สถานที่ท่องเที่ยว

ปางอุ๋ง ดินแดนแห่งเทพนิยาย

ก่อนอื่นต้องบอกเลยว่า “ปางอุ๋ง” เป็นสถานที่ที่แอดอยากไปมากกกก (ก.ไก่ล้านตัว) เพราะที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นดินแดนแห่งเทพนิยาย.แอดจึงอยากไปพิสูจน์ให้เห็นกับตาตัวเอง ว่าจะจริงสมคำร่ำลือหรือไม่  และเมื่อมาถึง แอดไม่แน่ใจเลยว่าตัวเองเผลอพูดคำว่า “สวยมาก” ไปทั้งหมดกี่ครั้ง เพราะสิ่งที่เห็นตรงหน้าคือสวยมากจริงๆ เป็นความสวยงามที่ยากเกินกว่าจะบรรยายออกมาเป็นคำพูดได และไฮไลท์สำหรับการมาเที่ยวปางอุ๋งก็คือ “การล่องแพไม้ไผ่” เพื่อชมธรรมชาติและบรรยากาศของทะเลสาบในตอนเช้าตรู่ค่ะ ไอหมอกจางๆ ที่ลอยอยู่เหนือผิวน้ำ ล้อมรอบไปด้วยแนวทิวสน ช่างเหมือนกับอยู่ในเทพนิยายยังไงยังงั้น .ยิ่งเป็นช่วงที่พระอาทิตย์กำลังขึ้นแล้วละก็ แอดบอกเลยว่าโรแมนติกสุดๆ ฟินมากๆ . การล่องแพจะใช้เวลาประมาณ 20 – 30 นาทีค่ะ ล่องไปเรื่อยๆ รอบๆ อ่างเก็บน้ำ ชื่นชมธรรมชาติ สูดอากาศบริสุทธิ์ ซึมซับบรรยากาศสุดโรแมนติก  ค่าบริการลำละ 150 บาท นั่งได้ 2 คนค่ะ นั่งสบายมากๆ เลย แต่ถ้าใครยังฟินกับบรรยากาศของปางอุ๋งจนไม่อยากกลับแล้วละก็ ที่นี่เค้าก็มีบ้านพักและพื้นที่กางเต็นท์ไว้บริการด้วยค่ะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2562

ปางอุ๋ง ดินแดนแห่งเทพนิยาย อ่านเพิ่มเติม

วังเทพทาโร แดนไม้มหัศจรรย์ บ้านแห่งปราชญ์ท้องถิ่น

หลายคนอาจจะเคยไปดูสันหลังมังกรกลางทะเลกันมาแล้ว แต่ที่จังหวัดตรัง นอกจากสันหลังมังกรแล้ว ยังมีมังกรเป็นตัวๆ ให้ดูอีกด้วยนะ  วังเทพทาโร คือสถานที่รวบรวมมังกรที่ทำจากไม้เทพทาโร ผลงานสร้างสรรค์ฝีมืออาจารย์จรูญ แก้วละเอียด ปราชญ์ท้องถิ่นผู้รักในแผ่นดินบ้านเกิด เทพทาโรคืออะไร เทพทาโร หรือต้นจวงหอม เป็นไม้มงคลชนิดหนึ่งที่เนื้อไม้มีกลิ่นหอม นิยมนำมาแกะสลักเป็นของตกแต่งบ้าน หรือนำมาสกัดเป็นน้ำมันหอมระเหย ที่มีสรรพคุณทางยามากมาย เช่น ใช้ทานวดแก้ปวดเมื่อยเคล็ดขัดยอก แก้ผดผื่น แก้แมลงสัตว์กัดต่อย ทาแผลสด แผลเรื้อรัง แผลอักเสบ แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก เป็นต้น ความมหัศจรรย์อีกอย่างของพืชชนิดนี้คือ ต้นเทพทาโรแต่ละต้นจะให้ความหอมต่างกัน มีทั้งกลิ่นตะไคร้หอม กลิ่นรูทเบียร์ กลิ่นเสม็ดขาว และกลิ่นดอกไม้ ซึ่งทดสอบได้โดยขยี้ใบแล้วดมค่ะ วังเทพทาโรเกิดจากน้ำพักน้ำแรงของอาจารย์จรูญ แก้วละเอียด อดีตครูภาษาอังกฤษ โรงเรียนห้วยยอด ที่ต้องการอนุรักษ์พืชชนิดนี้ไว้ให้เป็นที่รู้จักของคนรุ่นหลัง อาจารย์จรูญเล่าว่า เมื่อก่อนละแวกนี้มีไม้เทพทาโรเป็นแสนๆ ต้น แต่ชาวบ้านโค่นทิ้งเพื่อปลูกยางพารา อาจารย์เห็นว่าไม้เทพทาโรเป็นไม้ที่มีประโยชน์ มีคุณค่า จึงขอซื้อต่อจากชาวบ้าน แล้วลองนำมาต่อเป็นมังกรจนสำเร็จ หลังจากนั้นจึงทุ่มทุนสร้างวังเทพทาโรที่มีเนื้อที่กว่า 25 ไร่นี้ขึ้นมา สถานที่แห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ที่ให้ประชาชนและผู้ที่สนใจได้เข้ามาศึกษาหาความรู้เกี่ยวกับไม้เทพทาโร อีกทั้งยังได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่น และหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชอีกด้วย และด้วยความที่อาจารย์จรูญเป็นคนชอบแต่งกลอนและเพลงมาก จึงได้แต่งกลอนที่มีเนื้อหามาจากคำสอนของในหลวงรัชกาลที่ 9 เอาไว้มากมาย อาจารย์แต่งกลอนเก่งมากๆ มีทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เดินอ่านเพลินเลยค่ะ ต้นกำเนิดของวังเทพทาโร มังกรตัวแรกที่อาจารย์จรูญลองทำ โดยนำท่อนไม้ เศษไม้ และรากของต้นเทพทาโรมาต่อเข้าด้วยกัน.สาเหตุที่สร้างเป็นรูปมังกรก็เพราะ มังกรเป็นสัญลักษณ์ของความยิ่งใหญ่ เป็นสัตว์เทพ ซึ่งเป็นการเล่นคำกับชื่อเทพทาโรอีกด้วย ห้ามพลาด!! มาที่นี่ต้องมาลอดท้องมังกร 9 ช่อง เพื่อความเป็นสิริมงคล พญามังกรเก้ามงคล “รักษ์น้ำ” ถือเป็นมังกรไม้ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย “มังกรไพรภักดี” มังกรตัวที่ 88 ก็สวยงาม อลังการไม่แพ้กัน.ปัจจุบันอาจารย์จรูญยังคงสร้างสรรค์ผลงานอย่างต่อเนี่อง โดยตั้งใจจะสร้างมังกรให้ครบ 89 ตัว เท่ากับพระชนมพรรษาของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 22 กุมภาพันธ์ 2562

วังเทพทาโร แดนไม้มหัศจรรย์ บ้านแห่งปราชญ์ท้องถิ่น อ่านเพิ่มเติม

5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไหว้แล้วมีสิทธิสละโสด

ศาลท้าวมหาพรหม กรุงเทพมหานคร.เชื่อกันว่า ท่านท้าวมหาพรหมเป็นเทพเจ้าที่มีเมตตา สามารถดลบันดาลให้ผู้ที่มาขอพรนั้นสมปรารถนาในเรื่องต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นความรัก ชีวิต หน้าที่การงาน โดยผู้ที่มาขอพรพระพรหมนั้นมักจะบนบานด้วยการถวายพวงมาลัยดอกไม้เจ็ดสีเจ็ดศอก ช้างไม้ หรือละครรำ.ยังมีกิตติศัพท์เลื่องลือกันในหมู่ของผู้ที่ต้องการมีบุตรด้วยว่า หากได้มาอธิษฐานขอพรจากท่านแล้ว มักจะสมหวัง แม้แต่ชาวต่างชาติก็ถึงกับข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ.ในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปี จะมีการจัดงานบวงสรวงพระพรหม เนื่องในโอกาสครบรอบการตั้งศาลด้วย  พระตรีมูรติ กรุงเทพมหานคร.ผู้ใดที่ยังไร้คู่หรือไม่มีโชคในด้านความรัก หากได้มาบูชาพระตรีมูรติและตั้งจิตอธิษฐานขอพรให้พบกับเนื้อคู่แล้ว ก็มักจะได้สมดังปรารถนา รวมทั้งเรื่องของชีวิตและหน้าที่การงานอีกด้วย เวลาที่ดีที่สุดในการสักการะ คือ คืนวันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น. เพราะเชื่อว่าเป็นเวลาที่เทพจะลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อรับฟังและประทานพรให้แก่ผู้ขอ.วิธีบูชาพระตรีมูรติ ใช้ธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง ดอกกุหลาบแดง และผลไม้ พร้อมกล่าวชื่อ นามสกุล รวมทั้งที่อยู่ของตนเองด้วย.วันบวงสรวงพระตรีมูรติ ตรงกับวันที่ 2 ธันวาคม ของทุกปี วัดโสธรราชวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา.ผู้ที่นับถือหลวงพ่อโสธรเชื่อว่าเมื่อได้มาสักการะแล้ว จะมีแต่ความสุข เป็นสวัสดิมงคลแก่ชีวิต และในหมู่ผู้ที่มีบุตรยากยังเดินทางมาพร้อมกับความหวัง.เพราะเชื่อกันว่า หากได้มาขอหลวงพ่อแล้วจะได้ลูกชาย และเมื่อสมดังหวัง ก็นิยมมาถวายละครชาตรี ไข่ต้ม ผลไม้ และพวงมาลัย.งานนมัสการประจำปีหลวงพ่อโสธร จัดขึ้นปีละ 3 ครั้ง คือ– กลางเดือน 5 (เมษายน)– กลางเดือน 12 (พฤศจิกายน)– เทศกาลตรุษจีน ศาลเจ้าแม่สร้อยดอกหมาก วัดพนัญเชิงวรวิหาร จ.พระนครศรีอยุธยา.เชื่อกันว่า เจ้าแม่สร้อยดอกหมากจะดลบันดาลให้ผู้ที่มากราบไหว้ขอพร มีแต่ความสุข ความสำเร็จ โดยเฉพาะเรื่องของความรักและคู่ครอง ถ้ามีใจที่แน่วแน่มั่นคง ก็มักสมหวังดังใจปรารถนา.หรือผู้ที่อยากมีบุตรก็มักจะมาขอพรจากเจ้าแม่เช่นกัน เมื่อได้สมดังที่ขอแล้วมักจะนำผ้าแพร ไข่มุก เรือสำเภาจำลอง หรือนำสิงโตมาเชิดเพื่อถวายเจ้าแม่ พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย.เชื่อกันว่า หากผู้ใดได้มาบนบานศาลกล่าว แล้วแก้บนด้วยต้นผึ้ง จะได้สมตามความปรารถนาทุกประการ และถ้าขอพรในด้านที่เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพ สัมพันธภาพนั้นก็จะยั่งยืนสืบไป.ข้อปฏิบัติที่ควรทราบคือ ไม่ควรแต่งกายในชุดสีแดง รวมทั้งงดนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นไปบูชา เพราะสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง นอกจากนี้ยังไม่ควรกางร่ม สวมหมวก และสวมรองเท้าขึ้นไปบริเวณพระธาตุอีกด้วย.พระธาตุศรีสองรัก สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ เพื่อเป็นสักขีพยานในความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกรุงศรีอยุธยากับกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทน์).ประเพณีสมโภชพระธาตุศรีสองรัก จัดขึ้นในวันวิสาขบูชา (วันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6) ของทุกปี เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 23 กุมภาพันธ์ 2562

5 สถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ไหว้แล้วมีสิทธิสละโสด อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวปาย 2 วัน 1 คืน

เที่ยวปาย 2 วัน 1 คืน.ทริปนี้เราจะไปปายกัน แต่ไหนๆ ก็มาถึงแม่ฮ่องสอนแล้ว แวะชมสถานที่ท่องเที่ยวระหว่างทางไปปายกันสักนิดก็คงไม่เสียหายอะไร ว่าแล้วก็ตามแอดมาเลยจ้า แอดขอเริ่มต้นทริปนี้ด้วยการนั่งทานก๋วยเตี๋ยวห้อยขากันที่ “บ้านจ่าโบ่” ค่ะ เค้าว่ากันว่ากองทัพต้องเดินด้วยท้อง ดังนั้นจะช้าอยู่ไย สั่งก๋วยเตี๋ยวกันเลย ก๋วยเตี๋ยวของที่นี่มีให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นน้ำใสหรือต้มยำ จะใส่ไข่ต้มหรือไม่ใส่ แล้วแต่ชอบเลยค่ะ.ระหว่างที่รอก๋วยเตี๋ยว เราก็สามารถนั่งถ่ายรูปเล่น จิบลม ชมวิวกันได้ตามสบาย ขอบอกเลยว่าวิวที่นี่สวยมาก สมกับที่เค้าว่า “ก๋วยเตี๋ยวหลักสิบวิวหลักล้าน” เลย.ที่ตั้ง : 1226 ตำบลปางมะผ้า อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน เวลา 07.00 – 16.00 น. หลังจากทานก๋วยเตี๋ยวกันจนอิ่มหนำสำราญแล้ว เราก็ไปต่อกันที่ “ถ้ำน้ำลอด” ค่ะ ภายในแบ่งออกเป็น 3 ถ้ำด้วยกัน ซึ่งการเข้าไปยัง 2 ถ้ำแรกเราจะต้องเดินและปีนบันไดที่ค่อนข้างชัน ส่วนการเดินทางไปยังถ้ำที่ 3 จะมีแพให้เราได้นั่งลอดถ้ำเข้าไป.ในถ้ำค่อนข้างมึด แต่ไม่ต้องกลัวนะคะ เพราะเรามีตะเกียงเจ้าพายุเป็นแสงสว่างนำทาง บวกกับมีไกด์ที่น่ารักคอยอำนวยความสะดวกให้ด้วย ระหว่างล่องแพเราสามารถให้อาหารปลาได้ด้วยนะคะ ซึ่งอาหารปลาสามารถซื้อได้บริเวณจุดขายตั๋วค่ะ.แพ 1 ลำนั่งได้ประมาณ 3 คน ค่าบริการล่องแพ พร้อมไกด์ท้องถิ่น ราคา 450 บาท ใช้เวลาชมความสวยงามภายในถ้ำประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง แอดชมเพลินจนลืมเวลาไปเลย นึกว่าเพิ่งเดินได้แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้นเอง  ที่ตั้ง : ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 17.00 น. ชมความมหัศจรรย์อันสวยงามของถ้ำเสร็จแล้ว เราก็ไปรับลมเย็นๆ ชมวิวสวยๆ กันที่ “ดอยกิ่วลม” ค่ะ ซึ่งที่นี่เราสามารถลองเล่นชิงช้ากะเหรี่ยงได้ด้วยนะคะ แอดไปลองมาแล้ว ตอนแรกก็แอบกลัวนิดหน่อย แต่ต้องบอกเลยว่าวิวดีมาก…..หมายถึงวิวจริงๆ นะ .ที่ตั้ง : ตำบลถ้ำลอด อำเภอปางมะผ้า จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังจากเพลิดเพลินกับการชมวิวและบรรยากาศที่สวยงามกันแล้ว เราก็ไปสักการะพระพุทธโลกุตระมหามุนี พระพุทธรูปสีขาวองค์ใหญ่ที่ “วัดพระธาตุแม่เย็น” ค่ะ ที่วัดแห่งนี้เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของแม่ฮ่องสอน เมื่อมาเที่ยวแล้วต้องห้ามพลาดเด็ดขาดเลยนะคะ.ที่ตั้ง : ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน ถึงเวลาเติมพลังกันแล้วค่ะ บอกเลยว่าราตรีนี้ยังอีกยาวไกล เพราะเราจะไม่ยอมหลับถ้าท้องเรายิ่งไม่อิ่ม สำหรับเพื่อนๆ ที่เดินทางมาเที่ยว อ.ปาย สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือ การชอปของดี ชิมของอร่อย ที่ “ถนนคนเดินปาย” ซึ่งมีสินค้าให้เลือกซื้อเลือกหากันมากมาย.ที่ตั้ง : ถนนชัยสงคราม ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จัวหวัดแม่ฮ่องสอนเปิดทุกวัน เวลา 18.00 – 23.00 น. สำหรับเช้าวันใหม่นี้ เราก็พร้อมออกเดินทางไปยัง “จุดชมวิวหยุนไหล” กันแล้ว ที่นี่เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นยอดฮิตสำหรับคนที่เดินทางมาปาย เพราะนอกจากพระอาทิตย์ที่สวยงามแล้ว เรายังจะได้สัมผัสกับไอหมอกและลมเย็นๆ ในยามเช้าตรู่อีกด้วยค่ะ.หากกลัวว่าจะต้องมาถึงที่นี่แต่เช้าเพื่อรอชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้วจะหิว ก็ไม่ต้องกังวลไป เพราะที่นี่เค้ามีร้านอาหารไว้บริการด้วยค่ะ  การเดินทางมายังจุดชมวิวหยุนไหลนั้น ถ้าขึ้นมาก่อน 09.00 น. เราจะต้องจอดรถไว้ที่หมู่บ้านสันติชล และนั่งรถกระบะของชาวบ้านต่อมายังจุดชมวิว ราคาเหมาไป-กลับคันละ 300 บาท นั่งได้ไม่เกิน 10 คน (แต่ถ้าหลัง 09.00 น. สามารถนำรถขึ้นไปเองได้ค่ะ).ที่ตั้ง : ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เพื่อนๆ คนไหนที่หลงใหลในบรรยากาศแบบจีนๆ ต้องแวะที่ “บ้านสันติชล” เลยค่ะ ที่นี่มีอาหารจีนให้เลือกทาน มีมุมสวยๆ ในบรรยากาศจีนๆ ให้เลือกถ่ายรูปมากมาย นอกจากนี้ยังมีชุดแบบในหนังจีนให้เช่าใส่เป็นพร็อปถ่ายรูปอีกด้วยนะคะ โดยราคาเริ่มต้นที่ชุดละ 100 บาทค่ะ .ที่ตั้ง : ตำบลเวียงใต้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน หลังจากนั้นเราก็ออกเดินทางไปต่อกันที่ “สะพานประวัติศาสตร์ท่าปาย” สะพานแห่งนี้มีดีอะไร? คำตอบคือ เป็นสะพานที่ดูเก๋และถ่ายรูปสวยสุดๆ ค่ะ.นอกจากนี้สะพานแห่งนี้ยังมีความสำคัญอย่างมากต่อ อ.ปาย เพราะเมื่อครั้งอดีตในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 กองทหารญี่ปุ่นได้ใช้สะพานแห่งนี้ในการลำเลียงเสบียงและอาวุธยุทโธปกรณ์ไปยังประเทศเมียนมา เดิมสะพานแห่งนี้สร้างด้วยไม้ แต่หลังจากสงครามครั้งที่ 2 สิ้นสุดลง ทหารญี่ปุ่นได้เผาสะพานทิ้ง ภายหลังจึงได้มีการสร้างสะพานขึ้นใหม่โดยใช้เหล็กจากสะพานนวรัฐ จ.เชียงใหม่ ซึ่งไม่ได้ใช้งานแล้ว มาสร้างเป็นสะพานแบบที่เราเห็นทุกวันนี้นั่นเองค่ะ.ที่ตั้ง : ตำบลแม่ฮี้ อำเภอปาย จังหวัดแม่ฮ่องสอน เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2562

เที่ยวปาย 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวกันตัง ชมหมากตักน้ำ

ราจะไปกันที่ “ชุมชนบ้านย่านซื่อ”ที่ตั้ง : ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรังพิกัด : https://goo.gl/maps/5xBxVs4x2Zv “ชุมชนบ้านย่านซื่อ” เป็นชุมชนริมฝั่งแม่น้ำตรัง และยังเป็นชุมชนป่าจากที่ใหญ่ที่สุดของภาคใต้อีกด้วยนะคะ เอาล่ะค่ะ เรามาทำความรู้จักกับ “ติหมา” กันดีกว่า.“ติหมา” หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “หมาตักน้ำ” หรือ “หมาจาก” นั้น ก็คือภาชนะตักน้ำที่ทำมาจากใบจากนั่นเองค่ะ.หนึ่งในภูมิปัญญาของชาวใต้ ที่นำวัสดุที่หาได้ง่ายในท้องถิ่นมาใช้ประโยชน์ในชีวิตประจำวันมาตั้งแต่อดีต.ซึ่งในปัจจุบัน ด้วยกระแสของการลดการใช้พลาสติก และหันกลับมาใช้วัสดุธรรมชาติมากขึ้น ทำให้เราพบเห็นการนำติหมามาใช้ประโยชน์กันมากมายเลย ไม่ว่าจะใส่น้ำ ใส่ขนม หรือแม้แต่ใช้เป็นของตกแต่งบ้านด้วย และประโยชน์ของใบจากยังไม่หมดเพียงเท่านี้นะคะ เพราะใบจากยังสามารถนำมาสานเป็นภาชนะต่างๆ เช่น ตะกร้า กระเช้า ถาด ฯลฯ สำหรับใส่ของได้อีกด้วยค่ะ หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากจะศึกษาหรือเรียนรู้งานฝีมือจากต้นจากให้มากกว่านี้ ก็สามารถเดินทางมาที่ชุมชนบ้านย่านซื่อได้เลย คุณลุงคุณป้ายินดีต้อนรับ และพร้อมที่จะถ่ายทอดภูมิปัญญาอันล้ำค่าเหล่านี้ให้กับพวกเราค่ะ  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 28 กุมภาพันธ์ 2562

เที่ยวกันตัง ชมหมากตักน้ำ อ่านเพิ่มเติม

ดอกไม้งามที่บ้านห้วยสำราญ จังหวัดอุดรธานี

เป็นที่ทราบกันดีว่าอุดรธานีขึ้นชื่อในเรื่องความสวยงามของทะเลบัวแดง แต่นอกจากทะเลบัวแดงแล้ว ที่นี่ยังมีทุ่งดอกไม้สีสันสดใสที่คนรักดอกไม้ต้องไปเช็คอิน . ทุ่งดอกไม้ที่แอดพูดถึง คือทุ่งดอกไม้บ้านห้วยสำราญ ตั้งอยู่ที่อำเภอเมือง จังหวัด #อุดรธานี เป็นแหล่งปลูกและจำหน่ายไม้ดอกไม้ประดับที่ใหญ่ที่สุดในภาคอีสาน ดอกไม้ที่ปลูกส่วนใหญ่เป็นดอกคัทเตอร์และดอกเบญจมาศ ฤดูกาลท่องเที่ยวคือ ช่วงเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ พิกัด : https://goo.gl/maps/ERF6imGqdVmjpSKF7 . เราไปชมความสวยงามของดอกคัทเตอร์และดอกเบญจมาศกันเลยค่ะ . ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ ในหมู่บ้านมีแปลงดอกไม้และร้านดอกไม้หลายร้านที่นักท่องเที่ยวสามารถเข้าไปถ่ายรูปและซื้อดอกไม้กลับบ้านได้ – แปลงสาธิตตัวอย่างของหมู่บ้าน ตั้งอยู่ติดกับโรงเรียนบ้านห้วยสำราญโทร. 09 3414 0975พิกัด : https://goo.gl/maps/Z6fqbDW6riZ3Yvgv9 – สวนสิทธิกรโทร. 09 4529 9556, 09 2459 8525พิกัด : https://goo.gl/maps/RHL3oqJaA1sAnBNq7 – สวนดอกไม้พิจิตราโทร. 09 7051 0963พิกัด : https://goo.gl/maps/wH9RjkL76zo5NXoZ8 – สวนแบงค์เบญจมาศโทร. 08 8508 4070พิกัด : https://goo.gl/maps/C7JjXBddWoNVzgEZ9 – สวนตุ๊กตาดอกไม้สดโทร. 09 7051 0963พิกัด : https://goo.gl/maps/W1drVTiV4HN5ECM47  ไปเที่ยวสวนดอกไม้ทั้งที ต้องได้รูปดอกไม้สวย ๆ กลับบ้าน แอดมีเทคนิคภ่ายภาพดอกไม้มาฝากค่ะ ใครไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่ต้องห่วง แค่มีมือถือก็รอด รับรองว่าไปเที่ยวบ้านห้วยสำราญคราวนี้ มีรูปดอกไม้กลับไปอวดเพื่อนในโชเชียลแน่นอน เทคนิคการถ่ายภาพดอกไม้ด้วยมือถือ – ถ่ายภาพในระยะ close up ให้เห็นรายละเอียดของกลีบและเกสร แทนที่จะเห็นดอกไม้ทั้งดอก ภาพแบบนี้จะทำให้เห็นดอกไม้ในมุมที่แปลกออกไป – หลีกเลี่ยงการใช้แฟลช หลายคนชอบลืมปิดแฟลชในกล้องมือถือ การใช้แฟลชในแสงกลางวันจะยิ่งทำให้ภาพสว่างเกินไป และดูแข็งไม่เป็นธรรมชาติ – ถ่ายภาพระยะกลาง ให้เห็นทั้งดอกไม้และใบไม้ สีเขียวของใบไม้จะตัดกับสีสันสดใสของดอกไม้ ช่วยให้ดอกไม้ดูเด่นขึ้น – เลือก Background ที่ไม่ยุ่งเหยิง จะได้ไม่แย่งความโดดเด่นของดอกไม้ – ลองถ่ายภาพจากมุมแปลก ๆ แบบอื่นที่ไม่ใช่มุมระดับสายตาดูบ้าง เช่น มุมเสย หรือมุมกดจากด้านบน – หามุมที่แสงแดดสาดลงไปที่ดอกไม้ เพราะแสงที่ตกกระทบจะช่วยทำให้ดอกไม้ดูสีสดขึ้น – ถ่ายภาพระยะไกล เลือกมุมเเบบ PATTERN เช่น ลองถ่ายภาพแปลงดอกไม้ที่เว้นแถวเท่า ๆ กัน หรือภาพกระถางต้นไม้ที่วางเรียงเป็นแถว ก็สวยไปอีกแบบ – ถ่ายภาพแบบหน้าชัดหลังเบลอ ซึ่งในโทรศัพท์มือถือจะมีโหมดที่ทำให้พื้นหลังเบลออยู่แล้ว การถ่ายภาพแบบนี้จะทำให้ภาพเกิดมิติ และดอกไม้ก็จะดูเด่นขึ้นมาทันที

ดอกไม้งามที่บ้านห้วยสำราญ จังหวัดอุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

วิถีคนทำกาแฟ @ Villa Varich จังหวัดชุมพร

วิถีคนทำกาแฟ @ Villa Varich จังหวัดชุมพร.หากเดินทางมาเที่ยวที่จังหวัดชุมพร สิ่งที่พลาดไม่ได้คือเรื่องของกาแฟเพราะกาแฟเป็นอีกหนึ่งผลผลิตที่สำคัญของจังหวัดชุมพร โดยเฉพาะกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้า ที่ไม่ว่าจะเดินทางไปแหล่งท่องเที่ยวที่ไหนในจังหวัดชุมพร ก็จะได้เห็นต้นกาแฟเป็นไร่ ๆ จนชินตา หากใครกำลังมองหากิจกรรมดี ๆ เช่น การทำ workshop กาแฟ พร้อมที่พักสไตล์บ้านสวนริมน้ำที่มีบรรยากาศสุดชิลและเงียบสงบ Villa Varich เป็นอีกสถานที่ที่แอดอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ไปเที่ยวกันค่ะ Villa Varich เป็นโรงแรมที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติและติดริมแม่น้ำ ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางมาได้สะดวก.นอกจากจะได้ดื่มด่ำกับบรรยากาศท่ามกลางธรรมชาติแล้ว ที่นี่ยังมีกิจกรรมที่น่าสนใจคือ การปั่นจักรยาน พายเรือคายัค และ Coffee Workshop.56/1 ต.บางหมาก อ.เมืองชุมพร จ.ชุมพรโทร. 08 6964 7123พิกัด : https://g.page/villavarich?share วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ มาทำ Coffee Workshop กันค่ะ เริ่มตั้งแต่การคั่วกาแฟ ไปจนถึงชิมกาแฟที่เราลงมือทำเอง ซึ่งคุณคม ศรีราช เจ้าของ Villa Varich จะเป็นคนพาเราทำ workshop ครั้งนี้ มาดูกันว่า กาแฟที่แอดคั่วเองกับมือ รสชาติจะเป็นอย่างไรกันบ้าง.คุณคมเล่าว่า การทำ Coffee Workshop มีจุดประสงค์คือ ให้เรารู้ถึงความแตกต่างของรสชาติและจุดเด่นของกาแฟแต่ละสายพันธุ์ เพื่อเอาไว้สังเกตเวลาไปซื้อกาแฟ และเป็นการเพิ่มความสนุกในการดื่มกาแฟอีกด้วย ก่อนเริ่ม workshop คุณคมพาแอดไปดูว่าต้นกาแฟมีหน้าตาเป็นยังไง ต้นกาแฟมีลักษณะเป็นข้อและปล้อง ใบมีผิวเรียบ นุ่มเป็นมัน ออกผลดิบสีเขียว ฤดูเก็บเกี่ยวของกาแฟสายพันธุ์โรบัสต้าที่จังหวัดชุมพรจะเป็นช่วงต้นเดือนมกราคม คุณคมได้นำสารกาแฟหรือเมล็ดกาแฟสีเขียวที่ยังไม่ผ่านการคั่วมาให้ชม เมล็ดกาแฟที่ดีต้องมีความชื้นไม่เกิน 10-12 เปอร์เซนต์ โดยใช้เครื่องวัดความชื้นเป็นตัววัด ถ้าไม่ใช้เครื่อง ให้สังเกตจากรูปร่าง สีและกลิ่น โดยกาแฟต้องมีเมล็ดสวยและแข็ง ไม่มีกลิ่นเหม็นหืน กลิ่นเน่าหรือกลิ่นรา มาค่ะ กะทะพร้อม ไฟพร้อม นาฬิกาจับเวลาพร้อม เรามาเริ่มคั่วกาแฟกันเลยดีกว่า เริ่มจากการนำเมล็ดกาแฟดิบมาคั่ว โดยเริ่มจับเวลาตั้งแต่ตอนที่เอาเมล็ดกาแฟลงกระทะ 3 นาทีแรกจะเรียกว่า Dry phase เป็นการไล่ความชื้นในเมล็ดกาแฟออกไป จากนั้นจะเริ่มเข้าสู่ระยะที่เรียกว่า High pressure โดยเมล็ดจะขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ พอคั่วต่อไปจนถึงนาทีที่ 9 จะมีเสียงเป๊าะแป๊ะเบา ๆ เรียกว่าระยะ Frist crack เมล็ดกาแฟจะแตกออก คั่วต่ออีกไปสัก 1-2 นาที ก็จะได้กาแฟคั่วอ่อนที่พร้อมนำไปบดและชงดื่มค่ะ แต่ถ้าเพื่อน ๆ ยังคั่วต่อไป จะเป็นการคั่วเพื่อสร้างกลิ่นของกาแฟให้ชัดเจนขึ้น เช่น กลิ่นช็อกโกแลต กลิ่นคาราเมล หากต้องการกาแฟคั่วกลางจะใช้เวลาประมาณ 12 นาที กาแฟคั่วเข้ม จะใช้เวลาประมาณ 14-15 นาที ไม่ควรใช้เวลามากกว่านี้ เพราะจะเข้าสู่ระยะ Second crack ซึ่งเป็นระยะที่ไม่แนะนำ เป็นการเผาอโรม่า กรด และไขมันที่ดีในเมล็ดกาแฟไปจนหมด จากนั้นนำเมล็ดกาแฟมาฝัดเพื่อให้เปลือกหรือเยื่อบาง ๆ หลุดออกไป เกร็ดน่ารู้ : 3 วันหลังจากการคั่ว กาแฟจะมีรสชาติอร่อยที่สุด นำมาบด อาจจะกะปริมาณหรือชั่งก่อนใส่ลงไปในเครื่องบด มาถึงขั้นตอนการชง ซึ่งเป็นขั้นตอนสุดท้ายแล้วค่ะ อุณหภูมิของน้ำที่เหมาะสำหรับการชงกาแฟคือ 90 องศาเซลเซียส เพราะจะทำให้สัมผัสถึงรสชาติและกลิ่นของกาแฟได้ชัดเจน แต่ถ้าใช้น้ำอุณหภูมิต่ำกว่านั้น รสชาติของกาแฟก็จะเบาลง… อื้มมม กาแฟที่แอดคั่วเอง รสชาติก็ใช้ได้อยู่นะ อ่านมาถึงตรงนี้แล้ว หลายคนคงอยากลุกไปชงกาแฟดื่มเลย ใช่มั้ยล่ะ ถ้าใครวางแผนจะไปเที่ยวจังหวัดชุมพรและสนใจอยากทำ workshop สนุก ๆ แบบนี้ สามารถจองล่วงหน้าได้ที่ลิงก์นี้เลย Facebook : https://www.facebook.com/villavarich/ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 6 พฤศจิกายน 2563

วิถีคนทำกาแฟ @ Villa Varich จังหวัดชุมพร อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน วันที่ 1วัดภูมินทร์พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่านซุ้มลีลาวดีวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร วันที่ 2วัดพระธาตุแช่แห้งวัดหนองบัวกาแฟบ้านไทลื้อฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ วันที่ 3พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ คุ้มเจ้าหลวงคุ้มวงศ์บุรีวัดพระธาตุช่อแฮวัดพระธาตุดอยเล็ง วันที่ 1 สำหรับวันแรกเราเริ่มต้นกันที่จังหวัดน่าน ชวนมาอิ่มบุญ ไหว้พระขอพรเสริมสิริมงคลให้แก่ชีวิตกันก่อน.เริ่มที่ “วัดภูมินทร์” วัดที่มีชื่อเสียงที่สุดแห่งหนี่งของจังหวัดน่าน วัดนี้มีจุดเด่นอยู่ที่เป็นอาคารทรงจตุรมุขหนึ่งเดียวในประเทศไทย โดยรวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ไว้ในอาคารเดียวกัน เป็นการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อทางพุทธศาสนา  ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยขนาดใหญ่ 4 องค์ หันพระปฤษฎางค์ชนกัน เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระพุทธรูปทั้งสี่ทิศแล้ว จะเป็นสิริมงคล บุญกุศลจะส่งให้มีความเจริญรุ่งเรืองในชีวิตและแคล้วคลาดปลอดภัย ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดก็คือภาพจิตรกรรมฝาผนัง “กระซิบรักบันลือโลก” ซึ่งเป็นภาพของปู่ม่านย่าม่านหรือสามีภรรยาชาวพม่ากำลังกระซิบสนทนากัน นับเป็นจิตรกรรมที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงที่สุดของวัดภูมินทร์ ผลงานของหนานบัวผัน จิตรกรชาวไทลื้อ.ที่ตั้ง : ถนนผากอง ตำบลในเวียง อำเภอเมืองน่าน จังหวัดน่าน เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น.  ถัดไปไม่ไกลเราแวะชม “พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน” ซึ่งเดิมเป็นหอคำ ที่ประทับและออกว่าราชการของพระเจ้าสุริยพงษ์ผริตเดช เจ้าผู้ครองนครน่าน สร้างเมื่อ พ.ศ. 2446 ถ้าเพื่อน ๆ ยังจำได้ เมื่อก่อนตัวอาคารจะเป็นสีขาว มุงด้วยกระเบื้องสีเขียว แต่ภายหลังได้รับการบูรณะใหม่ ให้ใกล้เคียงกับในสมัยก่อนมากที่สุด ซึ่งจะสังเกตได้ว่านอกจากจะทาสีใหม่แล้ว ส่วนประดับตกแต่งอาคารหลายส่วนก็ยังเปลี่ยนแปลงไปด้วย ปัจจุบันพิพิธภัณฑ์แห่งนี้ได้จัดแสดงเรื่องราวด้านโบราณคดีและประวัติศาสตร์ศิลปะ รวมทั้งชีวิตความเป็นอยู่ของชนเผ่าต่าง ๆ ในจังหวัดน่าน นอกจากนี้ที่นี่ยังมีมุมยอดฮิตที่ไม่ว่าใครก็ต้องมาแวะถ่ายรูปให้ได้นั่นก็คือ “ซุ้มลีลาวดี” นั่นเอง ซึ่งแอดก็ไม่พลาดที่จะเก็บภาพมาอวดเพื่อน ๆ ด้วย  จากพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ น่าน ข้ามถนนมาก็จะเจอกับ “วัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร” เดิมเรียกว่า “วัดหลวง” หรือ “วัดหลวงกลางเวียง” เป็นวัดซึ่งเจ้าผู้ครองนครใช้เป็นสถานที่ประกอบพิธีสำคัญ  ภายในวัดมีพระวิหารขนาดใหญ่เป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัย ศิลปะเชียงแสน สกุลช่างน่าน  วัดพระธาตุช้างค้ำ ยังมีสถาปัตยกรรมที่สะท้อนถึงอิทธิพลของศิลปะสุโขทัย นั่นก็คือเจดีย์ช้างล้อม มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังที่มีช้างปูนปั้นครึ่งตัวประดับอยู่รอบฐาน ซึ่งคำว่า “ช้างค้ำ” ก็หมายถึงการค้ำจุนพุทธศาสนานั่นเอง.ที่ตั้ง : ถนนสุริยพงษ์ ตำบลในเวียง อำเภอเมือง จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.  วันที่ 2 วันนี้เราจะไปสักการะพระธาตุแช่แห้ง ออกเดินทางไปชมภาพจิตรกรรมที่วัดหนองบัว และไปชมวิวทุ่งนาสีเขียวที่อำเภอปัวกัน “วัดพระธาตุแช่แห้ง” เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ของจังหวัด ตั้งอยู่บนเนินเขาเตี้ย ๆ ทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน ซึ่งเป็นบริเวณศูนย์กลางเมืองน่านเดิม ภายในวัดมีพระธาตุแช่แห้งซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และยังเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีเถาะอีกด้วย เชื่อกันว่าผู้ที่ได้บูชาพระธาตุแช่แห้ง จะได้รับการอุดหนุนค้ำชู มีชื่อเสียง ลาภยศ สรรเสริญ.ที่ตั้ง : ตำบลม่วงตื้ด อำเภอภูเพียง จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.โทร. 054 601 146  ที่ต่อไปเราไปกันที่วัดหนองบัว อำเภอท่าวังผา อีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน เป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองบัว โดดเด่นด้วยวิหารแบบไทลื้อที่ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย และมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม สำหรับภาพจิตรกรรมฝาผนังที่วัดหนองบัวนั้น สันนิษฐานว่าศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานก็คือ หนานบัวผัน เจ้าของภาพปู่ม่านย่าม่านอันเลื่องชื่อที่วัดภูมินทร์นั่นเอง นอกจากความสวยงามของวัดและภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมีเรือนไทลื้ออายุกว่า 100 ปี ซึ่งเป็นที่ตั้งของ “ศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” บริเวณใต้ถุนบ้านจะมีคุณยายมานั่งปั่นฝ้ายและสาธิตการทอผ้าให้ชม เป็นการสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น เพื่อน ๆ สามารถมาลองรีดเมล็ดฝ้ายและปั่นฝ้ายได้ด้วยนะคะ มีคุณยายคอยช่วยสอนอยู่อย่างใกล้ชิดเลย.ที่ตั้ง : บ้านหนองบัว ตำบลป่าคา อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น.  จากวัดหนองบัวเราเดินทางไปต่อกันที่ “ร้านกาแฟบ้านไทลื้อ” ซึ่งบริการทั้งอาหารพื้นเมืองและเครื่องดื่มเย็น ๆ ในบรรยากาศที่ใกล้ชิดธรรมชาติสุด ๆ เพราะโดยรอบจะเป็นวิวภูเขาและทุ่งนาสีเขียว ถ่ายรูปมุมไหนก็สวย  มีทางเดินไม้ทอดยาวให้เดินเล่นชมวิวได้รอบเลยแนะนำว่าให้มาตอนเช้าหรือไม่ก็ตอนเย็น ๆ เพราะอากาศจะได้ไม่ร้อนเกินไป.ที่ตั้ง : ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่าน เปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. หากใครแวะมาอำเภอปัวต้องมาลิ้มลองรสชาติเมนูสารพัดเห็ดที่ “ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ” ที่นี่เป็นทั้งฟาร์มเห็ดและร้านอาหาร มีที่นั่งให้เลือก 2 โซน โซนร้านอาหารมี 2 ชั้น จะนั่งชั้นล่างหรือชั้นบนก็บอกเลยว่าวิวสวยไม่แพ้กัน นอกจากนี้ยังมีโซนที่เป็นห้องส่วนตัวด้วย โดยรอบจะเป็นทุ่งนาสีเขียวมีภูเขาล้อมรอบและยังมีหมอกจาง ๆ เรียกว่าบรรยากาศดี๊ดีเลยละ   นอกจากจะได้ชมวิวสวย ๆ แล้วในเรื่องของอาหารก็ห้ามพลาด เพราะเมนูของที่นี่จะนำเห็ดชนิดต่าง ๆ มาเป็นวัตถุดิบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น พิซซ่าเห็ด ยำเห็ด ไข่ป่ามเห็ด เป็นต้น ได้ทั้งความอร่อยแถมยังดีต่อสุขภาพด้วยนะ   ยำเห็ด.ทานอาหารเสร็จเราก็เดินทางไปยังจังหวัดแพร่และพักค้างคืนกัน เพื่อที่พรุ่งนี้จะได้เริ่มเที่ยวตั้งแต่เช้าเลยค่ะ ฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำที่ตั้ง : 129 บ้านหัวน้ำ ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่านโทร. 081 005 1533เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.  วันที่ 3 วันสุดท้ายเราเริ่มกันที่ “พิพิธภัณฑ์เมืองแพร่ คุ้มเจ้าหลวง” ที่นี่สร้างเมื่อ พ.ศ. 2435 โดยเจ้าพิริยเทพวงศ์ เจ้าหลวงเมืองแพร่องค์สุดท้าย ลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยผสมยุโรป มีการประดับส่วนต่าง ๆ ของอาคารด้วยไม้ฉลุงดงาม  ตัวอาคารมี 3 ชั้น โดย 2 ชั้นบนจำลองเป็นห้องต่างๆ เช่น ห้องนอน ห้องรับแขก ห้องจัดเลี้ยง ฯลฯ ซึ่งแต่ละห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ในสมัยโบราณ ส่วนชั้นล่างสุดหรือที่เรียกกันว่าชั้นใต้ดินนั้นแบ่งเป็น 3 ห้อง ได้แก่ ห้องขังผู้ที่ถูกจับกุมเพื่อรอการไต่สวนและลงอาญา ห้องบ่าวไพร่ และห้องเก็บของ

เส้นทางท่องเที่ยวน่าน-แพร่ 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

ดารานาคี เสน่ห์ผ้าทอแห่งลุ่มน้ำโขง

เมื่อพูดถึงจังหวัดบึงกาฬ ภาพแรกที่เรามักจะนึกถึงก็คือ ธรรมชาติที่สวยงาม อย่างหินสามวาฬ ภูทอก น้ำตกถ้ำพระ และถ้ำนาคา แต่นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว จังหวัดบึงกาฬยังขึ้นชื่อเรื่องผ้าทอด้วย วันนี้แอดมินจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ ที่โดดเด่นเรื่องการทอผ้าขาวม้า และเป็นแหล่งกำเนิดของ “ผ้าขาวม้าดารานาคี”.ผ้าขาวม้าดารานาคีคืออะไร จะซ่อนเรื่องราวอะไรไว้บ้าง ถ้าอยากรู้ ตามแอดมาเลยค่ะ.กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อที่ตั้ง: 91 หมู่ 2 ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.โทร. 095 664 7134, 091 061 2024พิกัด: https://goo.gl/maps/zcx4aiEvwTLkt2rY6 ………………………………………………………………………….. จากผ้าขาวม้าย้อมสีเคมีในวันนั้น สู่ผ้าขาวม้าดารานาคีในวันนี้ กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ ก่อตั้งโดยคุณยายแว่น และคุณตาไล คำพุทธา เป็นกลุ่มทอผ้าดั้งเดิมของชุมชน ผ้าขาวม้าของทางกลุ่มจะเป็นลายสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งผืน และย้อมด้วยสีเคมีซึ่งทำให้ผ้าแข็งกระด้าง เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผ้าขาวม้าแบบนี้ได้รับความนิยมน้อยลง สมาชิกหลายคนจึงเลิกทอผ้าและหันไปทำอาชีพอื่นแทน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนรุ่นใหม่อย่าง คุณแยม-สุพัตรา แสงกองมี เข้ามารับช่วงต่อ โดยเปลี่ยนจากการย้อมผ้าด้วยสีเคมี เป็นสีธรรมชาติและหมักโคลนจากแม่น้ำโขง สิ่งที่จุดประกายความคิดนี้ มาจากภูมิปัญญาของคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านที่เล่าให้ฟังถึงวิธีการย้อมผ้าสมัยโบราณ ที่จะนำฝ้ายไปต้มกับน้ำเปลือกไม้แล้วค่อยนำไปหมักโคลนคุณแยมจึงนำภูมิปัญญานี้มาปรับใช้ โดยนำพืชที่หาได้ในท้องถิ่นอย่าง ผลหมากค้อเขียว เปลือกต้นชมพู่ป่า และเปลือกต้นคูนราชพฤกษ์มาย้อมผ้า และใช้โคลนจากแม่น้ำโขงมาหมักให้ผ้านุ่มและสีติดทนยิ่งขึ้น จนกลายเป็นคำขวัญของกลุ่มที่ว่า … – ผลไม้พันปี (หมากค้อเขียว-การมีอายุยืนยาว)– นารีสีสวย (ชมพู่ป่า-มีเสน่ห์ดึงดูดใจ)– รวยได้รวยดี (ต้นคูนราชพฤกษ์-ความร่ำรวย มั่งคั่ง) – นาคีหมักโคลน (โคลนจากสะดือแม่น้ำโขง) ทำไมต้อง ดารานาคี คำว่า ดารานาคี เป็นการนำคำสองคำมารวมกัน ดารา เป็นชื่อคุณพ่อของคุณแยม และเป็นการเปรียบผ้าขาวม้าว่าเหมือนดวงดาว ส่วนคำว่า นาคี สื่อถึงความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค เพราะโคลนที่ใช้หมักนำมาจากแม่น้ำโขง กรรมวิธีการย้อมสีธรรมชาตินั้นต้องใช้ความพิถีพิถันมากกว่าการย้อมสีเคมี แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าคุ้มค่า.มาดูวิธีการทำผ้าขาวม้าดารานาคีกันดีกว่าค่ะ เริ่มจากนำเปลือกไม้ทั้ง 3 ชนิด ไปต้มรวมกันเป็นเวลา 12 ชั่วโมง สีที่ได้จะเป็นสีดำ แต่ไม่ดำสนิท จากนั้นนำฝ้ายลงไปย้อมและทิ้งไว้จนหายร้อน จากนั้นนำฝ้ายไปหมักโคลนแม่น้ำโขงเพื่อให้นุ่มและสีติดทน โคลนที่ใช้เป็นโคลนธรรมชาติ อยู่ใกล้ชุมชน โคลนบริเวณนี้อยู่ในจุดที่เกิดบั้งไฟพญานาค ตามความเชื่อของชาวบ้าน และยังเป็นเส้นทางสัญจรของสัตว์ป่า โคลนจากจุดนี้มีความอุดมสมบูรณ์ และให้สีที่แตกต่างจากโคลนในบริเวณอื่น ทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของผ้าดารานาคี เมื่อย้อมและหมักโคลนเสร็จแล้ว สีของฝ้ายจะออกมาเป็นสีเทา หลังจากนั้นก็นำไปทอเป็นผืนได้ นอกจากหมากค้อเขียว เปลือกต้นชมพู่ป่า และเปลือกต้นคูนราชพฤกษ์แล้ว ทางกลุ่มยังนำเปลือกต้นหมากมาย้อมเป็นสีน้ำตาล เพื่อสร้างสีสันและลายผ้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นโดยเวลาทอเป็นลายตารางแบบไม่เท่ากัน ถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของผ้าขาวม้าดารานาคี อ่านมาถึงตรงนี้จะรู้เลยว่า กว่าจะได้ผ้าสักผืนไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสไปเที่ยวที่กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ อย่าลืมอุดหนุนสินค้าจากชุมชนกันนะคะ มีทั้งผ้าขาวม้าลายที่เป็นเอกลักษณ์กว่า 12 ลาย เช่น ลายผู้ว่า ลายน้ำไหล ลายสองฝั่งโขง และลายปทุมทิพย์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเสื้อ กางเกง หมวก และพวงกุญแจรูปน้องปลาวาฬ (หินสามวาฬ) สุดน่ารักให้เลือกชอปด้วย ใครชอบเสื้อผ้าสีเอิร์ธโทน ต้องมีเสียทรัพย์กันแน่นอน

ดารานาคี เสน่ห์ผ้าทอแห่งลุ่มน้ำโขง อ่านเพิ่มเติม

วัดนาคูหา แพร่

วัดนาคูหา จุดเช็คอินใหม่ของเมืองแพร่.ที่ตั้ง : บ้านนาคูหา ต.สวนเขื่อน อ.เมืองแพร่ จ.แพร่พิกัด : https://goo.gl/maps/nhgQFbMqXxW5yXi66 วัดนาคูหา วัดเล็ก ๆ ประจำหมู่บ้าน ตั้งอยู่กลางทุ่งนาล้อมรอบไปด้วยภูเขาสลับซับซ้อน ด้วยเพราะมีภูมิประเทศที่สวยงาม ท่ามกลางธรรมชาติและอากาศบริสุทธิ์ อีกทั้งระยะทางที่ไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก ทำให้ทั้งวัดนาคูหาและบ้านนาคูหา เป็นจุดหมายปลายทางที่กำลังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยว สะพานไม้ไผ่ หรือเรียกตามภาษาพื้นเมืองทางเหนือว่า “ขัวแตะ” เป็นอีกหนึ่งเอกลักษณ์ของวัดนาคูหา ตัวสะพานเริ่มจากลานด้านหน้าองค์พระเจ้าตนหลวงทอดยาวข้ามท้องทุ่งไปยังชายเขาอึกจุดซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัด  . การเดินทาง : จากตัวเมืองแพร่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 101 (แพร่-น่าน) ผ่านบ้านทุ่งโฮ้ง และเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 1101 ผ่าน ต.ร่องฟอง จนถึงสามแยก ต.สวนเขื่อน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1024 ตรงไปประมาณ 16 กิโลเมตร ถึงวัดนาคูหา รวมระยะทางจากตัวเมืองแพร่ 25 กิโลเมตร เอกลักษณ์เด่นของวัดนาคูหา คือ พระเจ้าตนหลวง พระพุทธรูปสีทององค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่กลางทุ่งนา พระหัตถ์ซ้ายถือลูกสมอ มีความเชื่อกันว่าลูกสมอมีสรรพคุณเป็นยารักษาโรคได้สารพัด หากขอพรด้วยลูกสมอ (ซึ่งต้นสมอมีขึ้นทั่วไปในหมู่บ้าน) โดยเฉพาะในเรื่องของสุขภาพ จะได้พรสมดังปรารถนา พระอุโบสถของวัด มีสถาปัตยกรรมที่เรียบง่ายงดงามตามแบบพุทธศิลป์ท้องถิ่น หากมาเที่ยวในช่วงฤดูฝนระหว่างเดือนมิถุนายน-กันยายน จะได้สัมผัสบรรยากาศท้องทุ่งนาสีเขียว สูดไอดินเคล้ากลิ่นไอฝน ถ้ามาในช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ก็จะได้เห็นรวงข้าวสีท้องเต็มท้องทุ่ง พร้อมลมหนาวที่เริ่มพัดมาเยือน ได้บรรยากาศที่ดีไปอีกแบบ แนะนำให้มาเที่ยวและถ่ายภาพในช่วงเวลาเช้าหรือเย็น เพราะแสงกำลังสวย และอากาศไม่ร้อนจนเกินไป นอกจากนี้ในหมู่บ้านนาคูหา ยังมีชาวบ้านส่วนหนึ่งประกอบอาชีพเลี้ยงสาหร่ายน้ำจืด หรือที่เรียกว่า “เตา” ซึ่งต้องเลี้ยงในแหล่งน้ำจืดที่สะอาดและบริสุทธิ์เท่านั้น โดยจะนำมาแปรรูปเป็นสินค้าของฝากต่าง ๆ เช่น สบู่เตา ข้าวเกรียบเตา กะละแมเตา ฯลฯ กะละแมเตา หนึ่งในของฝากยอดนิยมจากบ้านนาคูหา มีจำหน่ายบริเวณวัดนาคูหาและร้านขายของฝากตลอดแนวถนนในหมู่บ้าน มีโอกาสไปแอ่วเมืองแพร่ครั้งหน้า อย่าลืมแวะไปเที่ยววัดนาคูหาและบ้านนาคูหานะคะ

วัดนาคูหา แพร่ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top