สถานที่ท่องเที่ยว

เขาหน่อ เขาแก้ว จ.นครสวรรค์

เขาหน่อ เขาแก้ว ตั้งอยู่ในบริเวณวัดเขาหน่อ ตำบลบ้านแดน อำเภอบรรพตพิสัย จังหวัดนครสวรรค์ ห่างจากตัวเมืองนครสวรรค์ประมาณ 45 กิโลเมตร เป็นเขาหินปูนที่สวยงามแปลกตา ในส่วนของเขาหน่อจะแบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ เขานางพันธุรัต และเขาพระพุทธบาทหรือเขาหน่อ มาเริ่มที่แรกกันที่เขานางพันธุรัต เป็นเขาลูกเล็ก อยู่ห่างจากเขาพระพุทธบาทประมาณ 300 เมตร ด้านบนเป็นที่ประดิษฐานพระนอนขนาดใหญ่และยังมีถ้ำที่ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นถ้ำพญานาค มีทางเข้าออกเพียงทางเดียว หากสนใจจะเข้าไปชมควรพกไฟฉายไปด้วย หรือติดต่อเจ้าหน้าที่ให้พาเข้าไปนะคะ พระนอนขนาดใหญ่บนเขานางพันธุรัต มาต่อกันที่เขาพระพุทธบาท ที่เรียกว่าเขาพระพุทธบาทก็เพราะที่นี่มีรอยพระพุทธบาทจำลองอยู่ด้านบน แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่เรียกกันติดปากว่า เขาหน่อค่ะ… และก็มาถึงช่วงทดสอบกำลังกายและกำลังใจแล้ว ช่วงแรกๆ ทางขึ้นเขาหน่อจะเป็นบันไดปูนนะคะ แต่พอช่วงหลังๆ จะเป็นบันไดลิงแบบในภาพนี้เลยค่ะ ทั้งสูงทั้งชัน แอดเคยได้ยินแต่ยิ่งสูงยิ่งหนาว แต่นี่..ยิ่งสูงยิ่งเหนื่อยค่ะ และไม่แน่ใจว่าที่ขาสั่นเพราะเหนื่อยหรือว่าแอดตื่นเต้นกันแน่ แฟนเพจอย่าลืมพกน้ำดื่ม ยาดม ยาหอมกันมาด้วยนะคะ เดี๋ยวจะหาว่าแอดไม่เตือน ! พอขึ้นถึงจุดชมวิวแล้ว ก็รู้สึกคุ้มที่ปีนขึ้นมาเลย มันเป็นความเจ็บปวดที่งดงามมากๆ ค่ะ ฮ่าๆๆ มองเห็นทุ่งนาและสวนของชาวบ้านในบริเวณรอบๆ มองไปทางไหนก็มีแต่สีเขียวสวยงามมากๆ เลยค่ะ นั่งพักให้หายเหนื่อยสักครู่ แล้วเดินมาสักการะรอยพระพุทธบาทจำลองบนเขาหน่อแห่งนี้เพื่อความเป็นสิริมงคลของชีวิตนะคะ แอดไม่ได้พาวาร์ปมาลพบุรีนะคะ เรายังอยู่กันที่เขาหน่อนี่แหละค่ะ เจ้าถิ่นของที่นี่อยู่กันเป็นครอบครัว เป็นฝูง เป็นนิคมเลยก็ว่าได้ บางตัวก็เป็นมิตรน่ารักทักทายได้ แต่บางตัวก็แสบซนตามประสาลิง เพราะฉะนั้นแฟนเพจต้องระวังด้วยนะคะ ส่วนเขาแก้วนั้นเป็นที่ตั้งของถ้ำหลายถ้ำ ซึ่งเป็นที่อยู่อาศัยของค้างคาวนับหมื่นตัว ในช่วงเย็นๆ โพล้เพล้ๆ จะมีฝูงค้างคาวจำนวนมากบินออกมาจากเขาแก้ว จนดูเหมือนเส้นริบบิ้นสีดำตัดกับสีของท้องฟ้าสวยงามมากค่ะ เขาหน่อ เขาแก้ว เปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 การเดินทาง : จากตัวเมืองนครสวรรค์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ไปทางเส้นนครสวรรค์-กำแพงเพชร เขาจะอยู่ด้านขวามือ ให้สังเกตป้ายวัดเขาหน่อค่ะ

เขาหน่อ เขาแก้ว จ.นครสวรรค์ อ่านเพิ่มเติม

5 ที่ล่องแก่งแดนใต้ การผจญภัยตะลุยหน้าฝน

ล่องแก่งน้ำตกโตนปริวรรต จ.พังงา หนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ฝั่งอันดามันอย่างพังงา ที่หลายคนอาจจะคิดถึงแค่การไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ชายหาดและทะเลที่สวยงาม แต่หารู้ไม่ว่าพังงายังมืผืนป่าใหญ่ที่เขียวขจี มีลำธารใสไหลเย็น อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต ต.สองแพรก อ.เมือง นี่เอง ซึ่งที่นี่ยังมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและมีน้ำตกโตนปริวรรต เป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำคลองสองแพรก จุดเริ่มต้นความสนุกของเราในวันนี้ ที่นี่มีกิจกรรมล่องแก่งเรือยาง ที่นักผจญภัยทั้งหลายจะได้ตื่นเต้น ท้าท้าย และสนุกสนานไปกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ที่ไหลผ่านไปตามโขดหินเล็กใหญ่และแก่งขนาดต่างๆ รวมไปถึงยังมีป่าไม้อันร่มรื่นและสวยงามตลอดทั้งสองฝั่งด้วย ที่ตั้ง : ต.สองแพรก อ.เมือง จ.พังงาพิกัด : https://goo.gl/maps/G6reeg3nd222ติดต่อสอบถาม : ททท. สำนักงานพังงา โทร. 076 413 400-2 ล่องแก่งหนานมดแดง จ.พัทลุง หนึ่งในสถานที่ล่องแก่งในพัทลุงที่น้อยคนจะรู้จัก แต่สำหรับสายผจญภัยบอกเลยว่าไม่ควรพลาด ที่นี่นักผจญภัยจะได้ตื่นเต้นและสนุกสนานกับเกาะแก่งต่างๆ ที่มีมากมายกว่า 40 แก่ง ในระดับความยากง่ายที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังจะได้สัมผัสธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ตลอดสองฝั่งคลอง ทั้งความเขียวขจีของป่าไม้ ความสวยงามของดอกไม้นานาพันธุ์ รวมไปถึงสัตว์ประจำถิ่นชนิดต่างๆ ด้วย ที่นี่มีบริการห้องอบสมุนไพรไว้ให้ได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการล่องแก่ง และหากใครอยากพักค้างคืนที่นี่ก็มีบริการห้องพัก และลานกางเต็นท์ไว้บริการด้วย ที่ตั้ง : ม.1 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุงพิกัด : https://goo.gl/maps/GdGAg1mAFX22Website : www.nhanmoddang.com/index.htmติดต่อสอบถาม : -คุณโยธิน เขาไข่แก้ว โทร. 089 873 1464, 081 370 2123, 081 082 0206-ททท. สำนักงานนครศรีธรรมราช โทร. 075 346 515-6 ล่องแก่ง-ล่องแพ พะโต๊ะ จ.ชุมพร  เมื่อกล่าวถึงประตูสู่ภาคใต้ ก็ต้องนึกถึงจังหวัดชุมพร เมืองผ่านของใครหลายคน แต่ถ้าได้ลองแวะเวียนเข้าไปก็จะพบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย สำหรับในหน้าฝนกิจกรรมที่เราไม่ควรพลาดของจังหวัดนี้ก็คือ การล่องแก่ง-ล่องแพ ที่อำเภอพะโต๊ะนั่นเอง ที่นี่นักผจญภัยจะได้ตื่นเต้นและสนุกสนานกับการล่องแก่งไปตามธารน้ำที่เย็นฉ่ำ ผ่านเกาะแก่งต่างๆ ที่มีความยากง่ายแตกต่างกัน ท่ามกลางบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำที่เต็มไปด้วยป่าเขาเขียวขจี  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การเดินป่าชมต้นน้ำที่สามารถพักค้างแรมแบบแคมป์ปิ้งได้ โดยระหว่างทางเดินเราอาจจะได้เห็นสัตว์ป่านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นนกเงือก นกกระเต็น และค่างแว่นถิ่นใต้ เป็นต้น หรือจะนั่งช้างไปชมสวนผลไม้ที่เราสามารถชิมผลไม้สดๆ จากต้นได้ด้วย  ที่ตั้ง : ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพรพิกัด : https://goo.gl/maps/LJz5W3kLZwpติดต่อสอบถาม :– เทศบาลตำบลพะโต๊ะ (บริการล่องเรือยาง) โทร. 077 539 072– ชมรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าต้นน้ำพะโต๊ะ โทร. 087 821 8700 ล่องแก่งคลองกลาย จ.นครศรีธรมราช คลองกลาย สายน้ำที่สำคัญของชุมชนบ้านพิตำ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ มีต้นน้ำมาจากป่ากรุงชิง ในเขตอุทยานแห่งชาติเขานันและอุทยานแห่งชาติเขาหลวง นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของชุมชนแล้ว ยังเป็นเส้นทางล่องแก่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย ตลอดระยะทาง 2.5 กิโลเมตร จากปากคลองพิตำไปถึงลานหินดาน นักผจญภัยจะต้องเจอกับแก่งต่างๆ ที่มีความแรงของกระแสน้ำทีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังมีความเขียวชอุ่มของป่าไม้สองข้างลำธาร ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินและสดชื่นเมื่อได้มอง  หลังจากล่องแก่งเสร็จแล้ว ก็สามารถไปทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อยังแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงได้ ไม่ว่าจะเป็นชมความสวยงามในถ้ำหงษ์ หรือผ่อนคลายที่บ่อน้ำร้อนกรุงชิง  ที่ตั้ง : ม.3 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราชพิกัด : https://goo.gl/maps/E524BcuqzVoติดต่อสอบถาม : -ล่องแก่งกรุงชิงกับชุมชนบ้านพิตำ โทร. 084 443 6867, 087 267 2787Facebook : www.facebook.com/KrungChingrafting/ ล่องแก่งคลองลำโลน จ.สตูล จากต้นน้ำเทือกเขาบรรทัด ไหลลงมาผ่านน้ำตกวังสายทองก่อนจะลงสู่คลองลำโลน สายน้ำหลักของบ้านวังนาใน ต.น้ำผุด อ.ละงู อีกหนึ่งสถานที่สำหรับผู้ที่ชอบความตื่นเต้นท้าทายของการล่องแก่ง โดยตลอดระยะทาง 8 กิโลเมตร นักผจญภัยจะได้พบแก่งน้อยใหญ่มากมายโดยมีความยากง่ายสลับกัน รวมไปถึงยังมีบรรยากาศทั้งสองฝั่งที่เต็มไปด้วยป่าเขาและพรรณไม้นานาชนิด ให้ความรู้สึกสดชื่น  ที่นี่ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการชมความงามของถ้ำภูผาเพชร ถ้ำเจ็ดคต และน้ำตกวังสายทอง รวมไปถึงชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมน้ำและชนเผ่ามานิ ที่เรารู้จักกันในนาม ชนเผ่าเซมัง (ซาไก)  ที่ตั้ง : 230 หมู่ที่ 10 ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูลพิกัด : https://goo.gl/maps/qo9d6m5QX8T2ติดต่อสอบถาม : ชุมชนท่องเที่ยวบ้านวังนาใน โทร. 086 946 9229 (คุณไก่ เลชาชมรมฯ)ททท. สำนักงานหาดใหญ่ โทร. 074 231 055, 074 238 518, 074 243 747

5 ที่ล่องแก่งแดนใต้ การผจญภัยตะลุยหน้าฝน อ่านเพิ่มเติม

“พญาศรีมุกดาฯ” แลนด์มาร์คใหม่แห่งลุ่มแม่น้ำโขง

“พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช” หรือ “ปู่ศรีมุกดา” ตั้งอยู่บริเวณลานหินของวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ในเขตอุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ สร้างขึ้นโดยดำริของพระมหามงคล มังคลคุโณ รองเจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร เจ้าอาวาสรูปปัจจุบัน เพื่อให้ปกปักรักษาองค์พระใหญ่ซึ่งประดิษฐานอยู่บนยอดเขาภูมโนรมย์ เนื่องในวาระเฉลิมฉลองการก่อตั้งวัดครบ 100 ปี และครบรอบ 36 ปีจังหวัดมุกดาหาร  เหตุที่เจ้าอาวาสมีดำริให้สร้างพญาศรีมุกดาฯ ขึ้นนั้น ก็เนื่องมาจากคำบอกเล่าของพระราชมุกดาหารคณี อดีตที่ปรึกษาเจ้าคณะจังหวัดมุกดาหาร ที่เมื่อ พ.ศ.2525 ท่านได้ร่วมกับชาวบ้านในพื้นที่สร้างฝายกั้นน้ำขึ้น เพื่อนำน้ำมาใช้ในวัด ขณะกำลังก่อสร้างได้มีงูใหญ่สีดำสนิทเลื้อยมาบริเวณใกล้ๆ แล้วชูคอดูชาวบ้านทำงาน จากนั้นก็เลื้อยไปกินน้ำที่บ่อน้ำทิพย์ แล้วเลื้อยกลับเข้าไปในถ้ำโดยไม่ได้ทำอันตรายแก่ผู้ใด สร้างความตกตะลึงให้แก่ชาวบ้านที่พบเห็น ซึ่งตั้งแต่นั้นมาก็ไม่มีใครกล้าเข้าไปใกล้บริเวณถ้ำอีกเล พญาศรีมุกดาฯ ออกแบบโดยนายประพัฒน์ มะนิสสา หรืออาจารย์ปื้ด ศิลปินปูนปั้นพื้นบ้านที่มีความศรัทธาในองค์พญานาคเป็นอย่างมาก มีลักษณะเป็นรูปปั้นพญานาคเศียรเดียวองค์ใหญ่ ลำตัวยาว 122 เมตร สูงประมาณ 20 เมตร มีรูปลักษณ์น่าเกรงขาม ชูคอหันไปทางแม่น้ำโขงเบื้องล่าง ลำตัวขดไปมาอย่างพลิ้วไหว มีการลงสีไล่ระดับอย่างสวยงาม ทำให้ดูมีมิติและสมจริงราวกับมีชีวิต ว่ากันว่าพญาศรีมุกดาฯ เป็นพญานาคที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยด้วย ผู้มาเยือนสามารถสักการะขอพรองค์พญานาค ด้วยการตั้งจิตอธิษฐาน แล้วเดินลอดท้องพญานาคทั้ง 7 ช่องที่มีความหมายมงคลต่างๆ จากนั้นนำดอกไม้ธูปเทียนไปบูชา และนำผ้าแดงที่เขียนชื่อตัวเองไปผูกไว้ที่ต้นไม้รอบๆ พญานาค เพื่อความเป็นสิริมงคลแก่ตนเอง นอกจากพญาศรีมุกดาฯ แล้ว ภายในวัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ก็ยังมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ รอยพระพุทธบาท ซึ่งเป็นที่มาของชื่อวัด พระธาตุภูมโนรมย์ และพระเจ้าใหญ่แก้วมุกดาศรีไตรรัตน์ พระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ ซึ่งตั้งตระหง่านอยู่บนยอดเขาภูมโนรมย์  นอกจากนี้ยังมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นตัวเมืองมุกดาหาร แม่น้ำโขง รวมไปถึงสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 (มุกดาหาร-สะหวันนะเขต) ได้ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยงามของจังหวัดมุกดาหารอีกแห่งหนึ่งด้วย ขอบคุณภาพจาก : Facebook วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร พญาศรีมุกดามหามุนีนีลปาลนาคราช วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ ที่ตั้ง : หมู่ที่ 5 ตำบลศรีบุญเรือง อำเภอเมืองมุกดาหาร จังหวัดมุกดาหาร

“พญาศรีมุกดาฯ” แลนด์มาร์คใหม่แห่งลุ่มแม่น้ำโขง อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางเพชรบุรี-หัวหิน

เพชรบุรี – หัวหิน เส้นทางท่องเที่ยวสุดคลาสสิกตลอดกาลของคุณแม่พวกเรา ก่อนออกเดินทางอย่าลืมเตรียมหมวกเก๋ๆ แว่นกันแดดสวยๆ เสื้อผ้าสีสดๆ ให้คุณแม่ เพื่อเป็นพร็อพถ่ายภาพกันด้วยล่ะ เส้นทางนี้แอดจัดทริป 2 วัน 1 คืน แวะเที่ยวกันแบบสบายๆ สไตล์แม่ลูกสายชิลล์…เอาเป็นว่าถ้าใครกำลังหาโปรแกรมพาแม่ย้อนวัยหวานอยู่ละก็ เตรียมแชร์โพสและแท็กคุณแม่กันได้เลย …………………………………. วันที่ 1 อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 พระองค์โปรดเกล้าฯ ให้เจ้าพระยาศรีสุริยวงศ์ (ช่วง บุนนาค) สร้างวังที่ประทับบนยอดเขาแห่งนี้ และได้พระราชทานนามว่า “พระนครคีรี” แต่ชาวบ้านส่วนใหญ่นิยมเรียกกันติดปากว่า “เขาวัง” มาจนถึงปัจจุบัน เพื่อนๆ สามารถขึ้นชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) ได้โดยการเดินขึ้นหรือโดยสารรถรางไฟฟ้าก็ได้ ค่ารถรางไฟฟ้า (ตั๋วไป-กลับ) ชาวไทย ผู้ใหญ่ 70 บาท เด็ก 15 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 15 บาท ค่าเข้าชมอุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาท เปิดบริการทุกวันเวลา 08.30 – 16.00 น. การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) จนถึงตัวเมืองเพชรบุรี ให้เลี้ยวซ้ายเข้าตัวเมืองเพชรบุรีมาประมาณ 1 กิโลเมตร จะมองเห็นธนาคารกรุงไทย สาขาพระนครคีรีอยู่ด้านขวามือ ให้กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนเลียบคลองชลประทานข้างธนาคารประมาณ 800 เมตร ก็จะถึงที่ตั้งสถานีรถรางขึ้นเขาวัง พิกัด : https://goo.gl/maps/gKhhV9dLx372 พระรามราชนิเวศน์ (พระราชวังบ้านปืน) ความงดงามของพระราชวังบ้านปืนหรือพระรามราชนิเวศน์แห่งนี้ ถูกใช้เป็นฉากสำคัญของละครย้อนยุคหลายต่อหลายเรื่อง โดยพระราชวังสร้างขึ้นในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ที่มีพระราชประสงค์ให้สร้างวังแบบยุโรป เพื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานในฤดูฝน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท นักเรียนนักศึกษาในเครื่องแบบ 5 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท เปิดบริการทุกวันเวลา 08.00 – 16.00 น. การเดินทาง จากเขาวัง วิ่งมาตามถนนเพชรเกษมไม่ไกล ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนราชดำริ ตรงไปจนถึงสี่แยกให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนราชดำเนิน จากนั้นตรงไปจนถึงโรงพยาบาลค่ายรามราชนิเวศน์ เลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนดำรงรักษ์ ตรงมาอีกนิดจะเจอทางเข้าพระรามราชนิเวศน์อยู่ทางขวามือ พิกัด : https://goo.gl/maps/5wGSY7hGNm82 โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ เป็นหนึ่งในโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อพลิกฟื้นผืนดินที่แห้งแล้งสู่ความอุดมสมบูรณ์  ภายในโครงการมีการจัดเป็นพื้นที่เพาะปลูกพืชต่างๆ โดยเน้นที่พืชท้องถิ่นของเพชรบุรี นอกจากนี้ยังทรงให้ปรับปรุงระบบระบายน้ำที่อ่างเก็บน้ำหนองเสือเพื่อใช้ในโครงการอีกด้วย โครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริจึงเป็นอีกหนึ่งแหล่งเรียนรู้ทางการเกษตรที่ยั่งยืน ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท เปิดบริการทุกวันเวลา 08.00 – 18.00 น. การเดินทาง จากพระราชวังบ้านปืน วิ่งตามถนนเพชรเกษมลงมาจนถึงอำเภอท่ายาง ผ่านโครงการส่งน้ำและบำรุงรักษาเพชรบุรีไปตามเส้นทางตำบลท่าไม้รวก ผ่านที่ทำการเขตห้ามล่าสัตว์ป่าเขากระปุก-เขาเตาหม้อ ผ่านโรงเรียนบ้านทุ่งโป่งจนถึงโครงการชั่งหัวมันตามพระราชดำริ พิกัด : https://goo.gl/maps/nT9VP2FoZbJ2 พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ตั้งอยู่ในบริเวณค่ายพระรามหก ตำบลห้วยทรายเหนือ ถนนเพชรเกษม บริเวณกิโลเมตรที่ 216-217 เลยหาดชะอำมา 8 กิโลเมตร เป็นพระตำหนักที่ประทับริมทะเล ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดให้รื้อพระตำหนักหาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่ที่นี่ ได้รับการขนานนามว่า “พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง” ค่าเข้าชมด้านล่างและโดยรอบ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาทค่าเข้าชมด้านล่างและโดยรอบ และขึ้นชมหมู่พระที่นั่ง ผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก 45 บาท  โทร. 032 508 444-5, 032 508 039 เปิดบริการ : วันพฤหัสบดี – อังคาร เวลา : 08.30 – 16.00 น. (ปิดวันพุธ) การเดินทาง จากโครงการชั่งหัวมันมุ่งหน้าตรงกลับเข้าถนนเพชรเกษมอีกครั้ง โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 6005 ตรงไปจนเจอสามแยก ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 4002 จากนั้นตรงไปจนถึงสถานีอนามัยบ้านหนองโรง แล้วเลี้ยวขวาเข้าสู่ถนนโยธาธิการหรือทางหลวงหมายเลข 1001 ขับตรงไปจนเจอทางออกถนนเพชรเกษม จากนั้นวิ่งตามถนนเพชรเกษม มุ่งหน้าไปทางหัวหิน ขับไปอีกไม่ไกลจะเจอพระราชนิเวศน์มฤคทายวันอยู่ทางซ้ายมือ พิกัด https://goo.gl/maps/JHNbYFA5gVy ตลาดโต้รุ่ง ปิดท้ายโปรแกรมวันแรก พาแม่มาย้อนวัยหวานกันที่ตลาดโต้รุ่งหัวหิน กลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติกันไปแล้วเมื่อมาเที่ยวหัวหิน ตอนกลางคืนก็ต้องมาเดินตลาดโต้รุ่ง ที่นี่เป็นถนนคนเดินที่มีร้านขายของหลากหลายไม่ว่าจะเป็นของกิน ของใช้ หรือของฝาก ท่ามกลางกลิ่นหอมของอาหารทะเลเผาสดๆ เปิดบริการทุกวันเวลา 18.00 – 24.00 น. การเดินทาง จากพระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ใช้ถนนเพชรเกษมเข้าหัวหิน ตลาดโต้รุ่งตั้งอยู่บริเวณซอยหัวหิน 42 พิกัด https://goo.gl/maps/JK6tMjdzHLu วันที่ 2 เริ่มโปรแกรมกันด้วยการพาแม่มาเดินเล่นรับแสงแดดอ่อนๆ ยามเช้าที่ริมทะเลชายหาดหัวหินกันก่อน หลังจากนั้นก็ขับรถพาแม่ออกมากินข้าวที่ถนนแนบเคหาสน์ ถนนเส้นนี้มีแต่ร้านอาหารเด็ดๆ เพียบ ทั้งอาหารทะเลสดๆ รวมไปถึงคาเฟ่นั่งชิลล์ริมทะเลด้วย าให้คุณแม่เลือกร้านที่ชอบ เมนูที่ใช่กันได้เลย สถานีรถไฟ หลังจากทานอาหารเช้าเรียบร้อย ก็ขับรถชมเมืองพาคุณแม่มารำลึกความหลังกันที่สถานีรถไฟสุดคลาสสิก และสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในเมืองไทย  “สถานีรถไฟหัวหิน” พิกัด : https://goo.gl/maps/rGj9DJ4Neqj วัดห้วยมงคล โปรแกรมวันที่ 2 แอดจะพาแม่ไปเข้าสวน ชมไร่องุ่น ชิมไวน์ กันชิลล์ๆ ที่ไร่องุ่นหัวหิน monsoon valley vineyard

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางเพชรบุรี-หัวหิน อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางชลบุรี – เกาะสีชัง

ช่วงหยุดวันแม่ปีนี้พาคุณแม่ไปย้อนวัยหวานกันสัก 2 วัน 1 คืน กับทริปที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ หลายคนคงเคยได้ยินชื่อ เกาะสีชัง แหล่งท่องเที่ยวสุดโรแมนติกที่ฮิตมาตั้งแต่สมัยแม่เรายังสาวๆ มีความวินเทจและคลาสสิกเบาๆ รับรองว่าพาไปเที่ยวเกาะสีชังคราวนี้ตอบโจทย์แน่นอน  วันแรก กรุงเทพฯ – เกาะสีชัง การเดินทางบนเกาะส่วนใหญ่จะใช้รถสามล้อเครื่องหรือที่เรียกว่าสกายแล็บ เปิดมิติใหม่พาคุณแม่ซิ่งกันได้อย่างสนุกสนาน และเตรียมเป็นตากล้องถ่ายรูปภาพให้คุณแม่กันรัวๆ เลย แต่ก็ต้องระมัดระวังกันด้วยนะคะ เพราะเส้นทางบนเกาะมีลักษณะเป็นเนินเขาคดเคี้ยว – ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่ ก่อนอื่นไปสักการะเจ้าพ่อเขาใหญ่กันก่อน ศาลเจ้าพ่อเขาใหญ่มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมจีน ตั้งอยู่บนเชิงเขาสูงทางทิศเหนือของเกาะสีชัง เป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเกาะสีชังให้ความเคารพนับถือมานาน เรามารู้จักตำนานกันสักหน่อย ในยุคสมัยที่ยังใช้เรือสำเภาเพื่อติดต่อค้าขาย เกาะสีชังถือเป็นทำเลที่เหมาะสมต่อการจอดเรือ โดยเฉพาะพ่อค้าชาวจีนนิยมมาจอดพักเรือที่นี่เป็นประจำ ในช่วงค่ำจะมีคนเห็นแสงวูบวาบบนหัวเกาะ จึงมีคนไปสำรวจและพบว่าบนนั้นเป็นถ้ำ ภายในมีหินรูปร่างคล้ายคนนั่งตั้งตระหง่านอยู่ จึงเรียกขานกันต่อมาว่า “เจ้าพ่อเขาใหญ่” มีความเชื่อว่าหากผู้ใดมากราบไหว้ติดต่อกัน 3 ปีจะทำให้เกิดโชคลาภและกิจการค้าขายร่ำรวย – พระจุฑาธุชราชฐาน เป็นพระราชวังบนเกาะแห่งแรกและแห่งเดียวในประเทศไทย อดีตเคยเป็นพระราชวังฤดูร้อนในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว แต่หลังจากวิกฤตการณ์ ร.ศ.112 ทำให้การก่อสร้างพระที่นั่งและตำหนักต่างๆ ยุติลง ที่นี่จึงสิ้นสุดการเป็นเขตพระราชฐานนับแต่นั้น ภายในบริเวณมีสภาพภูมิทัศน์ที่งดงาม และยังคงมีสิ่งก่อสร้างที่น่าชมได้แก่ เรือนผ่องศรี เรือนวัฒนา และเรือนอภิรมย์ ซึ่งจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับพระจุฑาธุชราชฐาน ด้านหน้าเป็นชายหาดท่าวัง  – เรือนไม้ริมทะเล เรือนไม้สีเขียวเข้ม ได้ความรู้สึกวินเทจ ลักษณะเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทาสีเขียว ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้เป็นร้านกาแฟและจัดแสดงนิทรรศการที่น่าสนใจในเกาะสีชัง – อุโบสถวัดอัษฎางคนิมิตร เป็นอุโบสถยอดเจดีย์สีขาวสวยงาม ผสมผสานศิลปะไทยและศิลปะตะวันตกแบบโกธิค ด้านหน้าอุโบสถมีต้นพระศรีมหาโพธิ์ที่นำหน่อมาจากพุทธคยา – สะพานอัษฎางค์ เป็นสะพานท่าเรือขนาดใหญ่ สร้างด้วยไม้สักทาสีขาวทอดยาวลงไปในทะเล รัชกาลที่ 5 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเนื่องในโอกาสที่สมเด็จฯ เจ้าฟ้าอัษฎางค์เดชาวุธ พระราชโอรสทรงหายจากพระอาการประชวร และเพื่อใช้เป็นท่าเทียบเรือขึ้นเกาะสีชัง ชวนคุณแม่แต่งตัวสไตล์วนิดามาแชะภาพกับสะพานอัษฎางค์ เข้ากับบรรยากาศและโรแมนติกสุดๆเลยล่ะ – ช่องอิศริยาภรณ์ หาดหินกลม (ช่องเขาขาด หรืออ่าวเขาขาด) ตั้งอยู่ด้านหลังของเกาะ ใกล้สวนเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ ครบ 60 พรรษา หากนั่งเรือผ่านจะเห็นเป็นช่องเขา มีสะพานวชิราวุธทอดยาวเลียบเชิงเขาสำหรับเดินชมทิวทัศน์ทางทะเล ตอนปลายสุดของช่องอิศริยาภรณ์มีลักษณะเป็นแหลม เรียกว่า แหลมวชิราวุธ ลักษณะคล้ายแหลมพรหมเทพ จ.ภูเก็ต สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยงาม บริเวณหาดจะมีหินกลมขนาดต่าง ๆ มากมาย ในอดีตบริเวณนี้เคยเป็นที่ตั้งพลับพลาที่ประทับชมทิวทัศน์ของรัชกาลที่ 5 – หาดถ้ำพัง ถึงชื่อจะบอกว่า “พัง” แต่ถ้าพาแม่ไปแม่ต้องบอกว่า “ปัง” แน่ๆ ^^  หาดถ้ำพังเป็นส่วนหนึ่งของอ่าวอัษฎางค์ เป็นชายหาดกว้าง สะอาดและสวยงาม ทรายเนื้อเนียนละเอียด นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำและรับลมเย็นๆ และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกสุดโรแมนติกอีกจุดหนึ่ง เกาะสีชัง พิกัด : https://goo.gl/maps/hmWTwHMvsXH2 การเดินทาง จากกรุงเทพฯ 1. เส้นทางสายบางนา-ตราด ใช้ทางหลวงหมายเลข 34 เข้าสู่จังหวัดชลบุรี มุ่งตรงไปยังอำเภอศรีราชา ถึงทางเข้าหาดบางแสน ขับตรงไปประมาณ 13 กิโลเมตร จะเจอห้างโรบินสันศรีราชาอยู่ทางขวามือ ให้เลี้ยวขวาตรงห้างโรบินสัน จากนั้นขับตรงไปยังท่าเรือเกาะลอย ประมาณ 3 กิโลเมตรก็จะถึง (หากต้องการค้างคืนสามารถจอดรถไว้ที่ฝั่งเกาะลอยได้เลย) 2. เส้นทางกรุงเทพฯ-มีนบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 304 ผ่านจังหวัดฉะเชิงเทราเข้าสู่อำเภอบางปะกง จากนั้นเลี้ยวเข้าชลบุรีมุ่งสู่อำเภอศรีราชา เมื่อเห็นห้างโรบินสันศรีราชาทางขวามือ ให้เลี้ยวขวาตรงห้างโรบินสัน จากนั้นขับตรงไปยังท่าเรือเกาะลอย 3. เส้นทางสายมอเตอร์เวย์ ยูเทิร์นเข้าสู่อำเภอศรีราชา บริเวณสวนเสือศรีราชา เข้าตัวเมืองศรีราชาถึงแยกไฟแดง เลี้ยวขวาผ่านหน้าโรบินสันศรีราชา แล้วเลี้ยวซ้ายไฟแดงหน้าองค์การโทรศัพท์ตรงไปเกาะลอย (สำหรับท่านที่นำรถยนต์มาสามารถฝากรถไว้ที่จุดฝากรถทั่วไป) **ท่าเรือเกาะลอย** อัตราค่าโดยสาร คนละ 50 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาทีเรือออกจากฝั่งศรีราชา (เกาะลอย) เวลา 07.00 – 20.00 น.เรือออกจากเกาะสีชังเวลา 06.00 – 19.00 น. โดยมีเรือออกทุกๆ ชั่วโมง ……………….. วันที่สอง เกาะสีชัง – ชลบุรี – ทะเลบางแสน เช้าๆ สดใสแบบนี้ไปลัดเลาะแถวเลียบหาดบางแสนกันสักหน่อย ชวนให้นึกถึงบรรยากาศสมัยคุณแม่ยังสาว พักผ่อนกันชิลล์ๆ มาในช่วงวันหยุดแบบนี้ที่นี่ก็จะคึกคักเป็นพิเศษ การเดินทาง จากท่าเรือเกาะลอยศรีราชา ใช้ถนนสุขุมวิท ตรงมาเรื่อยๆ จนถึงป้ายแยกเข้าบางแสน (สามารถจอดรถได้ตลอดแนวชายหาด) – ตลาดหนองมน แหล่งซื้อของฝากที่โด่งดังแห่งหนึ่ง เชื่อว่าคุณแม่ขาชอปตัวยงทั้งหลายต้องนึกถึงบรรยากาศอันหอมหวนของตลาดหนองมนแห่งนี้ ที่นี่มีของฝากมากมาย ทั้งอาหารสดและอาหารแห้งเรียงรายเต็มไปหมด โดยเฉพาะข้าวหลามนั้น คือของขึ้นชื่อประจำตลาดหนองมนที่ทุกคนไม่ควรพลาดที่ตั้ง : 166 ถนนสุขุมวิท ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00 – 20.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/Edn85e1UnWE2 การเดินทาง จากบริเวณหาดบางแสน ใช้ถนนถนนสุขุมวิท ตลาดอยู่ริมถนนสุขุมวิท (สามารถจอดรถได้ริมถนน) – ทานข้าวกลางวัน ณ เรือนปะการัง ร้านอาหารแถบบางแสนมีจำนวนไม่น้อย แต่แอดแนะนำเลยว่าถ้าพาแม่มาร้านนี้ แม่จะต้องให้รางวัลลูกดีเด่นแน่นอน ^^ ร้านนี้บรรยากาศดี ภายในแบ่งเป็น 2 โซน คือ โซน outdoor ติดทะเลและโซน indoor ชิลล์ๆ นำเสนออาหารทะเลสดๆ ซีฟู้ดจัดเต็ม บริเวณร้านกว้างขวาง จอดรถได้สบาย เมนูแนะนำ คือ น้ำพริกไข่ปู กุ้งเผา และปูม้านึ่งเนื้อเน้นๆ อิ่มพุงกางก่อนกลับเลยค่ะ ที่ตั้ง : 178 บางแสนสาย 1 ตำบลแสนสุข อำเภอเมือง จังหวัดชลบุรี (แหลมแท่น)เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 23.00 น.โทร. 038

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางชลบุรี – เกาะสีชัง อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา วันหยุดยาวในช่วงวันแม่แห่งชาตินี้ ถ้าใครอยากพาคุณแม่ไปเที่ยวย้อนวัยหวาน ให้เหมือนสมัยยังสาวอีกครั้ง เส้นทางสมุทรปราการและฉะเชิงเทรา ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่น่าสนใจ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่จะสร้างความสุขให้กับเหล่าแม่ๆ ของพวกเราได้อย่างแน่นอน… ว่าแล้ว ก็ชวนคุณแม่ใส่กระโปรงบาน แต่งชุดลายดอก แล้วออกไปเที่ยวด้วยกัน !!     . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . วันที่ 1  พาคุณแม่ไปลัลลาที่บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ บางกะเจ้า เป็นพื้นที่ที่มีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมู ตั้งอยู่บริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่ครอบคลุม 6 ตำบลของ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้แก่ ต.บางกะเจ้า บางน้ำผึ้ง บางกอบัว บางกระสอบ บางยอ และ ทรงคะนอง โดยบางกะเจ้าได้รับการขนานนามว่าเป็น ปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย ช่วงสายๆ พาคุณแม่ไปปั่นจักรยาน สูดโอโซนที่สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ ที่นี่บรรยากาศร่มรื่นมากเพราะแวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ หลังจากปั่นจักรยานเสร็จ ก็น่าจะหิวกันแล้ว ช่วงเที่ยงพาคุณแม่ไปเดินเล่นพร้อมหาของอร่อยทานที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ที่อยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะฯ ที่ตลาดน้ำมีทั้งของกิน ของเล่น สินค้าโอทอปให้เลือกเต็มไปหมด ต้องถูกใจคุณแม่สายชอปอย่างแน่นอน แถมมีร้านอาหาร ร้านกาแฟที่มีบรรยากาศแนววินเทจให้คุณแม่ไปถ่ายรูปสไตล์ย้อนยุคได้ด้วย สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ เปิดทุกวัน 06.00 – 19.00 น. ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ติดกับวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 16.00 น. โทร. 092 229 3594 การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้ทางด่วนบางนา-ดาวคะนอง ลงที่ถนนสุขสวัสดิ์(พระประแดง) ขับมาจนถึงสามแยกพระประแดง-สุขสวัสดิ์ (ขวามือเป็นโรงหนังเมเจอร์ฮอลิวูด ซ้ายมือเป็นบริษัทกิฟฟารีน) เลี้ยวซ้ายมาทางที่ว่าการอำเภอพระประแดงมาเกือบสุดทางบังคับเข้าสู่ถนนเพชรหึงษ์ ตรงไปตามทางประมาณ 5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเพชรหึงษ์ 26 (มีป้ายบอกทางเข้าตลาดน้ำ) เข้าไปประมาณ 700 เมตร จะเจอวัดบางน้ำผึ้งใน ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจะอยู่บริเวณเดียวกับวัด สามารถจอดรถได้ที่ อบต.บางน้ำผึ้ง หรือสถานีอนามัยบางนา . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .  อยากพาคุณแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวย ไม่ใช่ปัญหา แค่มาที่เมืองโบราณก็เหมือนได้ไปเที่ยวทั่วประเทศแล้วค่ะ เพราะที่นี่จำลองสถาปัตยกรรมทั้งวัด วัง อันงดงามไว้ในที่เดียว ที่ตั้ง : 296/1 หมุ่ 7 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พิกัด : https://goo.gl/maps/wN5MdFfy4kL2 เปิดทุกวัน เวลา 09.00 -19.00 น. โทร 02 323 4094 อัตราค่าเข้าชม สำหรับคนไทย ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.  ผู้ใหญ่ ราคา 350 บาท เด็ก 6 – 14 ปี ราคา 175 บาท ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไปลด 50% (ราคานี้รวมรถรางและ ปั่นจักรยาน) การเดินทาง จากตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ใช้ถนนเพชรหึงษ์ไปออกถนนวงแหวนอุตสาหกรรม กลับรถเพื่อข้ามสะพานภูมิพล 2 ลงจากสะพาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปู่เจ้าสมิงพราย ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอถนนสุขุมวิท ให้เลี้ยวขวา แล้ววิ่งเส้นถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 13

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี

วันหยุดช่วงวันแม่ที่กำลังจะถึงนี้ หากเพื่อนๆ คนไหนอยากพาคุณแม่ไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เส้นทางนครราชสีมา-สระบุรี เป็นหนึ่งเส้นทางที่แอดอยากแนะนำให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ไปเที่ยวย้อนวัยหวานกันค่ะ เพราะในทริปนี้คุณแม่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับสถานที่และบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย ซึ่งแอดเชื่อว่าในระยะเวลา 3 วัน 2 คืนนี้ คุณแม่ของเพื่อนๆ จะมีภาพความประทับใจและเรื่องเล่ามากมายกลับไปอวดข้างบ้านแน่นอน!!! วันแรก วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม พาคุณแม่ไปเที่ยวทั้งทีเราก็ควรเริ่มต้นทริปดีๆ ด้วยการพาท่านไปไหว้พระเพื่อเป็นฤกษ์งามยามดีในการเดินทางกันสักหน่อยนะคะ และนอกจากนี้การไหว้พระยังถือเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวอีกด้วย วัดที่แอดจะแนะนำก็คือ “วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม” ซึ่งมีลักษณะเด่นคือมีพระพุทธรูปปางประทานพรสีขาวขนาดใหญ่ชื่อว่า “พระพุทธสกลสีมามงคล” ชาวบ้านใหญ่มักเรียกกันว่าหลวงพ่อขาว หรือหลวงพ่อใหญ่ค่ะ ซึ่งหลวงพ่อขาวองค์นี้เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่นอยู่บนเขาสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสเดินทางไปเขาใหญ่ แอดแนะนำว่าไม่ควรพลาดเด็ดขาด!!! ที่อยู่: 9 หมู่ 9 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 081 294 3982 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/6v2gsUPM7b92 บ้านไม้ชายน้ำ หลังจากไหว้พระขอพรกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาพาคุณแม่ไปย้อนเวลาหาอดีตกันที่ “บ้านไม้ชายน้ำ” ค่ะ ที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้มีบรรยากาศและการตกแต่งแบบย้อนยุค ทำให้เรารู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปอยู่ในสมัยก่อน มีมุมถ่ายภาพสวยๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านไม้ชายน้ำที่เป็นแหล่งรวบรวมและจัดแสดงของโบราณไว้ให้ได้ชมกันด้วยค่ะ ค่าเข้าชมเพียงท่านละ 50 บาทเท่านั้น แถมยังสามารถนำบัตรผ่านประตูไปแลกชาและกาแฟด้านในได้ด้วยนะคะ ที่สำคัญที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้ยังมีอาหารไทยรสชาติแบบไทยแท้ๆ ไว้คอยให้บริการมากมายค่ะ ที่อยู่: 21 ถ.มิตรภาพ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 044 314 236, 081 660 2826 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/Yxw5rv7tBLL2 ฟาร์มโชคชัย เมื่อนึกถึงวันเวลาเก่าๆ แอดเชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงยุคคาวบอยแน่นอนค่ะ แต่น้อยคนนักจะรู้จักวิถีแห่งคาวบอยที่แท้จริง การเป็นคาวบอยนั้นไม่ใช่แค่บู๊ยิงปืนกันสนั่นเมือง แต่จริงๆ แล้วคาวบอยเค้าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายด้วยการรับจ้างเลี้ยงสัตว์และต้อนวัวค่ะ ถ้าพูดถึงสถานที่สวยงามสไตล์คาวบอยต้องยกให้ที่ “ฟาร์มโชคชัย” เลยค่ะ เพราะที่นี่มีการแสดงวิถีคาวบอย การต้อนแกะและกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รับรองว่าถ้าเพื่อนๆ พาคุณแม่มาเที่ยวที่นี่ จะได้รับความสนุกสนานและความอิ่มเอมใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้แอดขอแอบกระซิบว่าสเต็กของที่นี่อร่อยมากเลย อยากให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ลองไปทานดูค่ะ^^ ที่อยู่: 169 หมู่ 2 ถ.มิตรภาพ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 935 504-5, 089 949 4631, 098 513 8857 เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมเป็นรอบ วันเสาร์-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 15.00 น. วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 10.00 และ 14.00 น. ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาท เด็กสูง 90-140 เซนติเมตร ราคา 150 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/KuQAVM7gVmr ดี โอลด์ เล้ง หลังจากเดินทางทำกิจกรรมกันมาทั้งวันแล้ว ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นและพักผ่อนกันแล้วค่ะ แอดขอแนะนำ “ดี โอลด์ เล้ง” เพราะมีทั้งที่พักและร้านอาหารไว้คอยให้บริการรวมอยู่ในที่เดียวค่ะ ที่นี่ตกแต่งในบรรยากาศแบบย้อนยุคโดยประยุกต์นำเอาของเก่าของสะสมมาประดับประดา ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในยุคเก่าๆ แถมห้องพักก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ชวนให้รู้สึกน่าค้นหาและพาให้เราหลงใหลไปในบรรยากาศของอดีตค่ะ^^ ที่อยู่: 299/12-14 หมู่  18 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 082 234 7206 ราคาที่พัก: 900 – 1,200 บาท/ห้อง เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11.30 – 14.30 น. และเวลา 17.30 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/PFWDqYMoi162 วันที่สอง น้ำตกเหวสุวัต เช้าวันนี้แอดแนะนำให้พาคุณแม่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันที่เขาใหญ่กันค่ะ เขาใหญ่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย แอดเชื่อว่าสมัยสาวๆ คุณแม่หลายๆ ท่านต้องเคยมาเที่ยวที่เขาใหญ่และมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับเขาใหญ่แน่นอนค่ะ สำหรับการเริ่มต้นทริปในวันที่สองนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “น้ำตกเหวสุวัต” ค่ะ น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีจุดชมวิวบริเวณหน้าผาและด้านล่างของน้ำตก น้ำตกเหวสุวัตมีลักษณะเป็นสายน้ำไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง บริเวณด้านล่างเป็นแอ่งน้ำและลำธาร สามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นเหมาะสำหรับการถ่ายรูปและพักผ่อนมากๆ เลยค่ะ ที่อยู่: 9 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 086 092 6527 เวลาเปิด-ปิด: 07.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม: ชาวไทย ผูใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/V2i6HfdkhSQ2 ครัวกำปั่นเขาใหญ่ เที่ยงนี้แอดแนะนำให้ไปฝากท้องที่ “ร้านครัวกำปั่นเขาใหญ่” ค่ะ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อร้านหนึ่งที่เมื่อมาเขาใหญ่ต้องไม่พลาด บรรยากาศภายในร้านตกแต่งในรูปแบบบ้านทรงไทยสวยงาม บรรยากาศสบายๆ ไม่แออัด และที่สำคัญคืออาหารอร่อยมาก แอดการันตี!!! ที่อยู่: 94-94/1 หมู่ 6 ต.หมูสี อ,ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 929 949, 093 514

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรสงคราม

จ.สมุทรสงคราม หรืออีกชื่อก็คือ เมืองแม่กลอง เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ มั่งคั่งไปด้วยวัฒนธรรม เป็นเมืองที่ผู้คนยังคงดำรงวิถีชีวิตแนบชิดกับแม่น้ำและธรรมชาติ เหมือนที่บรรพบุรุษเคยเป็นมา ซึ่งถ้าจะพาคุณแม่ไปเที่ยว ย้อนรำลึกวัยหวาน จ.สมุทรสงคราม ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่เบาเลยล่ะ แอดมีเส้นทางมาแนะนำ กับเส้นทาง สิงหาพาแม่เที่ยว ย้อนวัยหวานที่ สมุทรสงคราม 2 วัน 1 คืน มาเป็นแนวทาง ให้ลองเที่ยวตามกันดู ——————————————————– วันที่ 1 ทานอาหารเช้า ชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่ ตลาดน้ำท่าคา ตลาดน้ำท่าคาแห่งนี้ เป็นตลาดน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้าน ที่มีอาชีพทำสวน ปลูกผักผลไม้ต่างๆ ชาวบ้านจะพายเรือและนำผลผลิตต่างๆ มาขายหรือแลกเปลี่ยนกัน เราสามารถซื้อกลับไปให้คุณแม่ทำกับข้าวให้ทานได้หลายมื้อเลยล่ะ ถ้าใครที่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าไปจากบ้าน ก็มาฝากท้องที่นี่ได้เลย เพราะมีอาหารทั้งคาวและหวานให้เราได้เลือกทาน พ่อค้าแม่ค้าจะนั่งขายอยู่ในเรือ จอดเทียบท่าให้เราไปเลือกซื้อเลือกชิม เหมือนสมัยโบราณ ราคาก็ไม่แพงด้วย เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันข้างขึ้นและแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ ตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 – 14.00 น. การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 32 (เลยทางแยกเข้าวัดเกาะแก้วไปเล็กน้อย) จะมีทางแยกขวาไปอีก 7 กิโลเมตร พิกัด : https://goo.gl/maps/A8PjiE1mi3T2 สักการะหลวงพ่อดำ ชมโบสถ์ปรกโพธิ์ที่ วัดบางกุ้ง เดินทางมาทำบุญกันที่วัดบางกุ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ปรกโพธิ์ ที่ดำรงอยู่ด้วยการค้ำยันแห่งรากไม้อันแข็งแรง ชาวไทยนิยมเดินทางมานมัสการหลวงพ่อพุทธนิลมณี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยอยุธยา ที่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ มีความเชื่อว่าหากมาสักการะบูชา บารมีของท่านจะช่วยปกปักรักษาคุ้มครองให้ผู้ที่มากราบไหว้ร่มเย็นเหมือนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทร แคล้วคลาด ปราศจากอันตราย และมีชัยต่ออุปสรรคทั้งปวง  เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.30 น. การเดินทาง จากตลาดน้ำท่าคา ใช้ทางหลวงหมายเลข 5018 เจอสี่แยกแรกให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 3011 จนถึงถนนใหญ่ (บางแพ-สมุทรสงคราม) ให้เลี้ยวซ้าย แล้วไปกลับรถตรงจุดกลับรถ ขับมาอีก 300 เมตร เจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปตามถนน เมื่อข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองมาแล้วให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปเรื่อยๆ วัดบางกุ้งจะอยู่ทางขวามือ พิกัด : https://goo.gl/maps/WTq7KhHD4ZH2 เดินชมไม้ในวรรณคดี ชมเรือนไทยที่สวยงาม และพิพิธภัณฑ์ไทย ที่ อุทยาน ร.2 เรือนหมู่ทรงไทยงามสง่า คือเสน่ห์แรกที่เชิญชวนทุกคนให้เข้าไปสัมผัส “อุทยาน ร.2” ภายในเต็มไปด้วยพื้นที่อันร่มรื่น และมีการจัดภูมิทัศน์ที่สวยงาม สามารถพาคุณแม่เดินชมได้อย่างเพลินเพลิน ไฮไลท์ที่น่าชมอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่เป็นอาคารทรงไทย 4 หลัง แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ จัดแสดงโบราณวัตถุสมัยรัตนโกสินทร์ที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ การดำรงชีวิต และศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยสมัยก่อน นอกจากนี้ภายนอกยังมีโรงละครกลางแจ้งและสวนพฤกษชาติ อันเป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิด เปิดทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 19.30 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท โทร. 034 750 666, 034 750 376 การเดินทาง จากวัดบางกุ้ง ให้เลี้ยวซ้ายกลับไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ลงจากสะพานแล้วเลี้ยวขวา ขับตรงตามถนนมาเรื่อยๆ อุทยาน ร.2 จะอยู่ทางซ้ายมือ พิกัด : https://goo.gl/maps/AUgW8WsASGp ปิดท้ายวันกันที่ ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำอัมพวาเป็นตลาดน้ำยามเย็น ด้วยเสน่ห์ของชุมชนริมน้ำและวิถีชีวิตของผู้คน รวมไปถึงอัธยาศัยไมตรีของพ่อค้าแม่ขาย ทำให้ตลาดแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเสมอมา มีอาหารเลือกซื้อเลือกทานกันอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย ก๋วยเตี๋ยว หอยทอด ผัดไทย ฯลฯ และยังมีสินค้ามากมายหลายอย่างให้เลือกซื้อเลือกชิมไม่แพ้กัน มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายสินค้าทำมือ (handmade) สินค้าท้องถิ่นไอเดียเก๋ๆ จะนั่งรับประทานอาหารพร้อมชมบรรยากาศของตลาดน้ำในยามค่ำคืน หรือล่องเรือชมวิถีชีวิตริมน้ำ และชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนก็ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ต้องห้ามพลาด เมื่อมาเยือนตลาดน้ำอัมพวาเลยล่ะ เปิดวันศุกร์-อาทิตย์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 – 22.00 น. – วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น. การเดินทาง ตลาดน้ำอยู่ใกล้กับอุทยานฯ ร.2 เดินเท้าประมาณ 10 นาที หรือขับรถไปประมาณ 500 เมตร พิกัด : https://goo.gl/maps/LnuxCjFyqtN2 วันที่ 2 แวะดื่มกาแฟยามเช้า ริมแม่น้ำแม่กลองที่ตลาดน้ำบางน้อย เช้านี้ พาคุณแม่ไปนั่งดื่มกาแฟ ทานอาหารเบาๆ ชมวิวแม่น้ำกันที่ตลาดน้ำบางน้อย ซึ่งในอดีตเคยเป็นย่านการค้าทางน้ำที่สำคัญในลุ่มน้ำแม่กลอง ในปัจจุบันแม้จะเงียบเหงาลงไปบ้าง แต่ตลาดน้ำบางน้อยก็ยังคงรักษาความเป็นอยู่และวิถีชีวิตริมน้ำแบบดั้งเดิมเอาไว้ ท่ามกลางวิถีชีวิตริมน้ำแบบดั้งเดิม ก็มีสิ่งใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างร้าน Eighty Four Cofee สุดชิคร้านนี้ ฝั่งตรงข้ามของร้านจะเป็นวิวโค้งแม่น้ำแม่กลองพอดี นั่งดื่มกาแฟชิลล์ๆ รับลมเย็นๆ ดื่มด่ำบรรยากาศสบายๆ ชมวิวริมน้ำ ฟินอย่าบอกใครเลยล่ะ ถัดไปไม่ไกลกัน มีร้านกาแฟชื่อว่า กาแฟบางน้อย ตกแต่งร้านได้เก๋ไก๋สไตล์ศิลปิน ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ สามารถมาเดินชมผลงานของพี่เจ้าของร้านได้เพลินๆ เลย เครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย ที่ไปแล้วต้องชิมเลยก็คือ 1. ฟ้าละมุน – น้ำอัญชันนมสด รสชาตินุ่มนวลละมุนลิ้น 2. สี่แผ่นดิน – น้ำแดงมะนาวโซดา

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรสงคราม อ่านเพิ่มเติม

น่าน..เนิบ..เนิบ (๒)

วัดภูมินทร์ เดิมชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตั้งชื่อตามเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ซึ่งได้โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 หลังจากที่ขึ้นครองนครน่านได้ 6 ปี ต่อมาชื่อวัดถูกเรียกกันจนเพี้ยนกลายเป็น “วัดภูมินทร์” มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือ “พระอุโบสถจตุรมุข” เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยรวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ ไว้ในอาคารเดียวกัน เป็นการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อแห่งพุทธศาสนา มีพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ ประดิษฐานอยู่ภายใน และมีนาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ที่เปรียบเสมือนการอุ้มชูพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป เชื่อกันว่า หากใครจะไปกราบขอพรพระจตุรทิศ ให้พยายามสังเกตหน้าองค์พระ 1 ในทั้งสี่ทิศ ซึ่งจะมีอยู่เพียงทิศเดียวเท่านั้น ที่หน้าองค์พระประธานจะมีลักษณะยิ้มแย้มมากกว่าทั้ง 3 ทิศที่เหลือ ให้กราบขอพรยังทิศนั้นแล้วจะได้สมปรารถนา วัดนี้เคยได้พิมพ์อยู่บนธนบัตรราคา 1 บาท ซึ่งเป็นธนบัตรในแบบ 5 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2485 ด้านหน้าเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 8 และมีโบสถ์วัดภูมินทร์อยู่ทางด้านซ้ายของธนบัตร ภาพจิตกรรมฝาผนัง (ฮูปแต้ม) ในวัดภูมินทร์ที่โด่งดังมากคือ ภาพ “กระซิบรักบันลือโลก” หรือ ภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อสมัยโบราณ ในลักษณะกระซิบสนทนากัน ภาพนี้ มีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ ๆ คล้ายภาพสมัยใหม่ ภาพธรรมเนียมการอยู่ข่วง ของชาวไทลื้อ พ่อแม่ จะอนุญาตให้หนุ่มสาวพบปะกันที่ชานบ้านในเวลาค่ำ ขณะหญิงสาวกำลังปั่นฝ้าย หรือ “อยู่ข่วง” หากสาวเจ้าตกลงปลงใจด้วยก็จะจัดพิธีแต่งงาน หรือที่เรียกว่า “เอาคำ ไปป่องกั๋น” หรือเป็นทองแผ่นเดียวกัน ภาพการค้าขายแลกเปลี่ยนในชุมชน ภาพชาวพื้นเมือง ซึ่งอาจเป็นชาวเขา “เป๊อะ” ของป่าบนศรีษะ เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับคนเมือง ภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนเมืองน่าน หญิงสาวกำลังทอผ้าด้วยกี่พื้นเมือง นอกเรือนมีชานเล็ก ๆ ตั้งหม้อน้ำดินเผาที่เรียกว่า “ร้านน้ำ” ชายหนุ่มไว้ผมทรงหลักแจวหรือทรงมหาดไทย แสดงให้เห็นอิทธิพลตะวันตกที่เข้ามาผสมผสานในวิถีพื้นเมืองน่าน วัดภูมินทร์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. มีสถานที่น่าสนใจใกล้เคียงคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านและวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร GPS : 18°46’28.8″N 100°46’17.7″E

น่าน..เนิบ..เนิบ (๒) อ่านเพิ่มเติม

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND

1. เกาะนางยวน สุราษฎร์ธานี ที่อยู่ : เกาะนางยวน ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2. เกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ เกาะปอดะ จังหวัดกระบี่ 3.เกาะมันใน ระยอง ที่ตั้ง : ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 4.หาดมังกร หรือสันหลังมังกร เกาะกวาง เกาะปูเลาอูบี และเกาะปูเลาตีกอ  ที่ตั้ง: เกาะกวาง หมู่ 1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล 5.หาดแม่หาด เกาะพะงัน  ที่ตั้ง : บ้านโฉลกหลำ ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top