สถานที่ท่องเที่ยว

รื่นรมย์บุรีรัมย์ 2 วัน 1 คืน

วันที่ 1– ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์– เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง– บุรีรัมย์ คาสเซิล– วัดป่าเขาน้อย.วันที่ 2– เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก– อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง– ปราสาทหินเมืองต่ำ วันที่ 1ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์.เป็นศาลหลักเมืองที่มีความโดดเด่นมาก มองครั้งแรกก็รู้ว่าที่นี่คือบุรีรัมย์ เป็นการออกแบบจากกรมศิลปากรโดยนำปราสาทหินพนมรุ้งมาเป็นต้นแบบ เพื่อเชิดชูเอกลักษณ์ของจังหวัด ศาลหลักเมืองที่เราเห็นปัจจุบันเป็นหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมาทดแทนหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมไป ภายในประดิษฐานเสาหลักเมืองถึง 2 เสาด้วยกัน สันนิษฐานว่า เสาหลักเมืองต้นด้านหน้า (ต้นที่เอียง) เป็นเสาหลักเมืองต้นแรก ตั้งขึ้นเมื่อครั้งสร้างเมืองแปะ ราวสมัยกรุงธนบุรี ส่วนเสาหลักเมืองต้นด้านหลัง เป็นเสาหลักเมืองที่ตั้งขึ้นเมื่อครั้งถูกยกฐานะให้เป็นจังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงรัชกาลที่ 5 สมัยรัตนโกสินทร์.ทุกวัน จะมีชาวบุรีรัมย์และนักท่องเที่ยวต่างเมืองแวะเวียนมาสักการะบูชาศาลหลักเมืองกันอย่างต่อเนื่อง.ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ ที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/QsDwU59xTqhHyLXh8 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง.จังหวัดบุรีรัมย์ มีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว 8 ลูก หนึ่งในนั้นคือ “ภูเขาไฟกระโดง” นี่แหละ.ภูเขาไฟกระโดง สูงจากระดับน้ำทะเล 265 เมตร เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว แต่ยังปรากฏปากปล่องภูเขาไฟที่เห็นได้ชัดเจน เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีก ปัจจุบันมีสภาพเป็นแอ่งน้ำ.เดิมเขาลูกนี้ชื่อว่า “พนมกระดอง” คำว่า “พนม” เป็นภาษาเขมร แปลว่า ภูเขา ส่วน “กระดอง” ก็คือ กระดองเต่า รวมแล้วก็แปลว่า ภูเขาที่คล้ายกระดองเต่า หรือ ภูเขากระดอง และเพี้ยนเป็น ภูเขากระโดง ในเวลาต่อมา บนปากปล่องภูเขาไฟ มีสะพานชื่อว่า “สะพานแขวนลาวา” สามารถไปยืนถ่ายรูปสวย ๆ ด้านบน และยังสามารถชมปากปล่องภูเขาไฟได้อีกด้วย นอกจากนี้ บนภูเขาไฟกระโดงยังมีความน่าสนใจอื่น ๆอีก อันได้แก่ พระสุภัทรบพิตร ปราสาทเขากระโดง พระพุทธบาทจำลอง ฯลฯ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวเมืองบุรีรัมย์ในมุมสูงที่สวยงามมาก ๆ จุดหนึ่งทีเดียว.ภูเขาไฟกระโดง สามารถขึ้นได้ 2 วิธีคือ โดยการเดินขึ้นบันได ที่เรียกว่า “บันไดนาคราช” จำนวน 297 ขั้น หรืออีกหนึ่งวิธีคือนำรถขึ้นไปจอดบริเวณจุดชมวิวด้านบนได้เลย.นอกจากนี้ ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี จะมีงานประเพณีขึ้นเขากระโดงอีกด้วย.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง ที่ตั้ง : ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 044 637 349: https://goo.gl/maps/WeKzup9CEDeq51eG6 บุรีรัมย์ คาสเซิล.บุรีรัมย์ คาสเซิล เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัด ตั้งอยู่ระหว่าง สนามฟุตบอลช้างอารีนา และสนามแข่งรถช้าง อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต ภายในเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ ออกแบบโดยอิงรูปแบบจากหมูบ้านที่ตั้งอยู่รายรอบปราสาทหินในอดีต กลางคอมมูนิตี้มอลล์ มีการสร้างปราสาทหินที่จำลองรูปแบบของปราสาทหินพนมรุ้งมาไว้ด้วย โดยในช่วงเย็นถึงค่ำ จะมีการเปิดไฟส่องสว่างรอบปราสาท สวยงามมากเลยล่ะ.บุรีรัมย์ คาสเซิลแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นส่วนต่าง ๆ เช่น สวนสาธารณะ ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ฯลฯ รวมทั้งตลาดนัด “อินดี้ มาร์เก็ต” ที่เปิดให้ชิมและช้อปเฉพาะในวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.00-21.00 น..บุรีรัมย์ คาสเซิล ที่ตั้ง : ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00-21.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 093 559 5588พิกัด : https://goo.gl/maps/WeKzup9CEDeq51eG6 วัดป่าเขาน้อย.วัดป่าเขาน้อย เป็นวัดป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พัฒนาขึ้นตามปณิธานของพระโพธิธรรมาจารย์เถร หรือหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ อดีตเจ้าอาวาสและวิปัสสนาจารย์ผู้เป็นที่เลื่อมใสของพุทธศาสนิกชน.เมื่อเข้ามาในบริเวณวัด สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจนคุณานุสรณ์ เป็นเจดีย์ที่มีศิลปกรรมโดดเด่น งดงาม ใหญ่โต มีรูปทรงคล้ายปราสาทหิน ที่แสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมของอีสานใต้.ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจนคุณานุสรณ์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและอัฐิธาตุของหลวงปู่สุวัจน์.ในวันสำคัญทางศาสนา และในโอกาสสำคัญต่าง ๆ ประชาชน และผู้ที่มีจิตศรัทธานิยมเข้ามาบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน บำเพ็ญจิตตภาวนา ภายในวัดแห่งนี้อยู่เสมอ.วัดป่าเขาน้อย ที่ตั้ง : ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/5N8MmZzicDB8sm4o6 วันที่ 2เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เดิมเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 มีการทำคันกั้น จึงทำให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จากสภาพพื้นที่ที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีความร่มรื่นสมบูรณ์ ทำให้มีนกหลากหลายสายพันธุ์มาอาศัยอยู่ เช่น นกกระสา นกกระยาง เป็ดน้ำ ฯลฯ และที่สำคัญคือ ที่นี่ยังเป็นศูนย์อนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยอีกด้วย.ในอดีตนกกระเรียนพันธุ์ไทยเคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติในประเทศไทย ต่อมาทางองค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันนำพ่อแม่นกกระเรียนพันธุ์ไทยที่หายาก มาเพาะในกรงเลี้ยง จากนั้นนำปล่อยสู่ธรรมชาติ โดยปล่อยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2554 จนปัจจุบัน ได้ปล่อยนกคืนสู่ธรรมชาติแล้วนับร้อยตัว จากการเฝ้าติดตาม พบว่าบางส่วนของนกกระเรียนเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในธรรมชาติได้ รวมทั้งพบว่ามีลูกนกกระเรียนเกิดในธรรมชาติมากกว่าสิบตัว อันเป็นสัญญาณดีที่แสดงให้เห็นว่า นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้หวนคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้งหลังจากที่เคยสูญพันธุ์ไปนานกว่า 50 ปีทีเดียว.ในบริเวณศูนย์อนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทย จะมีจุดดูนก อุปกรณ์ดูนก และเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับนกกระเรียนพันธุ์ไทยไว้ให้บริการ ซึ่งเวลาที่เหมาะกับการไปดูนกก็คือ 06.00 – 09.00 น. และ 15.00-18.00 น..นอกจากนี้ ในทุกวันจะมีผู้คนทั้งจากบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง แวะเวียนมาปั่นจักรยาน เดิน วิ่ง ออกกำลังกาย นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากอยู่เสมอ.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ที่ตั้ง : ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน

รื่นรมย์บุรีรัมย์ 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม ปราสาทหินพิมาย

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จ.นครราชสีมา.อารยธรรมขอมเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณ และได้ทิ้งร่องรอยไว้หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือปราสาทหินในแถบอีสานใต้ ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ .วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปย้อนรอยอารยธรรมขอมที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่นี่เพื่อน ๆ จะได้ดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและความสวยงามของปราสาทหินอย่างแน่นอนค่ะ.ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ.สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมCall Center 1672IG : 1672travelbuddyTwitter : tat1672Line : @tatcontactcenterWeChat : VisitThailand อุทยานประวัติศาสตร์พิมายที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมาเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/YFFmQd7uDTA3m7e39โทร. 044 471 568.อุทยานประวัติศาสตร์พิมายมีโบราณสถานที่งดงาม นั่นก็คือ ปราสาทหินพิมาย ซึ่งเป็นปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คำว่า “พิมาย” น่าจะเป็นคำเดียวกันกับคำว่า “วิมายะ” ที่ปรากฎอยู่ในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหินกรอบประตูโคปุระระเบียงคดด้านหน้าของปราสาทหิน.ปราสาทหินพิมายเป็นพุทธสถานในลัทธิมหายานที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 เรียกได้ว่าสร้างก่อนปราสาทนครวัดเสียอีก ตัวปราสาทมีรูปแบบศิลปกรรมขอมแบบบาปวน จึงเชื่อกันว่าหลังคาของปราสาทหินพิมายเป็นต้นแบบในการก่อสร้างปราสาทนครวัดนั้นเอง เมื่อเข้าไปในบริเวณปราสาทหิน จะพบกับพลับพลาเปลื้องเครื่องอยู่ทางด้านซ้ายมือ สันนิษฐานว่าอาคารหลังนี้น่าจะใช้เป็นที่พักเตรียมพระองค์สำหรับกษัตริย์หรือเจ้านายที่เสด็จมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมถึงเป็นที่จัดของถวายต่าง ๆ เดินถัดมา จะพบสะพานนาคราช เป็นสะพานที่ทำด้วยหินทราย ราวสะพานเป็นรูปปั้นพญานาค 7 เศียร นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นสิงห์ 2 ตัว ทำหน้าที่เปรียบเสมือนองครักษ์ที่คอยปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ เมื่อผ่านสะพานนาคราชและกำแพงชั้นนอกเข้ามาแล้ว จะเป็นส่วนของ “ชาลาทางเดิน” ซึ่งเป็นทางเดินที่เชื่อมต่อไปถึงระเบียงคดและกำแพงชั้นใน มีไว้สำหรับพระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์เท่านั้น.จากการขุดค้น พบเศษกระเบื้องมุงหลังคาดินเผาจำนวนมาก จึงสันนิษฐานว่าในสมัยก่อน ทางเดินนี้มีหลังคา และหลุม 4 หลุมที่อยู่ตรงชาลาทางเดิน มีไว้สำหรับระบายน้ำจากหลังคาของทางเดินนั่นเอง โคปุระที่สลักลวดลายสวยงาม และระเบียงคดที่ล้อมรอบปราสาทประธานและปรางค์สำคัญที่อยู่ใกล้กัน เมื่อเข้ามาบริเวณลานชั้นใน เราจะได้เห็นความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของปราสาทประธาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาสถานแห่งนี้ โดยมีส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ มณฑปและเรือนธาตุ (องค์ปราสาท) มณฑปมีลักษณะเป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเชื่อมต่อกับองค์ปราสาท มีหน้าบันเป็นรูปสลักพระศิวนาฎราช องค์ปราสาทมีลักษณะเป็นอาคารสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม สลักลวดลายประดับตามส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าบัน ทับหลัง และซุ้มหลังคา เป็นต้น ภายในมีห้องครรภคฤหะ ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุดของศาสนสถาน ซึ่งรูปเคารพดังกล่าวสูญหายไป ถูกแทนที่ด้วยพระพุทธรูปปางนาคปรก นอกจากปราสาทประธานที่สวยงามอลังการแล้ว ปรางค์พรหมทัตก็เป็นอีกหนึ่งโบราณสถานสำคัญที่ไม่ควรพลาดชม ปรางค์พรหมทัตตั้งอยู่ด้านหน้าของปราสาทประธาน สร้างด้วยศิลาแลง ภายในมีประติมากรรมจำลองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ท้าวพรหมทัต โดยองค์จริงจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม ปราสาทหินพิมาย อ่านเพิ่มเติม

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง

วันนี้แอดมีตัวอย่างเส้นทาง “2 วัน 1 คืน สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง” มาฝาก เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสั้นๆ เหมาะสำหรับไปกับครอบครัว ซึ่งสถานที่ที่เลือกมาส่วนใหญ่เป็นสถานที่เปิด มีพื้นที่กว้างขวาง อากาศถ่ายเทสะดวก แต่ก็ต้องอย่าลืมที่จะ social distancing เว้นระยะห่างทางสังคม ปฏิบัติตัวตามวิถี New Normal ให้ชิน เพื่อเป็นการรักษาสุขอนามัยที่ดีของตนเองและผู้อื่นด้วย วันที่ 1– วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี– วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จ.สระบุรี– ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี– พระปรางค์สามยอด จ.ลพบุรี– วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี วันที่ 2– พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี– บ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ จ.ลพบุรี– ร้านกระเพรา & coffee จ.ลพบุรี เริ่มกันที่ วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่เชิงเขาปถวี (ปฐวี) ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี ตามประวัติไม่ปรากฏแต่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าราว พ.ศ.2163-2171 ภายหลังจากที่มีการค้นพบรอยพระพุทธบาทที่ อ.พระพุทธบาท แล้ว พระเจ้าทรงธรรมก็ได้มีรับสั่งให้ค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแห่ง และได้พบพระพุทธฉาย ณ ที่แห่งนี้ ในสมัยพระเจ้าเสือมีการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธฉายเอาไว้ ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา พระพุทธฉาย หรือรอยพระพุทธรูป มีลักษณะเป็นภาพสีแดงคล้ายพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีรอบพระวรกาย อยู่บริเวณเชิงเขาปถวี พระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ได้เคยเสด็จมานมัสการพระพุทธฉายแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมาที่นี่ และทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ณ บริเวณผาด้านทิศตะวันตกของมณฑปพระพุทธฉาย นอกจากนี้ยังมีพระนามาภิไธยของพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ ซึ่งยังคงปรากฏชัดเจนจนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากนั้นด้านบนยอดเขายังเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ 360 องศาเลย วัดพระพุทธฉายที่ตั้ง ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรีเปิดทุกวันวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 08.00-18.00 นพิกัด https://goo.gl/maps/fxRaGQCJEtLKNiVGA สถานที่ต่อมาคือ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2167 หลังจากที่ได้มีการค้นพบ “รอยพระพุทธบาทบนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี” ซึ่งพระเจ้าทรงธรรมทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่มีลวดลายมงคล 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ หลังจากนั้นก็ได้เสด็จมานมัสการเรื่อยมาจนกลายเป็นประเพณี และวัดพระพุทธบาทก็ได้รับการทำนุบำรุงตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ตามคติโบราณกล่าวไว้ว่า หากได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ครบ 7 ครั้ง จะได้ไปจุติยังสรวงสวรรค์ และแม้แต่ในชาติภพนี้ อานิสงส์ผลบุญก็จะส่งให้ชีวิตมีแต่ความสำเร็จสมหวังทุกประการ เทศกาลประเพณี– งานนมัสการรอยพระพุทธบาท จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือ ระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 3 และระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 4 – งานตักบาตรดอกไม้ จัดขึ้นในวันเข้าพรรษาของทุกปี ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารที่ตั้ง เขาสุวรรณบรรพต อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/DccHGR5T2nhuNDiW7  จากนั้นก็เข้าเมืองลพบุรีกัน มาลพบุรีทั้งทีถ้าไม่แวะไปศาลพระกาฬถือว่ามาไม่ถึงถิ่น เพราะที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี ศาลพระกาฬ เป็นเทวสถานขอมเก่าแก่ที่สร้างด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่บนฐานสูง ผู้คนจึงเรียกกันว่า “ศาลสูง” ภายในเป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬ ซึ่งมีลักษณะเป็นเทวรูปประทับยืน ทำด้วยศิลา สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึกแปดเหลี่ยมอักษรมอญโบราณอีกด้วย บริเวณโดยรอบศาลพระกาฬ เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าฝูงลิงน้อยใหญ่ ที่จะคอยเข้ามาทักทายและขออาหารจากนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ ศาลพระกาฬที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 05.30-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/SdxeVMFywrF2 ไปต่อกันที่ พระปรางค์สามยอด ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดเลยก็ว่าได้ มีลักษณะเป็นปราสาทศิลาแลงเรียงต่อกัน 3 องค์ ศิลปะขอมแบบบายน ด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีวิหารที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ปางสมาธิ พระปรางค์สามยอดถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี พระปรางค์สามยอดที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-18.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/TGwHQS4nrBz ปิดท้ายวันแรกกันที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี วัดนี้ไม่มีประวัติการสร้างแน่ชัด แต่นักวิชาการสันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ “ปรางค์ประธาน” ซึ่งนับเป็นปรางค์รุ่นแรกที่พัฒนามาจากปราสาทแบบขอม และยังเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในลพบุรีอีกด้วย “วิหารหลวง” สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นวิหารขนาดใหญ่ที่ผสมผสานศิลปะแบบไทยและตะวันตกเข้าด้วยกัน สังเกตได้จากหน้าต่างที่มีลักษณะโค้งแหลมแบบศิลปะโกธิค นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจดีย์และปรางค์หลากหลายรูปแบบซึ่งยังคงสภาพดีหลงเหลือให้ชมอยู่ ปรางค์ประธานองค์นี้ ยังได้รับการยกย่องจากสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ให้เป็น 1 ใน “8 จอมเจดีย์แห่งสยาม” อีกด้วย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-16.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/yu7cFNdweaE1eb3f6 วันที่ 2 เริ่มต้นกันที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ช่วงที่ละครบุพเพสันนิวาสกำลังมาแรงนั้น มีคนเดินทางมาตามรอยละครที่นี่กันเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดเกล้าฯ

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง อ่านเพิ่มเติม

ททท. เปิดตัวไลน์ TAT Contact Center

ททท. เปิดตัวไลน์ TAT Contact Center อีกหนึ่งช่องทางติดต่อสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกดูเมนูต่าง ๆ ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ ดาวน์โหลดE-Brochures ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัย( SHA ) และโทรสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่Call Center 1672 ตลอด 24 ชั่วโมง  ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข้อมูลข่าวสารและสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวได้ที่นี่ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง on Line

ททท. เปิดตัวไลน์ TAT Contact Center อ่านเพิ่มเติม

ชีวิตธรรมดา Coffee House, Bistro & Bar

ร้านชีวิตธรรมดา เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นสีขาว ริมแม่น้ำกก ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้นานาชนิด  ด้านในตกแต่งสไตล์วินเทจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน มาร้านคอฟฟี่เฮ้าส์สไตล์อังกฤษทั้งที ก็ต้องสั่งเครื่องดื่มเก๋ๆ มาจิบชิลๆ สักหน่อย “กาแฟเย็นสูตรชีวิตธรรมดา” เมนูซิกเนเจอร์ที่นำกาแฟไปทำเป็นก้อนน้ำแข็ง เสิร์ฟมาพร้อมนมและน้ำเชื่อม ให้เราปรุงรสชาติหวานมันได้ตามชอบ เรียกว่าเป็นกิมมิคของทางร้านเลยก็ว่าได้ค่ะ9 อาหารของที่นี่เป็นแบบฟิวชั่น ที่ผสมผสานระหว่างอาหารไทยกับอาหารตะวันตก มีเมนูให้เลือกหลากหลาย เรามาประเดิมกันที่จานนี้ “ข้าวผัดสับปะรดนางแล” หนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของทางร้านที่มาแล้วต้องลอง เพราะนอกจากจะเสิร์ฟมาอย่างอลังการในลูกสับปะรด และมีกุ้งชุบแป้งทอดตัวใหญ่โปะด้านบนแล้ว ยังมีสลัดผักแสนอร่อยให้ทานคู่กันอีกด้วย หากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาทานอาหารตะวันตก แอดขอแนะนำ “Swedish Style Hash Pyttipanna” ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตของร้าน ประกอบด้วยมันฝรั่ง เบคอน และแฮมที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ปรุงรสและคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทอปด้วยไข่ดาว รสชาติจะอร่อยขนาดไหน ต้องไปลองด้วยตัวเองนะคะ  ทานของคาวแล้วก็ต้องตบท้ายด้วยของหวาน ถึงจะเรียกว่า อิ่มครบจบในที่เดียว “ชีสเค้กมะม่วง” จานนี้มีครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นความหวานละมุนของเนื้อเค้ก รสหวานอมเปรี้ยวของมะม่วง และรสเค็มผสมความกรุบกรอบของครัสต์ รวมกันแล้วจึงกลายเป็นความอร่อยที่ลงตัวสุดๆ เลยค่า สำหรับใครที่เป็นสายชา ทางร้านก็มีเครื่องดื่มประเภทชาให้เลือกดื่มนะคะ อย่าง “ชาเย็นโบราณ” แก้วนี้ รสชาติกลมกล่อม หวานมันกำลังดี นอกจากด้านในตัวบ้านแล้ว ภายในร้านก็ยังมีที่นั่งอีกหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นโซนในสวน หรือริมแม่น้ำกก บรรยากาศดีมากๆ เลยค่ะ ที่ตั้ง 179 หมู่ 2 ถ.ร่องเสือเต้น ซ.3 (ริมแม่น้ำกก) ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงรายเปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น.โทร. 081 984 2925พิกัด : https://g.page/ChivitThammada?share

ชีวิตธรรมดา Coffee House, Bistro & Bar อ่านเพิ่มเติม

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ในอำเภอศรีสัชนาลัย ซึ่งเดิมคือ “เมืองเชลียง” มีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง ต่อมาได้มีการขยายเมืองไปทางทิศตะวันตก และเปลี่ยนชื่อเป็น “ศรีสัชนาลัย” อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยได้รับการประกาศให้เป็น “มรดกโลก” ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2534 อุทยานฯ มีบริการรถรางนำชมโบราณสถานทั่วบริเวณ โดยรถจะจอดแวะ 3 จุดด้วยกันคือ วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว และวัดนางพญา โดยคนขับรถจะเป็นวิทยากรคอยบรรยายให้ความรู้กับเราตลอดเส้นทาง ค่าบริการ : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาทหรือเหมาคันละ 250 บาท เริ่มกันที่ วัดช้างล้อม เป็นวัดสำคัญที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางเมือง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพญาลิไท โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงระฆัง ที่ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ซ้อนกันหลายฐาน ด้านหน้าเจดีย์มีบันไดขึ้นสู่ชั้นบนซึ่งเป็นลานประทักษิณ เหนือลานประทักษิณเป็นฐานสี่เหลี่ยมที่มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยด้านละ 5 ซุ้ม ที่ผนังด้านหลังพระพุทธรูปมีลวดลายปูนปั้นรูปต้นโพธิ์ประดับอยู่ด้วย ที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นประดับโดยรอบ รวมทั้งหมด 39 เชือก ซึ่งลักษณะเด่นของช้างล้อมที่นี่คือ ช้างจะยืนเต็มตัวแยกออกจากผนัง และมีขนาดสูงใหญ่กว่าช้างจริง ต่างจากช้างล้อมที่อื่นๆ ที่ช้างจะโผล่พ้นผนังออกมาเพียงครึ่งตัวเท่านั้น นอกจากนี้ช้างที่มุมทั้ง 4 ยังมีขนาดใหญ่กว่าช้างที่ประดับที่ด้าน และเป็นช้างทรงเครื่อง คือมีการประดับลวดลายปูนปั้นที่คอ ต้นขา และข้อเท้า อย่างวิจิตรงดงาม ถัดมาคือ วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดช้างล้อม เป็นวัดที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งของอุทยานฯ เพราะมีเจดีย์หลากหลายรูปแบบเรียงรายกันถึง 33 องค์ โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงยอดดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของสุโขทัย  ด้านหลังเจดีย์ประธานมีเจดีย์รายองค์หนึ่งที่น่าสนใจคือ เป็นมณฑปยอดเจดีย์ หรือเจดีย์ทรงปราสาทยอด ที่มีทางเข้าด้านหน้า ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปูนปั้น และมีจิตรกรรมเป็นภาพอดีตพระพุทธเจ้า ซึ่งปัจจุบันลบเลือนมากแล้ว ส่วนด้านหลังของเจดีย์ในส่วนเรือนธาตุทำเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรกที่สวยงาม สาเหตุที่วัดนี้ได้ชื่อว่าวัดเจดีย์เจ็ดแถวนั้น ก็เนื่องจากภายในวัดมีเจดีย์จำนวนมากเรียงรายกันหลายแถว สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าเจดีย์รายเหล่านี้เป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิของพระราชวงศ์สุโขทัย ปิดท้ายกันที่ วัดนางพญา วัดแห่งนี้โดดเด่นที่ลวดลายปูนปั้นประดับผนังด้านนอกของวิหาร ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่เพียงด้านเดียว จึงมีการสร้างหลังคาคลุมเพื่อป้องกันแดดฝน วิหารหลังนี้ไม่มีหน้าต่าง แต่ใช้เทคนิคการเจาะผนังเป็นช่อง เพื่อให้แสงลอดเข้าไปภายใน แบบที่นิยมกันในสมัยอยุธยาตอนต้น ลวดลายปูนปั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ได้แก่ รูปกึ่งมนุษย์กึ่งวานรกำลังวิ่ง รูปเทพนม และลายพันธุ์พฤกษาต่างๆ เจดีย์ประธานของวัดเป็นเจดีย์ทรงระฆังฐานสูง ด้านหน้ามีบันไดขึ้นไปยังซุ้ม ซึ่งภายในเป็นคูหาที่มีแกนอยู่ตรงกลาง แกนดังกล่าวมีร่องรอยว่าเคยเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป 4 ด้าน นอกจากทั้ง 3 จุดที่แอดแนะนำไปแล้วนั้น ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ก็ยังมีโบราณสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น วัดเขาสุวรรณคีรี วัดเขาพนมเพลิง ฯลฯ รวมทั้งโบราณสถานที่อยู่นอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัย หรือในเขตเมืองเชลียง อย่างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง และวัดชมชื่น เป็นต้น อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยอัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาทที่ตั้ง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัยโทร 055 950 714, 061 268 6383เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/QdbJ9pW2FP42

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย อ่านเพิ่มเติม

Kan Machi Cafe กาญจนบุรี

ถ้าพูดถึงร้านกาแฟในเมืองกาญจนบุรีตอนนี้ Kan Machi Cafe คงเรียกได้ว่าเป็นคาเฟ่น้องใหม่ที่มาแรงแซงทุกทางโค้งเลยก็ว่าได้ ด้วยสไตล์การตกแต่งแบบญี่ปุ่นที่มีเอกลักษณ์โดดเด่น จึงทำให้มีผู้คนแวะเวียนกันมาเป็นจำนวนมาก Kan Machi Cafe มีที่มาจากความชอบและหลงใหลในร้านกาแฟสไตล์ญี่ปุ่นของเจ้าของร้าน จึงทำให้เกิดความคิดที่จะเปิดร้านในแนวที่ตนเองชื่นชอบนั่นเองค่ะ ที่นี่มีมุมถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ว่าจะโซนในร้านหรือด้านนอกก็เก๋ไก๋ไปหมด อย่างกับอยู่ญี่ปุ่นเลยนะเนี่ย ขนาดบริเวณหน้าห้องน้ำก็ยังเป็นอีกจุดหนึ่งที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจเลยนะจะบอกให้ ถ้าใครอยากมาทานอาหารและถ่ายรูปเช็คอินที่นี่ แอดแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ นะคะ เพราะช่วงเที่ยงโดยเฉพาะวันหยุด คนจะเยอะมาก ที่นี่ให้บริการทั้งอาหาร ขนม และเครื่องดื่ม ซึ่งเครื่องดื่มก็จะเป็นพวกชากาแฟต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นชาเขียวมัทชะ นมเย็น ชานมไข่มุก กาแฟ โกโก้ เป็นต้น มาดูขนมหวานกันบ้าง แอดขอแนะนำนี่ “ไดฟุกุสตรอว์เบอร์รี” ลูกใหญ่มากๆ บอกเลยว่าใครได้ลองจะต้องติดใจ  ที่ตั้ง 55/55 หมู่ 2 ถนนแม่น้ำแคว ตำบลท่ามะขาม อำเภอเมืองกาญจนบุรี จังหวัดกาญจนบุรีเปิดวันพฤหัสบดี-อังคาร (ปิดวันพุธ) เวลา 10.00 – 19.00 น.โทร 094 592 6553พิกัด https://goo.gl/maps/TKee2trkbU6kVDPTA

Kan Machi Cafe กาญจนบุรี อ่านเพิ่มเติม

ร้าน “จันกะผัก” จังหวัดเชียงราย

ร้านจันกะผักตั้งอยู่ภายในศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ จังหวัดเชียงราย ที่นี่เป็นร้านอาหารไทย ที่มีจุดเด่นอยู่ตรงผักที่นำมาปรุงอาหารเป็นผักจากศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ รับรองได้เลยว่าสด สะอาด และปลอดภัย เมนูแนะนำที่ต้องลองชิม ได้แก่ ส้มตำ(ทานคู่กับข้าวเหนียวอัญชัน) ผักทอด แหนมเนือง ข้าวยำน้ำบูดู และสลัดผักที่มีน้ำสลัดให้เลือกถึง 4 รส ใครที่ไม่ชอบทานผักต้องเปลี่ยนใจแน่นอน เพราะผักที่นี่หวาน กรอบ อร่อยมาก หลังจากทานของคาวแล้ว ก็มาตบท้ายด้วยของหวานกันดีกว่า ที่นี่มีของหวานให้เลือกหลายเมนู เช่น โยเกิร์ตฟรุตสลัด น้ำแข็งไส เค้ก และทีเด็ดก็คือ ไอศกรีมโฮมเมดหลากรส นอกจากอาหารอร่อยๆ แล้ว ทางร้านยังจำหน่ายพืชผลทางการเกษตรและสินค้าแปรรูปจากผลผลิตของศูนย์ฯ อีกด้วย แอดขอเล่าความเป็นมาของศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริสักเล็กน้อย… ศูนย์แห่งนี้เป็นโครงการในพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าให้มูลนิธิชัยพัฒนาและมูลนิธิแม่ฟ้าหลวงจัดตั้งขึ้น ที่นี่ปลูกพืชหลากหลายชนิดเพื่อนำเมล็ดพันธุ์ไปปรับปรุงจนได้สายพันธฺุ์ที่ดี สำหรับแจกจ่ายให้เกษตรกรนำไปเพาะปลูก มีทั้งพืชผักสวนครัว ผักพื้นบ้าน สมุนไพร พืชตระกูลแตง และผลไม้อีกหลายชนิด ถ้าเพื่อนๆ อยากชมบรรยากาศในส่วนต่างๆ ของศูนย์ฯ ที่นี่ก็มีรถรางให้บริการ แถมยังมีเจ้าหน้าที่บรรยายให้ความรู้อีกด้วย  สำหรับผู้ที่มาทานอาหารที่ร้านจันกะผัก ก็มาเดินเล่นรอบๆ ศูนย์ฯ ได้นะ ใกล้ๆ ร้านอาหารมีสระน้ำขนาดใหญ่ เพื่อนๆ สามารถไปให้อาหารปลาและเป็ด หรือนั่งเล่นเพลินๆ ได้ค่ะ ร้านจันกะผัก (ภายในศูนย์พัฒนาพันธุ์พืชจักรพันธ์เพ็ญศิริ )ที่ตั้ง 905 ต.โป่งผา อ.แม่สาย จ.เชียงรายพิกัด : https://goo.gl/maps/Sz57cMbzcUqdv58k6เปิดทุกวัน เวลา 07.30-21.00 น.โทร. 053 733 734

ร้าน “จันกะผัก” จังหวัดเชียงราย อ่านเพิ่มเติม

อ่าวตะเภา : ตราด

เกาะกูด ตั้งอยู่ในจังหวัดตราด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เกาะกูดเป็นเกาะที่มีอ่าวเล็กอ่าวน้อยเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นก็คืออ่าวตะเภา ซึ่งเป็นอ่าวที่มีหาดทรายสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะ มีความยาวประมาณ 400 เมตร อ่าวตะเภา เป็นมุมที่เงียบสงบแห่งหนึ่งของเกาะกูด หากเพื่อนๆ อยากจะมานั่งรับลมเย็นๆ แบบปลีกวิเวก แอดก็ขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ ไฮไลท์อย่างหนึ่งของการมาอ่าวตะเภา นอกจากจะเพื่อชมความสวยงามของทะเลและหาดทรายแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ตกด้วยนะคะ ว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะกูดเลยทีเดียว  ถ้าเพื่อนๆ มาเที่ยวเกาะกูด ก็อย่าลืมแวะมาชมอ่าวตะเภากันนะคะ  อ่าวตะเภา เกาะกูด ตำบลเกาะกูด อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราดพิกัด : https://goo.gl/maps/Jw9uNYxMUK3mxSki8

อ่าวตะเภา : ตราด อ่านเพิ่มเติม

1d+ Day Artist

“1d+ Day Artist” (วันดีเดย์อาร์ททิส) คาเฟ่ริมชายหาดเขาเต่า หัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ คือที่สุดของคำว่าดีงามเลยก็ว่าได้ ทั้งบรรยากาศ รสชาติอาหาร และมุมถ่ายรูป รับรองว่าถูกใจสาวๆ อย่างแน่นอน พร็อพต้องแน่นแล้วนะแบบนี้ ร้านตกแต่งเป็นตู้คอนเทนเนอร์คุมโทนขาวดำเท่ๆ มีโซนให้นั่งทั้งด้านในร้านและโซนเอาท์เดอร์ด้านนอก บอกก่อนว่าด้านในของร้านไม่ได้เป็นห้องแอร์นะ เป็นพัดลมธรรมดาเลย แต่อยู่ติดกับชายทะเลแบบนี้ รับรองว่าลมเย็นสบายแน่นอน ชิลแค่ไหนก็ลองดูกัน มุมนี้ตกแต่งด้วยตาข่ายสไตล์อวนของชาวประมง และยังมีเรือประมงเข้ากับบรรยากาศชิคๆ ริมทะเลด้วย 1d+ Day Artist มีทั้งอาหาร ขนม ของทานเล่น และเครื่องดื่มต่างๆ แอดบอกเลยว่ารสชาติดี การตกแต่งจานก็สวยอีกด้วย เมนูแรกแอดนำเสนอ Spaghetti carbonara เมนูหนึ่งเดียวในใจแอด ที่ไม่ว่าไปที่ไหนก็ต้องสั่ง แต่สำหรับร้านนี้รสชาติไม่ธรรมดาเลย เส้นนุ่ม เบคอนดี หอมชีสสุดๆ ใครสายเส้นต้องลองแล้วล่ะ  ข้าวผัดเบคอน รสชาติเริ่ดอยู่นะทุกคน เข้มข้น ข้าวผัดไม่แห้งและไม่แฉะจนเกินไป ทอปด้วยเบคอนเก๋ๆ มาพร้อมกับน้ำซุป ทุกอย่างคือดีงาม ต้องลองค่ะ สำหรับคนที่ชอบทานมะเขือเทศ บอกเลยว่าทั้งหวานทั้งกรอบ แอดฟาดเรียบ เพิ่มความสดใสกับ Red Seed Mocktail ที่เต็มไปด้วยผลไม้รสเปรี้ยวอย่างตระกูลเบอร์รี ส้ม ฯลฯ ผสมโซดาเพิ่มความซ่า แก้วนี้เหมาะมากสำหรับคนที่ชอบผลไม้  สดชื่นกันต่อด้วย น้ำส้มปั่น เย็นชื่นใจมากก มีเนื้อส้มให้เคี้ยวด้วยนะ คือดีย์ ถัดมากับ แอปเปิ้ลปั่น หากใครไม่ชอบน้ำนางเอกเหมือนแก้วก่อนหน้านี้ ลองเป็นแก้วนี้ดูมั้ย รสชาติหวานกำลังดี มีเนื้อแอปเปิ้ลฝานบางๆ ให้ทานเล่นได้ด้วย ความน่ารักของร้านอีกอย่างหนึ่งที่เป็นกิมมิคก็คือ ทุกโต๊ะจะมีถาดผลไม้ที่มีสับปะรดหรือไม่ก็มะพร้าวเป็นพร็อพ วางอยู่พร้อมกับป้ายหมายเลขโต๊ะ น่ารักมากเลยค่ะ  บริเวณริมชายหาดก็มีที่นั่งเช่นกัน สามารถมานั่งชิลกันได้ยาวๆ จนถึงค่ำเลยนะ เพราะว่าบรรยากาศในแต่ละช่วงเวลาจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างกันไป  สำหรับใครที่มาช่วงกลางวันแดดอาจจะแรงสักหน่อย แต่ถ่ายรูปออกมาสวยมากเลยนะ ส่วนถ้าใครชอบบรรยากาศโรแมนติกแนะนำให้มาช่วงเย็นๆ เพราะเค้าจะเปิดไฟด้วย เพื่อนๆ คนไหนไปแล้ว เอารูปภาพสวยๆ มาแบ่งแอดชมบ้างนะคะ 1d+ Day Artist (วันดีเดย์อาร์ททิส) ที่ตั้ง เขาเต่า หัวหิน ตำบลปากน้ำปราณ อำเภอปราณบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์เปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.โทร 087 656 9995พิกัด : https://g.page/1dDayArtist?share

1d+ Day Artist อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top