สถานที่ท่องเที่ยว

เที่ยวตามคำขวัญ : ตรัง

เที่ยวตามคำขวัญ : ตรัง เมืองพระยารัษฎา ชาวประชาใจกว้าง หมูย่างรสเลิศ ถิ่นกำเนิดยางพารา เด่นสง่าดอกศรีตรัง ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม น้ำตกสวยตระการตา ใครจะไปเชื่อว่า จังหวัดเดียว แต่มีสถานที่ท่องเที่ยวและอาหารที่โดดเด่นครบถ้วน ซึ่งคำขวัญประจำจังหวัดก็ได้ยกเอาสิ่งเหล่านั้นมาชูให้เป็นที่รู้จักมากขึ้น “เมืองพระยารัษฎา ชาวประชาใจกว้าง” พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี หรือ นายคอซิมบี๊ ณ ระนอง คือผู้สร้างคุณูปการให้แก่เมืองตรังมากมายหลายด้าน อาทิ การคมนาคม เกษตรกรรม กสิกรรม การศึกษา การปกครอง ฯลฯ จึงไม่แปลกใจเลยว่า ทำไมชาวตรังจึงเคารพรักและระลึกถึงท่านอยู่เสมอ ไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานแค่ไหน สำหรับใครที่ไปเมืองตรัง สามารถย้อนอดีตไปสู่ความรุ่งเรืองในวันวานกับ “จวนเก่าเจ้าเมืองตรัง” ซึ่งปัจจุบันเป็นพิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี ภายในพิพิธภัณฑ์มีหุ่นขี้ผึ้งของพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี และจัดแสดงเครื่องมือเครื่องใช้ในชีวิตประจำวันของท่านเอาไว้อย่างครบถ้วน โดยมีทายาทตระกูล ณ ระนอง เป็นผู้ดูแลรักษา พิพิธภัณฑ์พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดีที่ตั้ง : เทศบาลกันตัง อ.กันตัง จ.ตรังไม่เสียค่าเข้าชมเปิดวันอังคาร – อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์)ตั้งแต่เวลา 8.00 – 16.30 น. “หมูย่างรสเลิศ” ตรัง เมืองเล็กๆ ที่น่ารัก ได้รับการนิยามว่าเป็นยุทธจักรแห่งการกิน เพราะแต่ละมุมเมืองล้วนมากมายไปด้วยร้านเด็ดน่าชิม ซึ่งเมนูเด็ดที่ไปแล้วห้ามพลาดเลยก็คือ “หมูย่างเมืองตรัง” ที่ไม่ว่าใครที่ได้ลิ้มลอง ต่างก็พูดออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่า อร่อย!! ความโดดเด่นของหมูย่างเมืองตรังคือ ความกรอบของหนังหมูที่กรอบกำลังพอดี เนื้อนุ่ม รสชาติอร่อยกลมกล่อม ทำให้นักชิมติดใจมานักต่อนักแล้ว “ถิ่นกำเนิดยางพารา” การนำต้นยางพารามาปลูกในไทยเป็นครั้งแรกนั้น เกิดจากความคิดของพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) เมื่อครั้งที่ท่านไปดูงานที่มลายู ต่อมา พ.ศ.2444 ท่านจึงได้ให้พระสถลสถานพิทักษ์ หลานชายของท่าน นำเมล็ดของต้นยางพารามาจากอินโดนีเซีย มาปลูกที่อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง เป็นที่แรก ก่อนแพร่หลายไปสู่หลายๆ จังหวัดในภาคใต้ จึงถือกันว่าพระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดีเป็น “บิดาแห่งยางพาราไทย” ปัจจุบันต้นยางพารากลุ่มแรกที่ได้ปลูกไว้ที่อำเภอกันตัง เหลือให้เห็นเพียงต้นเดียว อยู่บริเวณหน้าสหกรณ์การเกษตรกันตังนั่นเอง “เด่นสง่าดอกศรีตรัง” พระยารัษฎานุประดิษฐ์มหิศรภักดี (คอซิมบี๊ ณ ระนอง) เป็นผู้ที่นำต้นศรีตรังมาปลูกที่เมืองตรังเป็นครั้งแรกเมื่อ พ.ศ.2444 และในเวลาต่อมาดอกศรีตรังก็ได้รับการกำหนดให้เป็นพันธุ์ไม้พระราชทานประจำจังหวัด และยังเป็นดอกไม้ประจำจังหวัดตรังอีกด้วย ต้นศรีตรังเป็นไม้ที่ปลูกง่าย เติบโตได้ดีในดินทุกชนิด ชอบแดดจัด แต่ก็ต้องให้น้ำเป็นประจำ สามารถปลูกได้ด้วยการเพาะเมล็ด ระหว่างปลายเดือนธันวาคม ถึงเดือนมีนาคมของทุกปี ต้นศรีตรังจะออกดอกบานสะพรั่งสวยงามทั่วจังหวัดตรัง ใครไปเที่ยวช่วงนั้นแอดบอกเลยว่า มองไปทางไหนก็จะเห็นดอกสีม่วงๆ ไปทั่วทุกพื้นที่ สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ เลยล่ะ “ปะการังใต้ทะเล เสน่ห์หาดทรายงาม” จังหวัดตรังตั้งอยู่ริมฝั่งทะเลอันดามัน ซึ่งเป็นทะเลที่มีน้ำใสสีคราม มีสัตว์น้ำนานาพันธุ์ ปะการังหลากหลายชนิด และหาดทรายยาวขาวละเอียด สถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลของตรังหลายๆ ที่ มีชื่อเสียงและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยว เช่น เกาะมุก ถ้ำมรกต เกาะเชือก เกาะแหวน เกาะเหลาเหลียง และเกาะกระดาน เป็นต้น “น้ำตกสวยตระการตา” นอกจากทะเลที่สวยงามแล้ว จังหวัดตรัง ก็ยังมีน้ำตกอีกหลายแห่ง ที่นักท่องเที่ยวสามารถเดินทางไปเล่นน้ำและชมความงดงามของธรรมชาติได้ เช่น น้ำตกโตนเต๊ะ น้ำตกโตนตก น้ำตกไพรสวรรค์ และน้ำตกกะช่อง เป็นต้น ในภาพคือ น้ำตกกะช่อง เป็นอีกหนึ่งสถานที่ที่นักท่องเที่ยวนิยมไปเล่นน้ำและพักผ่อนหย่อนใจ บนหน้าผาชั้นที่ 7 ของน้ำตกกะช่อง ยังมีจารึกพระปรมาภิไธยย่อ ภปร. และ สก. ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร และสมเด็จพระบรมราชชนนีพันปีหลวง ได้ทรงจารึกไว้เมื่อครั้งเสด็จฯ เยี่ยมราษฏรภาคใต้ครั้งแรก พ.ศ.2502 แม้เวลาจะผ่านไปหลายสิบปี แต่จารึกนั้นยังคงชัดเจนจวบจนปัจจุบัน น้ำตกกะช่องที่ตั้ง : ต.ช่อง อ.นาโยง จ.ตรัง เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 28 พฤษภาคม 2562

เที่ยวตามคำขวัญ : ตรัง อ่านเพิ่มเติม

จุดชมวิวเนินนางพญา จ.จันทบุรี

“จุดชมวิวเนินนางพญา” ตั้งอยู่ริมถนนเฉลิมบูรพาชลทิต บริเวณหาดคุ้งวิมาน จ.จันทบุรี.ที่นี่เป็นจุดชมวิวยอดฮิต ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ทั้งที่จอดรถ ร้านอาหาร และยังมีเลนสำหรับจักรยานตลอดแนวถนนอีกด้วย.ที่จุดชมวิวเนินนางพญาแห่งนี้ สามารถมองเห็นวิวทะเลกับถนนที่คดเคี้ยวสวยงาม รวมทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยล่ะ อีกฝั่งของจุดชมวิว เราจะเห็นท้องทะเลสีฟ้า เห็นแหลมของหาดคุ้งวิมานที่ยื่นออกไปในทะเล และเกาะเล็กเกาะน้อยต่างๆ สวยงามมากๆ นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพกับวิวสวยๆ ที่นี่กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคู่รักนิยมนำกุญแจมาคล้องที่รั้ว ตามความเชื่อที่ว่าจะทำให้ความรักยืนยาว โรแมนติกไปอีก ซึ่งหากไปตอนเย็นๆ เราจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม ทั้งยังได้เห็นแนวถนนเฉลิมบูรพาชลทิตที่คดโค้งเป็นรูปตัวเอส (s) ลัดเลาะตามแนวชายทะเลได้อย่างชัดเจน สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยล่ะ.จุดชมวิวเนินนางพญาการเดินทางจากตัวเมืองชลบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 344 และทางหลวงหมายเลข 3 มุ่งหน้าไปยังจันทบุรี ถึงสามแยกประแสร์ เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3162 เมื่อถึงแยกคลองปูน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ขับไปตามทางเรื่อยๆ เลยอ่าวคุ้งวิมานไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงเนินนางพญา เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 16 เมษายน 2562

จุดชมวิวเนินนางพญา จ.จันทบุรี อ่านเพิ่มเติม

จุดชมวิวเนินนางพญา จ.จันทบุรี

“จุดชมวิวเนินนางพญา” ตั้งอยู่ริมถนนเฉลิมบูรพาชลทิต บริเวณหาดคุ้งวิมาน จ.จันทบุรี.ที่นี่เป็นจุดชมวิวยอดฮิต ที่มีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ทั้งที่จอดรถ ร้านอาหาร และยังมีเลนสำหรับจักรยานตลอดแนวถนนอีกด้วย.ที่จุดชมวิวเนินนางพญาแห่งนี้ สามารถมองเห็นวิวทะเลกับถนนที่คดเคี้ยวสวยงาม รวมทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยล่ะ อีกฝั่งของจุดชมวิว เราจะเห็นท้องทะเลสีฟ้า เห็นแหลมของหาดคุ้งวิมานที่ยื่นออกไปในทะเล และเกาะเล็กเกาะน้อยต่างๆ สวยงามมากๆ นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายภาพกับวิวสวยๆ ที่นี่กันเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะคู่รักนิยมนำกุญแจมาคล้องที่รั้ว ตามความเชื่อที่ว่าจะทำให้ความรักยืนยาว โรแมนติกไปอีก ซึ่งหากไปตอนเย็นๆ เราจะได้ชมพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม ทั้งยังได้เห็นแนวถนนเฉลิมบูรพาชลทิตที่คดโค้งเป็นรูปตัวเอส (s) ลัดเลาะตามแนวชายทะเลได้อย่างชัดเจน สวยไม่แพ้ตอนกลางวันเลยล่ะ.จุดชมวิวเนินนางพญาการเดินทางจากตัวเมืองชลบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 344 และทางหลวงหมายเลข 3 มุ่งหน้าไปยังจันทบุรี ถึงสามแยกประแสร์ เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3162 เมื่อถึงแยกคลองปูน ให้เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ถนนเฉลิมบูรพาชลทิต ขับไปตามทางเรื่อยๆ เลยอ่าวคุ้งวิมานไปประมาณ 1.5 กิโลเมตร ก็จะถึงเนินนางพญา เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 16 เมษายน 2562

จุดชมวิวเนินนางพญา จ.จันทบุรี อ่านเพิ่มเติม

Long time no SEA : หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

พูดถึงทะเลประจวบฯ เพื่อนๆ ก็คงจะนึกถึงชายหาดหัวหินกันใช่มั้ย แต่ถ้าไม่ใช่หัวหินล่ะ จะไปที่ไหนกันดี?.แอดแนะนำที่นี่เลย หาดวนกร ภายในอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปแล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะสวยไม่แพ้หัวหิน แถมยังเงียบสงบเหมาะสำหรับการมาพักกายพักใจสุดๆ ภายในอุทยานมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์อยู่ริมทะเลเลยล่ะ ท่ามกลางสวนสนที่เรียงรายเป็นแถวสวยงาม นอกจากเต็นท์แล้วก็ยังมีบ้านพักไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย.พอมาถึง ใจแอดก็วิ่งลงทะเลไปซะเเล้ว แต่ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะเราต้องไปจัดแจงกางเต็นท์ และเคลียร์สัมภาระให้เสร็จ จากนั้นก็ลุยเลยจ้า.แต่!! มาถึงที่นี่แล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่แอดไม่อยากให้พลาด นั่นก็คือ การดำน้ำดูปะการังที่เกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์นั่นเอง แนะนำว่าต้องติดต่อจองคิวล่วงหน้ากับทางอุทยานฯ นะคะ เพราะว่าเต็มเร็วมากๆ นักท่องเที่ยวสามารถนำเต็นท์มาเอง หรือจะเช่าของอุทยานฯ ก็ได้ ได้เต็นท์แล้วก็เลือกทำเลกันได้เลย ส่วนบ้านพักอุทยานฯ ก็อยู่ไม่ไกลกัน บริเวณด้านหลังจุดกางเต็นท์นี่เอง.ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะนำอุปกรณ์มาทำอาหารทานกันเองด้วย ซึ่งมาแบบนี้ก็ต้องล้อมวงทานบาร์บีคิวหอมๆ และอาหารทะเลสดๆ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดน่ะสิ แต่สำหรับใครที่่ไม่อยากทำเอง ที่นี่เค้าก็มีร้านค้าสวัสดิการด้วย เปิดทุกวันเวลา 08.00 – 17.00 น. ถ้าใครอยากมาเที่ยวพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน มานอนรับลมชิลๆ ดูต้นสนพลิ้วไหวไปมา ได้เล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการัง ที่นี่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ———————————————————–หาดวนกรที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติหาดวนกร หมู่ 7 ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 15 เมษายน 2562

Long time no SEA : หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อ่านเพิ่มเติม

Long time no SEA : หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์

พูดถึงทะเลประจวบฯ เพื่อนๆ ก็คงจะนึกถึงชายหาดหัวหินกันใช่มั้ย แต่ถ้าไม่ใช่หัวหินล่ะ จะไปที่ไหนกันดี?.แอดแนะนำที่นี่เลย หาดวนกร ภายในอุทยานแห่งชาติหาดวนกร ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ ไปแล้วไม่มีผิดหวังแน่นอน เพราะสวยไม่แพ้หัวหิน แถมยังเงียบสงบเหมาะสำหรับการมาพักกายพักใจสุดๆ ภายในอุทยานมีพื้นที่สำหรับกางเต็นท์อยู่ริมทะเลเลยล่ะ ท่ามกลางสวนสนที่เรียงรายเป็นแถวสวยงาม นอกจากเต็นท์แล้วก็ยังมีบ้านพักไว้รองรับนักท่องเที่ยวอีกด้วย.พอมาถึง ใจแอดก็วิ่งลงทะเลไปซะเเล้ว แต่ต้องอดใจไว้ก่อน เพราะเราต้องไปจัดแจงกางเต็นท์ และเคลียร์สัมภาระให้เสร็จ จากนั้นก็ลุยเลยจ้า.แต่!! มาถึงที่นี่แล้ว ยังมีอีกหนึ่งกิจกรรมที่แอดไม่อยากให้พลาด นั่นก็คือ การดำน้ำดูปะการังที่เกาะจาน-เกาะท้ายทรีย์นั่นเอง แนะนำว่าต้องติดต่อจองคิวล่วงหน้ากับทางอุทยานฯ นะคะ เพราะว่าเต็มเร็วมากๆ นักท่องเที่ยวสามารถนำเต็นท์มาเอง หรือจะเช่าของอุทยานฯ ก็ได้ ได้เต็นท์แล้วก็เลือกทำเลกันได้เลย ส่วนบ้านพักอุทยานฯ ก็อยู่ไม่ไกลกัน บริเวณด้านหลังจุดกางเต็นท์นี่เอง.ส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวมักจะนำอุปกรณ์มาทำอาหารทานกันเองด้วย ซึ่งมาแบบนี้ก็ต้องล้อมวงทานบาร์บีคิวหอมๆ และอาหารทะเลสดๆ พร้อมน้ำจิ้มรสเด็ดน่ะสิ แต่สำหรับใครที่่ไม่อยากทำเอง ที่นี่เค้าก็มีร้านค้าสวัสดิการด้วย เปิดทุกวันเวลา 08.00 – 17.00 น. ถ้าใครอยากมาเที่ยวพักผ่อนในบรรยากาศที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน มานอนรับลมชิลๆ ดูต้นสนพลิ้วไหวไปมา ได้เล่นน้ำ ดำน้ำดูปะการัง ที่นี่ก็น่าสนใจไม่น้อยเลยล่ะ———————————————————–หาดวนกรที่ตั้ง : อุทยานแห่งชาติหาดวนกร หมู่ 7 ตำบลห้วยยาง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 15 เมษายน 2562

Long time no SEA : หาดวนกร จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ อ่านเพิ่มเติม

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง

1. วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพฯ วัดอรุณราชวราราม เป็นวัดเก่าแก่ที่มีมาตั้งแต่ครั้งกรุงศรีอยุธยา ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในช่วงสมัยรัชกาลที่ 2 และรัชกาลที่ 3 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ จุดเด่นของวัดแห่งนี้คือ “พระปรางค์” ซึ่งมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่สวยงามโดดเด่นที่สุดวัดหนึ่งของไทย หากมองจากฝั่งพระนครไปยังวัดอรุณฯ ในช่วงพลบค่ำ ก็จะเห็นภาพดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าที่ด้านหลังของพระปรางค์พอดิบพอดี องค์ประกอบต่างๆ ล้วนทำให้เกิดเป็นภาพที่สวยงามลงตัวอย่างน่าอัศจรรย์ วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหารที่ตั้ง : ถ.วังเดิม แขวงวัดอรุณ เขตบางกอกใหญ่ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 8.30-17.30 น. 2. วัดไชยวัฒนาราม จ.พระนครศรีอยุธยา ในช่วงปีที่ผ่านมา วัดไชยวัฒนารามเป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวสุดฮิต เนื่องจากเป็นฉากหนึ่งในละครเรื่องบุพเพสันนิวาสทีโด่งดังไปทั่ว ทำให้มีผู้คนเดินทางมาตามรอยละครกันมากมาย วัดไชยวัฒนาราม เป็นวัดเก่าแก่ที่สร้างในสมัยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง โดยจำลองรูปแบบการก่อสร้างมาจากปราสาทนครวัด มีพระปรางค์องค์ใหญ่เป็นประธานของวัด และมีปรางค์บริวารอยู่ที่มุมทั้ง 4 รอบพระปรางค์ล้อมรอบด้วยระเบียงคด ซึ่งมีเมรุทิศ เมรุราย อยู่ที่มุมและด้านของระเบียงคด นับเป็นโบราณสถานที่สวยงามตระการตาอีกแห่งหนึ่ง ในยามเย็นช่วงพระอาทิตย์ตกดิน แสงที่สาดส่องมายังโบราณสถาน ทำให้เกิดมุมมองที่แปลกตา สวยงามไม่แพ้กลางวันเลย วัดไชยวัฒนารามที่ตั้ง : อุทยานประวัติศาสตร์พระนครศรีอยุธยา อ.พระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 3. ปราสาทหินพนมรุ้ง จ.บุรีรัมย์ หลายๆ คนอาจจะตั้งตารอชมปรากฏการณ์ที่ดวงอาทิตย์ขึ้นตรง 15 ช่องประตู ซึ่งใน 1 ปีจะเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งเท่านั้น แต่วันนี้แอดอยากจะบอกว่า ไม่ต้องรอให้ถึงช่วงเวลานั้น เราก็มีรูปสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน ยามดวงอาทิตย์คล้อยลงต่ำ เตรียมจะลาลับขอบฟ้า เงาของปราสาทจะบดบังดวงอาทิตย์ ทำให้ปราสาทดูลึกลับและเต็มไปด้วยมนต์ขลังมากยิ่งขึ้น ปราสาทหินพนมรุ้งที่ตั้ง : ต.ตาเป๊ก อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.บุรีรัมย์เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 4. สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ตาก สะพานแห่งนี้ถือเป็นจุดชมวิวแม่น้ำปิงที่สวยงามที่สุดแห่งหนึ่งของ จ.ตาก เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะช่วงที่ดวงอาทิตย์ขึ้นและตก เราจะเห็นดวงอาทิตย์อยู่ตรงกับแนวสะพานพอดี เป็นภาพที่สวยงามมากๆ นอกจากนี้ ในช่วงเทศกาลลอยกระทงของทุกปี บริเวณสะพานแห่งนี้ยังใช้เป็นสถานที่จัดงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง ซึ่งเป็นประเพณีท้องถิ่นของจังหวัดที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใครอีกด้วย สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปีที่ตั้ง : อ.เมือง จ.ตาก 5. อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย จ.สุโขทัย อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย มรดกโลกที่สำคัญของไทย ร่องรอยความเจริญรุ่งเรืองของอาณาจักรสุโขทัยเมื่อกว่า 700 ปีก่อน ภายในอุทยานฯ เต็มไปด้วยโบราณสถานมากมายที่แม้จะปรักหักพังแต่ก็เต็มไปด้วยคุณค่าทั้งทางประวัติศาสตร์และทางจิตใจ ในช่วงเวลาโพล้เพล้ บริเวณสระน้ำหน้าวัดมหาธาตุนี่แหละคือสถานที่ยอดนิยมสำหรับนักถ่ายภาพ ภาพความยิ่งใหญ่ของโบราณสถานยามอาทิตย์อัสดงที่สะท้อนลงบนผิวน้ำนั้น งดงามเกินบรรยายจริงๆ อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัยที่ตั้ง : ต.เมืองเก่า อ.เมือง จ.สุโขทัยเปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. 6. กว๊านพะเยา จ.พะเยา กว๊านพะเยาเป็นบึงน้ำที่เกิดจากการรวมตัวของลำห้วยต่างๆ ถึง 18 สาย เป็นบึงที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในภาคเหนือ และใหญ่เป็นอันดับ 4 ของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลากว่า 50 ชนิดด้วย คำว่า “กว๊าน” หมายถึง หนองน้ำ หรือบึงน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นคำที่ใช้เฉพาะที่จังหวัดพะเยาแห่งเดียวเท่านั้น ทัศนียภาพรอบกว๊านร่มรื่น มองเห็นแนวทิวเขาสลับซับซ้อนสวยงาม บริเวณริมกว๊านมีร้านอาหารและสวนสาธารณะ ซึ่งสามารถมาเดินเล่น หรือชมพระอาทิตย์ตกดินได้ มีบริการนั่งเรือพายชมทัศนียภาพกว๊านพะเยาด้วย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท กว๊านพะเยาที่ตั้ง : ต.เวียง อ.เมือง จ.พะเยา 7. ประภาคาร จ.ระนอง ประภาคารแห่งนี้ ตั้งอยู่บริเวณท่าเทียบเรือด่านศุลกากรระนอง เป็นอาคารแปดเหลี่ยม สูง 50 เมตร ถือว่าเป็นประภาคารที่สูงที่สุดในประเทศไทย ประภาคารมีทั้งหมด 9 ชั้น โดยชั้นที่ 9 เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมสวยงามของปากน้ำระนอง ก่อนไหลออกสู่ทะเลอันดามัน โดยอีกฟากฝั่งของแม่น้ำก็คือประเทศเมียนมานั่นเอง ใกล้มากๆ ในช่วงเย็น สถานที่แห่งนี้ยังเป็นสถานที่ที่เราสามารถมาเดินเล่น พักผ่อนหย่อนใจ รับลมเย็นๆ และถ่ายรูปเล่นได้อีกด้วย บอกเลยว่าภาพประภาคารที่มีภูเขาและดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าเป็นฉากหลังนั้น สวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ เลย ประภาคาร จ.ระนองที่ตั้ง : บ้านเขานางหงส์ ต.ปากน้ำ อ.เมือง จ.ระนองเปิดทุกวัน เวลา 8.00-20.00 น. 8. สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง รู้หรือไม่..สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของประเทศไทยในขณะนี้ สะพานแห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเชื่อมเส้นทางระหว่าง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง และ อ.ระโนด จ.สงขลา เข้าด้วยกัน โดยทอดยาวผ่านทะเลน้อยอันกว้างใหญ่ ทัศนียภาพโดยรอบสะพานเป็นเวิ้งน้ำกว้างไกล สามารถมองเห็นทะเลบัวแดงในช่วงเช้า ส่วนช่วงสายก็จะพบกับนกน้ำที่ออกหากิน และถ้าโชคดีก็อาจได้พบควายน้ำด้วย ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่คือ ในช่วงเย็นเส้นทางนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งอีกด้วย สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษาที่ตั้ง : ต.พนางตุง อ.ควนขนุน จ.พัทลุง 9. เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะเต่า จุดดำน้ำที่มีชื่อเสียงระดับโลก เนื่องจากมีแนวปะการังทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกที่มีความสวยงามและสมบูรณ์ อีกทั้งยังเป็นที่อยู่อาศัยของปลาหลากหลายชนิด เกาะเต่ามีหาดทรายขาวละเอียดและสะอาดสวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นเกาะที่เงียบสงบ ผู้คนไม่พลุกพล่าน เกาะเต่าจึงเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวที่ต้องการการพักผ่อนอย่างแท้จริง ถึงแม้เกาะเต่าจะตั้งอยู่ในเขต จ.สุราษฎร์ธานี แต่เนื่องจากอยู่ใกล้ฝั่งของ จ.ชุมพรมากกว่า นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวเกาะเต่าจึงนิยมขึ้นเรือจากชุมพรเป็นส่วนใหญ่ เกาะเต่าที่ตั้ง : อ.เกาะพะงัน จ.สุราษฎร์ธานี 10.

10 จุดชมความงาม ยามอาทิตย์อัสดง อ่านเพิ่มเติม

เกาะทะลุ : ระยอง

เกาะทะลุ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ห่างจากเกาะเสม็ดประะมาณ 12 กิโลเมตร สภาพพื้นที่บนเกาะส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ ทางทิศตะวันตกเป็นผาหินสูงชัน ส่วนทิศตะวันออกและทิศใต้มีหาดทรายขาวละเอียดเนียนนุ่ม สามารถลงเล่นน้ำได้ บนเกาะมีร้านค้าสวัสดิการของอุทยานฯ และห้องน้ำให้บริการ แต่ไม่สามารถพักค้างแรมได้นะ น้ำทะเลที่นี่ใสราวกับกระจก นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำ ดำน้ำ หรือจะนั่งกินลมชมทะเล ก็ฟินไม่แพ้กัน เกาะทะลุมีจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกหลายจุด ที่เราสามารถลงไปแหวกว่ายชมโลกใต้ทะเลที่มีปะการังและเหล่าปลาน้อยใหญ่เต็มไปหมด ขอบอกว่าสวยไม่แพ้กับทะเลใต้เลย จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันมาก ก็คือจุดที่อยู่ใกล้กับสะพานหินธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นโพรง อันเป็นที่มาของชื่อ “เกาะทะลุ” นั่นเอง จุดนี้ไม่สามารถเดินเท้ามาได้ ต้องนั่งเรือมาชมเท่านั้นนะ  การเดินทางไปยังเกาะทะลุนั้น เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเหมาเรือจากเกาะเสม็ด ท่าเรือบ้านเพ หรือชายหาดอำเภอแกลง หรือซื้อแพคเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038 653 03ททท. สำนักงานระยอง โทร. 038 655 420-1 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 เมษายน 2562

เกาะทะลุ : ระยอง อ่านเพิ่มเติม

เกาะทะลุ : ระยอง อีกหนึ่งความงดงามของทะเลไทย ที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ

เกาะทะลุ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด ห่างจากเกาะเสม็ดประะมาณ 12 กิโลเมตร สภาพพื้นที่บนเกาะส่วนใหญ่เป็นป่าทึบ ทางทิศตะวันตกเป็นผาหินสูงชัน ส่วนทิศตะวันออกและทิศใต้มีหาดทรายขาวละเอียดเนียนนุ่ม สามารถลงเล่นน้ำได้ บนเกาะมีร้านค้าสวัสดิการของอุทยานฯ และห้องน้ำให้บริการ แต่ไม่สามารถพักค้างแรมได้นะ น้ำทะเลที่นี่ใสราวกับกระจก นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำ ดำน้ำ หรือจะนั่งกินลมชมทะเล ก็ฟินไม่แพ้กัน เกาะทะลุมีจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกหลายจุด ที่เราสามารถลงไปแหวกว่ายชมโลกใต้ทะเลที่มีปะการังและเหล่าปลาน้อยใหญ่เต็มไปหมด ขอบอกว่าสวยไม่แพ้กับทะเลใต้เลย จุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันมาก ก็คือจุดที่อยู่ใกล้กับสะพานหินธรรมชาติ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นโพรง อันเป็นที่มาของชื่อ “เกาะทะลุ” นั่นเอง จุดนี้ไม่สามารถเดินเท้ามาได้ ต้องนั่งเรือมาชมเท่านั้นนะ  การเดินทางไปยังเกาะทะลุนั้น เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเหมาเรือจากเกาะเสม็ด ท่าเรือบ้านเพ หรือชายหาดอำเภอแกลง หรือซื้อแพคเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038 653 03ททท. สำนักงานระยอง โทร. 038 655 420-1 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 เมษายน 2562

เกาะทะลุ : ระยอง อีกหนึ่งความงดงามของทะเลไทย ที่ไม่ไกลกรุงเทพฯ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวตาคลี จ.นครสวรรค์

ตาคลีแม้จะเป็นเพียงอำเภอเล็กๆ แต่บอกเลยว่า “ตาคลี” มีสถานที่ท่องเที่ยวมากมาย ทั้งทางธรรมชาติ ประวัติศาสตร์ วัฒนธรรม และโบราณคดี ว่าแต่จะมีอะไรบ้าง เราไปดูกันเลยค่า แอดขอเริ่มที่แรกกันที่ “วัดหนองโพ” ค่ะ วัดนี้มีนักท่องเที่ยวนิยมเดินทางมาทำบุญ และกราบไหว้ขอพรกันเป็นจำนวนมาก เนื่องจากเป็นวัดที่พระครูนิวาสธรรมขันธ์ อดีตเจ้าอาวาสวัดหนองโพเคยจำพรรษาอยู่นั่นเอง.พระครูนิวาสธรรมขันธ์ หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อ “หลวงพ่อเดิม” คือเกจิอาจารย์ชื่อดังที่มีลูกศิษย์ลูกหามากมาย เชื่อกันว่าเครื่องรางของขลังที่ท่านปลุกเสก มีพุทธคุณด้านอยู่ยงคงกระพันและมหาอุดค่ะ มาวัดหนองโพทั้งที ก็ต้องไม่พลาดชม “พิพิธภัณฑ์หลวงพ่อเดิม” ที่สร้างขึ้นเพื่อบอกเล่าถึงเรื่องราวคุณงามความดีของท่านเมื่อครั้งยังมีชีวิตอยู ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 4 ห้องด้วยกัน คือ 1.ห้องมาตุภูมิบ้านหนองโพ 2.ห้องพุทธสโร หลวงพ่อเดิม 3.ห้องเพิ่มพูนศรัทธา และ 4.ห้องกถาคัมภีร์ ค่ะ แต่ละห้องตกแต่งได้อย่างน่าสนใจมากๆ เลย.วัดหนองโพ ต.หนองโพ อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์โทร. 085 050 7207เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 17.00 น. **เดือนเมษายนเปิดทุกวัน** ไปต่อกันที่ “พิพิธภัณฑ์จันเสน” ซึ่งตั้งอยู่ในพระมหาธาตุเจดีย์จันเสน ภายในวัดจันเสนค่ะ.พระมหาธาตุเจดีย์จันเสน ก่อตั้งขึ้นจากดำริของพระครูนิสัยจริยคุณ หรือหลวงพ่อโอด เพื่อเป็นศูนย์กลางชุมชน ออกแบบโดยพัฒนาจากรูปแบบสันนิษฐานของเจดีย์สมัยทวารวดี.ภายในประกอบด้วยส่วนต่างๆ ดังนี้ ชั้นล่างสุดเป็น “พิพิธภัณฑ์เมืองจันเสน” เหนือขึ้นไปเป็นส่วนเรือนธาตุ ประดิษฐาน “หลวงพ่อนาค” พระพุทธรูปปางนาคปรก และส่วนยอดของเจดีย์เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุค่ะ จากการศึกษาพบว่าในอดีตบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของ “เมืองจันเสน” ซึ่งเป็นเมืองโบราณตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ตอนปลายจนถึงสมัยทวารวดี หรือประมาณ 1500 ปีมาแล้ว.ทำให้มีการขุดค้นพบโบราณวัตถุมากมาย ไม่ว่าจะเป็นโครงกระดูก ตราประทับ พระพิมพ์ ขวานหินขัด และเครื่องประดับ เป็นต้น ซึ่งภายในพิพิธภัณฑ์จันเสนได้รวบรวมโบราณวัตถุต่างๆ ที่ขุดพบมาจัดแสดงไว้ พร้อมทั้งให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของเมืองโบราณจันเสน พัฒนาการของเมืองในสมัยต่างๆ วิถีชีวิตของผู้คน การขุดค้นทางโบราณคดี รวมไปถึงประวัติของหลวงพ่อโอดผู้ริเริ่มก่อตั้งพิพิธภัณฑ์แห่งนี้อีกด้วยค่ะ.พิพิธภัณฑ์จันเสน ต.จันเสน อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์เปิดวันพุธ-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 16.00 น. ปิดท้ายกับ “วนอุทยานถ้ำเพชร-ถ้ำทอง” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวของจังหวัดนครสวรรค์ที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมาก เพราะที่นี่เป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงามมากค่ะ.จากการสำรวจพบว่าที่นี่มีถ้ำทั้งหมดประมาณ 70 ถ้ำ โดยปัจจุบันเปิดให้เข้าชม 9 ถ้ำค่ะ ซึ่งแต่ละถ้ำก็มีความมหัศจรรย์แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติอีกด้วย.วนอุทยานถ้ำเพชร-ถ้ำทอง ต.ตาคลี อ.ตาคลี จ.นครสวรรค์โทร. 056 221 140, 056 231 416เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 8 เมษายน 2562

เที่ยวตาคลี จ.นครสวรรค์ อ่านเพิ่มเติม

“สะพานข้าว ก้าวเพื่อสุข” ณ บ้านผาบ่อง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน

บ้านผาบ่อง เป็นชุมชนที่มีชาวไตหรือไทใหญ่ และชาวปกาเกอะญออาศัยอยู่รวมกัน ตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนมากนัก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาทีค่ะ ไฮไลท์ของที่นี่ก็คือ สะพานไม้กลางทุ่งนาที่โอบล้อมไปด้วยขุนเขานั่นเอง อากาศก็เย็นเกือบตลอดทั้งปี บรรยากาศดีมากๆ เลย ได้นั่งมองนาข้าวสีเขียวขจี มีสายหมอกจางๆ ลอยอยู่เหนือยอดเขา ทำให้รู้สึกผ่อนคลายและสดชื่นมากๆ แต่ถ้าหากใครยังชื่นชมธรรมชาติไม่จุใจ และอยากสัมผัสวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนอย่างใกล้ชิด ก็สามารถพักค้างแรมที่โฮมสเตย์ภายในหมู่บ้านได้.คุณลุงคุณป้าเจ้าของโฮมสเตย์แอบกระซิบกับแอดดังๆ ว่า บรรยากาศยามเช้าของที่นี่นั้นฟินสุดๆ นอกจากโฮมสเตย์แล้ว ที่นี่ยังมีร้านอาหารไว้คอยให้บริการด้วย ซึ่งจะเน้นอาหารเหนือและอาหารไทใหญ่เป็นหลัก เช่น ขนมจีนน้ำเงี้ยว ข้าวซอย และน้ำพริก เป็นต้น บอกเลยว่าที่นี่เค้าไม่ได้มีดีแค่ความสวยงามนะ เพราะเมื่อเราเดินตามสะพานไปจนสุดทาง ก็จะได้พบกับวิสาหกิจชุมชนแปรรูปน้ำมันจากถั่วลิสง ซึ่งมีคุณลุงคุณป้าคอยสาธิตวิธีการทำอันเป็นภูมิปัญญาดั้งเดิมของที่นี่ พร้อมทั้งบรรยายให้ความรู้ และยังให้เราทดลองทำด้วยตัวเองได้อีกด้วย ไม่น่าเชื่อเลยนะคะว่าหมู่บ้านเล็กๆ อย่างบ้านผาบ่อง จะมีสิ่งที่น่าสนใจมากมายขนาดนี้ ได้พักผ่อนชมธรรมชาติ ทานอาหารพื้นเมือง แล้วยังได้เรียนรู้ภูมิปัญญาท้องถิ่นอีก คุ้มจริงๆ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 4 เมษายน 2562

“สะพานข้าว ก้าวเพื่อสุข” ณ บ้านผาบ่อง ต.ผาบ่อง อ.เมือง จ.แม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top