตั้งแต่เช้าเลยค่ะ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำที่ตั้ง : 129 บ้านหัวน้ำ ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่านโทร. 081 005 1533เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.  วันที่ 3 วันสุดท้ายเราเริ่มกันที่ “พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ คุ้มเจ้าหลวง” ที่นี่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2435 โดยเจ้าพิริยเทพวงศ์ เจ้าหลวงเมืองแพร่องค์สุดท้าย ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยผสมยุโรป มีการประดับส่วนต่าง ๆ ของอาคารด้วยไม้ฉลุงดงาม  ตัวอาคารมี 3 ชั้น โดย 2 ชั้นบนจำลองเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องจัดเลี้ยง ฯลฯ ซึ่งแต่ละห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยโบราณ ส่วนชั้นล่างสุดหรือที่เรียกกันว่าชั้นใต้ดินนั้นแบ่งเป็น 3 ห้อง ได้แก่ ห้องขังผู้ที่ถูกจับกุมเพื่อรอการไต่สวนและลงอาญา ห้องบ่าวไพร่ และห้องเก็บของ

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : เสาชิงช้า – ศาลเจ้าพ่อเสือ

เที่ยวง่ายๆ ในหนึ่งวันฉบับคนมีเวลาน้อย วันนี้แอดจะชวนเพื่อนๆ ไปเดินเที่ยว ถ่ายรูป และกินของอร่อยกันรอบกรุงเทพฯ สำหรับวันนี้เราจะไปลัดเลาะในเส้นทางแรกนั่นคือ เสาชิงช้า – ศาลเจ้าพ่อเสือ  โกปี๊ เฮี้ยะไถ่กี่ ร้านกาแฟโบราณรุ่นเก๋ากว่า 60 ปี ที่มีต้นกำเนิดมาจากร้านขายของโชห่วย กลายมาเป็นร้านกาแฟ เฮี้ยะไถ่กี่ บน ถ.วิสุทธิกษัตริย์ ต่อมาได้มีการขยายสาขาเพิ่มเติมอีก 4 สาขา ในชื่อว่า โกปี๊ เฮี้ยะไถ่กี่ สาขา 1 เสาชิงช้าสาขา 2 ผ่านฟ้าสาขา 3 ตลาดเสรีมาร์เก็ต เดอะไนน์ พระราม 9สาขา 4 เดอะ ไบรท์ พระราม2 เช้านี้แอดตั้งใจจะพาเพื่อนๆ มาฝากท้องกันที่นี่ ซึ่งเค้าก็มีหลากหลายเมนูให้เลือกทั้งของว่างทานเล่น และเมนูอาหารเช้า ไม่ว่าจะเป็น ไข่กระทะ สเต็กหมู สเต็กปลา ข้าวต้ม ข้าวปลาแซลมอน ขนมปังปิ้ง โรตี ฯลฯ ทางร้านให้ลูกค้าบริการตัวเองนะคะ เดินมาสั่งและรับอาหารหรือเครื่องดื่มที่หน้าเคาน์เตอร์ด้วยตัวเองได้เลย สำหรับมื้อเช้าของแอดเป็น “ไข่กระทะ” ไข่ดาว 2 ฟอง และหมูสับ มาพร้อมชุดขนมปัง ที่ประกอบด้วยขนมปัง หมูยอ และกุนเชียง เครื่องแน่นอยู่นะ แต่ถ้ายังไม่จุใจก็สามารถเพิ่มชีสและเบคอนได้ ทางร้านเรียกว่า “ไข่กระทะครบสูตร” หรือจะไม่เพิ่มก็ได้ แล้วแต่ความชอบเลยจ้า ไม่อิ่มขอต่ออีกชาม “เส้นใหญ่ต้มยำ” เมนูนี้ใครได้ลองชิมแล้วต้องอยากซดน้ำต้มยำร้อนๆ บอกเลยว่าโล่งคอสุดๆ เส้นใหญ่เหนียวนุ่ม เครื่องต้มยำก็แซ่บ เครื่องดื่มของร้านเป็นสไตล์โบราณ แต่ก็มีความร่วมสมัยอยู่ด้วย ทั้งชา กาแฟ นมเย็น โอเลี้ยง ฯลฯ แก้วสูงๆ นั้นเรียกว่า “ชาเฟ” เป็นทั้งชาและกาแฟในแก้วเดียวกัน กาแฟเข้มข้นผสมชาซีลอนแท้ๆ โปะด้วยวิปครีมนุ่มๆ ดื่มตอนแรกจะได้กลิ่นชาก่อน จากนั้นตามด้วยรสเข้มๆของกาแฟ ฟินมาก ถัดมาคือ “โอวัลตินภูเขาไฟ” เมนูที่หลายคนคงจะเคยดื่ม และยังชื่นชอบไม่เคยเปลี่ยน แก้วสุดท้าย “ชาซีลอนเย็น” รสชาติเข้มข้น หวานมัน หอมชามาก คนรักชาห้ามพลาด โกปี๊ เฮี้ยะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า ที่ตั้ง : 37 อาคารหัวมุมซอยสำราญราษฎร์ ถนนศิริพงษ์ กรุงเทพฯ (ใกล้ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร)เปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 20.00 น.โทร. 091 979 1498พิกัด : https://goo.gl/maps/bH2Ena3PSZL2 เรามุ่งหน้าเดินจากร้านกาแฟ ผ่านศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร ตรงมายังถนนมหรรณพ เดินมาเรื่อยๆ เเวะชิม “ขนมกุ๋ยช่าย เจ๊ต้อย” เจ้าดังกันก่อน ร้านนี้เปิดมา 10 กว่าปีแล้ว เป็นกุ๋ยช่ายต้นตำรับแป้งบางนุ่ม ไส้เยอะมาตั้งแต่สมัยรุ่นแม่ของเจ้าของร้าน น้ำจิ้มรสชาติจัดจ้าน โดดเด่นด่วยกุ๋ยช่ายทรงหลังเต่า ไม่แบนเหมือนที่อื่นๆ แตกต่างไม่เหมือนใคร กุ๋ยช่ายร้านนี้มีทั้งหมด 6 ไส้ด้วยกัน ได้แก่ กะหล่ำ-เห็ดหอม หน่อไม้สดกุ้งแห้ง เผือก มันแกว และกุ๋ยช่าย ราคาชิ้นละ 7 บาท ที่ตั้ง : 122 ถนนมหรรณพ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 15.00 น.โทร. 062 857 3777, 081 836 5941พิกัด : https://goo.gl/maps/FKRgkkLbQ112 อิ่มแล้วพร้อมลุยต่อ จากร้านกุ๋ยช่าย เดินตรงไปตามถนนมหรรณพจนสุดทางก็จะเจอ “ศาลเจ้าพ่อเสือ” หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ตั่วเหล่าเอี้ย” เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ผู้คนต่างมากราบไหว้ขอพร เสริมดวงบารมี รวมถึงสะเดาะเคราะห์แก้ปีชงต่าง ๆ อีกด้วย ที่ตั้ง : 468 ถนนตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/r1VnBaxTgFN2 ออกจากศาลเจ้าพ่อเสือ เดินไปทางขวานิดเดียวก็จะพบกับ “ซุ้มประตู” ที่ตั้งอยู่อย่างโดดเด่นด้วยสถาปัตยกรรมแบบยุโรปผสมไทย ย่านแพร่งสรรพศาสตร์ ลักษณะเป็นกรอบประตูรูปซุ้มโค้ง ภายในวงกลมด้านบนประดับกระจกสีและประติมากรรมเทพธิดากรีกขนาดเกือบเท่าคนจริงอยู่ในท่ายืนถือคบไฟ แต่เดิมบริเวณนี้คือวังของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ (พระองค์เจ้าทองแถมถวัลยวงศ์) เจ้ากรมช่างมหาดเล็กสมัยรัชกาลที่ 5 ซึ่งภายหลังวังได้เกิดเพลิงไหม้เสียหายจนหมด คงเหลือเพียงซุ้มประตูวังเท่านั้น แวะถ่ายรูปกันสักหน่อยแล้วไปลุยกันต่อ จัดหนักกันอีกมื้อที่ “นายอ้วนเย็นตาโฟบะเต็ง” ตั้งอยู่ในตรอกนาวา จากซุ้มประตูวังเดินตรงมาทางขวาเรื่อยๆ ซอยจะอยู่ฝั่งตรงข้ามก่อนถึงแพร่งนรา (สังเกตธนาคารกรุงเทพหน้าปากซอย) เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมานานกว่า 50 ปีแล้ว มีลูกค้ารอคิวต่อแถวซื้อเป็นจำนวนมาก จนต้องขยายร้านเป็นสองคูหาเลยทีเดียว ที่ตั้ง : 41 ตรอกนาวา ถนนตะนาว แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00 – 21.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/5cwTFWcZPCD2 ความอร่อยของร้านนี้คือ ลูกชิ้นที่ทางร้านทำเอง สดใหม่ทุกวัน ไม่ใส่สารกันบูด รสชาติก๋วยเตี๋ยวที่เข้มข้น และเครื่องที่อัดแน่นจนเต็มชาม ไม่ว่าจะเป็นลูกชิ้นปลา เต้าหู้ เกี๊ยวกรอบ หมึกกรอบ เรียกได้ว่าจัดเต็ม สำหรับใครที่สั่งก๋วยเตี๋ยวแห้งและเย็นตาโฟแห้ง ก็จะมีหมูบะเต็งหวาน ๆ เค็ม

Walking Bangkok : เสาชิงช้า – ศาลเจ้าพ่อเสือ อ่านเพิ่มเติม

ปัว 2 วัน 1 คืน : ชิมโกโก้ ชมธรรมชาติ

วันที่ 1บ่อเกลือสินเธาว์จุดชมวิวดอยภูคา 1715Cocoa Valley วันที่ 2โรงเรียนชาวนาวังศิลาแลงวัดภูเก็ต วันที่ 1 ใครมาเที่ยวน่าน ก็ต้องไม่พลาดแวะอำเภอบ่อเกลือ ถือว่าเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเลยล่ะ อำเภอบ่อเกลือเป็นที่ตั้งของบ่อเกลือโบราณอายุกว่า 800 ปี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์บนภูเขาแห่งเดียวในโลก ในอดีตที่นี่มีบ่อเกลือหลายบ่อ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2 บ่อเท่านั้นคือ บ่อเหนือและบ่อใต้ ชาวบ้านที่นี่ยังคงต้มเกลือด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมเพื่อใช้ในการบริโภค และมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามจำหน่ายอีกด้วย. ที่ตั้ง : อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. (เข้าชมฟรี)บ่อเกลือจะปิดช่วงประเพณีเข้าพรรษาช่วงเดือนกรกฏาคม-กันยายน และวันสงกรานต์ของทุกปีโทร. 087 176 2016 (กลุ่มที่นำเกลือไปแปรรูปเป็นเกลือสปา)พิกัด : https://goo.gl/maps/aaigsLsHJn2y3dwh8 จุดชมวิวดอยภูคา 1715 จุดชมวิวดอยภูคา ตั้งอยู่ริมถนนหมายเลข 1256 อยู่เลยทางเข้าอุทยานฯ ไปประมาณ 4 กม. เป็นจุดชมวิวที่มีนักท่องเที่ยวแวะชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม รวมถึงทะเลหมอกด้วยนะ นับเป็นอีกแห่งที่สวยสุด ๆ ไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลยล่ะ.ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ของทุกปี ดอกชมพูภูคาเริ่มทยอยบานสะพรั่งบริเวณอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งชมได้ปีละครั้งเท่านั้น หากมีโอกาสแวะไปชมกันนะ.ที่ตั้ง : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1256 อำเภอปัว จังหวัดน่านพิกัด :  https://goo.gl/maps/Y4TcBDyTN4pwwAHB8 สาวกช็อกโกแลตไม่ควรพลาด เพราะเราจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่จากสวนโกโก้แท้ ๆ ในประเทศไทยที่จังหวัดน่าน “Cocoa Valley” ที่นี่เปิดเป็นคาเฟ่ที่ใช้วัตถุดิบจากสวนและยังเป็นรีสอร์ทอีกด้วย เอาล่ะ…เดี๋ยวแอดพาทุกคนเข้าสวนไปเก็บผลโกโก้กันสด ๆ และลงมือทำช็อกโกแลตด้วยตัวเองกันค่ะ ก่อนอื่นเลย เจ้าหน้าที่จะอธิบายที่มาที่ไปของโกโก้และขั้นตอนการเก็บ ซึ่งโกโก้นั้นต้องใช้เวลาการปลูกกว่า 3 ปีเลยนะจึงจะสามารถเก็บผลผลิตมาใช้ได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เราเก็บผลโกโก้สด ๆ จากต้นกับมือเลยล่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะใช้มีดหั่นลงไปตรงกลางของผลโกโก้และวนให้รอบจนขาดออกจากกันเพื่อเราดูเมล็ด แอดบอกเลยว่าเมล็ดโกโก้สีขาว ๆ นั้นสามารถกินได้ด้วยนะ มีรสชาติออกเปรี้ยว ๆ แถมยังมีประโยชน์ช่วยเรืองความจำอีกด้วย หลังจากเราเก็บผลโกโก้จากสวนแล้ว เจ้าหน้าที่จะพาเราไปดูวิธีการถัดไปคือ ต้องนำผลโกโก้ไปหมักและตากแห้ง จะเป็นหน้าตาแบบนี้เลย จากนั้นก็ฝัดเพื่อเอาฝุ่นออกและแยกเปลือกออกมา ซึ่งเปลือกยังสามารถนำไปบดเพื่อใช้ย้อมผ้าได้อีกด้วย ถึงเวลาที่เราสนุกกันละ ถึงเวลาทำช็อกโกแลตกันแล้วค่ะ โดยจะใช้โกโก้ที่ผ่านการแปรรูปแล้วมาผสมกับน้ำตาลโตนดเพื่อให้ได้รสหวาน ส่วนใครชอบแบบเข้มข้นก็ไม่ต้องผสมน้ำตาลเลยก็ได้ โกโก้ที่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมไว้ ค่อนข้างมีอุณหภูมิสูง เราจึงต้องทำให้อุณหภูมิของโกโก้พอดีกับอุณหภูมิห้องเสียก่อน โดยการเทโกโก้ลงบนโต๊ะหินอ่อนปาดสลับไปมา จนรู้สึกว่าโกโก้เริ่มหนืด จากนั้นก็ตักใส่ชามและเทลงในกรวย แล้วก็บีบโกโก้ลงในเฟรมที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยอัลมอนด์ ลูกเกดตามความชอบได้เลย  ตกแต่งหน้าตาช็อกโกแลตเรียบร้อยก็นำไปแช่เย็นประมาณ 5 นาที เราก็จะได้ช็อกโกแลตฝีมือตัวเองกลับบ้าน หากเพื่อน ๆ อยากมาทำกิจกรรมสามารถติดต่อจองล่วงหน้าได้ค่ะ.กิจกรรมใช้เวลา 45 นาที ราคาคนละ 350 บาท ที่ตั้ง : 339 หมู่ 8 ตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.โทร. 063 791 1619พิกัด : https://goo.gl/maps/nB649qmGhBx วันที่ 2 โรงเรียนชาวนาที่นี่เปิดเป็นฟาร์มสเตย์ ตั้งอยู่กลางทุ่งนาบริเวณบ้านนาคำ ที่นี่เน้นวิถีธรรมชาติและได้สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา.นอกจากเป็นที่พักแล้ว โรงเรียนชาวนาก็ยังมีกิจกรรมให้ทำด้วยค่ะ ขึ้นอยู่กับฤดูกาล แต่บรรยากาศโดยรอบ โรงเรียนชาวนาเต็มไปด้วยทุ่งนา ถ้าไปในช่วงฤดูดำนา เพื่อน ๆ ก็จะได้เรียนดำนา หรือหากไปในช่วงที่กำลังรอการเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อน ๆ ก็สามารถได้เกี่ยวกันด้วยนะ สำหรับกิจกรรมต้องติดต่อล่วงหน้าไว้ด้วยนะคะ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าพักก็สามารถแวะมาถ่ายรูปกับวิวทุ่งนา โอบล้อมด้วยภูเขา สูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด.ที่ตั้ง : โรงเรียนชาวนา 225 หมู่ 1 บ้านนาคำ ตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่านที่พักราคา 600 – 4,000 บาท/หลัง (รวมอาหารเช้า)โทร. 089 999 7737พิกัด : https://goo.gl/maps/XN7gnfSfVZP2 วังศิลาแลง สำหรับใครที่มีโอกาสไปอำเภอปัว ก็อย่าลืมแวะมาชมความสวยงามของ วังศิลาแลง หรือเรียกกันว่าแกรนด์แคนยอนเมืองปัว.ที่นี่มีลักษณะเป็นซอกหินผาที่เกิดจากการกัดเซาะของลำน้ำกูนที่ไหลผ่านมาเป็นเวลานาน ประกอบด้วยวังน้ำและโตรกผาเป็นช่วง ๆ โดยมีวังน้ำประมาณ 7 วัง รวมระยะทางกว่า 400 เมตร การเดินทางเข้าไปสามารถเดินเท้าเข้าไปจากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำลงไปได้เลย ประมาณ 15 นาทีก็ถึง แต่ระหว่างทางเดินต้องระมัดระวังกันด้วยนะ บางจุดจะค่อนข้างชันและแคบ.ไม่น่าเชื่อว่าซอกหินผาที่ดูธรรมดา แต่ความจริงนั้น เราจะได้พบกับธรรมชาติอันงดงามที่ซ่อนตัวอยู่อย่างลึกลับแบบนี้.ที่ตั้ง : บ้านหัวน้ำ หมู่ 5 ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่าน (ติดกับฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ)พิกัด : https://goo.gl/maps/EpwqkebJsm62  วัดภูเก็ต วัดภูเก็ต ที่ไม่ใช่จังหวัดภูเก็ต แต่แท้จริงแล้วอยู่จังหวัดน่าน แค่ชื่อก็ถือว่าเป็นจุดน่าสนใจ ชื่อวัดมาจากการเรียกชื่อตามหมู่บ้านที่ชื่อว่า “หมู่บ้านเก็ต” และเนื่องจากเป็นวัดตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งทางเหนือ เรียกว่า “ดอย” หรือ “ภู” จึงมีชื่อว่า “วัดภูเก็ต” หมายถึง วัดบ้านเก็ตที่อยู่บนภู หรือ ดอย ไฮไลท์ของวัดนี้จะมีระเบียงชมวิวด้านหลังวัด ซึ่งจะติดกับทุ่งนาเขียวขจี โอบล้อมด้วยภูเขาของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา สำหรับช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ทุ่งนาจะออกรวงสวยงามด้วยนะ.ที่ตั้ง : บ้านเก็ต หมู่ 2 ตำบลวรนคร อำเภอปัว จังหวัดน่านโทร. 084 046 9745 (เจ้าอาวาส)พิกัด : https://goo.gl/maps/WSPrL4bUdgT2

ปัว 2 วัน 1 คืน : ชิมโกโก้ ชมธรรมชาติ อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : สามเสน-เทเวศร์

ใครชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองเก่าและประวัติศาสตร์ ตามแอดมา แอดจะพาไปเดินซอกแซกตามตรอกซอกซอยแถวย่านสามเสน เทเวศร์ พาไปศาลเจ้า ไหว้พระ ไปย้อนอดีตดูความงดงามของโบสถ์คริสต์ และวัดเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถมเติมพลังกันที่ร้านอร่อยประจำย่านนี้ เรียกว่าวันเดียวได้ทั้ง ไทย จีน ฝรั่งเลยแหละ ศาลเจ้าแม่ทับทิม (จุ่ยป๋วยเนี้ย) ศาลเจ้าเก่าแก่ของชาวจีนไหหลำ องค์เจ้าแม่สลักจากขอนไม้ใหญ่ที่ลอยน้ำมา เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาสักการะ ช่วงนี้ใครกำลังหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ อยากจะประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ ก็มาไหว้เจ้าแม่ทับทิมได้ ที่ตั้ง : 6 ถนนราชวิถี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร (เชิงสะพานซังฮี้)เปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น. ตลาดบ้านญวน เป็นตลาดเล็ก ๆ อยู่ในซอยสามเสน 13 ตอนเช้าชาวบ้านในละแวกนี้จะมาตั้งร้านขายของกันเต็มสองข้างทาง มีร้านอาหารเด็ด ๆ เช่น ร้านข้าวเหนียวหมูทอด ร้านปลากริมปลา และร้านกาแฟ น้ำชงหลายชนิด นอกจากนี้ตลาดบ้านญวนยังเป็นแหล่งที่มีร้านขายอาหารเวียดนามตั้งอยู่หลายร้านอีกด้วย.ที่ตั้ง : ซอยสามเสน 13 เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลาประมาณ 05.30-08.00 น.*วันอาทิตย์จะมีของขายเยอะที่สุด* วัดนักบุญแซงฟรังซัวซาเวียร์ หรือชื่อที่คุ้นหูคือวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ ในอดีตวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดชั่วคราวให้แก่ชาว “คริสตังญวน” ที่ลี้ภัยสงครามมาอาศัยอยู่บริเวณนี้ เดิมวัดสร้างด้วยไม้ไผ่ แต่อยู่ได้เพียงปีเดียวก็เกิดพายุใหญ่พัดทำลายวัดจนเสียหายเมื่อ พ.ศ.2380 พระคุณเจ้ากูรเวอซี ประมุขมิซซังกรุงสยามจึงได้ออกเงินให้สร้างวัดใหม่ เป็นอาคารไม้ และต่อมา คุณพ่อปิแอร์ เมาริส ยิบาร์ตา เจ้าอาวาสเห็นว่าวัดไม้มีขนาดเล็ก ไม่เพียงพอสำหรับคนทั่วไป จึงขอรับบริจาคและสร้างอาคารหลังใหม่ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างนาน 10 ปี ที่ตั้ง : ซอยสามเสน 11 เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. วัดคอนเซ็ปชัญ เป็นวัดคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกหลังแรกในย่านบางกอก สร้างตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยพระองค์ได้พระราชทานที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือวัดสมอราย 1 แปลง ให้แก่พระสังฆราชหลุยส์ ลาโน เพื่อสร้างวัดแห่งนี้ พระสังฆราชลาโนได้ตั้งชื่อวัดว่า “คอนเซ็ปชัญ” ที่มีความหมายว่า “วัดแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมน” โดยมีชาวโปรตุเกสกว่า 60 ครอบครัว เดินทางมาตั้งถิ่นฐานที่ชุมชนริมน้ำเจ้าพระยาย่านสามเสนแห่งนี้ด้วย นอกจากจะมีรูปปั้นพระแม่มารีในโบสถ์แล้ว บริเวณใกล้กับโบสถ์ ยังมีประติมากรรมรูปพระแม่มารีประดิษฐานอยู่ในถ้ำอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าชุมชนแห่งนี้นับถือและศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก.ที่ตั้ง : ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยมิตตคาม (ซอยสามเสน 11) เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพิกัด : https://goo.gl/maps/bLDTejHQGQB2การเข้าชมควรติดต่อขออนุญาตจากบาทหลวงผู้รับผิดชอบก่อนล่วงหน้า โทร. 02 243 2617 วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เดิมชื่อว่า “วัดสมอราย” เป็นวัดสำคัญที่ได้รับการบูรณะมาโดยตลอด ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ และพระราชทานนามว่า “วัดราชาธิวาสวิหาร” มีความหมายว่า “วัดอันเป็นที่ประทับของพระราชา” เนื่องจากขณะทรงผนวชได้เคยเสด็จประทับที่วัดนี้นั่นเอง……………………………………………………………….พระอุโบสถออกแบบโดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ มีรูปทรงและลวดลายเลียนแบบสถาปัตยกรรมขอม ภายในแบ่งเป็น 3 ห้อง ห้องแรกเป็นโถงทางเข้า ห้องกลางเป็นห้องพิธีและประดิษฐานพระประธานคือ “พระสัมพุทธพรรณี(องค์จำลอง)” ส่วนห้องหลังสุด เป็นที่ประดิษฐานพระประธานองค์เดิมของวัดนามว่า “พระสัมพุทธวัฒโนภาส” จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ เป็นเรื่องราวพระเวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์ ฝีพระหัตถ์ทรงร่างของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ วาดและลงสีโดยนายคาร์โล ริโกลี จิตรกรชาวอิตาเลียนผู้มีชื่อเสียง ภายในวัดยังมีศาลาการเปรียญที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงให้สร้างเลียนแบบศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี ถือเป็นศาลาการเปรียญที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย .ที่ตั้ง : ซอยสามเสน 9 ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพิกัด : https://goo.gl/maps/s1gvobxNwRD2 วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ เดิมชื่อว่า “วัดสมอแครง” ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงรับเป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร” ตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 ผู้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัด.ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานที่ทำจากโลหะลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะทวารวดี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานนามว่า “พระพุทธเทวราชปฏิมากร”.พระอุโบสถ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. มณฑปจตุรมุข สร้างครอบพระอุโบสถเก่าเมื่อ พ.ศ. 2536 ภายในประดิษฐาน “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มณฑปจตุรมุขนี้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงพุทธศิลป์ต่างๆ เช่น พระพุทธรูปโบราณ พระพุทธบาทสมัยอยธุยา ฯลฯ.เปิดทุกวัน เวลา 9.00-17.00 น.  พิพิธภัณฑ์สักทองเป็นอาคารทรงปั้นหยาประยุกต์ 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง มีอายุประมาณ 479 ปี สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนา และอนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติในด้านสถาปัตยกรรม ภายในจัดแสดงรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งเท่าพระองค์จริงของสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 19 พระองค์ และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา.เปิดทุกวัน เวลา 10.00-17.00 น.……………………………………………………….วัดเทวราชกุญชรวรวิหารที่ตั้ง : 90 ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพิกัด : https://goo.gl/maps/VYXc7u8gsU72โทร. 02 281 2430  เดินมาเยอะแล้ว มาเติมพลังกันดีกว่า ร้านสี่เสาทะเลเดือดร้านนี้เด่นเรื่องก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสแซ่บ ที่ยกทะเล มาไว้ในชามด้วย เรียกได้ว่าแซ่บจนทะเลเดือดเลยทีเดียว.ที่ตั้ง : สี่เสาเทเวศร์ ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 07.30-17.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)โทร.02 628 6868, 083 642 2891  ที่ร้านมีเมนูแซ่บๆ ให้เลือกมากมายทั้ง ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเล

Walking Bangkok : สามเสน-เทเวศร์ อ่านเพิ่มเติม

walking Bangkok : บางรัก-สีลม

วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ มาเดินเล่น ชิมอาหาร และชมตึกเก่าในย่านบางรัก ย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อย และวัฒนธรรมอันหลากหลาย ใครที่ยังไม่รู้ว่าวันหยุดจะไปไหนดี ก็มาเที่ยวตามแอดได้เลยนะ แอดพาทุกคนมาเริ่มกันที่ “ศาลเจ้าเจียวเองเบี้ยว” หรือเรียกอีกอย่างว่า “ศาลเจ้าบางรัก” ตั้งอยู่บริเวณใต้สะพานตากสิน ข้างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานตากสิน หลังตลาดบางรักนี่เอง ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าไหหลำที่มีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงนักเดินทางชาวจีน 108 คน ที่ล่องเรือสำเภาเพื่อมาค้าขายที่นี่ แต่กลับถูกฆ่าตายที่เวียดนามเสียก่อนเพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโจรสลัด นับป็นศาลเจ้าที่เป็นที่นับถือของชาวจีนในแถบนี้ ผู้คนนิยมมาขอพรเรื่องความรัก ศาลเจ้าเจียวเองเบี้ยว ที่ตั้ง : ซ.เจริญกรุง 50 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. ขาหมูตรอกซุง เรามาต่อกันที่ “ร้านข้าวขาหมูตรอกซุง” ร้านขึ้นชื่อที่อยู่คู่บางรักมานานกว่า 40 ปี ข้าวขาหมูร้านนี้อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ น้ำพะโล้เข้มข้นแต่รสไม่จัดจ้านจนเกินไป กลมกล่อมกำลังดี ทานคู่กับผักกาดดองและน้ำส้มที่เผ็ดนิดๆ ยิ่งเพิ่มความอร่อยขึ้นไปอีก ถ้ายังไม่จุใจสามารถสั่งไข่พะโล้หรือไส้หมูมาเพิ่มได้ด้วย นอกจากขาหมู ก็ยังมีเมนูอื่นๆ อีก อย่างวันจันทร์และวันพุธจะมีแกงจืดมะระ ส่วนวันอังคารและวันพฤหัสบดีจะมีแกงจืดไชเท้า ซดกันให้คล่องคอไปเลย ที่ตั้ง : 106/5 ถ.เจริญเวียง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ (ซอยตรงข้ามโรบินสันบางรัก)เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.30-19.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. 02 235 4930 โหมงหวอ ร้านขายน้ำขมในตำนานของบางรัก ที่ขายมายาวนานกว่า 70 ปี มีน้ำขมให้เลือกทั้งขมมากและขมน้อย และยังมีน้ำสมุนไพรต่างๆ อีกมากมายให้เลือกดื่มด้วย ที่ตั้ง : 1441 ถ.เจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00–21.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. 02 233 9263 แอดเคยดื่มน้ำขมมาแล้วครั้งนึง ฝาดและขมจนแอดตกใจ วันนี้ก็เลยจัดน้ำรากบัวและน้ำเก๊กฮวยมาลองชิมแทน น้ำรากบัวที่นี่รสหวานเบาๆ นุ่มๆ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น น้ำเก๊กฮวยก็ไม่หวานมากเช่นกัน ที่สำคัญหอมด้วย ประจักษ์เป็ดย่าง อีกหนึ่งร้านเก่าแก่ของย่านบางรัก จากกิจการครอบครัวขนาด 1 คูหาที่เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2452 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 110 ปีแล้ว ปัจจุบันดำเนินการโดยทายาทรุ่นที่ 4 ที่ตั้ง : 1415 ถ.เจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.30-19.00 น.โทร. 02 234 3755 วันนี้แอดสั่ง 2 เมนูมาลองทาน คือ ข้าวหน้าเป็ด+หมูกรอบ และเกี๊ยวน้ำกุ้ง ข้าวหน้าเป็ด+หมูกรอบ เป็ดนุ่มอร่อยสมกับเป็นเมนูแนะนำ ไม่มีกลิ่นสาบ หนังกรอบ หอม ไม่มัน หมูกรอบก็กรอบกำลังดี มีรสเค็มนิดๆ เข้ากับน้ำซอสที่ราดได้ดี ส่วนเกี๊ยวน้ำกุ้ง น้ำซุปกลมกล่อม ซดได้เรื่อยๆ เกี๊ยวกุ้งก็อร่อย หอมกลิ่นน้ำมันงา วัดสวนพลู อิ่มแล้วก็มาเที่ยวกันต่อ แอดพามาที่ “วัดสวนพลู” ซึ่งไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ หมู่กุฏิที่เป็นเรือนไม้ 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา ประดับส่วนต่างๆ ของอาคารด้วยไม้ฉลุลวดลายสวยงาม แบบที่เรียกว่า “ขนมปังขิง” นอกจากนี้ยังมี “ศาลพระโพธิสัตว์กวนอิม” ซึ่งเป็นศาลาทรงไทยตั้งอยู่กลางสระน้ำ ภายในประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม เป็นที่เคารพสักการะอย่างมาก มีผู้คนเข้ามาสักการะและเสี่ยงเซียมซีอยู่เสมอ ที่ตั้ง : 58/1 ซ.เจริญกรุง 42/1 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ (ใกล้โรงแรมแชงกรีลา)โทร. 02 234 4471 ปั้นลี่เบเกอรี่ เดินชิลๆ ต่อมาจนเกือบถึงแยกบางรัก จะพบกับ “ปั้นลี่เบเกอรี่” ร้านเบเกอรี่เจ้าดังขนาด 2 คูหา ที่เป็นตำนานร้านหนึ่งของย่านบางรัก เปิดขายมาตั้งแต่ พ.ศ.2498 ที่นี่มีขนมหลากหลายชนิดให้เลือก และยังมีมุมให้นั่งทานขนมที่บริเวณชั้นลอยด้วย จุดเด่นของที่นี่ก็คือ ขนมที่ทำสดใหม่ทุกวัน ไม่มีค้างคืน และไม่ใส่วัตถุกันเสีย รับรองว่าได้ของดีมีคุณภาพแน่นอน ที่ตั้ง : 1335 ถ.เจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน– วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-20.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 07.00-17.00 น.โทร. 02 233 5428 วันนี้แอดสั่งอเมริกาโน่ (ไม่หวาน) ชานมไข่มุก (หวานน้อย) เค้กมะพร้าว และบราวนี่มาทาน อเมริกาโน่ของที่นี่ใช้กาแฟอาราบิก้าจากเชียงใหม่ เมล็ดกาแฟที่ใช้เป็นแบบคั่วกลาง ทำให้รสชาติที่ได้ไม่เข้มมากนัก มีกลิ่นหอมติดลิ้น รสชาติโอเคเลย มาต่อกันที่ชานมไข่มุก แอดสั่งแบบหวานน้อยมา ก็หวานน้อยจริงๆ นะ แอดชอบมาก หอมน้ำตาลทรายแดง ไข่มุกสีเหลืองก็นุ่มหนึบหนับ ส่วนเค้กมะพร้าวและบราวนี่ก็อร่อย ดีงามตามท้องเรื่อง สมกับเป็นเบเกอรี่เจ้าดังจริงๆ ร้านอาหารมุสลิม ร้านนี้ตั้งอยู่ที่แยกบางรัก เปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70 ปี บรรยากาศเหมือนร้านอาหารหรือน้ำชาทางภาคใต้ ผนังสีเหลืองอ่อนลายกระเบื้องตัดกับสีฟ้าดูน่ารัก สามารถสั่งอาหารได้ทั้งจากเมนูและตู้หน้าร้าน รสชาติทานง่าย กลิ่นเครื่องเทศฉุนแต่ไม่เหม็น วัตถุดิบคัดมาแล้วเป็นอย่างดี ที่ตั้ง : 1354-1356 ถ.เจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น.โทร. 02 234

walking Bangkok : บางรัก-สีลม อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : เยาวราช

“เยาวราช” เมื่อได้ยินคำๆ นี้ทีไรแอดก็อดนึกถึงวัฒนธรรมไทย – จีน และของกินแสนอร่อยไม่ได้เลย .ปกติแล้วเยาวราชจะเป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดานักชิมยามราตรี แต่วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ ไปเดินลัดเลาะถ่ายรูป เช็คอิน และแวะชิมของอร่อยย่านเยาวราชในตอนกลางวันแบบ 1 Day Trip กันค่ะ วันนี้เราจะมาเริ่มต้นทริปด้วยการมาไหว้พระขอพรกันที่ “วัดไตรมิตรวิทยาราม” ค่ะ วัดนี้เป็นวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก โดดเด่นด้วยพระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ที่สวยงาม.ซึ่งกินเนสส์บุ๊คก็ได้บันทึกไว้ว่า “พระสุโขทัยไตรมิตร” หรือ “หลวงพ่อทองคำ” พระประธานภายในพระมหามณฑป เป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเดินทางมาเพื่อชมพระพุทธรูปองค์นี้ด้วยตาตนเองเป็นจำนวนมาก อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาวัดไตรมิตรก็คือ “ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช” หรือ “พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร” เพราะที่นี่จะทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับเยาวราชมากยิ่งขึ้น ผ่านการจัดแสดงตามห้องต่างๆ ค่ะ.ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100วัดเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น..พิพิธภัณฑ์เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.00 – 17.00 น. (ปิดวันจันทร์) ออกจากวัดมา เพื่อนๆ ก็จะพบกับ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา” ที่ชาวไทยเชื่อสายจีนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ใน พ.ศ.2542 .ปัจจุบันที่นี่ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงามของเยาวราช ซึ่งเพื่อนๆ สามารถมายืนขอพรรับพลัง รวมทั้งโพสต์ท่าถ่ายรูปชิคๆ ได้ค่ะ .ที่ตั้ง ถนนมิตรภาพไทย-จีน แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 ตอนนี้ท้องเริ่มร้องครวญครางเพราะความหิวแล้ว แอดเลยแวะทานอาหารที่ “ร้านหลงโถว” ก่อนจะเดินทางต่อ ร้านนี้เป็นคาเฟ่เล็กๆ สไตล์จีนที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ เมนูที่มาถึงแล้วต้องห้ามพลาดเลยก็คือ– Chinese Breakfast ชุดข้าวต้มสุดคลาสสิก– Egg Lava Bun ซาลาเปาไส้ไข่ไหลที่จัดว่าเด็ดมากๆ– Lhong Tou Shumai เกี๊ยวสอดไส้หมูสับและกุยช่าย ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดไม่เหมือนใคร– และสุดท้าย เกี๊ยวกุ้งทอดไส้แน่นจุใจ มีความกรอบนอกนุ่มใน แม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ภายในมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบหลายโซนเลย ซึ่งโซนยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้นชั้นลอย เพราะดูแปลกตาไม่เหมือนใคร.แอดแนะนำให้ไปก่อนเที่ยงนะคะ เพราะคนยังไม่เยอะมาก ถ้าไปหลังจากนั้นอาจจะต้องรอคิวนานเลยละค่ะ.ที่ตั้ง 538 ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น.โทร 085 824 6934 จากนั้นเราก็เดินไปตามถนนเยาวราช ลัดเข้าถนนแปลงนามเพื่อไปยังวัดเล่งเน่ยยี่ ระหว่างทางก็แวะชิม “ขนมจีบแป๊ะเซี๊ย” ตำนานขนมจีบรสเด็ดย่านเยาวราช หน้า “วัดมงคลสมาคม” หรือ “วัดญวน” กันซะหน่อย ตอนที่แอดมาถึงมีคนกำลังต่อคิวรอซื้อขนมจีบอยู่เป็นจำนวนมาก แต่รอไม่นานความอร่อยก็เดินทางมาสู่ปลายลิ้น ขนมจีบขนาดพอดีคำ อิ่มกำลังดี และที่สำคัญคือน้ำจิ้มอร่อยมาก.ถ้าใครผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมมาลองชิมกันดูนะคะ เพียงลูกละ 3 บาทเท่านั้น รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ.ที่ตั้ง ถนนแปลงนาม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 19.00 น. หลังจากอิ่มหนำสำราญกับขนมจีบกันแล้ว เราก็เริ่มเดินเท้าต่อไปยัง “วัดมังกรกมลาวาส” หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อว่า “วัดเล่งเน่ยยี่” นั่นเอง วัดเล่งเน่ยยี่นับเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม จุดเด่นของที่นี่คือการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เพื่อขอพร และการแก้ปีชง สำหรับใครที่อยากมาแก้ชง แอดแนะนำที่นี่เลย เพราะเค้าว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลยนะ ส่วนใครที่ไม่ได้ชงก็รอดื่มได้เลยค่ะ เอ๊ยไม่ใช่ค่ะ! ส่วนใครที่ไม่ได้เกิดตรงกับปีชงก็ยังสามารถมาไหว้เทพเจ้าต่างๆ เพื่อเสริมสิริมงคลได้นะคะ .ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. สถานที่สุดท้ายของทริปวันนี้ แอดมาทำบุญที่ “ศาลเจ้าไต้ฮงกง” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติ  ทุกวันนี้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากต่อวัน และผู้เสียชีวิตบางรายก็ไม่มีญาติหรือแม้กระทั่งเงินทำศพให้กับตนเอง ดังนั้นหากเราอยากจะทำทาน การบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งทีดีไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ.ที่ตั้ง ถนนพลับพลาไชย แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 20.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 17 มกราคม 2562

Walking Bangkok : เยาวราช อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : วังหน้า – บางลำพู

สัมผัสเสน่ห์ย่านชุมชนเก่าแก่ ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย แวะไหว้พระ เดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ตามหาของอร่อยๆ ทานให้หนำใจ ที่ “ย่านวังหน้า – บางลำพู” .บอกเลยว่าเป็นเส้นทางที่เดินไม่เหนื่อย เข้าไปไหว้พระสงบจิตสงบใจ ถ้าใครกลัวแดดร้อนก็สามารถเข้าไปตากแอร์เย็นๆ ในพิพิธภัณฑ์ หรือจะหามุมนั่งเล่นพักผ่อนในร้านกาแฟก็ย่อมได้  สถานที่กิน ที่เที่ยว – ร้านปาท่องโก๋ คาเฟ่– วัดบวรนิเวศวิหาร– ร้าน ณ บวร– พิพิธบางลำพู– ร้านพัวกี่ เย็นตาโฟ– พิพิธภัณฑ์เหรียญ– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร– วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร– นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว– ร้าน A pink rabbit + Bob ก่อนเริ่มทริป เราไปเติมพลังกันที่ร้าน “ปาท่องโก๋ คาเฟ่” กันก่อน ร้านเป็นตึกแถว 2 คูหา อยู่หัวมุมถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศพอดี ภายในร้านไม่ได้มีแค่ปาท่องโก๋นะ แต่ยังมีเมนูหลากหลายให้เลือกทานเลย ทั้งเมนูของคาวและของหวานที่ใช้ปาท่องโก๋มาประยุกต์ เช่น ปาท่องโก๋หน้าไก่ ปาท่องโก๋ยำทรงเครื่อง และอีกมากมาย แอดทานแบบเบาๆ กับเมนูปาท่องโก๋ย่างพริกเผาหมูหยอง บอกเลยอร่อยมากๆ อิ่มกำลังพอดี ปาท่องโก๋ไม่อมน้ำมันด้วย อีกเมนูก็คือ ปาท่องโก๋ไอศกรีมวานิลลา เมนูนี้ก็เก๋ไม่แพ้กัน เพราะเป็นปาท่องโก๋ที่โปะด้วยไอศกรีม 1 สกู๊ปอยู่ด้านบน ไอศกรีมเป็นแบบโฮมเมด มีหลายรสชาติทั้งชาไทย กาแฟ วานิลลา และลิ้นจี่ น่าลองทุกรสเลย ปาท่องโก๋ คาเฟ่ที่ตั้ง : 246 ถนนพระสุเมรุ แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ (อยู่ตรงหัวมุมถนนพระสุเมรุตัดกับถนนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ)เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.โทร. 02 281 9754 หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ก็เดินข้ามถนนมาที่ “วัดบวรนิเวศวิหาร” วัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ระหว่าง พ.ศ.2367-2375 โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่กองก่อสร้าง ต่อมา พ.ศ.2379 รัชกาลที่ 3 ได้เชิญเสด็จเจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งผนวชจำพรรษาอยู่ที่วัดราชาธิวาส มาจำพรรษาที่วัดนี้ โดยจัดขบวนแห่เหมือนอย่างพระมหาอุปราช แล้วพระราชทานนามวัดว่า “วัดบวรนิเวศวิหาร” พระอุโบสถ เป็นอาคารทรงตรีมุข หลังคามุงกระเบื้องเคลือบลูกฟูกแบบจีน หน้าบันประดับกระเบื้องเคลือบ ตรงกลางเป็นตราพระมหามงกุฏและพระแสงขรรค์ประดิษฐานเหนือพานแว่นฟ้า มีใบเสมาศิลาติดอยู่ที่ผนังด้านหน้า ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง ซึ่งรัชกาลที่ 4 มีพระราชดำริให้เขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงผนวช ภายในประดิษฐานพระประธาน 2 องค์องค์หน้าคือ “พระพุทธชินสีห์” อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก องค์หลังคือ “พระสุวรรณเขต” หรือ หลวงพ่อโต อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จ.เพชรบุรี ที่ฐานพุทธบัลลังก์ของพระพุทธชินสีห์ยังเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 9 ด้วย เจดีย์ประธานของวัดสร้างสมัยรัชกาลที่ 4 มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ หุ้มกระเบื้องสีทอง ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ บนฐานทักษิณชั้นบน ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ มีซุ้มปรางค์ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 องค์จำลอง ซึ่งหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ.2508 (ส่วนองค์จริงทำจากปูนปลาสเตอร์ ประดิษฐานอยู่ภายในตำหนักเพ็ชร)  เดินไปอีกนิดจะพบ “วิหารพระศาสดา” ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2402 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ภายในวิหารแบ่งเป็น 2 ตอน ทิศตะวันออกประดิษฐาน “พระศาสดา” พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ทิศตะวันตกประดิษฐาน “พระไสยา” พระพุทธรูปสำริดลงรักปิดทองปางไสยาสน์ สมัยสุโขทัย ที่ฐานบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งทรงเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในวัดยังมีตำหนัก วิหาร และอาคารต่างๆ ที่สวยงามและน่าชมอยู่อีกมากเลยล่ะ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหารที่ตั้ง : ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/mKqHQMqkr7n หลังจากไว้พระ เดินชมวัดเรียบร้อยแล้ว แอดก็มานั่งพัก หาอะไรดื่มกันที่ร้าน “ณ บวร” ร้านกาแฟโมเดิร์นคลาสสิกประยุกต์ ตั้งอยู่ในตึกแถวโบราณ ริมถนนพระสุเมรุ ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร คำว่า “ณ บวร” มีความหมายตามหลักภาษาไทย ดังนี้“ณ” หมายถึง ที่นี่“บวร” หมายถึง ประเสริฐ เลิศล้ำ แต่สำหรับร้านนี้ คำว่า “ณ บวร” ยังซ่อนความหมายและเจตนารมย์ของร้านเอาไว้ในตัวอักษรด้วย นั่นก็คือ “บ” คือ บ้าน สถานที่อบอุ่นผ่อนคลาย“ว” คือ วัด เขตของความสุข สงบ สบาย“ร” คือ ร้านกาแฟ อันหมายถึงศูนย์กลางเล็กๆ ของชุมชนที่พร้อมบริการเครื่องดื่ม ขนม และบริการที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายและร่วมสมัย น่านั่งมากๆ เนื่องจากตอนนี้ยังเช้าอยู่ ร่างกายต้องการคาเฟอีน แอดเลยสั่ง คาราเมล แมคเคียโต้เย็น (Iced Caramel Macchiato) รสชาติเข้มข้น หอมคาราเมล ไม่หวานเกินไป ชอบมากกก อีกเมนูคือ ช็อกโกแลตร้อน (Hot Chocolate) เข้มข้นถึงใจมากๆ

Walking Bangkok : วังหน้า – บางลำพู อ่านเพิ่มเติม

A day in Chainat : 1 วัน ตะลอนเที่ยวชัยนาท

1 วันในชัยนาท จะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ตามไปดูกันเลย สถานีตำรวจภูธรอำเภอสรรพยา (โรงพักเก่าสรรพยา) เป็นอาคารที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 มีอายุกว่า 100 ปี นับเป็นโรงพักที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และยังได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2561 ประเภทอาคารสถาบันและอาคารสาธารณะ จากสมาคมสถาปนิกสยามอีกด้วย ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของอำเภอสรรพยา.ที่ตั้ง : หมู่ 4 ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/QUZj82MKeXN2เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. ก๋วยเตี๋ยวโบราณ สูตรแต้จิ๋ว มาเที่ยวอำเภอสรรพยาต้องห้ามพลาดบะหมี่ป้าโหนก ร้านตั้งอยู่ย่านตลาดโรงพักเก่าสรรพยา คนในพื้นที่มักเรียกกันติดปากว่าก๋วยเตี๋ยวป้าโหนก ร้านนี้เปิดมายาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งป้าโหนกเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจากคุณพ่อ ทีเด็ดอยู่ตรงเส้นบะหมี่ที่ทำเองวันต่อวัน และเป็นสูตรเฉพาะของครอบครัว ที่สำคัญไม่ใส่สีและสารกันบูดด้วย.ที่ตั้ง : ย่านตลาดโรงพักเก่า ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/v2bLugZQtw92เปิดทุกวัน เวลา 10.00-16.00 น. ชุมชนตลาดเก่าสรรพยา ถ้าใครอยากมาเดินเล่นย้อนอดีตหรือถ่ายรูปกับบ้านเรือนเก่าๆ และสตรีทอาร์ตสวยๆ ต้องมาที่นี่เลย  ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน บริเวณชุมชนแห่งนี้จะมีการจัดงาน “โรงพักเก่าสรรพยา Night Market” เป็นถนนคนเดินยามค่ำคืน มีสินค้าและของดีจากชุมชนมาขายมากมาย ตลาดเปิดทุกเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน เวลา 15.00-21.00 น. มาถึงตลาดโรงพักเก่าสรรพยาทั้งที ต้องมาชิมของดีของอำเภอสรรพยา เช่น ต้มปลาร้าหัวตาล เม็ดขนุนจาวตาล และขนมหน้างากุยหลี เป็นต้น วัดสรรพยาวัฒนาราม เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ หลวงพ่อสำเร็จ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นบริเวณหน้าวัด เป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเสร็จภายใน 1 วัน โดยการนำเอาพระพุทธรูปองค์เล็กๆ จำนวน 175,000 องค์ มาติดบริเวณผิวขององค์พระโดยรอบ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่า การได้มากราบหลวงพ่อสำเร็จ 1 ครั้ง เท่ากับได้รับพรจากพระนับแสนองค์เลยทีเดียว ด้านนอกของวิหารน้อยมีประติมากรรมปูนปั้น “พระฉาย” ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติ ที่พระพุทธเจ้าได้ประทับเงาของพระองค์ลงบนหน้าผาเพื่อให้ผู้คนได้มาเคารพบูชา ภายในวิหารน้อยมีพระพุทธรูปปางกราบพระบรมศพที่หาชมได้ยาก ชาวบ้านนิยมมาขอพรเกี่ยวกับสุขภาพ ให้หายจากอาการเจ็บป่วยหรือให้ร่างกายแข็งแรง.ที่ตั้ง : อ.สรรพยา จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/fkH6h4yGYSoเปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. เรียนรู้วิธีการทำน้ำตาลโตนด อำเภอสรรคบุรี เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกต้นตาลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตำบลห้วยกรดและตำบลบางขุด จึงมีการนำน้ำตาลสดมาแปรรูปเป็นน้ำตาลโตนด.เราสามารถเข้าไปดูวิธีการทำน้ำตาลโตนดได้ที่ชุมชน โดยการทำน้ำตาลโตนดจะมีช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม หากใครต้องการไปเรียนรู้วิถีชุมชน วิถีคนทำตาล สามารถไปได้ที่ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงอนุรักษ์ตาลโตนดที่ตั้ง : หมู่ 9 ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาทเทศบาลตำบลห้วยกรด โทร.056 945 088-9 ขนมหน้าควายลุย.ขนมชื่อแปลกที่หาทานได้เฉพาะจังหวัดชัยนาทเท่านั้น ขนมชนิดนี้เกิดจากการที่ชาวบ้านในชุมชนนำวัตถุดิบที่หาได้ง่ายๆ ใกล้ตัว อย่างถั่วเขียวและเผือกที่ปลูกไว้ รวมทั้งน้ำตาลโตนดที่เป็นของขึ้นชื่ออำเภอห้วยกรด มาทำเป็นขนม.วิธีการทำคือ นำถั่วเขียวและเผือกไปนึ่งให้สุก ใส่กะทิสด แล้วกวนให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำตาลโตนด และกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อเสร็จแล้วเนื้อจะเหนียวข้นเหมือนกับโคลนที่ถูกควายลุยนั่นเอง เวลารับประทานก็ตักใส่บนข้าวเหนียวมูนร้อนๆ ที่ราดด้วยกะทิ รสชาติหวานมันเค็มกำลังดี มีเนื้อเผือกนุ่มๆ อร่อยละมุนลิ้นสุดๆ.ขนมหน้าควายลุย หาทานได้ที่ ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/3a9Pv7fPpqp วัดมหาธาตุ หรือ วัดหัวเมือง เป็นวัดเก่าแก่ของอำเภอสรรคบุรี โบราณสถานที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ พระปรางค์ยอดกลีบมะเฟือง มีลักษณะเป็นปรางค์ทรงสูงชะลูด ส่วนยอดคล้ายกลีบมะเฟือง นิยมสร้างในสมัยอู่ทอง พระพุทธรูปสำคัญภายในวัดได้แก่ หลวงพ่อใหญ่ ที่มีอายุกว่า 700 ปี หลวงพ่อทองดำ พระพุทธสรรค์สิทธิ และหลวงพ่อหลักเมือง หรือหลวงพ่อหมอ พระพุทธรูปเหล่านี้ล้วนมีความเก่าแก่ เชื่อกันว่าสร้างขึ้นราวสมัยอยุธยาตอนต้น.ที่ตั้ง : ถนนเลียบแม่น้ำน้อย ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/dV3vMbjd2pP2 วัดทรงเสวย เดิมชื่อ “วัดหนองแค” เมื่อ พ.ศ.2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ ตรวจสอบลำน้ำเก่าทางเรือ ทรงแวะพักเสวยพระกระยาหารที่วัดนี้ และได้พระราชทานนามว่า “วัดเสวย” ชาวบ้านเห็นเป็นราชาศัพท์ จึงเพิ่มคำว่า “ทรง” เข้าไปด้วย กลายเป็นวัด “ทรงเสวย” ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ พระพุทธสุวรรณชัยมหามุนี (หลวงพ่อทองคำ) ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ นับถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 สิ่งของเนื่องในงานพระศพของพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 ซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานไว้ให้แก่วัด ได้แก่ บาตร ปิ่นโต และป้านน้ำชา เป็นต้น ที่ตั้ง : บ้านหนองแค เลขที่ 63 หมู่ 1 ต.หนองน้อย อ. วัดสิงห์ จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/xUhgF2auXk12 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 31 มกราคม 2562

A day in Chainat : 1 วัน ตะลอนเที่ยวชัยนาท อ่านเพิ่มเติม

บุก 2 ภู ดูหมอกเลย

จังหวัดเลยตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ เป็นจังหวัดในภาคอีสานที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย แต่ละที่ล้วนสวยงามและมีเสน่ห์ ชนิดที่ไปแล้วก็ต้องกลับไปซ้ำ เพราะความประทับใจในแต่ละครั้งไม่เคยซ้ำกันเลยจริง ๆ . แอดมีตัวอย่างเส้นทาง “บุก 2 ภู ดูหมอกเลย” เที่ยวเลยแบบ 2 วัน 1 คืน มาฝากให้เพื่อน ๆ ได้ลองดูเป็นไอเดีย . ทริปนี้ แอดบอกก่อนเลยว่า เหมาะสำหรับสายแอดเวนเจอร์ อยากให้เพื่อน ๆ เดิน ค่อย ๆ เที่ยว แอดเลยไม่ได้ใส่สถานที่ท่องเที่ยวมาเยอะมาก วันที่ 1– ภูป่าเปาะ อำเภอหนองหิน– สวนหินผางาม อำเภอหนองหิน วันที่ 2– อุทยานแห่งชาติภูเรือ อำเภอภูเรือ– วัดป่าห้วยลาด อำเภอภูเรือ อย่าลืมแวะชิม “ตำด๊องแด๊ง” อาหารถิ่นจังหวัดเลยด้วยนะ จุดแรกที่เราจะไปก็คือที่ ภูป่าเปาะ อำเภอหนองหิน ห่างจากตัวเมืองเลยประมาณ 64 กิโลเมตร.ภูป่าเปาะ เป็นเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 910 เมตร จุดเด่นของภูป่าเปาะคือ สามารถมองเห็นภูหอ ที่มีลักษณะเป็นภูเขายอดตัด ตั้งตระหง่านโดดเด่น คนที่ได้เห็นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภูหอคล้ายภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น.การเดินทางขึ้นไปยังภูป่าเปาะ นักท่องเที่ยวไม่สามารถขับรถขึ้นไปเองได้ ต้องจอดไว้ที่ด้านล่างแล้วใช้รถอีแต๊กท้องถิ่นที่จอดคอยให้บริการอยู่บริเวณตีนภู ราคาคนละ 60 บาท คันหนึ่งนั่งได้สูงสุด 7 คน ที่ภูป่าเปาะ มีจุดชมวิวหลัก ๆ อยู่ 4 จุด แต่ละจุดห่างกัน 200 เมตร รถอีแต๊กจะจอดส่งเราที่จุดที่ 1 จากนั้นเราต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปด้วยตัวเอง ไฮไลท์ของที่นี่คือยอดภู ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองดูภูหอพร้อมวิวสวย ๆ แบบพาโนรามา 360 องศา และหากสภาพอากาศเป็นใจ เราจะได้ชมทะเลหมอกอีกด้วย.จากภูป่าเปาะ เราสามารถมองเห็นภูอื่น ๆ อีกหลายภู ไม่ว่าจะเป็น ภูกระดึง ภูหลวง ภูยอง ภูผาขวาง ภูค้อ ภูกระแต สวนหินผางาม ภูผาม่าน.บนภูป่าเปาะไม่มีที่พักและไม่อนุญาตให้กางเต็นท์ มีห้องน้ำและร้านอาหารให้บริการแต่อยู่บริเวณที่ทำการด้านล่าง.ภูป่าเปาะที่ตั้ง: ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลยเปิดให้บริการทุกวัน รถอีแต๊กเปิดให้บริการตั้งแต่ เวลา 05.00 – 18.00 น. (นักท่องเที่ยวสามารถอยู่บนยอดภูได้ถึง 19.00 น.)โทร. 06 0837 9938พิกัด https://goo.gl/maps/nmuhy4YxDyMfTcWm6 หลังจากเดินเที่ยวบนภูแล้ว จุดต่อไปคือสวนหินผางาม ห่างจากภูป่าเปาะประมาณ 7 กิโลเมตร.สวนหินผางามเป็นสวนหินปูนอายุประมาณ 250-280 ล้านปี ซึ่งมีอายุใกล้เคียงกับสวนหินที่เมืองคุณหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน หลาย ๆ คนเรียกที่นี่ว่า คุณหมิงเมืองเลย เนื่องจากทางเดินในสวนหินแคบและวกวน อาจจะทำให้เกิดการพลัดหลงได้ จึงต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว.การเข้าชมจะแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 10 คน ค่าบริการกลุ่มละ 100 บาท จุดที่น่าสนใจภายในสวนหินผางาม ได้แก่ ถ้ำทะลุ ภูเขารูปทรงต่าง ๆ จุดชมวิวยอดเขาผาบ่อง เป็นต้น.สวนหินผางามที่ตั้ง: ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 08.30 – 17.00 น. โทร. 06 4261 5103พิกัด https://goo.gl/maps/A2tjNnu4A4RuUjgr8 วันที่ 2.เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยการขึ้นไปชมทะเลหมอกบนอุทยานแห่งชาติภูเรือ ห่างจากสวนหินผางามประมาณ 106 กิโลเมตร ซึ่งหากเพื่อน ๆ จะเที่ยวตามที่แอดแนะนำ แอดอยากให้พักบริเวณตัวอำเภอภูเรือ เพื่อสะดวกต่อการเดินทางขึ้นภูในเวลาเช้า.อย่าลืมจองคิวใน App QueQ ก่อนเข้าพื้นที่อุทยานฯ ด้วยนะ อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอภูเรือ อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ส่วนอาณาเขตด้านทิศเหนือติดกับประเทศลาว.ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดภูเรือ มีความสูงถึง 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สาเหตุที่เรียกว่า “ภูเรือ” เนื่องจากภูเขาลูกหนึ่งในอุทยานฯ มีชะโงกผายื่นออกมาดูคล้ายสำเภาใหญ่ และที่ราบบนยอดเขามีลักษณะคล้ายท้องเรือนั่นเอง.นักท่องเที่ยวไม่สามารถนำรถขึ้นไปบริเวณยอดภูเรือได้ วิธีขึ้นไปมี 2 วิธี คือ1. เดินขึ้นภูเรือด้วยตัวเอง ระยะทางประมาณ 1.3 กิโลเมตร2. ใช้บริการรถสองแถวของชาวบ้าน ที่จอดอยู่ในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ราคาเที่ยวละ 10 บาท (ขึ้น 10 บาท ลง 10 บาท) บนยอดภูเรือเราจะเห็นป่าสนเขาสลับกับสวนหินธรรมชาติ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกที่สวยงาม และดอกไม้หลากหลายพันธุ์ เช่น กุหลาบแดง กุหลาบขาว ดาวเรือง ภูเฟิร์น กล้วยไม้ป่า เป็นต้น นอกจากนี้ บนยอดภูเรือยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธนาวาบรรพต เป็นพระพุทธรูปที่ชาวภูเรือ อัญเชิญมาจากวัดพระญาติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.2520 เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ชาวภูเรือนั่นเอง.ในอุทยานฯ ยังมีจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายจุด เช่น ผาโหล่นน้อย ผาช่าทอง น้ำตกห้วยไผ่ หินศิวลึงค์ สวนหินพาลี ทุ่งหินพานขันหมาก หินเต่า เป็นต้น.สำหรับผู้ชื่นชอบการกางเต็นท์ สามารถนำเต็นท์ไปกางนอนได้ เสียค่าบำรุงสถานที่ 30 บาท ต่อคน หากใครไม่มีเต็นท์ส่วนตัว สามารถเช่าของทางอุทยานฯ ได้ เป็นเต็นท์ขนาด 3 คนนอน ราคาหลังละ 250 บาท และค่าเครื่องนอนชุดละ 60 บาท.อุทยานแห่งชาติภูเรือที่ตั้ง: ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ

บุก 2 ภู ดูหมอกเลย อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวนครนายก-ปราจีนบุรี 2 วัน 1 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวนครนายก-ปราจีนบุรี 2 วัน 1 คืน ถึงนครนายกและปราจีนบุรีจะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปหลายแห่ง เรียกว่าครบทั้งที่เที่ยวทางธรรมชาติ ร้านอาหาร คาเฟ่สุดชิค และแหล่งเรียนรู้ บอกเลยว่าทริปนี้ได้ทั้งความชิลและความรู้ไปแบบเต็ม ๆ.ทริปนี้แอดจะพาไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ตามมาดูเลยค่ะ จังหวัดนครนายก– Montreux Café & Farm– วัดจุฬาภรณ์วนาราม– อุทยานพระพิฆเณศ– สะพานทุ่งนามุ้ย จังหวัดปราจีนบุรี– พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร– บ้านเล่าเรื่อง…เมืองสมุนไพร– ภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ– Café Kantary 304 ร้าน Montreux Café & Farm เริ่มต้นที่แรกด้วยร้าน Montreux Café and Farm (มองเทรอส์ คาเฟ่ แอนด์ ฟาร์ม) คาเฟ่บรรยากาศดี มีฟาร์มเล็ก ๆ ให้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ.ภายในร้านแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนของคาเฟ่ และฟาร์ม คาเฟ่ให้บริการอาหาร น้ำดื่ม และขนม ใครหิวมาฝากท้องได้ที่นี่เลยค่ะ อร่อยทุกอย่าง .ที่ตั้ง : ตำบลบึงศาล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายกโทร. 087 979 7341เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)พิกัด : https://goo.gl/maps/i31f3oMceZJ6nbzp8 ส่วนฟาร์มจะอยู่ด้านหลังร้าน บรรยากาศสไตล์บ้านทุ่ง มีนาข้าวและสระน้ำเล็ก ๆ ให้พายเรือเล่น หรือจะนั่งให้อาหารปลาชิล ๆ ริมสระก็ได้นะ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทำไข่เค็มดินสอพอง ครอบครัวไหนที่มีน้อง ๆ หนู ๆ มาด้วย สามารถมาทำกิจกรรมนี้กันได้ค่ะ  วัดจุฬาภรณ์วนาราม ไปเที่ยวต่อกันที่วัดจุฬาภรณ์วนาราม วัดนี้สร้างขึ้นในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเจริญพระชนมายุ 50 พรรษา เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ซึ่งพระองค์ได้พระราชทานนามวัดว่า “วัดจุฬาภรณ์วนาราม” พร้อมทั้งพระราชทานตราสัญลักษณ์ จภ เป็นตราประจำวัด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550.ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดนิยมของจังหวัดนครนายก ไฮไลท์ที่โดดเด่นคือซุ้มต้นไผ่ที่อยู่บริเวณทางเดินเข้าวัด แอดบอกเลยว่าสวยมาก ร่มรื่นสุด ๆ ถ่ายรูปกันได้อย่างเพลิดเพลินเลยค่ะ.ที่ตั้ง : ตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายกเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.โทร. 080 011 3791พิกัด https://goo.gl/maps/jCpXxNQCw9hGRenE9 หลังจากถ่ายรูปกับซุ้มต้นไผ่แล้ว อย่าลืมเข้าไปไหว้พระด้านในวัดเพื่อเสริมสิริมงคลกันด้วยนะคะ อุทยานพระพิฆเณศ อุทยานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ภายในมีพระพิฆเณศปางประทานพรและปางเสวยสุของค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังจัดแสดงพระพิฆเณศ 108 ปางอีกด้วย . ที่ตั้ง : 24/4 หมู่ที่ 11 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายกเปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.โทร. 088 914 1987พิกัด https://goo.gl/maps/b6SXgaqDk9jHeJvs6 สะพานทุ่งนามุ้ย ปิดท้ายการท่องเที่ยวจังหวัดนครนายกกันที่สะพานทุ่งนามุ้ย ซึ่งเป็นสะพานไม้ไผ่รูปตัว s มีความยาวประมาณ 150 เมตร ทอดยาวคดโค้งผ่านทุ่งนา เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ บริเวณนี้มีร้านกาแฟและร้านขายผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านให้เราไปอุดหนุนกันด้วย.เพื่อน ๆ สามารถเดินทางไปเที่ยวสะพานทุ่งนามุ้ยได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าใครอยากเห็นทุ่งนาสีเขียวแบบนี้ต้องไปช่วงปลายปีนะคะ.ที่ตั้ง : 88 หมู่ที่ 11 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายกเปิดทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น.โทร. 094 493 4321พิกัด https://goo.gl/maps/JDr7ZsK8zbC5Q3dY6 ไปต่อที่จังหวัดปราจีนบุรีกันเลยค่ะ ที่แรกที่เราจะไปคือ พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร .ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อาคารสีเหลืองสดใสสไตล์บาร็อกริมแม่น้ำปราจีนบุรีแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตึกที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างขึ้นด้วยทรัพย์สินส่วนตัว เคยใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนมณฑลปราจีน และเคยใช้เป็นตึกอำนวยการรักษาผู้ป่วย.ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ. 2539.ที่ตั้ง : 32/7 หมู่ที่ 12 ตำบลท่างาม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรีเปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.00 น.โทร. 037 211 289, 037 211 088 ต่อ 2149, 2133 พิกัด https://goo.gl/maps/f741531vS9v3pTQH9 ภายในจัดแสดงประวัติความเป็นมาของตึก รวบรวมและอนุรักษ์ตำรายาไทย การแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี.นอกจากนี้ยังมีสินค้าสมุนไพรของอภัยภูเบศรจำหน่ายด้วย ใครชอบผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร อย่าลืมแวะซื้อกันนะคะ บ้านเล่าเรื่อง…เมืองสมุนไพร ไปหาของอร่อยทานกันต่อที่บ้านเล่าเรื่อง…เมืองสมุนไพร.บ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของสมุนไพรหลังนี้ เดิมเป็นของครอบครัวเปี่ยมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางและพ่อค้าเก่าแก่ของจังหวัดปราจีนบุรี ดร. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ได้มอบบ้านหลังนี้ให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพื่อใช้ประโยชน์ จึงเป็นที่มาของบ้านเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหารเพื่อสุขภาพและพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ที่นำเสนอเรื่องราวของสมุนไพรผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงภายในร้าน.ที่ตั้ง : 51 ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรีเปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น.โทร. 097 021 1037พิกัด https://goo.gl/maps/khv48AnwC3dKuvhf8 ภายในห้องอาหารมีการจัดแสดงความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไว้ตามส่วนต่าง ๆ ทำให้เห็นว่าสมุนไพรนั้นน่าสนใจและอยู่ไม่ไกลตัวเราเลย.อาหารแต่ละเมนูก็น่ากินและมีประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ยำทะเลดอกอัญชัน น้ำมะนาวอัญชัน แอดลองชิมแล้ว อร่อยจนต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ  เรายังวนเวียนอยู่กับเรื่องสมุนไพรค่ะ ที่ต่อไปที่จะไปเที่ยวกันนั้นก็คือ เรือนหมอพลอย ซึ่งอยู่ภายในภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ.“เรือนหมอพลอย” เป็นเรือนไม้หลังใหญ่ที่นายแพทย์ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงหมื่นชำนาญแพทยา (พลอย แพทยานนท์) หมอหลวงในสมัยรัชกาลที่

เส้นทางท่องเที่ยวนครนายก-ปราจีนบุรี 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top