สถานที่ท่องเที่ยว

น้ำตกป่าละอู

คำว่า “ละอู” เป็นภาษากะเหรี่ยง แปลว่า “ต้นไผ่” “ป่าละอู” จึงแปลว่า “ป่าไผ่” เพราะพื้นที่บริเวณนี้มีต้นไผ่อยู่มากนั่นเอง น้ำตกป่าละอู เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ สูงถึง 15 ชั้น นักท่องเที่ยวสามารถลงเล่นน้ำได้บริเวณชั้นที่ 1-5 ซึ่งมีลักษณะเป็นแอ่งน้ำ ไม่แนะนำให้ขึ้นไปชั้นที่สูงกว่านี้ เนื่องจากเส้นทางยากลำบาก อาจเกิดอันตรายกับนักท่องเที่ยวได้ ในช่วงฤดูฝนที่ชุ่มฉ่ำแบบนี้ เราจะได้จะเห็นสีเขียวๆ ของธรรมชาติที่สวยงามตลอดเส้นทางเดินไปน้ำตกเลย อีกหนึ่งกิจกรรมที่น่าสนใจสำหรับนักท่องเที่ยว ในช่วงเดือนเมษายน – กรกฎาคม ก็คือ การเฝ้ารอชมผีเสื้อนับร้อยตัวที่ออกหากินตามโป่งดินและลำธาร นอกจากนี้เรายังมีโอกาสเห็นสัตว์ป่าและนกหายากหลายชนิดอีกด้วย ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 40 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาท หากใครหิวอยากเติมพลังก่อนลุยน้ำตก บริเวณด้านหน้าทางเข้ามีร้านค้าสวัสดิการอยู่ด้วย หรือหากอยากจะพักค้างแรม ทางอุทยานฯ ก็มีบริการบ้านพักและเต็นท์ให้เช่าด้วยนะ ติดต่อจองที่พัก– ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวน้ำตกป่าละอู โทร. 032 646 294, 087 161 2922– ที่ทำการอุทยานแห่งชาติแก่งกระจาน โทร. 032 459 293– กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช โทร.02 562 0760, 02 561 0777 ต่อ 724, 725 การเดินทาง จากตลาดหัวหิน ใช้ทางหลวงหมายเลข 3218 ประมาณ 58 กิโลเมตร ผ่านอ่างเก็บน้ำป่าละอู จากนั้นขับตรงไปอีก 6 กิโลเมตร จะเจอทางเข้าหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ กจ 3 (ห้วยป่าเลา) เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 10 มิถุนายน 2562

น้ำตกป่าละอู อ่านเพิ่มเติม

เรือนหมอพลอย @ ภูมิภูเบศร

“เรือนหมอพลอย” เป็นเรือนไม้หลังใหญ่ที่นายแพทย์ไพโรจน์ นิงสานนท์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข สร้างขึ้นเพื่อรำลึกถึงหมื่นชำนาญแพทยา (พลอย แพทยานนท์) หมอหลวงในสมัยรัชกาลที่ 5 – รัชกาลที่ 6 ซึ่งเป็นคุณตาของท่าน และต่อมาท่านได้มอบเรือนหลังนี้ให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เพื่อใช้เป็นพิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยค่ะ เรือนหมอพลอยเป็นเรือนไม้ใต้ถุนสูง ภายในจัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับการแพทย์แผนไทย โดยชั้นล่างจัดเป็น “โซนยาย้อนยุค” มีโถสมุนไพรต่างๆ วางเรียงรายอยู่ ซึ่งเราสามารถเลือกสมุนไพรกลิ่นที่ชอบมาผสมเป็นยาดมได้เองเลย แก้วิงเวียนได้ดีมากๆ นอกจากนี้ยังมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์สมุนไพรและของฝากเก๋ๆ ให้เลือกซื้อกลับไปฝากคนที่บ้านได้ด้วยนะคะ ทุกวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ บริเวณชั้นล่างนี้จะมีกิจกรรม Workshop สาธิตการทำยา และกิจกรรมสุขภาพต่างๆ เช่น การทำแป้งร่ำ การทำธูปหอมด้วยสมุนไพร ฯลฯ ซึ่งกิจกรรมจะแตกต่างกันไปในแต่ละเดือน ผู้สนใจสามารถร่วมกิจกรรมได้โดยไม่จำกัดจำนวนคนและไม่เสียค่าใช้จ่ายค่ะ โดยกิจกรรมจะมีวันละ 2 รอบ เวลา 10.00 น. และ 14.00 น. หลังจากทดลองทำยากันไปแล้ว เราก็ขึ้นมาชมนิทรรศการที่ชั้นบนกันบ้าง ซึ่งข้างบนนี้แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 3 ห้องด้วยกัน.ห้องแรกคือ “ย้อนรอยหมอหลวง ชื่อหมอพลอย” เป็นห้องที่บอกเล่าถึงชีวประวัติของหมอพลอย และความเป็นมาของเรือนหลังนี้ มีข้าวของเครื่องใช้ของหมอพลอย และเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์ในอดีตไว้ให้ชมมากมายเลย ห้องถัดมา “หมอไทยนั้นเป็นฉันใด” ในห้องนี้เราจะได้เรียนรู้เรื่องราวของการแพทย์ในแบบต่างๆ ทั้งการแพทย์เชิงระบบ การแพทย์เหนือธรรมชาติ และการแพทย์พื้นบ้าน ซึ่งได้นำมาประยุกต์ใช้ในการแพทย์แผนปัจจุบัน ส่วนห้องสุดท้ายคือ “หั่น สับ จับมาเป็นยา” ภายในห้องนี้เราสามารถหยิบจับเครื่องไม้เครื่องมือ และลองทำยาด้วยตัวเองได้ด้วย เห็นแล้วนึกถึงละครเรื่อง ทองเอก หมอยาท่าโฉลง เลยค่ะ  นับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย เที่ยวได้ทั้งครอบครัวจริงๆ ถ้าเพื่อนๆ มีเวลาว่างก็อย่าลืมมาเที่ยวกันนะคะ ภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะ (เรือนหมอพลอย)ที่ตั้ง ตําบลบางเดชะ อําเภอเมือง จังหวัดปราจีนบุรีโทร 097 098 3582Facebook : ภูมิภูเบศร ศูนย์การเรียนรู้สมุนไพรและภูมิปัญญาสุขภาพ บางเดชะเปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 มิถุนายน 2562

เรือนหมอพลอย @ ภูมิภูเบศร อ่านเพิ่มเติม

ปราสาทนครหลวง : พระนครศรีอยุธยา

ปราสาทนครหลวง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำป่าสัก ในเขตตำบลนครหลวง อำเภอนครหลวง จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เดิมบริเวณนี้เป็นที่ตั้งของตำหนักที่สมเด็จพระเจ้าทรงธรรมทรงสร้างขึ้น เพื่อประทับพักผ่อนในระหว่างเสด็จไปนมัสการพระพุทธบาทที่สระบุรี และเป็นที่ประทับแรมในระหว่างทางเสด็จประพาสลพบุรี ต่อมาสมเด็จพระเจ้าปราสาททองโปรดให้ช่างไปถ่ายแบบปราสาทในกรุงกัมพูชามาสร้างไว้ เพื่อเป็นการเฉลิมพระเกียรติที่มีชัยเหนือกัมพูชา แต่ยังสร้างไม่เสร็จและได้ถูกทิ้งร้างไป จนกระทั่ง พ.ศ.2352 จึงมีผู้สร้างรอยพระพุทธบาทสี่รอยขึ้นบนปราสาทนี้ พร้อมๆ กับการสร้างวัดนครหลวง ปราสาทนครหลวง เป็นปราสาทก่อด้วยอิฐ สร้างอยู่บนเนินเขาที่เกิดจากการถมดิน ด้านบนสุดเป็นมณฑปที่มีระเบียงคดล้อมรอบ 3 ชั้น ลดหลั่นกันลงมา ระเบียงคดชั้นที่ 1 และ 2 มีปรางค์ประจำมุมและประจำทิศ มีพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่โดยรอบ ที่ผนังของระเบียงคดมีการทำซี่ลูกกรงที่เรียกว่า “ลูกมะหวด” ซึ่งเป็นที่นิยมในศิลปะขอม ลักษณะคล้ายกับที่วัดไชยวัฒนารามซึ่งสร้างในสมัยเดียวกันด้วย มุมนี้ก็เป็นอีกมุมที่สวยสะกดแอดมากๆ เห็นแบบนี้แล้วอดคิดไม่ได้เลยว่าในอดีตจะสวยงามขนาดไหน วันที่แอดไปคนค่อนข้างน้อย ซึ่งมีข้อดีคือเราจะได้รูปสวยๆ มุมดีๆ ตามใจเราเลย เมื่อขึ้นมาถึงด้านบน ก็จะพบกับมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทสี่รอย ซึ่งได้รับการบูรณะเมื่อ พ.ศ.2446 ในสมัยรัชกาลที่ 5 โดยการรื้ออุโบสถที่ประดิษฐานพระพุทธบาทสี่รอยออก แล้วสร้างใหม่เป็นมณฑปจัตุรมุขอย่างที่เห็นในปัจจุบัน  จะเห็นได้ว่าสิ่งก่อสร้างบนฐานชั้นบนสุด ไม่ว่าจะเป็นมณฑปหรือระเบียงคดนั้นดูแตกต่างจากส่วนฐานอย่างชัดเจน นั่นก็เพราะเป็นการสร้างเพิ่มเติมในสมัยหลังนั่นเอง ปราสาทนครหลวงที่อยู่ : ริมแม่น้ำป่าสัก ต.นครหลวง อ.นครหลวง จ.พระนครศรีอยุธยาเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/LMrVeWFvCXacBJgi9 ก่อนกลับแอดแวะไปชม “ศาลาพระจันทร์ลอย” ซึ่งตั้งอยู่ด้านหน้าก่อนถึงทางขึ้นปราสาทนครหลวง เชื่อกันว่าบริเวณนี้เดิมเป็นที่ตั้งของพระตำหนักที่สมเด็จพระเจ้าปราสาททองทรงสร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นที่ประทับแรม มีลักษณะเป็นอาคารจัตุรมุข ภายในประดิษฐานแผ่นหินพระจันทร์ลอย ซึ่งเป็นแผ่นหินรูปกลมคล้ายพระจันทร์ ด้านหน้าตอนบนแกะสลักภาพพระพุทธรูปนูนต่ำ 3 องค์ ขนาบข้างด้วยเจดีย์ แผ่นหินนี้มีตำนานเล่าขานกันว่า ลอยน้ำมาตามแม่น้ำป่าสัก ชาวบ้านพยายามนำขึ้นจากน้ำแต่ไม่สามารถทำได้ จนกระทั่งสมภารวัดเทพจันทร์ผู้มีอาคมได้นำสายสิญจน์ 3 เส้นมาคล้องที่แผ่นหิน จากนั้นจึงนำขึ้นมาได้โดยง่ายดาย และภายหลังได้นำมาประดิษฐานไว้ที่ศาลาพระจันทร์ลอยแห่งนี้ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 4 มิถุนายน 2562

ปราสาทนครหลวง : พระนครศรีอยุธยา อ่านเพิ่มเติม

เกาะช้าง : ระนอง เสน่ห์ธรรมชาติที่แสนจะเรียบง่าย

เกาะช้าง จ.ระนอง เป็นสวรรค์ของนักเดินทางที่เป็นที่รู้จักกันเป็นอย่างดีในหมู่นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ เป็นเกาะที่ยังคงมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีเส้นทางศึกษาธรรมชาติและดูนก ชาวบ้านประกอบอาชีพทำสวนมะม่วงหิมพานต์และสวนยางพารา ที่นี่สิ่งอำนวยความสะดวกยังเข้าถึงไม่มากนัก ชาวบ้านยังต้องปั่นไฟใช้เป็นเวลา ถนนหนทางก็มีไม่ทั่วทั้งเกาะ นับว่าเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับการมาพักกายพักใจ หลีกหนีความวุ่นวายในเมือง และตักตวงความสุขกับธรรมชาติที่เงียบสงบแบบส่วนตัวได้อย่างเต็มที่ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ที่มาเป็นชาวต่างชาติ ซึ่งส่วนมากจะมาพักผ่อนแบบ Long Stay อยู่กันยาวไปเลย เพราะหลงเสน่ห์ความเป็นธรรมชาติที่เงียบสงบของเกาะช้างนั่นเอง ช่วงเวลาที่เหมาะที่สุดในการมาเที่ยวเกาะช้างคือ ระหว่างเดือนตุลาคม-พฤษภาคม (หรือมิถุนายน แล้วแต่สภาพอากาศ) เพราะหลังจากนั้นจะเข้าหน้ามรสุม เรือจะงดวิ่งและที่พักส่วนใหญ่จะปิด ดังนั้นก่อนเดินทาง แอดแนะนำให้โทรสอบถามเรื่องที่พักและสภาพอากาศก่อนนะครับ การเดินทาง แอดนั่งรถทัวร์จากสถานีขนส่งสายใต้ใหม่ตอนค่ำ รถทัวร์ออกเวลา 20.20 น. ถึงสถานีขนส่งเมืองระนองตอนเช้าตรู่ 05.30 น. ถึงแล้วก็ทำธุระส่วนตัวให้เรียบร้อย ขอบอกว่าภายในสถานีขนส่งเมืองระนองมีห้องอาบน้ำด้วย สะดวกมากๆ สำหรับนักเดินทางอย่างแอด จากนั้นก็นั่งรถสองแถวสีฟ้า(ตลาด-สะพานปลา) มาลงที่ท่าเทียบเรือเทศบาลตำบลปากน้ำ (ท่าเรือไปเกาะพยามและเกาะช้าง) ราคาคนละ 50 บาท การนั่งเรือไปเกาะช้าง ระนอง 1.เรือระนอง-เกาะช้าง : เรือจะจอดส่งผู้โดยสารที่ฝั่งอ่าวใหญ่เรื่อยไปจนถึงอ่าวตาแดง ราคาคนละ 200 บาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ขาไปมีวันละ 2 รอบ คือ 09.30 น. และ 13.00 น. ส่วนขากลับก็วันละ 2 รอบเช่นกัน คือ 08.00 น. และ 13.00 น. 2.เรือระนอง-เกาะพยาม : เรือจะจอดลอยลำอยู่กลางทะเล ระหว่างอ่าวเล็กและเกาะพยาม (จากนั้นต้องติดต่อที่พักให้ส่งเรือมารับ) ราคาคนละ 200 บาท ใช้เวลา 2 ชั่วโมง ขาไปให้บริการวันละ 2 รอบ คือ 10.00 น. และ 14.00 น. ส่วนขากลับแนะนำให้แจ้งที่พักให้จองเรือให้ เพราะจะได้ทราบเวลาที่แน่นอนที่เรือจะมาครับ วันแรกแอดพักที่อ่าวใหญ่ก่อน อ่าวนี้มีลักษณะเป็นหาดกว้างทอดยาวประมาณ 3 กิโลเมตร ที่นี่มีที่พักแบบบังกะโลมากมายให้เลือก ส่วนใหญ่จะเป็นบ้านไม้ ราคาไม่แพงนัก อยู่ที่ประมาณ 200 – 700 บาท แต่ไม่มีแอร์และพัดลมนะ เนื่องจากบนเกาะช้างยังต้องอาศัยการปั่นไฟใช้กันระหว่าง 17.00 – 22.00 น. สำหรับที่อ่าวใหญ่นี้ แอดขอแนะนำ Sunset Bungalow เลย ที่พักสะอาด เจ้าของน่ารักเป็นกันเอง อาหารก็อร่อยครับ เสน่ห์ของเกาะช้างอยู่ตรงหาดทรายที่เป็นสองสี โดยช่วงน้ำขึ้นจะมีสีเหลืองนวล ส่วนเวลาน้ำลงจะกลายเป็นหาดทรายสีเทาดำ เนื้อละเอียด ถ้ามองจากระยะไกล น้ำทะเลบริเวณอ่าวใหญ่อาจดูไม่สวยนัก แต่พอเดินเข้าไปใกล้ๆ แล้ว น้ำใสมากกกก สามารถเล่นน้ำได้ หรือจะพายเรือแคนูก็สนุกดีครับ เอาล่ะ ได้เวลาออกสำรวจอ่าวใหญ่กันแล้ว แอดเดินตั้งแต่ต้นหาดไปสุดปลายหาดในขณะที่แดดเปรี้ยงๆ แต่ความงามที่ธรรมชาติสรรค์สร้างโดยไม่ปรุงแต่ง ก็ทำให้แอดเพลิดเพลินจนคลายร้อนไปได้เยอะเลยล่ะ แต่ละหาดของอ่าวใหญ่มีเสน่ห์แตกต่างกันออกไป บางหาดเป็นทรายสีดำ บางหาดก็มีโขดหินที่เต็มไปด้วยหอย และบางหาดก็มีมุมสวยๆ ชิคๆ ให้เราได้ถ่ายรูปเก๋ๆ ไม่เหมือนใคร วันที่สอง แอดตื่นมาพร้อมกับเสียงนกและเสียงจักจั่นที่ร้องต้อนรับวันใหม่ แล้วก็มานั่งรับประทานอาหารเช้า ชมวิวชิลๆ จากนั้นก็ได้เวลาเช็คเอาท์เพื่อไปยังจุดหมายต่อไป แอดรบกวนให้เจ้าของบังกะโลโทรเรียกเรือให้ เพื่อเดินทางต่อไปยังบ้านโจรสลัด กรีน บานาน่า หรือ Green Banana – Pirate House ซึ่งตั้งอยู่ที่อ่าวเล็กนั่นเอง การเดินทางจากอ่าวใหญ่ไปยังอ่าวเล็กสามารถไปได้ทั้งทางเรือ หรือจะนั่งวินมอเตอร์ไซค์ไปก็ได้ แต่ถ้าไปกันหลายคน แอดแนะนำว่านั่งเรือจะสะดวกกว่า ราคาเหมาอยู่ที่ 500 บาท โดยเรือจะมาส่งที่หน้าหาดเลย บ้านโจรสลัด กรีนบานาน่า เป็นบังกะโลเล็กๆ ที่ตกแต่งด้วยท่อนไม้และขยะที่ลอยมากับทะเล ดูเก๋ไก๋สไตล์โจรสลัด ยังกับภาพยนตร์เรื่อง Pirates of the Caribbean เลย ในส่วนของบ้านพัก จะเรียกว่าเป็นบังกะโล บ้านไม้ หรือกระท่อมก็แล้วแต่ มีอยู่ประมาณ 10 หลัง ราคาอยู่ที่ 250 – 350 บาท มีทั้งแบบห้องน้ำในตัวและห้องน้ำรวม บ้านพักที่นี่ไม่มีแอร์หรือพัดลมเช่นเดียวกับที่อ่าวใหญ่ เพราะต้องปั่นไฟใช้ระหว่าง 17.00 – 22.00 น. นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยวที่นี่ส่วนใหญ่เน้นมาพักผ่อนแบบสบายๆ นั่งอ่านหนังสือหน้าที่พัก นอนเล่นชิลๆ รอพระอาทิตย์ตกดิน ให้เวลาผ่านไปอย่างช้าๆ ซึมซับความสุขให้ได้มากที่สุด อ่าวเล็กมีหาดทรายสีเหลืองนวลผสมสีดำจากแร่ดีบุกเหมือนกับอ่าวใหญ่ แต่ความยาวของหาดสั้นกว่า บ้านพักบนอ่าวเล็กมีไม่กี่แห่ง จึงทำให้นักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน ได้ฟีลเหมือนเกาะนี้เป็นของเราคนเดียว ตอบโจทย์คนที่รักความเป็นส่วนตัวสูงได้ดีมากๆ อ่าวเล็กนั้นสงบราวกับสระว่ายน้ำธรรมชาติส่วนตัว และน้ำทะเลยังใสมาก ยิ่งยามแสงแดดกระทบผิวน้ำ ก็ยิ่งทำให้น้ำใสราวกับกระจก จนสามารถมองเห็นผืนทรายใต้น้ำได้อย่างชัดเจน บางหาดของอ่าวเล็กจะเป็นโขดหินดูสวยแปลกตา เหมาะสำหรับมานั่งปล่อยอารมณ์ ชมวิวทะเลเงียบๆ ที่อ่าวเล็ก นอกจากกิจกรรมเดินศึกษาธรรมชาติและดูนกแล้ว ก็ยังสามารถมาตกหมึก ตกปลา และแคะหอยตามโขดหินมาทำอาหารได้ด้วยครับ อ่าวเล็กมีมุมสวยๆ เลิศๆ ให้ถ่ายรูปมากมาย เหมือนมีสตูดิโอธรรมชาติส่วนตัว โพสท่าจัดเต็มได้ ไม่ต้องแคร์สายตาใคร เพราะนักท่องเที่ยวไม่พลุกพล่าน แอดก็เลยต้องขอโพสท่าเบา…เบา มาฝากเพื่อนร่วมทางครับ พระอาทิตย์ตกที่เกาะช้างสวยไม่แพ้ที่ไหนเลย วันที่สาม เป็นวันสุดท้ายของทริปแล้ว วันนี้แอดตื่นมาเดินเล่นชิลๆ ชมวิวหาดทรายหน้าที่พัก ตอนเช้าน้ำทะเลจะขึ้น ทำให้หาดทรายเป็นสีเหลืองนวลสะอาดตา น้ำก็ใสจนแอดอดใจไม่ไหว ต้องลงเล่นน้ำอีกซักรอบ ชิล..ชิล ตักตวงความสุขให้สุดก่อนลาจากเกาะช้างแห่งนี้ ขากลับแอดติดต่อเจ้าของที่พักให้โทรเรียกสปีดโบ้ทมารับช่วงบ่าย เพราะแอดต้องไปขึ้นรถทัวร์ที่สถานีขนส่งระนองในตอนเย็น เพื่อเดินทางกลับกรุงเทพ ทริปนี้สำหรับแอดคือสุดมาก ได้ Energy และอากาศบริสุทธิ์เต็มเปี่ยมกลับบ้าน ได้สัมผัสการใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย ผ่อนคลายไปกับความเงียบสงบ ได้ฟีลเหมือนมาติดเกาะจริงๆ สำหรับใครที่อยากหลีกหนีความวุ่นวาย ที่นี่ตอบโจทย์ได้ดีมากๆ ทั้งสงบและมีธรรมชาติที่งดงาม หาดทรายก็สวยแปลกตาไม่เหมือนที่ไหน สุดท้ายนี้แอดอยากจะบอกว่า ใครโดนเทก็เซมาเกาะช้าง

เกาะช้าง : ระนอง เสน่ห์ธรรมชาติที่แสนจะเรียบง่าย อ่านเพิ่มเติม

วัดถ้ำเอราวัณ อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู

“ถ้ำเอราวัณ” เป็นถ้ำหินปูนขนาดใหญ่ ภายในถ้ำแบ่งออกเป็นห้องต่างๆ ซึ่งแต่ละห้องเต็มไปด้วยหินงอกหินย้อยที่สวยงาม สามารถเดินชมได้อย่างสะดวกเพราะมีการติดตั้งไฟไว้ตลอดทาง ชาวบ้านมักเรียกกันว่า “ถ้ำช้าง” เนื่องจากเมื่อมองจากระยะไกล จะมีรูปร่างเหมือนช้างกำลังหมอบอยู่นั่นเอง บริเวณปากถ้ำเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยขนาดใหญ่ที่มีชื่อว่า “พระพุทธชัยศรีมหามุนีตรีโลกนาถ”.ทุกๆ ปีในช่วงเทศกาลสงกรานต์จะมีประเพณี “ขึ้นเขาไหว้พระถ้ำเอราวัณ” ซึ่งเป็นประเพณีเก่าแก่ของบ้านผาอินทร์แปลงที่สืบทอดกันมายาวนานค่ะ สำหรับตำนาน “นางผมหอม” นั้น มีอยู่หลายสำนวนด้วยกัน ซึ่งโครงเรื่องหลักไม่แตกต่างกันมากนัก แต่จะต่างในรายละเอียดปลีกย่อย สำหรับสำนวนที่แอดได้อ่านมานั้น เรื่องมีอยู่ว่า….นางสีดา ธิดาเจ้าเมืองนครศรีไปเที่ยวป่าและเกิดหลงทาง นางกระหายน้ำมากจึงดื่มน้ำในรอยเท้าพญาช้างสารและรอยเท้าวัวกระทิง.หลังจากนั้นไม่นานนางก็ตั้งครรภ์  และคลอดออกมาเป็นลูกสาวฝาแฝด คนพี่มีเชื้อสายพญาช้างสารนามว่า “นางผมหอม” เพราะเส้นผมของนางมีกลิ่นหอม ส่วนคนน้องมีเชื้อสายวัวกระทิงนามว่า “นางลุน” เพราะเกิดทีหลัง.เมื่ออายุได้ 13 ปี ทั้งสองได้เข้าป่าไปตามหาบิดาจนได้พบกับพญาช้างสาร แต่พญาช้างสารไม่เชื่อว่าเป็นลูก จึงให้พิสูจน์ด้วยการไต่ขึ้นไปบนหลังของตน หากใครข้ามไปได้จึงจะเชื่อว่าเป็นลูก ปรากฏว่านางผมหอมไต่งาช้างข้ามไปได้ ส่วนนางลุนก้าวพลาดตกลงมาเสียชีวิต จากนั้นพญาช้างสารได้พานางผมหอมไปอาศัยอยู่ในถ้ำช้าง (ถ้ำเอราวัณ) ด้วยกัน เมื่อนางโตเป็นสาว ก็ได้ลงเล่นน้ำและเสี่ยงทายหาคู่ครองโดยการนำปอยผมใส่ผอบแก้วลอยน้ำไป ขุนไท กษัตริย์ผู้ครองเมืองเป่งจานเก็บผอบนั้นได้ และออกตามหานางผมหอมจนมาพบกันที่ถ้ำเอราวัณแห่งนี้.ทั้งสองได้ครองรักกัน จนมีบุตรธิดา 2 คน ต่อมาทั้งสองได้พาบุตรธิดาหนีพญาช้างสารเพื่อจะกลับไปยังเมืองเป่งจานนคร.ฝ่ายพญาช้างสารก็ออกตามหาลูกและหลานจนพบ แต่ด้วยความเสียใจอย่างหนักที่ถูกลูกหลานทิ้งไปจึงตรอมใจตาย โดยก่อนตายได้มอบงาของตนให้ขุนไทไว้เป็นอาวุธเพื่อป้องกันตนเอง ระหว่างเดินทางกลับเมืองเป่งจานนครนั้น ทั้งหมดได้แวะพักแรมกลางป่า ซึงมีนางผีป่าเฝ้าอยู่ นางเกิดความเสน่หาในตัวขุนไท จึงได้ผลักนางผมหอมตกน้ำและแปลงกายเป็นนางผมหอมแทน.และด้วยพฤติกรรมของนางผมหอมที่เปลี่ยนแปลงไป ก็ทำให้ขุนไทสงสัยและรู้ความจริงในที่สุด จึงได้กำจัดนางผีป่าและรับนางผมหอมกลับมาอยู่ด้วยกันอย่างมีความสุข .และนี่ก็คือตำนาน “นางผมหอม” ที่เกี่ยวพันกับถ้ำเอราวัณ ซึ่งเล่าขานกันมาจากรุ่นสู่รุ่นนั่นเองค่ะ  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 พฤษภาคม 2562

วัดถ้ำเอราวัณ อ.นาวัง จ.หนองบัวลำภู อ่านเพิ่มเติม

หมู่เกาะรัง จุดดำน้ำสุดฟินแห่งท้องทะเลตราด

หมู่เกาะรัง สวรรค์แห่งท้องทะเลตราด ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ เช่น เกาะยักษ์ เกาะโล้น เกาะหวาย เกาะมะปริง ฯลฯ โดยเกาะทั้งหมดอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง.หมู่เกาะรังเป็นแหล่งปะการังที่สมบูรณ์และสวยงามที่สุดแห่งท้องทะเลตราด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาดำน้ำตื้น ชมปะการังหลากหลายสีสัน และฝูงปลามากมายแหวกว่ายไปมา  การเดินทางมาท่องเที่ยวหมู่เกาะรังนั้น สามารถซื้อแพ็กเกจนำเที่ยวแบบ One Day ได้จากบริษัททัวร์บนเกาะช้าง เกาะหมาก และเกาะกูด ซึ่งมีหลายบริษัทให้เลือกค่ะ หรือจะติดต่อผ่านที่พักก็ได้เช่นกัน.จากเกาะช้างสามารถเดินทางไปยังเกาะรังได้โดยขึ้นเรือที่ท่าเรืออ่าวบางเบ้า ซึ่งเรือจะมี 2 แบบ ได้แก่สปีดโบ๊ท ราคาคนละ 900-1,200 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเรือไม้ 2 ชั้น ราคาคนละ 600-700 บาท ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สำหรับใครที่อยากจะพักค้างคืน บอกไว้ก่อนว่าที่เกาะรังไม่มีรีสอร์ทหรือโฮมสเตย์นะคะ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือพักบนเกาะช้าง เกาะกูด หรือเกาะหมาก แล้วค่อยนั่งเรือต่อมาเที่ยวที่หมู่เกาะรังค่ะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างโทร. 039 555 080, 039 510 927-8 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 20 พฤษภาคม 2562

หมู่เกาะรัง จุดดำน้ำสุดฟินแห่งท้องทะเลตราด อ่านเพิ่มเติม

เช้านี้…ที่อัมพวา

ตลาดน้ำอัมพวา เป็นตลาดน้ำยอดฮิตที่มีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาตินิยมเดินทางมาเที่ยวกันเป็นจำนวนมาก.ซึ่งกิจกรรมที่เป็นที่นิยมนอกเหนือจากการมาทานอาหารและชอปปิงก็คือ “การล่องเรือชมหิ่งห้อย” ยามค่ำคืนนั่นเองเรียกได้ว่าถ้าใครมาเที่ยวอัมพวาแล้ว ไม่ได้ชมหิ่งห้อยก็เหมือนมาไม่ถึงกันเลยทีเดียว สำหรับใครที่เดินเที่ยวเพลินจนค่ำและไม่อยากขับรถกลับตอนกลางคืน ก็สามารถค้างคืนที่นี่ได้นะ เค้ามีที่พักไว้บริการมากมาย บอกเลยว่ามานอนรับลมเย็นๆ ริมน้ำ มันช่างเงียบสงบและบรรยากาศดีสุดๆ ปกติแล้วการเดินทางไปเที่ยวต่างจังหวัด ได้พักผ่อน นอนตื่นสายๆ ก็คือการชาร์จแบตให้กับตัวเองอย่างหนึ่ง แต่สำหรับที่อัมพวา เพื่อนๆ ต้องห้ามตื่นสายเด็ดขาด เพราะแอดไม่อยากให้พลาดเสน่ห์ยามเช้าของที่นี่ค่ะ มนต์เสน่ห์อีกอย่างนึงของอัมพวาก็คือ “การตักบาตรริมน้ำ” ค่ะ โดยทุกๆ วันที่ไม่ใช่วันพระ จะมีพระสงฆ์พายเรือไปตามลำคลอง เพื่อรับบิณฑบาตรจากชาวบ้านที่อาศัยอยู่ริมน้ำ.ซึ่งที่พักริมน้ำหลายแห่งก็จะเตรียมอาหารคาวหวานไว้ให้นักท่องเที่ยวได้ใส่บาตรยามเช้ากันด้วยค่ะ คราวหน้าถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสมาเที่ยวตลาดน้ำอัมพวา ก็ลองพักค้างคืน ซึมซับวิถีชีวิตริมน้ำที่น้อยคนจะมีโอกาสได้สัมผัสกันดูนะ .ที่ตั้ง ต.อัมพวา อ.อัมพวา จ.สมุทรสงครามเปิดทุกวันศุกร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เวลา 12.00 – 21.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 16 พฤษภาคม 2562

เช้านี้…ที่อัมพวา อ่านเพิ่มเติม

บางกะเจ้า : สวนศรีนครเขื่อนขันธ์

บางกะเจ้า ตั้งอยู่ในอำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการ ใกล้ๆ กรุงเทพฯ นี่เอง สามารถเดินทางมาได้ง่ายๆ เลย บางกะเจ้าไม่ใช่แค่สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีต้นไม้ให้เราชมเยอะแยะเท่านั้นนะ แต่ยังมีแหล่งเรียนรู้ ร้านอาหาร ที่พัก ตลาด และชุมชนอีกด้วย ใครอยากจะเที่ยววันเดียวเก๋ๆ งบน้อยๆ ที่นี่ก็น่าสนใจอยู่นะ .ที่ตั้ง : 73 ซอย วัดราษฎร์รังสรรค์ ตำบลบางกะเจ้า อำเภอพระประแดง จังหวัดสมุทรปราการเปิดทุกวัน เวลา 05.00 – 19.00 น.โทร. 02 461 0972 บางกะเจ้า มีลักษณะเป็นคุ้งน้ำอยู่บริเวณแม่น้ำเจ้าพระยา มีรูปร่างคล้ายกับกระเพาะหมู.ที่นี่เปรียบเสมือนปอดกลางเมืองขนาดใหญ่ ที่แวดล้อมไปด้วยพื้นที่สีเขียวของป่าชุมชน ไม่มีการสร้างอาคารหรือตึกสูง จนได้รับการยกย่องจากนิตยสาร Time Asia ว่าเป็น The Best Urban Oasis of Asia ปี 2006 เลยทีเดียว สำหรับกิจกรรมที่น่าสนใจในบางกะเจ้า นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาปั่นจักรยานท่องเที่ยวรอบเกาะ ชมวิถีชีวิตชุมชนและเก็บบรรยากาศรอบๆ สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ ซึ่งบริเวณทางเข้าสวนก็มีจักรยานให้เช่าด้วย สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ เป็นสวนสาธารณะที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งผลิตอากาศบริสุทธิ์ สำหรับให้ผู้คนได้มาพักผ่อนและออกกำลังกาย ที่นี่เต็มไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ มองไปทางไหนก็เขียวขจีไปหมด ภายในสวนมีการจัดสภาพภูมิทัศน์อย่างสวยงาม และยังคงรักษาสภาพดั้งเดิมที่เคยเป็นสวนผลไม้เก่าเอาไว้ด้วย อย่าลืมมุมถ่ายรูปยอดฮิตนะ สะพานเขื่อนขันธ์มรรคา สะพานไม้ทอดยาวข้ามสระน้ำ กับอีกหนึ่งจุดคือ หอชมวิว สูง 7 เมตร ใครไปแล้วถ่ายรูปมาอวดแอดมั่งล่ะ นอกจากขี่จักรยานชมธรรมชาติแล้ว ที่บางกะเจ้าก็ยังมีอีกหลายกิจกรรมให้เราได้ทำ เช่น ชมพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยสายพันธุ์ต่างๆ ทำกิจกรรมที่บ้านธูปหอมสมุนไพร แวะชอปกันที่ตลาดบางน้ำผึ้ง ฯลฯ.สำหรับจุดเช่าจักรยานนั้นมีอยู่หลายจุด ราคาเริ่มต้นที่ 50-100 บาท สามารถเช่าเป็นรายชั่วโมงหรือเต็มวันเลยก็ได้ค่ะ การเดินทางสามารถไปได้ทั้งรถยนต์และเรือ แต่นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางโดยเรือข้ามฟาก – เรือข้ามฟาก มีท่าเรือที่ให้บริการอยู่หลายท่า ได้แก่ – ท่าเรือวัดบางนานอก ไปท่าเรือวัดบางน้ำผึ้งนอกท่าเรือตั้งอยู่ที่ถนนสรรพาวุธ เขตบางนา จากรถไฟฟ้า BTS สถานีบางนา ตรงไปทางสี่แยกบางนา แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนสรรพาวุธ จากนั้นตรงไปสุดทางจะพบท่าเรือวัดบางนานอก เรือจากท่านี้เป็นเรือขนาดใหญ่ สามารถนำจักรยานและจักรยานยนต์ลงเรือไปได้– เส้นทางนี้จะใกล้กับตลาดน้ำบางน้ำผึ้งและบ้านธูปหอมสมุนไพรพิกัด : https://goo.gl/maps/a813snLyZN2rSBEw5 – ท่าเรือวัดคลองเตยนอก ไปท่าเรือบางกะเจ้า (กำนันขาว)ท่าเรือตั้งอยู่ที่ถนนเกษมราษฎร์ เขตคลองเตย เรือจากท่านี้เป็นเรือหางยาว สามารถนำจักรยานลงเรือไปได้– เส้นทางนี้จะใกล้กับพิพิธภัณฑ์ปลากัดไทยและสวนศรีนครเขื่อนขันธ์พิกัด : https://goo.gl/maps/GX6dD26AKdG77z639 – ท่าเรือสาธุประดิษฐ์ ไปท่าเรือวัดโปรดเกศเชษฐารามท่าเรือตั้งอยู่ที่ถนนพระรามที่ 3 เขตยานนาวา เรือจากท่านี้เป็นเรือขนาดใหญ่ สามารถนำจักรยานและจักรยานยนต์ลงเรือไปได้– เส้นทางนี้ค่อนข้างไกลจากแหล่งท่องเที่ยวในบางกะเจ้า โดยอยู่บริเวณสวนสุขภาพลัดโพธิ์และช่วงต้นของถนนเพชรหึงษ์ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 13 พฤษภาคม 2562 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 13 พฤษภาคม 2562

บางกะเจ้า : สวนศรีนครเขื่อนขันธ์ อ่านเพิ่มเติม

พนม 7 ที่ ดี 7 วัน

พระธาตุพนมพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขงใน อ.ธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีวอก และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอาทิตย์ ซึ่งควรหาโอกาสมาสักการะเพื่อเสริมดวงชะตาและเพื่อความเป็นสิริมงคล สำหรับผู้ที่ไม่ได้เกิดปีวอก หรือวันอาทิตย์ ก็สามารถมาสักการะได้เหมือนกัน เชื่อว่าจะได้รับกุศลผลบุญบารมี ทำการใดก็จะประสบความสำเร็จ ทั้งยังเชื่อว่าหากได้สักการบูชาพระธาตุครบทั้ง 7 ครั้ง ก็จะได้เป็น “ลูกพระธาตุ” อีกด้วย งานนมัสการพระธาตุพนม จะจัดขึ้นเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ โดยถือเอาวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันแรกของงาน และไปสิ้นสุดในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 ที่ตั้ง : วัดพระธาตุพนม ต.ธาตุพนม อ.ธาตุพนม จ.นครพนมเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-18.00 น. พระธาตุเรณูพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันจันทร์ ตั้งอยู่ในวัดธาตุเรณู ใจกลางตัวอำเภอเรณูนคร ไม่ไกลจากพระธาตุพนม สร้างขึ้นโดยจำลองจากพระธาตุพนมองค์เดิม แต่มีขนาดเล็กกว่า ภายในองค์พระธาตุบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ พระไตรปิฎก พระพุทธรูปเงิน พระพุทธรูปทองคำ และของมีค่าต่างๆ รวมทั้งสิ่งของที่ประชาชนนำมาบริจาค เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้มีวรรณะงดงามผุดผ่องดังแสงจันทร์ ที่ตั้ง : วัดธาตุเรณู ต.เรณู อ.เรณูนคร จ.นครพนมเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-19.00 น. พระธาตุศรีคุณพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันอังคาร เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของชาวนาแก ตั้งอยู่ในวัดธาตุศรีคุณ ไม่ไกลจากพระธาตุพนมมากนัก มีลักษณะคล้ายพระธาตุพนมแต่ขนาดเล็กกว่า เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการพระธาตุองค์นี้จะได้รับอานิสงส์ให้มีศักดิ์ศรีทวีคูณ ที่ตั้ง : วัดธาตุศรีคุณ ต.นาแก อ.นาแก จ.นครพนมเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-16.30 น. พระธาตุมหาชัยพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธ พระธาตุมหาชัย เป็นปูชนียสถานสำคัญซึ่งภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันตธาตุ เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการพระธาตุองค์นี้ จะประสบแต่ชัยชนะในชีวิต จะเป็นนักประสานสิบทิศ โอภาปราศรัยดี ค้าขายคล่อง พูดจามีคนเชื่อถือ วัดนี้ยังเป็นที่จำพรรษาของพระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ) พระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนาที่สำคัญองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวนครพนมและชาวอีสานทั่วไป ที่ตั้ง : วัดโฆสิตาราม ต.มหาชัย อ.ปลาปาก จ.นครพนมเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-18.00 น. พระธาตุมรุกขนครพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพุธกลางคืน นับเป็นพระธาตุประจำวันเกิดแห่งที่ 8 ของจังหวัดนครพนม ภายในองค์พระธาตุเก็บรวบรวมวัตถุโบราณต่างๆ ไว้ให้ศึกษา เช่น ข้าวของเครื่องใช้ในสมัยก่อน ประตูวิหารโบราณ ฯลฯ เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้ประสบชัยชนะในชีวิต จุดที่น่าสนใจอีกอย่างหนึ่งคือ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่มีพญานาคปูนปั้นโอบล้อมบริเวณโคนต้นเอาไว้ ซึ่งชาวบ้านนิยมมาขอพรและบนบานกันมาก ที่ตั้ง : วัดมรุกขนคร บ้านดอนนางหงส์ท่า ต.ดอนนางหงส์ อ.ธาตุพนม จ.นครพนมเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-19.00 น. พระธาตุประสิทธิ์พระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันพฤหัสบดี พระธาตุประสิทธิ์ เดิมเป็นเจดีย์เก่าแก่ที่ชำรุดทรุดโทรม มีเถาวัลย์ปกคลุม ภานในมีพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ ต่อมาได้รับการบูรณะขึ้นใหม่ให้มีลักษณะแบบพระธาตุพนม ต่อมาได้มีการนำพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า และอรหันตธาตุ รวม 7 องค์มาบรรจุไว้ในองค์พระธาตุด้วย เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้สัมฤทธิ์ผลในการทำงาน ระหว่างวันขึ้น 10 ค่ำ ถึงวันที่ 15 ค่ำ เดือน 4 จะมีงานเทศกาลนมัสการพระธาตุประสิทธิ์ เป็นประจำทุกปี ที่ตั้ง : วัดธาตุประสิทธิ์ ต.นาหว้า อ.นาหว้า จ.นครพนมเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-16.30 น. พระธาตุท่าอุเทนพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันศุกร์ ลักษณะขององค์พระธาตุจำลองมาจากพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็กและสูงกว่า ภายในบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งอัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์ เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ ทุกปีจะมีงานนมัสการพระธาตุท่าอุเทน ในวันขึ้น 13 ค่ำ ถึงแรม 1 ค่ำ เดือน 4 ที่ตั้ง : วัดพระธาตุท่าอุเทน ต.ท่าอุเทน อ.ท่าอุเทน จ.นครพนมเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-16.30 น. พระธาตุนครพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดวันเสาร์ พระธาตุองค์นี้สร้างขึ้นใหม่แทนพระธาตุองค์เดิมเมื่อ พ.ศ.2463 ภายในบรรจุพระอรหันตธาตุ พระพุทธรูปทองคำและโบราณวัตถุที่ได้จากพระธาตุองค์เดิม รวมทั้งเครื่องรางของขลัง พระพุทธรูป และสิ่งของมีค่าต่างๆ ที่ผู้มีจิตศรัทธาเลื่อมใสได้นำมาถวาย เชื่อกันว่าผู้ที่มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ส่งเสริมบุญบารมีให้มีอำนาจวาสนาเป็นเจ้าคนนายคน ร่ำรวย และมีสุขภาพแข็งแรง มีงานฉลองสมโภชซึ่งถือเป็นงานประจำปีในวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี ที่ตั้ง : วัดมหาธาตุ ถ.สุนทรวิจิตร อ.เมือง จ.นครพนมเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 7.00-18.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 11 พฤษภาคม 2562 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 11 พฤษภาคม 2562

พนม 7 ที่ ดี 7 วัน อ่านเพิ่มเติม

เกาะกูด Feel Good

ช่วงนี้ทะเลทางฝั่งภาคตะวันออกกำลังสวย แอดเลยอยากจะชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวเกาะกูดกัน ที่นี่เงียบสงบ มีธรรมชาติที่สวยงาม และน้ำทะเลใสสุดๆ เหมาะแก่การไปพักผ่อนมากๆ เอาล่ะ เราไปชมความสวยงามของเกาะกูดกันเลยดีกว่า เกาะกูด ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ห่างจากตัวเมืองตราด 80 กิโลเมตร ถือเป็นเกาะที่อยู่ไกลจากตัวเมืองตราดที่สุด.การเดินทางสามารถขึ้นเรือโดยสารได้ที่ท่าเรือแหลมศอก ไปยังท่าเรืออ่าวสลัด เกาะกูด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง 15 นาที (ขึ้นอยู่กับประเภทเรือ).เวลาเดินเรือ ขาไป จากท่าเรือแหลมศอก-ท่าเรืออ่าวสลัด– รอบ 10.45 น. เรือบุญศิริ / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที– รอบ 12.30 น. เรือปริ๊นเซส / ราคาคนละ 350 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที– รอบ 12.45 น. เรือซุปเปอร์เจท / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 45 นาที– รอบ 13.00 น. เรือเอ็กซ์เพรส / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที– รอบ 14.20 น. เรือบุญศิริ / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ขากลับ จากท่าเรืออ่าวสลัด-ท่าเรือแหลมศอก– รอบ 09.00 น. เรือบุญศิริ / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที– รอบ 10.00 น. เรือปริ๊นเซส / ราคาคนละ 350 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที– รอบ 10.00 น. เรือเอ็กซ์เพรส / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที– รอบ 11.00 น. เรือซุปเปอร์เจท / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 45 นาที– รอบ 12.00 น. เรือบุญศิริ / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที เกาะกูดขึ้นชื่อเรื่องน้ำทะเลที่ใสเป็นประกาย และมีหาดสวยๆ หลายหาด เช่น หาดคลองเจ้า หาดง่ามโข่ หาดคลองระหาน อ่าวบางเบ้า และอ่าวยายกี๋ เป็นต้น จนได้รับฉายาว่า ทะเลอันดามันแห่งภาคตะวันออก นอกจากการนอนชิลๆ ริมหาดให้คลื่นซัดเล่นแล้ว กิจกรรมที่เป็นที่นิยมคือ การพายเรือคายัค และพายแพดเดิ้ลบอร์ด เป็นกิจกรรมสนุกๆ ที่จะทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศสวยๆ ของทะเล.การดำน้ำก็เป็นอีกกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่ ซึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปดำน้ำดูปะการังก็คือ บริเวณเกาะแรด และหมู่เกาะรัง (เกาะยักษ์เล็ก เกาะรัง เกาะยักษ์ใหญ่) เพราะเป็นจุดที่มีปะการังสวย และมีปลาหลายชนิด บอกเลยว่าฟินแน่นอน ถ้าใครอยากได้บรรยากาศร่มรื่น ลองเปลี่ยนจากพายเรือคายัคในทะเล มาพายที่คลองเจ้ากันดูสิ บริเวณนี้เราสามารถพายเรือเที่ยวชมป่าชายเลน และชมวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลองได้ด้วยนะ ที่นี่นอกจากจะมีทะเลสวยๆ แล้ว ก็ยังมีน้ำตกคลองเจ้า ที่สวยไม่แพ้กัน.น้ำตกคลองเจ้ามีน้ำตลอดทั้งปี แต่ถ้าให้ดี แนะนำไปช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม เพราะจะมีน้ำเยอะ กระโดดเล่นน้ำสนุกแบบในรูปเลยล่ะค่ะ มาเที่ยวเกาะกูดแล้ว ก็อย่าลืมรอชมพระอาทิตย์ตกที่ริมชายหาดกันนะคะ สวยจนละสายตาไม่ได้เลยล่ะ มาเที่ยวเกาะกูดไม่ต้องกังวลเรื่องที่พัก เพราะมีให้เลือกหลายที่เลย แต่แอดขอแนะนำที่พักเด็ดๆ วิวสวยๆ สัก 5 ที่แล้วกัน 1. Rest Sea Resortพิกัด : https://goo.gl/maps/7soKF2ii2nBeVcYC8ราคา 2,200 – 6,200 บาทโทร. 090 897 8844https://www.facebook.com/restseakohkood/ 2. Koh Kood Paradise Beach Resortพิกัด : https://goo.gl/maps/kkU4DSpv4Cqjs2v88ราคา 3,300 – 5,800 บาทโทร. 082 448 8448https://www.facebook.com/KohKoodParadiseBeach/ 3. To The Sea Resortพิกัด : https://goo.gl/maps/9rGDHqT9kmjxrnuGAราคา 2,600 –

เกาะกูด Feel Good อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top