สถานที่ท่องเที่ยว

ทุ่งโปรงทอง Mangrove forest of Rayong

ทุ่งโปรงทอง ป่าชายเลนผืนใหญ่ที่สุดของจังหวัดระยอง บนเนื้อที่กว่า 6,000 ไร่ เป็นทั้งแหล่งอนุบาลสัตว์ทะเลตามธรรมชาติ และเป็นแหล่งศึกษาเรียนรู้การอนุรักษ์ป่าชายเลนอีกแห่งหนึ่งของเมืองไทย.ด้วยเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่ร่มรื่น เดินสะดวก มีมุมให้เก็บภาพสวย ๆ มากมาย ที่นี่จึงเป็นจุดเช็คอินและจุดถ่ายรูปยอดนิยมสำหรับผู้ที่เดินทางมาท่องเที่ยวจังหวัดระยอง.ตามมาเที่ยวและเก็บข้อมูลก่อนเดินทางด้วยกันในรีวิวนะคะ ทุ่งโปรงทอง ตั้งอยู่ในพื้นที่ป่าชายเลนแสมผู้ ตำบลปากน้ำประแส อำเภอแกลง จังหวัดระยองเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น. การเดินทางไปยังทุ่งโปรงทอง หากนำรถยนต์ส่วนตัวมา ต้องจอดไว้ที่บริเวณลานจอดรถใกล้ๆ ค่าบริการ คันละ 20 บาท จากนั้นต้องนั่งรถซาเล้งไปยังจุดเริ่มต้นเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ คนละ 5 บาท (ไป-กลับ 10 บาท) นั่งได้คันละ 3 คน เส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ มีระยะทางประมาณ 1 กิโลเมตร เป็นทางเดินสะพานไม้เข้าไปในป่าชายเลน ซึ่งมีทั้งต้นโกงกางและต้นโปรงขึ้นเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะต้นโปรงถือเป็นพันธุ์ไม้เด่นของที่นี่ และด้วยลักษณะเฉพาะที่ยอดใบมีสีเขียวอ่อนอมเหลือง ทำให้ยามต้องแสงแดดดูสวยงามสะดุดตา จนเป็นที่มาของชื่อ “ทุ่งโปรงทอง” ช่วงเวลาที่แนะนำในการไปเที่ยวทุ่งโปรงทอง คือ ช่วงเวลาเช้า 07.00-09.00 น. และช่วงเวลาเย็น 15.00-17.00 น. เพราะเป็นช่วงที่แสงกำลังสวย อากาศไม่ร้อนจนเกินไป ตลอดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ จะมีระเบียงไม้และศาลาให้แวะพักผ่อนหรือถ่ายรูปเป็นระยะ ๆ ใจกลางทุ่งโปรงทอง จะมาคนเดียว มากับคนรัก มากับเพื่อน หรือมากับครอบครัวก็ได้ทั้งนั้น ทางเดินสวย ๆ ท่ามกลางบรรยากาศอันร่มรื่นและเงียบสงบ ต้นโปรงน้อยกำลังเติบโต ดอกของต้นโปรงทอง หากเดินจนสุดเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ไป-กลับ จะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง แต่เป็น 1 ชั่วโมง ที่บอกได้เลยว่าคุ้มค่าคุ้มเวลามาก เพราะได้ทั้งความรู้ ความสบายตา และได้สูดอากาศดี ๆ ท่ามกลางธรรมชาติด้วย สุดท้ายนี้ ไม่ว่าจะไปเที่ยวที่ไหน พวกเราควรช่วยกันอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมและทรัพยากรธรรมชาติ เช่น ไม่ทิ้งขยะ ไม่หักกิ่งไม้ หรือเด็ดใบไม้ดอกไม้ และปฏิบัติตามกฎระเบียบของทุกสถานที่ที่ไป เพื่อให้ธรรมชาติที่สวยงามคงอยู่กับพวกเราไปนาน ๆ นะคะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 สิงหาคม 2563

ทุ่งโปรงทอง Mangrove forest of Rayong อ่านเพิ่มเติม

ฝนนี้ที่ทีลอซู

ฝนนี้ที่..ทีลอซู อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก.เขาว่ากันว่า ใครไปเที่ยวจังหวัดตากแล้วไม่ได้ไปน้ำตกทีลอซู ก็เหมือนไปไม่ถึงจังหวัดตาก เพราะน้ำตกทีลอซูถือว่าเป็นน้ำตกที่สวยที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย ที่ต้องไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้งในชีวิต ยิ่งสำหรับผู้ที่รักธรรมชาติและการเดินทางแนวผจญภัยด้วยแล้วละก็ ยิ่งต้องไปสัมผัสบรรยากาศของทีลอซูในช่วงหน้าฝนให้ได้เลยล่ะ . การเดินทางไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูช่วงหน้าฝน เพื่อน ๆ ต้องซื้อแพ็กเกจท่องเที่ยวกับบริษัททัวร์หรือรีสอร์ทในอำเภออุ้มผางที่เพื่อน ๆ เข้าพักเท่านั้น เพราะทางเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางจะปิดเส้นทางรถยนต์ตั้งแต่หน่วยพิทักษ์ป่าห้วยหนองหลวงถึงน้ำตกทีลอซู ในช่วงเดือนมิถุนายน – กันยายนของทุกปี.ข้อควรปฏิบัติเมื่อไปเที่ยวน้ำตกทีลอซูช่วงหน้าฝน– ใส่รองเท้ารัดส้นเพื่อความคล่องตัวในการเดิน– เตรียมกระเป๋ากันน้ำ เสื้อกันฝน และยากันยุงให้พร้อม เพราะอาจมีฝนตก และระหว่างทางเดินไปน้ำตกมียุงค่อนข้างเยอะ– ขณะล่องเรือต้องใส่เสื้อชูชีพตลอดเวลา เพื่อความปลอดภัย เราเริ่มต้นการเดินทาง ด้วยการล่องเรือยางจากตัวอำเภออุ้มผางไปตามลำน้ำแม่กลอง จนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าผาเลือด ที่อยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง เส้นทางล่องเรือยางเส้นนี้ ไม่โลดโผนเหมือนการไปล่องแก่งแบบที่หลายคนรู้จัก เรือยางจะล่องไปเรื่อย ๆ ทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติรอบตัวได้อย่างเต็มที่ ขอบอกเลยว่าชิลสุด ๆ ระหว่างทางเราจะเห็นหน้าผาหินสูงชันสวยงามแปลกตา น้ำตกเล็ก ๆ และต้นไม้อันเขียวขจี ไฮไลท์ของการล่องเรือครั้งนี้ ก็คือน้ำตกทีลอจ่อ หรือน้ำตกสายฝน ซึ่งเป็นน้ำตกที่ไหลผ่านหน้าผาและโขดหิน ก่อนจะโปรยปรายลงมาเหมือนสายฝน ถ้าวันไหนมีแดด เพื่อน ๆ จะได้เห็นสายรุ้งบริเวณน้ำตกแห่งนี้ด้วยล่ะ หลังจากล่องเรือมาประมาณ 1 ชั่วโมง ก็จะถึงบ่อน้ำร้อนที่มีความร้อนประมาณ 40 องศา ใครที่นั่งเรือมานาน ๆ แล้วรู้สึกเมื่อย สามารถมาเดินยืดเส้นยืดสาย และแช่เท้าผ่อนคลายให้หายเมื่อยได้ค่ะ หลังจากยืดเส้นยืดสายกันแล้ว เราก็ล่องเรือต่อไปจนถึงหน่วยพิทักษ์ป่าผาเลือด ซึ่งเป็นจุดสิ้นสุดการล่องเรือ ต่อจากนั้น เราต้องนั่งรถกระบะไปยังจุดกางเต็นท์ที่อยู่ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง ระยะทางประมาณ 14 กิโลเมตร ถนนค่อนข้างชันและขรุขระ เพื่อน ๆ ต้องเกาะเสาและราวไว้ให้มั่นเลยนะคะ ในที่สุดเราก็มาถึงจุดกางเต็นท์ มาถึงปุ๊บก็ขอเติมพลังเอาแรงกันสักหน่อย เพราะต้องเดินไปชมน้ำตกกันต่อ.เมื่อทานอาหารเสร็จแล้ว อย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาด ด้วยการเก็บขยะไปทิ้งนอกเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่านะคะ ใกล้กับจุดกางเต็นท์ เป็นเส้นทางเดินไปชมน้ำตกทีลอซู ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ทางเดินเป็นพื้นปูนสลับกับบันได เดินได้สบาย ๆ เลยค่ะ ระหว่างทางมีต้นไม้ และดอกไม้นานาพรรณ พอเดินไปเรื่อย ๆ แอดก็สะดุดตาเข้ากับเจ้าเห็ดถ้วยสีส้มแสนน่ารัก ซึ่งจะพบได้ในป่าดิบชื้น ช่วงหน้าฝนรู้ตัวอีกที แอดก็ได้รูปน้องเห็ดมาหลายรูปเลยล่ะค่ะ นอกจากเห็ดถ้วยแล้ว ก็มีดอกกระเจียวให้เห็นมากมาย ในที่สุดแอดก็มาถึงน้ำตกทีลอซู !! ยิ่งใหญ่และสวยงาม คุ้มค่ากับการเดินทางมาก ๆ.น้ำตกทีลอซูถือเป็นน้ำตกที่สวยงามและยิ่งใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของไทย โดยน้ำตกตั้งอยู่สูงจากระดับทะเลปานกลาง 900 เมตร มีความสูงของสายน้ำที่ไหลตกลงจากหน้าผา 300 เมตร และความกว้างของม่านน้ำ 500 เมตร.น้ำตกแห่งนี้เกิดจากลำห้วย 2 สาย ได้แก่ ลำห้วยกล้อทอ และลำห้วยทีเครโกร ที่ไหลลดหลั่นผ่านช่องเขาขาดและตกลงสู่หน้าผาสูงชัน น้ำตกทีลอซูมีน้ำตลอดทั้งปี แต่ช่วงเวลาที่เหมาะสำหรับการมาชมน้ำตกมากที่สุดคือ ฤดูฝน เพราะเป็นฤดูที่น้ำเยอะ ทำให้เห็นม่านน้ำได้อย่างชัดเจน.ในช่วงนี้เจ้าหน้าที่ไม่อนุญาตให้เราลงไปที่ตัวน้ำตกเพราะน้ำไหลค่อนข้างแรง แต่แค่ได้มาเห็นความยิ่งใหญ่ของน้ำตกแอดก็ฟินแล้ว.เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก โทร. 088 427 5272

ฝนนี้ที่ทีลอซู อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวเขาแหลมหญ้าหน้าฝน

วันนี้แอดจะพาไปลัดเลาะเลียบฝั่งทะเลภาคตะวันออกที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จังหวัดระยอง ซึ่งเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเที่ยวชมได้ตามปกติเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมา การกลับมาเปิดครั้งนี้นอกจากธรรมชาติที่สดใหม่แล้ว ทางอุทยานฯ ยังมีการปรับปรุงพื้นที่ให้สวยงามเพื่อรอต้อนรับนักท่องเที่ยว พร้อมทั้งกฎระเบียบใหม่ที่จะทำให้เราสามารถท่องเที่ยวได้อย่างสบายใจไร้กังวล ฤดูฝนแบบนี้ฟ้าหม่นสีเทาก็สวยไปอีกแบบ ข้อดีคืออากาศไม่ร้อนลมพัดเย็นสบาย ยิ่งถ้าไปเที่ยวในวันธรรมดานักท่องเที่ยวยิ่งน้อยสามารถดื่มด่ำความสวยงามได้อย่างเต็มที่ เริ่มด้วยจุดสวย ๆ ที่น่าถ่ายรูปคือหอสังเกตการณ์สีขาวตั้งเหงา ๆ อยู่กลางถนนที่ยื่นออกไปในทะเล เข้ากันกับฟ้าสีไม่จัด ตรงจุดนี้จะสามารถชมวิวท้องทะเลได้แบบ 360 องศา จุดที่สองคือสะพานท่าเทียบเรือซึ่งเป็นสะพานไม้ทอดยาวไปในทะเล ก็สามารถลงไปเดินเล่นได้ หรือจะถ่ายรูปก็สวย จากนั้นเรามาเดินลัดเลาะริมทะเลที่เขาแหลมหญ้า ซึ่งมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ทอดยาวเลียบภูเขาไปเรื่อย ๆ เดินสบาย มีทางเดินให้ลงไปถ่ายรูปได้เป็นจุด ๆ นั่งไกวชิงช้าเล่นรับลมก็ได้บรรยากาศดีไม่น้อย แต่ตรงจุดนี้ไม่สามารถลงเล่นน้ำได้เพราะไม่มีชายหาด สำหรับผู้ที่อยากชมพระอาทิตย์ขึ้นและตก สามารถเดินไปที่ปลายแหลมของเขาแหลมหญ้า ซึ่งถ้าจะชมพระอาทิตย์ตกก็ต้องเผื่อเวลาเดินกลับให้ดีเพราะอาจจะมืดเสียก่อน ทางเข้าอุทยานฯ เปิดถึงแค่ 17.00 น. และเที่ยวภายในอุทยานฯ ได้ถึง 18.00 น. บัตรค่าเข้าอุทยานฯ มีอายุ 5 วัน สามารถใช้ไปเที่ยวเกาะต่าง ๆ ภายในอุทยานฯ ได้ด้วย สำหรับนักเดินเทรลชอบปีนป่าย ที่นี่มีเส้นทางไม่ยากนัก ระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง แต่ถ้าใครเดินไม่ทนก็ย้อนกลับมาทางเดิมได้ ก่อนจบแอดจะขอเล่าถึงขั้นตอนการเที่ยวในเขตอุทยานแห่งชาติทั่วประเทศ ซึ่งภายหลังจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิดดีขึ้น ทางอุทยานฯ ได้มีการจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยว จึงต้องมีการจองคิวล่วงหน้าซึ่งไม่ได้ยุ่งยากเลย แถมสะดวกง่ายดายทันสมัยมาก.เริ่มจากก่อนออกเดินทางเราต้องเข้าไปจองคิวในแอปพลิเคชั่น QueQ ซึ่งต้องกรอกวันที่ เวลาเข้าอุทยานฯ จำนวนคน รายชื่อของทุกคนในกลุ่ม และรายละเอียดต่าง ๆ แค่นี้เราก็จะได้รับบัตรคิวเพื่อเก็บไว้เวลาผ่านเข้าอุทยานฯ เป็นการช่วยจำกัดจำนวนนักท่องเที่ยวไม่ให้แออัดมากเกินไป เมื่อไปถึงแค่โชว์บัตรคิวกับเจ้าหน้าที่อุทยานฯ วัดไข้ เช็คอินไทยชนะ และจ่ายค่าธรรมเนียมเข้าอุทยานฯ แค่นี้ก็เสร็จขั้นตอน เที่ยวได้อย่างปลอดภัย.ในช่วงนี้ใครมาเที่ยวที่นี่ ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถภายในอุทยานฯ เพื่อความเป็นระเบียบ และนั่งรถสองแถวที่ให้บริการฟรี เข้าไปยังจุดท่องเที่ยว.อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ดตำบลเพ อำเภอเมืองระยอง จังหวัดระยองเปิดทุกวัน เวลา 08.30-18.00 น.ค่าเข้าชมอุทยานฯ– ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท– ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท– ค่ารถยนต์ คันละ 30 บาทพิกัด : https://goo.gl/maps/6Cx3ktvdptFQpH6S8 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 2 กันยายน 2563

เที่ยวเขาแหลมหญ้าหน้าฝน อ่านเพิ่มเติม

ย้อนอดีตสู่ตำนาน…ลูกหลานพันธุ์มังกร

อุทยานมังกรสวรรค์ ก่อตั้งขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2538 เพื่อเฉลิมฉลองเนื่องในโอกาสที่ประเทศไทยและสาธารณรัฐประชาชนจีนมีความสัมพันธ์ทางการทูตครบ 20 ปี และเป็นที่รวบรวมเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่จีนยาวนานกว่า 5,000 ปี.ภายในอุทยานฯ แบ่งออกเป็น 3 โซนด้วยกัน จะมีอะไรที่น่าสนใจบ้างนั้น ไปดูกัน . ที่ตั้ง: ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีโทร. 035 521 690, 035 526 212เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด: https://goo.gl/maps/ZQ13qhWGrZ4BV873A โซนแรกที่แอดจะพาไปก็คือ “ศาลเจ้าพ่อหลักเมือง” หนึ่งในสถานที่ที่ผู้คนที่มาเที่ยวสุพรรณบุรีต้องแวะเวียนมากราบไหว้ขอพร.ศาลเจ้าพ่อหลักเมืองสุพรรณบุรี เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา เดิมเป็นอาคารทรงไทย เมื่อ พ.ศ.2435 พระเจ้าน้องยาเธอ กรมหมื่นดำรงราชานุภาพ เสนาบดีกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ได้เสด็จไปตรวจราชการหัวเมืองเหนือ และได้แวะสักการะศาลแห่งนี้ซึ่งมีสภาพทรุดโทรม จึงประทานเงินให้สร้างศาลขึ้นใหม่โดยมีลักษณะเป็นเก๋งจีน.ต่อมา พ.ศ. 2447 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จประพาสและพระราชทานเงินให้สร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ เพิ่มเติม ศาลแห่งนี้ได้รับการบูรณะปรับปรุงรูปแบบเรื่อยมา จนในสมัยปัจจุบันได้มีการปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่โดยสร้างอาคารแบบจีนครอบศาลหลังเก่าที่เป็นอาคารทรงไทยเอาไว้ ภายในศาลมีเทวรูป 2 องค์ ประดิษฐานคู่กัน โดยทั้ง 2 องค์มีลักษณะเป็นประติมากรรมนูนต่ำที่จำหลักติดอยู่กับแผ่นหินด้านหลัง เป็นรูปพระนารายณ์ 4 กร สวมหมวกทรงกระบอก สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในศิลปะขอม.ตามประวัติเล่าว่า มีผู้พบเทวรูปทั้ง 2 องค์ลอยน้ำมาติดอยู่ที่ตลิ่ง ชาวบ้านจึงช่วยกันอัญเชิญขึ้นมาและสร้างศาลเจ้าเล็กๆ สำหรับเป็นที่ประดิษฐาน โซนต่อมาคือ “พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร”.ก่อนจะเข้าไปชมภายในตัวอาคาร เพื่อนๆ จะเห็นว่าด้านบนของอาคารสร้างเป็นรูปมังกรขนาดใหญ่ ซึ่งมีความยาวถึง 135 เมตร สูง 35 เมตร และกว้าง 18 เมตร กล่าวกันว่าเป็นอาคารทรงมังกรที่ใหญ่ที่สุดในโลกเลยทีเดียว พิพิธภัณฑ์ลูกหลานพันธุ์มังกร เป็นอาคารจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับประวัติศาสตร์และอารยธรรมจีน โดยใช้สื่อเทคโนโลยีมัลติมีเดียที่ทันสมัย ทั้งภาพยนตร์ แสง สี เสียง และหุ่นจำลองที่สามารถเคลื่อนไหวได้ .ภายในอาคารแบ่งออกเป็น 18 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวต่างๆ ตั้งแต่กำเนิดโลกและมนุษย์ตามความเชื่อของชาวจีน ยุคสมัยและราชวงศ์ของจีน ไปจนถึงยุคสาธารณรัฐ และความเป็นมาของชาวไทยเชื้อสายจีน นอกจากนี้ ยังมีโบราณวัตถุต่างๆ ของจีนให้ชมด้วย.หากเพื่อนๆ คนไหนอยากศึกษาประวัติศาสตร์จีนแบบเสมือนจริงแล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดที่นี่.ในส่วนของพิพิธภัณฑ์ มีเวลาทำการต่างจากโซนอื่นๆ และมีค่าเข้าชม ซึ่งในช่วงนี้เป็นราคาโปรโมชั่นผู้ใหญ่ ผู้สูงอายุ นักศึกษา ราคา 149 บาทเด็ก นักเรียน ภิกษุ สามเณร ราคา 99 บาท(ราคานี้จนถึงวันที่ 31 ธันวาคม 2563).วันและเวลาในการเปิดให้บริการวันพุธ-ศุกร์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-16.00 น.วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-17.00 น.(ปิดวันจันทร์-อังคาร) และโซนสุดท้ายคือ “หมู่บ้านมังกรสวรรค์” เป็นหมู่บ้านที่สร้างจำลองแบบมาจาก “เมืองลี่เจียง” มรดกโลกเก่าแก่อายุนับพันปีของจีน.ภายในหมู่บ้านประกอบไปด้วย ร้านอาหาร โรงเตี๊ยมจำลอง โรงนวด โรงภาพยนตร์ และร้านขายของที่ระลึกต่างๆ เซเว่นอีเลฟเว่นยังมีเลยนะ มีหอชมวิวสูง 4 ชั้น ให้เพื่อนๆ ขึ้นไปชมวิวของอุทยานมังกรสวรรค์ในมุมสูงได้ด้วย นอกจากนี้ ยังมีเทพเจ้าจีนหลายองค์ให้เราได้สักการะ และมีมุมสวยๆ ให้เราได้ถ่ายรูปอีกหลายมุมเลย เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 4 กันยายน 2563

ย้อนอดีตสู่ตำนาน…ลูกหลานพันธุ์มังกร อ่านเพิ่มเติม

Street Art…art on wall EP.2

Street Art คืออะไร Street Art คือศิลปะที่สร้างสรรค์บนผนังตึกหรือกำแพงในพื้นที่สาธารณะ โดยใช้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขีดเขียน การพ่นสี หรือการวาด Street Art ทำให้ศิลปะที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คน เราสามารถพบเห็นศิลปะได้ในทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องเดินเข้าหอศิลป์ ปัจจุบัน Street Art จึงได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว เชียงใหม่.ในภาคเหนือนี้ เราจะเริ่มต้นกันที่เชียงใหม่ ค่ะ เพราะเป็นจังหวัดที่มีสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย ทั้งทางธรรมชาติและวัฒนธรรม รวมไปถึง Street Art เก๋ๆ ด้วยค่ะ Street Art ของเชียงใหม่ มีให้เลือกชมอยู่หลายที่ ไม่ว่าจะเป็นบริเวณลานจอดรถกาดสวนแก้ว ถนนนิมมานเหมินท์ ซอย 5 และ 17 ถนนมูลเมือง ซอย 6-7 ถนนราชวิถี ซอย 1 และกำแพงทัณฑสถานหญิงเก่า ซึ่งแต่ละที่ก็มีความอาร์ตที่แตกต่างกันไปค่ะ แม่ฮ่องสอน.ด้วยความที่แม่ฮ่องสอนเป็นจังหวัดเล็กๆ ที่เปี่ยมไปด้วยเสน่ห์ของวัฒนธรรม และวิถีชีวิตของผู้คนที่เรียบง่าย Street Art ของที่นี่จึงสะท้อนภาพความเป็นอยู่ของชุมชนออกมาได้อย่างน่ารักมากๆ เลยละค่ะ ผลงาน Street Art ของแม่ฮ่องสอน อยู่บริเวณถนนคนเดินแหล่จอมกั๋น ถนนขุนลุมประพาสซอย 3 หลังที่ทำการไปรษณีย์แม่ฮ่องสอน.ซึ่งผลงานเหล่านี้เกิดจากศิลปินและจิตอาสาจากหลากหลายสถาบัน ที่มาร่วมกันสร้างสรรค์ผลงานสุดประทับใจให้เราได้ชมกันค่ะ ลำปาง.ลำปาง ปลายทางฝัน บอกเลยว่า Street Art ของที่นี่มีความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวสุดๆ เพราะเค้าได้นำสัญลักษณ์เด่นๆ อย่างเช่น ไก่ขาว และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญๆ ของเมืองลำปางมาวาดเป็นผลงานศิลปะที่สวยงาม Street Art ของลำปาง ส่วนใหญ่จะอยู่บริเวณริมแม่น้ำวัง ฝั่งกาดกองต้า ตั้งแต่เชิงสะพานรัษฎาภิเศก เรื่อยไปจนถึงสะพานรัตนโกสินทร์ 200 ปี และบริเวณริมแม่น้ำวัง ฝั่งหลังจวนผู้ว่าฯ นอกจากนี้ยังมีผลงานอีกมากมายที่แทรกตัวอยู่ตามตรอกซอกซอยเล็กๆ ในกาดกองต้าอีกด้วยค่ะ.ซึ่งถ้าเพื่อนๆ ไปเดินชม Street Art ในช่วงวันเสาร์-อาทิตย์ ตอนเย็นๆ ก็สามารถไปเดินเที่ยวถนนคนเดินกาดกองต้ากันได้นะคะ มีสินค้าพื้นเมืองและของกินเยอะมากเลย นครสวรรค์.มาต่อกันที่ จ.นครสวรรค์ ประตูสู่ภาคเหนือกันเลยค่ะ ที่นี่ก็เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มี Street Art ที่สวยงามไม่แพ้ใคร เพื่อนๆ สามารถไปชมผลงาน Street Art ของนครสวรรค์ ได้ที่บริเวณโรงปรับปรุงคุณภาพน้ำเทศบาลนครนครสวรรค์ค่ะ บอกเลยว่ามาที่นี่คุ้มเกินคุ้ม เพราะนอกจากจะได้ชื่นชมงานศิลปะแล้ว ยังจะได้ชมบรรยากาศสวยๆ ริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกด้วยนะคะ กาฬสินธุ์.ชม Street Art ภาคเหนือกันมาแล้ว ก็มาชม Street Art ภาคอีสานกันบ้างดีกว่า ที่นี่นอกจากส้มตำปลาร้านัวๆ แล้ว เค้าก็ยังมีศิลปะสวยๆ ให้เราได้ชมกันด้วยนะคะ.อย่างเช่นที่กาฬสินธุ์ Street Art ของที่นี่มีความสวยงามโดดเด่นไม่เหมือนใคร เพราะนำเอาวิถีชีวิตและวัฒนธรรมที่เป็นเอกลักษณ์มาบอกเล่าผ่านผลงานศิลปะบนฝาผนัง โดยเน้นสีสันสดใสเพื่อให้รู้สึกสนุกสนานนั่นเองค่ะ  ที่นี่มี Street Art ให้เลือกชมหลายจุดเลย ไม่ว่าจะเป็นบริเวณกำแพงอิฐตรงวงเวียนไดโนเสาร์ กำแพงโรงหนังร้าง กำแพงหัวมุมทางเลี้ยวไปบ้านนายกฯ และกำแพงตรงข้ามโรงงานไส้กรอกปลา ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสมาเที่ยวกาฬสินธุ์ ก็อย่าลืมแวะชม Street Art สวยๆ เหล่านี้นะคะ ร้อยเอ็ด.สำหรับ Street Art ของร้อยเอ็ดนั้น แอดบอกเลยว่าไม่ควรพลาด เพราะถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของ จ.ร้อยเอ็ด เลยทีเดียว และยังเป็นการรวมตัวครั้งยิ่งใหญ่ของศิลปินมากฝีมือกว่า 50 ชีวิตจากทั่วทุกภูมิภาคของไทย ที่มาร่วมกันรังสรรค์ผลงานไว้ให้เราได้ชมกันค่ะ.หากเพื่อนๆ คนไหนอยากมาถ่ายรูปเช็คอิน ก็สามารถมาได้ที่บริเวณถนนแจ้งสนิท ตรงคูเมืองด้านทิศตะวันตกนะคะ อุบลราชธานี.Street Art ของที่นี่ขอบอกเลยว่าไม่ธรรมดา เพราะเป็นการสร้างสรรค์ผลงานศิลปะลงบนผนังอาคารในย่านเมืองเก่าที่มีสภาพทรุดโทรม ให้มีสีสันขึ้นมาใหม่ด้วยผลงานศิลปะแนว Graffiti นั่นเองค่ะ และแล้วย่านเมืองเก่าแห่งนี้ก็ถูกปลุกขึ้นมาให้มีชีวิตชีวาอีกครั้ง หากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถไปชมได้ที่ บริเวณทางเข้าตลาดใหญ่ โรงแรมศรีอิสาณ ถนนข้างวัดหลวง ร้านชัยวิตร์เภสัช ซอยข้างร้านเจริญสิน และซอยฝั่งตรงข้ามค่ะ จันทบุรี.เรามาชม Street Art ทางฝั่งภาคตะวันออกกันบ้างดีกว่า ที่ชุมชนหนองบัวหรือชุมชนขนมแปลก จ.จันทบุรี นั่นเองค่ะ ที่นี่เค้าไม่ได้มีดีแค่ขนมแปลกนะคะ แต่ยังแอบซ่อนงานศิลปะแนว Graffiti และ Street Art ไว้ทุกมุมในชุมชนเลยล่ะค่ะ.และที่สำคัญชุมชนหนองบัวยังมีบ้านเก่าแก่อายุนับร้อยปี ที่ยังคงอนุรักษ์ไว้เป็นอย่างดีอีกด้วยค่ะ ซึ่งนับว่าเป็นการผสมผสานระหว่างศิลปะแบบเก่าและใหม่ให้เข้ากันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียว เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 มีนาคม 2562

Street Art…art on wall EP.2 อ่านเพิ่มเติม

Street Art…art on wall EP.1

Street Art คืออะไร Street Art คือศิลปะที่สร้างสรรค์บนผนังตึกหรือกำแพงในพื้นที่สาธารณะ โดยใช้เทคนิคต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นการขีดเขียน การพ่นสี หรือการวาด Street Art ทำให้ศิลปะที่เคยเป็นเรื่องไกลตัวกลับกลายเป็นส่วนหนึ่งของวิถีชีวิตผู้คน เราสามารถพบเห็นศิลปะได้ในทุกที่ โดยไม่จำเป็นต้องเดินเข้าหอศิลป์ ปัจจุบัน Street Art จึงได้รับความนิยมและเป็นที่ยอมรับอย่างกว้างขวางเลยทีเดียว กรุงเทพฯ เรามากันที่ย่านเจริญกรุง ถนนสายแรกของไทย ซึ่งเป็นที่ตั้งของชุมชนที่มีความหลากหลายทั้งทางเชื้อชาติ ศาสนา และวัฒนธรรม รวมทั้งยังเป็นแหล่ง Street Art แรกเริ่มของกรุงเทพฯ ที่เกิดจากการรวมตัวของศิลปินชื่อดังจากไทยและจากทั่วโลก เช่น Alex Face, Roa, Bonus TMC และ Phai เป็นต้น ในย่านถนนเจริญกรุงเต็มไปด้วย Street Art มากมาย เรียงรายต่อกันตามกำแพงและตามตึก เรื่อยไปตั้งแต่ซอยเจริญกรุง 28 ซอยเจริญกรุง 30 ซอยเจริญกรุง 32 ซอยวานิช และถนนทรงวาด เดินเพลินเลยล่ะ อีกหนึ่งจุดของ Street Art ที่น่าสนใจภายในกรุงเทพฯ ก็คือ “สวนเฉลิมหล้า” ราชเทวี ซึ่งแม้จะเป็นสวนสาธารณะที่มีพื้นที่ไม่มากนัก แต่บนกำแพงก็เต็มไปด้วยผลงาน Street Art หลากหลายอารมณ์ เรียกได้ว่าเป็นสถานที่ถ่ายรูปเก่ๆ ที่เหมาะกับคนฮิปๆ แต่งตัวเท่ๆ อย่างแอดมากเลย  นอกจากนี้ภายในสวนยังมีลานกีฬาของชุมชน สำหรับออกกำลังกายด้วยนะ ราชบุรี Street Art ราชบุรี อยู่ในอำเภอบ้านโป่ง เกิดจากความร่วมมือของศิลปินทั้งในระดับท้องถิ่น ระดับประเทศ ไปจนถึงระดับนานาชาติ ที่รวมกลุ่มกันในนาม “A T Exchange” (Art Terminal Exchange) เพื่อสร้างสรรค์ผลงานในพื้นที่ชุมชนบ้านโป่ง ให้มีสีสันและสร้างความภูมิใจในบ้านเกิดอีกด้วย ผลงาน Street Art ของที่นี่จะกระจายอยู่ตามจุดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น ซอยมิตรเสถียร ซอยเชาวน์ศรัทธา ตลาดสดเทศบาล โรงหนังเฉลิมทองคำ และโรงหนังโฆษิต เป็นต้น เพชรบุรี ชุมชนหนองจอก อำเภอท่ายาง เป็นชุมชนเก่าแก่กว่าร้อยปี ที่ยังคงอนุรักษ์วิถีชีวิตดั้งเดิมทั้งทางวัฒนธรรมและสถาปัตยกรรมที่เป็นบ้านไม้สวยงาม โครงการ Nongchok Street Art เกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชนและหน่วยงานต่างๆ เพื่อพัฒนาชุมชนเก่าแก่แห่งนี้ให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเท่ๆ ที่นักท่องเที่ยวจะได้มาเรียนรู้วิถีชีวิตและวัฒนธรรมของคนในชุมชนผ่านงานศิลปะ ภูเก็ต มาถึงจังหวัดยอดฮิตของภาคใต้กันบ้าง จังหวัดภูเก็ตในอดีตเป็นเมืองที่มีประวัติศาสตร์มายาวนานและเจริญรุ่งเรืองมาก เห็นได้จากอาคารบ้านเรือนในเมืองภูเก็ตที่มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบผสมผสานจีนและยุโรป ที่เรียกว่า “ชิโน-โปรตุกีส” (Sino-Portuguese) ไม่เพียงแต่ความสวยงามของอาคารบ้านเรือนเท่านั้น ภูเก็ตยังมีผลงาน Street Art ตามถนนต่างๆ ได้แก่ บริเวณถนนถลาง ถนนพังงา ถนนดีบุก และถนนกระบี่ เป็นต้น ซึ่งล้วนแต่เป็นผลงานของศิลปินชั้นนำของไทย ที่สร้างสรรค์ภาพวาดและเพิ่มสีสันบนกำแพง นักท่องเที่ยวสามารถเดินเที่ยวชมผลงาน Street Art กันได้เรื่อยๆ เพราะแต่ละจุดจะอยู่ไม่ไกลกันมาก อีกทั้งยังได้ชมบรรยากาศวิถีชีวิตและวัฒนธรรม รวมไปถึงชิมอาหารท้องถิ่นแบบจีนดั้งเดิม ที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของชาวภูเก็ตอีกด้วย กระบี่ อีกหนึ่งจังหวัดที่มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจและมีชื่อเสียงไม่ว่าจะเป็นทะเลและเกาะต่างๆ แต่นอกจากแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติแล้ว ในอำเภอเมืองกระบี่ก็ยังมีผลงาน Street Art น่ารักๆ ภายใต้แนวคิด “Unfold the Untold” เล่าเรื่องเมืองกระบี่ผ่านงานศิลปะในมุมที่ไม่มีใครบอกผ่าน ผลงาน Street Art นี้กระจายอยู่ทั่วเมืองทั้งหมด 9 จุด เช่น ภาพมโนราห์บริเวณซอยมหาราช 6 ภาพชาวบ้านกระบี่บริเวณโรงแรมซิตี้ เป็นต้น ตรัง อดีตเมืองท่าสำคัญที่ปัจจุบันยังคงปรากฎร่อยรอยให้เห็น ในย่านเมืองเก่าทับเที่ยงที่มีอายุกว่า 100 ปี อาคารบ้านเรือนยังงดงามและเต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ เมื่อ พ.ศ.2557 สโมสรโรตารีตรังได้จัดกิจกรรมแต่งแต้มสีสันตามอาคารต่างๆ ด้วยภาพ Street Art ภายใต้สโลแกน “ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล” ผลงาน Street Art ของที่นี่ มีอยู่ด้วยกัน 3 จุด ได้แก่ ภาพถ้ำมรกตบริเวณตึกชิโนโปรตุกีส ถนนราชดำเนิน ภาพต้นศรีตรัง บริเวณข้างร้านแว่นท็อปเจริญ ถนนราชดำเนินซอย 1 และภาพถิ่นกำเนิดยางพาราบริเวณถนนราชดำเนินซอย 1 ตัดกับถนนไทรงามซอย 1 พังงา ในอดีตอำเภอตะกั่วป่าเจริญรุ่งเรืองจากการค้าขายกับชาวต่างชาติ และการทำเหมืองแร่ดีบุกของชาวจีน แต่ปัจจุบันตะกั่วป่ากลับกลายเป็นเมืองที่เงียบสงบ ซึ่งนับว่าเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งที่ดึงดูดให้นักท่องเที่ยวเข้ามาที่นี่ ระหว่างเดือนตุลาคม – พฤษภาคมของทุกปี บริเวณถนนศรีตะกั่วป่าและถนนอุดมธารา จะมีการจัดนิทรรศการเล่าเรื่องเมืองตะกั่วป่า เราสามารถเดินชมบรรยากาศและ Street Art ที่แฝงตัวอยู่ตามผนังตึกต่างๆ ได้ ภาพ Street Art ที่นี่ สะท้อนถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ เช่น ภาพจำลองการทำเหมืองแร่ ถนนกลั่นแก้ว ภาพรถโพถ้อง (รถสองแถวไม้ ซึ่งเป็นพาหนะท้องถิ่นของภาคใต้) ภาพร้านตัดผมตะกั่วป่า เป็นต้น สงขลา ชุมชนเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ ทั้งห้องแถวไม้แบบจีนและตึกเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกีส (Sino-Portuguese) นอกจากความสวยงามของอาคารในย่านเมืองเก่าแล้ว เรายังเพลิดเพลินกับภาพ Street Art ตามผนังบ้านหรือผนังริมทางเดินในเมือง สัมผัสการบอกเล่าเรื่องราวผ่านภาพในอดีตที่สะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ นักท่องเที่ยวสามารถเดินชม หรือนั่งรถรางชมเมืองที่ทางเทศบาลนครสงขลาจัดขึ้นเพื่ออำนวยความสะดวกแก่นักท่องเที่ยวได้ทุกวัน ยะลา ยะลาไม่ได้น่ากลัวอย่างที่คิด อำเภอเบตง อำเภอที่อยู่ใต้สุดของประเทศไทย มีอาณาเขตติดกับประเทศมาเลเซียและอยู่ท่ามกลางหุบเขา มีธรรมชาติอันสมบูรณ์และเงียบสงบ เมื่อ พ.ศ.2560 อำเภอเบตงได้จัดงาน “111 ปี เล่าขานตำนานเมืองเบตง” ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของการสร้างสรรค์ผลงาน Street Art ให้เป็นแลนด์มาร์กท่องเที่ยวของเบตงเลยก็ว่าได้ Street Art ของที่นี่เป็นผลงานของนักศึกษาและอาจารย์จากมหาวิทยาลัยศิลปากร มีทั้งหมด 11

Street Art…art on wall EP.1 อ่านเพิ่มเติม

ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน และศาลเจ้าปู่-ย่า จังหวัดอุดรธานี

ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นจุดศูนย์รวมอนุรักษ์ศิลปะ วัฒนธรรม วิถีบรรพบุรุษ และหลักปรัชญาของพี่น้องชาวไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดอุดรธานี.ที่ตั้ง : 888 ถนนศาลเจ้าเนรมิต ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานีเปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.โทร. 082 7070 666, 042 242 333, 042 242 444  ก่อนจะไปเที่ยวชมศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน เราไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์กันที่ศาลเจ้าปู่-ย่า ที่อยู่ใกล้ๆ กันก่อน ที่นี่ขึ้นชื่อเรื่องความศักดิ์สิทธิ์ขององค์เจ้าปู่-เจ้าย่า นอกจากนี้ยังถือเป็นศาลเจ้าที่มีฮวงจุ้ยดีที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย สิ่งที่ห้ามพลาดเมื่อมาเที่ยวศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน.แต่งตัวด้วยชุดจีนประยุกต์ ที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ มีบริการให้เช่าชุดจีนหลายแบบ หลายไซส์ ราคาตั้งแต่ 50 บาทขึ้นไป ใครฝันอยากเป็นฮ่องเต้และฮองเฮา ฝันของคุณเป็นจริงแล้ว เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.โทร. 082 7070 666, 042 242 333, 042 242 444.ขอบคุณรูปภาพจาก ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน อุดรธานี เดินเล่นใน “สวนคุณธรรมพันปี 24 กตัญญู”  สวนสไตล์จีนบรรยากศร่มรื่น ที่ตกแต่งด้วยไม้มงคลของจีน เช่น ต้นเครามังกร ต้นหลิว โป๊ยเซียน และต้นไผ่ดำ เป็นต้น มีบ่อปลาคาร์ฟจักรพรรดิ ที่นักท่องเที่ยวสามารถมาให้อาหารปลาได้ นอกจากนี้ รอบๆ สวนยังมีประติมากรรมนูนสูงที่บอกเล่าเรื่องราว ตำนานสุดยอด 24 กตัญญูของแผ่นดินจีน พร้อมคำบรรยายเพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ของผู้คนที่มาเที่ยวอีกด้วย ชมรูปปั้นหินอ่อนสีหยกขาว รูปปั้นหินอ่อนสีหยกขาวรูปท่านมหาปราชญ์ “ขงจื๊อ” นี้ แกะสลักจากหินที่นำมาจากเมืองชวีฟู่ มณฑลซานตง สาธารณรัฐประชาชนจีน บ้านเกิดของท่านขงจื๊อ ซึ่งสภาวัฒนธรรมไทย-จีนได้มอบให้แก่ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน ถือเป็นของขวัญจากรัฐบาลจีน จากนั้นมาการเชื่อมโยงความสัมพันธ์ด้านวัฒนธรรมระหว่างไทย-จีนก็ได้ก่อกำเนิดขึ้น โดยมีการประสานความร่วมมือกับศูนย์วัฒนธรรมแห่งประเทศจีน จนทำให้ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน จังหวัดอุดรธานี กลายเป็นศูนย์รวมและต้นแบบทางด้านวัฒนธรรมจีนในระดับประเทศมาจนทุกวันนี้ เยี่ยมชมพิพิธภัณฑ์คุณธรรม พิพิธภัณฑ์แบ่งออกเป็น 2 ชั้นด้วยกัน ชั้นบนบอกเล่าเรื่องราวของคนไทยเชื้อสายจีนในจังหวัดอุดรธานี วิถีชีวิตในสมัยก่อน รวมถึงประเพณีและพิธีกรรมต่างๆ ตามความเชื่อของชาวจีน.ชั้นล่าง บอกเล่าเรื่องราวของมหาปราชญ์ขงจื๊อ ตั้งแต่ประวัติความเป็นมาของท่าน ไปจนถึงคำสอนและคติเตือนใจที่เราสามารถนำไปปรับใช้ในชีวิตได้ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2562

ศูนย์วัฒนธรรมไทย-จีน และศาลเจ้าปู่-ย่า จังหวัดอุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ จังหวัดน่าน

ดอยสวนยาหลวง ที่ตั้ง : บ้านสันเจริญ ตำบลผาทอง อำเภอท่าวังผา จังหวัดน่านพิกัด : https://goo.gl/maps/n4krwZZg5K42 ทริป 2 วัน 1 คืน ที่ดอยสวนยาหลวง จังหวัดน่าน บ้านสันเจริญเป็นหมู่บ้านเล็กๆ กลางหุบเขา ห่างจากตัวอำเภอท่าวังผา 32 กิโลเมตร ชาวบ้านเป็นชาวเขาเผ่าเมี่ยน (เย้า) ในอดีตที่นี่เป็นดงฝิ่นบนดอยสูง ปัจจุบันเปลี่ยนมาทำไร่กาแฟจนกลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่มีชื่อเสียงของจังหวัดน่าน พวกเรานัดคุณกริช ไกด์หนุ่มพร้อมรถกระบะ 4WD ให้มารับที่หน้าที่ว่าการอำเภอท่าวังผาเวลา 15.00 น. เพื่อขึ้นไปยังจุดชมวิวดอยสวนยาหลวง ระยะทาง 32 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที ถนนเป็นสองเลนแคบๆ คดเคี้ยวบางช่วง สำหรับใครที่ไปครั้งแรกก็ไม่แปลกที่จะสงสัยว่า เขาจะพาเราไปไหน? เพราะมองไปรอบๆ มีแต่ป่าเขาและเปลี่ยวมากกก เรียกได้ว่าห่างไกลความเจริญเลยทีเดียว ระหว่างทางที่จะขึ้นไปชมพระอาทิตย์ตกบนดอยสวนยาหลวงนั้น โชคดีที่ยังพอมีเวลา คุณกริชจึงได้แวะจอดรถให้พวกเราได้ไปชมชาวบ้านที่กำลังเก็บผลกาแฟสดจากต้นด้วย ซึ่งปกติชาวบ้านจะเก็บผลกาแฟสดกันจนถึงเวลาประมาณ 17.30 น. กาแฟที่นี่เป็นพันธุ์อาราบิก้า ปลูกบนพื้นที่เกือบ 5,000 ไร่ นับว่าใหญ่เป็นที่ 2 รองจากดอยช้างที่จังหวัดเชียงรายเลยทีเดียว ฤดูเก็บเกี่ยวคือช่วงเดือนพฤศจิกายน-มีนาคม ของทุกปี ใช้เวลาปลูก 3-4 ปี ถึงจะเริ่มให้ผลผลิต ถึงแล้ววว จุดชมวิวดอยสวนยาหลวง จุดชมวิวแห่งนี้มีลักษณะเป็นเนินภูเขาหญ้า ที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพของภูเขาได้สุดสายตา 360 องศา และยังชมทิวทัศน์ตอนเย็น ดูพระอาทิตย์ตก สัมผัสบรรยากาศตอนเช้าตรู่ ดูพระอาทิตย์ขึ้น และชมทะเลหมอกได้อีกด้วย นอกจากนี้ดอยสวนยาหลวงยังเป็นแนวสันเขาที่เป็นรอยต่อระหว่างอำเภอท่าวังผา จังหวัดน่าน กับอำเภอปง จังหวัดพะเยา เรียกว่ามาที่เดียวได้ชมวิว 2 จังหวัดเลย เห็นแล้วอยากจะกลิ้งไปบนภูเขา ฮ่าๆ ล้อเล่น…วิวดีมากๆ เลยล่ะ ประทับใจสุดๆ เวลาพลบค่ำ บรรยากาศก็เริ่มหนาวเย็น มีลมแรงและหมอกจางๆ พัดมาสัมผัสตัวเบาๆ ข้างบนนี้สามารถกางเต็นท์นอนดูดาวได้ แต่พวกเราเลือกที่จะลงไปพักที่บ้านกลางไร่กาแฟ เพราะบนลานกางเต็นท์อากาศหนาว และที่สำคัญไม่มีห้องน้ำด้วยจ้า  พระอาทิตย์ตกแล้ว หมอกเริ่มหนา อากาศก็เย็นขึ้น แอดอยู่ถ่ายรูปเพลินๆ กับหมอกสักพักก็เริ่มหิวแล้วล่ะ ไปทานมื้อเย็นกันดีกว่า บ้านพักของพวกเราอยู่กลางไร่กาแฟบนดอย หรือที่เรียกว่า “Coffee Farm Stay” จากตรงนี้สามารถมองเห็นวิวหมู่บ้านสันเจริญได้ ที่จริงแล้วบ้านพักตรงนี้เดิมคือ บ้านที่ชาวบ้านสร้างเอาไว้พักเวลาขึ้นมาเก็บผลกาแฟบนดอย เนื่องจากการลงไปยังหมู่บ้านด้านล่างค่อนข้างไกลและลำบากพอสมควร แต่ปัจจุบันได้มีการปรับปรุงบ้านให้คงทนแข็งแรงขึ้น เพื่อรองรับนักท่องเที่ยว อาหารเย็นของพวกเราสุดแสนจะเรียบง่าย แต่รสชาติอร่อยสุดๆ อาจเป็นเพราะความประทับใจตั้งแต่ขึ้นรถมายังหมู่บ้าน เพื่อนร่วมทางที่สร้างเสียงหัวเราะ รวมทั้งคุณกริชที่เป็นกันเองมากๆ หรืออาจเพราะความเหนื่อยก็แล้วแต่ เมนูของพวกเราในวันนี้มี ไก่อบหม้อดิน ผัดผัก ปลานิลทอด และเมนูแนะนำคือ แกงใบแจ้อ๊อเมี๊ย ซึ่งเป็นผักท้องถิ่นของหมู่บ้านสันเจริญนั่นแหละ รสชาติแปลกๆ แต่อร่อยดีนะ อิ่มแล้วเราก็นั่งดูดาวกันต่อสักพัก แม้อากาศจะหนาวมาก แต่ก็รู้สึกอบอุ่นที่ได้มองท้องฟ้าแล้วเห็นดาวพร่างพรายเต็มไปหมด นี่สินะ..การพักผ่อนอย่างแท้จริง บรรยากาศดีๆ กับกลุ่มเพื่อนรู้ใจ ชิลกว่านี้ไม่มีแล้วล่ะ พวกเราตั้งนาฬิกาปลุก 05.30 น. เพื่อจะขึ้นไปดูทะเลหมอกบนจุดชมวิวดอยสวนยาหลวง คุณกริชได้เตรียมอาหารเช้าเป็นข้าวต้มไก่ร้อนๆ ให้เราขึ้นไปรับประทานกันข้างบน บนยอดดอยสวนยาหลวงตอนเช้าตรู่อากาศดีเหลือเกิน สดชื่นสุดๆ เห็นทะเลหมอกอยู่ตรงหน้าเลยนะ แสงแรกของวันช่างทำให้มีพลังและเบิกบานใจ แต่จะมีความสุขไหนเท่ากับการมีบาริสต้าส่วนตัวอย่างคุณกริช มาดริปกาแฟสดๆ ให้พวกเราได้ดื่ม ขณะชมทัศนียภาพของทิวเขาและทะเลหมอก ที่นี่คั่วเมล็ดกาแฟเอง บรรจุใส่ถุงเอง มั่นใจในเรื่องรสชาติและคุณภาพได้เลย It’s Very Really Amazing! หมอกหนาลอยสูงขึ้นเรื่อยๆ ท่ามกลางทิวเขาที่สลับซับซ้อนสวยงาม เก็บภาพบรรยากาศกันไว้สักหน่อยก่อนกลับ บอกเลยว่าต้องมาเพราะมันดีจริงๆ ดอกไม้บนดอยสูงนี่ช่างสวยงามจริงๆ เห็นทีต้องถ่ายภาพเป็นที่ระลึกซะหน่อยแล้ว ^^ ช่วงสายแดดเริ่มแรง พวกเรากลับลงมาที่พัก อาบน้ำ จัดสัมภาระเตรียมตัวกลับบ้าน แต่ก่อนกลับคุณกริชก็ได้พาพวกเราแวะชมน้ำผุดบ้านสันเจริญ น้ำผุดที่นี่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ น้ำใสเย็น นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้ มีห้องน้ำบริการฟรีด้วย สุดท้ายและท้ายสุด…ดอยสวนยาหลวงถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวใจกลางหุบเขาขนาดใหญ่ที่สงบ และยังคงความเป็นธรรมชาติอย่างดีเยี่ยมของเมืองน่าน แอดอยากให้เพื่อนๆ ที่รักการเดินทางท่องเที่ยว ได้มาสัมผัสความสุขเหมือนอย่างพวกเราครับ สอบถามข้อมูลบ้านพัก และรถกระบะ 4WD ขึ้นไปจุดชมวิวดอยสวนยาหลวงโทร.096 952 2223 (คุณกริช ผู้ประสานงานกลุ่มท่องเที่ยวชุมชนเชิงอนุรักษ์ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ) เว็บไซต์ https://www.facebook.com/ท่องเที่ยวดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ ค่าบริการราคาคนละ 1,000 บาท (กลุ่มละ 5-10 คน)(ราคานี้รวมรถรับ-ส่งจากบ้านสันเจริญ ไปบ้านพักบนไร่กาแฟ และไปชุดชมวิวดอยสวนยาหลวง รวมอาหาร 2 มื้อ) ถ้าต้องการให้ไปรับ-ส่งที่ตัวอำเภอท่าวังผา ราคา 2,000 บาท เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 2562

ดอยสวนยาหลวง บ้านสันเจริญ จังหวัดน่าน อ่านเพิ่มเติม

ทุ่งดอกกระดาษ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า

ทุ่งดอกกระดาษหรือทุ่งบานไม่รู้โรย ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก เป็นโครงการพัฒนาป่าไม้ตามแนวพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช จัดตั้งขึ้นเพื่อฟื้นฟูสภาพป่า และเพาะชำกล้าไม้ ดอกกระดาษเป็นพรรณไม้กลางแจ้งประเภทไม้ประดับ ที่มักพบตามที่สูงในภาคเหนือ เนื่องจากเป็นดอกไม้ที่ชอบอากาศเย็น อีกทั้งยังดูแลง่าย ใช้เวลาปลูกเพียง 3 เดือน ก็ออกดอกแล้ว ในช่วงระหว่างเดือนธันวาคม – มีนาคมของทุกปี ดอกกระดาษหลากสีสันจะเบ่งบานปะทะลมหนาว รอให้เราไปชมความสวยงาม ซึ่งทุ่งดอกกระดาษแห่งนี้นับเป็นทุ่งดอกกระดาษที่มีพื้นที่กว้างใหญ่ที่สุดในไทยเลยทีเดียว ดอกกระดาษที่นี่ขึ้นสลับกับแนวหินผาขนาดปานกลางที่ตั้งอยู่เรียงกัน ซึ่งแต่ละผาจะมีชื่อเรียกเกี่ยวกับความรักที่แตกต่างกันไป ไม่ว่าจะเป็น ผาพบรัก ผาบอกรัก ผารักยืนยง เป็นต้น นับเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของโครงการฯ ที่อยากให้เพื่อนๆ ถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึก จากหน้าผาด้านบนจะมีทางเดินลงมาด้านล่าง ซึ่งเพื่อนๆ จะพบกับดอกกระดาษชูช่อสวยงามเรียงรายเป็นแนวยาวตลอดทางเดินเลาะริมผา การเดินทางจากตัวเมืองพิษณุโลก ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 (พิษณุโลก-หล่มสัก) ถึงสามแยกบ้านแยง เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2013 ไปประมาณ 28 กิโลเมตร จะถึงแยกร่องกล้า อ.นครไทย จากนั้นเลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 2331 อีกประมาณ 31 กิโลเมตร ก็จะถึงอุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า (เป็นทางผ่านก่อนขึ้นไปภูลมโล)  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2562

ทุ่งดอกกระดาษ อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า อ่านเพิ่มเติม

Relax & Easy ณ เกาะขาม จังหวัดชลบุรี

อุทยานใต้ท้องทะเลเกาะขามเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ตั้งอยู่ที่ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรี ภายใต้การควบคุมดูแลของสำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 การเดินทางไปยังเกาะขาม จากมอเตอร์เวย์ กรุงเทพฯ-ชลบุรี เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 331 ผ่านแยกเกษมพล และแยกบ้าน กม.10 (รพ.สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ) ตรงไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายไปทางบ้านแสมสาร ตรงไปจนสุดแล้วเลี้ยวขวา จากนั้นตรงไปเรื่อยๆ จนสุดทาง จะพบทางเข้ากรมก่อสร้างและพัฒนา ฐานทัพเรือสัตหีบ ซึ่งเป็นสถานที่ขายตั๋ว (ใกล้กับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย) ถึงแล้วก็ซื้อตั๋วเรือข้ามไปเกาะขามกันเล้ยยย รอบเรือข้ามไปเกาะขามวันจันทร์-ศุกร์เที่ยวไป : 09.00 น. 10.00 น. และ 11.00 น.เที่ยวกลับ : 13.00 น. 14.00 น. และ 15.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เที่ยวไป : 08.00 น. 09.00 น. 10.00 น. 11.00 น. และ 11.30 น.เที่ยวกลับ : 13.00 น. 14.00 น. 15.00 น. และ 16.00 น. อัตราค่าบริการเรือ (ไป-กลับ)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 250 บาท เด็ก 200 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 300 บาท**เด็ก สูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร ช่องทางการจองตั๋ว1.จองทางโทรศัพท์ (เฉพาะวัน-เวลาราชการเท่านั้น)โทร 03 312 48482. walk-in บริเวณประตูทางเข้ากรมก่อสร้างและพัฒนา ฐานทัพเรือสัตหีบ (เฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น) เปิดจำหน่ายตั๋ว 07.00 – 10.00 น. บนเกาะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำมากมาย เช่น– ดำน้ำตื้นชมปะการังและฝูงปลา ค่าอุปกรณ์ดำน้ำ 50 บาท– นั่งเรือท้องกระจกชมโลกใต้ทะเล ใช้เวลารอบละ 30 นาที ค่าเรือ 20 บาท เรือออกทุกชั่วโมง– เดินเท้าและปีนป่ายขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา ระยะทางราว 300 เมตร– เดินตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ ได้ชมความงามของทะเล และยังได้ชมความงามของพรรณไม้ต่างๆ ด้วย คุ้มสุดๆ ไปเลย เนื่องจากเกาะขามเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ทางเกาะขามจึงได้จัดกิจกรรม Kohkham Clean Beach Campaign เพื่อลดปริมาณขยะบนเกาะ โดยไม่อนุญาตให้นำบรรจุภัณฑ์ที่ทำจากพลาสติกทุกอย่าง รวมทั้งขวดแก้ว และกล่องโฟม ขึ้นมาบนเกาะค่ะ  เกาะขามไม่อนุญาตให้พักค้างคืน แนะนำให้นักท่องเที่ยวหาที่พักบริเวณท่าเรือเขาหมาจอนะคะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่สำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีโทร 03 312 4848, 093 397 1342เว็บไซต์ www.kohkham.com  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 20 กุมภาพันธ์ 2562

Relax & Easy ณ เกาะขาม จังหวัดชลบุรี อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top