สถานที่ท่องเที่ยว

CHATA

CHATA หรือ ชะตา มาจากคำว่า “ชะตาลิขิต” เหมือนโชคชะตาลิขิตเพราะทุกอย่างเกิดขึ้นด้วยความบังเอิญ จุดเริ่มต้นของร้านเกิดจากกำแพงอิฐเก่าดั้งเดิมของตัวบ้านซึ่งเป็นโรงแรมในปัจจุบัน และเป็นเพราะโชคชะตาจึงทำให้เจ้าของร้านเกิดไอเดียในการสร้างร้านคาเฟ่นี้ขึ้นมา การเดินทาง จากถนนเยาวราช จนถึงเเยกเฉลิมบุรี สังเกตป้ายวัดสัมพันธวงศ์ (วัดเกาะ) เลี้ยวขวาสู่ถนนพาดสาย ร้านจะอยู่ซ้ายมือตั้งอยู่ภายในโรงแรม Baan 2459 สามารถจอดรถยนต์ส่วนตัวได้ที่บริเวณข้างโรงแรม พิกัด :https://goo.gl/maps/uS2E3Phxraz เห็นหน้าตาทางเข้าคลาสสิกแบบนี้ ก็แสดงว่าเรามาถูกที่กันแล้วล่ะ CHATA Specialty Cafe ตั้งอยู่ภายในโรงแรม Baan 2459 บูทีคโฮเทลในย่านเยาวราช ร้านชะตาจึงเป็นที่สนใจของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติไปด้วย ร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนแรก เมื่อเดินเข้ามาก็จะพบเรือนกระจกที่แต่เดิมเคยเป็นล็อบบี้ของโรงแรมมาก่อน ลูกค้าสามารถสั่งเครื่องดื่มและขนมได้ที่นี่เลย ตัวอาคารเป็นเรือนกระจกทำให้ดูโปร่งโล่งสบายตา ภายในตกแต่งแบบไทยผสมโมเดิร์น ด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และลวดลายของพื้นกระเบื้องทำให้ร้านดูคลาสสิกมากยิ่งขึ้น ออกจากอาคารแรก เราเดินผ่านทางเดินเล็กๆ ระหว่างหน้าร้านและตัวโรงแรมไปยังโซนที่ 2 บริเวณนี้มีร่องรอยของกำแพงอิฐโบราณ และต้นไม้ที่มีกิ่งก้านห้อยระย้าสวยงาม เมื่อผ่านทางเดินเล็กๆ มายังด้านหลังโรงแรม จะเจอกับอีกโซนหนึ่งของคาเฟ่ ซึ่งเป็นสไตล์ Contemporary Loft เก๋ๆ ตัวเรือนกระจกขนาดปานกลาง เปิดรับแสงจากธรรมชาติภายใต้ร่มเงาของต้นไม้ ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ มองออกไปข้างนอกจะเห็นกำแพงอิฐเก่าที่เป็นจุดเด่นของร้าน  มุมนี้หรือมุมไหนๆ แอดก็ไม่พลาด มุมโปรดของนางแบบนายแบบทุกคนที่จะต้องถ่ายภาพกับกำแพงเก่าแก่นี้ มาชะตาก็ถูกชะตากับเมนูซิกเนเจอร์นี้เลย Latte La Toey (130 บาท) กาแฟรสนมกลมกล่อมมาพร้อมเลเยอร์ของไซรัปใบเตย กลิ่นหอมขึ้นจมูก Butterfly Effect (130 บาท) ม็อกเทลซิกเนเจอร์ ที่มีส่วนผสมของแอปเปิ้ล เสาวรส ส้ม และน้ำใบเตย มาพร้อมกับน้ำอัญชันที่ให้เราได้เติมส่วนผสมลงไปเอง เพิ่มสีสันสดใสให้กับเครื่องดื่มแบบเก๋ๆ  Hot Cocoa (100 บาท)  เมนู Non Coffee ต้องลองโกโก้ร้อนสุดเข้มข้น มีอาร์ตด้านบนสวยๆ ให้เราได้ถ่ายรูปอีกด้วย Coconut Cake (65 บาท) เมนูนี้ทานกับเครื่องดื่มอะไรก็อร่อย เนื้อแป้งฟูนุ่ม มะพร้าวหวานกลมกล่อม ต้องลอง!  Carrot Cake เค้กอัดแน่นไปด้วยเนื้อแคร์รอตกับครีมชีสเข้ากันได้ดีเชียวล่ะ รสเปรี้ยวตัดหวานโรยด้วยอัลมอนด์กรุบกรอบ

CHATA อ่านเพิ่มเติม

วัดพระธาตุแม่เย็น จุดที่มองเห็นเมืองปายแบบพาโนรามา

“วัดพระธาตุแม่เย็น จุดที่มองเห็นเมืองปายแบบพาโนรามา” ก่อนอื่นเรามารู้จักประวัติวัดคร่าวๆ กันก่อน  วัดพระธาตุแม่เย็น เป็นวัดเก่าแก่คู่เมืองปายมาช้านาน สร้างในสมัยใดไม่ปรากฏแน่ชัด ภายในวัดมีสิ่งก่อสร้างที่สำคัญได้แก่ อุโบสถ ซึ่งมีลักษณะผสมผสานศิลปะล้านนาและพม่า และเจดีย์ทรงระฆังแบบพม่า ที่ตั้งอยู่ด้านหลังอุโบสถ เนื่องจากวัดนี้ตั้งอยู่บนภูเขาจึงสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของตัวเมืองปายได้ แต่…จุดนี้ก็ยังไม่ใช่จุดที่ดีที่สุดสำหรับชมวิว สำหรับวัยรุ่นอย่างเราๆ แล้ว จะทำอะไรต้องทำให้สุด เพราะฉะนั้นเดินต่อกันซักหน่อยจะเป็นไร ไปที่จุดชมวิวกันต่อเลยดีกว่า จะชมวิวสวยๆ มันก็ต้องลงทุนกันหน่อย เดินขึ้นบันไดไปเลยไม่ต้องกลัวเหนื่อย เพราะเหนื่อยแน่นอน ฮ่าๆๆ ล้อเล่น เดินไม่ไกลมากหรอก พร้อมมั้ย? ถ้าพร้อมแล้ว ก็ลุยกันเลย จุดหมายอยู่อีกไม่ไกล เริ่มเห็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่แล้ว ปะ เดินต่อ! ถึงแล้ว แวะสักการะ”พระพุทธโลกุตระมหามุนี” พระพุทธรูปปางมารวิชัยสีขาวองค์ใหญ่ สามารถมองเห็นได้แต่ไกลเลย แม้ตอนเดินขึ้นมาอาจจะเหนื่อยหอบ แต่พอได้สัมผัสอากาศบริสุทธิ์สดชื่นแบบนี้ มันทำให้ความเหนื่อยล้าหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยล่ะ หายเหนื่อยแล้ว ก็มาชมความงามของทิวทัศน์อันสวยงามของเมืองปายกัน อย่าลืมหยิบกล้องคู่ใจมาถ่ายภาพเก็บไว้กลับไปอวดเพื่อนๆ กันด้วยนะ ที่จุดชมวิวแห่งนี้เราสามารถชมทัศนียภาพของอำเภอปายได้อย่างกว้างไกลสุดสายตาแบบพาโนรามา โดยช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมก็คือ ช่วงเช้า และช่วงเย็นยามพระอาทิตย์ตกนั่นเอง วัดพระธาตุแม่เย็น ตั้งอยู่บนภูเขาทางด้านทิศตะวันออกของอำเภอปาย หลังหมู่บ้านแม่เย็น ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย การเดินทางขึ้นไปยังวัดมีอยู่ 2 วิธี คือจะขับรถขึ้นไปก็ได้ หรือจะเดินขึ้นทางบันไดพญานาคเป็นการออกกำลังกายก็ดี วัดพระธาตุแม่เย็นเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น. การเดินทางห่างจากตัวเมืองปายประมาณ 2 กิโลเมตร เลยทางเข้าน้ำตกแม่เย็นประมาณ 100 เมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/Ddq3cenuQU52

วัดพระธาตุแม่เย็น จุดที่มองเห็นเมืองปายแบบพาโนรามา อ่านเพิ่มเติม

4 จุด บนเขาค้อ จิบกาแฟ…แลสายหมอก

4 จุด บนเขาค้อ จิบกาแฟ…แลสายหมอก Bud Café เป็นคาเฟ่ที่รวบรวมเรื่องราวความลับของชาวม้งเอาไว้ ซึ่งความลับที่ว่านั้นก็คือ ภายในร้านได้จัดเป็นแกลอรี่ม้งที่มีข้าวของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกายต่างๆ ของชาวม้งที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม ในช่วงฤดูหนาวราวเดือนพฤศจิกายน เราสามารถมาสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็นพร้อมกับชื่นชมไร่สตรอว์เบอร์รีและไร่องุ่นที่กำลังออกดอกออกผล บอกเลยว่าไม่มาไม่ได้แล้ว เพราะถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึงที่ควรแก่การเช็คอินเป็นอย่างมาก Pino Latte Resort&Café เป็นทั้งร้านกาแฟและที่พัก ที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ ทั้งดีไซน์และการตกแต่งที่ไม่เหมือนใครเป็นจุดดึงดูดให้หลายๆ คนแวะเวียนเข้าไปเช็คอินและถ่ายรูป  ซึ่งนอกเหนือจากดีไซน์แล้ว บรรยากาศบริเวณรอบๆ ร้านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ ขณะกำลังจิบกาแฟเราจะได้สัมผัสกับวิวหุบเขาเขียวขจีกว้างไกลสุดสายตา มองเห็นได้ถึงวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว และถ้าโชคดียังอาจได้เห็นทะเลหมอกอีกด้วย The Story Club เป็นร้านที่มีบริเวณหน้าร้านกว้างขวางและมีมุมหลากหลายให้ได้นั่งชิลกัน ภายในร้านตกแต่งสไตล์เท่ๆ ด้านหน้าร้านมีระเบียงไม้ที่ประดับไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดให้ได้ถ่ายรูปเก๋ๆ นอกจากนี้ยังมีอีกมุมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนที่นี่ กับมุมดาดฟ้าที่สามารถมองเห็นวิวของทิวเขาหลังร้านได้ 180 องศาเลยก็ว่าได้ และยังสามารถสั่งเครื่องดื่มต่างๆ มานั่งรับลมเย็นๆ ได้อีกด้วย Jolly Cafe  และนี่คืออีกหนึ่งร้านอาหารและคาเฟ่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเขาค้อ โดยส่วนตัวแล้วแอดมินเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก ซึ่งร้านนี้ถือว่าตอบโจทย์คนที่ชอบถ่ายรูปเป็นที่สุดค่ะ การตกแต่งร้านที่ไม่เหมือนใคร สไตล์คันทรีๆ โทนสีขาว มีโรงนาและกระโจมอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า ดูอบอุ่นสุดๆ มีมุมหลากหลายให้ได้แชะภาพชิคๆ ไปอัพเฟสอวดเพื่อนๆ กันมากมาย บรรยากาศร้านดีขนาดนี้ก็ต้องไม่พลาดที่จะสั่ง ชา กาแฟ ของทานเล่น หรือพิซซ่าที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านมาทานกันด้วยนะคะ

4 จุด บนเขาค้อ จิบกาแฟ…แลสายหมอก อ่านเพิ่มเติม

หลงโถว…หลงเข้ามาแล้วจะติดใจ

หลงโถว…หลงเข้ามาแล้วจะติดใจ ร้านหลงโถว คาเฟ่ ตั้งอยู่บริเวณต้นถนนมังกร นี่จึงเป็นที่มาของชื่อร้าน เพราะ “หลงโถว” ภาษาจีนแปลว่า หัวมังกร เมื่อนึกถึงจีน ก็ต้องนึกถึงสีแดงแปร๊ดๆ แต่ทางร้านต้องการหลุดจากภาพจำเดิมๆ จึงใช้สีเขียวและสีแดงเข้มแทน ซึ่งก็ยังสัมผัสได้ถึงบรรยากาศความเป็นจีนอยู่ แถมเป็นจีนแบบย้อนยุคซะด้วย เท่สุดๆ เนื่องจากร้านมีพื้นค่อนข้างน้อย แต่ก็อยากให้ลูกค้านั่งได้เยอะๆ จึงได้ออกแบบให้เป็นที่นั่ง 2 ชั้น ดีไซน์เก๋ไก๋จนกลายมาเป็นเอกลักษณ์ของร้าน ทางร้านบอกเล่าความเป็นเยาวราชผ่านการดีไซน์ร้านและเมนูอาหาร Egg Lava Bun ซาลาเปาไส้ไข่ไหล มีความแตกต่างตรงที่เป็นซาลาเปาทอด กรอบนอกนุ่มใน Lhong Tou Shumai เป็นการผสมผสานระหว่างขนมจีบกับเกี๊ยว คือห่อแป้งแบบเกี๊ยว แต่รูปร่างเหมือนขนมจีบ สอดไส้ด้วยหมูสับและกุยช่าย บอกเลยว่าไส้แน่นมาก อร่อยเต็มปากเต็มคำ อย่าลืมทานคู่กับน้ำจิ้มที่มีรสชาติเผ็ดนิดๆ ของทางร้านด้วยนะ ยิ่งอร่อยเข้าไปใหญ่ เกี๊ยวกุ้งทอด อาหารที่เราคุ้นเคยเป็นอย่างดี หาทานได้ง่ายมาก ที่เยาวราชก็มี แต่บอกเลยว่า เกี๊ยวทอดของที่นี่ไส้แน่นจุใจมาก อีกอย่างที่ห้ามพลาดคือ ชุดน้ำชาของทางร้าน ไม่ว่าจะเป็น ชาเก๊กฮวย ที่ได้รสชาติของดอกเก๊กฮวยจริงๆ ซึ่งสำหรับคนติดหวานก็สามารถเติมน้ำเชื่อมลงไปได้ หรือ ชาหอมหมื่นลี้ผสมดอกอัญชัน ที่ฟังจากชื่อก็รู้แล้วว่าต้องหอมสุดๆ อย่างแน่นอน นอกจากนี้ยังมีชาดอกไม้ชนิดต่างๆ ให้ได้ลิ้มลองอีกหลายเมนู นอกจากชุดน้ำชาแล้ว เมนูเครื่องดื่มที่ขาดไม่ได้สำหรับร้านอาหารจีนก็คือ ชาและกาแฟ ✳ Lhong Tou’s Signature – Thai Milk Tea ชาไทยรสเข้ม ที่เพิ่มความอร่อยด้วยขนมตุ๊บตั๊บ ให้เรามาเคี้ยวเล่นเพลินๆ สร้างรสสัมผัสในการดื่มให้อร่อยยิ่งขึ้น ✳ Dirty เครื่องดื่มเอสเปรสโซกับนมเย็น เอ๊ะ มันจะร้อนหรือจะเย็นกันแน่ แต่เมื่อดื่มไปพร้อมกันแล้ว ก็เข้ากันได้อย่างลงตัว ขอบคุณรูปภาพจาก facebook ร้านหลงโถว

หลงโถว…หลงเข้ามาแล้วจะติดใจ อ่านเพิ่มเติม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ : 14 พื้นที่ชุ่มน้ำที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) 1 พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน.พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศแห่งแรกของประเทศไทย มีลักษณะเป็นพื้นที่พรุไม้เสม็ดขาว มีกก หญ้ากระจูด กระจูดหนู ขึ้นอยู่หนาแน่น ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบสงขลา .ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ.เป็นบึงน้ำจืดที่มีลักษณะแคบยาว เกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกัน โดยน้ำในบึงจะไหลลงสู่แม่น้ำสงคราม ก่อนไหลออกแม่น้ำโขง ในพื้นที่มีเกาะกลางบึง ได้แก่ ดอนแก้ว ดอนสวรรค์ ดอนโพธิ์ ดอนน่อง และนอกจากนี้บนเกาะยังมีป่าดิบแล้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์อีกด้วย.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา และตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ  3 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย.เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของทะเลสาบเชียงแสน มีการสำรวจพบพันธุ์ไม้ในพื้นที่กว่า 185 ชนิด เช่น ผักบุ้ง บอน หญ้าไซ บัวหลวง กก เป็นต้น เป็นพืชต่างถิ่น 15 ชนิด เช่น กระถินยักษ์ หญ้าชน บัวบก และมะระขี้นก เป็นต้น.ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 4 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง-ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง .บริเวณนี้มีระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก โดยสังคมพืชในพื้นที่ประกอบด้วย ป่าดิบชื้น ป่าชายหาด ป่าชายเลน และจัดเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบรูณ์ของหญ้าทะเลมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งหากินของพะยูน ซึ่งถือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยอีกด้วย.ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน และอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 5 พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ .กุดทิงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่สำคัญหลายชนิด และยังพบปลาที่อยู่ในสถานะที่เสี่ยงต่อการถูกคุกคาม เช่น ปลายี่สก หรือปลาเอิน ฯลฯ นอกจากนี้กุดทิงยังเป็นที่อยู่อาศัยของกุ้งน้ำจืด 3 ชนิด คือ กุ้งฝอยเล็ก กุ้งฝอยใหญ่ และกุ้งฝอยแดงด้วย .ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 6 หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา.จุดเด่นของที่นี่คือแนวปะการังน้ำลึก ที่มีความหลากหลายของชนิดปะการังมากกว่าที่อื่น มีการสำรวจพบแนวปะการังที่เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ เกาะกลาง เกาะเมี่ยง เกาะตารี และเกาะอื่นๆ โดยที่เกาะสุรินทร์มีแนวปะการังที่สมบูรณ์อยู่ที่อ่าวช่องขาด และอ่าวแม่บาย ปะการังที่พบมาก ได้แก่ ปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังดอกเห็ด ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังดาวใหญ่ และปะการังไฟ เป็นต้น.ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรี และอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา 7 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา .เป็นอ่าวตื้นที่ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 132,381 ไร่ โดยบริเวณอ่าวพังงาประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 42 เกาะ เช่น เกาะเขาเต่า เกาะพระอาดเฒ่า เกาะมะพร้าว เกาะปันหยี เกาะเขาพิงกัน เป็นต้น ถ้าเพื่อนๆ ไปที่จุดชมวิวเสม็ดนางชี ก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่บางส่วนของแนวป่าชายเลนและหมู่เกาะต่างๆ ได้อย่างชัดเจน.ที่ตั้ง : อำเภอเมือง และอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 8 พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่ .มีพื่นที่ครอบคลุมตั้งแต่สุสานหอย 75 ล้านปี เขตผังเมืองกระบี่ ป่าชายเลนหาดเลน เขาขนาบน้ำ หาดทรายลำคลองน้อมใหญ่หน้าเมืองกระบี่ ไปจนถึงป่าชายเลนและหญ้าทะเลผืนใหญ่ในบริเวณเกาะศรีบอยา  ที่นี่เป็นแหล่งชุมนุมของนกอพยพที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย พบนกอย่างน้อย 101 ชนิด เป็นนกประจำถิ่นอย่างน้อย 53 ชนิด เช่น นกยางเขียว นกนางนวลแกลบหงอนใหญ่ เหยี่ยวขาว เป็นต้น .ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 9 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี.หมู่เกาะอ่างทองประกอบด้วยเกาะต่างๆ ประมาณ 42 เกาะ ทั้งหมดเป็นเกาะขนาดเล็กและขนาดกลางตั้งอยู่เป็นกลุ่มเกาะกลางทะเล ส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนมีแนวหน้าผาสูงชันตั้งดิ่งจากพื้นที่น้ำทะเล นอกจากความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ทะเลแล้ว ป่าไม้บนแนวเขาก็ค่อยข้างอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าประจำถิ่นและนกอพยพกว่า 100 ชนิดเช่นกัน .ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10 พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม .ดอนหอยหลอดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเล มีลักษณะเป็นดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนปากแม่น้ำและตะกอนน้ำทะเลบริเวณปากแม่น้ำกลอง ทำให้แผ่นดินขยายออกไปในทะเลประมาณ 8 กิโลเมตร.จุดเด่นของที่นี่คือหาดเลน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยหลอด เอกลักษณ์สำคัญของพื้นที่ และยังมีหอยอีกหลายชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในประเทศไทยและในภูมิภาค.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 11 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส .พรุโต๊ะแดงเป็นป่าพรุผืนใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่ยังคงเหลืออยู่ มีคุณค่าต่อการศึกษาวิจัยและการท่องเที่ยว ท้องถิ่นและชุมชนได้ประโยชน์โดยตรงจากการเก็บของป่า เช่น หวาย หลุมพี น้ำผึ้ง เพื่อเป็นรายได้ของชุมชน ที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงทั้งพืชและสัตว์ มีการสำรวจพบสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น นกตะกรุม นกฟินฟุท นกเปล้าใหญ่ เต่าหับ เต่าดำ ตะโขง และจระเข้น้ำเค็ม เป็นต้น.ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 12 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ .เพื่อนๆ หลายคนน่าจะเคยไปเที่ยวที่สามร้อยยอดกันมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าที่นี่ประกอบด้วยระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งระบบนิเวศบก ป่าเขาหิน และระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำได้แก่ บึงน้ำจืด ป่าชายเลน หาดโคลน และหาดทรายชายทะเล  โดยป่าชายเลนจะอยู่บริเวณปากคลอง ซึ่งมีพันธุ์ไม้ขึ้นอยู่เป็นแนวแคบๆ ตามชายคลองบริเวณทางออกทะเล เช่น แสมทะเล โกงกางใบใหญ่ โกงกางใบเล็ก ลำพู เหงือกปลาหมอดอกขาว หญ้าน้ำเค็ม ฯลฯ ส่วนบริเวณที่ลุ่มน้ำกร่อยจะมีสังคมพืชทนเค็ม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

กึ๊ดเติงหา…เชียงแสน : แอ่วเชียงแสน แดนเจียงฮาย

กึ๊ดเติงหา…เชียงแสน : แอ่วเชียงแสน แดนเจียงฮาย 1. ทะเลสาบเชียงแสน .ถ้าอยากจะหาสถานที่สูดอากาศดีๆ ต้องมาที่นี่เลย “ทะเลสาบเชียงแสน” หรือ “เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย” ที่นี่เป็นแหล่งดูนกน้ำและนกอพยพที่สำคัญแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ภายในบริเวณยังมีกิจกรรมต่างๆ เช่น เดินตามเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ปั่นจักรยานชมวิว และพายเรือแคนูรับลมเย็นๆ ในทะเลสาบ เป็นต้น.พิกัด : https://goo.gl/maps/ioQXJixTJc32 2. ดอยสะโง้.ขึ้นมาดอยสะโง้ มาชมวิวทะเลหมอกสามแผ่นดิน ไทย ลาว และเมียนมา ถ้ามาฤดูฝนจะได้ลุ้นชมหมอกลอยสวยๆ แต่ถ้ามาฤดูหนาวช่วงเดือนพฤศจิกายน – มกราคม สามารถเข้าไปเที่ยวชมแปลงเกษตรสาธิต แปลงดอกเก๊กฮวย ทุ่งดอกคาโมมายล์ และพืชเมืองหนาวชนิดอื่นๆ ได้อีกด้วย.พิกัด : https://goo.gl/maps/qbQy2eA7PTL2 3. สามเหลี่ยมทองคำ.เป็นจุดที่แผ่นดินของทั้ง 3 ประเทศ คือ ไทย ลาว และเมียนมา มาบรรจบกันโดยมีแม่น้ำโขงกั้นเป็นพรมแดนธรรมชาติ มาเที่ยวที่นี่แนะนำให้มานมัสการพระเชียงแสนสี่แผ่นดินหรือพระพุทธนวล้านตื้อ นั่งเรือหางยาวเที่ยวชมทิวทัศน์บริเวณสามเหลี่ยมทองคำ ชอปปิงในร้านจำหน่ายสินค้าและของที่ระลึกทั้งจากประเทศไทย ลาว เมียนมา และจีน.พิกัด : https://goo.gl/maps/HznLXtfzrCH2 พระเชียงแสนสี่แผ่นดิน หรือพระพุทธนวล้านตื้อ เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่สร้างด้วยทองสัมฤทธิ์ ประดิษฐานอยู่บนเรือแก้วกุศลธรรมขนาดใหญ่ ใกล้กับองค์พระยังมี ตุงหลวงเฉลิมพระเกียรติ 72 พรรษาพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 อีกด้วย 4. หอฝิ่น อุทยานสามเหลี่ยมทองคำ.ที่นี่รวบรวมเรื่องราวเกี่ยวกับฝิ่น ตั้งแต่ประวัติศาสตร์ของฝิ่นในสามเหลี่ยมทองคำ ต้นกำเนิดฝิ่น สงครามฝิ่น ผู้นำฝิ่นเข้ามาในเอเชีย และผลกระทบของฝิ่น ผ่านนิทรรศการสมัยใหม่ วีดิทัศน์ และสิ่งของจัดแสดงต่างๆ ที่น่าสนใจมากๆ .เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 08.30-16.00 น..พิกัด : https://goo.gl/maps/Za4ks4FnTQn 5. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน.ในอดีตเชียงแสนเป็นศูนย์กลางทางด้านเศรษฐกิจและเป็นเมืองท่าที่สำคัญ เพราะมีพื้นที่ติดแม่น้ำโขง ถ้ามาเที่ยวเชียงแสนลองแวะเข้ามาดูร่องรอยอารยธรรมและหลักฐานทางประวัติศาสตร์ ความรุ่งเรืองในอดีตของเมืองได้ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เชียงแสน .พิกัด : https://goo.gl/maps/zyBRR8rNGzk ภายในพิพิธภัณฑ์ฯ ได้รวบรวมโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุต่างๆ ในเมืองเชียงแสนและบริเวณใกล้เคียง เช่น ลวดลายปูนปั้นศิลปะล้านนา พระพุทธรูปและศิลาจารึกจากเชียงแสนและพะเยา ศิลปะของชาวไทยใหญ่ ไทลื้อ และชาวเขาหลายชนเผ่า ทั้งเครื่องเขิน เครื่องดนตรี เครื่องประดับ รวมทั้งยังมีการจัดแสดงข้อมูลทางประวัติศาสตร์การตั้งถิ่นฐานของชุมชนชาวล้านนาและการสร้างเมืองเชียงแสน นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติที่เก่าแก่ที่สุดของภาคเหนืออีกด้วย พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดบริการวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30-16.30 น. (ปิดวันจันทร์ อังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 30 บาท 6. วัดพระธาตุเจดีย์หลวง.วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมืองเชียงแสนที่มีอายุกว่า 670 ปี โบราณสถานที่สำคัญภายในวัด ได้แก่ พระธาตุเจดีย์หลวง เจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนา ซึ่งเป็นเจดีย์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในเมืองเชียงแสน และวิหารเก่าแก่ที่ได้รับการบูรณะ โดยการสร้างหลังคาคลุมไว้ เป็นการอนุรักษ์เพื่อไม่ให้โครงสร้างเดิมเสียหาย.พิกัด : https://goo.gl/maps/FW9kzTmP7g62 7. วัดป่าสัก.อีกหนึ่งวัดเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ไม่ไกลจากวัดพระธาตุเจดีย์หลวง ตามประวัติกล่าวว่าพระเจ้าแสนภูทรงสร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.1838 และรับสั่งให้ปลูกต้นสักล้อมกำแพงวัดไว้จำนวน 300 ต้น จึงเป็นที่มาของชื่อ “วัดป่าสัก”.ภายในวัดมีโบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงมณฑป ตกแต่งด้วยลวดลายปูนปั้นอันวิจิตรงดงาม ภายในเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ กระดูกตาตุ่มข้างขวาจากเมืองปาฏลีบุตร.พิกัด : https://goo.gl/maps/2K6iSiVLa9s 8. วัดพระเจ้าล้านทอง.“พระเจ้าล้านทอง” พระประธานเก่าแก่อายุกว่า 500 ปี เป็นพระพุทธรูปองค์สำคัญที่ประดิษฐานอยู่ในวิหารหลวง หล่อขึ้นจากทองสัมฤทธิ์ที่มีน้ำหนัก “ล้านทอง” หรือ ประมาณ 1,200 กิโลกรัม จึงเป็นที่มาของชื่อพระเจ้าล้านทองนั่นเอง นอกจากนี้ภายในวัดยังมีพระเจดีย์อิฐศิลปะล้านนา ที่ได้รับการบูรณะให้ยังคงอยู่ในสภาพใกล้เคียงกับของเดิมมากที่สุด .พิกัด : https://goo.gl/maps/dfb8racFN9z 9. วัดพระธาตุจอมกิตติ.วัดพระธาตุจอมกิตติ มีตำนานว่าพระเจ้าพรหมมหาราชสร้างขึ้น เพื่อฉลองเนื่องในโอกาสที่พระองค์สามารถกอบกู้เอกราชจากขอมได้สำเร็จ พระธาตุจอมกิตติ จึงเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของการประกาศชัยชนะและความเป็นอิสระ โดยปัจจุบันยังคงมีการจัดพิธีบวงสรวงพระธาตุจอมกิตติเป็นประจำทุกปี และมีการทำพิธีเสริมดวงชะตาให้กับประเทศไทยอีกด้วย.พิกัด : https://goo.gl/maps/QPjxWebAKpq 10. วัดพระธาตุผาเงา.ถ้าใครชอบงานศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบล้านนา ที่นี่เป็นอีกหนึ่งวัดในเชียงแสนที่ต้องแวะมาชมให้ได้.พิกัด : https://goo.gl/maps/3dUyUhc6kxQ2 วัดพระธาตุผาเงาตั้งอยู่นอกเขตกำแพงเมือง มีพระอุโบสถประดับด้วยภาพแกะสลักบอกเล่าเรื่องราวพุทธประวัติตามแบบฉบับล้านนา และเจดีย์โบราณสามองค์ที่ได้รับการบูรณะโดยการสร้างพระบรมธาตุพุทธนิมิตเจดีย์ครอบพระธาตุเจดีย์องค์เดิมไว้ นอกจากนี้อีกหนึ่งไฮไลท์คือ ที่วัดนี้ยังมีจุดชมวิวเมืองเชียงแสนและวิวแม่น้ำโขงอีกด้วย

กึ๊ดเติงหา…เชียงแสน : แอ่วเชียงแสน แดนเจียงฮาย อ่านเพิ่มเติม

มหัศจรรย์ธรรมชาติ “กุ้งเดินขบวน” ณ แก่งลำดวน

เกร็ดความรู้: กุ้งที่พบในบริเวณแก่งลำดวนมี 3 ชนิด ได้แก่ กุ้งฝอยหรือกุ้งนา กุ้งชฎา และกุ้งก้ามขน จากการวิจัยพบว่ากุ้งที่มาเดินขบวนที่แก่งลำดวนนั้นคือ “กุ้งก้ามขน” ค่ะ กุ้งมาเดินขบวนทำไม? คำถามนี้แอดคิดว่าเพื่อนๆ หลายคนคงต้องสงสัยเหมือนแอดแน่ๆ และคำตอบก็คือในช่วงน้ำหลาก บริเวณแก่งลำดวนจะมีกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวมากค่ะ ด้วยเหตุนี้เหล่าบรรดากุ้งก้ามขนจึงพร้อมใจกันขึ้นมาเดินทวนกระแสน้ำบนลานหิน เพื่อหลบหลีกกระแสน้ำที่ไหลเชี่ยวค่ะ กุ้งจะเดินไปไหน? เหล่าบรรดากุ้งจะมุ่งหน้าเดินไปยังพื้นที่ต้นน้ำลำโดมใหญ่ที่มีความอุดมสมบูรณ์ ณ เทือกเขาพนมดงรัก ระหว่างทางต้องฟันฝ่าอุปสรรคมากมายเพื่อความอยู่รอดของเผ่าพันธุ์ค่ะ กุ้งเดินขบวนในช่วงใด? ปรากฏการณ์กุ้งเดินขบวนจะเกิดขึ้นในตอนกลางคืนช่วงฤดูฝน ระหว่างเดือนสิงหาคม-กันยายนของทุกปีค่ะ ส่วนจะขึ้นมาเดินมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับปัจจัยทางธรรมชาติ ฤดูกาล และปริมาณน้ำฝนที่ตกลงมาในบริเวณต้นน้ำลำโดมใหญ่ค่ะ ถ้าปีไหนฝนตกน้อย และน้ำไม่เชี่ยวมากนัก เราก็จะไม่ค่อยเห็นกุ้งขึ้นมาเดินขบวนค่ะ

มหัศจรรย์ธรรมชาติ “กุ้งเดินขบวน” ณ แก่งลำดวน อ่านเพิ่มเติม

เลาะกาฬสินธุ์โลด…ฟินอีหลีเด้อ

เลาะกาฬสินธุ์โลด…ฟินอีหลีเด้อ ตลาดทุ่งนาทอง ไปเที่ยวต่างจังหวัดทั้งที อย่ามัวแต่นอนแอ้งแม้งอยู่บนเตียงค่ะ ตื่นเช้าออกไปสัมผัสชีวิตของผู้คนบ้างดีกว่า ไปดูว่าเขาทำอะไรและทานอะไรกันบ้างในตอนเช้า  อย่างที่กาฬสินธุ์ก็มีตลาดทุ่งนาทอง เป็นตลาดเช้าที่เปิดขายกันตั้งแต่ 02.00-13.00 น. อาหารที่ขายส่วนใหญ่ก็เหมือนกับตลาดเช้าทั่วๆ ไปของจังหวัดอื่น ไม่ว่าจะเป็นโจ๊ก ปาท่องโก๋ หมูปิ้ง และเมนูอื่นๆ อีกมากมาย แต่ความพิเศษของตลาดเช้าที่กาฬสินธุ์นั้นก็คือ มีส้มตำขายกันตั้งแต่หกโมงเช้าเลยค่ะ เรียกได้ว่าคนที่นี่ทานส้มตำกันเป็นอาหารเช้าเลยก็ว่าได้ ว่าแล้วแอดก็อดใจไม่ไหว ต้องขอลองชิมสักหน่อย นอกจากส้มตำแล้ว ที่นี่ยังมีไก่ย่างและปลาเผาอีกด้วย ในส่วนของรสชาตินั้นไม่ต้องพูดถึง ทั้งแซ่บทั้งนัวสุดๆ แอดเชื่อว่าถ้าเพื่อนๆ ได้ลองทานแล้วจะต้องร้องว้าวเลยล่ะ  สวนปันบุญ ออร์แกนิคฟาร์ม เป็นศูนย์การเรียนรู้เชิงเกษตรอินทรีย์ ที่สามารถเข้าไปดูได้ทั้งวิธีการปลูกผัก ปลูกข้าว และเลี้ยงไก่ ผักของที่นี่ปลูกตามฤดูกาล อย่างช่วงหน้าฝนแบบนี้ ผักส่วนใหญ่จะเป็นผักชี ต้นหอม ผักกวางตุ้ง ขึ้นฉ่าย ผักบุ้ง สลัดคอส กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เรียกได้ว่ามีผักสดๆ ทานตลอดทั้งปีอย่างแน่นอน ส่วนข้าวที่ปลูก จะเป็นข้าวแดง มะลินิลสุรินทร์ แอดลองชิมแล้ว ทั้งหอม นุ่ม และอร่อยสุดๆ และสุดท้าย ไก่ไข่ของที่สวนปันบุญใหญ่เป็นพิเศษ เพราะเลี้ยงไก่อย่างดี ทำให้ไก่อารมณ์ดีและออกไข่ใบโต ใครที่สนใจอยากจะเรียนรู้เรื่องการทำเกษตรอินทรีย์ สามารถมาที่สวนปันบุญได้เลยค่ะ ที่นี่จะให้ความรู้ทุกขั้นตอน ตั้งแต่การเตรียมดิน การทำปุ๋ยหมักจากใบไม้ และการทำจุลินทรีย์คืนความสาวให้ผักสดกรอบ ในครั้งนี้ แอดได้มีโอกาสลงมือทำกิจกรรม DIY เกี่ยวกับการทำตุ๊กตาไดโนเสาร์ และพวงกุญแจด้วย บอกเลยว่าทั้งสนุกและได้ความรู้มากมายเลยค่ะ  สำหรับแอด นี่เป็นครั้งแรกที่ได้มีโอกาสใช้จักรเย็บผ้า วินาทีที่เท้าสัมผัสแป้นเหยียบที่ใช้ควบคุมการเย็บนั้น แอดทั้งตื่นเต้นและกังวลมากเลยค่ะ เพราะกลัวว่าจะทำของเค้าพัง  ตุ๊กตาที่แอดเย็บเองก็เสร็จเป็นที่เรียบร้อย (ฝีมือก็ใช้ได้อยู่นะ) หลังจากทำกิจกรรม DIY เสร็จ เราก็เดินชอปปิงกันต่อเลย ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจของฝากน่ารักๆ และราคาถูก แอดแนะนำที่นี่เลย เพราะจะได้ซื้อสินค้าของฝากในราคาส่ง แหม ถูกและน่ารักขนาดนี้ทำให้แอดอดใจไม่ไหว ซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านหลายชิ้นเลย แต่สำหรับพวกเราจะให้ไปนั่งรอกินกันแบบธรรมดาๆ ก็กระไรอยู่..มา Go Local กันที่ชุมชนบ้านท่าเรือภูสิงห์ทั้งที ก็ต้องลองย่างกุ้งด้วยตัวเองสิ  นอกจากกุ้งและปลาสดๆ แล้ว ที่นี่ยังมีเมนูอื่นๆ อย่างส้มตำปลาร้าแซ่บๆ ปลาส้มใบตองมัดตอกโบราณย่าง ทอดมันปลากราย ปลาเนื้ออ่อนทอด ปลาส้ม แจ่วบอง ปลาตากแห้ง ฯลฯ ซึ่งเป็นอาหารพื้นบ้านและผลิตภัณฑ์แปรรูปฝีมือพี่ๆ กลุ่มแม่บ้านท่าเรือภูสิงห์นั่นเอง สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจ แอดแอบกระซิบดังๆ ว่า อาหารที่นี่ราคามิตรภาพสุดๆ  ก่อนเดินทางแอดแนะนำให้ติดต่อจองคิวกันล่วงหน้า เนื่องจากกุ้งแม่น้ำจะมีเยอะที่สุดในช่วงเดือนตุลาคม-เมษายน ส่วนช่วงฤดูอื่นๆ สามารถสอบถามได้ที่☎ คุณไก่ (ผู้ใหญ่บ้านท่าเรือภูสิงห์) โทร.098 532 2258, 096 719 8243☎ ปลัดตั้ง โทร.095 987 4698 เมนูแนะนำ อเมริกาโน่ สเปเชียล เทคนิคในการดื่มคือ ค่อยๆ ชิมให้ได้ 3 ระดับ กาแฟจะมีความหอมและหวานขึ้นเรื่อยๆ นอกจากนี้ทางร้านยังมีกาแฟอีกหลากหลายเมนู ที่รอให้นักชิมทุกท่าน ได้มาดื่มด่ำรสชาติกาแฟอันเป็นเอกลักษณ์ ทางร้านใช้กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าแท้ 100 เปอร์เซ็นต์ ตอนที่แอดไปถือว่าโชคดีมาก เพราะเจ้าของร้านได้สาธิตวิธีชงกาแฟแบบ Syphon และ Mokapot ให้ดูด้วย ☕ การชงกาแฟแบบ Syphon เป็นการชงแบบสุญญากาศ รสชาติที่ได้ จะเป็นกาแฟดำ หอม เข้มสะใจ ☕ การชงกาแฟแบบ Mokapot เป็นการใช้แรงดันน้ำที่เดือดจัด กลั่นกาแฟออกมา จะได้กาแฟรสเข้ม และหอม แต่จะเบาบางกว่าการชงแบบ Syphon ใครที่อยากลองมาชิมกาแฟแบบต่างๆ และเรียนรู้วิธีการชงกาแฟ สามารถมาที่ร้านได้เลยค่ะ เจ้าของร้านใจดี ยินดีตอบทุกคำถาม Hung Huang OTOP Life Style เป็นศูนย์ส่งเสริมสินค้าและผลิตภัณฑ์ต่างๆ ในชุมชน ของฝากของที่ระลึกของที่นี่เก๋ไก๋สไลเดอร์ โดนใจวัยรุ่นมากๆ ไม่ว่าจะเป็นตุ๊กตาและหมอนไดโนเสาร์ เสื้อผ้า เสื้อคลุม พวงกุญแจ เครื่องปั้นดินเผา ของตกแต่งบ้าน รวมไปถึงกระเป๋าถือสำหรับคุณผู้หญิง 

เลาะกาฬสินธุ์โลด…ฟินอีหลีเด้อ อ่านเพิ่มเติม

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา

1. เขาโปกโล้น ร่องเขานครชุม จ.พิษณุโลก เขาโปกโล้น ตั้งอยู่ที่ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นจุดชมวิวธรรมชาติและทะเลหมอก ระยะทางเดินขึ้นไปประมาณ 1-2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30-40 นาที ถ้าโชคดีในช่วงเช้าเราจะเห็นทะเลหมอก ซึ่งในฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกทุกวันเลยนะ แต่ถ้าไม่มีหมอก เราก็ถ่ายรูปกับเขาก็ได้ สวยเหมือนกัน ฮ่าๆ และตามเส้นทางเดินยังมีจุดสำคัญให้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นบ่อเสือตก น้ำบ่อศักดิ์สิทธิ์ และถ้ำผาปอง เป็นต้น  สำหรับที่พัก แอดแนะนำให้พักที่โฮมสเตย์ในอำเภอนครชุม เพราะเราจะต้องตื่นเช้า ประมาณ 05.00 น. เพื่อเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่เขาโปกโล้นกัน ราคาโฮมสเตย์ 450 บาท/คน มีอาหารให้ 2 มื้อ คือมื้อเย็นและมื้อเช้า  ถ้าหากพร้อมแล้วและสนใจพิชิตทะเลหมอกติดต่อ อบต.นครชุม โทร 055 009 808 การเดินทาง ไปตามเส้นทางพิษณุโลก-นครไทย จากนั้นขับรถไปที่ตำบลนครชุม ประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกประมาณ 100 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/qfZa5MPvr8Q2 2.จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูป ที่ไม่ว่าใครก็ต้องมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ท่ามกลางหุบเขาและวิวทะเลหมอกแบบนี้  นั่งถ่ายรูปสวยๆ กินบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มและอากาศบริสุทธิ์ เติมพลังกันให้เต็มที่ไปเลย บ้านจ่าโบ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอำเภอปายมากนัก ใช้เวลาเดินทางจากอำเภอปายประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าใครที่ไปเที่ยวปาย ก็อย่าลืมแวะไปด้วยนะครับผม การเดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนวิ่งตามทางหลวงหมายเลข 1095 ไปทางอำเภอปางมะผ้า จนถึงแยกจุดตรวจแม่ละนา ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1226 อีก 3.5 กิโลเมตร จะถึงจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่พิกัด : https://goo.gl/maps/yvUfLiyGYex 3.เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี หรือที่ใครๆ รู้จักกันดีว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” อันเป็นชื่อดั้งเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเขื่อนรัชชประภาในปัจจุบัน สำหรับเขื่อนรัชชประภานั้น มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ภายในทะเลสาบเหนือเขื่อนเต็มไปด้วยภูเขาหินปูนธรรมชาติที่มีรูปร่างต่างๆ แปลกตา สวยงามลงตัวราวกับบรรจงสร้างมาให้เราเข้าไปชมเลยล่ะ  ไปยืนถ่ายรูปที่หัวเรือ โพสท่าเก๋ๆ คู่กับภูเขาหินปูน เอามาไว้โพสต์อวดเพื่อนๆ ในโซเชียล กิจกรรมที่น่าสนใจ– นอนเล่นกลางแพชมวิวทะเลสาบ อ่านหนังสือเล่มโปรด ฟังเพลงเบา ๆ – ล่องเรือชมธรรมชาติเหนือเขื่อน ชมเขาสามเกลอ หนึ่งในไฮไลท์ของภูเขาหินปูนที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำ– พายเรือคายักหรือแคนู ซึ่งที่พักบางแห่งจะจัดไว้บริการนักท่องเที่ยว– ท่องถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 6 กิโลเมตร เป็นถ้ำใหญ่ที่มีธารน้ำไหล มีหินงอกหินย้อยที่งดงาม การเดินเที่ยวถ้ำจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง การเดินทางจากอำเภอเมืองฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 401 แยกเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขส.2 (เชี่ยวหลาน) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 60 ระยะทาง 14 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/kXnARbdFFuv 4.เสม็ดนางชี จ.พังงา มาพังงาทั้งที ถ้าไม่ได้ไปเสม็ดนางชีถือว่าพลาด ถ้ามีโอกาสแอดอยากจะแนะนำให้ขึ้นไปชมวิวสุดประทับใจ ถ่ายรูปคู่กับทิวทัศน์สวยๆ ที่นี่ซักครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปกางเต็นท์นอนค้างแรมเพื่อรอชมกลุ่มดาวเต็มท้องฟ้า และเมื่อเช้าวันใหม่อันสดใสมาถึง ทิวทัศน์ของตะวันขึ้นที่อ่าวพังงาก็จะติดตาตรึงใจเพื่อนๆ ไปอีกนาน ด้านบนมีร้านอาหาร มีเมนูทั้งอาหารคาวและอาหารหวานให้เราได้เลือกทานอย่างหลากหลาย  หรือจะชมแสงสุดท้ายยามเย็น พร้อมนั่งทานอาหารสุดอร่อย ดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติอันสวยงาม ขอบอกเลยว่าจะทำให้มื้ออาหารมื้อนี้ประทับใจไม่รู้ลืมเลยล่ะ การเดินทางจากตัวเมืองพังงา ใช้เส้นทางพังงา-โคกกลอย เข้าสู่อำเภอตะกั่วทุ่งไปยังบ้านท่าอยู่ สังเกตจะมีสะพานลอยอยู่ก่อนถึงทางเข้าบ้านท่าอยู่ และมีซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าไป ขับตรงไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/CFH2LK5vscQ2 5.ม่อนครูบาใส อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก ม่อนครูบาใส อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นจุดชมทะเลหมอกยามเช้า วิวภูเขา และพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่มองเห็นดาวได้ชัดเจนอีกด้วย สามารถถ่ายรูปสวยๆ กับวิวสุดอลังการเก็บไปชมได้ไม่มีเบื่อเลยล่ะ ข้างบนนี้สามารถกางเต็นท์นอนได้ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลย เพราะฉะนั้นต้องเตรียมอาหาร น้ำ และสิ่งของจำเป็นต่างๆ ขึ้นไปให้เรียบร้อยนะครับ การเดินทางแนะนำให้ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะช่วงนี้หน้าฝน ถนนอาจจะมีหลุมมีบ่ออยู่บ้าง และควรสอบถามกับทางอุทยานฯ ก่อนไปนะครับ ว่าเหมาะที่จะขึ้นไปเที่ยวหรือไม่ แต่ถ้าฝนไม่ตกติดต่อกันหลายวัน ก็สามารถขึ้นได้ครับผม การเดินทางจากตัวเมืองตาก ไปตามทางหลวงหมายเลข 105 (เส้นทางแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง) ระยะทางประมาณ 114 กิโลเมตร เลี้ยวขวาที่จุดตรวจแม่สลิด ซึ่งเป็นทางที่จะตัดไปสู่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางขึ้นเขาไปอีกประมาณ 11 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ (ทางขึ้นเขาเป็นทางลาดชัน รถบัสใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้)พิกัด : https://goo.gl/maps/5nbbC1GW7b42 6.ดอยหัวหมด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จ.ตาก ยอดเขาหัวโล้นที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้าและไม้ทนแล้ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น เป็นที่มาของชื่อ “ดอยหัวหมด” บ้างก็เรียกว่า “เขาหัวโล้น” ลักษณะเป็นภูเขาหินปูนทอดตัวเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน สามารถชมวิวได้รอบทิศ  ไฮไลท์เด่นของที่นี่คือ การชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกในยามเช้า ควรเดินทางมาถึงจุดชมวิวในช่วง 05.00-06.00 น.  ดอยหัวหมดเป็นเนินที่ไม่สูงมากและระยะทางเดินไม่ไกลมากนัก เดินกันได้ชิลๆ ถ่ายรูปกันได้เรื่อยๆ เลยล่ะ การเดินทาง จากตัวเมืองตาก ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 (ตาก-แม่สอด) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 96 เปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 (แม่สอด-อุ้มผาง) เข้าสู่อำเภออุ้มผาง มุ่งหน้าบ้านปะหละทะ บริเวณกิโลเมตรที่ 10-11 จะมีทางแยกซ้ายไปดอยหัวหมด ประมาณ 700 เมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/V1k4MoZt7FD2 7.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เมื่อมาถึงอำเภอเนินมะปรางกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การไปชมวิวภูเขาหินปูนล้านปี ที่บ้านมุง บอกเลยว่าภูเขาสวยอลังการมาก ถ่ายรูปออกมาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปในภาพยนตร์เรื่องอวตารกันเลยทีเดียว ถ้าจะให้ดีต้องลองนั่งรถอีแต๊กที่ชาวบ้านบริการ หรือนำจักรยานมาปั่นเองในช่วงยามเย็น จะได้สัมผัสบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกและธรรมชาติที่สวยงามบริเวณนั้น และยังสามารถรอชมฝูงค้างคาวนับล้านบินออกจากถ้ำไปหากิน ตอนเวลาประมาณ 18.00-19.00 น. ได้อีกด้วยนะ หากใครอยากลองนั่งรถอีแต๊กชมภูเขาหินปูนล้านปี ติดต่อได้ที่ คุณพิษณุชัย ทรงพุฒิ โทร.

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top