สถานที่ท่องเที่ยว

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี

วันหยุดช่วงวันแม่ที่กำลังจะถึงนี้ หากเพื่อนๆ คนไหนอยากพาคุณแม่ไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เส้นทางนครราชสีมา-สระบุรี เป็นหนึ่งเส้นทางที่แอดอยากแนะนำให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ไปเที่ยวย้อนวัยหวานกันค่ะ เพราะในทริปนี้คุณแม่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับสถานที่และบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย ซึ่งแอดเชื่อว่าในระยะเวลา 3 วัน 2 คืนนี้ คุณแม่ของเพื่อนๆ จะมีภาพความประทับใจและเรื่องเล่ามากมายกลับไปอวดข้างบ้านแน่นอน!!! วันแรก วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม พาคุณแม่ไปเที่ยวทั้งทีเราก็ควรเริ่มต้นทริปดีๆ ด้วยการพาท่านไปไหว้พระเพื่อเป็นฤกษ์งามยามดีในการเดินทางกันสักหน่อยนะคะ และนอกจากนี้การไหว้พระยังถือเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวอีกด้วย วัดที่แอดจะแนะนำก็คือ “วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม” ซึ่งมีลักษณะเด่นคือมีพระพุทธรูปปางประทานพรสีขาวขนาดใหญ่ชื่อว่า “พระพุทธสกลสีมามงคล” ชาวบ้านใหญ่มักเรียกกันว่าหลวงพ่อขาว หรือหลวงพ่อใหญ่ค่ะ ซึ่งหลวงพ่อขาวองค์นี้เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่นอยู่บนเขาสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสเดินทางไปเขาใหญ่ แอดแนะนำว่าไม่ควรพลาดเด็ดขาด!!! ที่อยู่: 9 หมู่ 9 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 081 294 3982 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/6v2gsUPM7b92 บ้านไม้ชายน้ำ หลังจากไหว้พระขอพรกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาพาคุณแม่ไปย้อนเวลาหาอดีตกันที่ “บ้านไม้ชายน้ำ” ค่ะ ที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้มีบรรยากาศและการตกแต่งแบบย้อนยุค ทำให้เรารู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปอยู่ในสมัยก่อน มีมุมถ่ายภาพสวยๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านไม้ชายน้ำที่เป็นแหล่งรวบรวมและจัดแสดงของโบราณไว้ให้ได้ชมกันด้วยค่ะ ค่าเข้าชมเพียงท่านละ 50 บาทเท่านั้น แถมยังสามารถนำบัตรผ่านประตูไปแลกชาและกาแฟด้านในได้ด้วยนะคะ ที่สำคัญที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้ยังมีอาหารไทยรสชาติแบบไทยแท้ๆ ไว้คอยให้บริการมากมายค่ะ ที่อยู่: 21 ถ.มิตรภาพ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 044 314 236, 081 660 2826 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/Yxw5rv7tBLL2 ฟาร์มโชคชัย เมื่อนึกถึงวันเวลาเก่าๆ แอดเชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงยุคคาวบอยแน่นอนค่ะ แต่น้อยคนนักจะรู้จักวิถีแห่งคาวบอยที่แท้จริง การเป็นคาวบอยนั้นไม่ใช่แค่บู๊ยิงปืนกันสนั่นเมือง แต่จริงๆ แล้วคาวบอยเค้าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายด้วยการรับจ้างเลี้ยงสัตว์และต้อนวัวค่ะ ถ้าพูดถึงสถานที่สวยงามสไตล์คาวบอยต้องยกให้ที่ “ฟาร์มโชคชัย” เลยค่ะ เพราะที่นี่มีการแสดงวิถีคาวบอย การต้อนแกะและกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รับรองว่าถ้าเพื่อนๆ พาคุณแม่มาเที่ยวที่นี่ จะได้รับความสนุกสนานและความอิ่มเอมใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้แอดขอแอบกระซิบว่าสเต็กของที่นี่อร่อยมากเลย อยากให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ลองไปทานดูค่ะ^^ ที่อยู่: 169 หมู่ 2 ถ.มิตรภาพ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 935 504-5, 089 949 4631, 098 513 8857 เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมเป็นรอบ วันเสาร์-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 15.00 น. วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 10.00 และ 14.00 น. ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาท เด็กสูง 90-140 เซนติเมตร ราคา 150 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/KuQAVM7gVmr ดี โอลด์ เล้ง หลังจากเดินทางทำกิจกรรมกันมาทั้งวันแล้ว ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นและพักผ่อนกันแล้วค่ะ แอดขอแนะนำ “ดี โอลด์ เล้ง” เพราะมีทั้งที่พักและร้านอาหารไว้คอยให้บริการรวมอยู่ในที่เดียวค่ะ ที่นี่ตกแต่งในบรรยากาศแบบย้อนยุคโดยประยุกต์นำเอาของเก่าของสะสมมาประดับประดา ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในยุคเก่าๆ แถมห้องพักก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ชวนให้รู้สึกน่าค้นหาและพาให้เราหลงใหลไปในบรรยากาศของอดีตค่ะ^^ ที่อยู่: 299/12-14 หมู่  18 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 082 234 7206 ราคาที่พัก: 900 – 1,200 บาท/ห้อง เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11.30 – 14.30 น. และเวลา 17.30 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/PFWDqYMoi162 วันที่สอง น้ำตกเหวสุวัต เช้าวันนี้แอดแนะนำให้พาคุณแม่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันที่เขาใหญ่กันค่ะ เขาใหญ่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย แอดเชื่อว่าสมัยสาวๆ คุณแม่หลายๆ ท่านต้องเคยมาเที่ยวที่เขาใหญ่และมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับเขาใหญ่แน่นอนค่ะ สำหรับการเริ่มต้นทริปในวันที่สองนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “น้ำตกเหวสุวัต” ค่ะ น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีจุดชมวิวบริเวณหน้าผาและด้านล่างของน้ำตก น้ำตกเหวสุวัตมีลักษณะเป็นสายน้ำไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง บริเวณด้านล่างเป็นแอ่งน้ำและลำธาร สามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นเหมาะสำหรับการถ่ายรูปและพักผ่อนมากๆ เลยค่ะ ที่อยู่: 9 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 086 092 6527 เวลาเปิด-ปิด: 07.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม: ชาวไทย ผูใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/V2i6HfdkhSQ2 ครัวกำปั่นเขาใหญ่ เที่ยงนี้แอดแนะนำให้ไปฝากท้องที่ “ร้านครัวกำปั่นเขาใหญ่” ค่ะ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อร้านหนึ่งที่เมื่อมาเขาใหญ่ต้องไม่พลาด บรรยากาศภายในร้านตกแต่งในรูปแบบบ้านทรงไทยสวยงาม บรรยากาศสบายๆ ไม่แออัด และที่สำคัญคืออาหารอร่อยมาก แอดการันตี!!! ที่อยู่: 94-94/1 หมู่ 6 ต.หมูสี อ,ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 929 949, 093 514

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรสงคราม

จ.สมุทรสงคราม หรืออีกชื่อก็คือ เมืองแม่กลอง เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ มั่งคั่งไปด้วยวัฒนธรรม เป็นเมืองที่ผู้คนยังคงดำรงวิถีชีวิตแนบชิดกับแม่น้ำและธรรมชาติ เหมือนที่บรรพบุรุษเคยเป็นมา ซึ่งถ้าจะพาคุณแม่ไปเที่ยว ย้อนรำลึกวัยหวาน จ.สมุทรสงคราม ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่เบาเลยล่ะ แอดมีเส้นทางมาแนะนำ กับเส้นทาง สิงหาพาแม่เที่ยว ย้อนวัยหวานที่ สมุทรสงคราม 2 วัน 1 คืน มาเป็นแนวทาง ให้ลองเที่ยวตามกันดู ——————————————————– วันที่ 1 ทานอาหารเช้า ชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่ ตลาดน้ำท่าคา ตลาดน้ำท่าคาแห่งนี้ เป็นตลาดน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้าน ที่มีอาชีพทำสวน ปลูกผักผลไม้ต่างๆ ชาวบ้านจะพายเรือและนำผลผลิตต่างๆ มาขายหรือแลกเปลี่ยนกัน เราสามารถซื้อกลับไปให้คุณแม่ทำกับข้าวให้ทานได้หลายมื้อเลยล่ะ ถ้าใครที่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าไปจากบ้าน ก็มาฝากท้องที่นี่ได้เลย เพราะมีอาหารทั้งคาวและหวานให้เราได้เลือกทาน พ่อค้าแม่ค้าจะนั่งขายอยู่ในเรือ จอดเทียบท่าให้เราไปเลือกซื้อเลือกชิม เหมือนสมัยโบราณ ราคาก็ไม่แพงด้วย เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันข้างขึ้นและแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ ตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 – 14.00 น. การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 32 (เลยทางแยกเข้าวัดเกาะแก้วไปเล็กน้อย) จะมีทางแยกขวาไปอีก 7 กิโลเมตร พิกัด : https://goo.gl/maps/A8PjiE1mi3T2 สักการะหลวงพ่อดำ ชมโบสถ์ปรกโพธิ์ที่ วัดบางกุ้ง เดินทางมาทำบุญกันที่วัดบางกุ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ปรกโพธิ์ ที่ดำรงอยู่ด้วยการค้ำยันแห่งรากไม้อันแข็งแรง ชาวไทยนิยมเดินทางมานมัสการหลวงพ่อพุทธนิลมณี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยอยุธยา ที่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ มีความเชื่อว่าหากมาสักการะบูชา บารมีของท่านจะช่วยปกปักรักษาคุ้มครองให้ผู้ที่มากราบไหว้ร่มเย็นเหมือนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทร แคล้วคลาด ปราศจากอันตราย และมีชัยต่ออุปสรรคทั้งปวง  เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.30 น. การเดินทาง จากตลาดน้ำท่าคา ใช้ทางหลวงหมายเลข 5018 เจอสี่แยกแรกให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 3011 จนถึงถนนใหญ่ (บางแพ-สมุทรสงคราม) ให้เลี้ยวซ้าย แล้วไปกลับรถตรงจุดกลับรถ ขับมาอีก 300 เมตร เจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปตามถนน เมื่อข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองมาแล้วให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปเรื่อยๆ วัดบางกุ้งจะอยู่ทางขวามือ พิกัด : https://goo.gl/maps/WTq7KhHD4ZH2 เดินชมไม้ในวรรณคดี ชมเรือนไทยที่สวยงาม และพิพิธภัณฑ์ไทย ที่ อุทยาน ร.2 เรือนหมู่ทรงไทยงามสง่า คือเสน่ห์แรกที่เชิญชวนทุกคนให้เข้าไปสัมผัส “อุทยาน ร.2” ภายในเต็มไปด้วยพื้นที่อันร่มรื่น และมีการจัดภูมิทัศน์ที่สวยงาม สามารถพาคุณแม่เดินชมได้อย่างเพลินเพลิน ไฮไลท์ที่น่าชมอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่เป็นอาคารทรงไทย 4 หลัง แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ จัดแสดงโบราณวัตถุสมัยรัตนโกสินทร์ที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ การดำรงชีวิต และศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยสมัยก่อน นอกจากนี้ภายนอกยังมีโรงละครกลางแจ้งและสวนพฤกษชาติ อันเป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิด เปิดทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 19.30 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท โทร. 034 750 666, 034 750 376 การเดินทาง จากวัดบางกุ้ง ให้เลี้ยวซ้ายกลับไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ลงจากสะพานแล้วเลี้ยวขวา ขับตรงตามถนนมาเรื่อยๆ อุทยาน ร.2 จะอยู่ทางซ้ายมือ พิกัด : https://goo.gl/maps/AUgW8WsASGp ปิดท้ายวันกันที่ ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำอัมพวาเป็นตลาดน้ำยามเย็น ด้วยเสน่ห์ของชุมชนริมน้ำและวิถีชีวิตของผู้คน รวมไปถึงอัธยาศัยไมตรีของพ่อค้าแม่ขาย ทำให้ตลาดแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเสมอมา มีอาหารเลือกซื้อเลือกทานกันอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย ก๋วยเตี๋ยว หอยทอด ผัดไทย ฯลฯ และยังมีสินค้ามากมายหลายอย่างให้เลือกซื้อเลือกชิมไม่แพ้กัน มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายสินค้าทำมือ (handmade) สินค้าท้องถิ่นไอเดียเก๋ๆ จะนั่งรับประทานอาหารพร้อมชมบรรยากาศของตลาดน้ำในยามค่ำคืน หรือล่องเรือชมวิถีชีวิตริมน้ำ และชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนก็ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ต้องห้ามพลาด เมื่อมาเยือนตลาดน้ำอัมพวาเลยล่ะ เปิดวันศุกร์-อาทิตย์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 – 22.00 น. – วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น. การเดินทาง ตลาดน้ำอยู่ใกล้กับอุทยานฯ ร.2 เดินเท้าประมาณ 10 นาที หรือขับรถไปประมาณ 500 เมตร พิกัด : https://goo.gl/maps/LnuxCjFyqtN2 วันที่ 2 แวะดื่มกาแฟยามเช้า ริมแม่น้ำแม่กลองที่ตลาดน้ำบางน้อย เช้านี้ พาคุณแม่ไปนั่งดื่มกาแฟ ทานอาหารเบาๆ ชมวิวแม่น้ำกันที่ตลาดน้ำบางน้อย ซึ่งในอดีตเคยเป็นย่านการค้าทางน้ำที่สำคัญในลุ่มน้ำแม่กลอง ในปัจจุบันแม้จะเงียบเหงาลงไปบ้าง แต่ตลาดน้ำบางน้อยก็ยังคงรักษาความเป็นอยู่และวิถีชีวิตริมน้ำแบบดั้งเดิมเอาไว้ ท่ามกลางวิถีชีวิตริมน้ำแบบดั้งเดิม ก็มีสิ่งใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างร้าน Eighty Four Cofee สุดชิคร้านนี้ ฝั่งตรงข้ามของร้านจะเป็นวิวโค้งแม่น้ำแม่กลองพอดี นั่งดื่มกาแฟชิลล์ๆ รับลมเย็นๆ ดื่มด่ำบรรยากาศสบายๆ ชมวิวริมน้ำ ฟินอย่าบอกใครเลยล่ะ ถัดไปไม่ไกลกัน มีร้านกาแฟชื่อว่า กาแฟบางน้อย ตกแต่งร้านได้เก๋ไก๋สไตล์ศิลปิน ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ สามารถมาเดินชมผลงานของพี่เจ้าของร้านได้เพลินๆ เลย เครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย ที่ไปแล้วต้องชิมเลยก็คือ 1. ฟ้าละมุน – น้ำอัญชันนมสด รสชาตินุ่มนวลละมุนลิ้น 2. สี่แผ่นดิน – น้ำแดงมะนาวโซดา

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรสงคราม อ่านเพิ่มเติม

น่าน..เนิบ..เนิบ (๒)

วัดภูมินทร์ เดิมชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตั้งชื่อตามเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ซึ่งได้โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 หลังจากที่ขึ้นครองนครน่านได้ 6 ปี ต่อมาชื่อวัดถูกเรียกกันจนเพี้ยนกลายเป็น “วัดภูมินทร์” มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือ “พระอุโบสถจตุรมุข” เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยรวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ ไว้ในอาคารเดียวกัน เป็นการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อแห่งพุทธศาสนา มีพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ ประดิษฐานอยู่ภายใน และมีนาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ที่เปรียบเสมือนการอุ้มชูพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป เชื่อกันว่า หากใครจะไปกราบขอพรพระจตุรทิศ ให้พยายามสังเกตหน้าองค์พระ 1 ในทั้งสี่ทิศ ซึ่งจะมีอยู่เพียงทิศเดียวเท่านั้น ที่หน้าองค์พระประธานจะมีลักษณะยิ้มแย้มมากกว่าทั้ง 3 ทิศที่เหลือ ให้กราบขอพรยังทิศนั้นแล้วจะได้สมปรารถนา วัดนี้เคยได้พิมพ์อยู่บนธนบัตรราคา 1 บาท ซึ่งเป็นธนบัตรในแบบ 5 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2485 ด้านหน้าเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 8 และมีโบสถ์วัดภูมินทร์อยู่ทางด้านซ้ายของธนบัตร ภาพจิตกรรมฝาผนัง (ฮูปแต้ม) ในวัดภูมินทร์ที่โด่งดังมากคือ ภาพ “กระซิบรักบันลือโลก” หรือ ภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อสมัยโบราณ ในลักษณะกระซิบสนทนากัน ภาพนี้ มีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ ๆ คล้ายภาพสมัยใหม่ ภาพธรรมเนียมการอยู่ข่วง ของชาวไทลื้อ พ่อแม่ จะอนุญาตให้หนุ่มสาวพบปะกันที่ชานบ้านในเวลาค่ำ ขณะหญิงสาวกำลังปั่นฝ้าย หรือ “อยู่ข่วง” หากสาวเจ้าตกลงปลงใจด้วยก็จะจัดพิธีแต่งงาน หรือที่เรียกว่า “เอาคำ ไปป่องกั๋น” หรือเป็นทองแผ่นเดียวกัน ภาพการค้าขายแลกเปลี่ยนในชุมชน ภาพชาวพื้นเมือง ซึ่งอาจเป็นชาวเขา “เป๊อะ” ของป่าบนศรีษะ เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับคนเมือง ภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนเมืองน่าน หญิงสาวกำลังทอผ้าด้วยกี่พื้นเมือง นอกเรือนมีชานเล็ก ๆ ตั้งหม้อน้ำดินเผาที่เรียกว่า “ร้านน้ำ” ชายหนุ่มไว้ผมทรงหลักแจวหรือทรงมหาดไทย แสดงให้เห็นอิทธิพลตะวันตกที่เข้ามาผสมผสานในวิถีพื้นเมืองน่าน วัดภูมินทร์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. มีสถานที่น่าสนใจใกล้เคียงคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านและวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร GPS : 18°46’28.8″N 100°46’17.7″E

น่าน..เนิบ..เนิบ (๒) อ่านเพิ่มเติม

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND

1. เกาะนางยวน สุราษฎร์ธานี ที่อยู่ : เกาะนางยวน ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2. เกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ เกาะปอดะ จังหวัดกระบี่ 3.เกาะมันใน ระยอง ที่ตั้ง : ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 4.หาดมังกร หรือสันหลังมังกร เกาะกวาง เกาะปูเลาอูบี และเกาะปูเลาตีกอ  ที่ตั้ง: เกาะกวาง หมู่ 1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล 5.หาดแม่หาด เกาะพะงัน  ที่ตั้ง : บ้านโฉลกหลำ ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND อ่านเพิ่มเติม

5 ร้านเด็ดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาอุทัยฯ

มาเที่ยวเมืองอุทัยฯทั้งที..นอกจากที่เที่ยวจะเยอะแล้วของกินอร่อยก็มากมี มาที่นี่ไม่ต้องทำอะไรมากมายให้เหนื่อย นอกจากตระเวนกินตั้งแต่เหยียบย่างถึงถิ่นอุทัยฯจนเข้านอน สำหรับ 5 ร้านเด็ดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาอุทัยฯ จะมีร้านไหนบ้างนั้นตามมาชิมด้วยกันเลยจ้าาา เข้าเมืองอุทัยฯมาแป๊บนึงเลี้ยวซ้ายเข้าเกาะเพโท เอ้ย เทโพ ร้านนี้เลย “ป้าสำราญ” ร้านหาไม่ยาก (ถ้าไม่ขับเลยนะ) ไปตามพิกัดนี้ https://goo.gl/maps/D9PGRsNNM7J2 โทร. สั่งจองอาหารกันได้ที่ 056 980 085  ร้านเปิดทุกวัน 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม เมนูเด็ดของป้าสำราญ ได้แก่ สารพัดเมนูปลาแม่น้ำ เช่น ปลาแรด ปลาคัง ปลาเนื้ออ่อน จะเอามาต้มยำทำแกงรสแซ่บตลอดจนทอดกระเทียมได้หมด และใครชอบผัดผักแนะนำคือ ผัดถั่วสูตรผู้ว่าฯ เมนูเด็ด ต้มยำปลา ร้านป้าสำราญ เข้ามาใจกลางเมืองแวะชิมขนมปังสังขยาร้าน “ไพพรรณ” ขนมปังร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตาไส้สังขยาสีส้มเนียนละเอียดหวานกำลังพอดี อ้อ ร้านนี้ขนมปังสังขยาเค้ามีแต่ไส้สีส้มนะสีอื่นไม่ทำ เป็นความแนวเฉพาะตัว ไปถึงร้านถ้าไม่ได้สั่งก็ไม่ได้กินนะ ต้อง preorder เอาเบอร์โทรศัพท์ไปไว้ก่อนเลย 056 511 660 พิกัดร้านhttps://goo.gl/maps/qcvrZhTH5pK2 แต่ไปถึงร้านแล้วก็สั่งเลยเถอะไม่ต้องโทรมาทีหลัง รีบหน่อยนะ เพราะร้านปิดประมาณ 5 โมงเย็นแต่ว่าเปิดแต่เช้าตรู่ 7 โมงเช้า สั่งวันนี้รับขนมพรุ่งนี้ แต่เราโทรมาสั่งไว้แล้วตั้งแต่อยู่เมืองกรุง (มีวิสัยทัศน์สุดๆ เฉพาะเรื่องกิน) รับขนมไว้แล้วไปตระเวนกันต่อ อากาศร้อนๆ แบบนี้แวะรับขนมปังเย็นราดน้ำแดงชุ่มฉ่ำชื่นใจไม่แพ้บิงซูกันที่ร้าน “กาแฟบ้านจงรัก” ร้านนี้นอกจากจะมีทั้งสารพัดชา กาแฟ กับขนมปังรสละมุนแล้ว ภายในร้านยังตกแต่งได้น่ารักน่าเดิน อาคารตัวร้านเป็นบ้านไม้ชั้นสองตกแต่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก็บของสะสมสมัยโบราณนานมาลองขึ้นไปเที่ยวชมถ่ายรูปดูได้ แต่อย่าลืมรีบลงมากินขนมปังเย็นด้วยล่ะเดี๋ยวละลายหมดก็จะพบแต่ความวังเวง ร้านกาแฟบ้านจงรัก กินหวานแล้ววนกลับไปที่ของแซ่บๆ ช่วยเผาผลาญกันดีกว่า ไม่ต้องออกกำลัง แต่ใช้การกินเอา (เนอะๆ) ว่าแล้วก็แวะที่ร้าน “บ่าวต้อมหนองคาย” เมนูห้ามพลาดนี้ได้แก่ ตำไทยไข่เค็ม ตำหอยแครง ตำถาด ไก่ย่างสไตล์ อิสานบ้านเฮา แซ่บแค่ไหนเอาเป็นว่าถ้าไปเที่ยงต้องโทรจองโต๊ะนะ เมมเบอร์กันไว้เลยจะได้ไม่พลาด 080 695 9526 ร้านอยู่ตรงข้ามหมู่บ้านแพนด้าทางไปวัดท่าซุง ร้านบ่าวต้อมหนองคาย ตระเวนกินจนค่ำมืดแล้ว ก่อนนอนตบท้ายด้วยอาหารเบาๆแบบข้าวต้มรอบดึกกันที่ “เจ๊ดาปลาลวก” ข้าวต้มที่ไม่ได้มีแต่ข้าวต้มแต่มีสารพัดเมนูชวนน้ำลายสอสั่งจานแรกแล้วต้องสั่งซ้ำ ได้แก่ หมูกรอบทอดน้ำปลา ปลาแรดลวกจิ้ม ปลาแรดทอดกระเทียม ต้มยำแห้ง ต้มยำแห้งรวมมิตร ร้านนี้เปิดห้าโมงเย็นถึงประมาณสี่ทุ่ม เอาเบอร์ไปเมมไว้ 056 571 409 แต่โทรไปเจ้าของจะมีเวลารับหรือเปล่าก็ไม่รู้นะเพราะขายดีมาก ลูกค้านั่งกินกันยังกับแจกฟรี สนใจไปตามพิกัดนี้เลย https://goo.gl/maps/1tL589Xrwnz ร้านเจ๊ดาปลาลวก กินกันจนเพลียคงต้องขออำลาไปพักร่างและกระเพาะ ใครสนใจตามมาๆ อุทัยฯเมืองใกล้กรุง มีดีทั้งของกินและที่เที่ยวกับการเดินทางที่แสนจะสะดวกสบายนะเธอ ถ้าไม่มาบอกเลยว่า..พลาดอย่างแร๊งงง

5 ร้านเด็ดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาอุทัยฯ อ่านเพิ่มเติม

ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกด

สุดสัปดาห์นี้ไปเที่ยวที่ไหนดีนะ…ถ้ายังคิดไม่ออก พวกเราทีมเพื่อนร่วมทางอยากจะชวนเกาะกระแสละครดัง บุพเพสันนิวาส และพาออเจ้าทั้งหลายไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกดที่จังหวัดใกล้ๆอย่างพระนครศรีอยุธยากันเถิด สถานที่แรกที่เราจะไปกันคือ วัดใหญ่ชัยมงคล สิ่งที่น่าสนใจของวัดใหญ่ชัยมงคลคือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เจดีย์ชัยมงคล เจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยาเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรบชนะมังกะยอชวาพระมหาอุปราชของหงษาวดี ด้านหลังวัดมีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้ผู้ที่ศรัทธาเข้ามากราบไหว้ นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ยังมีสวนหย่อมที่สวยงามให้พักผ่อนอีกด้วย วัดใหญ่ชัยมงคล เปิดทุกวัน 08.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทยไม่เสียค่าเช้าชม ชาวต่างชาติ 20 บาท หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับวัดใหญ่ชัยมงคล ที่นี่เราสามารถมองเห็นป้อมเพชรซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา มีชื่อเสียงในเรื่องของหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมานาน สำหรับที่ต่อไป ทางเข้าอาจลึกลับไปสักนิด แต่บรรยากาศคุ้มค่าที่จะมา พิพิธภัณฑ์บ้านฮอลันดาตั้งอยู่ในซอยคานเรือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารสไตล์ยุโรป 2 ชั้น สีสันสดใสสะดุดตา ชั้นล่างเป็นคาเฟ่และร้านจำหน่ายของที่ระลึก ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ความสัมพันธ์ไทย-ฮอลันดา ซึ่งทำออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว หากใครสนใจประวัติศาสตร์และอยากมานั่งเล่นดื่มด่ำบรรยากาศแบบชาวดัชต์ สามารถมาที่บ้านฮอลันดาได้ อยู่ไม่ไกลจากวัดพนัญเชิงวรวิหาร เปิดทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม 50 บาท เดินเที่ยวมาเหนื่อยๆ แวะทานอาหารกลางวันกันเถอะ ทางเราขอแนะนำร้านผักหวาน ที่นี่มีอาหารหลายประเภทให้เลือกทาน ทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง เช่น ส้มตำ หอยทอด ผัดไท สลัดกุ้งทอด สเต็ก และเมนูขึ้นชื่อของร้านคือ ก๋วยเตี๋ยวผักหวาน  ใครที่สนใจมาลองลิ้มชิมรสอาหารที่ร้านผักหวาน สามารถมาได้ทุกวัน ร้านตั้งอยู่หน้าวัดสุวรรณดาราม เปิดเวลา 08.00 – 19.00น. cr.รูปภาพจาก facebook ร้านบ้านผักหวาน กินคาวแล้วไม่กินหวาน มันจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ต้องปิดท้ายมื้อเที่ยงด้วยขนมแสนอร่อยที่ ร้านบ้านข้าวหนม คาเฟ่ข้าวหนมไทยโบราณ ขายขนมไทยและเครื่องดื่มต่างๆ มีทั้งทำเอง และรับจากร้านในพื้นที่อยุธยา ภายในร้านตกแต่งสไตล์เรโทรนิดๆ จุดเด่นของร้านคือ ร้านกาแฟแบบอนุรักษ์นิยมที่นำเอาขนมไทยแบบต่างๆ มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว  บ้านข้าวหนม ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 19.00 น. cr. facebook ร้านบ้านข้าวหนม หนังท้องตึง หนังตายังหย่อนไม่ได้นะจ๊ะ เราต้องไปเที่ยวกันต่อ เราไปต่อกันเลยที่ วัดมหาธาตุ หากพูดถึงวัดนี้เราจะต้องนึกถึงความมหัศจรรย์ของเศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีที่อยู่ในต้นไม้ ซึ่งพลาดไม่ได้ที่จะต้องไปถ่ายรูป วัดราชบูรณะ อยู่ไม่ไกลจากวัดมหาธาตุ เราสามารถเดินไปถึงได้ จุดเด่นของวัดคือ ปรางค์ประธานที่มีขนาดสูงใหญ่ ก่อด้วยอิฐบนฐานสี่เหลี่ยม ด้านในพระปรางค์สามารถเดินลงไปชมจิตรกรรมฝาผนังและชมกรุสมบัติในสมัยอยุธยาได้อีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท ปิดท้ายการเที่ยวในวันที่ 1 ด้วยวัดไชยวัฒนาราม เชื่อกันว่าสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ในปี พ.ศ.2173 เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด ซึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธานและเมรุทิศ เมรุรายที่อยู่ล้อมรอบนั้นเอง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หลังจากเที่ยวกันมาทั้งวัน ต้องหาอะไรฟินๆทานสักหน่อย พูดถึงอยุธยา ก็ต้องนึกถึงกุ้งเผาเป็นอันดับแรก ร้านแพกรุงเก่าเป็นร้านที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นร้านเก่าแก่ มีอาหารหลายหลายประเภท โดยเฉพาะกุ้งเผาที่มีหลายขนาด ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดถือว่าเด็ด พลาดไม่ได้จริงๆ ร้านแพกรุงเก่า ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง เปิดทุกวัน 10.00-21.00 น. ที่พักสำหรับทริปนี้ เราพักที่ Riverview Place บรรยากาศดี อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 2  เช้านี้ตักบาตรยามเช้า บนถนนอู่ทอง ได้ซึมซับบรรยากาศของชาวบ้านด้วยนะออเจ้า หลังจากตักบาตรช่วงเช้ากันแล้ว เริ่มที่ วิหารมงคลบพิตร นมัสการพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปปางมารวิชัย หนึ่งในพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของพระนครศรีอยุธยาและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ บริเวณรอบๆมีร้านขายของฝากขนาดใหญ่ด้วย หากใครได้ติดตามละครบุพเพสันนิวาสก็จะได้เห็นว่ามีฉากวิหารมงคลบพิตรให้ได้ชมกันด้วย ฉะนั้นไม่พลาดที่จะไปกันนะคะ เยี่ยมชมวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่อยู่ในเขตพระราชวังหลวง เหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามในกรุงเทพฯ มีเจดีย์ทรงระฆัง 3 องค์ที่งดงาม เป็นสัญลักษณ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ระหว่างเจดีย์แต่ละองค์มีมณฑปก่อคั่นไว้ สามารถเที่ยวชมวัดได้ทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. มาต่อกันที่ วัดพุทไธศวรรย์ ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง เป็นพระอารามหลวงที่ยังคงสภาพดี ข้าจึงพาออเจ้าทั้งหลายมาชมความงดงามของวัด ซึ่งสร้างขึ้นในบริเวณที่ประทับเดิมของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง เรียกว่า ตำหนักเวียงเหล็ก หรือ เวียงเล็ก สิ่งที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธาน ที่มีศิลปะแบบขอม นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถ หมู่พระเจดีย์สิบสององค์ และวิหารพระนอนให้ชมกันอีกด้วย เที่ยวกันมาสักพักแล้วได้เวลาหาอะไรรองท้อง เราจึงไปกันที่ตลาดน้ำวัดท่าการ้อง มาที่นี่แล้วเราจะได้ทั้งเที่ยวในวัดและสามารถเลือกซื้อของกิน มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. ก่อนจะกลับบ้านเราต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากกันหน่อย ของฝากขึ้นชื่อของอยุธยาก็จะต้องไม่พลาด “โรตีสายไหม” ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายเป็นสิบๆร้าน แหล่งจำหน่ายอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา หรือริมถนนอู่ทอง  cr. facebook ร้านโรตีสายไหมอาบีดีน

ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกด อ่านเพิ่มเติม

พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง สุชาติ ทรัพย์สิน

พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง สุชาติ ทรัพย์สิน ตั้งอยู่ถนนศรีธรรมโศกซอย 3 อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ภายในจัดแสดงรูปหนังตะลุงโบราณในภาคใต้อายุมากกว่า 100 ปี รวมถึงรูปหนังตะลุงในภูมิภาคต่างๆและรูปหนังตะลุงนานาชาติก่อตั้งขึ้นโดยนายสุชาติ ทรัพย์สิน ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน) พ.ศ.2549 เป็นพิพิธภัณฑ์หนังตะลุง เก็บรักษาไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา นอกจากนี้มีห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านภาคใต้มีเวทีสาธิตเชิดหนังตะลุงอย่างครบวงจร การสาธิตการแกะตัวหนังตะลุงและสินค้าที่ระลึกตัวหนังตะลุง ซึ่งพิพิธภัณฑ์ฯแห่งนี้ ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยถึง 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมและโบราณสถานปีพ.ศ.2539 และรางวัลยอดเยี่ยม ประเภทแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการเพื่อการเรียนรู้ปี พ.ศ.2553 ตัวละครในหนังตะลุง ต้นแบบจะมาจากเรื่องรามเกียรติ์ มีทั้งเทวดา พระ นาง รวมถึงตัวตลกที่เป็นตัวชูโรงและเป็นสีสีนที่ขาดไม่ได้ของหนังตะลุง สร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้เป็นอย่างดี ด้านล่างของอาคารจะมีการสาธิตและจำหน่ายหนังตะลุงหลากหลายรูปแบบ การแกะหนังต้องใช้ความละเอียดและความใจเย็น เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆ หนังตะลุงที่แกะและลงสีเรียบร้อยร้อย สามารถซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึกกลับบ้านได้เลย ใครสนใจมาเที่ยวชมสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 075 346 394

พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง สุชาติ ทรัพย์สิน อ่านเพิ่มเติม

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์

พื้นที่ชุ่มน้ำ…พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ 1. พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกาตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ 3.พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม  ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคนอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 4. พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่  ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 5. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 6. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส  ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ สุไหงโก-ลกและสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 7. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง – ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง  ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกาอำเภอปะเหลียน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง  8. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์-ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ที่ตั้ง: อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 9. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 11.พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ที่ตั้ง : อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 12.พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 13. พื้นที่ชุ่มน้ำเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช  ที่ตั้ง : อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 14. หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรีและอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

สีสันตะวันออก เมืองเกาะในฝัน

สีสันตะวันออก เมืองเกาะในฝัน 1. เกาะช้าง  เกาะที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตราด และอันดับ 2 ของไทย จุดเด่นคือ เกาะช้างมีสิ่งอำนวยความสะดวก และทั้งที่พักร้านอาหารมากที่สุด นอกจากนั้นยังมีแพขนานยนต์ ที่สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลข้ามไปใช้สัญจรบนเกาะได้อีกด้วย 2. เกาะกูด มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในจังหวัดตราด บรรยากาศบนเกาะค่อนข้างเงียบสงบ น้ำใสมาก…ใสไม่แพ้กับทะเลฝั่งอันดามันเลย พื้นที่บนเกาะส่วนใหญ่ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติไว้ได้ดี มีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ไฮไลท์อยู่ที่การพายเรือคายัคจากที่พัก ผ่านพื้นที่ป่าชายเลน 2 ข้างทาง เพื่อไปเที่ยวที่น้ำตกคลองเจ้า บรรกาศเหมือนได้ผจญภัยในป่ายังไงยังงั้น 3. เกาะขาม  ได้รับฉายาไข่มุกมรกตแห่งทะเลตราด เพราะน้ำทะเลที่นี่ใสมากๆ และมีสีมรกต เอกลักษณ์ของที่นี้คือหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามชายหาด และมีแนวสันทรายที่ทอดยาวไปในทะเลเหมือนทะเลแหวก ด้านทิศตะวันออกของเกาะยังมีแนวปะการังที่สวยงาม เหมาะแก่การดำน้ำอีกด้วย 4. เกาะหมาก ที่นี่มีการจัดการสิ่งแวดล้อม Low Carbon Destination เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซล การคัดแยกขยะเพื่อการกำจัดอย่างยั่งยืน การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การเชื่อมโยงวิถีชีวิตชุมชนกับการท่องเที่ยว มีการใช้วัตถุดิบบนเกาะมาเป็นเมนูอาหาร เช่น การใช้ปลาทะเลที่หาได้จากเรือประมงของชาวบ้าน แทนการนั่งเรือออกไปซื้อปลายอดนิยมจากบนฝั่งมาขายให้นักท่องเที่ยว มีการปลูกผักสลัด ผักสวนครัว ไว้รับประทานเองด้วย นอกจากบรรยากาศชายหาดของเกาะหมากแล้ว กิจกรรมการปั่นจักรยานบนเกาะแห่งนี้ ถือได้ว่าไม่ควรพลาด เพราะเส้นทางที่ไม่ยากนัก จะพาลัดเลาะไปตามชุมชน ร้านค้า ชายหาด ป่าเขาน้อยใหญ่ ผ่านสวนมะพร้าว สลับเนิน นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์เกาะหมาก ภายในจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชีวิตและข้าวของเครื่องใช้ของชาวเกาะหมากในอดีต โดยพิพิธภัณฑ์ฯ จะเปิดทุกวันเวลา 10.30 – 17.00 น. 5.เกาะรัง  เป็นหนึ่งในเกาะที่อยู่รวมกันเป็นแอ่ง นอกจากเกาะรัง ในบริเวณใกล้เคียงยังมี เกาะกระ เกาะเทียน เกาะยักษ์ และเกาะสามพี่น้อง สำหรับใครที่ชอบดำน้ำตื้น พวกเราแนะนำต้องที่นี่เลย หมู่เกาะรังเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และยังไม่ถูกรบกวนจากนักท่องเที่ยวมากนัก บนเกาะแห่งนี้ไม่มีโรงแรมรีสอร์ท แต่มีที่พักของทางอุทยานที่สามารถกางเต็นท์ได้ หรือจะพักที่เกาะใกล้เคียงแล้วซื้อทัวร์มาลงดำน้ำที่นี่ก็ได้เช่นกัน 6.เกาะหวาย เกาะเล็กๆ ที่ความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กับเกาะอื่นๆในตราดเลย เกาะหวายเป็นจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกที่สวยงาม สามารถพบเห็นสัตว์ทะเลและปะการังหลากชนิด ทั้งปะการังก้อน ปะการังเขากวาง ปะการังพุ่ม  นอกจากนี้เกาะหวายยังเป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์การเรียนรู้ ICEF ที่จัดทำโครงการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลหลากหลายโครงการ เช่น โครงการปลูกปะการัง โครงการปล่อยเต่าทะเล และโครงการอนุบาลสัตว์น้ำหายาก 7. เกาะยักษ์ น่าจะเป็นเกาะที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวน้อยที่สุดด้วย เกาะยักษ์ไม่มีพื้นที่ชายหาดให้เดินเล่น โดยเกาะจะแบ่งเป็น 2 เกาะ คือ เกาะยักษ์ใหญ่และยักษ์เล็ก ส่วนเรื่องความสวยงามก็ปล่อยให้ภาพเล่าเรื่องแทนแล้วกันนะครับ 8. เกาะกระดาด เกาะกระดาดมีลักษณะเฉพาะตัวที่ค่อนข้างแปลกจากเกาะอื่นๆทั่วไป เนื่องจากพื้นที่มีลักษณะที่แบนราบเหมือนกับกระดาด ไม่มีเนินเขาเหมือนหรือหน้าผาเลย ไฮไลท์ของที่นี่คือ การนั่งรถแทร๊คเตอร์ของชาวบ้านวนรอบเกาะไปชมฝูงกวางป่านับร้อยตัวในบรรยากาศ “ซาฟารีกลางทะเล”

สีสันตะวันออก เมืองเกาะในฝัน อ่านเพิ่มเติม

Hidden Silent Place ล่องเรือชมธรรมชาติและน้ำตก

ล่องเรือชมธรรมชาติและน้ำตก เขื่อนขุนด่านปราการชล จ.นครนายก การเดินทาง– จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 305 เลียบคลองรังสิต ผ่านอำเภอองครักษ์ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 3049 (นครนายก-น้ำตกนางรอง) จากโรงพยาบาลนครนายก ผ่านน้ำตกวังตะไคร้ ก่อนถึงน้ำตกนางรอง 2 กิโลเมตร ให้เลี้ยวขวาเข้าเขื่อนขุนด่านปราการชล – จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 305 และทางหลวงหมายเลข 3239 (นครนายก-บ้านท่าด่าน) ไปยังเขื่อนขุนด่านปราการชล เพื่อนๆ ที่ต้องการล่องเรือชมธรรมชาติและน้ำตก ให้ขับรถไปตามทางที่จะไปขึ้นชมสันเขื่อน จุดบริการล่องเรือจะอยู่บริเวณที่จอดรถก่อนถึงสันเขื่อน ติดต่อเจ้าหน้าที่แล้ว ระหว่างรอเรือก็แชะภาพ เดินรับลมเย็นๆ กันก่อน  เรือจะเเล่นไปบริเวณเหนือเขื่อนขุนด่านปราการชล ออกไปสัมผัสธรรมชาติแบบกรีนสุดๆ ระยะทางไป-กลับ 18 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงครึ่ง ถ้ามากับเเก๊งเพื่อนรับรองสนุกแน่นอน หรือจะมากับครอบครัวก็แฮปปี้ไปอีกแบบจ้า เมื่อเรือมาถึง เราก็ต้องเดินลงบันไดเพื่อไปลงเรือ ซึ่งบันไดก็ไม่สูงเท่าไหร่เลยแค่ร้อยกว่าขั้น(เอ๊งงง) ขาลงไม่เท่าไหร่ แต่ขากลับขึ้นมาเนี่ยสิ  คนขับเรือจะพาเราไปชมทั้งหมด 3 จุดด้วยกัน ซึ่งเราต้องเดินเท้าเข้าไปอีก ให้เวลาจุดละ 30 นาที ต้องทำเวลากันนิดนึง สำหรับใครที่จะไปลุยช่วงนี้อาจจะเห็นน้ำเริ่มขึ้นสูงและมีฝนตกโปรยปราย แต่ก็ยังไปล่องได้ตามปกติค่ะ ระหว่างที่เรือแล่นจะเห็นสองข้างทางมีแต่สีเขียวเต็มไปหมด สดชื่นสุดๆ เลยล่ะ จุดแรกมาแวะกันที่ “น้ำตกผางามงอน” ต้องปีนป่ายโขดหินกันตั้งแต่ขึ้นจากเรือเลยทีเดียว แม้ระยะทางจะสั้นแค่ประมาณ 300 เมตร แต่ก็มีเชือกเอาไว้ให้จับด้วย ปลอดภัยมากๆ แต่ยังไงก็ระวังลื่นกันด้วยนะคะ จุดที่สอง “น้ำตกคลองคราม” เดินลัดเลาะผ่านทุ่งหญ้าและพุ่มไม้ไปเรื่อยๆ ประมาณ 400-500 เมตร ก็จะเจอกับน้ำตกเล็กๆ ที่มีแอ่งน้ำให้เราสามารถเล่นได้ จุดที่สาม “น้ำตกช่องลม” ว่ากันว่าที่สุดท้ายมักจะเป็นไฮไลท์ที่พีคที่สุด และพีคจริงๆ ค่ะ เพื่อนๆ กว่าจะถึงตัวน้ำตก ก็ต้องปีนป่ายโขดหิน ข้ามสะพานไม้ไผ่ ลัด เลาะ และลื่นมาเรื่อยๆ ประมาณ 900 เมตร ที่นี่มีแอ่งน้ำขนาดใหญ่ เล่นน้ำได้สบายเลยค่ะ แต่ละจุดเรือจะจอดรออยู่ข้างหน้า เสร็จภารกิจ 30 นาที คนขับเรือก็มารอรับทันที ตรงเวลาเป๊ะๆ ใครที่อยากมาเที่ยวผจญภัยแบบเบาๆ พอให้ได้เห็นสีเขียวๆ ของธรรมชาติ และรับอากาศบริสุทธิ์ของป่า แอดคิดว่าเขื่อนขุนด่านปราการชลก็เป็นอีกที่หนึ่งที่น่าสนใจมากทีเดียวล่ะ

Hidden Silent Place ล่องเรือชมธรรมชาติและน้ำตก อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top