สถานที่ท่องเที่ยว

สถาปัตยกรรมอันงดงามแบบพุทธคยา ที่วัดพระธาตุหนองบัว จ.อุบลราชธานี

วัดพระธาตุหนองบัว ตั้งอยู่ที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของอุบลราชธานี มีสถาปัตยกรรมที่สำคัญก็คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 ภายในองค์พระธาตุเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ทุกๆวัน ตั้งแต่ 18.00-20.00 น. ทางวัดจะเปิดไฟส่องสว่างรอบด้าน ยิ่งทำให้องค์พระธาตุนั้น งดงามสว่างไสวขึ้นมากๆ  พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นั้น ได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระธาตุองค์ที่เราเห็นในปัจจุบัน เป็นพระธาตุองค์ใหม่ที่สร้างครอบองค์เดิมไว้ เป็นองค์พระธาตุสีขาว ตัดกับลวดลายสีทอง สวยงาม ประณีต รายล้อมด้วยกำแพงแก้วทั้ง 4 ด้าน ที่มุมทั้งสี่ของกำแพงแก้วประดิษฐานพระเจดีย์องค์เล็กไว้ทั้งสี่มุม ประดับลวดลายเทพพนม เทวดาต่าง ๆ สวยงามไม่แพ้พระธาตุองค์ใหญ่เลยล่ะ ด้านหลังของพระธาตุ เป็นที่ตั้งของศาลาการเปรียญ ซึ่งใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและประเพณีในวาระต่างๆ ซึ่งการประดับตกแต่งภายในศาลาการเปรียญก็มีความงดงามมากๆ เช่นกัน ช่วงนี้มีงานแห่เทียนพรรษาพอดี ใครที่เวลาเหลือจากการเที่ยวงาน ก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวชมวัดนี้ได้นะ วัดพระธาตุหนองบัวที่ตั้ง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 7.00-20.00 น. (เวลา18.00-20.00 น. ทางวัดจะเปิดไฟส่ององค์พระธาตุ สวยงามมากๆ) การเดินทางจากทุ่งศรีเมืองขับรถไปตามถนนอุปราช และถนนชยางกูร ขับตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 4 กม. จากนั้นเจอสี่แยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนธรรมวิถี จากนั้นขับตรงไป อีก 800 เมตร จะพบกับวัดหนองบัว เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 16 กรกฎาคม 2562

สถาปัตยกรรมอันงดงามแบบพุทธคยา ที่วัดพระธาตุหนองบัว จ.อุบลราชธานี อ่านเพิ่มเติม

อีสานเขียว…เที่ยวภูหมู สัมผัสธรรมชาติมุกดาหาร

ภูหมู ตั้งอยู่ในเขตหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภบ. 1 อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว ตำบลนิคมคำสร้อย อยู่ห่างจากตัวอำเภอนิคมคำสร้อย 9 กิโลเมตร ภูหมู เป็นภูเขาที่มีระดับความสูง 356 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ในอดีต พื้นที่บริเวณนี้มีการพบหมูป่าจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อภูหมู และที่นี่ยังเคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารอเมริกันสมัยสงครามเวียดนามอีกด้วย บนยอดเขามีจุดชมทิวทัศน์ 3 จุด ได้แก่ ผาระเบียงตะวัน อยู่ด้านทิศตะวันออก ติดกับที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สามารถมองเห็นภูแผงม้า อ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก และภูเขาในเขตวนอุทยานดงบังอี่ วิวภูเขาและธรรมชาติอันเขียวชอุ่มที่สามารถมองเห็นได้จากผาระเบียงตะวัน อ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถมองเห็นได้จากจุดชมวิวผาระเบียงตะวัน.ที่ตั้ง : ถนนชยางกูร ตำบลนากอก อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ผาพบรัก อยู่ด้านทิศตะวันตก ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 200 เมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก สามารถมองเห็นภูด่านแต้ และเทือกเขาภูพานสลับซับซ้อน ผาหินสงบ อยู่บริเวณยอดเขาด้านทิศใต้ ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 2 กิโลเมตร สามารถมองเห็นภูถ้ำพระและอำเภอเลิงนกทาของจังหวัดยโสธรได้ ภูหมูสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู และไฮไลท์อยู่ที่ต้นลิ้นมังกร ที่จะออกดอกในเดือนตุลาคม  บริเวณผาระเบียงตะวันและผาพบรัก สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ แต่ต้องนำเต็นท์ และอาหารขึ้นมาเอง ส่วนเรื่องห้องน้ำก็หายห่วง เพราะที่นี่มีให้บริการ ถ้าต้องการมากางเต็นท์พักแรม ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์อุทยานฯ ก่อนนะจ๊ะ  สอบถามข้อมูล โทร. 099 028 8818.การเดินทาง จากตัวเมืองมุกดาหาร ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 (มุกดาหาร-เลิงนกทา) ผ่านตัวอำเภอนิคมคำสร้อยประมาณ 2 กิโลเมตร จนถึงบ้านม่วงไข่ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท มห. 3029 ตรงไปจนถึงสามแยก และเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง ตรงไปเป็นทางขึ้นเขา 4.5 กิโลเมตร ก็ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ภูหมู รวมระยะทางจากตัวเมือง 38 กิโลเมตร เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 13 กรกฎาคม 2562

อีสานเขียว…เที่ยวภูหมู สัมผัสธรรมชาติมุกดาหาร อ่านเพิ่มเติม

สถานีต่อไป…บางปะอิน

เกร็ดความรู้ :.“บางปะอิน” เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่เดิมเรียกกันว่า “อำเภอพระราชวัง” ต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอบางปะอินจนกระทั่งถึงปัจจุบันค่ะ การเดินทางในวันนี้ แอดและเพื่อนร่วมทางเลือกเดินทางโดยรถไฟ โดยขึ้นจากสถานีรถไฟหัวลำโพงมาลงที่สถานีรถไฟบางปะอินค่ะ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งถือว่าไม่นานเลย.และสำหรับทริปนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “พระราชวังบางปะอิน” และ “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” นั่นเองค่ะ.เมื่อถึงสถานีรถไฟบางปะอินแล้ว เพื่อนๆ สามารถเดินทางไปยัง “พระราชวังบางปะอิน” ได้ง่ายๆ โดยนั่งวินมอเตอร์ไซค์ ค่าโดยสารคนละ 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว เมื่อถึงพระราชวังบางปะอิน สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจดูความเรียบร้อยของตนเองก่อน แต่งกายถูกต้องตามกฎระเบียบหรือไม่ (สวมเสื้อมีแขน กางเกงขายาว หรือกระโปรงยาวคลุมเข่า) หลังจากนั้นก็ไปซื้อบัตรเข้าชมกัน.ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าพระราชวังบางปะอินนั้นกว้างขวางมาก หากมีกำลังขาและเวลามากพอก็สามารถเดินเที่ยวชมได้ค่ะ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแอดแนะนำให้เช่ารถกอล์ฟค่ะ.ปล.ผู้ที่สามารถเช่ารถกอล์ฟได้จะต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่เท่านั้นนะคะ พระราชวังบางปะอินค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก นักเรียนนักศึกษา ผู้สูงอายุ 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาทเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ค่าเช่ารถกอล์ฟ1 ชั่วโมงแรก ชาวไทย คันละ 300 บาท ชาวต่างชาติคันละ 400 บาท ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละ 100 บาท  เมื่อเข้ามาในพระราชวังบางปะอิน เราจะพบกับสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมี “พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์” ตั้งอยู่กลางสระ.พระที่นั่งองค์นี้เป็นพระที่นั่งทรงปราสาทโถงจตุรมุของค์เล็ก ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้จำลองแบบมาจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทในพระบรมมหาราชวัง.ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ของรัชกาลที่ 5 ขนาดเท่าพระองค์จริง และอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งแห่งนี้ค่ะ มาต่อกันที่ “พระที่นั่งวโรภาษพิมาน” พระที่นั่งองค์นี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่เดิมเป็นอาคาร 2 ชั้น ใช้เป็นที่ประทับและเป็นท้องพระโรงสำหรับออกว่าราชการ.ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อสร้างใหม่เป็นพระที่นั่งชั้นเดียว เนื่องจากมีปัญหาด้านโครงสร้าง แต่ยังคงมีรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนีโอคลาสสิก และใช้เป็นท้องพระโรงเช่นเดิม “พระที่นั่งเวหาศจำรูญ” หรือ “เทียนเม่งเต้ย” เป็นพระที่นั่ง 2 ชั้นที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบจีน เป็นพระที่นั่งองค์สุดท้ายในพระราชวังบางปะอินที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5.ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงใช้พระที่นั่งองค์นี้เป็นที่ทรงพระอักษร และได้พระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง “มัทนะพาธา” หรือ “ตำนานดอกกุหลาบ” ขึ้นที่นี่ด้วยค่ะ “หอวิทูรทัศนา” มีลักษณะเป็นหอคอยสูง 3 ชั้น ทาสีเหลืองสลับแดง ที่ระเบียงและชายคาประดับลายฉลุงดงาม ตั้งอยู่บนเกาะขนาดเล็ก โดยมีสะพานสีขาวเป็นทางเชื่อมมาจากพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ภายในมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นบน ซึ่งสามารถขึ้นได้ถึงชั้นสองเท่านั้น เนื่องจากด้านบนกำลังบูรณะอยู่ และจากบนหอคอยนี้เพื่อนๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพของพระราชวังบางปะอินได้โดยรอบเลย “ตำหนักเก้าห้อง” ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน ที่ตามเสด็จฯ ในคราวแปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน.ตำหนักหลังนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบยุโรป บริเวณด้านหน้ามีสนามหญ้าเป็นลานกว้าง สามารถเดินชมภายนอกอาคารได้ค่ะ ภายในพระราชวังบางปะอินยังมีพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ให้ชมอีกมากมาย ได้แก่ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร สภาคารราชประยูร อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ฯลฯ.แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่เปิดให้เข้าชมภายใน แต่เพื่อนๆ ก็ยังสามารถเดินชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมต่างๆ โดยรอบได้นะคะ อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอินเป็นที่ตั้งของ “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเดินทางไปได้โดยกระเช้าค่ะ.บริเวณที่ขึ้นกระเช้าจะอยู่ตรงลานจอดรถของพระราชวังบางปะอิน ค่าข้ามกระเช้านั้นจะให้เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ศรัทธา โดยจะมีตู้รับบริจาคสีเขียวอยู่ที่จุดขึ้นกระเช้าฝั่งวัดนิเวศธรรมประวัติค่ะ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นวัดประจำพระราชวังบางปะอิน สำหรับทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับยังพระราชวังแห่งนี้.เมื่อเข้ามาภายในวัด เพื่อนๆ อาจจะรู้สึกสับสนว่านี่คือวัดพุทธหรือโบสถ์คริสต์กันแน่ เพราะสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดล้วนแล้วแต่เป็นแบบตะวันตกทั้งสิ้น.ซึ่งเหตุที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้สร้างวัดนี้เลียนแบบโบสถ์ฝรั่งนั้น ก็เพื่อให้เข้ากับพระราชวังบางปะอิน ซึ่งอาคารส่วนใหญ่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตก และเพื่อให้ราษฎรได้ชมศิลปกรรมของชาติอื่นซึ่งเป็นของแปลกในสมัยนั้นนั่นเองค่ะ และนี่คือพระอุโบสถของวัดนิเวศธรรมประวัติค่ะ ดูสวยงามแปลกตามากเลยใช่มั้ยคะ? อุโบสถหลังนี้มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค มีหอคอยยอดแหลมสูงและซุ้มประตูโค้งแหลม บริเวณยอดแหลมนั้นเป็นหอนาฬิกาและหอระฆัง เหนือขึ้นไปยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุด้วย ภายในอุโบสถตกแต่งแบบโบสถ์คริสต์ มีการประดับกระจกสีตามหน้าต่างและเหนือบานประตูอย่างสวยงาม.เป็นที่ประดิษฐานพระประธานคือ พระพุทธนฤมลธรรโมภาส พระพุทธรูปปางสมาธิเพชร ออกแบบโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ โดยเป็นพระพุทธรูปแบบไทยประเพณีที่ผสานความสมจริงแบบตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นับเป็นพระพุทธรูปฝีพระหัตถ์ของท่านที่งดงามที่สุด.นอกจากนี้ฐานชุกชีที่ประดิษฐานพระประธานยังมีลักษณะเหมือนกับที่ตั้งไม้กางเขนในโบสถ์คริสต์อีกด้วย สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากนั่งรถไฟมาเที่ยวบางปะอินแบบแอด ก็อย่ารอช้าเพราะเวลาไม่เคยคอยใคร เพียงหาเวลาว่างสัก 1 วัน เพื่อนๆ ก็สามารถเที่ยวบางปะอินได้แล้วล่ะค่ะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 11 กรกฎาคม 2562

สถานีต่อไป…บางปะอิน อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าราชวงศ์

ท่าเรือราชวงศ์ หรือ ท่าน้ำราชวงศ์ ถือเป็นท่าเรือที่มีความสำคัญทั้งในด้านประวัติศาสตร์ และวิถีชีวิตของผู้คนในบริเวณนี้ ในอดีต ท่าน้ำราชวงศ์ เป็นท่าเทียบเรือกลไฟที่บรรทุกสิ่งของจากหัวเมืองต่างๆ เข้ามายังกรุงรัตนโกสินทร์ และยังเป็นท่าสำหรับขนส่งสินค้าของไทยออกไปยังต่างประเทศ นอกจากนั้นท่าเรือแห่งนี้ยังเป็นท่าเรือที่พระบรมวงศานุวงศ์ และเจ้านายชั้นสูงใช้ในการเดินทางไปยังต่างประเทศอีกด้วย ปัจจุบัน ท่าเรือราชวงศ์เป็นท่าเรือที่ใกล้ย่านชอปปิง อย่างสำเพ็งและเยาวราช จึงทำให้มีผู้คนนั้นต่างหมุนเวียนกันมาใช้บริการท่าเรือแห่งนี้กันเป็นประจำ ซาลาเปาเซี่ยงไฮ้ (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 100 เมตร) เป็นร้านซาลาเปาที่อยู่คู่กับท่าราชวงศ์มาอย่างยาวนานและที่สำคัญอยู่ใกล้กับท่าเรือมากๆ ใครผ่านไปผ่านมาก็มักจะแวะซื้อทานกันเป็นประจำ ร้านนี้มีซาลาเปาให้เลือกหลายไส้ ไม่ว่าจะเป็น ไส้หมูสับ ไส้หมูแดง ไส้ผัก ไส้ถั่วเหลือง ไส้ถั่วดำ ไส้เผือก ไส้ครีม นอกจากนั้นยังมีหมั่นโถว และขนมจีบ ให้เลือกทานอีกด้วย ราคาซาลาเปาลูกละ 15 บาท หมั่นโถว 15 บาท ขนมจีบชุดละ 50 บาท แอดถามพี่ที่ร้านว่าซาลาเปาไส้ไหนขายดีที่สุด พี่เค้าบอกว่า จะเป็นไส้หมูสับกับไส้ครีม แอดเลยจัดมาทั้งสองไส้นี้เลย ซาลาเปาไส้หมูสับเครื่องแน่นจัดเต็มมากๆ มีทั้งหมู เห็ดหอม ไข่เค็ม อยู่ท้องกำลังดีเลย อีกไส้ก็คือไส้ครีม ครีมไม่หวานมาก แป้งนุ่ม พี่ยังบอกอีกว่า หมั่นโถวก็ขายดีไม่แพ้กัน แล้วแอดก็ขอคอนเฟิร์มอีกเสียงว่า หมั่นโถวร้านนี้ ดีมากๆ!! เพราะปกติที่แอดเคยทานจะเป็นแป้งล้วนๆ แต่ร้านนี้ใส่ลูกเกดเข้าไปด้วย ซึ่งมันเข้ากันดี และอร่อยมากๆ เปลี่ยนภาพหมั่นโถวที่เคยรู้จักมาเลย ต้องลองไปชิมนะ ซาลาเปาเซี่ยงไฮ้เปิดทุกวัน 06.00 – 18.00 น.โทร. 097 187 8444 ถ้าใครกลัวทานซาลาเปาแล้วต้องการน้ำดื่ม ทางร้านก็มีชานมไข่มุก ให้เลือกดื่มหลากหลายเมนู ซึ่งใครที่ไม่ชอบทานหวาน แอดบอกเลยว่า จะต้องถูกใจแน่นอน เพราะรสชาติของชาหวาน หอมกำลังดี ไข่มุกก็หนุบหนับ เข้ากันอย่างมากเลยล่ะ ขนมจีบอาเหลียง (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 120 เมตร) ขนมจีบเจ้าดัง ดั้งเดิม ขายที่ถนนทรงวาดมาเป็นเวลานานหลายสิบปี แต่รสชาติยังดีไม่มีเปลี่ยน มีทั้งขนมจีบกุ้งและหมูสับ ราคาขนมจีบกุ้งลูกละ 5 บาท ขนมจีบหมูลูกละ 3 บาท แอดบอกเลยว่ารสชาติดีมากๆ แป้งเกี้ยวนุ่ม ไส้แน่นเต็มคำ ทานแล้วหยุดไม่ได้เลย ทีเด็ดของทางร้าน แอดขอยกให้กับน้ำจิ้มเลย เพราะรสชาติไม่เหมือนใครและไม่มีใครเหมือน ต้องไปลองชิม ขนมจีบอาเหลียงเปิดทุกวัน เวลา 12.00 – 21.00 น.โทร. 089 133 0640 , 087 031 6854 Yesterday’s Tea Rooms (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 450 เมตร) ร้านกาแฟสไตล์ยุโรป ที่มองผ่านๆ ภายนอกเหมือนจะไม่มีอะไร แต่แอดบอกเลยว่าข้างในตกแต่งสวยมากๆ บรรยากาศในร้านจะสบายๆ ตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้แบบวินเทจ สามารถนั่งทำงานหรืออ่านหนังสือได้ Yesterday’s Tea Roomsเปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 18.00 น.โทร. 096 470 0062 อากาศร้อนๆ แบบนี้แอดจะไม่ยอมให้ตัวเองหงุดหงิดเด็ดขาด ไปหาเครื่องดื่มเย็นๆ เพิ่มความสดชื่นกันดีกว่า  แก้วแรกแอดสั่ง Ice Mocha (85 บาท) บอกเลยว่าใครเป็นสายเข้มข้น ต้องสั่งเมนูนี้เลย กาแฟหอมและกลมกล่อมมาก ถัดมาเป็น Coffee Chacha (95 บาท) เมนูซิกเนเจอร์ของร้าน เหมาะสำหรับคนที่อยากดื่มกาแฟแต่ก็ชอบดื่มชาด้วย แก้วนี้ถือว่าตอบโจทย์มาก เพราะมีส่วนผสมของกาแฟและชาเย็นอยู่ด้วยกัน เข้ากันได้ดีเลยค่ะ แอดอยากให้เพื่อนๆ ไปลองชิมกัน ข้าวมันไก่หลัง สน.จักรวรรดิ (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 550 เมตร) บอกเลยว่าแอดเจอร้านนี้ได้ เพราะคนในพื้นที่บอกแอดมาอีกที ซึ่งร้านข้าวมันไก่หลัง สน.จักรวรรดินี้ เปิดขายมานานกว่า 50 ปีแล้ว บรรยากาศในร้านมีความดั้งเดิมอยู่มาก คุณยายเจ้าของร้าน และพี่ที่ร้านอัธยาศัยดีมากๆ รู้สึกถึงความอบอุ่นและต้อนรับทุกคนที่เข้ามาทานข้าวมันไก่ในร้านเป็นอย่างดี  ส่วนรสชาติแอดบอกเลยว่า โดดเด่นมากๆ เนื้อไก่มีความนุ่ม ไม่มันมาก ข้าวก็หอมเครื่องเทศกำลังดี แต่ทีเด็ดแอดขอยกให้กับน้ำซุปและน้ำจิ้มของทางร้าน น้ำซุปที่นี่จะใส่น้ำมะนาวลงไปทำให้มีรสเปรี้ยวนิดๆ แต่ไม่มีกลิ่นมะนาว ทานกับน้ำจิ้มที่เค็มและเผ็ดกำลังดี ราดบนไก่และข้าวมันพอดีคำ แอดบอกเลยว่า ฟินนนนแน่นอน ราคาข้าวมันไก่ ธรรมดา 40 บาท พิเศษ 50 บาทเท่านั้น ใครที่ผ่านไปผ่านมาอย่าลืมแวะไปทานนะ ข้าวมันไก่หลัง สน.จักรวรรดิเปิดวันจันทร์ – เสาร์ เวลา 08.00 – 14.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. 02 222 3459 ราชาก๋วยเตี๋ยวเป็ด ป้อมจักรวรรดิ (ห่างจากท่าเรือราชวงศ์ 550 เมตร) ร้านก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าดังในเยาวราช ซึ่งไม่ต้องรอจนเย็นก็สามารถมาทานได้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับร้านข้าวมันไก่หลัง สน.จักวรรดิ นี่เอง เห็นเป็ดตัวโตแขวนอยู่แบบนี้ อดใจไม่ไหวต้องขอลองสักชาม สำหรับใครที่หิวๆ แอดบอกเลยว่าอิ่มท้องแน่นอน เพราะที่ร้านให้เส้นและเครื่องต่างๆ เยอะมากในราคา 40 บาทเท่านั้น (ถ้าสั่งพิเศษก็ 50 บาทนะ) เส้นที่แอดสั่งคือเส้นเล็ก เส้นเหนียวนุ่มกำลังดี เนื้อเป็ดก็นุ่มมากๆ ทานง่าย มีไส้แก้วกรุบๆ ให้เคี้ยวด้วย ส่วนน้ำซุปแอดไม่ได้ปรุงเลยเพราะรสชาติอร่อยอยู่แล้ว สามารถทานได้เลย ใครที่อยากกินก๋วยเตี๋ยวเป็ดเจ้าดัง แต่ไม่ต้องรอจนเย็นก็สามารถแวะมาทานได้นะ ราชาก๋วยเตี๋ยวเป็ด ป้อมจักรวรรดิเปิดวันจันทร์ – เสาร์ เวลา 08.30 –

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าราชวงศ์ อ่านเพิ่มเติม

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง

บ้านศิลปิน เป็นบ้านไม้เก่าแก่ 2 ชั้นริมคลองบางหลวง (หรือคลองบางกอกใหญ่) เดิมเป็นของ “ตระกูลรักสำหรวจ” ตระกูลช่างทองเก่าแก่ ซึ่งกลุ่มศิลปินนำโดยคุณชุมพล อักพันธานนท์ ได้ขอซื้อต่อจากทายาท และบูรณะใหม่เพื่อใช้เป็นสถานที่ทำงานและจัดแสดงผลงานศิลปะ ซึ่งที่นี่จะมีกลุ่มคนรักงานศิลปะรวมทั้งนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอยู่เสมอ ทำให้ชุมชนคึกคัก และยังเป็นการเพิ่มรายได้ให้แก่ชุมชนอีกด้วย ภายในบ้านก็จะเก๋ๆ หน่อย ชั้นล่างเปิดเป็นพื้นที่สำหรับสร้างสรรค์ผลงานศิลปะต่างๆ เช่น กิจกรรมระบายสีหน้ากาก ฯลฯ นอกจากนี้ยังจำหน่ายของที่ระลึก และมีโซนกาแฟสดให้นั่งดื่มกันชิลๆ ด้วย ส่วนชั้นบนจะเป็นห้องโล่งๆ จัดเป็นอาร์ตแกลเลอรี่ของศิลปินมีฝีมือหลายคน มีทั้งภาพวาดและภาพถ่ายสวยๆ เรียกได้ว่ามาที่นี่ได้ปลุกความอาร์ตในตัวคุณแน่นอน หากใครถูกใจภาพไหนก็สามารถติดต่อขอซื้อได้ด้วย นอกจากนี้ภายในบริเวณบ้านยังมีเจดีย์ย่อมุมไม้สิบสอง ซึ่งนับเป็นจุดเด่นอย่างหนึ่งของบ้านศิลปินแห่งนี้ เชื่อกันว่าบริเวณนี้น่าจะเคยเป็นส่วนหนึ่งของวัดกำแพงบางจากที่อยู่ใกล้กันมาก่อน อีกหนึ่งไฮไลท์ของบ้านศิลปินก็คือ จะมีการแสดงหุ่นละครเล็กให้เราชมด้วยค่ะ ใครมาเที่ยวบ้านศิลปินก็ต้องห้ามพลาดนะคะ  ตารางการแสดงหุ่นละครเล็กจัดแสดงเพียง 4 วัน วันละ 1 รอบ เวลา 14.00 น.– วันอาทิตย์ คณะสิปปธรรม คำนาย– วันพุธ คณะสิปปธรรม คำนาย– วันศุกร์ คณะสิปปธรรม คำนาย– วันเสาร์ คณะคลองบางหลวง คำนาย วันจันทร์ – อังคาร และพฤหัสบดี งดการแสดงไม่เสียค่าใช้จ่าย **แนะนำให้โทรสอบถามการแสดงก่อนเข้าชม** เดินออกจากบ้านศิลปินมานิดเดียวก็จะพบกับ “บ้านของเล่น” ซึ่งเป็นร้านขายกาแฟโบราณและร้านขายของเล่นที่เราเคยเล่นกันสมัยก่อน เหมือนได้ย้อนวัยกลับไปเป็นเด็กเลย แอดแฮปปี้มาก ร้านตกแต่งด้วยของโบราณทั้งหมดเลยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นถาด ปิ่นโต หม้อ ชาม เก๋มากเลย เสร็จแล้วก็มานั่งชิลริมคลอง ให้อาหารปลากัน บอกเลยว่าปลาเพียบจ้า หากใครอยากท่องเที่ยวแบบชิลๆ ผ่อนคลายในบรรยากาศเงียบสงบ เหมือนได้ชาร์จแบตไปในตัว ที่นี่ก็ตอบโจทย์อยู่นะ บ้านศิลปิน ที่ตั้ง : 309 ซอยเพชรเกษม 28 ถนนเพชรเกษม แขวงคูหาสวรรค์ เขตภาษีเจริญ กรุงเทพฯเปิดทุกวันวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 10.00 – 18.00 น.วันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 19.00 น.โทร. 02 868 5279 การเดินทาง BTS – เรือนั่ง BTS ลงสถานีบางหว้า จากนั้นไปขึ้นเรือที่ท่าเรือบางหว้า มีบริการเรือฟรีไปวัดกำแพง คลองบางหลวง (เรือมีเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์) รถโดยสารประจำทางจากแยกท่าพระ นั่งรถประจำทางสาย 68 108 509 ฯลฯ มาลงที่ซอยจรัญสนิทวงศ์ 1/1 หรือซอยจรัญสนิทวงศ์ 3 จากนั้นต่อรถมอเตอร์ไซค์รับจ้าง ราคา 10 บาท หรือรถสองแถว ราคา 5 บาท นั่งไปจนสุดซอย แล้วเดินข้ามสะพานไปก็จะถึงบ้านศิลปิน รถยนต์ส่วนตัวจากแยกท่าพระ วิ่งไปตามถนนเพชรเกษม กลับรถแล้วเลี้ยวซ้ายเข้าซอยวัดทองศาลางาม (ซอยเพชรเกษม 20) เข้าไปจนสุดซอยจะเจอวัดทองศาลางาม ให้เลี้ยวซ้ายและเลี้ยวซ้ายอีกครั้งก็จะถึงวัดกำแพงบางจาก สามารถจอดรถได้ภายในวัด จากนั้นให้เลี้ยวซ้ายเดินเลียบคลองไปตามทางเดินเล็กๆ ประมาณ 130 เมตร ข้ามสะพานไปก็จะถึงบ้านศิลปิน เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 8 กรกฎาคม 2562

บ้านศิลปิน : คลองบางหลวง อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง

ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งย่านที่น่าสนใจในเรื่องของอาหารอร่อยห้ามพลาดที่ต้องตามไปทาน ที่เดียวได้ทั้งของคาวและของหวานเลยล่ะ อิ่มท้องแถมยังประหยัดอีกด้วย การเดินทางมาที่ท่าดินแดงในครั้งนี้ แอดใช้บริการเรือด่วนเจ้าพระยามาลงที่ท่าเรือท่าราชวงศ์ จากนั้นใช้บริการเรือข้ามฟากมาที่ท่าเรือท่าดินแดง ค่าบริการ คนละ 3.50 บาท เท่านั้น ใครมาท่าดินแดงคราวนี้จะอิ่มท้องและมีของติดไม้ติดมือกลับบ้านแน่นอน เริ่มกันที่ ร้านนมสดท่าดินแดง ร้านนี้เต็มไปด้วยเมนูนมค่ะ มีหลากหลายเมนูให้เลือกทั้งร้อนและเย็น ไม่ว่าจะเป็นนมสด กาแฟ ชาไทย นมชมพู นอกจากนี้ยังมีขนมปังหน้าต่างๆ อีกด้วย ใครอยากซื้อกลับบ้านทางร้านก็มีเช่นกันทั้งขนมปัง นมสดพร้อมดื่ม สังขยาเยิ้มๆ น่าทานมากๆ เอาล่ะ เราไปดูกันเลยว่าแอดสั่งอะไรมาทานบ้าง  ทางร้านแนะนำ ชุดสังขยาใบเตย มีสังขยาให้เลือก 2 รสชาติด้วยกันคือสังขยาใบเตยและสังขยาไข่ ขนมปังนุ่มๆ จิ้มกับสังขยาเยิ้มๆ ละมุนสุดๆ เลยค่ะราคาชุดเล็ก 40 บาท / ชุดใหญ่ 60 บาท ต่อด้วยเค้กนมสด ชิ้นละ 15 บาท แป้งเค้กนุ่มฟู ที่สำคัญคือหอมมาก ทานคู่กับเครื่องดื่มเข้ากันมากๆ เลยล่ะ เมนูนี้แอดอยากให้ทุกคนลองชิม แนะนำๆ  นมสดท่าดินแดงเปิดทุกวัน เวลา 12.00-21.00 น.โทร. 02 863 1361 หลังจากดื่มนมกันแล้ว เดินต่อมาอีกนิดจะเห็นซอยท่าดินแดง 11 เดินเลี้ยวขวาเข้าไปประมาณ 30 เมตรก็จะเห็นร้านตั้งอยู่ทางขวามือ ก๋วยจั๊บเจ้หลา (เจ้าเก่า) ท่าดินแดง เป็นอีกหนึ่งร้านที่เปิดขายมายาวนานกว่า 10 ปี เห็นร้านเล็กๆ แบบนี้ แต่ลูกค้าเข้ามาต่อเนื่องแบบไม่ขาดสายเลยนะจะบอกให้ ก๋วยจั๊บที่ทางร้านขายจะเป็นก๋วยจั๊บน้ำข้น ราคาเริ่มต้น 40-50 บาท หรือใครชอบทานเกาเหลาร้านนี้ก็อร่อยไม่แพ้กันเลยล่ะ แอดบอกเลยว่ารสชาติเข้มข้นมาก ไม่ต้องปรุงก็อร่อย เส้นก๋วยจั๊บเหนียวนุ่มกำลังดี หมูกรอบชิ้นใหญ่ เลือดก็นุ่มกัดไปมีความ juicy เบาๆ ก๋วยจั๊บเจ้หลา (เจ้าเก่า)เปิดทุกวัน เวลา 09.30-15.00 น.โทร. 085 905 3552 จัดเต็มกันต่อด้วยร้าน ตี๋ หมูสะเต๊ะ เจ้าดังของย่านนี้กันเลย ตั้งอยู่ริม ถ.ท่าดินแดง เดินตรงจากท่าเรือมาเรื่อยๆ จะสังเกตเห็นเตาหมูสะเต๊ะยาวๆ กำลังย่างไฟอยู่ น่าทานซะเหลือเกิน หมูสะเต๊ะของทางร้านมีให้เลือกทั้งแบบ หมูติดมัน หมูไม่ติดมัน และยังมีตับสะเต๊ะด้วย   แอดสั่งมา 10 ไม้เบาๆ ทั้งแบบหมูติดมันและไม่ติดมันเลย บอกเลยว่าหมูนุ่มมากๆ หอมกลิ่นเครื่องเทศ น้ำจิ้มก็ดี เข้มข้นและหอมถั่วมากกกกก ซึ่งแอดโปรดปรานที่สุด ทานคู่กับอาจาดก็อร่อยเข้ากัน ตัดเลี่ยนได้ดีเลยล่ะ แตงกวาสด กรอบ แอดจัดการเรียบเลย ฮ่าๆๆ นอกจากหมูแล้วยังมีตับสะเต๊ะอีกด้วยนะ ราคาก็จะแตกต่างกันไป เริ่มต้นที่ไม้ละ 7 บาท พร้อมแล้วลุยเลย! หมูสะเต๊ะน้ำและจิ้มยั่วๆ จ้า หากใครแวะไปแถวท่าดินแดงต้องห้ามพลาดเลยนะ.ตี๋หมูสะเต๊ะ ท่าดินแดงเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 07.30-23.00 น.(ปิดวันจันทร์เว้นจันทร์)โทร. 02 437 1172 มาต่อกันที่ร้าน เปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ อยู่ฝั่งตรงข้ามกับตี๋ หมูสะเต๊ะ เป็นร้าน street food ริมถนนท่าดินแดงค่ะ ร้านนี้เปิดมานานกว่า 70 ปี เรียกได้ว่าขายมาตั้งแต่รุ่นพ่อของเฮียไช้ ปัจจุบันได้ส่งต่อให้กับรุ่นหลานและยังเป็นร้านที่ลูกค้าติดใจไม่น้อยเลยล่ะ ร้านนี้เป็นสูตรโบราณและหาทานได้ยากแล้ว แอดได้เห็นกระบวนการห่อและส่วนประกอบต่างๆ ทุกอย่างสด ใหม่ น่าทานมากๆ แอดจัดมา 1 กล่อง บอกเลยว่าไส้แน่น ครบเครื่องและแป้งนุ่มไม่เหมือนร้านอื่น น้ำราดจะออกหวานๆ ทานคู่กับพริกมีรสชาติเปรี้ยวหน่อยๆ ตัดกันได้ดีเลยค่ะ ราคากล่องละ 50 บาท เปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ท่าดินแดงเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.00-14.00 น. (ปิดวันจันทร์)โทร. 098 967 3343 จากร้านเปาะเปี๊ยะสดเฮียไช้ ปิดท้ายกันที่ ข้าวพระรามลงสรงท่าดินแดง เดินผ่านสีแยกท่าดินแดงไปไม่ถึง 5 นาที ร้านตั้งอยู่ทางขวามือค่ะ ข้าวพระรามลงสรงเป็นเมนูอาหารจีนโบราณ ที่ปัจจุบันหากินได้ค่อนข้างยาก แต่ละร้านรสชาติของอาหารก็จะมีความโดดเด่นแตกต่างกันไป ซึ่งแอดเองก็เคยได้ยินชื่อเมนูนี้มาหลายครั้ง เพิ่งได้ลองชิมก็ที่นี่เจ้าแรกนี่แหละ  ส่วนประกอบในเมนูนี้มี ข้าวสวย ผักบุ้งลวก และเนื้อหมู ราดด้วยน้ำราดคล้ายๆ น้ำสะเต๊ะ ปิดท้ายด้วยพริกเผา ราคาจานละ 40-50 บาท รสชาติจะออกหวานนิดๆ รับประทานกับน้ำพริกเผาแล้วเข้ากันมากๆ แอดอยากให้เพื่อนๆ ได้ลองมาทาน เพราะทุกวันนี้หาทานได้ยากจริงๆ ค่ะ ถ้าจะให้อร่อยยิ่งขึ้นต้องทานคู่กับกุนเชียงสูตรเด็ดของร้าน นุ่ม หวาน อร่อยมากกก ข้าวพระรามลงสรง ท่าดินแดงเปิดวันอาทิตย์-ศุกร์ เวลา 06.30-15.30 น. (ปิดวันเสาร์)โทร. 02 437 4513, 081 774 4124  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 28 สิงหาคม 2562

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าดินแดง อ่านเพิ่มเติม

สะพายกล้อง เที่ยวอยุธยา

กรุงศรีอยุธยา เป็นราชธานีเก่าแก่ของไทยที่มีความเจริญรุ่งเรืองมาอย่างยาวนานถึง 417 ปี แม้จะถูกทำลายจากการศึกสงคราม แต่ก็ยังคงหลงเหลือโบราณสถานและโบราณวัตถุมากมาย ที่สะท้อนให้เห็นถึงความเจริญรุ่งเรืองในอดีตได้เป็นอย่างดี.ปัจจุบันอยุธยาได้กลายเป็นเมืองมรดกโลก ที่มีสถานที่ท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจมากมาย ที่นี่จึงเป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางที่หลายๆ คนอยากมาสัมผัส สำหรับสถานที่แรกที่ต้องอยู่ในลิสต์เส้นทางท่องเที่ยวของอยุธยานั่นก็คือ “วัดพระศรีสรรเพชญ์” เพราะวัดแห่งนี้ในอดีตเป็นวัดประจำพระบรมมหาราชวัง ใช้สำหรับประกอบพระราชพิธีสำคัญต่างๆ.ไฮไลท์ของวัดนี้ก็คือ เจดีย์ทรงระฆัง 3 องค์ ซึ่งภายในบรรจุพระบรมอัฐิของสมเด็จพระบรมไตรโลกนาถ สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 3 และสมเด็จพระรามาธิบดีที่ 2 เดิมระหว่างเจดีย์มีมณฑปคั่น แต่ได้หักพังไปหมดเหลือเพียงฐานและผนังบางส่วน แม้วัดจะทรุดโทรมลงไปมาก แต่ก็ยังคงความงามไว้ให้เราได้ชมกัน.มุมนี้เป็นมุมที่สามารถมองเห็นเจดีย์ได้ครบทั้ง 3 องค์ แม้ว่าจะเห็นแบบไม่เต็มองค์ แต่ก็มีองค์ประกอบอื่นๆ มาเสริม ทำให้ดูเก๋ไก๋ไปอีกแบบ วัดพระศรีสรรเพชญ์.ที่ตั้ง ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทตั๋วรวม ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท(สามารถเข้าชมได้ 6 วัด ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ วัดพระราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดไชยวัฒนาราม และวัดมเหยงคณ์ บัตรมีอายุ 30 วัน เข้าชมได้วัดละ 1 ครั้ง) ต่อมาเป็น “ป้อมเพชร” ป้อมปราการขนาดใหญ่และสำคัญของเมือง เป็นป้อมรูปทรงหกเหลี่ยม ตั้งอยู่บริเวณมุมทิศตะวันออกเฉียงใต้ของเกาะเมือง สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระมหาธรรมราชา.บริเวณนี้เป็นจุดที่แม่น้ำเจ้าพระยาและแม่น้ำป่าสักไหลมาบรรจบกัน เมื่อหันหน้าออกสู่แม่น้ำ เพื่อนๆ จะเห็นวิววัดพนัญเชิงและวัดบางกะจะด้วยค่ะ.ถ้าจะมาถ่ายรูปและชมวิวแม่น้ำ ณ ที่แห่งนี้ แอดแนะนำให้มาตอนเย็นนะคะ เพราะแดดไม่ร้อนมาก เพื่อนๆ จะได้มีรูปสวยๆ ติดไม้ติดมือกลับบ้านค่ะ ป้อมเพชร.ที่ตั้ง ถนนอู่ทอง ตำบลประตูชัย อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา “วัดราชบูรณะ” เป็นอีกหนึ่งโบราณสถานที่สำคัญ เพราะสร้างขึ้นบริเวณที่ถวายพระเพลิงพระศพเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา.จุดที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธานขนาดใหญ่ที่ก่อด้วยอิฐและศิลาแลง ภายในปรางค์มีกรุซึ่งเคยขุดพบสิ่งของมีค่าต่างๆ เช่น เครื่องราชูปโภคที่ทำด้วยทองคำ มงกุฎ พระพุทธรูป พระพิมพ์ และของมีค่าอื่นๆ อีกจำนวนมาก.ด้านหน้าปรางค์ทางทิศตะวันออกคือที่ตั้งของวิหารหลวง เมื่อมองจากด้านหน้าวิหารเข้ามา จะเห็นพระปรางค์อยู่ในกรอบประตูพอดี เมื่อถ่ายรูปจึงทำให้ดูดีมีมิติมากยิ่งขึ้นค่ะ . วัดราชบูรณะ.ที่ตั้ง ถนนชีกุน ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทตั๋วรวม ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท(สามารถเข้าชมได้ 6 วัด ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ วัดพระราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดไชยวัฒนาราม และวัดมเหยงคณ์ บัตรมีอายุ 30 วัน เข้าชมได้วัดละ 1 ครั้ง) “วัดมหาธาตุ” เป็นวัดสำคัญที่ตั้งอยู่ใจกลางเมือง มีปรางค์ขนาดใหญ่เป็นประธานของวัด สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 1 (ขุนหลวงพระงั่ว) เคยพังทลายลงในสมัยสมเด็จพระเจ้าทรงธรรม แต่ก็ได้มีการบูรณปฎิสังขรณ์ จนกระทั่งพังถล่มลงมาอีกครั้งในสมัยรัชกาลที่ 6 เหลือเพียงส่วนล่างของเรือนธาตุ.สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดแห่งนี้ นอกจากเศียรพระในต้นไม้แล้ว ยังมีเจดีย์แปดเหลี่ยม ซึ่งรูปแบบและลวดลายที่ปรากฏแสดงให้เห็นถึงอิทธิพลล้านนา พบเพียงองค์เดียวในอยุธยา.มุมนี้เพื่อนๆ สามารถเดินชิลๆ ถ่ายรูปเก๋ๆ คู่กับเจดีย์แปดเหลี่ยมได้ค่ะ วัดมหาธาตุ.ที่ตั้ง ถนนนเรศวร ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.30 น.ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทตั๋วรวม ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท(สามารถเข้าชมได้ 6 วัด ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ วัดพระราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดไชยวัฒนาราม และวัดมเหยงคณ์ บัตรมีอายุ 30 วัน เข้าชมได้วัดละ 1 ครั้ง) สำหรับใครที่ยังคงฟินและอินกับละครเรื่องบุพเพสันนิวาสอยู่ละก็ ต้องมาที่นี่เลย “วัดไชยวัฒนาราม” เพราะที่นี่เป็นหนึ่งในฉากสำคัญของละครเรื่องนี้.วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างขึ้นบริเวณนิวาสสถานเดิมของพระราชมารดา เพื่ออุทิศถวายเป็นพระราชกุศล และต่อมายังใช้เป็นที่ถวายพระเพลิงพระศพของพระบรมวงศานุวงศ์หลายพระองค์ด้วย สิ่งที่โดดเด่นที่สุดในวัดแห่งนี้ก็คือ ปรางค์ประธานที่ตั้งอยู่กึ่งกลางของวัด โดยมีปรางค์บริวารอยู่ที่มุมทั้ง 4.โดยมุมนี้เพื่อนๆ จะได้เห็นทั้งพระปรางค์และระเบียงคดที่มีพระพุทธรูปเรียงรายอยู่ รวมทั้งเมรุทิศเมรุรายทางด้านหลังด้วย วัดไชยวัฒนาราม.ที่ตั้ง หมู่ 2 ตำบลบ้านป้อม อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทตั๋วรวม ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาท(สามารถเข้าชมได้ 6 วัด ได้แก่ วัดพระศรีสรรเพชญ์และพระราชวังโบราณ วัดพระราม วัดราชบูรณะ วัดมหาธาตุ วัดไชยวัฒนาราม และวัดมเหยงคณ์ บัตรมีอายุ 30 วัน เข้าชมได้วัดละ 1 ครั้ง) ที่สุดท้ายคือ “วัดวรเชษฐ์” หรือ “วัดวรเชต” วัดแห่งนี้ตั้งอยู่นอกเกาะเมือง

สะพายกล้อง เที่ยวอยุธยา อ่านเพิ่มเติม

จุดชมวิวบ้านหัวแหลม จ.จันทบุรี

จุดชมวิวบ้านหัวแหลม ตั้งอยู่ใกล้กับท่าเทียบเรือประมงบ้านหัวแหลม อ.นายายอาม จ.จันทบุรี เลยเนินนางพญาไปราว 1 กิโลเมตร จุดชมวิวแห่งนี้มีสะพานไม้ทอดยาวสู่กลางทะเล ระยะทางประมาณ 50 เมตร สามารถเดินชมวิว ชมบรรยากาศชุมชนบ้านหัวแหลม และรับลมทะเลแบบชิลๆ ได้ และจุดสำคัญของที่นี่คือ “เจดีย์บ้านหัวแหลม” เจดีย์สีขาวเก่าแก่อายุกว่า 200 ปี ที่ตั้งอยู่บนโขดหินกลางทะเล นับเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ยึดเหนี่ยวจิตใจของชาวประมงในชุมชนแห่งนี้ เจดีย์อยู่ห่างจากผั่งราว 50 เมตร ในช่วงน้ำลดจะสามารถเดินไปถึงเจดีย์ได้ เมื่อเดินมาจนสุดสะพาน เราก็จะพบกับจุดสักการะเจดีย์ สามารถถวายธูปเทียน(ถวายเฉยๆ ไม่ต้องจุด) ดอกไม้ และพวงมาลัย ได้ตามศรัทธาเลย นอกจากนี้ จุดชมวิวแห่งนี้ถ้ามาตอนเย็นๆ ก็จะได้ชมวิวพระอาทิตย์ตกดินที่สวยไม่แพ้ที่ไหนอีกด้วยล่ะ จุดชมวิวบ้านหัวแหลมที่ตั้ง ต.สนามไชย อ.นายายอาม จันทบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น. การเดินทางจากตัวเมืองชลบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 344 และทางหลวงหมายเลข 3 มุ่งหน้าไปยังจันทบุรี ถึงสามแยกประแสร์ เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3162 เมื่อถึงแยกคลองปูน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ขับไปตามทางเรื่อยๆ ผ่านอ่าวคุ้งวิมานและเนินนางพญาไปราว 2 กิโลเมตร ก็จะถึงจุดชมวิวบ้านหัวแหลม เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 2 กรกฎาคม 2562

จุดชมวิวบ้านหัวแหลม จ.จันทบุรี อ่านเพิ่มเติม

วัดราชบูรณะ : กรุสมบัติสมัยกรุงศรีอยุธยา

วัดราชบูรณะ : กรุสมบัติสมัยกรุงศรีอยุธยา.วัดราชบูรณะ ตั้งอยู่บริเวณเชิงสะพานป่าถ่าน ตรงข้ามกับวัดมหาธาตุ ภายในเกาะเมืองพระนครศรีอยุธยา มีฐานะเป็นพระอารามหลวง สมเด็จพระบรมราชาธิราชที่ 2 (เจ้าสามพระยา) โปรดเกล้าฯ ให้สร้างวัดนี้ขึ้นเมื่อ พ.ศ.1967 บริเวณที่ถวายพระเพลิงพระศพเจ้าอ้ายพระยาและเจ้ายี่พระยา พระเชษฐาซึ่งสิ้นพระชนม์ลงเนื่องจากการรบเพื่อแย่งชิงราชสมบัติ ส่วนสถานที่ที่พระเชษฐาทั้ง 2 สิ้นพระชนม์นั้น โปรดเกล้าฯ ให้ก่อเจดีย์ 2 องค์ นามว่า เจดีย์เจ้าอ้ายพระยา-เจ้ายี่พระยาเพื่อเป็นอนุสรณ์ ปัจจุบันอยู่บริเวณเกาะกลางถนน ตรงแยกถนนนเรศวรตัดกับถนนชีกุน หรือทางด้านหน้ากึ่งกลางระหว่างวัดมหาธาตุกับวัดราชบูรณะ วัดราชบูรณะเป็นพระอารามหลวงขนาดใหญ่ ภายในประกอบด้วยสิ่งก่อสร้างต่างๆ มากมาย ที่เป็นแกนหลักสำคัญของวัดคือ ปรางค์ประธานที่ล้อมรอบด้วยระเบียงคด มีวิหารตั้งอยู่ด้านหน้าทางทิศตะวันออก และอุโบสถตั้งอยู่ด้านหลังทางทิศตะวันตกในแนวแกนเดียวกัน แม้จะเหลือเพียงซากโบราณสถาน เราก็ยังสัมผัสได้ถึงร่องรอยของความยิ่งใหญ่และความรุ่งเรืองในอดีต วิหารหลวง ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดทางทิศตะวันออก มีลักษณะแผนผังตามแบบวัดในสมัยอยุธยาตอนต้น ที่บริเวณท้ายวิหารจะยื่นล้ำเข้าไปในแนวระเบียงคด ภายในอาคารปรากฏการเจาะช่องหน้าต่างเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า ด้านหน้ามีลวดลายปูนปั้นประดับหน้าบันซุ้มประตู ซึ่งเป็นการบูรณะในสมัยหลัง ปรางค์ประธานเป็นศิลปะอยุธยาตอนต้น ก่อด้วยอิฐและศิลาแลงตั้งอยู่บนฐานไพทีศิลาแลง บนฐานไพทียังมีเจดีย์ประจำมุมและเจดีย์บริวารอีกหลายองค์ ด้านทิศตะวันออกของปรางค์ทำมุขใหญ่ยื่นออกมาเป็นทางเข้า บนสันหลังคาของมุขประดับด้วยเจดีย์ทรงระฆังขนาดเล็กเรียกว่า “เจดีย์ยอด” ส่วนอีก 3 ด้านเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปูนปั้น ตามส่วนต่างๆ ของปรางค์ยังคงมีลวดลายปูนปั้นหลงเหลือให้เห็นอยู่ ที่โดดเด่นก็คือประติมากรรมปูนปั้นรูปครุฑ ยักษ์ เทวดา และนาค ที่ประดับอยู่เหนือเรือนธาตุ ภายในองค์ปรางค์มีกรุ 2 กรุ ซึ่งเรียงกันลงไปแนวดิ่ง ทั้ง 2 กรุมีภาพจิตรกรรมฝาผนังสมัยอยุธยาตอนต้น ที่แสดงให้เห็นถึงอิทธิพลศิลปะจีน ซึ่งปัจจุบันเลือนรางมากแล้ว และที่กรุชั้นล่างนี้ยังเคยเป็นที่เก็บเครื่องทองของมีค่าต่างๆ เป็นจำนวนมากด้วย โดยปกติแล้วกรุเป็นที่เก็บพระพุทธรูปและของมีค่าต่างๆ ที่ผู้ศรัทธาถวายไว้เป็นพุทธบูชา เมื่อสร้างเสร็จก็จะปิดตาย แต่เมื่อ พ.ศ.2500 ได้มีคนร้ายลักลอบเข้าไปขุดหาของมีค่าในกรุปรางค์ประธานวัดราชบูรณะ กรมศิลปากรจึงต้องดำเนินการขุดแต่ง ซึ่งก็ได้พบเครื่องราชูปโภคที่ทำด้วยทองคำ พระพิมพ์ และของมีค่าอื่นๆ เป็นจำนวนมาก จึงได้นำพระพิมพ์ส่วนหนึ่งให้ประชาชนเช่าไปบูชา เพื่อนำเงินมาสร้างพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ เจ้าสามพระยา และนำสิ่งของต่างๆ ที่ได้จากกรุมาเก็บไว้ที่พิพิธภัณฑ์แห่งนี้ นอกจากนี้กรมศิลปากรยังได้ทำบันไดทอดลงสู่ด้านในของปรางค์ เพื่อให้นักท่องเที่ยวสามารถลงไปชมภาพจิตรกรรมภายในกรุได้ด้วย แต่ตอนนี้กรุปิดเนื่องจากกำลังบูรณะอยู่ค่ะ ด้านหลังปรางค์เป็นอุโบสถตั้งอยู่ทางทิศตะวันตก ซึ่งยังคงปรากฏซากของตัวอาคารและใบเสมาหลงเหลืออยู่ นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีสิ่งก่อสร้างอื่นๆ อีกเป็นจำนวนมาก เช่น วิหารราย เจดีย์รายรูปทรงต่างๆ ฯลฯ ที่ตั้ง : ภายในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา ตำบลท่าวาสุกรี อำเภอพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.โทร. 035 242 525พิกัด : https://goo.gl/maps/u8pignHRWDUz9o4eA ค่าเข้าชม : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาท นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วรวมเข้าชมวัดในอุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยาได้ชาวไทย 40 บาท ชาวต่างชาติ 220 บาทโดยบัตรมีอายุ 30 วัน เข้าชมได้ 6 วัด (วัดละ 1 ครั้ง) ได้แก่– วัดพระศรีสรรเพชญ์ และพระราชวังโบราณ– วัดพระราม– วัดราชบูรณะ– วัดมหาธาตุ– วัดไชยวัฒนาราม– วัดมเหยงคณ์ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 27 มิถุนายน 2562

วัดราชบูรณะ : กรุสมบัติสมัยกรุงศรีอยุธยา อ่านเพิ่มเติม

เพชรบุรี จังหวัดเดียวเที่ยวได้ 3 วัง

วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ ไปชมความงดงามของพระราชวังทั้ง 3 แห่งในจังหวัดเพชรบุรีกัน– พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืน– พระนครคีรี (เขาวัง)– พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืน ที่ตั้ง : ถนนราชดำริห์ ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรีเปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.ค่าเข้าชม : ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทโทร. 032 242 8506-10 ต่อ 259.พระรามราชนิเวศน์ หรือ พระราชวังบ้านปืน เป็นพระราชวังที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว มีพระราชประสงค์ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับแรมในฤดูฝน ออกแบบโดยนายคาร์ล ดอห์ริง ชาวเยอรมัน แต่สร้างยังไม่แล้วเสร็จ ก็เสด็จสวรรคตเสียก่อน พระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างต่อจนแล้วเสร็จใน พ.ศ.2459 ในสมัยรัชกาลที่ 7 ที่นี่เคยใช้เป็นที่ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง เป็นที่ตั้งโรงเรียนผู้กำกับลูกเสือ โรงเรียนฝึกหัดครูเกษตรกรรม และโรงเรียนประชาบาลประจำตำบลด้วย มีลักษณะเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป 2 ชั้น หลังคาด้านเหนือเป็นทรงโดม ส่วนยอดตรงกลางคล้ายหอคอย มีสนาม (court) อยู่ภายใน ซึ่งเดิมเป็นสนามแบดมินตัน แต่ภายหลังได้ปรับปรุงให้เป็นสวนหย่อมที่มีน้ำพุอยู่ตรงกลาง ภายในประกอบด้วยห้องต่างๆ รวม 44 ห้อง ได้แก่ ท้องพระโรงกลาง ห้องเสวย ห้องบรรทมพระเจ้าอยู่หัว ห้องบรรทมพระราชินี และห้องทรงพระอักษร เป็นต้น อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี (เขาวัง) ที่ตั้ง : ถนนคีรีรัถยา ตำบลคลองกระแชง อำเภอเมืองเพชรบุรี จังหวัดเพชรบุรีเปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.ค่าเข้าชม : ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 150 บาทนักท่องเที่ยวสามารถเดินขึ้น หรือโดยสารรถรางไฟฟ้า ค่าบริการไป-กลับ ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็ก (อายุไม่เกิน 12 ปี) 15 บาทโทร. 032 425 600, 032 428 539.พระนครคีรี หรือ เขาวัง เป็นโบราณสถานเก่าแก่คู่เมืองเพชรบุรี ตั้งอยู่บนยอดเขา 3 ยอด ที่เดิมชาวบ้านเรียกกันว่า “เขาสมน” ต่อมาพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังสำหรับเสด็จแปรพระราชฐานขึ้นบนภูเขาแห่งนี้ แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ.2403 พระราชทานนามว่า “พระนครคีรี” แต่ชาวบ้านนิยมเรียกกันว่า “เขาวัง” พระนครคีรี ประกอบด้วยพระที่นั่ง พระตำหนัก วัด และกลุ่มอาคารต่างๆ มากมาย ส่วนใหญ่เป็นสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนีโอคลาสสิคผสมกับสถาปัตยกรรมจีน สถานที่ที่น่าสนใจ ได้แก่ – วัดมหาสมณาราม ตั้งอยู่บริเวณไหล่เขาด้านทิศตะวันออก เป็นวัดเก่าแก่สมัยอยุธยาที่พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงบูรณะขึ้นใหม่ ภายในอุโบสถมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง จิตรกรเอกในสมัยนั้น – วัดพระแก้วน้อย เป็นวัดประจำพระราชวังพระนครคีรี ตั้งอยู่บนยอดเขาด้านทิศตะวันออก ภายในมีสิ่งก่อสร้างต่างๆ ได้แก่ อุโบสถขนาดเล็กประดับด้วยหินอ่อน พระสุทธเสลเจดีย์ เจดีย์หินอ่อนสีเทาอมเขียว และพระปรางค์แดง ปรางค์ที่ตั้งแต่ชั้นเรือนธาตุขึ้นไปมีลักษณะโปร่ง ต่างจากปรางค์ทั่วไป – พระธาตุจอมเพชร ตั้งอยู่บนเขายอดกลาง เป็นเจดีย์ทรงระฆังสีขาวขนาดใหญ่ ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ – พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนครคีรี ตั้งอยู่บนยอดเขาด้านทิศตะวันตก บริเวณพระที่นั่งเพชรภูมิไพโรจน์ และพระที่นั่งปราโมทย์มไหสวรรย์ ภายในเก็บรักษาโบราณวัตถุต่างๆ ได้แก่ เครื่องราชูปโภคของพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว  อุทยานประวัติศาสตร์พระนครคีรี จะจัดงาน “พระนครคีรี-เมืองเพชร” ในเดือนกุมภาพันธ์ของทุกปี โดยจะมีการประดับไฟสวยงามตามสถานที่ต่างๆ บนพระนครคีรี มีการแสดงทางศิลปวัฒนธรรมและการแสดงพื้นบ้าน มีการออกร้านจำหน่ายสินค้าหลากหลายชนิด รวมทั้งสลากกาชาด และที่พลาดไม่ได้คือ การแสดงพลุสุดยิ่งใหญ่ทุกค่ำคืน พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน ที่ตั้ง : ค่ายพระรามหก ถนนเพชรเกษม ตำบลห้วยทรายเหนือ อำเภอชะอำ จังหวัดเพชรบุรีเปิดวันพฤหัสบดี-วันอังคาร (ปิดวันพุธ) เวลา 08.30-16.00 น.ค่าเข้าชม : ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 15 บาท (ชมได้เฉพาะด้านนอก เนื่องจากอาคารกำลังอยู่ระหว่างบูรณะ)โทร. 032 508 444-5.พระราชนิเวศน์มฤคทายวัน อยู่ในบริเวณค่ายพระรามหก เป็นพระราชวังที่ประทับริมทะเลซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าฯ ให้รื้อพระตำหนักที่หาดเจ้าสำราญมาปลูกขึ้นใหม่ใน พ.ศ.2466 ที่นี่ได้รับการขนานนามว่า “พระราชนิเวศน์แห่งความรักและความหวัง”  พระราชวังแห่งนี้มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบไทยผสมยุโรป คือเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง สร้างด้วยไม้สักทอง เน้นความเรียบง่ายและโปร่งโล่ง เพื่อให้เข้ากับสภาพธรรมชาติและภูมิอากาศของชายทะเล ประกอบด้วยหมู่พระที่นั่ง 3 หมู่ ได้แก่ หมู่พระที่นั่งสโมสรเสวกามาตย์ หมู่พระที่นั่งสมุทพิมาน และหมู่พระที่นั่งพิศาลสาคร รวมทั้งหมด 16 หลัง เชื่อมต่อกันด้วยระเบียงทางเดินมีหลังคา นอกจากนี้ ในบริเวณพระราชนิเวศน์มฤคทายวันยังมีสวนที่สร้างขึ้นโดยได้รับแรงบันดาลใจมาจากบทพระราชนิพนธ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้แก่ สวนเวนิสวานิช สวนศกุนตลา สวนมัทนะพาธา และสวนวิวาห์พระสมุทร อีกด้วย เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 22 มิถุนายน 2562

เพชรบุรี จังหวัดเดียวเที่ยวได้ 3 วัง อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top