สถานที่ท่องเที่ยว

เกาะทะลุ : ระยอง อีกหนึ่งความงดงามของทะเลไทย ที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ

เกาะทะลุ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ห่างจากเกาะเสม็ดประะมาณ 12 กิโลเมตร สภาพพื้นที่บนเกาะส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ ทางทิศตะวันตกเป็นผาหินสูงชัน ส่วนทิศตะวันออกและทิศใต้มีหาดทรายขาวละเอียดเนียนนุ่ม สามารถลงเล่นน้ำได้ บนเกาะมีร้านค้าสวัสดิการของอุทยานฯ และห้องน้ำให้บริการ แต่ไม่สามารถพักค้างแรมได้นะ น้ำทะเลที่นี่ใสราวกับกระจก นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำ ดำน้ำ หรือจะนั่งกินลมชมทะเล ก็ฟินไม่แพ้กัน เกาะทะลุมีจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกหลายจุด ที่เราสามารถลงไปแหวกว่ายชมโลกใต้ทะเลที่มีปะการังและเหล่าปลาน้อยใหญ่เต็มไปหมด ขอบอกว่าสวยไม่แพ้กับทะเลใต้เลย จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันมาก ก็คือจุดที่อยู่ใกล้กับสะพานหินธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นโพรง อันเป็นที่มาของชื่อ “เกาะทะลุ” นั่นเอง จุดนี้ไม่สามารถเดินเท้ามาได้ ต้องนั่งเรือมาชมเท่านั้นนะ  การเดินทางไปยังเกาะทะลุนั้น เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเหมาเรือจากเกาะเสม็ด ท่าเรือบ้านเพ หรือชายหาดอำเภอแกลง หรือซื้อแพคเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038 653 03ททท. สำนักงานระยอง โทร. 038 655 420-1 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 เมษายน 2562

เกาะทะลุ : ระยอง อีกหนึ่งความงดงามของทะเลไทย ที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวตาคลี จ.นครสวรรค์

ตาคลีแม้จะเป็นเพียงอำเภอเล็กๆ แต่บอกเลยว่า “ตาคลี” มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่า แอดขอเริ่มที่แรกกันที่ “วัดหนองโพ” ค่ะ วัดนี้มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาทำบุญ และกราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวัดที่พระครูนิวาสธรรมขันธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองโพเคยจำพรรษาอยู่นั่นเอง.พระครูนิวาสธรรมขันธ์ หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “หลวงพ่อเดิม” คือเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เชื่อกันว่าเครื่องรางของขลังที่ท่านปลุกเสก มีพุทธคุณด้านอยู่ยงคงกระพันและมหาอุดค่ะ มาวัดหนองโพทั้งที ก็ต้องไม่พลาดชม “พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเดิม” ที่สร้างขึ้นเพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวคุณงามความดีของท่านเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 4 ห้องด้วยกัน คือ 1.ห้องมาตุภูมิบ้านหนองโพ 2.ห้องพุทธสโร หลวงพ่อเดิม 3.ห้องเพิ่มพูนศรัทธา และ 4.ห้องกถาคัมภีร์ ค่ะ แต่ละห้องตกแต่งได้อย่างน่าสนใจมากๆ เลย.วัดหนองโพ ต.หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์โทร. 085 050 7207เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 17.00 น. **เดือนเมษายนเปิดทุกวัน** ไปต่อกันที่ “พิพิธภัณฑ์จันเสน” ซึ่งตั้งอยู่ในพระมหาธาตุเจดีย์จันเสน ภายในวัดจันเสนค่ะ.พระมหาธาตุเจดีย์จันเสน ก่อตั้งขึ้นจากดำริของพระครูนิสัยจริยคุณ หรือหลวงพ่อโอด เพื่อเป็นศูนย์กลางชุมชน ออกแบบโดยพัฒนาจากรูปแบบสันนิษฐานของเจดีย์สมัยทวารวดี.ภายในประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ ชั้นล่างสุดเป็น “พิพิธภัณฑ์เมืองจันเสน” เหนือขึ้นไปเป็นส่วนเรือนธาตุ ประดิษฐาน “หลวงพ่อนาค” พระพุทธรูปปางนาคปรก และส่วนยอดของเจดีย์เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุค่ะ จากการศึกษาพบว่าในอดีตบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของ “เมืองจันเสน” ซึ่งเป็นเมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายจนถึงสมัยทวารวดี หรือประมาณ 1500 ปีมาแล้ว.ทำให้มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงกระดูก ตราประทับ พระพิมพ์ ขวานหินขัด และเครื่องประดับ เป็นต้น ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์จันเสนได้รวบรวมโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดพบมาจัดแสดงไว้ พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองโบราณจันเสน พัฒนาการของเมืองในสมัยต่างๆ วิถีชีวิตของผู้คน การขุดค้นทางโบราณคดี รวมไปถึงประวัติของหลวงพ่อโอดผู้ริเริ่มก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อีกด้วยค่ะ.พิพิธภัณฑ์จันเสน ต.จันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์เปิดวันพุธ-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 16.00 น. ปิดท้ายกับ “วนอุทยานถ้ำเพชร-ถ้ำทอง” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนครสวรรค์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามมากค่ะ.จากการสำรวจพบว่าที่นี่มีถ้ำทั้งหมดประมาณ 70 ถ้ำ โดยปัจจุบันเปิดให้เข้าชม 9 ถ้ำค่ะ ซึ่งแต่ละถ้ำก็มีความมหัศจรรย์แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอีกด้วย.วนอุทยานถ้ำเพชร-ถ้ำทอง ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์โทร. 056 221 140, 056 231 416เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 8 เมษายน 2562

เที่ยวตาคลี จ.นครสวรรค์ อ่านเพิ่มเติม

“สะพานข้าว ก้าวเพื่อสุข” ณ บ้านผาบ่อง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

บ้านผาบ่อง เป็นชุมชนที่มีชาวไตหรือไทใหญ่ และชาวปกาเกอะญออาศัยอยู่รวมกัน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมากนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาทีค่ะ ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ สะพานไม้กลางทุ่งนาที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขานั่นเอง อากาศก็เย็นเกือบตลอดทั้งปี บรรยากาศดีมากๆ เลย ได้นั่งมองนาข้าวสีเขียวขจี มีสายหมอกจางๆ ลอยอยู่เหนือยอดเขา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นมากๆ แต่ถ้าหากใครยังชื่นชมธรรมชาติไม่จุใจ และอยากสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนอย่างใกล้ชิด ก็สามารถพักค้างแรมที่โฮมสเตย์ภายในหมู่บ้านได้.คุณลุงคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์แอบกระซิบกับแอดดังๆ ว่า บรรยากาศยามเช้าของที่นี่นั้นฟินสุดๆ นอกจากโฮมสเตย์แล้ว ที่นี่ยังมีร้านอาหารไว้คอยให้บริการด้วย ซึ่งจะเน้นอาหารเหนือและอาหารไทใหญ่เป็นหลัก เช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย และน้ำพริก เป็นต้น บอกเลยว่าที่นี่เค้าไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามนะ เพราะเมื่อเราเดินตามสะพานไปจนสุดทาง ก็จะได้พบกับวิสาหกิจชุมชนแปรรูปน้ำมันจากถั่วลิสง ซึ่งมีคุณลุงคุณป้าคอยสาธิตวิธีการทำอันเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของที่นี่ พร้อมทั้งบรรยายให้ความรู้ และยังให้เราทดลองทำด้วยตัวเองได้อีกด้วย ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าหมู่บ้านเล็กๆ อย่างบ้านผาบ่อง จะมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายขนาดนี้ ได้พักผ่อนชมธรรมชาติ ทานอาหารพื้นเมือง แล้วยังได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีก คุ้มจริงๆ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 4 เมษายน 2562

“สะพานข้าว ก้าวเพื่อสุข” ณ บ้านผาบ่อง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

ท่องเที่ยวชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จังหวัดสตูล

ท่องเที่ยวชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จังหวัดสตูล ก่อนอื่นเรามารู้จักประวัติความเป็นมาของที่นี่กันสักหน่อย บรรพบุรุษของชาวบ้านบ่อเจ็ดลูกเป็นชาวเลที่อพยพมาจากเกาะซึ่งอยู่ห่างไกล และได้ขุดบ่อน้ำขึ้นเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน ซึ่งก็ได้ขุดถึง 6 บ่อแล้วแต่ก็ไม่สามารถใช้ได้ เนื่องจากเป็นน้ำกร่อย จนกระทั่งถึงบ่อที่ 7 จึงมีน้ำจืดออกมา ปัจจุบันบ่อทั้ง 7 ยังคงปรากฏให้เห็นจนถึงทุกวันนี้ เรียกว่า “โบราณสถานบ่อเจ็ดลูก” นั่นเอง ที่ตั้ง : หมู่ 1 ตำบลปากน้ำ อำเภอละงู จังหวัดสตูล ติดต่อสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม081 542 0071 บังยูหนา (ประธานเครือข่ายท่องเที่ยวชุมชนสตูล)098 695 6461 นัส (ประสานงาน)092 634 8509 อัญ (ประสานงาน)FB : https://www.facebook.com/bo7luk/ ปราสาทหินพันยอด หรือ เกาะเขาใหญ่ อยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะเภตรา และเป็นส่วนหนึ่งของอุทยานธรณีสตูล สิ่งมหัศจรรย์ที่ธรรมชาติรังสรรค์ขึ้น ถือเป็นแลนด์มาร์กสำคัญที่ต้องมาให้ได้เลยล่ะ ลักษณะเป็นเกาะหินปูนตั้งอยู่กลางทะเล มีโพรงคล้ายถ้ำลอด ซึ่งเมื่อผ่านเข้าไปเราก็จะพบกับชายหาดเล็กๆ และน้ำทะเลสีเขียวมรกต ที่โอบล้อมไปด้วยแท่งหินขนาดใหญ่รูปร่างสวยงามแปลกตา ดูคล้ายกับปราสาทในเทพนิยาย ชาวบ้านจึงเรียกกันว่า “ปราสาทหินพันยอด” ซึ่งการเข้าไปชมปราสาทหินพันยอด ต้องพายเรือคายัคเข้าไปชมในช่วงน้ำลดเท่านั้น สันหลังมังกร อีกหนึ่งจุด unseen ของจังหวัดสตูล เรียกได้ว่าเป็นสิ่งมหัศจรรย์ทางธรรมชาติกลางทะเลอันดามัน ที่ใครๆ ก็อยากมาเห็นด้วยตาตัวเอง สันหลังมังกร ก็คือสันทรายที่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาคล้ายกับทะเลแหวก แต่สิ่งที่ทำให้ทะเลแหวกที่นี่แตกต่างจากที่อื่นๆ ก็คือ ตลอดแนวหาดนั้นไม่ใช่ทรายทั้งหมด แต่มีเปลือกหอยจำนวนมากที่ถูกคลื่นซัดมาทับถมกันเป็นเวลานานรวมอยู่ด้วย มีระยะทางยาวกว่า 4 กิโลเมตรเลยทีเดียว น่าทึ่งจริงๆ ในช่วงน้ำลด ยามแสงอาทิตย์สาดส่องลงมากระทบกับสันทรายเกิดเป็นประกายวิบวับ ดูราวกับเกล็ดของมังกรที่กำลังเลื้อยไปตามแนวโค้งของหาดและแหวกว่ายอยู่กลางทะเล ช่วงเวลาที่เราจะได้เห็นสันหลังมังกรนั้นขึ้นอยู่กับน้ำขึ้นน้ำลงในแต่ละวัน แนะนำให้สอบถามกับทางชุมชนก่อนไป จะได้ไม่เสียเที่ยวเนอะ หัวใจที่ปลายแหลม หรือ หัวใจอันดามัน จุดชมวิวที่ต้องมาถ่ายรูปเช็คอินกันก่อน มีลักษณะเป็นช่องหินทะลุคล้ายกับรูปหัวใจ มีสีฟ้าน้ำทะเลสดใสเป็นพื้นหลัง สวยมากเลย บริเวณนี้ยังเป็นพื้นที่ทางธรณีวิทยาที่พบฟอสซิลอายุมากกว่า 480 ล้านปีอีกด้วย ขอบคุณภาพจากเพจ การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก ผาใช้หนี้ หรือ หน้าผาหลุดหนี้ เป็นหน้าผาหินปูนสูงชันที่มีรูปร่างแปลกตา มีตำนานเล่าขานกันว่า ชายหนุ่มคนหนึ่งมีหนี้สินจำนวนมากจนไม่มีปัญญาใช้คืน จึงไปปรึกษากับเจ้าหนี้ เจ้าหนี้บอกว่าถ้ากล้ากระโดดจากหน้าผานี้ลงไป ก็จะยกหนี้สินทั้งหมดให้ ชายหนุ่มจึงรับคำท้าและขึ้นไปกระโดดหน้าผา ซึ่งในช่วงนั้นมีลมมรสุม ทำให้เขาโดนลมพัดไปตกยังอีกอ่าวหนึ่งอย่างปลอดภัยในท่านั่งขัดสมาธิ (ชาวบ้านจึงเรียกอ่าวนั้นว่า อ่าวตะโละซีหลา ซึ่งซีหลา หมายถึง ท่าขัดสมาธิ) ชายหนุ่มจึงสามารถปลดหนี้ได้ในที่สุด กลายเป็นที่มาของชื่อ “ผาใช้หนี้” นั่นเอง ขอบคุณภาพจากเพจ การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก พายเรือคายัคลอดช่องพบรัก หรือที่เรียกกันว่า ถ้ำลอดพบรัก สถานที่ถ่ายทำฉากที่พระเอกนางเอกพบกันในภาพยนตร์เรื่อง อุกาฟ้าเหลือง ซึ่งเป็นเรื่องราวของชาวประมง ที่สอดแทรกภูมิปัญญาพื้นบ้านและการอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติเอาไว้ ฝีมือการกำกับของ ม.จ.ชาตรีเฉลิม ยุคล เมื่อ พ.ศ.2523 ถามว่าเกิดทันมั้ย แอดตอบเลยว่า ไม่! ฮ่าๆๆถ้าใครเคยดู มาเล่าให้แอดฟังได้นะ ขอบคุณภาพจากเพจ การท่องเที่ยวโดยชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 25 มีนาคม 2562

ท่องเที่ยวชุมชนบ้านบ่อเจ็ดลูก จังหวัดสตูล อ่านเพิ่มเติม

บ้านท่าดินแดง จ.พังงา . ดินแดนแห่งทะเล และป่าเขา

“บ้านท่าดินแดง” ชุมชนเล็กๆ ในอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งมีกิจกรรมให้ทำมากมาย คราวนี้แหละ เราจะได้สัมผัสทั้งบรรยากาศทะเล ภูเขา ป่าชายเลน และความน่ารักของชาวบ้านในชุมชน รับรองว่าฟินแน่นอน พายเรือคายัคชมป่าชายเลน ป่าชายเลนของบ้านท่าดินแดงมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์มาก ระหว่างทางจะได้สัมผัสกับความสวยงามและร่มรื่นของป่าโกงกาง บอกเลยว่าบรรยากาศดีมากๆ ป่าชายเลนแห่งนี้เป็นที่อยู่ของสัตว์น้อยใหญ่หลายชนิด รวมทั้งปูทะเล ชาวบ้านจึงสามารถหาปูทะเลได้จากบริเวณนี้  ทุ่งหญ้าสะวันนา ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในแอฟริกา ในช่วงหน้าร้อน ทุ่งหญ้าจะเป็นสีน้ำตาลทอง ส่วนช่วงหน้าฝน ทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ได้บรรยากาศสวยงามกันคนละแบบ ทุ่งหญ้าสะวันนาเป็นที่เจริญเติบโตของพืชหลายชนิด โดยเฉพาะต้นเสม็ดขาว ที่ลำต้นจะมีเยื่อบางๆ ลอกออกมาเป็นแผ่นได้ ซึ่งเปลือกของต้นเสม็ดขาวนั้นสามารถนำไปทำเป็นฝาบ้านหรือมุงหลังคาได้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยในการเก็บอุณหภูมิให้เย็นอยู่เสมอ ต้นเสม็ดขาวจะขยายพันธุ์โดยอาศัยความร้อน ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า หรือการเผา หาดเขาหน้ายักษ์ หาดแห่งนี้มีความยาวประมาณ 13 กิโลเมตร เป็นหาดที่ค่อนข้างสงบ ที่สำคัญทรายขาว และน้ำทะเลใสมากกกกกกกก นอกจากนี้ยังมีโขดหินรูปร่างสวยงามแปลกตาอยู่มากมาย.ทำไมถึงชื่อเขาหน้ายักษ์  ว่ากันว่า แต่ก่อนเขาด้านที่หันหน้าออกไปทางหมู่เกาะสิมิลัน มีหน้าผาที่มีรูปร่างเหมือนใบหน้ายักษ์ที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือรบของทหารญี่ปุ่นที่แล่นผ่านบริเวณนี้ได้จมลงโดยไม่มีสาเหตุหลายลำ ทหารญี่ปุ่นเชื่อว่าน่าจะเกิดจากอาถรรพ์ของหน้าผานี้ จึงใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายหน้ายักษ์จนพังทลายลง กลายเป็นที่มาของชื่อเขาหน้ายักษ์ในที่สุด ที่นี่อุดมสมบูรณ์จริงๆ ในป่าชายเลนก็หาปูได้ พอมาที่ทะเล แม้จะเป็นบริเวณน้ำตื้นก็ยังสามารถหาปลาได้อย่างง่ายดาย ผักไฮโดรโปรนิกส์ หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ ทรัพยากรต่างๆ ได้รับความเสียหาย ดินไม่สามารถนำมาเพาะปลูกได้ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาปลูกผักแบบไร้ดิน หรือไฮโดรโปรนิกส์แทน ปัจจุบันที่นี่ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ประมาณ 100 โรงเรือน และได้ก่อตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักบ้านท่าดินแดง ผักที่ปลูกมีทั้งผักกาดขาว คะน้า กวางตุ้ง และผักสลัด ทางกลุ่มฯ จะขายผลผลิตให้แก่ลูกค้าโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ผักของที่นี่เขาส่งให้โรงแรมที่เขาหลักและภูเก็ต รวมไปถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงในพังงาด้วยนะ สุดยอด นอกจากการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์แล้ว ชาวบ้านยังเลี้ยงสัตว์หลายชนิดเพื่อบริโภคอีกด้วย เช่น ไก่ แพะ และปลาดุก โดยทั้งหมดเลี้ยงตามธรรมชาติ มิน่าล่ะ ไก่ไข่ถึงฟองใหญ่น่าทานมากๆ เหมืองแร่โบราณ สมัยก่อนชาวบ้านแถวนี้นิยมทำเหมืองแร่ดีบุกกันเยอะ แต่เมื่อหมดยุคเฟื่องฟูของการทำเหมือง ชาวบ้านหันมาทำการเกษตรแทน ทำให้เหมืองแร่ถูกปล่อยทิ้งร้าง เหลือเพียงรางแร่คอนกรีตคู่ ยาว 40 เมตร ไว้ให้เราได้เห็นร่องรอยของความรุ่งเรืองในอดีตเท่านั้น ถึงแม้ปัจจุบันที่นี่จะไม่มีการทำเหมืองแล้ว แต่ก็ยังมีการสาธิตวิธีการร่อนแร่ให้ชมอยู่นะ. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ เริ่มอยากไปเที่ยวบ้างแล้วละสิ งั้นก็หาวันว่าง แล้วไปเที่ยวบ้านท่าดินแดงกันเถอะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 22 มีนาคม 2562

บ้านท่าดินแดง จ.พังงา . ดินแดนแห่งทะเล และป่าเขา อ่านเพิ่มเติม

1 วันดีดี…ที่บางคนที จ.สมุทรสงคราม

เอ่ยชื่ออำเภอบางคนที เพื่อนๆ หลายคนอาจจะคุ้นชื่อนี้ หรือหลายคนอาจจะเคยไปเที่ยวมาแล้ว แต่ไม่รู้ว่าตัวเองอยู่ในอำเภอบางคนทีก็เป็นได้ ลองไปใช้เวลา 1 วัน สัมผัสบรรยากาศชิลๆ ที่อำเภอนี้ดู แล้วจะรู้ว่าบางคนทีก็มีดีไม่แพ้ที่อื่นเหมือนกัน ชุมชนบ้านบางพลับ ชุมชนแห่งนี้เป็นชุมชนเล็กๆ ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติและความสุขของคนในชุมชน มีกิจกรรมให้ทำหลายอย่าง ซึ่งจะทำให้พวกเราได้เรียนรู้ภูมิปัญญาของคนในท้องถิ่นด้วย การทำน้ำตาลมะพร้าวหรือน้ำตาลปึกมาที่กิจกรรมแรกกันเลย เราบุกเข้าสวนมะพร้าว เพื่อไปดูการเก็บน้ำตาลมะพร้าวจากต้น โดยส่วนที่นำมาใช้ก็คือ น้ำหวานของดอกมะพร้าวนั่นเอง คุณลุงเจ้าของสวนปีนขึ้นไปตัดดอกมะพร้าวและเอาภาชนะรองน้ำหวานไว้ กว่าจะได้วัตถุดิบมาทำน้ำตาลมะพร้าว ไม่ใช่ง่ายๆ เลยนะเนี่ย จากนั้นก็มาเคี่ยวน้ำตาลมะพร้าวกัน ซึ่งขั้นตอนนี้ต้องใช้เวลาและความอดทน โดยต้องเคี่ยวน้ำตาลจากสีน้ำตาลเข้มให้กลายเป็นสีน้ำตาลอ่อนและมีความเหนียวหนึบ เคล็ดลับคือต้องใช้ไฟในระดับที่พอดีและคงที่ เมื่อน้ำตาลเหนียวได้ที่แล้ว ก็ตักใส่พิมพ์และรอให้จับตัวเป็นก้อน แค่นี้ก็ได้น้ำตาลปึกหอมหวานที่พร้อมสำหรับการนำไปใช้แล้วค่ะ สวนส้มโอปลอดสารพิษ ที่นี่นอกจากจะมีสวนมะพร้าวแล้ว ก็ยังมีสวนส้มโอปลอดสารพิษอีกด้วย มีแต่ส้มโอลูกใหญ่ๆ น่ากินทั้งนั้นเลย เห็นแล้วอดไม่ได้ ต้องซื้อกลับบ้านเลยแหละ.ชุมชนบ้านบางพลับที่ตั้ง : ต.บางพรม อ.บางคนที จ.สมุทรสงครามพิกัด : https://goo.gl/maps/gozEEVX4ufF2โทร. 081 274 4433 (คุณทรงยศ แสงตะวัน) ผลไม้แช่อิ่มกลับชาติ แค่ได้ยินชื่อก็อยากรู้แล้วว่ามันคือผลไม้อะไร “ผลไม้กลับชาติ” ก็คือ ผลไม้แช่อิ่มนั่นเองค่ะ โดยทางกลุ่มสตรีเกษตรพัฒนาได้นำผักและผลไม้ชนิดต่างๆ มาแช่อิ่มให้มีรสหวาน ทานง่าย เช่น มะละกอ เปลือกส้มโอ มะกรูด ตะลิงปลิง โดยของขึ้นชื่อของที่นี่คือ การแช่อิ่มผักรสขมอย่าง บอระเพ็ด มะระ และมะระขี้นก ซึ่งแอดลองชิมดูแล้ว ไม่มีความขมหลงเหลืออยู่เลย หวาน อร่อย หยุดทานไม่ได้ซะอย่างนั้น นอกจากนี้ ยังมีขนมสัมปันนีโบราณและไข่เค็มพอกดิน ที่เป็นของขึ้นชื่อของกลุ่มฯ ด้วย.ที่ตั้ง : 27 หมู่ 4 ต.บางพรม อ.บางคนที จ. สมุทรสงครามพิกัด : https://goo.gl/maps/BeHENSsGaDtโทร. 099 504 8955 อาสนวิหารแม่พระบังเกิด เป็นโบสถ์คริสต์ที่สวยงามมาก ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2433 โดยบาทหลวงเปาโลชัลมอน มิชชันนารีชาวฝรั่งเศส ได้รับทุนสนับสนุนจากญาติๆ ของท่านในฝรั่งเศส คณะมิซซังต่างประเทศแห่งกรุงปารีส กรุงโรม และในกรุงเทพฯ ใช้เวลาก่อสร้างนานถึง 6 ปี โบสถ์แห่งนี้มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบโกธิคของฝรั่งเศส ภายในประดับด้วยกระจกสีสีสันสดใส และมีรูปแกะสลักบรรยายเกร็ดประวัติตามคัมภีร์ไบเบิลอีกด้วย ที่ตั้ง : ต.บางนกแขวก อ.บางคนที จ.สมุทรสงครามพิกัด : https://goo.gl/maps/3V3nKcPkeFR2เปิดให้เข้าชมวันพุธ-วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์-อังคาร)วันพุธ-เสาร์ เวลา 08.00-16.00 น./ วันอาทิตย์ เวลา 10.00-16.00 น.โทร. 034 761 347 พิพิธภัณฑ์ตั้งเซียมฮะ (บ้านไหพันใบ) เป็นพิพิธภัณฑ์พื้นบ้านที่เกิดจากการเก็บรวบรวมสิ่งของด้วยใจรักของเจ้าของ ภายในพิพิธภัณฑ์มีเครื่องปั้นดินเผารูปแบบต่างๆ ตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงรัตนโกสินทร์ที่งมได้จากแม่น้ำแม่กลอง นอกจากนี้ยังมีคันฉ่องไม้สัก ถาดนิเกิล เรือบดไม้สัก เตาเชิงกราน และโบราณวัตถุที่หายากอีกหลายชนิด ที่ตั้ง : 120 หมู่ที่ 8 ต.กระดังงา อ.บางคนที จ.สมุทรสงครามพิกัด : https://goo.gl/maps/NiiDnHnuHavเปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-15.00 น.โทร. 034 761 098 ตลาดน้ำบางน้อย อยู่ที่ปากคลองบางน้อย ชุมชนแห่งนี้เคยเป็นย่านการค้าที่สำคัญมากแห่งหนึ่งในลุ่มน้ำแม่กลองเมื่อประมาณ 40 ปีก่อน ปัจจุบัน ตลาดน้ำบางน้อยยังคงคึกคัก มีร้านค้าสไตล์ย้อนยุคหลายร้าน และเป็นแหล่งรวมสินค้าของดีของจังหวัดสมุทรสงคราม เช่น มะนาวดอง และกะปิคลองโคน เป็นต้น ที่ตั้ง : ปากคลองบางน้อย วัดเกาะแก้ว ต.กระดังงา อ.บางคนที จ.สมุทรสงครามพิกัด : https://goo.gl/maps/7DfVJEsLYH12เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-20.00 น. วัดบางกุ้ง วัดแห่งนี้เป็นวัดโบราณตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา เคยเป็นที่ตั้งของ “ค่ายบางกุ้ง” ในสมัยสมเด็จพระเจ้าเอกทัศน์ ต่อมาในสมัยธนบุรี พม่าได้นำกำลังมาปิดล้อมค่ายนี้ไว้ ซึ่งสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชก็ได้ยกทัพมาตีพม่าแตกพ่ายไปในที่สุด  ในวัดบางกุ้งมีโบราณสถานสำคัญคือ “โบสถ์ปรกโพธิ์” เป็นโบสถ์เก่าที่ปกคลุมด้วยต้นไม้ถึง 4 ชนิด คือ ต้นโพธิ์ ต้นไทร ต้นไกร และต้นกร่าง ภายในประดิษฐานหลวงพ่อนิลมณี หรือหลวงพ่อดำ หรือหลวงพ่อโบสถ์น้อย เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวบ้านเสื่อมใสศรัทธาเป็นอย่างมาก.ที่ตั้ง : หมู่ 4 ต.บางกุ้ง อ.บางคนที จ.สมุทรสงครามพิกัด : https://goo.gl/maps/351R8HE3cPR2 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 มีนาคม 2562

1 วันดีดี…ที่บางคนที จ.สมุทรสงคราม อ่านเพิ่มเติม

วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา

“วัดศรีโคมคำ” หรือ “วัดพระเจ้าตนหลวง” หรือ “วัดทุ่งเอี้ยง” เป็นพระอารามหลวงสำคัญของพะเยา ตั้งอยู่ที่หมู่ 1 ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยา สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นระหว่าง พ.ศ.2034 – 2067 สมัยพญาเมืองยี่ครองเมืองพะเยา ภายในพระวิหารหลวงเป็นที่ประดิษฐานพระเจ้าตนหลวง หรือ พระเจ้าองค์หลวง พระพุทธรูปศิลปะเชียงแสนองค์ใหญ่ที่สุดในล้านนา ขนาดหน้าตักกว้าง 16 เมตร สูง 18 เมตร พระเจ้าตนหลวงไม่เพียงแต่เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองพะเยาเท่านั้น แต่ยังถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของอาณาจักรล้านนา ที่ประชาชนต่างเคารพศรัทธาและมักมาขอพรขอโชคลาภ ซึ่งว่ากันว่าได้สมดังปรารถนาทุกรายไป บริเวณพระระเบียงคดรอบพระวิหารหลวงมีพระพุทธรูปเรียงรายอยู่มากมาย สามารถมาสักการะ ชมความงาม รวมทั้งศึกษารูปแบบศิลปะได้  ในบริเวณวัดยังมีพระอุโบสถกลางน้ำ ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม เป็นเรื่องราวพุทธประวัติและวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวล้านนา ฝีมืออาจารย์อังคาร กัลยาณพงศ์ ศิลปินแห่งชาติ และศิลปินท่านอื่นๆ  นอกจากนั้น บริเวณที่ติดกับกว๊านพะเยายังมีจุดชมวิว ซึ่งหลายคนบอกว่าเป็นจุดที่สามารถชมพระอาทิตย์ตกได้สวยที่สุดของกว๊านพะเยา เนื่องจากไม่มีสิ่งใดมาบดบังทิวทัศน์ เราจึงชมความงามของธรรมชาติได้อย่างเต็มตา แต่…วันที่แอดไปฟ้าครึ้มมาก อดชมความสวยงามเลย TT วัดศรีโคมคำที่อยู่ : 692 ถนนถนนพลโยธิน ตำบลเวียง อำเภอเมืองพะเยา จังหวัดพะเยาเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.30-18.00 น.โทร. 053 717 433, 053 744 674-5, 054 431 963พิกัด : https://goo.gl/maps/7T2FKonhcW42 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 19 มีนาคม 2562

วัดศรีโคมคำ จ.พะเยา อ่านเพิ่มเติม

บ้านรักไทย นั่งจิบชา ชมสายหมอก

หมู่บ้านรักไทย เป็นหมู่บ้านของชาวจีนยูนนานที่อพยพมาจากประเทศจีน ซึ่งยังคงรักษาวัฒนธรรมแบบจีนเอาไว้อย่างเหนียวแน่น และเนื่องจากสภาพภูมิประเทศของที่นี่โอบล้อมไปด้วยภูเขา จึงทำให้มีอากาศหนาวเย็นเกือบตลอดทั้งปีเลยค่ะ สำหรับสถานที่ถ่ายรูปยอดฮิตของหมู่บ้านรักไทยก็คงหนีไม่พ้น “ลีไวน์รักไทย รีสอร์ท” เพราะนอกจากจะมีที่พักที่เก๋ไก๋แล้ว ที่นี่ยังมีไร่ชาที่ปลูกแบบขั้นบันไดอีกด้วย.ในยามเช้า ที่แห่งนี้จะมีหมอกจางๆ ลอยปกคลุมไปทั่วบริเวณ บรรยากาศชวนให้หลงใหล ราวกับหลุดไปอยู่ในประเทศจีนเลยล่ะค่ะ บ้านพักของที่นี่เป็นบ้านดิน เพื่อให้เข้ากันกับธรรมชาติ และในช่วงที่อากาศหนาวเย็น บ้านดินยังทำให้เรารู้สึกอุ่นขึ้นได้อีกด้วยค่ะ.ปล.ถ้าเพื่อนๆ ไม่ได้พักที่รีสอร์ทแห่งนี้ จะไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปในบริเวณบ้านพักได้ เนื่องจากอาจรบกวนผู้เข้าพัก แต่สามารถถ่ายรูปบริเวณโดยรอบได้ค่ะ เนื่องจากหมู่บ้านรักไทยเป็นหมู่บ้านชาวจีน พื้นที่โดยรอบจึงตกแต่งออกมาเป็นสไตล์จีน ซึ่งเมื่อรวมกับอากาศที่หนาวเย็นและสายหมอกจางๆ แล้ว บอกเลยว่าฟินสุดๆ  มาเที่ยวหมู่บ้านจีนยูนนานทั้งที ก็ต้องทานอาหารแบบจีนยูนนานกันสักหน่อย ซึ่งที่นี่ก็มีให้เลือกหลายร้านเลยนะคะ แต่ละร้านก็จะมีเมนูคล้ายๆ กัน เมนูที่ไม่ควรพลาดเลยก็คือ ขาหมูหมั่นโถว (หรือที่หลายคนเรียกว่าซาลาเปา) และผัดคะน้าจี ค่ะ  อิ่มแล้วก็ต้องแวะไปถ่ายรูปเล่นกันที่บริเวณทะเลสาบกัน แอดแนะนำให้ไปช่วงเช้าๆ ประมาณ 06.00 – 07.30 น. ค่ะ.เพราะช่วงเวลานี้เพื่อนๆ จะได้เห็นหมอกจางๆ ลอยขึ้นมาเหนือผิวน้ำ ตัดกับแสงอาทิตย์ในยามเช้า แอดรับรองเลยค่ะว่าเพื่อนๆ จะได้รูปที่สวยถูกใจกลับบ้านอย่างแน่นอน  มาแม่ฮ่องสอนคราวนี้ แอดได้สัมผัสอากาศหนาว(ในหน้าร้อน) ได้ชมสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแปลกตา และยังได้สัมผัสวัฒนธรรมที่มีเสน่ห์ไม่เหมือนใครด้วย คุ้มจริงๆ เลย  แต่ที่แอดนำมาให้ชมก็เป็นเพียงส่วนหนึ่งเท่านั้นนะคะ แม่ฮ่องสอนยังมีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามอีกมากมายเลย อย่าลืมหาเวลาว่างไปเที่ยวกันเยอะๆ นะคะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 7 มีนาคม 2562

บ้านรักไทย นั่งจิบชา ชมสายหมอก อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวตามคำขวัญ : สุรินทร์

สุรินทร์ หนึ่งในจังหวัดชายแดนของภาคอีสานตอนล่าง หรือ “อีสานใต้” ที่มีพื้นที่ติดกับประเทศกัมพูชา และเป็นจังหวัดที่เต็มไปด้วยเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ อารยธรรม และศิลปวัฒนธรรมของหลากหลายชนชาติ.ถ้าใครไปสุรินทร์แล้วไม่รู้จะเริ่มเที่ยวจากตรงไหน มาลองเที่ยวตามคำขวัญดูสิ สุรินทร์ ถิ่นช้างใหญ่ .จังหวัดสุรินทร์ขึ้นชื่อว่ามีช้างอยู่เป็นจำนวนมาก ซึ่งที่บ้านตากลาง (อ่านว่า ตา-กลาง) อ.ท่าตูม จ.สุรินทร์ เป็นสถานที่ที่เราจะได้ทำความรู้จักกับสัตว์คู่บ้านคู่เมือง สัญลักษณ์ประจำชาติไทย คือ “ช้าง” ได้อย่างครบถ้วนและรอบด้าน.บรรพบุรุษของชาวบ้านตากลางเป็นชาวกูย (หรือกวย) ที่อพยพมาจากกัมพูชาเข้ามาตั้งถิ่นฐานในประเทศไทย พวกเขาคือผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการเลี้ยงช้าง ที่บ้านตากลางมีช้างอยู่ราว 200-300 เชือก เรียกว่าเป็นหมู่บ้านช้างเลี้ยงทีใหญ่ที่สุดในโลกเลยก็ว่าได้.ในชุมชนบ้านตากลางมี “ศูนย์คชศึกษา” ซึ่งประกอบด้วยพิพิธภัณฑ์ที่จัดแสดงเรื่องราวความรู้เกี่ยวกับช้าง และมีการแสดงของช้างทุกวัน วันละ 2 รอบ เวลา 10.00 และ 14.00 น..สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมศูนย์คชศึกษา บ้านตากลางโทร. 044 145 050 ผ้าไหมงาม .สุรินทร์มีผลิตภัณฑ์ในชุมชนมากมาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งผ้าไหมผืนงาม ที่บ่งบอกถึงความประณีตและทักษะขั้นสูงของช่างผู้ทอ.“บ้านท่าสว่าง” เป็นหมู่บ้านทอผ้าไหมที่ได้อนุรักษ์และฟื้นฟูการทอผ้ายกทองชั้นสูงแบบราชสำนักไทยโบราณ รวมทั้งยังมีการพัฒนารูปแบบและลวดลายต่างๆ ขึ้นใหม่ด้วย ปัจจุบันบ้านท่าสว่างเป็นที่รู้จักกันในนาม “หมู่บ้านทอผ้าเอเปก” เนื่องจากผ้าทอของที่นี่ได้รับคัดเลือกให้นำไปตัดเสื้อและผ้าพันคอให้กับกลุ่มคู่สมรสของผู้นำการประชุมเอเปกที่เข้าร่วมประชุมในไทย เมื่อ พ.ศ.2546.ภายในชุมชนยังมีโฮมสเตย์ให้บริการ ผู้ที่สนใจสามารถมาซึมซับและเรียนรู้วิถีชุมชนได้อย่างเต็มที่.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหมู่บ้านทอผ้าไหมบ้านท่าสว่างโทร. 044 140 015 ประคำสวย.“หมู่บ้านเครื่องเงินเขวาสินรินทร์” (อ่านว่า เขฺวา-สิน-ริน หรือ เขฺวา-สิน-นะ-ริน) หรือ “กลุ่มหัตถกรรมเครื่องเงินบ้านโชค” เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการผลิตลูกประคำเงินที่เป็นเอกลักษณ์ของจังหวัดสุรินทร์ เรียกว่า “ลูกปะเกือม”.“ปะเกือม” เป็นภาษาเขมร ใกล้เคียงกับคำว่า “ประคำ” ในภาษาไทย ใช้เรียกเม็ดเงินเม็ดทองกลมๆ ที่นำมาร้อยเป็นเครื่องประดับ เช่น สร้อย กำไล เป็นต้น.การทำปะเกือมนั้นมีมานานหลายร้อยปีแล้ว เชื่อกันว่าเป็นภูมิปัญญาที่ถ่ายทอดมาจากบรรพบุรุษที่อพยพมาจากเขมร ซึ่งลูกหลานก็ยังคงสืบสานต่อมาจนทุกวันนี้.สำหรับผู้ที่สนใจจะเข้ามาเรียนรู้และทดลองลงมือทำปะเกือมด้วยตนเอง ก็สามารถทำได้แต่ต้องติดต่อมาล่วงหน้า เพื่อที่ทางชุมชนจะได้เตรียมอุปกรณ์ต่างๆ ไว้ให้.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมผู้ประสานงานชุมชน : ลุงป่วน เจียวทองโทร. 081 309 5352, 089 043 6794 ร่ำรวยปราสาท.ช่วงที่อาณาจักรขอมเรืองอำนาจ ได้แผ่อิทธิพลทางด้านศิลปะ สถาปัตยกรรม รวมทั้งความเชื่อต่างๆ เข้ามาในดินแดนประเทศไทยปัจจุบัน ทำให้ภาคอีสานตอนล่าง โดยเฉพาะในจังหวัดสุรินทร์มีปราสาทขอมตั้งอยู่หลายแห่ง.“ปราสาทศีขรภูมิ” เป็นศาสนสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีลักษณะเป็นปราสาทอิฐ 5 หลัง ตั้งอยู่บนฐานศิลาแลงเดียวกัน สันนิษฐานว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 17 แต่ภายหลังได้รับการปฏิสังขรณ์และแปลงเป็นพุทธสถาน โดยมีการต่อเติมส่วนยอดของปราสาทจนมีลักษณะแตกต่างจากปราสาทขอมทั่วไป.ที่เหนือประตูทางเข้าปราสาทประธานมีทับหลังศิวนาฏราช ที่สมบูรณ์และสวยงามที่สุดชิ้นหนึ่งในเมืองไทย นอกจากนี้ที่เสาประดับกรอบประตูยังมีภาพจำหลักรูปนางอัปสรที่มีลักษณะคล้ายคลึงกับที่ปราสาทนครวัดเป็นอย่างมาก โดยพบที่ปราสาทศีขรภูมิเพียงแห่งเดียวในไทยเท่านั้น.ที่ตั้ง : วัดบ้านปราสาท บ้านปราสาท ต.ระแงง อ.ศีขรภูมิ จ.สุรินทร์เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.30 น. ผักกาดหวาน ข้าวสารหอม.จังหวัดสุรินทร์ เป็นแหล่งผลิต “ข้าวหอมมะลิ” ที่ขึ้นชื่อ และยังผลิตได้ปริมาณมากที่สุดของประเทศ ถือเป็นสินค้าส่งออกที่สำคัญของจังหวัดเลยทีเดียว.ส่วน “ผักกาดหวาน” นั้นก็เป็นสุดยอดของฝากเมืองสุรินทร์ ที่ทั้งคนสุรินทร์เองและนักท่องเที่ยวต่างนิยมซื้อกลับบ้านไปฝากญาติพี่น้องหรือคนรู้จัก เป็นอีกหนึ่งของขึ้นชื่อ ที่มาแล้วต้องซื้อติดไม้ติดมือกลับไปนั่นเอง งามพร้อมวัฒนธรรม .จังหวัดสุรินทร์ เกิดจากการหลอมรวมวัฒนธรรมของ 3 ชาติพันธุ์ ได้แก่ เขมร กูย (หรือ กวย) และลาว เข้าด้วยกัน จนเกิดเป็นขนบธรรมเนียมประเพณีที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวสุรินทร์ ไม่ว่าจะเป็น วัฒนธรรมการเลี้ยงช้าง การจักสาน การทอผ้าไหม และการทำเครื่องประดับเงินที่เรียกว่าปะเกือม เป็นต้น เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 5 มีนาคม 2562

เที่ยวตามคำขวัญ : สุรินทร์ อ่านเพิ่มเติม

เกาะพยาม ยามไหนก็…รัก

เกาะพยาม ยามไหนก็…รัก  ในทะเลอันดามัน มีเกาะอยู่แห่งหนึ่งที่ในอดีตเรียกว่า “เกาะพิยาม” มาจากคำว่า “พอยาม” (“ยาม” เป็นการนับเวลาในสมัยโบราณ โดย 1 ยามเท่ากับ 3 ชั่วโมง) “พอยาม” จึงหมายถึง การเดินทางมายังเกาะต้องใช้เวลา 3 ชั่วโมงจึงจะถึง ภายหลังเพี้ยนมาเป็น “เกาะพยาม” แต่บ้างก็ว่าที่มาของชื่อ “เกาะพยาม” มาจากคำว่า “พยายาม” เพราะในสมัยก่อนการเดินทางไปยังเกาะพยามมีความยากลำบาก ต้องใช้ความพยายามอย่างมาก ชาวบ้านจึงเรียกเกาะนี้ว่า “เกาะพยายาม” ก่อนจะเพี้ยนมาเป็น “เกาะพยาม” นั่นเอง เกาะพยาม เป็นเกาะที่มีชื่อเสียงมากของจังหวัดระนอง มีอ่าวหลักๆ อยู่ 4 อ่าวด้วยกัน คือ อ่าวแม่หม้าย อ่าวใหญ่ อ่าวเขาควาย และอ่าวกวางปีบ ซึ่งแต่ละอ่าวตั้งอยู่ไม่ไกลกันมากนัก ใช้เวลาประมาณ 10 นาทีก็ถึง การเดินทางบนเกาะพยาม ต้องใช้รถจักรยาน รถจักรยานยนต์ หรือรถอีแต็กเท่านั้น ซึ่งบนเกาะก็มีให้บริการพร้อม การเดินทางมายังเกาะพยาม ต้องนั่งเรือจากท่าเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ ซึ่งอยู่ห่างจากอำเภอเมืองระนองประมาณ 15 นาที เรือมี 2 แบบ ได้แก่– เรือธรรมดา ราคาคนละ 200 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1.30-2 ชั่วโมง– เรือสปีดโบ๊ท ราคาคนละ 350 บาท ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30-40 นาที เมื่อถึงท่าเทียบเรือเกาะพยาม เราก็จะพบกับ “อ่าวแม่หม้าย” ซึ่งเป็นที่ตั้งของท่าเรือหลักและศูนย์กลางความเจริญของเกาะ ใกล้ๆ กัน มีวัดเกาะพยาม ซึ่งโดดเด่นด้วยพระอุโบสถกลางทะเล ที่มีพระพุทธรูปปางลีลาประดิษฐานอยู่บนหลังคา เป็นจุดสังเกตที่เห็นได้แต่ไกลยามนั่งเรือมาสู่เกาะ จุดเด่นของอ่าวนี้คือ หน้าหาดที่หันไปทางทิศตะวันออก จึงสามารถชมทิวทัศน์ยามพระอาทิตย์ขึ้นได้อย่างสวยงาม บริเวณอ่าวแม่หม้ายจะคึกคักกว่าอ่าวอื่นๆ เนื่องจากเป็นที่ตั้งของท่าเทียบเรือ มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นร้านค้า ร้านอาหาร ที่พัก บริการเรือเช่ารอบเกาะ และรถจักรยานยนต์ให้เช่า อ่าวถัดมาคือ “อ่าวใหญ่” อยู่ทางทิศตะวันตกเฉียงใต้ของเกาะ จะว่าไปอ่าวนี้ก็ใหญ่สมชื่อเลยนะคะ มีลักษณะเป็นเวิ้งทอดยาวกว่า 4 กิโลเมตร หาดทรายมีสีดำปนขาว เนื่อละเอียดแน่นนวลเท้า รู้สึกดีมากๆ เลย  อ่าวใหญ่แบ่งออกเป็นอ่าวใหญ่เหนือและใต้ โดยมีลำคลองเล็กๆ เป็นจุดแบ่ง ซึ่งทางตอนใต้ของอ่าวจะมีลักษณะเป็นโขดหิน  เมื่อน้ำลดเราจะเห็นหาดทรายอันกว้างใหญ่กลายเป็นริ้วสีขาวดำ ดูสวยงามแปลกตา มาต่อกันที่ “อ่าวเขาควาย” ทางทิศตะวันตกของเกาะ ลักษณะของอ่าวเป็นรูปโค้งเข้าหากันคล้ายกับเขาควาย อ่าวเขาควายแบ่งออกเป็น 2 ฝั่ง คือ อ่าวเขาควายฝั่งเหนือและฝั่งใต้ โดยไฮไลท์จะอยู่ที่อ่าวเขาควายฝั่งใต้ ซึ่งมีโขดหินที่มีลักษณะเป็นโพรงคล้ายกับซุ้มประตู เรียกกันว่า “เขาทะลุ” หรือ “หินทะลุ” เป็นจุดที่คนนิยมมาถ่ายภาพกันมาก เรียกว่าเป็นแลนด์มาร์กของอ่าวนี้เลยก็ว่าได้ มาถึงอ่าวสุดท้ายกันแล้ว นั่นก็คือ “อ่าวกวางปีบ” ซึ่งเป็นอ่าวที่อยู่ตอนเหนือสุดของเกาะพยาม การเดินทางไปอ่าวนี้ต้องใช้ความพยายามกันสักนิด เนื่องจากนอกจากจะอยู่ไกลแล้ว เส้นทางยังเป็นลูกรังและชันเล็กน้อย แต่เพื่อแลกกับบรรยากาศที่สวยงามและเงียบสงบที่จะได้เจอแล้ว แอดบอกเลยว่าคุ้มค่าสุดๆ  ที่ตั้ง : ตำบลเกาะพยาม อำเภอเมือง จังหวัดระนองโทร. 077 825 308-9 (องค์การบริหารส่วนตำบลเกาะพยาม) เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 4 มีนาคม 2562

เกาะพยาม ยามไหนก็…รัก อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top