สถานที่ท่องเที่ยว

Walking Bangkok : เยาวราช

“เยาวราช” เมื่อได้ยินคำๆ นี้ทีไรแอดก็อดนึกถึงวัฒนธรรมไทย – จีน และของกินแสนอร่อยไม่ได้เลย .ปกติแล้วเยาวราชจะเป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดานักชิมยามราตรี แต่วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ ไปเดินลัดเลาะถ่ายรูป เช็คอิน และแวะชิมของอร่อยย่านเยาวราชในตอนกลางวันแบบ 1 Day Trip กันค่ะ วันนี้เราจะมาเริ่มต้นทริปด้วยการมาไหว้พระขอพรกันที่ “วัดไตรมิตรวิทยาราม” ค่ะ วัดนี้เป็นวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก โดดเด่นด้วยพระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ที่สวยงาม.ซึ่งกินเนสส์บุ๊คก็ได้บันทึกไว้ว่า “พระสุโขทัยไตรมิตร” หรือ “หลวงพ่อทองคำ” พระประธานภายในพระมหามณฑป เป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเดินทางมาเพื่อชมพระพุทธรูปองค์นี้ด้วยตาตนเองเป็นจำนวนมาก อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาวัดไตรมิตรก็คือ “ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช” หรือ “พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร” เพราะที่นี่จะทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับเยาวราชมากยิ่งขึ้น ผ่านการจัดแสดงตามห้องต่างๆ ค่ะ.ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100วัดเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น..พิพิธภัณฑ์เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.00 – 17.00 น. (ปิดวันจันทร์) ออกจากวัดมา เพื่อนๆ ก็จะพบกับ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา” ที่ชาวไทยเชื่อสายจีนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ใน พ.ศ.2542 .ปัจจุบันที่นี่ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงามของเยาวราช ซึ่งเพื่อนๆ สามารถมายืนขอพรรับพลัง รวมทั้งโพสต์ท่าถ่ายรูปชิคๆ ได้ค่ะ .ที่ตั้ง ถนนมิตรภาพไทย-จีน แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 ตอนนี้ท้องเริ่มร้องครวญครางเพราะความหิวแล้ว แอดเลยแวะทานอาหารที่ “ร้านหลงโถว” ก่อนจะเดินทางต่อ ร้านนี้เป็นคาเฟ่เล็กๆ สไตล์จีนที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ เมนูที่มาถึงแล้วต้องห้ามพลาดเลยก็คือ– Chinese Breakfast ชุดข้าวต้มสุดคลาสสิก– Egg Lava Bun ซาลาเปาไส้ไข่ไหลที่จัดว่าเด็ดมากๆ– Lhong Tou Shumai เกี๊ยวสอดไส้หมูสับและกุยช่าย ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดไม่เหมือนใคร– และสุดท้าย เกี๊ยวกุ้งทอดไส้แน่นจุใจ มีความกรอบนอกนุ่มใน แม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ภายในมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบหลายโซนเลย ซึ่งโซนยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้นชั้นลอย เพราะดูแปลกตาไม่เหมือนใคร.แอดแนะนำให้ไปก่อนเที่ยงนะคะ เพราะคนยังไม่เยอะมาก ถ้าไปหลังจากนั้นอาจจะต้องรอคิวนานเลยละค่ะ.ที่ตั้ง 538 ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น.โทร 085 824 6934 จากนั้นเราก็เดินไปตามถนนเยาวราช ลัดเข้าถนนแปลงนามเพื่อไปยังวัดเล่งเน่ยยี่ ระหว่างทางก็แวะชิม “ขนมจีบแป๊ะเซี๊ย” ตำนานขนมจีบรสเด็ดย่านเยาวราช หน้า “วัดมงคลสมาคม” หรือ “วัดญวน” กันซะหน่อย ตอนที่แอดมาถึงมีคนกำลังต่อคิวรอซื้อขนมจีบอยู่เป็นจำนวนมาก แต่รอไม่นานความอร่อยก็เดินทางมาสู่ปลายลิ้น ขนมจีบขนาดพอดีคำ อิ่มกำลังดี และที่สำคัญคือน้ำจิ้มอร่อยมาก.ถ้าใครผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมมาลองชิมกันดูนะคะ เพียงลูกละ 3 บาทเท่านั้น รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ.ที่ตั้ง ถนนแปลงนาม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 19.00 น. หลังจากอิ่มหนำสำราญกับขนมจีบกันแล้ว เราก็เริ่มเดินเท้าต่อไปยัง “วัดมังกรกมลาวาส” หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อว่า “วัดเล่งเน่ยยี่” นั่นเอง วัดเล่งเน่ยยี่นับเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม จุดเด่นของที่นี่คือการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เพื่อขอพร และการแก้ปีชง สำหรับใครที่อยากมาแก้ชง แอดแนะนำที่นี่เลย เพราะเค้าว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลยนะ ส่วนใครที่ไม่ได้ชงก็รอดื่มได้เลยค่ะ เอ๊ยไม่ใช่ค่ะ! ส่วนใครที่ไม่ได้เกิดตรงกับปีชงก็ยังสามารถมาไหว้เทพเจ้าต่างๆ เพื่อเสริมสิริมงคลได้นะคะ .ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. สถานที่สุดท้ายของทริปวันนี้ แอดมาทำบุญที่ “ศาลเจ้าไต้ฮงกง” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติ  ทุกวันนี้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากต่อวัน และผู้เสียชีวิตบางรายก็ไม่มีญาติหรือแม้กระทั่งเงินทำศพให้กับตนเอง ดังนั้นหากเราอยากจะทำทาน การบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งทีดีไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ.ที่ตั้ง ถนนพลับพลาไชย แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 20.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 17 มกราคม 2562

Walking Bangkok : เยาวราช อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : วังหน้า – บางลำพู

สัมผัสเสน่ห์ย่านชุมชนเก่าแก่ ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย แวะไหว้พระ เดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ตามหาของอร่อยๆ ทานให้หนำใจ ที่ “ย่านวังหน้า – บางลำพู” .บอกเลยว่าเป็นเส้นทางที่เดินไม่เหนื่อย เข้าไปไหว้พระสงบจิตสงบใจ ถ้าใครกลัวแดดร้อนก็สามารถเข้าไปตากแอร์เย็นๆ ในพิพิธภัณฑ์ หรือจะหามุมนั่งเล่นพักผ่อนในร้านกาแฟก็ย่อมได้  สถานที่กิน ที่เที่ยว – ร้านปาท่องโก๋ คาเฟ่– วัดบวรนิเวศวิหาร– ร้าน ณ บวร– พิพิธบางลำพู– ร้านพัวกี่ เย็นตาโฟ– พิพิธภัณฑ์เหรียญ– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร– วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร– นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว– ร้าน A pink rabbit + Bob ก่อนเริ่มทริป เราไปเติมพลังกันที่ร้าน “ปาท่องโก๋ คาเฟ่” กันก่อน ร้านเป็นตึกแถว 2 คูหา อยู่หัวมุมถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศพอดี ภายในร้านไม่ได้มีแค่ปาท่องโก๋นะ แต่ยังมีเมนูหลากหลายให้เลือกทานเลย ทั้งเมนูของคาวและของหวานที่ใช้ปาท่องโก๋มาประยุกต์ เช่น ปาท่องโก๋หน้าไก่ ปาท่องโก๋ยำทรงเครื่อง และอีกมากมาย แอดทานแบบเบาๆ กับเมนูปาท่องโก๋ย่างพริกเผาหมูหยอง บอกเลยอร่อยมากๆ อิ่มกำลังพอดี ปาท่องโก๋ไม่อมน้ำมันด้วย อีกเมนูก็คือ ปาท่องโก๋ไอศกรีมวานิลลา เมนูนี้ก็เก๋ไม่แพ้กัน เพราะเป็นปาท่องโก๋ที่โปะด้วยไอศกรีม 1 สกู๊ปอยู่ด้านบน ไอศกรีมเป็นแบบโฮมเมด มีหลายรสชาติทั้งชาไทย กาแฟ วานิลลา และลิ้นจี่ น่าลองทุกรสเลย ปาท่องโก๋ คาเฟ่ที่ตั้ง : 246 ถนนพระสุเมรุ แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ (อยู่ตรงหัวมุมถนนพระสุเมรุตัดกับถนนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ)เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.โทร. 02 281 9754 หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ก็เดินข้ามถนนมาที่ “วัดบวรนิเวศวิหาร” วัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ระหว่าง พ.ศ.2367-2375 โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่กองก่อสร้าง ต่อมา พ.ศ.2379 รัชกาลที่ 3 ได้เชิญเสด็จเจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งผนวชจำพรรษาอยู่ที่วัดราชาธิวาส มาจำพรรษาที่วัดนี้ โดยจัดขบวนแห่เหมือนอย่างพระมหาอุปราช แล้วพระราชทานนามวัดว่า “วัดบวรนิเวศวิหาร” พระอุโบสถ เป็นอาคารทรงตรีมุข หลังคามุงกระเบื้องเคลือบลูกฟูกแบบจีน หน้าบันประดับกระเบื้องเคลือบ ตรงกลางเป็นตราพระมหามงกุฏและพระแสงขรรค์ประดิษฐานเหนือพานแว่นฟ้า มีใบเสมาศิลาติดอยู่ที่ผนังด้านหน้า ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง ซึ่งรัชกาลที่ 4 มีพระราชดำริให้เขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงผนวช ภายในประดิษฐานพระประธาน 2 องค์องค์หน้าคือ “พระพุทธชินสีห์” อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก องค์หลังคือ “พระสุวรรณเขต” หรือ หลวงพ่อโต อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จ.เพชรบุรี ที่ฐานพุทธบัลลังก์ของพระพุทธชินสีห์ยังเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 9 ด้วย เจดีย์ประธานของวัดสร้างสมัยรัชกาลที่ 4 มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ หุ้มกระเบื้องสีทอง ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ บนฐานทักษิณชั้นบน ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ มีซุ้มปรางค์ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 องค์จำลอง ซึ่งหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ.2508 (ส่วนองค์จริงทำจากปูนปลาสเตอร์ ประดิษฐานอยู่ภายในตำหนักเพ็ชร)  เดินไปอีกนิดจะพบ “วิหารพระศาสดา” ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2402 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ภายในวิหารแบ่งเป็น 2 ตอน ทิศตะวันออกประดิษฐาน “พระศาสดา” พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ทิศตะวันตกประดิษฐาน “พระไสยา” พระพุทธรูปสำริดลงรักปิดทองปางไสยาสน์ สมัยสุโขทัย ที่ฐานบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งทรงเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในวัดยังมีตำหนัก วิหาร และอาคารต่างๆ ที่สวยงามและน่าชมอยู่อีกมากเลยล่ะ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหารที่ตั้ง : ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/mKqHQMqkr7n หลังจากไว้พระ เดินชมวัดเรียบร้อยแล้ว แอดก็มานั่งพัก หาอะไรดื่มกันที่ร้าน “ณ บวร” ร้านกาแฟโมเดิร์นคลาสสิกประยุกต์ ตั้งอยู่ในตึกแถวโบราณ ริมถนนพระสุเมรุ ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร คำว่า “ณ บวร” มีความหมายตามหลักภาษาไทย ดังนี้“ณ” หมายถึง ที่นี่“บวร” หมายถึง ประเสริฐ เลิศล้ำ แต่สำหรับร้านนี้ คำว่า “ณ บวร” ยังซ่อนความหมายและเจตนารมย์ของร้านเอาไว้ในตัวอักษรด้วย นั่นก็คือ “บ” คือ บ้าน สถานที่อบอุ่นผ่อนคลาย“ว” คือ วัด เขตของความสุข สงบ สบาย“ร” คือ ร้านกาแฟ อันหมายถึงศูนย์กลางเล็กๆ ของชุมชนที่พร้อมบริการเครื่องดื่ม ขนม และบริการที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายและร่วมสมัย น่านั่งมากๆ เนื่องจากตอนนี้ยังเช้าอยู่ ร่างกายต้องการคาเฟอีน แอดเลยสั่ง คาราเมล แมคเคียโต้เย็น (Iced Caramel Macchiato) รสชาติเข้มข้น หอมคาราเมล ไม่หวานเกินไป ชอบมากกก อีกเมนูคือ ช็อกโกแลตร้อน (Hot Chocolate) เข้มข้นถึงใจมากๆ

Walking Bangkok : วังหน้า – บางลำพู อ่านเพิ่มเติม

ล่องแก่งอีแต๊ก กินข้าวริมน้ำตก ณ บ้านคีรีวงกต จ.อุดรธานี

หมู่บ้านคีรีวงกต ตั้งอยู่ในอำเภอนายูง อำเภอเหนือสุดของจังหวัดอุดรธานี เป็นหมู่บ้านท่ามกลางขุนเขาอันเขียวขจีของอุทยานแห่งชาติน้ำโสม-นายูง ที่เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกห้วยพาง น้ำตกที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตในหมู่บ้านแห่งนี้ หมู่บ้านนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในแบบชุมชน ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราจะได้รับประสบการณ์ฟินๆ กลับบ้านอย่างแน่นอน ฟินที่ 1 : ล่องแก่งอีแต๊ก เริ่มทริปด้วยการนั่งรถอีแต๊กชมบรรยากาศและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติรอบๆ หมู่บ้าน ระหว่างทางจะได้เห็นวิถีชาวบ้านที่มีการทำการเกษตร ปลูกผัก ปลูกสตรอว์เบอร์รี เป็นต้น.จากนั้นเราจะนั่งรถอีแต๊กลุยห้วยน้ำฮวย เข้าสู่ป่าไปยังน้ำตกห้วยช้างพลาย งานนี้ต้องมีเปียกกันบ้างแหละ ฟินที่ 2 : ทานบุฟเฟ่ต์ริมน้ำตก ทริปนี้เราจะได้ทานอาหารแบบบ้านๆ ริมน้ำตก มีทั้งส้มตำรสแซ่บ ไก่ย่างรสเด็ด ปลาเผา แกงส้มปลาใส่ในกระบอกไม้ไผ่ พร้อมผลไม้ ขอบอกว่าอร่อยทุกเมนู วางช้อนไม่ลงเลย.และที่เก๋ไก๋สุดๆ คือภาชนะทุกอย่างทำจากใบตองและกระบอกไม้ไผ่ ไม่ว่าจะเป็นจาน ช้อน และแก้วน้ำ โอโห้ นี่แหละวิถีรักษ์โลกของแท้ ฟินที่ 3 : จิบกาแฟอาราบิก้า OTOP ของอำเภอนายูง อำเภอนายูงส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ รวมถึงหมู่บ้านคีรีวงกต ปลูกกาแฟอาราบิก้าและพืชเมืองหนาว มีการก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกาแฟนายูงขึ้น มีโรงงานแปรรูปกาแฟที่ผลิตทั้งกาแฟอาราบิก้าและโรบัสต้าในรูปแบบกาแฟคั่วบด ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “กาแฟนายูง Nayung’s Coffee” ฟินที่ 4 : บ้านพักกลางป่า ในหมู่บ้านมีที่พักแบบโฮมสเตย์และรีสอร์ทให้บริการ ตื่นมารับแดดยามเช้าและชมวิวภูเขาแบบใกล้ๆ ถ้าเป็นหน้าฝน-หน้าหนาว จะได้ขึ้นไปชมทะเลหมอกจากจุดชมวิวบนยอดเขาด้วยนะเจอแบบนี้ แอดฟินตายเลย………………………………………..ใครสนใจไปเที่ยวที่หมู่บ้านคีรีวงกต เขามีโปรแกรมมานำเสนอตามนี้นะจ๊ะ – ล่องแก่งอีแต๊กไป-กลับ ไม่รวมอาหารและน้ำดื่ม ราคาคันละ 500 บาท นั่งได้ 8 คน– ล่องแก่งอีแต๊ก รวมอาหารกลางวัน ราคา 300 บาทต่อคน– ล่องแก่งอีแต๊ก 2 วัน 1 คืน ราคา 900 บาทต่อคน รวมค่าที่พักแบบโฮมสเตย์ และอาหาร 3 มื้อ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ใหญ่นรินทร์ (ผู้ใหญ่บ้านคีรีวงกต) โทร. 083 147 9004 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 มกราคม 2562

ล่องแก่งอีแต๊ก กินข้าวริมน้ำตก ณ บ้านคีรีวงกต จ.อุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

“หมู่บ้านอีต่อง” จ.กาญจนบุรี

หมู่บ้านอีต่อง เดิมเป็นเหมืองแร่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย แต่ต่อมาได้ปิดตัวลงเนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจ หมู่บ้านอีต่องถือเป็นหมู่บ้านที่อากาศดีและบริสุทธิ์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และที่สำคัญยังมีอากาศเย็นตลอดทั้งปีอีกด้วยค่ะ ในยามเช้าเพื่อนๆ จะได้พบกับไอหมอกจางๆ ลอยตัดกับแสงแดด ณ บริเวณบ่อน้ำกลางหมู่บ้าน นับเป็นภาพบรรยากาศที่ติดตาตรึงใจสุดๆ เลยละค่ะ เมื่อเดินเล่นไปเรื่อยๆ เราก็จะได้พบกับมุมถ่ายรูปยอดฮิต ก็คือ ราวสะพานที่มีป้ายไม้มากมายห้อยไว้เต็มไปหมด.ป้ายไม้เหล่านี้เป็นป้ายที่ผู้มาเยือนได้เขียนข้อความต่างๆ และนำมาแขวนไว้ ไม่ว่าจะเป็นความประทับใจที่ได้เดินทางมาที่นี่ ชื่อของตัวเองและคนรัก หรือแม้กระทั่งขอพรก็ยังมี เมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือการไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิวเนินช้างศึก เพราะนอกจากความสวยงามของดวงอาทิตย์ที่กำลังอัสดงแล้ว เพื่อนๆ ยังจะได้ชมทิวทัศน์ของชายแดนไทย-พม่าอีกด้วยค่ะ ความวุ่นวายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องพบเจอ หากเราจมอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากจะหาทางแก้ไขไม่ได้แล้วยังทำให้เกิดความเครียดอีกด้วย การได้ออกเดินทางท่องเที่ยว หลีกหนีความวุ่นวายไปสูดอากาศบริสุทธิ์ แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยให้เราแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นช่วงเวลาดีๆ ที่จะทำให้เราได้หยุดคิดพิจารณา และสุดท้ายเราอาจพบว่าปัญหาต่างๆ ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดก็เป็นได้… เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 29 มกราคม 2562

“หมู่บ้านอีต่อง” จ.กาญจนบุรี อ่านเพิ่มเติม

อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน : อโรคยาศาลโป่งคำราม

อโรคยาศาล โป่งคำราม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตาก ที่เรียกได้ว่าเป็นออนเซ็นแห่งแม่กาษาเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใครในประเทศไทยนั่นก็คือ การแช่ออนเซ็นในถังไม้โอ๊กแบบญี่ปุ่นนั่นเอง น้ำแร่โป่งคำราม มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เป็นน้ำพุร้อนอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส จากการวิจัยพบว่ามีแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ ปราศจากกรดและกลิ่นกำมะถันอีกด้วย ถังไม้โอ๊กถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ น่าลงไปแช่มากๆ แต่ก่อนจะลงไปแช่ต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนนะคะ จากนั้นลงแช่น้ำแร่ประมาณ 15-20 นาที หากแช่นานกว่านั้นอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียหรือเกิดการช็อคได้ หลังจากแช่น้ำแร่แล้วควรอาบน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อกระชับรูขุมขน ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนของการแช่น้ำแร่แล้วล่ะค่ะ การแช่น้ำแร่จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า และช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บบางอย่างได้ สำหรับผู้ที่ปวดเมื่อยตามร่างกายหรือเป็นตะคริวบ่อยๆ การแช่น้ำแร่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเลยล่ะ ที่นี่เค้าแยกโซนของผู้หญิงและผู้ชายอย่างชัดเจน ทั้งห้องเปลี่ยนผ้า ห้องน้ำ และโซนแช่น้ำแร่ แช่กันได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวเขินเลย  ที่ตั้ง : 346 หมู่ 6 บ้านน้ำดิบ ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตากเปิดทุกวันเวลา 06.00 – 20.00 น.โทร. 098 286 8899พิกัด : https://goo.gl/maps/H56vJ2pHzL82 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 30 มกราคม 2562

อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน : อโรคยาศาลโป่งคำราม อ่านเพิ่มเติม

วัดหนองบัว : กระจกสะท้อนวัฒนธรรม

วัดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงของ จ.น่าน เนื่องจากมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม ซึ่งสันนิษฐานว่าศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานก็คือเจ้าของภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์อันโด่งดังนั่นเองค่ะ เมื่อเพื่อนๆ มาถึงวัดหนองบัว สิ่งแรกที่จะได้พบก็คือ คุณตาคุณยายกำลังนั่งเล่นดนตรีพื้นบ้านกันอย่างสนุกสนาน เพื่อคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ณ บริเวณทางเข้าวัด ซึ่งเพื่อนๆ สามารถร่วมสมทบทุนวงดนตรีพื้นบ้าน ผู้สูงอายุบ้านหนองบัวได้ค่ะ วัดหนองบัวเป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองบัว ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยและพระพุทธรูปล้านนาองค์เล็กอีกหลายองค์ นอกจากนี้ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพที่สวยงามและหาชมได้ยากอีกด้วย โดยผู้วาดก็คือจิตรกรชาวไทลื้อที่ชื่อ หนานบัวผัน ซึ่งเป็นเจ้าของผลงานภาพปู่ม่านย่าม่านอันเลื่องชื่อที่วัดภูมินทร์นั่นเองค่ะ นี่คือภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดหนองบัวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าลวดลายต่างๆ ที่ยังอยู่นั้นมีความสวยงามเพียงใด แม้บางภาพอาจจะดูเลือนรางจางลงไปตามกาลเวลาบ้างแล้วก็ตาม นอกจากความสวยงามของวัดและภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมี “ศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” อีกด้วยค่ะ ซึ่งศูนย์แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนศูนย์รวมของชุมชน เพราะเมื่อว่างจากงานที่ทำอยู่ ชาวบ้านก็จะมาช่วยกันปั่นฝ้าย ทอผ้า เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น และเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชนอีกด้วยค่ะ เพื่อนๆ สามารถมาลองรีดเมล็ดฝ้ายและปั่นฝ้ายด้วยตนเองได้ด้วยนะคะ โดยจะมีคุณยายอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยสอนอยู่ค่ะ วัดหนองบัวที่ตั้ง : บ้านหนองบัว ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่านพิกัด : https://goo.gl/maps/JfsMr49cJgR2 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 31 มกราคม 2562

วัดหนองบัว : กระจกสะท้อนวัฒนธรรม อ่านเพิ่มเติม

A day in Chainat : 1 วัน ตะลอนเที่ยวชัยนาท

1 วันในชัยนาท จะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ตามไปดูกันเลย สถานีตำรวจภูธรอำเภอสรรพยา (โรงพักเก่าสรรพยา) เป็นอาคารที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 มีอายุกว่า 100 ปี นับเป็นโรงพักที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และยังได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2561 ประเภทอาคารสถาบันและอาคารสาธารณะ จากสมาคมสถาปนิกสยามอีกด้วย ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของอำเภอสรรพยา.ที่ตั้ง : หมู่ 4 ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/QUZj82MKeXN2เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. ก๋วยเตี๋ยวโบราณ สูตรแต้จิ๋ว มาเที่ยวอำเภอสรรพยาต้องห้ามพลาดบะหมี่ป้าโหนก ร้านตั้งอยู่ย่านตลาดโรงพักเก่าสรรพยา คนในพื้นที่มักเรียกกันติดปากว่าก๋วยเตี๋ยวป้าโหนก ร้านนี้เปิดมายาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งป้าโหนกเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจากคุณพ่อ ทีเด็ดอยู่ตรงเส้นบะหมี่ที่ทำเองวันต่อวัน และเป็นสูตรเฉพาะของครอบครัว ที่สำคัญไม่ใส่สีและสารกันบูดด้วย.ที่ตั้ง : ย่านตลาดโรงพักเก่า ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/v2bLugZQtw92เปิดทุกวัน เวลา 10.00-16.00 น. ชุมชนตลาดเก่าสรรพยา ถ้าใครอยากมาเดินเล่นย้อนอดีตหรือถ่ายรูปกับบ้านเรือนเก่าๆ และสตรีทอาร์ตสวยๆ ต้องมาที่นี่เลย  ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน บริเวณชุมชนแห่งนี้จะมีการจัดงาน “โรงพักเก่าสรรพยา Night Market” เป็นถนนคนเดินยามค่ำคืน มีสินค้าและของดีจากชุมชนมาขายมากมาย ตลาดเปิดทุกเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน เวลา 15.00-21.00 น. มาถึงตลาดโรงพักเก่าสรรพยาทั้งที ต้องมาชิมของดีของอำเภอสรรพยา เช่น ต้มปลาร้าหัวตาล เม็ดขนุนจาวตาล และขนมหน้างากุยหลี เป็นต้น วัดสรรพยาวัฒนาราม เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ หลวงพ่อสำเร็จ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นบริเวณหน้าวัด เป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเสร็จภายใน 1 วัน โดยการนำเอาพระพุทธรูปองค์เล็กๆ จำนวน 175,000 องค์ มาติดบริเวณผิวขององค์พระโดยรอบ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่า การได้มากราบหลวงพ่อสำเร็จ 1 ครั้ง เท่ากับได้รับพรจากพระนับแสนองค์เลยทีเดียว ด้านนอกของวิหารน้อยมีประติมากรรมปูนปั้น “พระฉาย” ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติ ที่พระพุทธเจ้าได้ประทับเงาของพระองค์ลงบนหน้าผาเพื่อให้ผู้คนได้มาเคารพบูชา ภายในวิหารน้อยมีพระพุทธรูปปางกราบพระบรมศพที่หาชมได้ยาก ชาวบ้านนิยมมาขอพรเกี่ยวกับสุขภาพ ให้หายจากอาการเจ็บป่วยหรือให้ร่างกายแข็งแรง.ที่ตั้ง : อ.สรรพยา จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/fkH6h4yGYSoเปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. เรียนรู้วิธีการทำน้ำตาลโตนด อำเภอสรรคบุรี เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกต้นตาลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตำบลห้วยกรดและตำบลบางขุด จึงมีการนำน้ำตาลสดมาแปรรูปเป็นน้ำตาลโตนด.เราสามารถเข้าไปดูวิธีการทำน้ำตาลโตนดได้ที่ชุมชน โดยการทำน้ำตาลโตนดจะมีช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม หากใครต้องการไปเรียนรู้วิถีชุมชน วิถีคนทำตาล สามารถไปได้ที่ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงอนุรักษ์ตาลโตนดที่ตั้ง : หมู่ 9 ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาทเทศบาลตำบลห้วยกรด โทร.056 945 088-9 ขนมหน้าควายลุย.ขนมชื่อแปลกที่หาทานได้เฉพาะจังหวัดชัยนาทเท่านั้น ขนมชนิดนี้เกิดจากการที่ชาวบ้านในชุมชนนำวัตถุดิบที่หาได้ง่ายๆ ใกล้ตัว อย่างถั่วเขียวและเผือกที่ปลูกไว้ รวมทั้งน้ำตาลโตนดที่เป็นของขึ้นชื่ออำเภอห้วยกรด มาทำเป็นขนม.วิธีการทำคือ นำถั่วเขียวและเผือกไปนึ่งให้สุก ใส่กะทิสด แล้วกวนให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำตาลโตนด และกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อเสร็จแล้วเนื้อจะเหนียวข้นเหมือนกับโคลนที่ถูกควายลุยนั่นเอง เวลารับประทานก็ตักใส่บนข้าวเหนียวมูนร้อนๆ ที่ราดด้วยกะทิ รสชาติหวานมันเค็มกำลังดี มีเนื้อเผือกนุ่มๆ อร่อยละมุนลิ้นสุดๆ.ขนมหน้าควายลุย หาทานได้ที่ ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/3a9Pv7fPpqp วัดมหาธาตุ หรือ วัดหัวเมือง เป็นวัดเก่าแก่ของอำเภอสรรคบุรี โบราณสถานที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ พระปรางค์ยอดกลีบมะเฟือง มีลักษณะเป็นปรางค์ทรงสูงชะลูด ส่วนยอดคล้ายกลีบมะเฟือง นิยมสร้างในสมัยอู่ทอง พระพุทธรูปสำคัญภายในวัดได้แก่ หลวงพ่อใหญ่ ที่มีอายุกว่า 700 ปี หลวงพ่อทองดำ พระพุทธสรรค์สิทธิ และหลวงพ่อหลักเมือง หรือหลวงพ่อหมอ พระพุทธรูปเหล่านี้ล้วนมีความเก่าแก่ เชื่อกันว่าสร้างขึ้นราวสมัยอยุธยาตอนต้น.ที่ตั้ง : ถนนเลียบแม่น้ำน้อย ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/dV3vMbjd2pP2 วัดทรงเสวย เดิมชื่อ “วัดหนองแค” เมื่อ พ.ศ.2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ ตรวจสอบลำน้ำเก่าทางเรือ ทรงแวะพักเสวยพระกระยาหารที่วัดนี้ และได้พระราชทานนามว่า “วัดเสวย” ชาวบ้านเห็นเป็นราชาศัพท์ จึงเพิ่มคำว่า “ทรง” เข้าไปด้วย กลายเป็นวัด “ทรงเสวย” ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ พระพุทธสุวรรณชัยมหามุนี (หลวงพ่อทองคำ) ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ นับถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 สิ่งของเนื่องในงานพระศพของพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 ซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานไว้ให้แก่วัด ได้แก่ บาตร ปิ่นโต และป้านน้ำชา เป็นต้น ที่ตั้ง : บ้านหนองแค เลขที่ 63 หมู่ 1 ต.หนองน้อย อ. วัดสิงห์ จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/xUhgF2auXk12 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 31 มกราคม 2562

A day in Chainat : 1 วัน ตะลอนเที่ยวชัยนาท อ่านเพิ่มเติม

บุก 2 ภู ดูหมอกเลย

จังหวัดเลยตั้งอยู่ท่ามกลางขุนเขาน้อยใหญ่ เป็นจังหวัดในภาคอีสานที่มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย แต่ละที่ล้วนสวยงามและมีเสน่ห์ ชนิดที่ไปแล้วก็ต้องกลับไปซ้ำ เพราะความประทับใจในแต่ละครั้งไม่เคยซ้ำกันเลยจริง ๆ . แอดมีตัวอย่างเส้นทาง “บุก 2 ภู ดูหมอกเลย” เที่ยวเลยแบบ 2 วัน 1 คืน มาฝากให้เพื่อน ๆ ได้ลองดูเป็นไอเดีย . ทริปนี้ แอดบอกก่อนเลยว่า เหมาะสำหรับสายแอดเวนเจอร์ อยากให้เพื่อน ๆ เดิน ค่อย ๆ เที่ยว แอดเลยไม่ได้ใส่สถานที่ท่องเที่ยวมาเยอะมาก วันที่ 1– ภูป่าเปาะ อำเภอหนองหิน– สวนหินผางาม อำเภอหนองหิน วันที่ 2– อุทยานแห่งชาติภูเรือ อำเภอภูเรือ– วัดป่าห้วยลาด อำเภอภูเรือ อย่าลืมแวะชิม “ตำด๊องแด๊ง” อาหารถิ่นจังหวัดเลยด้วยนะ จุดแรกที่เราจะไปก็คือที่ ภูป่าเปาะ อำเภอหนองหิน ห่างจากตัวเมืองเลยประมาณ 64 กิโลเมตร.ภูป่าเปาะ เป็นเขาที่มีความสูงจากระดับน้ำทะเลประมาณ 910 เมตร จุดเด่นของภูป่าเปาะคือ สามารถมองเห็นภูหอ ที่มีลักษณะเป็นภูเขายอดตัด ตั้งตระหง่านโดดเด่น คนที่ได้เห็นต่างพูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ภูหอคล้ายภูเขาไฟฟูจิ ประเทศญี่ปุ่น.การเดินทางขึ้นไปยังภูป่าเปาะ นักท่องเที่ยวไม่สามารถขับรถขึ้นไปเองได้ ต้องจอดไว้ที่ด้านล่างแล้วใช้รถอีแต๊กท้องถิ่นที่จอดคอยให้บริการอยู่บริเวณตีนภู ราคาคนละ 60 บาท คันหนึ่งนั่งได้สูงสุด 7 คน ที่ภูป่าเปาะ มีจุดชมวิวหลัก ๆ อยู่ 4 จุด แต่ละจุดห่างกัน 200 เมตร รถอีแต๊กจะจอดส่งเราที่จุดที่ 1 จากนั้นเราต้องเดินเท้าต่อขึ้นไปด้วยตัวเอง ไฮไลท์ของที่นี่คือยอดภู ซึ่งเป็นจุดที่สามารถมองดูภูหอพร้อมวิวสวย ๆ แบบพาโนรามา 360 องศา และหากสภาพอากาศเป็นใจ เราจะได้ชมทะเลหมอกอีกด้วย.จากภูป่าเปาะ เราสามารถมองเห็นภูอื่น ๆ อีกหลายภู ไม่ว่าจะเป็น ภูกระดึง ภูหลวง ภูยอง ภูผาขวาง ภูค้อ ภูกระแต สวนหินผางาม ภูผาม่าน.บนภูป่าเปาะไม่มีที่พักและไม่อนุญาตให้กางเต็นท์ มีห้องน้ำและร้านอาหารให้บริการแต่อยู่บริเวณที่ทำการด้านล่าง.ภูป่าเปาะที่ตั้ง: ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลยเปิดให้บริการทุกวัน รถอีแต๊กเปิดให้บริการตั้งแต่ เวลา 05.00 – 18.00 น. (นักท่องเที่ยวสามารถอยู่บนยอดภูได้ถึง 19.00 น.)โทร. 06 0837 9938พิกัด https://goo.gl/maps/nmuhy4YxDyMfTcWm6 หลังจากเดินเที่ยวบนภูแล้ว จุดต่อไปคือสวนหินผางาม ห่างจากภูป่าเปาะประมาณ 7 กิโลเมตร.สวนหินผางามเป็นสวนหินปูนอายุประมาณ 250-280 ล้านปี ซึ่งมีอายุใกล้เคียงกับสวนหินที่เมืองคุณหมิง สาธารณรัฐประชาชนจีน หลาย ๆ คนเรียกที่นี่ว่า คุณหมิงเมืองเลย เนื่องจากทางเดินในสวนหินแคบและวกวน อาจจะทำให้เกิดการพลัดหลงได้ จึงต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง สามารถติดต่อเจ้าหน้าที่ได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว.การเข้าชมจะแบ่งเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 10 คน ค่าบริการกลุ่มละ 100 บาท จุดที่น่าสนใจภายในสวนหินผางาม ได้แก่ ถ้ำทะลุ ภูเขารูปทรงต่าง ๆ จุดชมวิวยอดเขาผาบ่อง เป็นต้น.สวนหินผางามที่ตั้ง: ตำบลปวนพุ อำเภอหนองหิน จังหวัดเลยเปิดให้บริการทุกวันตั้งแต่ 08.30 – 17.00 น. โทร. 06 4261 5103พิกัด https://goo.gl/maps/A2tjNnu4A4RuUjgr8 วันที่ 2.เริ่มเช้าวันใหม่ด้วยการขึ้นไปชมทะเลหมอกบนอุทยานแห่งชาติภูเรือ ห่างจากสวนหินผางามประมาณ 106 กิโลเมตร ซึ่งหากเพื่อน ๆ จะเที่ยวตามที่แอดแนะนำ แอดอยากให้พักบริเวณตัวอำเภอภูเรือ เพื่อสะดวกต่อการเดินทางขึ้นภูในเวลาเช้า.อย่าลืมจองคิวใน App QueQ ก่อนเข้าพื้นที่อุทยานฯ ด้วยนะ อุทยานแห่งชาติภูเรือ มีพื้นที่ครอบคลุมอำเภอภูเรือ อำเภอท่าลี่ จังหวัดเลย ส่วนอาณาเขตด้านทิศเหนือติดกับประเทศลาว.ยอดเขาที่สูงที่สุดคือ ยอดภูเรือ มีความสูงถึง 1,365 เมตรจากระดับน้ำทะเลปานกลาง สาเหตุที่เรียกว่า “ภูเรือ” เนื่องจากภูเขาลูกหนึ่งในอุทยานฯ มีชะโงกผายื่นออกมาดูคล้ายสำเภาใหญ่ และที่ราบบนยอดเขามีลักษณะคล้ายท้องเรือนั่นเอง.นักท่องเที่ยวไม่สามารถนำรถขึ้นไปบริเวณยอดภูเรือได้ วิธีขึ้นไปมี 2 วิธี คือ1. เดินขึ้นภูเรือด้วยตัวเอง ระยะทางประมาณ 1.3 กิโลเมตร2. ใช้บริการรถสองแถวของชาวบ้าน ที่จอดอยู่ในบริเวณที่ทำการอุทยานฯ ราคาเที่ยวละ 10 บาท (ขึ้น 10 บาท ลง 10 บาท) บนยอดภูเรือเราจะเห็นป่าสนเขาสลับกับสวนหินธรรมชาติ จุดชมพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอกที่สวยงาม และดอกไม้หลากหลายพันธุ์ เช่น กุหลาบแดง กุหลาบขาว ดาวเรือง ภูเฟิร์น กล้วยไม้ป่า เป็นต้น นอกจากนี้ บนยอดภูเรือยังเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธนาวาบรรพต เป็นพระพุทธรูปที่ชาวภูเรือ อัญเชิญมาจากวัดพระญาติ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมื่อปี พ.ศ.2520 เพื่อความเป็นสิริมงคล แก่ชาวภูเรือนั่นเอง.ในอุทยานฯ ยังมีจุดชมวิวและสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายจุด เช่น ผาโหล่นน้อย ผาช่าทอง น้ำตกห้วยไผ่ หินศิวลึงค์ สวนหินพาลี ทุ่งหินพานขันหมาก หินเต่า เป็นต้น.สำหรับผู้ชื่นชอบการกางเต็นท์ สามารถนำเต็นท์ไปกางนอนได้ เสียค่าบำรุงสถานที่ 30 บาท ต่อคน หากใครไม่มีเต็นท์ส่วนตัว สามารถเช่าของทางอุทยานฯ ได้ เป็นเต็นท์ขนาด 3 คนนอน ราคาหลังละ 250 บาท และค่าเครื่องนอนชุดละ 60 บาท.อุทยานแห่งชาติภูเรือที่ตั้ง: ตำบลหนองบัว อำเภอภูเรือ

บุก 2 ภู ดูหมอกเลย อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวนครนายก-ปราจีนบุรี 2 วัน 1 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวนครนายก-ปราจีนบุรี 2 วัน 1 คืน ถึงนครนายกและปราจีนบุรีจะเป็นจังหวัดเล็ก ๆ แต่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวที่น่าไปหลายแห่ง เรียกว่าครบทั้งที่เที่ยวทางธรรมชาติ ร้านอาหาร คาเฟ่สุดชิค และแหล่งเรียนรู้ บอกเลยว่าทริปนี้ได้ทั้งความชิลและความรู้ไปแบบเต็ม ๆ.ทริปนี้แอดจะพาไปเที่ยวที่ไหนบ้าง ตามมาดูเลยค่ะ จังหวัดนครนายก– Montreux Café & Farm– วัดจุฬาภรณ์วนาราม– อุทยานพระพิฆเณศ– สะพานทุ่งนามุ้ย จังหวัดปราจีนบุรี– พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร– บ้านเล่าเรื่อง…เมืองสมุนไพร– ภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ– Café Kantary 304 ร้าน Montreux Café & Farm เริ่มต้นที่แรกด้วยร้าน Montreux Café and Farm (มองเทรอส์ คาเฟ่ แอนด์ ฟาร์ม) คาเฟ่บรรยากาศดี มีฟาร์มเล็ก ๆ ให้เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจ.ภายในร้านแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนของคาเฟ่ และฟาร์ม คาเฟ่ให้บริการอาหาร น้ำดื่ม และขนม ใครหิวมาฝากท้องได้ที่นี่เลยค่ะ อร่อยทุกอย่าง .ที่ตั้ง : ตำบลบึงศาล อำเภอองครักษ์ จังหวัดนครนายกโทร. 087 979 7341เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-19.00 น. (ปิดทุกวันจันทร์)พิกัด : https://goo.gl/maps/i31f3oMceZJ6nbzp8 ส่วนฟาร์มจะอยู่ด้านหลังร้าน บรรยากาศสไตล์บ้านทุ่ง มีนาข้าวและสระน้ำเล็ก ๆ ให้พายเรือเล่น หรือจะนั่งให้อาหารปลาชิล ๆ ริมสระก็ได้นะ นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมทำไข่เค็มดินสอพอง ครอบครัวไหนที่มีน้อง ๆ หนู ๆ มาด้วย สามารถมาทำกิจกรรมนี้กันได้ค่ะ  วัดจุฬาภรณ์วนาราม ไปเที่ยวต่อกันที่วัดจุฬาภรณ์วนาราม วัดนี้สร้างขึ้นในโอกาสที่สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี ทรงเจริญพระชนมายุ 50 พรรษา เมื่อวันที่ 4 กรกฎาคม พ.ศ. 2550 ซึ่งพระองค์ได้พระราชทานนามวัดว่า “วัดจุฬาภรณ์วนาราม” พร้อมทั้งพระราชทานตราสัญลักษณ์ จภ เป็นตราประจำวัด เมื่อวันที่ 26 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2550.ที่นี่เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินยอดนิยมของจังหวัดนครนายก ไฮไลท์ที่โดดเด่นคือซุ้มต้นไผ่ที่อยู่บริเวณทางเดินเข้าวัด แอดบอกเลยว่าสวยมาก ร่มรื่นสุด ๆ ถ่ายรูปกันได้อย่างเพลิดเพลินเลยค่ะ.ที่ตั้ง : ตำบลบ้านพริก อำเภอบ้านนา จังหวัดนครนายกเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.โทร. 080 011 3791พิกัด https://goo.gl/maps/jCpXxNQCw9hGRenE9 หลังจากถ่ายรูปกับซุ้มต้นไผ่แล้ว อย่าลืมเข้าไปไหว้พระด้านในวัดเพื่อเสริมสิริมงคลกันด้วยนะคะ อุทยานพระพิฆเณศ อุทยานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นศูนย์ปฏิบัติธรรม ภายในมีพระพิฆเณศปางประทานพรและปางเสวยสุของค์ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย และยังจัดแสดงพระพิฆเณศ 108 ปางอีกด้วย . ที่ตั้ง : 24/4 หมู่ที่ 11 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายกเปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.โทร. 088 914 1987พิกัด https://goo.gl/maps/b6SXgaqDk9jHeJvs6 สะพานทุ่งนามุ้ย ปิดท้ายการท่องเที่ยวจังหวัดนครนายกกันที่สะพานทุ่งนามุ้ย ซึ่งเป็นสะพานไม้ไผ่รูปตัว s มีความยาวประมาณ 150 เมตร ทอดยาวคดโค้งผ่านทุ่งนา เนื้อที่ประมาณ 2 ไร่ บริเวณนี้มีร้านกาแฟและร้านขายผลผลิตทางการเกษตรของชาวบ้านให้เราไปอุดหนุนกันด้วย.เพื่อน ๆ สามารถเดินทางไปเที่ยวสะพานทุ่งนามุ้ยได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้าใครอยากเห็นทุ่งนาสีเขียวแบบนี้ต้องไปช่วงปลายปีนะคะ.ที่ตั้ง : 88 หมู่ที่ 11 ตำบลสาริกา อำเภอเมืองนครนายก จังหวัดนครนายกเปิดทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น.โทร. 094 493 4321พิกัด https://goo.gl/maps/JDr7ZsK8zbC5Q3dY6 ไปต่อที่จังหวัดปราจีนบุรีกันเลยค่ะ ที่แรกที่เราจะไปคือ พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร .ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร อาคารสีเหลืองสดใสสไตล์บาร็อกริมแม่น้ำปราจีนบุรีแห่งนี้ ตั้งอยู่ภายในโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตึกที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างขึ้นด้วยทรัพย์สินส่วนตัว เคยใช้เป็นที่ประทับของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อครั้งเสด็จฯ เยือนมณฑลปราจีน และเคยใช้เป็นตึกอำนวยการรักษาผู้ป่วย.ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศรได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานเมื่อ พ.ศ. 2539.ที่ตั้ง : 32/7 หมู่ที่ 12 ตำบลท่างาม อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรีเปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.00 น.โทร. 037 211 289, 037 211 088 ต่อ 2149, 2133 พิกัด https://goo.gl/maps/f741531vS9v3pTQH9 ภายในจัดแสดงประวัติความเป็นมาของตึก รวบรวมและอนุรักษ์ตำรายาไทย การแพทย์แผนไทย และการแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี.นอกจากนี้ยังมีสินค้าสมุนไพรของอภัยภูเบศรจำหน่ายด้วย ใครชอบผลิตภัณฑ์จากสมุนไพร อย่าลืมแวะซื้อกันนะคะ บ้านเล่าเรื่อง…เมืองสมุนไพร ไปหาของอร่อยทานกันต่อที่บ้านเล่าเรื่อง…เมืองสมุนไพร.บ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของสมุนไพรหลังนี้ เดิมเป็นของครอบครัวเปี่ยมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางและพ่อค้าเก่าแก่ของจังหวัดปราจีนบุรี ดร. ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ได้มอบบ้านหลังนี้ให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพื่อใช้ประโยชน์ จึงเป็นที่มาของบ้านเล่าเรื่อง ซึ่งเป็นทั้งร้านอาหารเพื่อสุขภาพและพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ที่นำเสนอเรื่องราวของสมุนไพรผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงภายในร้าน.ที่ตั้ง : 51 ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองปราจีนบุรี จังหวัดปราจีนบุรีเปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น.โทร. 097 021 1037พิกัด https://goo.gl/maps/khv48AnwC3dKuvhf8 ภายในห้องอาหารมีการจัดแสดงความรู้เกี่ยวกับสมุนไพรไว้ตามส่วนต่าง ๆ ทำให้เห็นว่าสมุนไพรนั้นน่าสนใจและอยู่ไม่ไกลตัวเราเลย.อาหารแต่ละเมนูก็น่ากินและมีประโยชน์ทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดน้ำพริกลงเรือ ยำทะเลดอกอัญชัน น้ำมะนาวอัญชัน แอดลองชิมแล้ว อร่อยจนต้องยกนิ้วให้เลยค่ะ  เรายังวนเวียนอยู่กับเรื่องสมุนไพรค่ะ ที่ต่อไปที่จะไปเที่ยวกันนั้นก็คือ เรือนหมอพลอย ซึ่งอยู่ภายในภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ.“เรือนหมอพลอย” เป็นเรือนไม้หลังใหญ่ที่นายแพทย์ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงหมื่นชำนาญแพทยา (พลอย แพทยานนท์) หมอหลวงในสมัยรัชกาลที่

เส้นทางท่องเที่ยวนครนายก-ปราจีนบุรี 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

รวมพิกัดชมดอกไม้ จังหวัดเชียงใหม่ 2020

ช่วงนี้เชื่อว่า หลายคนกำลังมองหาที่เที่ยวที่อากาศดี ๆ อยู่แน่นอน เชียงใหม่ก็น่าจะเป็นหนึ่งในจุดหมายของหลายคน ยิ่งช่วงนี้เป็นที่ดอกไม้กำลังเริ่มบานหลายไร่ วันนี้แอดเลยถือโอกาสรวมพิกัดชมดอกไม้ไว้ให้เพื่อน ๆ ใครสนใจไร่ไหน ก็วางแผนไปชมกันได้เลย . ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ . สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม Call Center 1672 IG : 1672travelbuddy Twitter : tat1672 Line : @tatcontactcenter WeChat : VisitThailand อำเภอแม่ริม . 1. I love flower Farm มีทั้งดอกไม้หลายชนิด ทั้งดอกคัตเตอร์สีขาว ดอกไฮเดรนเยียสีฟ้าสีม่วง และอื่น ๆ เปิดให้เข้าชมปีละครั้ง ที่ตั้ง : 33 หมู่ 4 ตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เวลาเปิด : เปิดสวน 31 ตุลาคม 2563 – 31 มีนาคม 2564 เวลา 08.00-17.00 น. พิกัด : https://www.facebook.com/I-Love-Flower-Farm-267775026710971 ค่าเข้าชม 90 บาท/คน (ต้องจองล่วงหน้า) โทร. 082 8972979, 088 266 7885 . 2. สวนลุงรน ทุ่งดอกคัตเตอร์สีขาว ดอกมากาเร็ตสีม่วง ดอกซีโลเซีย ที่ตั้ง : ซอย 1 หน้าเทศบาล ตำบลเหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้เข้าชม : เวลา 06.00-18.00 น. พิกัด : https://www.facebook.com/suanlungron ค่าเข้าชม 50 บาท/คน โทร. 087 189 8355 . 3. สวนดอกไม้ป้านกเอี้ยง มีดอกมากาเร็ต(สีม่วง ชมพู) ดอกคัตเตอร์(สีขาว) ดอกสร้อยทอง(สีเหลืองทอง) ที่ตั้ง : ซอย หน้าวัด 8/1 ตำบล เหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ เปิดให้เข้าชม : 6.00-18.30 น. พิกัด : https://www.facebook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81%E0%B9%84%E0%B8%A1%E0%B9%89%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%99%E0%B8%81%E0%B9%80%E0%B8%AD%E0%B8%B5%E0%B9%89%E0%B8%A2%E0%B8%87-112558323834426/ ค่าเข้าชม 50 บาท/คน (เด็กอายุต่ำกว่า 7 ปี เข้าขมฟรี) โทร. 083 581 1852 . 4. สวนดอกลุงจวนป้าใจ๋ ทุ่งดอกมากาเร็ต สีม่วง สีชมพู ทุ่งดอกคัตเตอร์สีขาว และทุ่งดอกสร้อยทองเหลือง ที่ตั้ง : ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ (ห่างจากมหาวิทยาลัยแม่โจ้เพียง 10 นาที ) เปิดให้เข้าชม : ช่วงกลางเดือนตุลาคมเป็นต้นไป พิกัด : https://www.facebook.com/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%99%E0%B8%94%E0%B8%AD%E0%B8%81-%E0%B8%9B%E0%B9%89%E0%B8%B2%E0%B8%88%E0%B8%A7%E0%B8%99-%E0%B8%A5%E0%B8%B8%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%88%E0%B9%8B-101825847963926/ ค่าเข้าชม 50 บาท/ คน โทร. 086 198 4651 . 5. สุรชัยฟาร์ม ทุ่งดอกมากาเร็ต สีสันสดใส มีสีแดง สีส้ม สีเหลือง สีม่วง สีขาว ที่ตั้ง : หนองเขียว ตำบล เหมืองแก้ว อำเภอแม่ริม เชียงใหม่ เปิดให้เข้าชม : 07.00-18.00น. พิกัด : https://www.facebook.com/สุรชัยฟาร์ม-สวนเชียงใหม่-111729266952501 ค่าเข้าชม 50 บาท /คน โทร. 083 865 5087 . 6. Kuv Niam Forest ( กู๊เนียร์ ฟอร์เร็ชท ) สวนดอกมากาเร็ต 3 สี ที่ใหญ่ที่สุดในเชียงใหม่ขณะนี้ ที่ตั้ง : ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้เข้าชม : 08.00-18.00 น พิกัด : https://www.facebook.com/kuvniam.forest ค่าเข้าชม 50 บาท/ คน Line: @kn.forest . 7. ไร่กลิ่นเกสร ทุ่งดอกมากาเร็ต สีม่วง สีชมพู ทุ่งดอกคัตเตอร์สีขาว ที่ตั้ง : ตำบลแม่แรม อำเภอแม่ริม จังหวัดเชียงใหม่ เปิดให้เข้าชม : ต้นเดือนตุลาคม 63 เวลา 07.00 – 18.00น พิกัด : https://www.facebook.com/%E0%B8%81%E0%B8%A5%E0%B8%B4%E0%B9%88%E0%B8%99%E0%B9%80%E0%B8%81%E0%B8%AA%E0%B8%A3%E0%B9%81%E0%B8%A1%E0%B9%88%E0%B8%A3%E0%B8%B4%E0%B8%A1%E0%B9%80%E0%B8%8A%E0%B8%B5%E0%B8%A2%E0%B8%87%E0%B9%83%E0%B8%AB%E0%B8%A1%E0%B9%88-103916284699874/ ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 40บาท ,

รวมพิกัดชมดอกไม้ จังหวัดเชียงใหม่ 2020 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top