สถานที่ท่องเที่ยว

ไก่ย่างไม้มะดัน ของอร่อยห้วยทับทัน ต้องห้ามพลาด!!!

ไก่ย่างไม้มะดัน #ของอร่อยห้วยทับทัน ต้องห้ามพลาด!!! ถ้าเราเดินทางไปทางอีสานใต้ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 226 เมื่อถึงบริเวณอำเภอห้วยทับทัน เราจะพบกับร้านไก่ย่างไม้มะดันเรียงรายอยู่ริมทางมากมาย มีให้เลือกซื้อเลือกชิมมากกว่า 50 ร้านเลยทีเดียว บางคนอาจมีคำถามว่า ทำไมต้องเป็นไม้มะดัน ? ที่มานั้นก็เนื่องมาจาก บริเวณริมลำน้ำห้วยทับทันมีต้นมะดันป่าจำนวนมาก ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของไม้มะดันก็คือ มีความเหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย ทนร้อน ทนไฟ และเมื่อนำไปทำไม้หนีบไก่สำหรับย่างนั้น จะทำให้มีกลิ่นหอมและมีรสชาติเฉพาะตัวกว่าไม้ไผ่ซึ่งหาได้ยากในบริเวณนี้ จึงทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของไก่ย่างที่นี่ไปนั่นเอง ไก่ที่นำมาย่างนั้นจะใช้ไก่ลูกผสมหรือไก่สามสายพันธุ์ ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ กรมปศุสัตว์ นำแม่พันธุ์มาส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยง ขยายพันธุ์ และนำมาแปรรูปเป็นไก่ย่าง ไก่ย่างที่ย่างสุกแล้ว เนื้อไก่จะแน่นมันน้อย ได้รสเปรี้ยวเล็กๆ ของไม้มะดัน จิ้มน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยฟินเฟร่อออออออ ราคาไก่ย่างแต่ละไม้ ขึ้นอยู่กับขนาดของไก่ เริ่มต้นที่ 25 บาท ถึงประมาณ 120 บาทต่อไม้ หาซื้อทานได้ที่ บริเวณอำเภอห้วยทับทัน ริมทางหลวงหมายเลข 226 (สุรินทร์ – ศรีสะเกษ) หรือบริเวณหน้าสถานีรถไฟห้วยทับทัน ร้านส่วนใหญ่จะเปิดขายตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงตอนค่ำๆ เลย  ถ้าใครมีโอกาสผ่านไปแถวนั้น อย่าลืมแวะชิมความอร่อยของไก่ย่างไม้มะดันกันด้วยนะครับผม ^^ พิกัด : https://goo.gl/maps/BF2iMJ8BQvk

ไก่ย่างไม้มะดัน ของอร่อยห้วยทับทัน ต้องห้ามพลาด!!! อ่านเพิ่มเติม

ชมนก ชมดอกไม้ ดูควายน้ำ ที่พัทลุง

ชมนก ชมดอกไม้ ดูควายน้ำ ที่พัทลุง ก่อนลงเรือ ก็มาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ มองเห็นวิวทะเลน้อยไกลสุดลูกหูลูกตา ถ่ายรูปกันซักพัก ก็ถึงเวลาลงเรือกันแล้วค่ะ ล่องเรือมาเรื่อยๆ ก็เจอกับนกๆ แต่เราไม่นกค่ะ เพราะสิ่งที่เราเห็นคือดอกบัวสีชมพูบานสะพรั่ง สวยงามมากเลย ถึงกับต้องบอกให้พี่คนขับเรือแวะจอดถ่ายรูปขอเซลฟี่กับดอกบัวอัพเป็นรูปโปรไฟล์ซักรูปนึงค่ะ นั่งเรือบรรยากาศสบายๆ ซักพักก็มีเสียงดังจากด้านหน้าเรือตะโกนมา เฮ้ย!! ควาย ควายทั้งนั้นเลย ด้วยความที่ตกใจเลยหันไปมอง สอบถามกับพี่คนขับเรือ ก็บอกว่าเป็นควายของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ ทั่วๆ ไปก็เรียกว่าควายน้ำ พอเวลาน้ำลด ควายจะลงมาเล็มหญ้า หรือสายบัว เป็นแหล่งอาหารธรรมชาตินั่นเอง ปิดท้ายกันด้วยภาพแสงยามเย็น สวยไม่แพ้ที่อื่นเลย … เชิญชวนให้เดินทางมาชมบรรยากาศสวยๆ แห่งนี้ค่ะ พัทลุงถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ และมิตรภาพที่ดีของผู้คนที่นี่จริงๆค่ะ

ชมนก ชมดอกไม้ ดูควายน้ำ ที่พัทลุง อ่านเพิ่มเติม

ปราจีนบุรี

ปราจีนบุรี เมืองมรดกโลก ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งโบราณสถานเมืองทวารวดี วัดแก้วพิจิตร (พระอารามหลวง) ตั้งอยู่ถนนแก้วพิจิตร อำเภอเมือง เป็นวัดเก่าแก่ริมแม่น้ำ ปราจีนบุรี อายุร้อยกว่าปี อยู่ริมแม่น้ำปราจีนบุรีหรือแม่น้ำบางปะกง ความโดดเด่นชองวัดอยู่ที่พระอุโบสถหลังที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างทดแทนหลังเก่าที่ชำรุด โดยนำสถาปัตยกรรมของ ไทย จีน เขมร และยุโรป มาผสมผสานให้กลมกลืนกัน และที่เด่นสุดคือ พระอภัยวงศ์ พระประธานภายในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิเพชร ยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างระดับบั้นพระองค์ (ปางประทานอภัย) โดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า หลวงพ่ออภัยวงศ์ หรือ หลวงพ่ออภัย เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรผู้สร้าง ด้วยพระอัฉริยภาพของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ท่านได้สร้างปริศนาธรรมแทรกไว้ตามที่ต่าง ๆ เช่น นาฬิกาที่ไม่ยอมเที่ยงอยู่ที่ซุ้มประตูเรือนแก้ว สร้างปริศนาด้านการปกครอง เช่น รูปสิงห์โตตัวผู้เพียงตัวเดียวไว้ที่บานหน้าต่าง ด้านหน้าพระอุโบสถมี อาคารเรียนหนังสือไทย นักธรรมบาลีเป็นอาคารคอนกรีต รูปสถูปโดม ศิลปะกรีกหรือโรมันอยู่หลังหนึ่ง นอกจากนั้นภายในวัดแก้วพิจิตรยังมีหอพระไตรปิฎกและศาลาตรีมุข ก่อนเดินทางไปชื่นชมธรรมชาติ แวะชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีตต่อที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมของโบราณวัตถุในภูมิภาคตะวันออกและจังหวัดใกล้เคียง อาทิ ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ตราดและระยอง เน้นการจัดแสดงเมืองศรีมโหสถเป็นสำคัญ ภายในแบ่งออกเป็น ๒ ชั้น ชั้นล่าง จัดแสดงประวัติศาสตร์โบราณคดีเมืองปราจีนบุรี โบราณคดีเมืองนครนายกและนิทรรศการพิเศษ ชั้นบน จัดแสดงศิลปะโบราณคดีในประเทศไทย โบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ในภาคตะวันออก โบราณคดีใต้น้ำรวมทั้งเครื่องถ้วยสังคโลกที่พบใต้ทะเลจากบริเวณเกาะคราม จังหวัดชลบุรี และนิทรรศการชั่วคราว โบราณวัตถุส่วนใหญ่ของที่นี่ได้มาจากเมืองโบราณสมัยทวารวดี อาทิ พระพุทธรูป เทวรูปเคารพในศาสนาฮินดู ศิวลึงค์ ทับหลัง เครื่องใช้สำริด จัดแสดงศิลปะสมัยต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ต่อเนื่องจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาเปรียบเทียบ นอกจากนั้นยังจัดสถานที่ส่วนหนึ่งสำหรับนิทรรศการชั่วคราวในโอกาสต่าง ๆ ด้วย หากใครเคยชมละครย้อนยุคเรื่องวนิดา ต้องไม่พลาดแวะเที่ยวชม ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตึกสองชั้นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป สมัยเรอเนสซองส์ อยู่ภายในพื้นที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ถนนปราจีนอนุสรณ์ ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข ๓๐๖๙ ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร ปัจจุบันเป็น พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร เป็นที่รวบรวมจัดแสดงตำราไทย สมุดข่อย หนังสือและตำรายา หินบดยาในอดีตสมัยทวารวดี สมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรและการแพทย์ของท้องถิ่น ประวัติตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตำนานหมอหลวง การแพทย์แผนไทย แพทย์พื้นบ้านและตัวอย่างเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์แผนไทย เช่น ตู้ยา หินฝนยา หินชนวน มีดหมอ สำหรับ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งอยู่ใกล้เคียงเป็นโรงพยาบาลนำร่องเรื่องการแพทย์แผนไทย ผลงาน “โครงการทัวร์สุขภาพโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร” ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวครั้งที่ ๔ ประจำปี ๒๕๔๖ รางวัลดีเด่นประเภทโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว โดยใช้สมุนไพรบำบัดยารักษาโรค มีการนวด อบ ประคบและฝังเข็ม แปรรูปสมุนไพรไทยเป็นเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง และยังมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรในราคาย่อมเยาชั้นล่างของโรงพยาบาล เปิดทุกวัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.abhaiherb.com หลังจากไหว้พระ ชมศิลปวัฒนธรรมแล้ว ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติทับลาน ตั้งอยู่ในอำเภอนาดี อุทยานนี้ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และมีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมาและปราจีนบุรี บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นป่าลานที่ขึ้นเองตามธรรมชาติแห่งสุดท้ายของประเทศไทย มีต้นตาลเป็นพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์ใบใหญ่เป็นรูปพัดคล้ายใบลาน จะออกดอกเมื่อต้นมีอายุ ๒๐ ปีขึ้นไป ช่วงฤดูออกดอกในราวเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน ดอกมีสีเหลืองสดสวยงามมาก หลังออกดอกแล้วต้นลานนั้นจะตายไป อุทยานแห่งชาติทับลานมีน้ำตกต่างๆ ให้แวะชม เช่น น้ำตกทับลานหรือน้ำตกเหวนกกก อยู่ห่างจากบ้านทับลานประมาณ ๗ กิโลเมตร เดินเท้าอีกประมาณ ๑ กิโลเมตร จึงจะถึงตัวน้ำตก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงาม มีความสูง ๒๐ เมตร มีน้ำไหลเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น หรือจะแวะอ่างเก็บน้ำทับลาน อยู่ห่างจากบ้านทับลานประมาณ ๑ กิโลเมตร เป็นอ่างเก็บน้ำที่สวยงามล้อมรอบไปด้วยภูเขา อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจในวันสบายๆ

ปราจีนบุรี อ่านเพิ่มเติม

บุญบั้งไฟ ยโสธร…สีสันมันส์สุด

เที่ยวงานบุญบั้งไฟ สีสันมันส์สุดที่ยโสธร ยังนึกถึงปีที่แล้วที่เราและแก๊งค์เพื่อนไปรอชมขบวนแห่กันถึงขอบถนนแบบริงไซด์ นอกจากการตกแต่งขบวนบั้งไฟที่งัดเอาไอเดียสุดบรรเจิดมาตกแต่งบั้งไฟแล้ว ผู้เข้าร่วมขบวนแห่ก็ต้องจัดเต็มไม่แพ้กัน ทั้งนางรำ คนถือป้าย ขบวนวงดนตรีที่เล่นเพลงเซิ้งแบบมันหยด สร้างบรรยายกาศงานได้ม่วนคัก ทั้งชาวยโสธร นักท่องเที่ยว ผู้เฒ่าผู้แก่ก็ต้องขอเซิ้งกันลืมแก่ ขนาดคนหนุ่มสาวอย่างพวกเรายังต้องยอมแพ้กันเลยล่ะ ขบวนแห่บั้งไฟ และวันต่อมาจะเป็นไฮไลท์คือการแข่งจุดบั้งไฟ ใครขึ้นสูงและนานที่สุดชนะ นี่ก็ลุ้นกันตัวโก่งเพราะมันเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ฮาๆๆ แต่ไม่เป็นไร ใครแพ้ปีนี้ ปีหน้าก็มาแข่งกันใหม่ บั้งไฟนี้ถือว่าเป็นเทคโนโลยีการทำจรวดของไทยเลยนะ แต่วัตถุประสงค์ดั้งเดิมจริง ๆ เค้าจุดขึ้นเพื่อบูชาพญาแถนเทพที่ดูแลให้ฝนตกตามฤดูกาล จะจัดขึ้นในช่วงก่อนเข้าฤดูฝนตามตำนานความเชื่อของชาวอีสาน เรียกว่ามางานเดียวจะได้สัมผัสทั้งความสนุก วัฒนธรรม ความเชื่อ วิถีชีวิตจิตวิญญาณของชาวอีสานอย่างแท้ทรู ถ้าอยากลองสัมผัสบรรยากาศม่วนซื่นที่บรรยายเท่าไหร่ก็คงไม่เหมือนได้ไปเที่ยวเอง และถ้าใครเบื่อที่เที่ยวเดิมๆ ลองออกไปสัมผัสวิถีชีวิตผู้คนแบบได้อารมณ์ความมันส์ของงานประเพณีพื้นบ้านชาวอีสาน เตรียมตัวกันให้พร้อม ปีนี้เค้าจัดกันในวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2561 ที่สวนสาธารณะพญาแถน ในอำเภอเมืองยโสธร วันเสาร์จะเป็นการประกวดขบวนแห่บั้งไฟ ส่วนวันอาทิตย์เป็นการแข่งจุดบั้งไฟ 

บุญบั้งไฟ ยโสธร…สีสันมันส์สุด อ่านเพิ่มเติม

ป่าโมก

“เที่ยวหลากหลายที่จังหวัดอ่างทอง” มีหลายจังหวัดที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเพียงจังหวัดผ่านทาง โดยไม่รู้ว่าทุกที่มีอะไรน่าสนใจมากมายกว่าที่คิด โดยเฉพาะการเข้าไปเที่ยวและมีผู้รู้ในท้องถิ่น บอกเล่าเรื่องราวของสถานที่นั้น ๆ ทำให้การท่องเที่ยวแต่ละครั้งคุ้มค่าและประทับใจ จดจำ เช่นที่จังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายที่น่าสนใจ และไม่ควรพลาดสามารถเที่ยวกันแบบสบาย ๆ ไม่วุ่นวายเร่งร้อน จะนำไปรู้จักอำเภอป่าโมก ซึ่งเป็น สถานที่ผลิตตุ๊กตาชาววังด้วยฝีมือชาวท้องถิ่นของอำเภอนี้ …เที่ยวอำเภอป่าโมก ที่บ้านบางเสด็จ เดิมชื่อบ้านวัดตาล และมีการเปลี่ยนชื่อตำบลจากการที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่ตำบลนี้ …เริ่มต้นการเที่ยวกันที่ วัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดสมัยอยุธยา และบริเวณนี้เป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ และสมเด็จพระเอกาทศรถพระอนุชา มีพลับพลาที่ประทับกลางสระน้ำ พระเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ และจัดแสดงโบราณวัตถุ นอกจากนี้ พระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โปรดเกล้าฯ ให้จิตรกรส่วนพระองค์และนักเรียนในโครงการศิลปาชีพเขียนขึ้นเป็นเรื่องพระมหาชนก รวมทั้งมีภาพฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทรงวาดภาพผลมะม่วงไว้ด้วย …เที่ยวอำเภอป่าโมก ที่บ้านบางเสด็จ เดิมชื่อบ้านวัดตาล และมีการเปลี่ยนชื่อตำบลจากการที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่ตำบลนี้ …เริ่มต้นการเที่ยวกันที่ วัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดสมัยอยุธยา และบริเวณนี้เป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ และสมเด็จพระเอกาทศรถพระอนุชา มีพลับพลาที่ประทับกลางสระน้ำ พระเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ และจัดแสดงโบราณวัตถุ นอกจากนี้ พระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โปรดเกล้าฯ ให้จิตรกรส่วนพระองค์และนักเรียนในโครงการศิลปาชีพเขียนขึ้นเป็นเรื่องพระมหาชนก รวมทั้งมีภาพฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทรงวาดภาพผลมะม่วงไว้ด้วย …เที่ยวอำเภอป่าโมก ที่บ้านบางเสด็จ เดิมชื่อบ้านวัดตาล และมีการเปลี่ยนชื่อตำบลจากการที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่ตำบลนี้ …เริ่มต้นการเที่ยวกันที่ วัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดสมัยอยุธยา และบริเวณนี้เป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ และสมเด็จพระเอกาทศรถพระอนุชา มีพลับพลาที่ประทับกลางสระน้ำ พระเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ และจัดแสดงโบราณวัตถุ นอกจากนี้ พระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โปรดเกล้าฯ ให้จิตรกรส่วนพระองค์และนักเรียนในโครงการศิลปาชีพเขียนขึ้นเป็นเรื่องพระมหาชนก รวมทั้งมีภาพฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทรงวาดภาพผลมะม่วงไว้ด้วย “ตุ๊กตาชาววังบางเสด็จ”…เดิมการปั้นตุ๊กตาชาววังเกิดขึ้นช่วงปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โดยกลุ่มข้าหลวงชาววังปั้นตุ๊กตาเล่นกัน เมื่อข้าหลวงบางรายออกจากวังมามีครอบครัว จึงริเริ่มทำขาย…ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ อยู่ด้านหลังวัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ ศูนย์แห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์นี้ขึ้นเพื่อให้เป็นรายได้เสริมแก่ชาวบ้านในถิ่นนี้ ศูนย์ตุ๊กตาชาววังฯ อยู่ในอาคารไม้ทรงไทยสวยงาม ขื่อ คุ้มสุวรรณภูมิ ภายในจัดแสดงนิทรรศการและสาธิตการปั้นตุ๊กตาชาววังจากดินเหนียว เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ ตุ๊กตาชาววังเหล่านี้ถูกปั้นในลักษณะราวบอกเล่าถึงวิถีวัฒนธรรมประเพณีไทย มีสีสันสดใส เช่น การละเล่นของเด็กไทย วงมโหรีปี่พาทย์ สุภาษิตคำพังเพย จำหน่ายในราคาย่อมเยา ตุ๊กตาชาววังที่นี่เป็นสินค้า OTOP ของจังหวัดอ่างทอง และเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่ส่งขายทั่วโลก …ศูนย์ตุ๊กตาชาววังฯ เปิดทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. นอกจากภายในศูนย์ สามารถเดินเที่ยวชมการปั้นตุ๊กตาได้ที่บ้านชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง “ตุ๊กตาชาววังบางเสด็จ”…เดิมการปั้นตุ๊กตาชาววังเกิดขึ้นช่วงปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โดยกลุ่มข้าหลวงชาววังปั้นตุ๊กตาเล่นกัน เมื่อข้าหลวงบางรายออกจากวังมามีครอบครัว จึงริเริ่มทำขาย…ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ อยู่ด้านหลังวัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ ศูนย์แห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์นี้ขึ้นเพื่อให้เป็นรายได้เสริมแก่ชาวบ้านในถิ่นนี้ ศูนย์ตุ๊กตาชาววังฯ อยู่ในอาคารไม้ทรงไทยสวยงาม ขื่อ คุ้มสุวรรณภูมิ ภายในจัดแสดงนิทรรศการและสาธิตการปั้นตุ๊กตาชาววังจากดินเหนียว เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ ตุ๊กตาชาววังเหล่านี้ถูกปั้นในลักษณะราวบอกเล่าถึงวิถีวัฒนธรรมประเพณีไทย มีสีสันสดใส เช่น การละเล่นของเด็กไทย วงมโหรีปี่พาทย์ สุภาษิตคำพังเพย จำหน่ายในราคาย่อมเยา ตุ๊กตาชาววังที่นี่เป็นสินค้า OTOP ของจังหวัดอ่างทอง และเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่ส่งขายทั่วโลก …ศูนย์ตุ๊กตาชาววังฯ เปิดทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. นอกจากภายในศูนย์ สามารถเดินเที่ยวชมการปั้นตุ๊กตาได้ที่บ้านชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง

ป่าโมก อ่านเพิ่มเติม

งานเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน ครั้งที่ 13

หนังใหญ่วัดขนอน ราชบุรี กลุ่มผู้สานต่อลมหายใจ การแสดงหนังใหญ่ที่วัดขนอน ร่วมกันสืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมการแสดงหนังใหญ่ โดยนักแสดงผู้เชิด ผู้เขียนบท ผู้พากย์บท และนักดนตรีไทยทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนวัดขนอน ซึ่งมีรุ่นพี่และคุณครูผู้ฝึกสอนเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาและร่วมแสดงด้วย ปัจจุบันวัดขนอนมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาตัวหนังใหญ่ไว้อยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งหมดยังคงอยู่ในสภาพดี ถึงแม้ว่าแต่ละตัวจะมีอายุกว่า 100 ปีแล้วก็ตาม พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่แห่งนี้เป็นโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเห็นคุณค่าในการแสดงศิลปะหนังใหญ่ โดยทรงมีพระราชดำริให้ทางวัดช่วยกันอนุรักษ์ตัวหนังใหญ่ และสืบทอดมรดกเหล่านี้เอาไว้ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-17.00 น. หนังใหญ่เป็นศิลปะการแสดงโดยใช้ตัวหนังขนาดใหญ่ที่ทำมาจากหนังวัวหรือหนังควายดิบตากแห้ง จากนั้นนำไปขึงลงในกรอบให้ตึง แล้วฉลุแผ่นหนังเป็นรูปตัวละครต่างๆ มีไม้ผูกทาบตัวหนังไว้ทั้งสองข้าง เพื่อทำให้ตัวหนังตั้งตรงไม่งอ และทำเป็นด้ามจับสำหรับเชิดในการแสดง ฉากหลังใช้ผ้าขาวคาดเป็นจอ ส่วนด้านหลังจอจะก่อกองไฟไว้ แสงจากกองไฟด้านหลังจะส่องผ่านตัวหนังทำให้เห็นลวดลายที่ฉลุเป็นตัวละครต่างๆ ส่วนคนเชิดจะรำและทำท่าทางประกอบกับอารมณ์ของตัวละครในแต่ละฉาก ตามจังหวะดนตรีและบทพากย์ หนังใหญ่เป็นการแสดงที่รวบรวมศิลปะไว้ด้วยกันถึง 5 ประเภท คือ 1. ด้านหัตถศิลป์ การแกะตัวหนังที่ผู้แกะต้องฝึกฝนจนชำนาญในการแกะลายบนแผ่นหนังเป็นตัวละครและฉากต่างๆได้อย่างเหมาะสม 2. ด้านนาฏศิลป์ ผู้เชิดเปรียบเหมือนกับผู้สร้างชีวิตให้กับตัวหนัง ทักษะด้านนาฏศิลป์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เชิดต้องรู้จักดนตรีไทยและผ่านการฝึกฝนท่าทางในการเดิน การเต้น การโยกตัว การเชิดตัวหนังให้เข้ากับจังหวะของดนตรีและเรื่องราวตามบทพากย์ เพื่อเร้าอารมณ์ผู้ชมให้คล้อยตามไปกับการแสดงในแต่ละฉาก 3. ด้านวรรณศิลป์ เป็นบทพากย์ประกอบการแสดง โดยบทพากย์จะมีทั้งในส่วนที่เป็นบทเล่าเรื่อง บทพูดของตัวละครแต่ละตัว และบทสนทนาในแต่ละฉาก 4. ด้านวาทศิลป์ คือน้ำเสียงของผู้พากย์ ที่จะแสดงถึงอารมณ์ของตัวละครในแต่ละฉาก น้ำเสียงของผู้พากย์จะสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี 5. ด้านดุริยางคศิลป์ คือดนตรีประกอบการแสดง  หนังใหญ่ถือเป็นต้นแบบของการแสดงโขน ซึ่งการแสดงโขนได้การพากย์ การขับร้อง และการรำมาจากหนังใหญ่ แต่โขนจะพัฒนาให้คนแสดงแต่งตัวใส่ชุด ใส่หัวโขนเป็นตัวละครต่างๆ และเพิ่มฉากการต่อสู้โดยใช้ศิลปะการต่อสู้แบบกระบี่กระบองเข้ามาประกอบการแสดงด้วย ในส่วนของการแสดงเชิดหนังใหญ่ ทางวัดจะจัดแสดงทุกวันเสาร์ เวลา 10.00-11.00 น.

งานเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน ครั้งที่ 13 อ่านเพิ่มเติม

งานมหาทานบารมี ประเพณีบุญผะเหวด

“งานมหาทานบารมี ประเพณีบุญผะเหวด” เป็นประเพณีที่ทางจังหวัดร้อยเอ็ดร่วมกับคณะสงฆ์ หน่วยงานภาครัฐ เอกชน และประชาชนจังหวัดร้อยเอ็ด ร่วมกันจัดขึ้นเป็นประจำทุกปี ตั้งแต่ พ.ศ.2534 เพื่อเป็นการระลึกถึงพระพุทธศาสนาและคุณงามความดีของพระศาสดา องค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้า และเป็นส่วนหนึ่งในการอนุรักษ์วัฒนธรรมอันดีงามของชาวจังหวัดร้อยเอ็ดอีกด้วย..โดยปีนี้ จะจัดขึ้นในวันที่ 2-4 มีนาคม พ.ศ. 2561 บริเวณลานสาเกตุนคร สวนสมเด็จพระศรีนครินทร์บึงพลาญชัย จังหวัดร้อยเอ็ด …อยากพลาดไปม่วนซื่นพร้อมอิ่มบุญด้วยกันนะครับ

งานมหาทานบารมี ประเพณีบุญผะเหวด อ่านเพิ่มเติม

วัดถ้ำผาแด่น

วัดถ้ำผาแด่น ตั้งอยู่ในพื้นที่บ้านดงน้อย ตำบลดงมะไฟ อำเภอเมืองสกลนคร จังหวัดสกลนคร ในอดีตมีพระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนากรรมฐานหลายท่านมาจำพรรษาและปฏิบัติธรรมที่วัดนี้ เช่น พระอาจารย์มั่น ภูริทัตตเถระ ปัจจุบันภายในวัดเต็มไปด้วยงานประติมากรรมแกะสลักหินทรายขนาดใหญ่ โดยมักแกะสลักเป็นเรื่องราวเกี่ยวกับพระพุทธศาสนา จากในรูปนี้ คือ ภาพแกะสลักหินทรายหลวงปู่ทวดองค์ใหญ่ ซึ่งแกะจากหินขนาดใหญ่ทั้งก้อน มีช้างหมอบด้านข้างคอยปกป้อง ภาพแกะสลักหินทรายรูปพญาครุฑเวสสุวรรณ  จุดนี้ถือเป็นศูนย์กลางของวัด เจดีย์ขนาดเล็กสีทองตั้งอยู่บนก้อนหินสีทองโดดเด่น เปรียบเสมือนเขาพระสุเมรุ คือ ภูเขาที่ตั้งอยู่จุดศูนย์กลางของโลกหรือจักรวาล ตามคติความเชื่อในศาสนาพราหมณ์และศาสนาพุทธ บริเวณโดยรอบถูกประดับตกแต่งด้วยน้ำตกจำลองและไม้ดอกไม้ประดับอย่างสวยงาม ด้านหลังก้อนหินอันเป็นที่ตั้งของเขาพระสุเมรุจำลอง คือ ภาพแกะสลักพระนอนองค์ใหญ่ นามว่า “พระพุทธสีหไสยาสน์โลกนาถธาตุภูผาแด่น” นอกจากนี้ภายในวัดยังมีภาพแกะสลักพระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนากรรมชื่อดังอีกหลายรูป ภาพแกะสลักพระพุทธรูปปางประจำวันเกิด บริเวณจุดชมวิววัดถ้ำผาแด่น มีเก้าอี้ให้นั่งพักหลบร้อนและรับลมเย็น ทั้งยังมีร้านขายเครื่องดื่มให้บริการอยู่ใกล้ ๆ กัน การเดินทางไปวัดถ้ำผาแด่น : จากอำเภอเมืองสกลนคร ใช้ทางหลวงหมายเลข 213 เส้นทางไปจังหวัดกาฬสินธุ์ ผ่านสี่แยกบายพาส ตรงไปจะพบสามแยกบ้านศรีวิชา ให้เลี้ยวซ้ายสู่ทางหลวงชนบทหมายเลข 2339 ตรงไปจนถึงโรงเรียนบ้านนากับแก้ จะพบสี่แยกให้เลี้ยวขวา ตรงไปจนสุดทางจะพบลานจอดรถวัดถ้ำผาแด่น จากนั้นต้องเปลี่ยนไปใช้บริการนั่งรถสองแถวของทางวัด ระยะทาง ๔ กิโลเมตร ค่าบริการรับ-ส่ง คนละ 20 บ. เพื่อขึ้นไปยังวัดซึ่งตั้งอยู่บนเขาและมีที่จอดรถด้านบนไม่เพียงพอ รวมระยะทางจากอำเภอเมืองสกลนคร ประมาณ 21 กิโลเมตร

วัดถ้ำผาแด่น อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวตามรอยละครบุพเพสันนิวาส

ออเจ้าดู “บุพเพสันนิวาส” หรือไม่?..เพลานี้ใครๆ ต่างก็พูดถึงละคร “บุพเพสันนิวาส” กันทั้งเมือง เพราะนอกจากนักแสดงนำคุณภาพและเนื้อเรื่องที่สนุกสนานแล้ว สถานที่สำคัญในสมัยกรุงศรีอยุธยาที่ปรากฏอยู่ในละครยังสวยงามสมจริงอีกด้วย วันนี้ข้าจะขอพาออเจ้าไปเยี่ยมชม 5 สถานที่ถ่ายทำและถูกพูดถึงในละครเรื่องนี้กัน ..วันหยุดมาฆบูชานี้ไปเที่ยวอยุธยาตามรอยคุณพี่หมื่นและแม่หญิงการะเกดกันเถิดขอรับ..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) วัดไชยวัฒนาราม..ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าปราสาททอง กษัตริย์กรุงศรีอธุยธยาองค์ที่ 24 เมื่อปี พ.ศ.2173 ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก โดยปัจจุบันอยู่ในพื้นที่การดูแลของอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา สิ่งที่น่าสนใจได้แก่ พระปรางค์ศรีรัตนมหาธาตุ เป็นปรางค์ประธานตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัส และที่มุมฐานมีปรางค์ทิศประจำอยู่ทั้งสี่มุม ด้วยการบูรณะของกรมศิลปากรทำให้วัดไชยวัฒนารามแห่งนี้สวยงามยิ่งใหญ่ตระการตา ไม่ควรพลาดที่จะไปเยี่ยมชมอย่างยิ่ง..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) วัดพุทไธศวรรย์..ถูกสร้างขึ้นโดยพระเจ้าอู่ทอง เพื่อเป็นพระราชอนุสรณ์ในการสถาปนากรุงศรีอยุธยา ถือเป็นพระอารามหลวงที่ใหญ่โตและวัดที่มีชื่อเสียงอีกวัดหนึ่ง และเนื่องจากวัดพุทไธศวรรย์เป็นอีกวัดหนึ่งที่ไม่ได้ถูกข้าศึกทำลายเหมือนวัดอื่นๆ เมื่อครั้งเสียกรุงฯ ทุกวันนี้โบราณสถานแห่งนี้จึงยังมีสภาพดีไว้ให้ชม วัดตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งตะวันตก ในตำบลสำเภาล่ม อำเภอพระนครศรีอยุธยา..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) วิหารมงคลบพิตร..เป็นวัดที่ประดิษฐาน หลวงพ่อมงคลบพิตร พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองพระนครศรีอยุธยา ซึ่งได้ถูกบูรณะซ่อมแซมขึ้นใหม่ในสมัยรัชกาลที่5 หลังจากที่ถูกทิ้งร้างตามกาลเวลาเมื่อครั้งเสียกรุงฯ ครั้งที่2 ปัจจุบันวัดมงคลบพิตรจึงถือเป็นวัดสำคัญในการท่องเที่ยวไหว้พระจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกวัดหนึ่งที่ประชาชนและนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างประเทศไปกราบไหว้ขอพรอย่างหนาแน่นทุกวัน นอกจากนี้บริเวณโดยรอบวัดยังเป็นตลาดของฝากขนาดใหญ่ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยาอีกด้วย..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) ป้อมเพชร..เป็นป้อมปราการป้อมเดียวที่ยังเหลืออยู่จาก 16 ป้อม ตามแนวกรุงเก่า อยู่ทางฝั่งตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมืองอยุธยา นับได้ว่าเป็นป้อมปราการที่อยู่ในจุดยุทธศาสตร์ที่สำคัญที่สุดในการป้องกันข้าศึกของอยุธยาที่จะเข้ามาทางแม่น้ำ เพราะตั้งอยู่ทางปากน้ำ ปัจจุบันได้รับการบูรณะจากกรมศิลปากร และยังคงสภาพสมบูรณ์อยู่เป็นส่วนใหญ่ ..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3) พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติเจ้าสามพระยา..ตั้งอยู่ตรงข้ามกับมหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา ถือเป็นสถานที่สำคัญที่แสดงถึงความรุ่งเรืองในสมัยกรุงศรีอยุธยาได้เป็นอย่างดี เพราะได้มีการรวบรวมและเก็บรักษาพระพุทธรูป ข้าวของเครื่องใช้และโบราณวัตถุล้ำค่าจำนวนมาก เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา เปิดให้เข้าชมวันพุธ – วันอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ..ขอขอบคุณภาพจากละคร บุพเพสันนิวาส(ช่อง3)

เที่ยวตามรอยละครบุพเพสันนิวาส อ่านเพิ่มเติม

Cafe Dé Forest : ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์น

Cafe Dé Forest : ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์น จังหวัดสระบุรีบ้านไร่ใบเฟิร์น จ.สระบุรี by Yunsita & Mam ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์นแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างทางไปศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จิบกาแฟเสร็จก็สามารถไปปิกนิกหรือกางเต็นท์พักแรมต่อกันได้  การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ตรงไปจังหวัดสระบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าเข้าตำบลทับกวาง และกลับรถตรงสะพานเกือกม้าหน้าเทศบาลทับกวาง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบท 1003 (เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า) เลยเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแก่งคอยประมาณ 200 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ จากบ้านไม้หลังใหญ่ ได้รับการรีโนเวทให้กลายเป็นร้านกาแฟสุดฮิปชิค แบ่งเป็น 2 ชั้น พร้อมมุมถ่ายรูปอีกเพียบ แค่หน้าร้านก็แชะภาพได้เยอะเลยล่ะ นอกจากนี้ที่นี่เค้ายังเปิดให้มากางเต็นท์พักแรมริมลำธารได้ด้วยนะ บรรยากาศดีมากๆ เลย แอบเสียดายที่วันที่แอดไปมีฝนตก ท้องฟ้าก็เลยดูขมุกขมัวเล็กน้อย แต่ก็ทำให้อากาศเย็นสบายมากเลยค่ะ ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวคงจะฟินน่าดู สงสัยต้องมาจัดอีกสักรอบแล้ว ชั้นล่างบริเวณใต้ถุนบ้านมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้ โซฟา แม้แต่ชิงช้าหรือเปลญวนก็มี ภายในร้านตกแต่งแนววินเทจ มีรูปถ่าย ของกระจุกกระจิกน่ารักๆ ที่มุมนั้นมุมนี้เต็มไปหมด ดูแล้วเข้ากัน ลงตัวไปหมดทุกอย่าง ส่วนที่ชั้น 2 ก็มีระเบียงให้ชมวิวภูเขาด้านหลังร้านด้วย วิวดีมากๆ เลย  ร้านเปิดแค่วันเสาร์-อาทิตย์ จึงทำให้มีผู้มาเยือนเเน่นร้านเลยล่ะ ได้ยินเจ้าของร้านเปรยๆ ว่า เร็วๆ นี้อาจจะเปิดวันธรรมดาด้วย ยังไงก็รอติดตามกันต่อไปนะคะ ^^ ขึ้นมาชั้น 2 ของร้านกันบ้าง ใครชอบถ่ายรูปบอกเลยว่า 5 นาทีจัดไป 20-30 ภาพแน่นอน มองไปก็เห็นวิวภูเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมที่นั่งเก๋ๆ จิบกาแฟกันได้เพลินๆ เลย มาฝากท้องมื้อหนักที่นี่ได้ เพราะเค้ามีทั้งอาหารคาวและเครื่องดื่มให้บริการ ทุกเมนูเจ้าของร้านทำเองและยังเสิร์ฟเองอีกด้วย เป็นกันเองสุดๆ เหมือนมาเที่ยวบ้านญาติจริงๆ เลย ^^

Cafe Dé Forest : ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์น อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top