สถานที่ท่องเที่ยว

ธารา คาเฟ่

TARA Cafe : ธารา คาเฟ่ ตั้งอยู่ภายในบ้านหนึ่งธารารีสอร์ท เขาใหญ่ บ้านหนึ่งธารา รีสอร์ท เพิ่งเปิดโซนคาเฟ่มาได้ประมาณ 4 เดือนเท่านั้นเอง เรียกได้ว่าเป็นคาเฟ่น้องใหม่แกะกล่องเลยล่ะ หากใครมาที่นี่แล้วเกิดอยากจะพักค้างคืน ก็สามารถติดต่อทางคาเฟ่ได้เลย ชื่อ “ธารา” มาจากที่ตั้งที่อยู่ติดกับลำธารเล็กๆ ตรงนี้นี่เอง น้ำใสและเย็นสบายมาก แอดสัมผัสมาเรียบร้อยแล้ว เพราะที่นี่เค้ามีเรือคายัคให้พายเล่นฟรี! ซึ่งเป็นกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวชอบมากๆ รวมถึงแอดด้วย แต่บอกไว้ก่อนว่าทางร้านห้ามลงเล่นน้ำเด็ดขาดนะคะ เพื่อความปลอดภัยค่ะ ร้านนี้ค่อนข้างใหญ่พอสมควรเลย มีบริเวณกว้างขวาง มีที่นั่งให้เลือกหลากหลายมุม รองรับนักท่องเที่ยวได้เพียบ แถมยังเต็มไปด้วยต้นไม้และดอกไม้ บรรยากาศร่มรื่นมาก ไม่ร้อนเลยค่ะ  อีกอย่างคือมุมถ่ายรูปเยอะมาก สายเขียวธรรมชาติต้องไปโดน ที่นั่งมีทั้งโซนห้องแอร์ และเอาท์ดอร์หลายมุม ไม่ว่าจะเป็นริมลำธาร หรือบนชั้น 2 ที่สามารถชมวิวด้านล่างได้อย่างสวยงาม เลือกไม่ถูกเลย ส่วนตัวแอดชอบมุมนี้ที่สุดเลยแหละ เป็นโต๊ะเล็กๆ ริมลำธาร มีเบาะรองนั่งพร้อมหมอนสามเหลี่ยมให้นั่งพิง นั่งจิบเครื่องดื่มไป ชมธรรมชาติไป ชิลสุดๆ มุมนี้แอดถ่ายจากชั้นบนค่ะ เห็นหมดเลยใครทำอะไร…555 ล้อเล่น ตอนที่แอดไป ฝนเพิ่งหยุดตกค่ะ ท้องฟ้าก็เลยดูจะครึ้มๆ หน่อย แต่ฟ้าหลังฝนมักสวยงามเสมอ จริงมั้ยคะ มุมนี้ก็น่ารัก มีฉากกรอบรูปและชิงช้าให้นั่งเล่น แอดอยากเอาไปไว้ที่บ้านบ้างจัง เมนูคลายร้อนจ้า…เริ่มต้นที่ “ชาเขียวเย็น” ชาและนมแบ่งเป็นชั้นสวยงาม หลังจากคนให้เข้ากัน ก็อร่อยพร้อมดื่ม ตามมาด้วย “นมสดเย็น” รสชาติกำลังดี ไม่หวานมาก เฮลท์ตี้เบาๆ และแก้วสุดท้ายเป็น “ชาไทยเย็น” ถึงชื่อเมนูจะดูเบสิกแต่รสชาติไม่ธรรมดาเลย ราคาแก้วละ 60 บาทเท่านั้น  นอกจากนี้ที่ร้านยังมีเมนูเเนะนำหลายอย่างเลย เช่น มะพร้าวธารา, ฮันนีโทสต์, พิซซ่าโฮมเมด, สลัดอกไก่, ข้าวหมูอบ น่าทานทั้งนั้น แต่เสียดายที่แอดไม่มีภาพมาฝาก เพราะว่าตอนไปถึงครัวก็ปิดแล้ว อย่าโกรธกันนะ ถ้าเพื่อนๆ คนไหนไปลองแล้ว ก็ถ่ายรูปมาให้แอดดูบ้างน้าา  ทางร้านยังมีแปลงผักสดๆ ปลอดสารพิษ 100% สำหรับนำมาใช้ประกอบอาหารอีกด้วยนะ รับรองสดอร่อยแน่นอน เจ้าถิ่นเค้ามานั่งรับลูกค้าด้วย น่ารักมากๆ  ไม่ว่ามุมไหนของร้านจะมีคุณคนนี้อยู่กับต้นไม้ คอยแอบมองเราอยู่เกือบทุกต้นเลยค่ะ แต่ก็ไม่ได้มีความรู้สึกว่าหลอนอะไรนะคะ ดูอาร์ตๆ เท่ดี แอดชอบ ธารา คาเฟ่  ที่ตั้ง : เลขที่ 1 หมู่ 5 ตำบลขนงพระ อำเภอปากช่อง จังหวัดนครราชสีมา โทร. 082 140 9310 เปิดวันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร ยกเว้นวันอังคารที่ตรงกับวันหยุดนักขัตฤกษ์)– วันจันทร์ และวันพุธ-ศุกร์ เวลา 09.00 – 18.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00 – 18.00 น. การเดินทาง จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ไปทางสระบุรี จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) ไปทางปากช่อง สังเกตเทสโก้โลตัส สาขาปากช่อง ทางซ้ายมือ ชิดซ้ายเตรียมขึ้นสะพาน เพื่อกลับรถไปยังถนนธนะรัชต์ จากนั้นตรงไปประมาณ 2 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2049 (ถนนโยธาธิการ) ตรงไปอีก 5 กิโลเมตร ผ่านวัดพระขนงใต้ไปประมาณ 500 เมตร ร้านจะอยู่ทางซ้ายมือ

ธารา คาเฟ่ อ่านเพิ่มเติม

อ่าวบ่อทองหลาง หาดสวย น้ำใส @ ประจวบฯ

อ่าวบ่อทองหลาง ตั้งอยู่ที่ อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์ เป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจริมทะเล ที่ไม่ต้องข้ามเกาะ ก็ได้เล่นน้ำใสๆ เหมือนอยู่กลางทะเลแล้ว ลักษณะเด่นของอ่าวแห่งนี้ก็คือ มีลักษณะโค้งเหมือนเขาควาย สามารถเล่นน้ำได้ทั้งสองฝั่งเลย ด้านหน้าหาดมีร้านอาหารให้บริการ ราคาไม่แรงมากด้วยนะ บริเวณอ่าวน้ำจะค่อนข้างตื้น คลื่นไม่แรงมาก เหมาะสำหรับเล่นน้ำชิลๆ หรือจะพาเด็กๆ ไปลงเล่นก็ได้ หาดทรายที่นี่อาจจะไม่ได้ขาวละเอียดมาก เพราะอยู่ฝั่งอ่าวไทย แต่น้ำทะเลใสมากกกก ปัจจุบัน หาดแห่งนี้ยังไม่ค่อยเป็นที่รู้จักในวงกว้าง ผู้คนจึงไม่พลุกพล่าน ค่อนข้างสงบ และเป็นส่วนตัว บรรยากาศดีมากๆ นอกจากความสวยงามของอ่าวแล้ว ที่นี่ก็ยังมีทะเลแหวกให้ชมด้วย แม้ความยาวของสันทรายจะไม่มากนักแต่ก็สวยมากๆ เลยล่ะ เอาภาพมุมสูงมายืนยันว่า ประจวบคีรีขันธ์ก็มีทะเลแหวกกับเค้าเหมือนกันนะ อยู่ที่อ่าวบ่อทองหลางนี่แหละ ^^ อ่าวบ่อทองหลางที่ตั้ง : ต.แม่รำพึง อ.บางสะพาน จ.ประจวบคีรีขันธ์การเดินทาง : ใช้ทางหลวงหมายเลข 4 จนถึงสามแยกบางสะพาน จากนั้นเลี้ยวซ้าย ไปตามทางหลวงหมายเลข 3169 ต่อด้วยถนนเลียบหาดแม่รำพึง (ทางหลวงหมายเลข 4056) ไปจนถึงทางเข้าอ่าวบ่อทองหลาง

อ่าวบ่อทองหลาง หาดสวย น้ำใส @ ประจวบฯ อ่านเพิ่มเติม

“ตลาดปาร์คอิน” สถานที่ Check in แห่งใหม่ย่านบางแสน

“The Park in market” หรือ “ตลาดปาร์คอิน” คือตลาดนัดแห่งใหม่ย่านบางแสน ที่เพิ่งเปิดตัวอย่างเป็นทางการไปเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ที่ผ่านมานี้เอง  ที่นี่มีของขายมากมาย มีมุมถ่ายรูปสวยๆ แปลกตาเพียบ เพราะเค้านำเอาไม้ไผ่มาตกแต่งตามส่วนต่างๆ ของตลาดได้อย่างลงตัว มีการจัดโซนที่นั่งรับประทานอาหารและห้องน้ำไว้บริการพร้อม แถมยังมีที่จอดรถฟรีอีกด้วย และแล้วก็มาถึงเมนูเรียกน้ำย่อยเมนูแรก “หมูย่างซอสบัสกริล” แหม แค่เห็นก็น้ำลายสอแล้ว ยิ่งได้ลองทานนะ ฟินอย่าบอกใครเชียว สำหรับสายช็อคโกแลตต้องห้ามพลาด เพราะ “ช็อคโค บอม” ของที่นี่เค้าเข้มข้นมากๆ ท็อปปิ้งก็มีให้เลือกหลากหลาย อย่างนี้ต้องไปโดนแล้วล่ะ มาเดินตลาดยามค่ำคืนแบบนี้ ถ้ารู้สึกง่วงก็ต้องหากาแฟดื่มกันสักหน่อย รับรองว่าหายง่วงและช่วยดับกระหายแน่นอนค่ะ มาถึงทะเลแล้ว นอกจากอาหารทะเลก็ต้องมะพร้าวนี่แหละถึงจะเข้ากับบรรยากาศ ยิ่งอากาศร้อนๆ แบบนี้ ได้กิน “ไอติมกะทิ” รสชาติหวานมันกลมกล่อม แถมเย็นชื่นใจด้วยแล้ว โอ๊ยยยยยย ยอมเลยจ้า มีชาไข่มุกให้ทานว่าฟินแล้ว แล้วถ้าเป็นชาไข่มุกแบบบุพเฟต์ล่ะคะ จะฟินขนาดไหน “ขนมปังญวน” ร้านนี้แอดบอกเลยว่าเด็ดมาก เพราะเค้านำขนมปังไปอบร้อนๆ ให้มีความกรอบนอกนุ่มใน แถมไส้ก็ยังใส่ให้จนแทบทะลัก โอ๊ย 10 10 10 ไปเลยจ้า บาร์บีคิวไม้เล็กๆ หลบไป ไม้ใหญ่ๆ เค้าจะเดินก่อนซื้อแอดแนะนำให้สำรวจกระเพาะตัวเองก่อนนะว่าทานไหวแค่ไหน เพราะถ้าซื้อเยอะอาจจะทานไม่หมด(แบบแอด)  แอดเป็นคนที่ชอบทาน “ทาโกะยากิ” มากกกก เจอที่ไหนก็ต้องไม่พลาดชิม ซึ่งพอได้ชิมแล้วก็พูดได้เลยว่า “เฮ้ย มันดีย์อ่ะ” มาถึงทะเล ถ้าไม่ทานอาหารทะเลก็เหมือนมาไม่ถึง จริงมั้ยคะ แต่อาหารทะเลแบบเดิมๆ ก็อาจจะดูธรรมดาไป มาลองห่อหมกบ้างเป็นไง มีให้เลือกหลายอย่างเลยนะคะ ทั้งปลา ปลาหมึก แมงดาทะเล ฯลฯ เลือกไม่ถูกเลย งานวินเทจก็มาจ้า คลาสสิกสุดๆ มุมอาร์ตๆ อย่าง “วาดรูปเหมือน” แบบนี้ก็มีเด้อ ฝีมือดีมาก ใช้เวลาไม่นาน แถมราคาไม่แพงด้วยค่ะ ไหนใครสายแฮนด์เมดยกมือขึ้น สำหรับเพื่อนๆ ที่ชื่นชอบงานแฮนด์เมดและอยากลองทำด้วยตัวเอง ที่นี่เค้าก็มีมุมเล็กๆ ให้เราได้สร้างสรรค์ผลงานด้วยนะคะ สำหรับเพื่อนๆ ที่รักในเสียงเพลง เชิญทางนี้เลยจ้า เพราะที่นี่เค้ามีดนตรีสดให้ฟังด้วย บอกเลยว่าแต่ละเพลงเพราะโดนใจวัยโจ๋สุดๆ เดินเหนื่อยๆ ก็สามารถนั่งพัก นั่งรับประทานอาหารได้นะคะ บรรยากาศดีสุดๆ หรือใครอยากจะนั่งทานอาหารบนสนามหญ้า เค้าก็มีโต๊ะไว้ให้บริการด้วย ดูชิคและชิลไปอีกแบบนะคะ ว่ามั้ย?.เป็นไงกันบ้างคะสำหรับสถานที่ท่องเที่ยวที่แอดนำมาฝากในวันนี้ ตัดสินใจได้รึยังว่าจะมาเมื่อไหร่?  ก่อนอื่นต้องบอกก่อนเลยว่า นี่เป็นเพียงน้ำจิ้มเรียกน้ำย่อยเท่านั้นนะ ที่นี่ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอีกมากมาย แต่แอดขออุบไว้ก่อน เพราะแอดอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองไปเที่ยวไปสัมผัสด้วยตัวเองดู แล้วอย่าลืมไปเที่ยวกันเยอะๆ นะคะ

“ตลาดปาร์คอิน” สถานที่ Check in แห่งใหม่ย่านบางแสน อ่านเพิ่มเติม

พาสาน : สัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา

หลายคนอาจสงสัยว่า คำว่า “พาสาน” แปลว่าอะไร? คำนี้ที่จริงไม่มีความหมายหรอกค่ะ แต่เป็นคำที่คิดขึ้นมาใหม่ โดยแผลงมาจากคำว่า “ผสาน” ซึ่งหมายถึง ทำให้เข้ากันสนิท หรือเชื่อมต่อกัน คำว่า “พาสาน” ในที่นี้จึงมีความหมายว่า การพาคนเข้ามาเชื่อมต่อกับสถานที่และสภาพแวดล้อมโดยรอบ เพื่อให้เกิดการผสมผสานกันอย่างลงตัว เช่นเดียวกับการรวมตัวกันของแม่น้ำสายหลัก จนเกิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา ณ ที่แห่งนี้ แม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำสายใหญ่ ที่เกิดจากการรวมกันของแม่น้ำ 4 สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน (โดยแม่น้ำวังจะไหลมารวมกับแม่น้ำปิง และแม่น้ำยมไหลมารวมกับแม่น้ำน่าน) เมื่อถึงจังหวัดนครสวรรค์ บริเวณปากน้ำโพแห่งนี้ แม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านก็จะไหลมาบรรจบกัน กลายเป็นแม่น้ำเจ้าพระยา หรือเรียกอีกอย่างหนึ่งว่าเป็น “ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา” นั่นเอง แม่น้ำปิงจะมีสีค่อนข้างเขียว ส่วนแม่น้ำน่านสีจะออกแดง เมื่อไหลมารวมกัน จึงทำให้เกิดปรากฎการณ์แม่น้ำสองสีขึ้นอย่างชัดเจน และเนื่องจากตั้งอยู่บริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยา “อาคารพาสาน” จึงสร้างขึ้นโดยสะท้อนเอกลักษณ์ของแม่น้ำเจ้าพระยาออกมา ในรูปแบบของอาคารที่มีโครงสร้างโค้งและลื่นไหล มองดูราวกับสายน้ำที่กำลังเคลื่อนไหว สื่อถึงการรวมตัวกันของแม่น้ำสายหลักทั้ง 4 สาย ที่ผสานกันเป็น 2 สาย และรวมเป็นหนึ่งในที่สุด  ในช่วงน้ำขึ้น เราสามารถพายเรือลอดใต้อาคารพาสานเพื่อชมความงดงามของสถาปัตยกรรมได้ด้วยค่ะ อาคารแบ่งเป็น 2 ชั้นด้วยกัน คือ ชั้นที่อยู่ภายในตัวอาคาร และชั้นดาดฟ้า หากใครสนใจจะไปชม แอดแนะนำให้ไปตอนเย็นนะคะ เพราะเพื่อนๆ จะได้ชมไฮไลท์ของที่นี่ ซึ่งก็คือการชมพระอาทิตย์ตกนั่นเองค่ะ บอกเลยว่าบรรยากาศโรแมนติกสุดๆ บริเวณใต้อาคารเป็นสนามหญ้าและสวนขนาดเล็ก เหมาะสำหรับมานั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจมากๆ เลย  การเดินทางไปยังอาคารสัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยาแห่งนี้สามารถไปได้ทั้งทางบกและทางน้ำเลยนะคะ  แต่แอดอยากจะแนะนำให้ไปทางน้ำค่ะ เพราะเพื่อนๆ จะได้สัมผัสกับความงดงามของต้นแม่น้ำเจ้าพระยา และวิถีชีวิตของผู้คนริมนํ้าได้อย่างใกล้ชิด ค่าเรือไป-กลับคนละ 30 บาทเท่านั้นเอง อย่าลืมไปเที่ยวกันเยอะๆ นะคะ

พาสาน : สัญลักษณ์ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : หนองคาย และเลย

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์เส้นนี้อยู่ที่ สระมุจลินท์ หรือสระพญานาค วัดพระธาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย และ น้ำจากถ้ำเพียงดิน วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย เส้นทางนี้มีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงที่หลากหลายและน่าสนใจหลายแห่งเลย ลองมาเที่ยวกันนะ จังหวัดหนองคาย แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : สระมุจลินท์ หรือสระพญานาค วัดพระธาตุบังพวน อ.เมือง จ.หนองคาย สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : พระอุโบสถวัดโพธิ์ชัยพระอารามหลวง อ.เมือง จ.หนองคาย จังหวัดเลย แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : น้ำจากถ้ำเพียงดิน วัดถ้ำผาปู่ อ.เมือง จ.เลย สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : พระอุโบสถวัดศรีสุทธาสวาส พระอารามหลวง อ.เมือง จ.เลย สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง จังหวัดหนองคาย– วัดโพธิ์ชัย อ.เมือง – สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 1 อ.เมือง – วัดผาตากเสื้อ อ.สังคม จังหวัดเลย– เชียงคาน อ.เชียงคาน– ห้วยกระทิง อ.เมือง– ภูป่าเปาะ อ.หนองหิน

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : หนองคาย และเลย อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : พะเยา และเชียงราย

สำหรับวันนี้แอดจะชวนเพื่อนๆ ไปชมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ในเส้นทางพะเยาและเชียงรายค่ะ ซึ่งบอกเลยว่าน่าสนใจสุดๆ เพราะนอกจากจะได้ชมแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์แล้ว ระหว่างทางก็ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถแวะชมอยู่หลายแห่งด้วย  รับรองว่าสวยงาม คุ้มค่าการเดินทางสุดๆ ถ้าไม่เชื่อก็ตามแอดมาเลยจ้า  จังหวัดพะเยา แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : ขุนน้ำแม่ปืม ตั้งอยู่ที่อุทยานแห่งชาติแม่ปืม ต.บ้านเหล่า อ.แม่ใจ จ.พะเยา เป็นแหล่งน้ำที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ และยังเป็นต้นน้ำแม่ปืมอีกด้วย สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : วิหารวัดศรีโคมคำ อ.เมืองพะเยา จ.พะเยา จังหวัดเชียงราย แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : บ่อน้ำทิพย์ ตั้งอยู่ที่วัดพระธาตุดอยตุง อ.แม่สาย จ.เชียงราย เชื่อกันว่าเทพารักษ์เป็นผู้เนรมิตบ่อน้ำแห่งนี้ขึ้น เพื่อใช้สรงพระธาตุในช่วงเทศกาล สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : อุโบสถวัดพระแก้วพระอารามหลวง อ.เมืองเชียงราย จ.เชียงราย สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง จังหวัดพะเยา– วัดศรีโคมคำ– พิพิธภัณฑ์เวียงพยาว– วัดพระธาตุจอมทอง จังหวัดเชียงราย– วัดร่องขุ่น– วัดพระแก้ว– อนุสาวรีย์พ่อขุนเม็งรายมหาราช– วัดร่องเสือเต้น– พระตำหนักดอยตุง

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : พะเยา และเชียงราย อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : นนทบุรี และปทุมธานี

พระราชพิธีบรมราชาภิเษกที่จะจัดขึ้นในเดือนหน้า จำเป็นต้องใช้น้ำจากแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ทั่วประเทศไทย เพื่อนำมาทำน้ำอภิเษกประกอบในพระราชพิธี  วันนี้แอดจะพาไปดูว่าเส้นทางนนทบุรี และปทุมธานี มีแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ที่ไหนบ้าง จากนั้นก็ถือโอกาสแวะเที่ยวสถานที่ใกล้ๆ ไปด้วยเลย แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : น้ำกลางแม่น้ำเจ้าพระยา เบื้องหน้าพระบรมราชานุสาวรีย์พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว วัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : พระอุโบสถวัดเฉลิมพระเกียรติวรวิหาร อ.เมืองนนทบุรี จ.นนทบุรี แหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : แม่น้ำเจ้าพระยา บริเวณหน้าวัดศาลเจ้า อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี สถานที่ประกอบพิธีเสกน้ำ : พระอุโบสถวัดเขียนเขตพระอารามหลวง อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง จังหวัดนนทบุรี– อุทยานเฉลิมกาญจนาภิเษก (ติดกับวัดเฉลิมพระเกียรติ) – เกาะเกร็ด จังหวัดปทุมธานี– ตลาดริมน้ำวัดศาลเจ้า

เส้นทางท่องเที่ยวตามรอยแหล่งน้ำศักดิ์สิทธิ์ : นนทบุรี และปทุมธานี อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวตามคำขวัญ : สกลนคร

สกลนคร ตั้งอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือตอนบน เป็นแหล่งอารยธรรมเก่าแก่ เป็นที่ตั้งของพระธาตุศักดิ์สิทธิ์หลายแห่ง มีเกจิอาจารย์ผู้เป็นที่เคารพนับถือหลายรูป และยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติมากมาย  คำขวัญประจำจังหวัด “พระธาตุเชิงชุมคู่บ้าน พระตำหนักภูพานคู่เมือง งามลือเลื่องหนองหาร แลตระการปราสาทผึ้ง สวยสุดซึ้งสาวภูไท ถิ่นมั่นในพุทธธรรม” พระธาตุเชิงชุม เป็นพระธาตุเก่าแก่ สร้างขึ้นเมื่อใดไม่ปรากฏหลักฐานแน่ชัด แต่นับเป็นปูชนียสถานสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสกลนครมาแต่โบราณ ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้า 4 พระองค์ ภายในวิหารใกล้กับพระธาตุเชิงชุม เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อองค์แสนอันศักดิ์สิทธิ์ เป็นที่เคารพนับถือและเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนในจังหวัดสกลนคร ทุกวันพระในตอนค่ำจะมีประชาชนมากราบไหว้พระธาตุและหลวงพ่อองค์แสนเป็นจำนวนมาก  นอกจากนี้จะมีการจัดงานนมัสการองค์พระธาตุเชิงชุมและหลวงพ่อองค์แสน ระหว่างวันขึ้น 9 ค่ำ – วันขึ้น 15 ค่ำ เดือนยี่ หรือราวเดือนมกราคมของทุกปี วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00-18.00 น.ตั้งอยู่ที่ ถนนเจริญเมือง อ.เมือง จ.สกลนคร พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 ตลอดจนพระบรมวงศานุวงศ์ ในคราวเสด็จแปรพระราชฐานเยี่ยมพสกนิกรในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ  ปัจจุบันหากไม่มีการเสด็จแปรพระราชฐาน ก็จะอนุญาตให้ประชาชนทั่วไปเข้าชมได้ทุกวัน พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์ เรียกได้ว่าเป็นสวรรค์ของคนรักต้นไม้เลยทีเดียว เนื่องจากภายในบริเวณเต็มไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิด โดยเฉพาะไม้ดอกจากป่าภูพาน เช่น ดุสิตา มณีเทวา และทิพย์เกสร ซึ่งจะมีให้ชมเฉพาะช่วงหน้าหนาวเท่านั้น พระตำหนักภูพานราชนิเวศน์เปิดทุกวันตั้งแต่ 09.00-16.00 น.โทร. 042 714 499ที่ตั้ง : ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนคร หนองหาร เป็นแหล่งน้ำธรรมชาติที่ใหญ่ที่สุดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ยังประโยชน์ในด้านการเพาะปลูก เลี้ยงสัตว์ และการทำประมง ซึ่งถือเป็นอาชีพหลักของชาวบ้านในชุมชนรอบหนองหาร บริเวณจุดชมวิวมีศาลาริมน้ำสำหรับพักผ่อนหย่อนใจอยู่หลายจุด มีสะพานคอนกรีตที่ยื่นออกไปยังเกาะกลางน้ำ เหมาะสำหรับเดินเล่นชมวิวและถ่ายรูป โดยเฉพาะในช่วงเวลาเช้าและเย็น  จุดชมวิวหนองหารเปิดทุกวันตั้งแต่ 06.00-19.00 น. ที่ตั้ง : ริมทางหลวงหมายเลข 22 หลักกิโลเมตรที่ 168 เส้นทางจากนครพนมเข้าตัวเมืองสกลนคร “ปราสาทผึ้ง” คือสิ่งที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นพุทธบูชาตามคติความเชื่อทางพุทธศาสนา โดยปราสาทที่สร้างขึ้นนั้นมีการออกแบบให้มีลักษณะและลวดลายที่สวยงามคล้ายกับปราสาทบนสวรรค์ นอกจากนี้ยังเชื่อกันว่า การสร้างปราสาทผึ้งเป็นการอุทิศส่วนกุศลให้แก่บรรพบุรุษที่ล่วงลับไปแล้ว และยังเป็นการสร้างบุญกุศลร่วมกันในช่วงออกพรรษาอีกด้วย ปราสาทผึ้งในปัจจุบันใช้ไม้ทำเป็นโครงรูปทรงปราสาท แล้วหล่อขี้ผึ้งเป็นลวดลายประดับตามส่วนต่างๆ ของปราสาท ทุกปีชาวบ้านจากหมู่บ้านต่างๆ จะนำปราสาทผึ้งที่พร้อมใจกันสร้างและตกแต่งอย่างสวยงาม มาประกวดกัน ณ สนามมิ่งเมือง จากนั้นจะแห่ไปตามถนนในเขตเทศบาลเมืองสกลนคร และไปสิ้นสุดที่วัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร  งานประเพณีแห่ปราสาทผึ้ง จัดขึ้นในช่วงวันออกพรรษา ระหว่างวันขึ้น 12 – 15 ค่ำ เดือน 11 ของทุกปี ณ สนามมิ่งเมือง และวัดพระธาตุเชิงชุมวรวิหาร อ.เมืองสกลนคร ภูไท หรือ ผู้ไท เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่รองจากกลุ่มไทยลาว และมีจำนวนมากเป็นอันดับ 2 ของสกลนคร สันนิษฐานว่าถิ่นเดิมของชาวภูไทนั้น อยู่บริเวณตอนกลางของมณฑลยูนนานในสาธารณรัฐประชาชนจีน ต่อมาได้อพยพเข้าไปอาศัยยังสิบสองจุไท หรือบริเวณลาวตอนเหนือ ส่วนในไทยส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แถบลุ่มแม่น้ำโขง และแถบเทือกเขาภูพาน ชาวภูไทมีศิลปะการแสดงที่โดดเด่นเป็นเอกลักษณ์คือ การฟ้อนภูไท ซึ่งมีมาตั้งแต่สมัยเริ่มสร้างองค์พระธาตุเชิงชุม พระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร ในปัจจุบันการฟ้อนภูไท นอกจากจะฟ้อนเพื่อบูชาพระธาตุเชิงชุมแล้ว ยังฟ้อนเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่างๆ เช่น พิธีเลี้ยงเจ้าปู่มเหศักดิ์ของชาววาริชภูมิ และใช้ในการฟ้อนต้อนรับแขกบ้านแขกเมืองและในงานเทศกาลต่างๆ อีกด้วย สกลนครเป็นดินแดนที่มีพระอริยสงฆ์มากที่สุดแห่งหนึ่ง ที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี ได้แก่ หลวงปู่มั่น หลวงปู่หลุย หลวงปู่ฝั้น และหลวงปู่วัน  วัดป่าสุทธาวาส เป็นสถานที่ที่หลวงปู่มั่นเลือกมาพักในยามอาพาธ เมื่อ พ.ศ. 2492 และท่านก็ได้มรณภาพที่นี่  ภายในวัดมี พิพิธภัณฑ์หลวงปู่มั่น ซึ่งเป็นอาคารที่มีลักษณะเรียบง่าย ใกล้ชิดธรรมชาติ สะท้อนถึงอุปนิสัยและการใช้ชีวิตอย่างสมถะของหลวงปู่มั่นได้เป็นอย่างดี  ภายในเป็นที่เก็บรักษาอัฐิธาตุของหลวงปู่มั่น และมีหุ่นขี้ผึ้งของท่านในท่านั่งขัดสมาธิ มีการจัดแสดงเครื่องอัฐบริขาร รวมทั้งประวัติของหลวงปู่มั่นตั้งแต่เกิดจนมรณภาพอีกด้วย วัดป่าสุทธาวาส เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00-18.00 น.ที่ตั้ง : ต.ธาตุเชิงชุม อ.เมือง จ.สกลนคร

เที่ยวตามคำขวัญ : สกลนคร อ่านเพิ่มเติม

ป่าในกรุง : Green in the City

ถ้ามนุษย์เงินเดือนที่ใช้ชีวิตอยู่ในเมืองกรุงอย่างเราๆ เกิดอยากเที่ยวป่าขึ้นมา แต่มีเวลาน้อย จะไปที่ไหนดีนะ? เอายังงี้ละกัน อยู่ในกรุงเทพฯ ก็เข้าป่าในกรุงเทพฯ นี่แหละ “ป่าในกรุง” ศูนย์การเรียนรู้เพื่อนำไปสู่ความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนระหว่างป่าและเมือง  ก่อตั้งโดยสถาบันปลูกป่า ปตท. หรือ “PTT Green in the City” เพื่อส่งเสริมพื้นที่สีเขียวในเขตเมืองและเป็นแหล่งเรียนรู้เกี่ยวกับการปลูกป่าเชิงนิเวศแบบยั่งยืน เพื่อให้เกิดป่าที่ใกล้เคียงกับธรรมชาติดั้งเดิมในพื้นที่กรุงเทพฯ ที่นี่แบ่งสัดส่วนของพื้นที่ออกเป็น พื้นที่ป่า 75% พื้นที่น้ำ 10% และพื้นที่ใช้งาน 15% และยังมีการออกแบบอาคารให้กลมกลืนไปกับธรรมชาติอีกด้วย ภายในโครงการมีสิ่งที่น่าสนใจมากมาย ไม่ว่าจะเป็นนิทรรศการเกี่ยวกับเมล็ดพันธุ์แห่งป่า ป่าบางกอก ห้องฉายภาพยนตร์ขนาดเล็ก และยังมีทางเดิน sky walk ให้ศึกษาธรรมชาติด้วย เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆ ระหว่างทางเราจะเห็นกำแพงดินบดอัดที่ตกแต่งด้วยเมล็ดพันธุ์ต่างๆ อัดแน่นไปด้วยความรู้กันเลยทีเดียว  พื้นที่ทั้งหมด 12 ไร่ ของป่ากลางกรุงประกอบด้วยพันธุ์ไม้หลากหลายชนิด ทั้งพันธุ์ไม้หายาก พันธุ์ไม้ดั้งเดิมของกรุงเทพฯ และพันธุ์ไม้ของป่าประเภทต่างๆ รวมแล้วกว่า 200 ชนิด กระจายอยู่ทั่วบริเวณโครงการเลย และสำหรับไฮไลท์ที่เมื่อมาแล้วต้องห้ามพลาดก็คือ ทางเดินชมเรือนยอด (Sky Walk) ซึ่งเป็นสะพานไม้ศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 200 เมตร ว่าแล้วก็ไม่ต้องรีรอ ขึ้นไปลุยกันเลย!  ประโยชน์ของทางเดินชมเรือนยอดก็คือ ทำให้เราได้เห็นต้นไม้พันธุ์ต่างๆ อาศัยอยู่รวมกันเต็มไปหมด นี่สินะ บรรยากาศของป่าสีเขียวในเมืองกรุง เดินมาเรื่อยๆ เราก็จะพบกับไฮไลท์อีกอย่างหนึ่ง หอสูงๆ ตรงนั้นคือ หอชมป่า (Observation Tower) ซึ่งเป็นจุดชมวิวมุมสูงนั่นเอง มีความสูง 23 เมตร นับเป็นจุดที่สูงที่สุดของโครงการเลย อีกทั้งยังออกแบบให้กลมกลืนกับธรรมชาติด้วย  เมื่อขึ้นไปแล้วเราก็จะได้เห็นบรรยากาศของกรุงเทพฯ แบบ 360 องศาเลยล่ะ ไม่อยากจะเชื่อว่าในเมืองหลวงของเรา จะมีธรรมชาติที่สวยงามขนาดนี้ มุมนี้มีน้ำตกขนาดย่อมด้วย เราสามารถมานั่งชมน้ำตกและฟังเสียงน้ำไหลกันได้เพลินๆ ถ้าวันไหนอากาศดี แดดไม่แรงมาก บรรยากาศจะชิลมากเลยล่ะ ก่อนกลับเรามาแวะโซนนิทรรศการ (Exhibition Hall) กัน หรือใครจะเข้าไปชมก่อนไปขึ้นหอชมป่าก็ได้นะ ตากแอร์เย็นๆ  ภายในจัดแสดงความเป็นมาของโครงการป่าในกรุง ทฤษฎีการพัฒนาฟื้นฟูป่าไม้อันเนื่องมาจากพระราชดำริ และปรากฏการณ์ธรรมชาติ ชมเสร็จแอดก็รู้สึกประทับใจขึ้นมาทันทีเลย ไม่ว่าใครก็อยากให้ธรรมชาติคงอยู่กับเราทั้งนั้น จริงมั้ย แอดว่าที่นี่เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะกับทุกเพศทุกวัยเลยนะ ได้พักผ่อน เรียนรู้ และยังปลูกจิตสำนึกให้ตระหนักถึงความสำคัญของป่าไม้ด้วย  ป่าในกรุง ที่ตั้ง : 81 ถนนสุขาภิบาล 2 แขวงดอกไม้ เขตประเวศ กรุงเทพฯ เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 18.00 น. (ปิดวันจันทร์)โทร. 02 136 6380พิกัด : https://goo.gl/maps/Mxk6Avas22v

ป่าในกรุง : Green in the City อ่านเพิ่มเติม

หาดหงส์ : ความสวยงามยามน้ำลง

หาดหงส์ จ.อุบลราชธานี เป็นเนินทรายแม่น้ำโขงขนาดมหึมาที่เกิดจากการพัดพาของน้ำและตะกอนทรายมาทับถมกัน จนกลายเป็นผืนทรายกว้างใหญ่  หาดหงส์ ตั้งอยู่ใกล้กับสามพันโบก การเดินทางต้องนั่งเรือเข้าไป ซึ่งส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวที่ไปเที่ยวสามพันโบกจะนิยมแวะเที่ยวหาดหงส์กันด้วย ช่วงเวลาที่คนนิยมมาเที่ยวหาดหงส์ จะเป็นช่วงเย็นๆ หรือก่อนดวงอาทิตย์ตก เพราะเมื่อแสงสีส้มอ่อนๆ ของดวงอาทิตย์สะท้อนกับพื้นทรายสีขาว จะเกิดเป็นประกายระยิบระยับสวยงามสุดๆ ราวกับอยู่กลางทะเลทรายเลยล่ะ แอดแนะนำว่าควรไปช่วงเช้าหรือเย็นจะดีที่สุด เพราะตอนกลางวันแดดจะร้อนมากๆ นอกจากนี้ก็ควรพกน้ำดื่มและอุปกรณ์กันแดดไปด้วยนะ การเดินทางไปหาดหงส์ สามารถขึ้นเรือได้ที่หาดสลึง จุดเดียวกับที่ขึ้นเรือไปชมสามพันโบก ระหว่างล่องเรือจะได้ชมทิวทัศน์สองฝั่งแม่น้ำโขง และสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้านอีกด้วย ค่าบริการเรือ (เหมาลำ) 700-1000 บาท (นั่งได้ 10 คน)เรือให้บริการตั้งแต่ 06.00 น. รอบสุดท้ายประมาณ 14.00 น.

หาดหงส์ : ความสวยงามยามน้ำลง อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top