สถานที่ท่องเที่ยว

ใครไม่แล่น…ทุ่งวัวแล่น!!

หาดทุ่งวัวแล่น เป็นชายหาดที่สวยงามขึ้นชื่อของ ตำบลสะพลีอำเภอปะทิว จ.ชุมพร เป็นหาดทรายที่มีเม็ดทรายสีขาวนวลละเอียด ทอดตัวยาวไปสุดลูกหูลูกตา และยังเป็นหาดที่มีความลาดเอียงน้อย น้ำทะเลสวยใสเหมาะแก่การเล่นน้ำสุดๆ ชื่อนี้มีที่มา “หาดทุ่งวัวแล่น” มีตำนานว่าแต่ก่อนหาดทุ่งวัวแล่นมีสัตว์ป่าอยู่เป็นจำนวนมาก มีอยู่วันหนึ่งนายพรานมาล่าสัตว์ ยิงวัวป่าล้มลง แต่วัวป่ากลับฟื้นและวิ่งหนีหายไป จึงเป็นที่มาของหาดทุ่งวัวแล่น หาดทรายยาว ไม่มีเตียงผ้าใบ ไม่มีเรือบานาน่าโบ้ท มาบดบังความสวยงามของชายหาด นักท่องเที่ยวที่ต้องการดำน้ำสามารถเหมาเรือหางยาวไปดำน้ำที่เชิงเขาโพธิ์แบะ ทางทิศใต้ของหาดทุ่งวัวแล่น บริเวณนี้เป็นชุดชมปะการัง ดูปลา ดอกไม้ทะเล หรือจะแล่นไปที่หมู่เกาะชุมพร ก็มีเกาะหลายเกาะให้ดำน้ำ น้ำทะเลใสน่าเล่น หาดทรายสะอาดมาก นักท่องเที่ยวไม่แออัด เหมาะแก่การมาเที่ยวกับครอบครัว หรือเพื่อนๆที่สุด การเดินทางรถยนต์ : ใช้ถนนเพชรเกษมวิ่งลงมาจนถึงแยกท่าแซะ แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนน 3180 ตรงมาจนสุดจะถูกบังคับให้เลี้ยวขวาตรงถนนเลียบชายหาดรถไฟ : ลงที่สถานีรถไฟชุมพร แล้วเดินไปตลาด ประมาณ 10 นาที ขึ้นรถสองแถวเล็กสีเหลือง ชุมพร – สะพลิง ไปหาดทุ่งวัวแล่น

ใครไม่แล่น…ทุ่งวัวแล่น!! อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวไหนดีที่ศรีสะเกษ เมืองแห่งกลิ่นอายวัฒนธรรมขอม

ในทริปนี้เราเดินทางจากกรุงเทพฯ โดยเครื่องบินไปลงที่จ.อุบลราชธานี จากนั้นนั่งรถตู้สายกันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ และต่อด้วยรถโดยสารไปที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหาร ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงเศษเท่านั้น เริ่มด้วยการออกตามหาร่องรอยของอารยธรรมขอม ที่อุทยานแห่งชาติเขาพระวิหารแห่งนี้ นอกจากป่าไม้อันอุดมสมบูรณ์ภายในอุทยานแห่งชาติแล้ว สิ่งที่ไม่ควรพลาดคือ ผามออีแดง เดินจากจุดบริการนักท่องเที่ยวไม่ไกลเราก็มาถึง จุดชมวิวผามออีแดง หน้าผาสูงชันที่เป็นปราการธรรมชาติแบ่งเขตแดนไทย-กัมพูชา มองไปด้านล่างจะเห็นดินแดนฝั่งกัมพูชามีป่าไม้ขึ้นอย่างหนาแน่นเขียวขจีไกลสุดสายตา ในวันที่อากาศปลอดโปร่งจะมองเห็นปราสาทเขาพระวิหารตั้งอยู่บนเขาอยู่ลิบๆ ให้ได้จินตนาการว่าถ้าเข้าไปดูใกล้ ๆ จะยิ่งใหญ่อลังการขนาดไหน ถ้ามาในช่วงเช้าที่อากาศเย็นหรือมีความชื้นสูง ใครโชคดีจะได้เห็นทะเลหมอกที่เป็นจุดที่สวยงามอีกจุด หรือถ้ามาช่วงเย็นชมพระอาทิตย์ตกดินก็สวยงามไปอีกแบบ เมื่อเดินตามสะพานไม้เลาะไปตามริมหน้าผามออีแดงด้านขวาลึกลงไปเป็นป่าไม้เขียวขจีในเขตกัมพูชาพอให้ได้เสียวเล็กน้อย เดินไม่ไกลจะพบภาพสลักนูนต่ำ เทพ 3 องค์ขนาดเท่าคนจริง อายุไม่ต่ำกว่า 1,000 ปี เชื่อว่าเป็นภาพที่สลักขึ้นเพื่อซ้อมมือก่อนเริ่มแกะสลักจริงที่ปราสาทเขาพระวิหาร หลายคนคิดว่านี่เป็นสิ่งเล็ก ๆ แต่มันแสดงถึงศิลปะที่บ่งบอกถึงความรุ่งเรืองในอดีตของอารยธรรมขอมที่ยังคงหลงเหลืออยู่อย่างค่อนข้างสมบูรณ์ ผามออีแดง จากนั้นถ้าอยากชมปราสาทขอมอย่างใกล้ชิด ลองแวะไปที่ปราสาทโดนตวล เป็นปราสาทหินแบบขอมขนาดไม่ใหญ่ สร้างขึ้นในราวพุทธศตวรรษที่ 15 – 16 ตั้งอยู่บริเวณบ้านภูมิซรอล ตำบลบึงมะลู อำเภอกันทรลักษ์ ขากลับเรากลับกันที่อุบลราชธานีอีกครั้ง มีเวลาแวะไหว้พระทำบุญกันก่อนกลับที่วัดพระธาตุหนองบัว วัดนี้มีพระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ที่จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ บรรยากาศร่มรื่น จินตนาการว่าได้ยืนอยู่ที่เจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดียก็รู้สึกสงบอย่างบอกไม่ถูก ก่อนกลับแวะซื้อของฝากตามธรรมเนียมที่ “ร้านระหว่างทาง” ใกล้กับทุ่งศรีเมือง หรือ “ร้านพันชาติ” มีของฝากน่ารักออกแบบได้ทันสมัยน่าสนใจ เช่น กระเป๋า เสื้อ ตุ๊กตา ที่ทำจากผ้าพื้นเมือง ผ้าซิ่นงาม ๆ ซื้อไปฝากญาติผู้ใหญ่ก็น่าจะถูกใจไม่น้อย สำหรับสายกินอย่าพลาดแวะซื้ออาหารประจำจังหวัดอุบลราชธานี อย่างหมูยอ กุนเชียง แหนม ร้านอร่อยก็อยู่ใกล้ ๆ กับทุ่งศรีเมืองนี่แหละ เช่น หมูยอเขื่อนธานี ที่เป็นหมูยอไม่ผสมแป้งที่คนอุบลฯ นิยมไปซื้อกัน

เที่ยวไหนดีที่ศรีสะเกษ เมืองแห่งกลิ่นอายวัฒนธรรมขอม อ่านเพิ่มเติม

เที่ยววัดจังหวัดอุดร พาเดินสายเก็บแต้มบุญ

เที่ยววัดจังหวัดอุดร พาเดินสายเก็บแต้มบุญ ภาพ : วัดป่าภูก้อน วัดป่าภูก้อน ตั้งอยู่ในเขตป่าสงวนแห่งชาติป่านายูงและป่าน้ำโสม อำเภอนายูง เป็นรอยต่อแผ่นดิน 3 จังหวัด คือ อุดรธานี เลย และหนองคาย วัดป่าภูก้อนเป็นสถานที่ที่สงบเหมาะแก่การปฏิบัติธรรม ภายในวัดมีองค์พระปฐมรัตนบูรพาจารย์มหาเจดีย์ ซึ่งภายในประดิษฐานพระร่วงโรจน์ศรีบูรพา โดยในพระเกศขององค์พระบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ด้วยนอกจากนี้ยังมีพระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี เป็นพระพุทธรูปปางปรินิพพาน ทำด้วยหินอ่อนขาวจากเมืองคาร์ราร่า ประเทศอิตาลีเปิดให้เข้าชมเวลา 08.30 – 17.00 น. วัดป่าภูก้อนอยู่ห่างจากตัวเมือง 124 กิโลเมตร แนะนำว่าควรเช่ารถขับไปเองหรือเช่ารถพร้อมคนขับจะสะดวกที่สุด เนื่องจากไม่มีรถประจำทางไปที่วัดป่าภูก้อนโดยตรง ต้องไปต่อรถสองแถวบริเวณบ้านผือ ซึ่งมีรถน้อยมาก พระพุทธไสยาสน์โลกนาถศาสดามหามุนี ณ วัดป่าภูก้อน วัดโพธิสมภรณ์ ตั้งอยู่ในตัวเมืองอุดรธานี ริมถนนโพธิ์ศรี เป็นพระอารามหลวงชั้นตรี ชนิดสามัญ สร้างในสมัยรัตนโกสินทร์ ปลายรัชกาลที่ 5 สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่ หลวงพ่อพุทธรัศมี ซึ่งเป็นพระประธานในอุโบสถ พระบรมธาตุเจดีย์ มีทั้งหมด 3 ชั้น ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระพุทธรูป พระไตรปิฎก คติธรรมคำสอน อัฐิธาตุพระอรหันตสาวก และรูปเหมือนพระบูรพาจารย์ เปิดทุกวัน 08.30-18.00 น. ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ ประดิษฐานพระพุทธรูปและรูปหล่อองค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน ชั้นบนสุดของพระบรมธาตุเจดีย์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ วัดสันติวนาราม อีกชื่อหนึ่งคือ วัดป่าดงไร่ ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองหาน มีพระอุโบสถทรงดอกบัวอยู่กลางน้ำ ภายในประดิษฐานพระประธานและมีภาพวาดฝาผนังเป็นเรื่องราวพุทธประวัติ นอกจากนี้วัดสันติวนารามยังเป็นสำนักปฏิบัติธรรม ใครที่อยากปลีกตัวจากโลกภายนอกแล้วหันหน้าเข้าหาความสงบ ศึกษาธรรมะเพิ่มเติม สามารถมาที่วัดนี้ได้เลย รับรองแต้มบุญเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน ภายในพระอุโบสถรูปดอกบัว มีความเงียบสงบและเย็นสบาย วัดป่าบ้านตาด หรือวัดเกษรศีลคุณ ตั้งอยู่ที่ตำบลบ้านตาด อำเภอเมือง อยู่ห่างจากตัวเมืองอุดรธานี 16 กิโลเมตร เป็นสถานที่ปฏิบัติธรรม มีความเงียบสงบ ร่มรื่น วัดป่าบ้านตาดมีชื่อเสียงมากเพราะในอดีตหลวงตามหาบัว ญาณสมปนโน เป็นเจ้าอาวาส และแม้ท่านจะละสังขารไปหลายปีแล้ว ก็ยังคงมีประชาชนที่ศรัทธาท่านไปกราบไหว้ ทำบุญที่วัดอยู่ บริเวณวัดยังมีพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน ที่เพิ่งสร้างเสร็จไม่นาน พิพิธภัณฑ์อัฐบริขารหลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน วัดภูทองเทพนิมิตร  ตั้งอยู่ที่อำเภอหนองแสง ตัววัดอยู่บนเนินเขา บรรยากาศร่มรื่น เงียบสงบ มาที่นี่แล้ว ต้องมาสักการะพระพุทธชัยมงคลมหาชนอภิปูชนีย์ (หลวงพ่อทันใจ) พระพุทธรูปสีขาว ปางมารวิชัยที่ตั้งโดดเด่นอยู่บนเนินเขา ไม่เช่นนั้นจะถือว่ามาไม่ถึงวัด ด้านล่างองค์พระเป็นวิหารซึ่งในชั้นต่าง ๆ จะมีการจัดแสดงภาพวาดประวัติของพระพุทธเจ้าไว้บนเพดานอย่างสวยงาม

เที่ยววัดจังหวัดอุดร พาเดินสายเก็บแต้มบุญ อ่านเพิ่มเติม

น่าน..เนิบ..เนิบ (๓)

น่าน..เนิบ..เนิบ (๓) วัดนี้อยู่บนดอยเขาน้อยองค์พระธาตุสร้างในสมัยเจ้าปู่เข็ง เมื่อพ.ศ. 2030 มีเจดีย์ก่ออิฐถือปูนทั้งองค์ ศิลปะพม่าผสมล้านนา ภายในบรรจุพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าได้รับการบูรณะปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยพระเจ้าสุริยพงศ์ผริตเดชฯ ในปีพ.ศ. 2449-2454 โดยช่างชาวพม่าชื่อหม่องยิง และวิหารมีพระพุทธรูปศิลปะพม่าสร้างในสมัยนี้เช่นกัน ลานชมทิวทัศน์ประดิษฐาน “พระพุทธมหาอุดมมงคลนันทบุรีศรีน่าน” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปางประทานพร บนฐานดอกบัวสูง 9 เมตร บนยอดพระเกศาทำจากทองคำหนัก 27 บาท สร้างขึ้นเนื่องในมหามงคล พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษา 6 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม พ.ศ. 2542 เป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวต้องมาเก็บรูปไว้เป็นที่ระลึกบอกเลยค่ะว่า “ห้ามพลาด” สวยงามมากๆเพราะสามารถมองเห็นทิวทัศน์โดยรอบของตัวเมืองน่านได้ทั้งหมด ลานชมทิวทัศน์เปิดให้เข้าชมทุกวันตลอดเวลา นอกจากนี้ภายในบริเวณวัดยังมีแผ่นศิลาจารึกภาษาพื้นเมืองพระแม่ธรณีบีบมวยผม ศาลาเอนกประสงค์ ศาลาประดิษฐานหลวงพ่อเกษม เขมโก และตำหนักเจ้าแม่กวนอิมที่บริเวณทางขึ้นบันไดนาคซึ่งมี 303 ขั้น วัดพระธาตุเขาน้อยเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.  การเดินทาง ใช้เส้นทางเดียวกับวัดพญาวัด ขับเลยไปตามทางหลวงหมายเลข 1025 ประมาณ 2 กิโลเมตร

น่าน..เนิบ..เนิบ (๓) อ่านเพิ่มเติม

อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-ผาเสื่อ มหัศจรรย์ฝูงมัจฉากลางถ้ำ

อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ อยู่ในเขตพื้นที่อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน และอำเภอปางมะผ้า ห่างจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนประมาณ 17 กิโลเมตร เป็นสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมของจังหวัด โดยรอบเป็นลำธารและป่าเขาที่ยังมีความอุดมสมบูรณ์ เหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจทั้งในวันธรรมดาและวันหยุด มาเที่ยวแม่ฮ่องสอนทั้งที่ ก็แต่งตัวสไตล์ดอยสเตอร์ให้เข้ากับบรรยากาศซะหน่อย แค่หยิบชุดแบบชาวดอยมาใส่ ก็ได้ฟิลลิ่งความเป็นชาวเมืองเหนือเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งระดับแล้ว เวลาถ่ายรูปทั้งเท่ ทั้งเก๋ไก๋ ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสมาเที่ยวทางเหนือก็อย่าลืมซื้อหามาใส่กันนะเจ้า >< ตามลำธารในอุทยานฯ เราจะพบกับฝูงปลาพลวง ซึ่งภาษาเหนือเรียกว่า ปลาพุง หรือ ปลามุง ปลาชนิดนี้ชอบอาศัยอยู่ตามน้ำตกและธารน้ำในป่า เป็นปลาที่มีเกล็ดขนาดใหญ่ จัดอยู่ในวงศ์ปลาตะเพียนและปลาคาร์ฟ สามารถซื้ออาหารเลี้ยงปลาได้ด้วยนะ ถ่ายรูปเก็บไว้ไปโพสต์ลงโซเชียลซักหน่อย ระหว่างทางเดินไปถ้ำปลา เราจะผ่านสะพานแขวนที่มีชื่อว่า “สะพานปลา” มุมนี้จะได้เห็นทั้งวิวสะพาน วิวป่าเขา คือบรรยากาศต่างๆ มันลงตัวมากๆ เลยล่ะ ไม่ถ่ายรูปไม่ได้แล้ว ถึงแล้ว นี่แหละจุดที่เรียกว่า “ถ้ำปลา”  มีลักษณะเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ กว้างประมาณ 2 เมตร ลึก 1.50 เมตร ภายในแอ่งน้ำจะมีน้ำไหลออกจากถ้ำใต้ภูเขาอยู่ตลอดเวลา และความมหัศจรรย์อย่างหนึ่งก็คือ มีบรรดาฝูงปลาพลวงจำนวนมากอาศัยอยู่ในถ้ำแห่งนี้ ปลาพลวงเป็นปลาที่ไม่สามารถรับประทานได้ เพราะอาหารของปลาชนิดนี้คือผลไม้ไม้ในป่าที่หล่นลงมาในน้ำ ซึ่งบางครั้งอาจมีพิษ ทำให้เนื้อของปลามีพิษตามไปด้วย นอกจากนี้ชาวบ้านยังเชื่อกันว่าปลาพลวงเป็นปลาศักดิ์สิทธิ์ หากใครนำมารับประทานจะพบกับภัยพิบัติ ถ้าเพื่อนๆ มีเวลา แอดอยากจะแนะนำให้ไปสัมผัสกับสายน้ำเย็นๆ ที่ “น้ำตกผาเสื่อ” จากถ้ำปลาขับรถไปใช้เวลาประมาณ 20 นาทีเท่านั้น น้ำตกผาเสื่อ มีต้นกำเนิดจากลำน้ำแม่สะงาในพม่า สูงประมาณ 10 เมตร กว้างประมาณ 15 เมตร ในช่วงฤดูฝนจะมีน้ำไหลเต็มหน้าผากว้างทำให้มีรูปร่างคล้ายเสื่อ จึงเรียกว่า “น้ำตกผาเสื่อ” ส่วนในฤดูแล้งน้ำจะน้อย ทำให้เห็นโขดหินที่สวยงาม อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-น้ำตกผาเสื่อ เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. ช่วงเวลาท่องเที่ยว : เที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่ในช่วงหน้าหนาวคนจะเยอะเป็นพิเศษ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร. 082 191 1746  ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท ผู้สูงอายุเกิน 60 ปี เข้าชมฟรีชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 1095 (แม่ฮ่องสอน-ปาย) แยกซ้ายบริเวณบ้านรักไทยเป็นทางลาดยางเข้าไปอีก 12 กิโลเมตร และเข้าทางลูกรังไปอีก 8 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/yPkqEGBVd922

อุทยานแห่งชาติถ้ำปลา-ผาเสื่อ มหัศจรรย์ฝูงมัจฉากลางถ้ำ อ่านเพิ่มเติม

น้ำตกภูซาง น้ำตกอุ่นแห่งเดียวในประเทศไทย

น้ำตกภูซางอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูซาง เป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาดอยผาหม่น ในเขตอำเภอเชียงคำ อำเภอภูซาง จังหวัดพะเยา และอำเภอเทิง จังหวัดเชียงราย มีอาณาเขตติดต่อกับสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาวเป็นแนวยาว 30 กิโลเมตร มีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ เป็นต้นน้ำของลำธารหลายสาย น้ำตกภูซาง ตั้งอยู่ริมถนน ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 200 เมตร เป็นน้ำตกหินปูนสูง 25 เมตร มีน้ำตลอดทั้งปี อุณหภูมิของน้ำประมาณ 33 องศาเซลเซียส น้ำใส ไม่มีกลิ่นกำมะถัน บางคนจึงเรียกว่า “น้ำตกอุ่นภูซาง” สายน้ำตกจะไหลลงไปที่แอ่งน้ำเบื้องล่าง เหมาะสำหรับการลงแช่ตัวมากๆ ด้านบนของน้ำตกภูซางมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เป็นทางเดินยกระดับและเส้นทางบนพื้นราบแบบวงรอบ ระยะทาง 996 เมตร ไม่ไกลมาก เดินกำลังสบาย งั้นเราเริ่มเดินกันเลย มาเที่ยวหน้าฝนมันก็จะเขียวๆ หน่อย ตลอดเส้นทางศึกษาธรรมชาติเป็นป่าพรุและบ่อน้ำอุ่น ซึ่งเป็นต้นกำเนิดของน้ำตกภูซาง ใช้เวลาเดินประมาณ 30 นาที-1 ชั่วโมง จุดที่น่าสนใจคือ “บ่อน้ำอุ่นภูซาง” เป็นบ่อน้ำซับ แหล่งต้นน้ำของน้ำตกภูซาง อุณหภูมิ 35 องศาเซลเซียส และเป็นบริเวณที่ธารน้ำอุ่นผุดขึ้นจากใต้พื้นดิน เดินตามทางเดินสะพานไม้ไปเรื่อยๆ จะพบดอกไม้และพรรณไม้นานาชนิด สามารถอ่านป้ายข้อมูลที่ให้ความรู้ไว้ตามจุดต่างๆได้ เดินอ่านไป ชมธรรมชาติไป แป๊บเดียวก็วนกลับออกมาที่จุดเริ่มต้นแล้ว หลังจากเดินชมธรรมชาติและเล่นน้ำตกเสร็จมาเหนื่อยๆ สามารถไปทานอาหารเติมพลังกันได้ เพราะบริเวณน้ำตกมีร้านอาหารและห้องน้ำให้บริการ แอดขอกระซิบว่าที่นี่ ส้มตำ ไก่ย่าง อร่อยมาก 

น้ำตกภูซาง น้ำตกอุ่นแห่งเดียวในประเทศไทย อ่านเพิ่มเติม

Kid Mai Death Cafe : มรณานุสติ คาเฟ่

คิดใหม่ คาเฟ่แห่งความตาย ซอยอารีย์ เมื่อเดินเข้าซอยมา เราจะพบกับอุโมงค์สีดำที่มีไฟสลัวๆ ตลอดทางเดินมีลักษณะเหมือนนิทรรศการขนาดย่อมที่ตั้งคำถามให้เราได้ขบคิดถึงการใช้ชีวิตของตัวเองที่ผ่านมา มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผ่านพ้นอุโมงค์ออกมา ก็จะเข้าสู่บริเวณร้าน ซึ่งออกแบบให้เหมือนกับอยู่ภายในวัดที่มีต้นไม้ร่มรื่น มีศาลาสวดพระอภิธรรมศพที่ตกแต่งในโทนสีขาวดำ อย่างกับอยู่ในงานศพจริงๆ เลย เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของความตาย เราจึงเห็นโครงกระดูกมนุษย์นั่งบ้างนอนบ้างอยู่ตามที่ต่างๆ ภายในร้าน ไว้คอยเตือนใจให้ผู้มาเยือนได้คิดและทำสิ่งดีๆ ก่อนจะไม่มีโอกาสได้ทำ (แอบขนลุกเบาๆ นะเนี่ย ^^) เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านมีอยู่ 4 อย่าง ซึ่งนำเอาหลักสัจธรรม “เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย” มาสอดแทรกเป็นกิมมิคเก๋ๆ ตามคอนเซ็ปต์ของร้าน เมนูซิกเนเจอร์ทั้ง 4 เรียงจากซ้ายไปขวา ได้แก่Born – เกิด “ยากเพียงใดกว่ามนุษย์จะได้เกิดมาและมีลมหายใจ จงใช้ชีวิต”สตรอว์เบอร์รีโซดาสีสวยสดใสที่เข้มข้นจากด้านล่าง ขึ้นไปสู่ฟองอากาศด้านบนอันเป็นตัวแทนของลมหายใจที่หอมหวาน เจือด้วยอุปสรรคที่ขอบแก้วเป็นสีสันของชีวิต  Elder – แก่ “เมื่อการดำเนินชีวิตมาถึงช่วงเวลาหนึ่ง อวัยวะทั้งหลายของเราย่อมเสื่อมไปตามธรรมชาติ แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาสร้างให้เราสุขุม รอบคอบ มีสติและรู้จักคุณค่าของชีวิต”ช็อคโกแลตร้อนที่เข้มข้นจนถึงก้นแก้ว สื่อถึงสังขารที่ร่วงโรยและการปล่อยวาง Painful – เจ็บ “เครื่องดื่มนี้แทนเส้นทางการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ที่ผ่านขวากหนามและอุปสรรคต่างๆ จนบางบาดแผลทิ้งร่องร่อยให้เป็นประสบการณ์ชีวิต”ซอสสตรอว์เบอร์รีเปรียบเสมือนเลือดที่เกิดจากบาดแผล ไหลไปตามวิปครีมที่แทนร่างกาย ลึกลงไปสู่จิตใจที่ก้นแก้ว Death – ตาย โกโก้ปั่นเข้มข้น สื่อถึงวาระสุดท้ายที่ร่างกายต้องสลายไปในที่สุด “ทดลองตาย ก่อนตาย”  การนำโลงศพมาตั้งแบบนี้เป็นกิจกรรมหนึ่งของร้าน ที่ให้เราลงไปนอนในโลงเพื่อให้ได้คิดพิจารณาถึงสิ่งต่างๆ ที่เคยทำลงไปและสิ่งที่อยากจะทำในอนาคต หลังออกมาจากโลงก็จะมีสมุดให้เขียน “ความตั้งใจที่จะทำหลังขึ้นมาจากโลงศพ” ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 3 นาที มีเจ้าหน้าที่ของร้านเป็นคนเปิด-ปิดฝาโลงให้  สำหรับผู้กล้าที่ทดลองนอนในโลงศพจะได้ส่วนลดเครื่องดื่ม 5 บาทด้วย นอกจากการทดลองนอนในโลงศพแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ผู้ที่มาเยือนได้ทำก่อนตาย เช่น เขียนพินัยกรรม และเขียนจดหมายถึงตัวเอง ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมก็จะได้ลดราคาเครื่องดื่ม 5 บาทเช่นกันค่ะ

Kid Mai Death Cafe : มรณานุสติ คาเฟ่ อ่านเพิ่มเติม

เขากระโจม สวรรค์ของการผจญภัยไม่ไกลกรุง

เขากระโจม ตั้งอยู่ที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ที่นี่เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งอยู่สุดเขตประเทศไทยทางภาคตะวันตกที่ติดกับประเทศพม่า โดยก่อนจะได้ชื่อว่า “เขากระโจม” นั้น ว่ากันว่าในสมัยก่อนชาวกะเหรี่ยงที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ได้ตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า “เขาลันดา” ซึ่งหมายถึงภูเขาที่มีที่ราบ ต่อมาคนไทยได้มาทำเหมืองแร่ดีบุกและเห็นลักษณะของเขาคล้ายกับกระโจมอินเดียนแดง จึงเรียกว่า “เขากระโจม” หรือ “เขาช่องกระโจม” นั่นเอง สำหรับการเดินทางขึ้นไปบนยอดเขากระโจมนั้น แอดบอกเลยว่าถูกใจสำหรับนักผจญภัยสายลุยแน่นอน เพราะตลอดระยะทาง 10 กิโลเมตรจากตีนเขาถึงยอดเขานั้น สมบุกสมบัน ท้าท้าย และหวาดเสียวพอดู แม้ช่วง 2 กิโลเมตรแรกจะเป็นทางลาดยางเรียบง่าย แต่หลังจากนั้นเรียกว่าตัวโยกกันไปมาเลยทีเดียว เพราะสภาพเส้นทางค่อนข้างลำบาก เป็นร่อง เนิน และหลุมบ่อสลับกัน มีความสูงชัน และในบางจุดนั้นต้องลุยน้ำที่สูงเกือบครึ่งคันรถเลยทีเดียว ซึ่งยานพาหนะที่ใช้ในการขึ้นเขาต้องเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น การเดินทางขึ้น-ลงเขากระโจมจะมีช่วงเวลากำหนดไว้ โดยช่วงเช้าตั้งแต่ 04.00-07.00 น. จะกำหนดให้รถเดินทางขึ้นอย่างเดียว หลังจากนั้นเวลา 07.00-09.00 น. จะเป็นเวลาที่ให้รถลงจากเขา ซึ่งทั้ง 2 ช่วงเวลานี้ห้ามรถสวนทางกันโดยเด็ดขาด และจะสามารถเดินทางขึ้น-ลงได้ปกติ ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. โดยหลังจาก 19.00 น. เป็นต้นไปจะไม่อนุญาตให้เดินทางขึ้นเขากระโจม เพราะเป็นเวลากลางคืน อาจเกิดอุบัติเหตุได้  บนยอดเขากระโจมเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น ดูดาวในยามค่ำคืน รวมไปถึงชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้า มีพื้นที่กว้างขวางล้อมรอบไปด้วยวิวภูเขามากมาย และยังมีธรรมชาติที่สดชื่นให้เราสูดหายใจได้เต็มปอด เหมาะสำหรับนักผจญภัยที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติเป็นอย่างมาก  บนยอดเขานี้สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ แต่ต้องนำเต็นท์ไปเอง รวมถึงอาหารด้วย เนื่องจากด้านบนเขาไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกบริการ อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่อยู่ระหว่างทางขึ้นเขากระโจมก็คือ “น้ำตกผาแดง” อยู่ห่างจากยอดเขากระโจมประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง เกิดจากห้วยลันดา และลำห้วยอื่นๆ บนเขากระโจมมารวมกันและไหลลงสู่หน้าผาหินสีแดงที่สวยงาม  แม้น้ำตกแห่งนี้จะไม่สามารถเล่นน้ำได้ แต่เราก็สามารถเดินไปตามก้อนหินเพื่อชมความงามของน้ำตกและธรรมชาติรอบข้างได้ ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังกันซักนิด เนื่องจากหินค่อนข้างลื่น ที่ตั้งเขากระโจม : ฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีพิกัด : https://goo.gl/maps/hbZQdSLhY352 การเดินทาง จากกรุงเทพ ใช้ถนนเพขรเกษม มุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี เมื่อถึงแยกห้วยไผ่ให้เลี้ยวขวา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3208 ไปอำเภอสวนผึ้ง ขับไปประมาณ 40 กิโลเมตร จะเจอแยกชัฏป่าหวาย ให้ขับตรงไปซอยเล็กจะทะลุเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3087 ขับตรงไปอีกประมาณ 28 กิโลเมตร จะถึงทางขึ้นเขากระโจม  สำหรับใครที่จะมาเขากระโจม และไม่มีรถโฟร์วีล ตรงปากทางขึ้นเขากระโจมก็มีบริการรถโฟล์วีลด้วย สามารถเช่าได้ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือจะเหมาค้างคืนบนเขาก็ได้ ติดต่อได้ที่ชมรมรักษ์เขากระโจม ถ้าที่พักอยู่ใกล้ๆ เขากระโจม ก็สามารถบอกให้รถมารับ-ส่งถึงที่พักได้เลย สอบถามข้อมูลหรือจองรถขึ้นเขาชมรมรักษ์เขากระโจม (คุณไก่ ประธานชมรมฯ)โทร. 087 135 8623

เขากระโจม สวรรค์ของการผจญภัยไม่ไกลกรุง อ่านเพิ่มเติม

D.E.D Thailand ร้านนี้มีแต่ทีเด็ด

คำว่า D.E.D มีที่มานะจ๊ะ เป็นตัวย่อมาจาก Delicious Extraordinary Dough ซึ่งหมายถึงแป้งขนมปังลูกครึ่ง ที่มีส่วนผสมของขนมปังบริยอช กับครัวซองต์ ความพิเศษที่มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น ภายในร้านโปร่งโล่ง ตกแต่งแบบสบายๆ มีภาพวาดการ์ตูนน่ารักๆ อยู่ด้วย ที่นั่งมีให้เลือกหลายโซน แต่โซนที่แอดเห็นแล้วต้องรีบเข้าไปจับจองทันทีคือ โซนที่นั่งหมอนสามเหลี่ยม แม้จะนั่งลำบากเพราะใส่กระโปรง แต่แอดก็สู้ เพราะไม่อยากตกเทรนด์กระแส thainess ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ โซนที่นั่งริมหน้าต่างก็มีนะ ใครอยากไปนั่งสวยๆ เหม่อๆ ดูเหงาๆ ก็นั่งได้เลย มุมนี้ถ่ายรูปออกมาสวยไม่เบาเลยล่ะ มาถึงอาหารของเรา เมนูเด็ดของที่ร้าน ก็ต้องไม่พลาดแป้งพายที่เป็นลูกผสมระหว่างขนมปังบริยอชกับขนมปังครัวซองต์ เหมือนที่บอกไปตอนแรก ตัวแป้งทำออกมาในลักษณะของพิซซ่า เมนูแนะนำคือ “เด็ด ผักโขมอบชีส” และ “เด็ด มาซะหมั่น แห้งติดเกาะ” ส่วนเครื่องดื่มจะเป็นอิตาเลียนโซดา ที่มีชื่อเก๋ๆ อย่าง “กลีบกุหลาบแห่งฤดูกาล” (รสกุหลาบ) และ “สีสันแห่งฤดูร้อน” (รสมะม่วง) ซึ่งทำออกมาได้อร่อยชื่นใจ เมนูเด็ดของร้าน อร่อยกลมกล่อม แป้งพายกรอบนอกนุ่มใน เข้ากันได้ดีกับเครื่องโรยหน้าสไตล์ไทยๆ ปิดท้ายกันที่ของหวานแอดบอกเลยว่าไปถึงแล้วห้ามพลาดเมนู “สังขยาซ่อนแอบ”ขนมปังยัดไส้สังขยา ใส่ไส้มาให้เยอะมาก แต่ไม่หวานเลี่ยน อร่อยกำลังพอดี แป้งขนมปังก็นุ่ม อีกเมนูคือ “ซิ้ลกี้ แมงโก้

D.E.D Thailand ร้านนี้มีแต่ทีเด็ด อ่านเพิ่มเติม

Riverside Vibe: 6 ที่เที่ยวเดินเล่นชิล ถ่ายรูปสวย ติดแม่น้ำเจ้าพระยา

6 ที่เที่ยวเดินชิล ถ่ายรูปสวยติดแม่น้ำเจ้าพระยา– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – มาเริ่มที่แรกกันเลย Asiatique The Riverfrontคอมมูนิตี้มอลล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวในอดีต จากที่เคยเป็นท่าเรือของบริษัท อีสต์เอเซียติก บริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจส่งออกไม้สักตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ  ลักษณะเด่นของที่นี่อย่างหนึ่งก็คืออาคารโกดังเก่าหลังคาโค้งเรียงต่อกันหลายหลัง อายุกว่า 100 ปี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงสร้างเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ โดยได้ปรับปรุงและเสริมความแข็งแรง เพื่อใช้เป็นร้านอาหารและร้านขายสินค้าต่างๆ เอเชียทีคเป็นสถานที่รวมแหล่งชอปปิ้ง ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ และกิจกรรมต่างๆ เอาไว้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ที่จะทำให้เราสามารถมองเห็นวิวกรุงเทพฯ และแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ 360 อาศา ยิ่งเป็นช่วงเย็นๆ ก็จะได้บรรยากาศพระอาทิตย์ตกสวยๆ ด้วย ล้ง 1919 สมัยก่อนที่นี่เป็นท่าเรือกลไฟและโกดังสินค้าของตระกูลหวั่งหลี ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ มีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชาวจีนแต้จิ๋ว ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้เป็นแหล่งรวมร้านค้าร้านอาหารขนาดย่อม ให้นักท่องเที่ยวได้มาจับจ่ายใช้สอย ถ่ายรูป และทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงเรียนรู้เรื่องราวของชาวจีนผ่านสถาปัตยกรรมเก่าแก่อีกด้วย นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว ที่มีอายุมากกว่า167 ปี ศูนย์รวมจิตใจของชาวจีนที่โล้สำเภาเข้ามาค้าขายยังแผ่นดินไทย ให้เราได้กราบไหว้กันด้วย ล้ง 1919 Warehouse 30ครีเอทีฟ คอมมูนิตี้ คอมเพล็กซ์ ที่ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 30 ถูกแปลงโฉมจากโกดังเก่าให้กลายมาเป็นแหล่งแฮงก์เอาท์สุดฮิป ที่รวบรวมร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายสินค้าไอเดียเก๋ๆ หลากหลายประเภท ไปจนถึงโรงฉายหนัง และยังมีพื้นที่ Co-Working Space ให้ทุกคนได้มาเดินชอป นั่งชิล หรือร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ได้ทุกวัน The Jam Factoryสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นโดยคุณด้วง ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดัง (ผู้ทำโครงการ Warehouse 30) ที่ได้ปรับพื้นที่โกดังเก่าบริเวณท่าเรือคลองสาน ซึ่งเคยเป็นโรงงานถ่านไฟฉายตรากบ โรงงานน้ำแข็ง และโรงงานทำยา เนื้อที่กว่า 4 ไร่ ให้กลายเป็นสถานที่ชิลเอ้าท์ โดยรักษาโครงสร้างอาคารเดิมเอาไว้ให้มากที่สุด ภายในโครงการเป็นเหมือนศูนย์รวมความอาร์ตและความคิดสร้างสรรค์ เพราะได้รวบรวมทั้งร้านขายเฟอร์นิเจอร์สุดเก๋ ร้านหนังสือ ร้านกาแฟ art gallery มารวมไว้ในที่เดียวกัน และยังมีพื้นที่สำหรับจัดงานต่างๆ เช่น ตลาดศิลปะ หรืองานคอนเสิร์ตเล็กๆ ใครที่ชอบบรรยากาศชิลๆ หรืออยากมานั่งหาแรงบันดาลใจ ขอบอกเลยว่า The Jam Factory เป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากๆ ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์คคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์โคโลเนียล ที่เรียกได้ว่าอยู่ในทำเลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อมองออกไปยังแม่น้ำ เราจะได้เห็นวิวคุ้งน้ำเจ้าพระยาที่มีวัดอรุณราชวรารามเป็นฉากหลัง  ที่นี่เหมาะสำหรับการเดินชิม ชอป เพราะมีทั้งร้านค้าและร้านอาหารบรรยากาศดีหลายร้านให้เลือก ท่ามหาราชเดิมเป็นท่าเรือข้ามฟากเล็กๆ ที่ไม่คึกคักเท่าไรนัก ตั้งอยู่ระหว่างท่าช้างและท่าพระจันทร์ กาลเวลาผันเปลี่ยนไป ในที่สุดพื้นที่แห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็น open-air shopping & lifestyle market ที่เข้ากับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงมีกลิ่นอายของวิถีชีวิตชุมชนบนเกาะรัตนโกสินทร์ ท่ามหาราช เป็นแหล่งรวมศิลปะและวัฒนธรรม มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมทั้งศูนย์พระเครื่องและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเสมือนรากเหง้าของผู้คนในชุมชน เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือเหล่า food truck ที่มีให้เลือกหลากหลาย

Riverside Vibe: 6 ที่เที่ยวเดินเล่นชิล ถ่ายรูปสวย ติดแม่น้ำเจ้าพระยา อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top