สถานที่ท่องเที่ยว

5 เขื่อนน่าเที่ยว หนีกรุงไปฟอกปอด

เขื่อนรัชชประภา จังหวัดสุราษฎร์ธานี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2530 มีพื้นที่อ่างเก็บน้ำ 185 ตารางกิโลเมตร เป็นเขื่อนสารพัดประโยชน์ เพราะเป็นทั้งแหล่งผลิตไฟฟ้า แหล่งกักเก็บน้ำในฤดูฝน ช่วยลดความรุนแรงเมื่อเกิดน้ำท่วม และเป็นแหล่งประมงน้ำจืด บริเวณอ่างเก็บน้ำของเขื่อนแวดล้อมไปด้วยภูเขาหินปูนสลับซับซ้อน และผืนป่าอันเขียวขจี ทำให้เกิดทิวทัศน์ที่สวยงาม ที่นี่มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำหลายอย่าง เช่น – ล่องเรือในทะเลสาบ ชมเขาอินเดียนแดง หน้าผาหญิงสาว และหินสามเกลอ ซึ่งเป็นไฮไลท์ของเขื่อนรัชชประภา – นอนริมเขื่อนเพื่อสัมผัสบรรยากาศสุดฟิน ที่นี่มีแพพักอยู่หลายแห่ง ทั้งของอุทยานแห่งชาติเขาสก ของการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย และของเอกชน ไม่ว่าจะเป็นแพนางไพร แพคลองคะ แพ 500 ไร่ แพคีรีวาริน แพไกรสร และแพภูผาวารี เป็นต้น ที่พักส่วนใหญ่จะมีแพ็กเกจท่องเที่ยว พาชมจุดต่างๆ รอบเขื่อนด้วยค่ะ ที่ตั้ง ตำบลเขาพัง อำเภอบ้านตาขุน จังหวัดสุราษฎร์ธานีพิกัด : https://goo.gl/maps/XKVrA1sQdv8htt2N7 สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสก โทร. 077 395 154-5 การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (บริการล่องเรือและบ้านพัก) โทร. 077 242 560-1 เขื่อนกระเสียว จังหวัดสุพรรณบุรี.สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2523 เป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ใครมาเที่ยวที่นี่ต้องไม่พลาดที่จะถ่ายรูปสวยๆ บริเวณสันเขื่อน และชมวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดของอำเภอด่านช้าง.บริเวณรอบๆ เขื่อนกระเสียวมีร้านอาหารและที่พักให้บริการมากมาย ถ้าการชมพระอาทิตย์ตกยังฟินไม่สุด แอดแนะนำให้นอนพักริมเขื่อนเพื่อดูดาวยามค่ำคืน ขอบอกเลยว่าดาวที่นี่ระยิบระยับเต็มท้องฟ้า สวยไม่แพ้ภาคเหนือเลยล่ะ.ที่ตั้ง ตำบลด่านช้าง อำเภอด่านช้าง จังหวัดสุพรรณบุรีพิกัด : https://goo.gl/maps/v2mkFt1D1XVHwr1r9 เขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล จังหวัดเชียงใหม่.ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติศรีลานนา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2520 ที่นี่มีบรรยากาศสงบ โอบล้อมไปด้วยภูเขา และสามารถชมพระอาทิตย์ตกได้อย่างสวยงาม ใครที่อยากหนีจากความวุ่นวายต้องมาที่นี่เลย.ภายในเขื่อนมีที่พักและร้านอาหารบนเรือนแพให้บริการหลายแห่ง เช่น เรือนแพพันภิรมย์ เมาเทนโฟร์ท เรือนแพสายนที เรือนแพริมธาร เรือนแพเอกชัย เรือนแพล้านนา เรือนแพอาจารย์วิช เรือนแพน้องมายด์ และเรือนแพน้องแอน เป็นต้น เพื่อนๆ สามารถนั่งเรือเพื่อไปยังเรือนแพต่างๆ ได้ที่จุดลงแพ บริเวณทางเข้าเขื่อนแม่งัดสมบูรณ์ชล ค่าเรือไป-กลับ ราคาลำละ 600 บาท นั่งได้ไม่เกิน 6 คน.ที่ตั้ง ตำบลอินทขิล อำเภอแม่แตง จังหวัดเชียงใหม่พิกัด : https://goo.gl/maps/Q1ynaL31Q5Px49RR8อุทยานแห่งชาติศรีลานนา โทร. 053 479 079 เขื่อนศรีนครินทร์ จังหวัดกาญจนบุรี.สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2516 เดิมชื่อเขื่อนเจ้าเณร เป็นเขื่อนหินถมแกนดินเหนียวที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย.บริเวณสันเขื่อนมีทิวทัศน์สวยงาม มองเห็นภูเขาและอ่างเก็บน้ำ บริเวณเชิงเขาริมอ่างเก็บน้ำมี “สวนเวลารำลึก” สำหรับนั่งพักผ่อนหย่อนใจ และมีที่พัก ร้านอาหาร รวมทั้งคาเฟ่ให้บริการอีกด้วยนะ.จองบ้านพักเขื่อนศรีนครินทร์ โทร. 081 750 0541, 034 574 248 นอกจากเขื่อนศรีนครินทร์แล้ว เพื่อนๆ ยังแวะไปเที่ยวน้ำตกเอราวัณได้ด้วย น้ำตกอยู่ห่างจากเขื่อนเพียง 4 กิโลเมตรเท่านั้น บริเวณอ่างเก็บน้ำเหนือเขื่อนศรีนครินทร์มีที่พักมากมาย บรรยากาศเงียบสงบและชิลสุดๆ แอดอยากแนะนำให้เพื่อนๆ ไปนอนพักสักคืน .ที่ตั้ง ตำบลท่ากระดาน อำเภอศรีสวัสดิ์ จังหวัดกาญจนบุรีพิกัด : https://goo.gl/maps/6d6e5Fwys6wRDAh49

5 เขื่อนน่าเที่ยว หนีกรุงไปฟอกปอด อ่านเพิ่มเติม

ลานหินสีชมพู : จ.จันทบุรี

ลานหินสีชมพู ตั้งอยู่ภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน จ.จันทบุรี ความพิเศษของที่นี่คือ บริเวณลานหินจะเป็นสีชมพู ดูสวยงามแปลกตามากๆ เขตห้ามล่าสัตว์ป่าคุ้งกระเบน อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรีค่าเข้าชม 20 บาท/คนค่าธรรมเนียมยานพาหนะ 30 บาท/คัน ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับเที่ยวชม แอดแนะนำว่าควรเป็นตอนเช้า เพราะแดดจะได้ไม่ร้อนมากนัก สาเหตุที่ลานหินบริเวณนี้เป็นสีชมพูนั้นก็เพราะว่า หินที่นี่ส่วนใหญ่เป็นหินทรายอาร์โคส ซึ่งมีส่วนผสมของธาตุเหล็กเป็นจำนวนมาก จึงทำให้หินมีสีออกโทนชมพู ไม่ว่าจะเป็นชมพูอมม่วง ม่วงอมน้ำตาลแดง ไปจนถึงสีน้ำตาลแดงนั่นเองค่ะ ที่ลานหินสีชมพูแห่งนี้ มีจุดชมวิวและมุมถ่ายรูปสวยๆ มากมาย ถ้าใครจะพาคนรักมาเที่ยว แอดบอกเลยว่าเหมาะมาก เพราะบรรยากาศดี โรแมนติกมากๆ บริเวณนี้มีชายหาดด้วยนะคะ เหมาะสำหรับเดินเล่นรับลมเย็นสุดๆ จากลานหินสีชมพูเราต้องเดินเลียบทะเลไปเรื่อยๆ ถ้าเดินไปแวะถ่ายรูปตามจุดต่างๆ ไปด้วย ก็จะใช้เวลาประมาณ 15-20 นาที ก็ถึงค่ะ

ลานหินสีชมพู : จ.จันทบุรี อ่านเพิ่มเติม

ดอยพุ่ยโค : แม่ฮ่องสอน

ดอยพุ่ยโค หรือ ดอยพุยโค หรือที่คนท้องถิ่นเรียกว่า ดอยพุย ตั้งอยู่ที่บ้านอุมดาเหนือ ต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอน มีความสูงจากระดับทะเลปานกลาง 1,406 เมตร การขึ้นไปบนดอยนั้น รถทุกชนิดไม่สามารถขึ้นไปได้ ต้องใช้การเดินเท้าเท่านั้น ระยะทางประมาณ 800 เมตร ใช้เวลาราว 30-40 นาที  บนดอยพุ่ยโคมีทิวทัศน์ที่สวยงาม สามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นพร้อมกับทะเลหมอกในตอนเช้า และชมพระอาทิตย์ตกในตอนเย็น รวมทั้งยังสามารถกางเต็นท์นอนค้างคืน เพื่อรอชมดาวในตอนค่ำได้อีกด้วย อีกหนึ่งไฮไลท์ที่ใครๆ ก็ต้องแวะมาถ่ายรูปนั่นก็คือ “ต้นเดียวดาย” ต้นไม้ที่ตั้งตระหง่านอยู่อย่างเดียวดาย รอให้นักท่องเที่ยวแวะมาเยี่ยมชม นอกจากนี้ในช่วงเดือนมกราคม-กุมภาพันธ์ ทุ่งหญ้าบนดอยยังเปลี่ยนเป็นสีเหลืองส้ม มองแล้วสวยงามแปลกตาทีเดียว สำหรับผู้ที่อยากกางเต็นท์บนดอยพุ่ยโคต้องนำเต็นท์มาเอง รวมทั้งอาหารด้วย เนื่องจากด้านบนไม่มีบริการให้เช่าเต็นท์ และไม่มีร้านอาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกด้านบนมีเพียงห้องสุขาเท่านั้น ซึ่งปริมาณน้ำก็มีจำกัด ต้องใช้น้ำอย่างประหยัดด้วยนะ ใครที่จะมากางเต็นท์แล้วมีของเยอะ กลัวแบกขึ้นมาไม่ไหว ก่อนขึ้นดอย สามารถติดต่อขอใช้บริการลูกหาบกับชาวบ้านที่ตีนดอยได้ แต่ราคาต้องตกลงกันเองนะ ^^ ก่อนหน้าหนาวจะหมดไป ใครที่ยังอยากสัมผัสอากาศหนาว ชมหมอก ชมดาว แอดว่าดอยพุ่ยโคก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจนะ ดอยพุ่ยโคที่ตั้ง ต.แม่คะตวน อ.สบเมย จ.แม่ฮ่องสอนติดต่อลูกหาบหรือรถรับส่ง 097 272 7693 (พี่ชาติชาย)

ดอยพุ่ยโค : แม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

D.I.Y. Do it for you ทำงานฝีมือไปฝากคนรู้ใจ

เทศกาลวาเลนไทน์ใกล้เข้ามาแล้วว หลายๆ คนคงจะเริ่มวางแผนแล้วว่า วันแห่งความรักแบบนี้จะทำอะไรให้คนรู้ใจดีนะ วันนี้แอดจึงรวบรวมสถานที่สำหรับทำ D.I.Y เผื่อใครอยากจะทำของน่ารักๆ ด้วยฝีมือตัวเองไปมอบให้เป็นของขวัญสุดพิเศษไม่ซ้ำใคร จินนาลักษณ์ miracle of saa มาดูของฝากน่ารักๆ อย่างกระดาษสากัน สามารถมอบให้กับสาวๆ หรือผู้ใหญ่ก็ยังได้ ที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้การทำกระดาษสาแบบดั้งเดิม และเป็นศูนย์จำหน่ายของที่ระลึกที่ทำจากกระดาษสา มีความกิ๊บเก๋อยู่ตรงที่เราสามารถออกแบบตกแต่งกระดาษสาได้เองด้วย ค่าใช้จ่ายกิจกรรม DIY กระดาษสา มี 2 แบบ คือ– ทำกระดาษสา พร้อมใส่กรอบไม้ ราคา 500 บาท– ทำกระดาษสาอย่างเดียว ไม่ใส่กรอบ (ทางร้านจะส่งไปรษณีย์ไปให้ที่บ้าน) ราคา 190 บาท นอกจากนี้ยังมีของฝากน่ารักๆ ด้วย ไม่ว่าจะเป็นกรอบรูป พัด หรือกล่องใส่ของ.ที่ตั้ง หมู่ 1 บ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงรายเปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 17.00 น.โทร. 064 679 7470, 081 883 9062 ครามสกล การนำผ้ามาย้อมกับสีธรรมชาติที่ได้จากพืชท้องถิ่นอย่าง “ต้นคราม” เป็นภูมิปัญญาท้องถิ่นของชาวจังหวัดสกลนคร ที่สืบทอดกันมาหลายต่อหลายรุ่น สำหรับใครที่อยากจะลงมือทำผ้าย้อมครามด้วยตัวเองในแบบฉบับ D.I.Y. แอดแนะนำร้านผ้าย้อมคราม @ครามสกลเลย เพราะที่นี่มีวิทยากรมาคอยสอนและสาธิตขั้นตอนการทำอย่างใกล้ชิด ซึ่งที่ร้านก็มีลวดลายเก๋ๆ ให้เลือกเยอะมาก หรือใครจะครีเอทออกมาเองให้เก๋ไก๋ไม่ซ้ำแบบใครก็ได้ สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจผลิตภัณฑ์จากผ้าคราม ไม่ว่าจะเป็น เสื้อผ้า กระเป๋า รองเท้า เครื่องประดับ และของใช้ต่างๆ ซึ่งปัจจุบันเค้าพัฒนาดีไซน์ได้เก๋ไก๋ เป็นที่ชื่นชอบของวัยรุ่นมากๆ สามารถเข้าไปเยี่ยมชมตัวอย่างผลิตภัณฑ์ได้ที่ Facebook : KhramSklKramsakon หรือถ้าใครสนใจอยากลองทำผ้าย้อมครามเก๋ๆ ก็สามารถติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ ร้านผ้าย้อมคราม @ครามสกล-Kramsakon ที่ตั้ง บ้านพะเนาว์ ต.ห้วยยาง อ.เมือง จ.สกลนครเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น.Line id : @kramsakonโทร 080 582 6655 บ้านด่านเหนือแพรฝ้าย พูดถึงกาฬสินธุ์ หลายคนก็คงนึกถึงไดโนเสาร์และผ้าทอใช่มั้ย แอดจะพาไปทำความรู้จักกับชุมชนกลุ่มทอผ้ามัดหมี่และหมอนขิดที่บ้านด่านเหนือ ซึ่งที่นี่เป็นแหล่งผลิตและจำหน่ายผ้าฝ้ายทอมือ ผ้าขาวม้า ผ้าห่ม ผ้ามัดหมี่ และตุ๊กตาไดโนเสาร์นั่นเองค่ะ และเราก็สามารถลงมือทำกิจกรรม DIY ทำตุ๊กตาไดโนเสาร์ และพวงกุญแจได้ด้วย เราจะได้ลงมือทำทุกขั้นตอน ตั้งแต่การตัดผ้า ยัดนุ่น ไปจนถึงเย็บให้เป็นตุ๊กตา บอกเลยว่าทั้งสนุกและได้ความรู้มากมายเลย เหมาะที่จะพาคนรู้ใจไปนั่งทำกิจกรรมร่วมกันมากๆ หากเพื่อนๆคนไหนสนใจกิจกรรม DIY การทำตุ๊กตาไดโนเสาร์ หรือพวงกุญแจ ต้องติดต่อล่วงหน้านะคะ ที่ตั้ง 116/2 บ้านด่านเหนือ ต.โพนงาม อ.กมลาไสย จ.กาฬสินธุ์โทร. 081 739 1434 คุณนัฐพร มหิพันธุ์ (ผู้จัดการ) Cocoa Valley วาเลนไทน์เราจะพลาดช็อกโกแลตได้ไง สำหรับใครที่อยากจะให้ของขวัญคนที่เรารักเป็นช็อกโกแลตหวานๆ แอดแนะนำที่นี่เลย เราสามารถทำช็อกโกแลตได้ด้วยตัวเอง เริ่มตั้งแต่เก็บผลโกโก้ในสวน ไปจนถึงขั้นตอนการทำ เรียกได้ว่าเป็นฝีมือของเราจริงๆ เลยล่ะ กิจกรรมใช้เวลา 45 นาที ราคาคนละ 350 บาท ที่ตั้ง 339 หมู่ 8 ต.ปัว อ.ปัว จ.น่านเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.โทร 063 791 1619 Cocoa Valley เป็นทั้งรีสอร์ทสไตล์ลอฟท์ และยังมีโซนคาเฟ่ด้วย มีทั้งเบเกอรี และเครื่องดื่มที่ใช้ผลผลิตจากสวนโกโก้ของเค้าเองด้วยนะ เมืองไม้บาติก จังหวัดร้อยเอ็ด ผ้าบาติกของที่นี่มีเอกลักษณ์คือ นำผ้าไหมที่ขึ้นชื่อของร้อยเอ็ดมาเพนต์ลายแบบบาติก โดยใช้สีสันโทนธรรมชาติและลวดลายกราฟิกที่แปลกตา บาติกผ้าไหมมีเทคนิควิธีการทำเหมือนกับผ้าบาติกของภาคใต้ ต่างเพียงแค่สีและลวดลายเท่านั้น โดยเมืองไม้บาติกจะใช้สีโทนธรรมชาติไม่ฉูดฉาด และลวดลายจะเป็นลายธรรมชาติง่าย ๆ เช่น ปลา ใบไม้ ดอกไม้ หรือใยแมงมุม ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของงานบุญผะเหวด งานบุญใหญ่ซึ่งเป็นประเพณีที่สำคัญของจังหวัดร้อยเอ็ด มีลายให้เลือกวาดเยอะมากๆ ที่สำคัญเราสามารถช่วยกันวาดได้ด้วยนะ เป็นอีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าไปทำกับคนรู้ใจมากๆ เลยล่ะ ใครอยากมาระบายสีผ้าบาติกแบบแอด มาได้ที่เมืองไม้บาติกเลย ที่ตั้ง 281 ต.นิเวศน์ อ.ธวัชบุรี จ.ร้อยเอ็ดเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00 – 20.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. คุณต่อศักดิ์ สุทธิสา 043 569 048, 081 261 4800

D.I.Y. Do it for you ทำงานฝีมือไปฝากคนรู้ใจ อ่านเพิ่มเติม

เขาตังกวน : สงขลา

เขาตังกวน ภูเขาที่ตั้งอยู่ในเมืองสงขลา เมื่อขึ้นไปบนยอดเขาจะสามารถมองเห็นทิวทัศน์ของเมืองและทะเลสาบสงขลาได้อย่างชัดเจน การขึ้นไปบนยอดเขาตังกวน มี 2 วิธี คือ1. ใช้ลิฟท์โดยสาร (เป็นลิฟท์ระบบทางลาด) ตั้งอยู่ทางด้านหน้าเขา บนถนนสุขุม ซึ่งเป็นถนนที่ตัดผ่านระหว่างเขาตังกวนและเขาน้อย ค่าบริการขึ้น-ลง (ทั้งชาวไทยและต่างชาติ) ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.30 – 18.00 น. ใช้เวลา 3 นาที 2. เดินขึ้นบันไดนาค ทางด้านหลังเขา ใกล้กับวัดแหลมทราย ระหว่างทางจะมีจุดพักและจุดชมวิวเป็นระยะ บนเขาตังกวนเป็นที่ตั้งของ “พระธาตุเจดีย์หลวง” เจดีย์เก่าแก่คู่เมืองสงขลา สันนิษฐานว่าสร้างมาตั้งแต่สมัยอาณาจักรตามพรลิงค์ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าให้พระยาวิเชียรคีรี (เม่น) เจ้าเมืองสงขลา บูรณะปฏิสังขรณ์พระธาตุเจดีย์หลวงให้สูงใหญ่กว่าเดิม พ.ศ.2539 พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ได้พระราชทานพระบรมสารีริกธาตุและเครื่องสักการบูชา สำหรับบรรจุไว้ในเจดีย์เพื่อให้ชาวเมืองสงขลาได้กราบไหว้ ด้านหน้าของพระธาตุเจดีย์หลวงเป็นจุดชมวิว ซึ่งมีรูปหล่อหลวงพ่อทวดประดิษฐานอยู่ และยังมีที่ให้คล้องกุญแจคู่รักอีกด้วย  ตรงนี้เราสามารถชมวิวเมืองสงขลาได้แบบ 360 องศาเลย อีกจุดหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ “ศาลาพระวิหารแดง” เป็นพลับพลาที่ประทับที่รัชกาลที่ 4 โปรดเกล้าให้สร้างขึ้นแต่ยังไม่แล้วเสร็จ ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เสด็จฯ มานมัสการพระธาตุเจดีย์หลวง และมีพระราชศรัทธาให้สร้างต่อจนสำเร็จ มีลักษณะเป็นอาคารโถงชั้นเดียวก่ออิฐถือปูน ศิลปะแบบตะวันตก จากศาลาพระวิหารแดงสามารถชมวิวของทะเลสาบสงขลาได้อีกด้วย ขาตังกวนที่ตั้ง ถนนสุขุม ตำบลบ่อยาง อำเภอเมือง จังหวัดสงขลาเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-18.00 น.โทร 074 316 330

เขาตังกวน : สงขลา อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกินริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง

วันหยุดว่างๆ แอดเลยปิ๊งไอเดีย  นั่งเรือไปหาอะไรกินดีกว่าเดินทางง่าย ราคาไม่แพงด้วย .แอดเลือกไปที่ท่าดินแดง หนึ่งในย่านการค้าดั้งเดิมของกรุงเทพฯ อยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ฝั่งธนบุรี เป็นที่ตั้งของชุมชน มีผู้คนหลากหลายเชื้อชาติ.แอดใช้บริการเรือข้ามฟากจากท่าเรือท่าราชวงศ์มาที่ท่าเรือท่าดินแดง ค่าบริการ คนละ 3.50 บาท เท่านั้น .ท่าดินแดงมีร้านไหนน่าชิม ลิ้มลอง เข้ามาอ่านได้เลย ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งย่านที่น่าสนใจในเรื่องของอาหารอร่อยห้ามพลาดที่ต้องตามไปทาน ที่เดียวได้ทั้งของคาวและของหวานเลยล่ะ อิ่มท้องแถมยังประหยัดอีกด้วย การเดินทางมาที่ท่าดินแดงในครั้งนี้ แอดใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าเรือท่าราชวงศ์ จากนั้นใช้บริการเรือข้ามฟากมาที่ท่าเรือท่าดินแดง ค่าบริการ คนละ 3.50 บาท เท่านั้น ใครมาท่าดินแดงคราวนี้จะอิ่มท้องและมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน เริ่มกันที่ ร้านนมสดท่าดินแดง ร้านนี้เต็มไปด้วยเมนูนมค่ะ มีหลากหลายเมนูให้เลือกทั้งร้อนและเย็น ไม่ว่าจะเป็นนมสด กาแฟ ชาไทย นมชมพู นอกจากนี้ยังมีขนมปังหน้าต่างๆ อีกด้วย ใครอยากซื้อกลับบ้านทางร้านก็มีเช่นกันทั้งขนมปัง นมสดพร้อมดื่ม สังขยาเยิ้มๆ น่าทานมากๆ เอาล่ะ เราไปดูกันเลยว่าแอดสั่งอะไรมาทานบ้าง ทางร้านแนะนำ ชุดสังขยาใบเตย มีสังขยาให้เลือก 2 รสชาติด้วยกันคือสังขยาใบเตยและสังขยาไข่ ขนมปังนุ่มๆ จิ้มกับสังขยาเยิ้มๆ ละมุนสุดๆ เลยค่ะราคาชุดเล็ก 40 บาท / ชุดใหญ่ 60 บาท ต่อด้วยเค้กนมสด ชิ้นละ 15 บาท แป้งเค้กนุ่มฟู ที่สำคัญคือหอมมาก ทานคู่กับเครื่องดื่มเข้ากันมากๆ เลยล่ะ เมนูนี้แอดอยากให้ทุกคนลองชิม แนะนำๆ  – เปิดทุกวัน เวลา 12.00-21.00 น.– โทร. 02 863 1361– พิกัด : https://goo.gl/maps/htFQEcYrVXkG3KYY6  หลังจากดื่มนมกันแล้ว เดินต่อมาอีกนิดจะเห็นซอยท่าดินแดง 11 เดินเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 30 เมตรก็จะเห็นร้านตั้งอยู่ทางขวามือ ก๋วยจั๊บเจ้หลา (เจ้าเก่า) ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งร้านที่เปิดขายมายาวนานกว่า 10 ปี เห็นร้านเล็กๆ แบบนี้ แต่ลูกค้าเข้ามาต่อเนื่องแบบไม่ขาดสายเลยนะจะบอกให้ ก๋วยจั๊บที่ทางร้านขายจะเป็นก๋วยจั๊บน้ำข้น ราคาเริ่มต้น 40-50 บาท หรือใครชอบทานเกาเหลาร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันเลยล่ะ แอดบอกเลยว่ารสชาติเข้มข้นมาก ไม่ต้องปรุงก็อร่อย เส้นก๋วยจั๊บเหนียวนุ่มกำลังดี หมูกรอบชิ้นใหญ่ เลือดก็นุ่มกัดไปมีความ juicy เบาๆ – เปิดทุกวัน เวลา 09.30-15.00 น.– โทร. 085 905 3552– พิกัด : https://goo.gl/maps/YjbnubJXkZBaZi5J9 จัดเต็มกันต่อด้วยร้านตี๋ หมูสะเต๊ะ เจ้าดังของย่านนี้กันเลย ตั้งอยู่ริม ถ.ท่าดินแดง เดินตรงจากท่าเรือมาเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นเตาหมูสะเต๊ะยาวๆ กำลังย่างไฟอยู่ น่าทานซะเหลือเกิน หมูสะเต๊ะของทางร้านมีให้เลือกทั้งแบบ หมูติดมัน หมูไม่ติดมัน และยังมีตับสะเต๊ะด้วย หน้าตาของเตาย่างหมูสะเต๊ะ เรียงกันแบบนี้เลยค่ะ หอมมากกกก แอดสั่งมา 10 ไม้เบาๆ ทั้งแบบหมูติดมันและไม่ติดมันเลย บอกเลยว่าหมูนุ่มมากๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศ น้ำจิ้มก็ดี เข้มข้นและหอมถั่วมากกกกก ซึ่งแอดโปรดปรานที่สุด ทานคู่กับอาจาดก็อร่อยเข้ากัน ตัดเลี่ยนได้ดีเลยล่ะ แตงกวาสด กรอบ แอดจัดการเรียบเลย ฮ่าๆๆ นอกจากหมูแล้วยังมีตับสะเต๊ะอีกด้วยนะ ราคาก็จะแตกต่างกันไป เริ่มต้นที่ไม้ละ 7 บาท  พร้อมแล้วลุยเลย! หมูสะเต๊ะน้ำและจิ้มยั่วๆ จ้า หากใครแวะไปแถวท่าดินแดงต้องห้ามพลาดเลยนะ.ตี๋หมูสะเต๊ะ ท่าดินแดง– เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 07.30-23.00 น.(ปิดวันจันทร์เว้นจันทร์)– โทร. 02 437 1172– พิกัด : https://goo.gl/maps/gXHMZWUgrSfzCEeK7 มาต่อกันที่ ร้านเปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตี๋ หมูสะเต๊ะ เป็นร้าน street food ริมถนนท่าดินแดงค่ะ ร้านนี้เปิดมานานกว่า 70 ปี เรียกได้ว่าขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเฮียไช้ ปัจจุบันได้ส่งต่อให้กับรุ่นหลานและยังเป็นร้านที่ลูกค้าติดใจไม่น้อยเลยล่ะ ร้านนี้เป็นสูตรโบราณและหาทานได้ยากแล้ว แอดได้เห็นกระบวนการห่อและส่วนประกอบต่างๆ ทุกอย่างสด ใหม่ น่าทานมากๆ แอดจัดมา 1 กล่อง บอกเลยว่าไส้แน่น ครบเครื่องและแป้งนุ่มไม่เหมือนร้านอื่น น้ำราดจะออกหวานๆ ทานคู่กับพริกมีรสชาติเปรี้ยวหน่อยๆ ตัดกันได้ดีเลยค่ะ ราคากล่องละ 50 บาท เปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ท่าดินแดง– เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-14.00 น. (ปิดวันจันทร์)– โทร. 098 967 3343– พิกัด : https://goo.gl/maps/jGmbMrawDgNS3QWr5  จากร้านเปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ปิดท้ายกันที่ ข้าวพระรามลงสรงท่าดินแดง เดินผ่านสีแยกท่าดินแดงไปไม่ถึง 5 นาที ร้านตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ ข้าวพระรามลงสรงเป็นเมนูอาหารจีนโบราณ ที่ปัจจุบันหากินได้ค่อนข้างยาก แต่ละร้านรสชาติของอาหารก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ซึ่งแอดเองก็เคยได้ยินชื่อเมนูนี้มาหลายครั้ง เพิ่งได้ลองชิมก็ที่นี่เจ้าแรกนี่แหละ  ส่วนประกอบในเมนูนี้มี ข้าวสวย ผักบุ้งลวก และเนื้อหมู ราดด้วยน้ำราดคล้ายๆ น้ำสะเต๊ะ ปิดท้ายด้วยพริกเผา ราคาจานละ 40-50 บาท รสชาติจะออกหวานนิดๆ รับประทานกับน้ำพริกเผาแล้วเข้ากันมากๆ แอดอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาทาน เพราะทุกวันนี้หาทานได้ยากจริงๆ ค่ะ ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้นต้องทานคู่กับกุนเชียงสูตรเด็ดของร้าน นุ่ม หวาน อร่อยมากกก ข้าวพระรามลงสรง ท่าดินแดง– เปิดวันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 06.30-15.30 น. (ปิดวันเสาร์)– โทร. 02 437 4513, 081 774 4124– พิกัด :

ตะลุยกินริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง อ่านเพิ่มเติม

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง.วันนี้เรามาเยือนถิ่นคลองบางหลวง ชมหุ่นละครเล็กกันที่ “บ้านศิลปิน” สถานที่ท่องเที่ยวชิคๆ ริมคลอง เป็นชุมชนเก่าแก่ที่ยังอนุรักษ์ศิลปวัฒนธรรมและวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมเอาไว้ บ้านศิลปิน เป็นบ้านไม้เก่าแก่ 2 ชั้นริมคลองบางหลวง (หรือคลองบางกอกใหญ่) เดิมเป็นของ “ตระกูลรักสำหรวจ” ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ซึ่งกลุ่มศิลปินนำโดยคุณชุมพล อักพันธานนท์ ได้ขอซื้อต่อจากทายาท และบูรณะใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานและจัดแสดงผลงานศิลปะ ซึ่งที่นี่จะมีกลุ่มคนรักงานศิลปะรวมทั้งนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอยู่เสมอ ทำให้ชุมชนคึกคัก และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วย ภายในบ้านก็จะเก๋ๆ หน่อย ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องโล่งๆ จัดเป็นอาร์ตแกลเลอรี่ของศิลปินมีฝีมือหลายคน มีทั้งภาพวาดและภาพถ่ายสวยๆ เรียกได้ว่ามาที่นี่ได้ปลุกความอาร์ตในตัวคุณแน่นอน อีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านศิลปินก็คือ จะมีการแสดงหุ่นละครเล็กให้เราชมด้วยค่ะ ใครมาเที่ยวบ้านศิลปินก็ต้องห้ามพลาดนะคะ  เดินออกจากบ้านศิลปินมานิดเดียวก็จะพบกับ “บ้านของเล่น” ซึ่งเป็นร้านขายกาแฟโบราณและร้านขายของเล่นที่เราเคยเล่นกันสมัยก่อน เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กเลย แอดแฮปปี้มาก เสร็จแล้วก็มานั่งชิลริมคลอง ให้อาหารปลากัน บอกเลยว่าปลาเพียบจ้า หากใครอยากท่องเที่ยวแบบชิลๆ ผ่อนคลายในบรรยากาศเงียบสงบ เหมือนได้ชาร์จแบตไปในตัว ที่นี่ก็ตอบโจทย์อยู่นะ

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง อ่านเพิ่มเติม

พระอจนะ วัดศรีชุม ตำนานพระพูดได้เมืองพระร่วง

วัดศรีชุมมีมณฑปเป็นประธานของวัด ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ นามว่า “พระอจนะ” เหตุที่เชื่อกันว่าพระอจนะพูดได้นั้น มาจากเรื่องเล่าที่ว่าเมื่อครั้งที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงยกทัพไปปราบเมืองสวรรคโลก ได้ทรงแวะพักที่วัดนี้ และได้ให้ทหารปีนขึ้นไปพูดเรียกขวัญและกำลังใจแก่เหล่าทหารอยู่ทางด้านหลังขององค์พระ ทำให้ทหารเชื่อว่าพระอจนะพูดได้ จึงเกิดความเลื่อมใสและรู้สึกฮึกเหิมที่จะต่อสู้ จนได้รับชัยชนะในที่สุด วัดนี้ไม่ปรากฏประวัติการสร้างที่แน่ชัด แต่จากหลักฐานระบุว่ามีการบูรณะครั้งใหญ่ในสมัยพระมหาธรรมราชาที่ 1 (พระยาลิไท) และได้รับการดูแลเรื่อยมา จนกระทั่งถูกทิ้งร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย ในสมัยรัชกาลที่ 9 ได้มีโครงการบูรณปฏิสังขรณ์วัดขึ้นใน พ.ศ.2495 โดยเริ่มจากการบูรณะพระอจนะ ตามด้วยส่วนอื่นๆ ของวัด จนเป็นอย่างที่เราเห็นในปัจจุบัน ในศิลาจารึกหลักที่ 1 ตอนหนึ่งระบุว่า “…เบื้องตีนนอนเมืองสุโขทัยนี้ มีตลาดปสาน มีพระอจนะ มีปราสาท…” จึงสันนิษฐานกันว่า “พระอจนะ” ที่กล่าวในศิลาจารึกหลักที่ 1 ก็คือ พระอจนะที่ประดิษฐานอยู่ภายในวัดศรีชุม ทางตอนเหนือของเมืองสุโขทัยนี่เอง  พระอจนะ เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ศิลปะสุโขทัย หน้าตักกว้าง 11.30 เมตร สูง 15 เมตร คำว่า “อจนะ” มาจากคำในภาษาบาลีว่า “อจละ” ซึ่งแปลว่า “ผู้ไม่หวั่นไหว มั่นคง” หรือ “ผู้ที่ควรแก่การเคารพกราบไหว้” ภายในมณฑปหลังนี้ มีอุโมงค์เป็นทางเดินขึ้นไปสู่ด้านบน ซึ่งสามารถขึ้นไปยังบริเวณด้านหลังพระเศียรของพระอจนะได้ จุดนี้เองที่เป็นที่มาของตำนานพระพูดได้แห่งเมืองพระร่วง แต่ปัจจุบันกรมศิลปากรได้ปิดทางเข้าอุโมงค์นี้ ด้วยเหตุผลของความปลอดภัย อัตราค่าเข้าชมชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท ค่าธรรมเนียมยานพาหนะรถยนต์ 50 บาทรถจักรยานยนต์ 20 บาทรถจักรยาน 10 บาท วัดศรีชุมที่ตั้ง อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัยเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.

พระอจนะ วัดศรีชุม ตำนานพระพูดได้เมืองพระร่วง อ่านเพิ่มเติม

เตร็ดเตร่…ไปบางเสร่

“บางเสร่” ตำบลเล็กๆ ในจังหวัดชลบุรี มีชายหาดที่สวยงาม ตั้งอยู่ระหว่างหาดสัตหีบและหาดจอมเทียน เป็นสถานที่ที่เหมาะแก่การมาพักผ่อนมากๆ เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน และบรรยากาศดี “บางเสร่” เป็นชุมชนหมู่บ้านชาวประมง มีท่าเทียบเรือที่ชาวประมงจะนำอาหารทะเลมาลง และมีสะพานปลา ใครอยากซื้ออาหารทะเลสดๆ มาได้ที่นี่เลย ส่วนไฮไลท์ที่ทำให้นักท่องเที่ยวนิยมมาที่นี่ก็คือ “หาดบางเสร่” เป็นชายหาดที่เงียบสงบ สะอาด มีต้นมะพร้าวเรียงรายเป็นแนวยาว สามารถนั่งชิลได้ เล่นน้ำได้ ผู้คนไม่พลุกพล่านเหมือนหาดอื่นๆ ด้วยนะ ที่พักของเรา The Boathouse ตั้งอยู่ริมทะเล สามารถมองเห็นทะเลได้แบบสุดสายตาเลยทีเดียว ที่นี่ตกแต่งได้น่ารักมาก เหมาะสำหรับคนชอบถ่ายรูปสุดๆ ไม่ว่าจะมุมไหนๆ ก็ดูดีไปหมด  ราคาที่พักเริ่มต้นที่ 1,000 บาท ที่ตั้ง 21 หมู่ 5 ตำบลบางเสร่ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีโทร 084 900 3702 บอกเลยว่าใครจะมาช่วงวันหยุดเสาร์-อาทิตย์ อาจจะต้องจองล่วงหน้ากันสักหน่อย เพราะที่ The Boathouse มีเพียง 6 ห้องเท่านั้น!! ถึงห้องพักจะไม่เยอะแต่ที่นี่วิวหลักล้านนะ บรรยากาศสบายๆ เรียบง่าย แต่มีความกิ๊บเก๋อยู่ นอนเปลชิลๆ ยามเย็น มองวิวทะเลแบบเงียบสงบ หรือถ้าอยากจะออกไปยืดเส้นยืดสาย ก็สามารถนำจักรยานของที่พักไปปั่นริมชายหาดยามเย็นได้นะ

เตร็ดเตร่…ไปบางเสร่ อ่านเพิ่มเติม

ชุมชนบ้านปางห้า จังหวัดเชียงราย

ชุมชนบ้านปางห้า เป็นชุมชนเก่าแก่กว่า 100 ปี ที่ตั้งอยู่เหนือสุดของประเทศไทยใน อ.แม่สาย ชาวบ้านในหมู่บ้านส่วนใหญ่ประกอบอาชีพเกษตรกรรม เพาะปลูก และทำงานฝีมือ ชุมชนแห่งนี้ได้รับการพัฒนาให้เป็นชุมชนท่องเที่ยวเมื่อประมาณ 6 ปีที่แล้ว โดยมีจุดท่องเที่ยวให้แวะชมถึง 12 จุดด้วยกัน จินนาลักษณ์ Miracle of Saa ถือเป็นจุดต้อนรับนักท่องเที่ยวที่มาเยี่ยมชมหมู่บ้านปางห้า ที่นี่เป็นศูนย์การเรียนรู้การทำกระดาษสาแบบดั้งเดิม และเป็นศูนย์จำหน่ายของที่ระลึกที่ทำจากกระดาษสา ใครมาที่นี่จะได้เรียนรู้ประวัติความเป็นมาและกรรมวิธีในการทำกระดาษสาด้วย ก่อนไปลงมือทำกระดาษสาแบบ DIY แวะจิบกาแฟให้ชื่นใจกันก่อนที่ “Craft Cafe” ร้านกาแฟที่ตกแต่งเพดานด้วยโมบายกระดาษสาน่ารักๆ เอาล่ะ มาลงมือทำกระดาษสากัน ขั้นตอนการทำกระดาษสาแบบ DIY1. คัดเลือกเปลือกอ่อนจากต้นปอสา2. นำเปลือกมาต้มทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงให้นิ่ม3. นำเปลือกที่ต้มแล้วมาทุบจนเป็นเยื่อละเอียด แล้วนำไปใส่ในแม่พิมพ์ที่แช่อยู่ในอ่างน้ำ เพื่อขึ้นรูปเป็นแผ่นกระดาษ4. ตกแต่งพิมพ์ด้วยใบไม้ดอกไม้ตามแต่จินตนาการของเรา5. นำไปตากให้แห้ง ก็เป็นอันเสร็จ ค่าใช้จ่ายกิจกรรม DIY กระดาษสา มี 2 แบบ คือ– ทำกระดาษสา พร้อมใส่กรอบไม้ ราคา 500 บาท– ทำกระดาษสาอย่างเดียว ไม่ใส่กรอบ (ทางร้านจะส่งไปรษณีย์ไปให้ที่บ้าน) ราคา 190 บาท เมื่อกระดาษสาแห้งแล้ว หน้าตาก็จะออกมาเป็นแบบนี้ค่ะ นอกจากการทำกระดาษสาแล้ว อีกหนึ่งกิจกรรมที่ไม่ควรพลาดก็คือ การทำสปาหน้าด้วยใยไหมทองคำ มาส์กของที่นี่มีความพิเศษ เพราะเป็นมาส์กที่ทำจากใยไหม ซึ่งใยไหมนี้ได้มาจากตัวหนอนไหมที่ยังมีชีวิตอยู่ จึงมีโปรตีนและสารอาหารที่ดีต่อผิวหน้า มีสรรพคุณช่วยลดริ้วรอย และทำให้จุดด่างดำบนใบหน้าจางลงด้วย ค่าใช้จ่ายในการทำสปาหน้า 900 บาท ถ้าใครติดใจก็สามารถซื้อผลิตภัณฑ์ใยไหมทองคำกลับไปใช้ที่บ้านได้นะ ผลิตภัณฑ์ยอดฮิตคือ สบู่ล้างหน้า มาส์กหน้า พัฟล้างหน้า และครีมบำรุง นอกจากนี้ ภายในชุมชนยังมีกิจกรรมอีกหลายฐานให้เราได้แวะชม เช่น – สวนฝรั่งกิมจู ชิมฝรั่งกิมจูปลอดสารพิษ รสชาติหวานชื่นใจ – บ้านตีมีดไทลื้อ แหล่งตีมีดแห่งเดียวในชุมชนที่ยังคงอนุรักษ์ศิลปะการตีมีดแบบดั้งเดิมจากพม่า – บ้านหยก ชมการแกะสลักและเจียระไนหยกพม่าที่ต้องใช้ฝีมือและความประณีตเป็นอย่างมาก – บ้านทำเทียน ทดลองทำเทียนไหว้พระด้วยตนเอง ตั้งแต่การผสมวัตถุดิบไปจนถึงการหล่อเทียน – บ้านเกษตรอินทรีย์ ชมพืชผักปลอดสารหลากหลายชนิด – บ้านอิ่มอุ่น อาหารไทลื้อ ชิมอาหารไทลื้อแสนอร่อย ไม่ว่าจะเป็นพิซซ่าไทลื้อ ข้าวแรมฟืน ข้าวซอยน้อย และข้าวซอยน้ำเงี้ยว – บ้านขนมล็อคนา ชิมขนมล็อคนาหรือขนมรังผึ้ง ที่มีความพิเศษอยู่ตรงแป้งที่ใช้ เป็นแป้งข้าวเจ้าที่โม่สดๆ ใหม่ๆ ไม่ใช้แป้งสำเร็จรูป สำหรับใครที่คิดว่า 1 วันที่ปางห้าไม่น่าจะพอ และอยากซึมซับบรรยากาศอันเงียบสงบให้นานกว่านี้ ที่นี่ก็มีโฮมสเตย์สวยๆ ให้พักด้วยนะ โฮมสเตย์ในชุมชนมีประมาณ 10 หลัง พักได้ 2-20 คน ราคาเริ่มต้นที่คนละ 500 บาท สำหรับเพื่อนๆ ที่มากันเป็นหมู่คณะ แอดแนะนำให้ซื้อโปรแกรมท่องเที่ยวกับทางชุมชน เพราะจะได้ทำกิจกรรมและนอนพักที่โฮมสเตย์ไปในคราวเดียวกันเลย (อย่าลืม!! ติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 1 สัปดาห์นะคะ) ที่ตั้ง : หมู่ 1 บ้านปางห้า ต.เกาะช้าง อ.แม่สาย จ.เชียงรายเปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.00 น.โทร. 064 679 7470, 081 883 9062

ชุมชนบ้านปางห้า จังหวัดเชียงราย อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top