สถานที่ท่องเที่ยว

สักการะสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี ศรัทธาแห่งบ้านสองคอน มุกดาหาร

สักการะสถานพระมารดาแห่งมรณสักขีสองคอน หรือ วัดสองคอน เป็นโบสถ์คริสต์นิกายโรมันคาทอลิกที่ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำโขง สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานเทิดพระเกียรติบุญราศี 7 ท่าน ได้แก่ ซิสเตอร์อักแนส พิลา ทิพย์สุข, ซิสเตอร์ลูซีอา คำบาง สีคำพอง, ครูฟิลิปสีฟอง อ่อนพิทักษ์, คุณแม่อากาทา พุดทา ว่องไว, นางสาวเซซีลีอา บุดสี ว่องไว, นางสาวบีบีอานา คำไพ ว่องไว และเด็กหญิงมารีอา พร ว่องไว ที่ได้พลีชีพเพื่อยืนยันความเชื่อในองค์พระผู้เป็นเจ้า.วัดสองคอน มีรูปแบบสถาปัตยกรรมที่สวยงาม จนได้รับรางวัลสถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมป์ ปี พ.ศ. 2539 ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เกิดกรณีพิพาทระหว่างไทยกับฝรั่งเศส และเกิดความเข้าใจผิดว่า ศาสนาคริสต์เป็นศาสนาของฝรั่งเศส เพราะบาทหลวงส่วนใหญ่เป็นชาวฝรั่งเศส.ชาวบ้านสองคอนที่นับถือศาสนาคริสต์ ถูกทางการบังคับให้ละทิ้งศาสนาของตน แต่มีคนกลุ่มหนึ่งไม่ยอม จึงถูกลอบยิง ถือเป็นการพลีชีพที่แสดงให้เห็นถึงความศรัทธาที่มีต่อพระเจ้าอันยิ่งใหญ่.บริเวณทางเข้าของวัดสองคอนจะมีกางเขนเหล็กอันใหญ่ 8 อัน สูงลดหลั่นกัน อันที่สูงที่สุดแทนพระเยซู มีความสูง 24.83 เมตร (เป็นปีที่บุญราศีทั้ง 7 คนถูกยิงเสียชีวิต) ส่วนกางเขนอีก 7 อัน จะมีความสูงเท่ากับอายุของแต่ละคนตอนที่เสียชีวิต.บนกำแพงโค้งที่ทำจากหินทราย จะมีประติมากรรมนูนต่ำเล่าเรื่องราววีรกรรมการสละชีพของบุญราศีทั้ง 7 อยู่ด้วย ตัวโบสถ์เป็นกระจกใส ด้านหลังแท่นประกอบพิธี เป็นห้องที่มีโลงแก้ว 7 โลง ซึ่งภายในบรรจุหุ่นขี้ผึ้งและอัฐิของบุญราศีทั้ง 7 ท่านเอาไว้ เราสามารถเข้าไปกราบและขอพรได้ค่ะ.โดยวีรชนทั้ง 7 ท่าน ได้รับการประกาศให้เป็น “บุญราศี” (คำนำหน้าชื่อเพื่อยกย่องคริสตชนที่เสียชีวิตไปแล้ว) เมื่อปี พ.ศ. 2532 จากสมเด็จพระสันตปาปา ยอห์น ปอลที่ 2 . นอกจากนี้บริเวณวัด ยังจัดแสดงบ้านพักของบุญราศีอักเนสและลูซีอา ซึ่งเป็นบ้านไม้ และมียุ้งข้าวแบบสมัยก่อน บนบ้านมีการจัดแสดงประวัติของท่าน และมีข้าวของเครื่องใช้ที่ท่านเคยใช้ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 27 กรกฎาคม 2562

สักการะสถานพระมารดาแห่งมรณสักขี ศรัทธาแห่งบ้านสองคอน มุกดาหาร อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าสาทร

เกร็ดความรู้ :.ท่าเรือสาทร ถือเป็นจุดเชื่อมต่อการคมนาคมที่สำคัญอีกแห่งหนึ่งของกรุงเทพมหานครของเราเลยก็ว่าได้ เนื่องจากที่ตั้งอยู่ใจกลางเมืองในย่านธุรกิจไม่ว่าจะเป็นตลาดบางรัก ถนนเจริญกรุง ถนนสีลม และนอกจากนี้ท่าเรือแห่งนี้ยังตั้งอยู่ไม่ไกลจาก ICON SIAM อีกด้วยค่ะ เพื่อนๆ ที่ต้องการเดินทางมายังท่าเรือแห่งนี้ แอดขอแนะนำ 2 วิธีง่ายๆ นั่นก็คือ การเดินทางโดยเรือโดยสาร (เรือธงสีส้ม สีเขียวและสีเหลือง) เลือกลงที่ “ท่าสาทร” และการเดินทางโดยรถไฟฟ้า BTS สายสีลม เลือกลงที่ “สถานีสะพานตากสิน” ค่ะ Sarnies Bangkok (ห่างจากท่าเรือ 700 เมตร).สำหรับ Sarnies คือคาเฟ่แบรนด์ดังจากประเทศสิงคโปร์ ที่ได้ขยายสาขาเข้ามาเปิดตัวในประเทศไทย จุดเด่นของร้านนี้ก็คือรสชาติกาแฟที่กลมกล่อมจนหลายๆ คนต่างต้องยกนิ้วให้ Sarnies Bangkok ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 44 ซึ่งเดิมพื้นที่ของร้านนี้เคยเป็นร้านขายของที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี.ดังนั้นการตกแต่งจึงยังคงโครงสร้างเดิมที่มีความคลาสสิกทั้งภายในและภายนอกเอาไว้ และเพิ่มการตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์สไตล์โมเดิร์นเข้าไป เรียกได้ว่าเป็นการผสมผสานกันได้อย่างลงตัวเลยทีเดียวค่ะ เมนูแนะนำ– Coconut Long Black – กาแฟ Long Black ที่มีส่วนผสมของน้ำมะพร้าว รสเข้ม นุ่มลิ้น ไม่หวานมาก และหอมมะพร้าวนิดๆ – Banana Peanut Butter Shake – สมูทตี้กล้วยหอมผสมเนยถั่ว รสชาติหวานมัน ใครชอบเนยถั่ว ต้องแก้วนี้เลย – F**king Good Brownie – บราวนี่รสชาติเข้มข้น ตัดรสหวานด้วยเกลือที่โรยมาให้เล็กน้อย เนื้อเค้กฉ่ำมากๆ – Natural Rooibos Tea – ชารอยบอสเป็นชาแดงที่มีต้นกำเนิดจากแอฟริกาใต้ มีความหวานเล็กน้อย ดื่มง่าย ไม่ขมมาก และไม่มีคาเฟอีน ดีต่อสุขภาพสุดๆ.Sarnies Bangkokที่ตั้ง ซอยเจริญกรุง 44 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน 08.00 – 17.30 น. บ้านผัดไทย (ห่างจากท่าเรือ 650 เมตร).บ้านผัดไทย ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 44 (ซอยเดียวกันกับ Sarnies Bangkok) มีลักษณะเป็นตึกแถว 2 คูหา สะดุดตาด้วยการทาสีฟ้าทั้งหลัง ภายในตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้ โปสเตอร์โฆษณาและข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ ค่ะ.นอกจากนี้ภาชนะที่ใช้ยังมีกลิ่นอายของความเป็นไทยในสไตล์วินเทจอีกด้วย เรียกได้ว่านี่ถือเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของร้านนี้เลยทีเดียว มาร้านบ้านผัดไทยทั้งทีเมนูแนะนำก็คงหนีไม่พ้น “ผัดไทย” ซึ่งเมนูผัดไทยของที่นี่เค้ามีให้เลือกหลากหลายไม่ว่าจะเป็น ผัดไทยเจ ผัดไทยหมูย่าง ผัดไทยกุ้งแม่น้ำย่าง เป็นต้น.ต้องบอกเลยว่ารสชาติของผัดไทยนั้นกลมกล่อมอร่อยเหมือนกันทุกจาน เพื่อนๆ สามารถเลือกชิมได้ตามใจชอบเลยค่ะ นอกจากนี้ที่นี่ยังมีเมนูอาหารไทยอีกหลายอย่างให้เลือกชิม หากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถแวะมาทานกันได้นะคะ.ปล.แนะนำว่าให้มากันหลายๆ คนเพราะนอกจากจะได้ชิมหลายเมนูแล้วยังสามารถช่วยกันหารได้อีกด้วยค่ะ.บ้านผัดไทยที่ตั้ง ซอยเจริญกรุง 44 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 22.00 น. บุญทรัพย์ (ห่างจากท่าเรือ 550 เมตร).ร้านบุญทรัพย์ เป็นร้านขนมไทยที่ก่อตั้งขึ้นตั้งแต่สมัยสงรามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งปัจจุบันมีการสืบทอดกิจการกันมาแล้ว 3 รุ่น.เนื่องจากร้านนี้เป็นร้านเล็กๆ ดังนั้นการตกแต่งจึงเน้นตกแต่งด้วยบรรยากาศสบายๆ เหมาะกับการนั่งทานขนมพร้อมมองดูวิถีชีวิตของผู้คนที่สัญจรผ่านไปมา สำหรับเมนูขึ้นชื่อของร้านนี้คือ ข้าวเหนียวมูน เนื่องจากข้าวเหนียวมีรสชาติที่หวานมันกำลังดี และไม่ว่าจะทานคู่กับมะม่วง สังขยา หรือปลาแห้งก็เข้ากันได้เป็นอย่างดี.บุญทรัพย์ที่ตั้ง 1478 ถนนเจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 07.00-17.00 น. (ปิดวันอาทิตย์) โจ๊กปรินซ์บางรัก (ห่างจากท่าเรือ 600 เมตร).โจ๊กปรินซ์บางรัก เรียกได้ว่าเป็นตำนานความอร่อยในย่านนี้เลยก็ว่าได้ค่ะ เพราะร้านนี้เค้าเปิดมากว่า 60 ปีแล้ว แม้ว่าภายในร้านจะไม่ได้ตกแต่งให้ดูสวยหรูแต่ก็ยังเนืองแน่นไปด้วยผู้คนที่ต้องการมาทานโจ๊กแสนอร่อยของร้านนี้ โจ๊กที่อื่นอาจจะใช้หมูเด้ง แต่สำหรับโจ๊กของที่นี่เค้าใช้หมูสับที่ปรุงรสแล้วนำมาปั้นเป็นก้อนกลมๆ ต้มไปพร้อมกับโจ๊ก เรียกได้ว่านี่คือ Gimmick ที่ทำให้โจ๊กปรินซ์มีรสชาติที่อร่อยมากยิ่งขึ้นนั่นเองค่ะ.โจ๊กปรินซ์ที่ตั้ง 1391 ถนนเจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 12.00 น. และ 16.30 – 22.00 น. ทิพ หอยทอดภูเขาไฟ (ห่างจากท่าเรือ 450 เมตร).ทิพ หอยทอดภูเขาไฟ เป็นอีกหนึ่งร้านเก่าแก่ย่านเจริญกรุงที่เปิดมานานกว่า 40 ปี อาหารที่ขึ้นชื่อของร้านนี้ส่วนใหญ่จะเป็นเมนูหอย เพราะหอยของที่นี่ตัวใหญ่ สดและสะอาด สำหรับเมนูแนะนำของร้านก็คือ “หอยทับหอย” หรือก็คือหอยแมลงภู่ทอดราดทับด้วยหอยนางรมนั่นเองค่ะ และต้องบอกเลยว่าแป้งของร้านนี้เค้าบาง กรอบ อร่อยมากๆ ยิ่งทานคู่กับน้ำจิ้มสูตรเด็ดของทางร้านด้วยแล้ว ฟินสุดๆ.ทิพ หอยทอดภูเขาไฟที่ตั้ง ซอยเจริญกรุง 50 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 11.00 – 20.00 น. (ปิดวันอาทิตย์) เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 26 กรกฎาคม 2562

ตะลุยกิน ริมเจ้าพระยา…ท่าสาทร อ่านเพิ่มเติม

วัดคีรีวงศ์ @นครสวรรค์

เจดีย์องค์นี้มีชื่อว่า “พระจุฬามณีเจดีย์” ตั้งอยู่บนยอดเขาดาวดึงส์ ซึ่งอยู่ภายในเขตวัดคีรีวงศ์ค่ะ.พระจุฬามณีเจดีย์ สร้างโดยพระราชพรหมาจารย์ (หลวงพ่อมหาบุญรอด) อดีตเจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์ ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 17 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2533-2550 โดยสร้างบนฐานของเจดีย์เก่าแก่สมัยสุโขทัยนั่นเองค่ะ เจดีย์องค์นี้มีความสูง 4 ชั้น.ชั้นที่ 1 มีเจดีย์องค์เล็กประดับอยู่ 4 มุม และมีพระพุทธรูปปางต่างๆ รวมทั้งเทพเจ้าประดิษฐานอยู่หลายองค์ชั้นที่ 2 เป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง 12 ราศีชั้นที่ 3 ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้ แต่ไม่อนุญาตให้ปิดทองค่ะ ต่อมาเป็นชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุดค่ะ ตรงกลางมีเจดีย์ทรงระฆังองค์เล็กที่ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งนำมาจากประเทศศรีลังกา.และเมื่อแหงนมองขึ้นไปด้านบนเพื่อนๆ จะพบกับเพดานที่มีลักษณะเป็นโดม โดยจะมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติค่ะ  นอกจากนี้ด้านนอกของชั้นที่ 4 ยังเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมทิวทัศน์ของเมืองนครสวรรค์ได้อีกด้วยค่ะ  ตอนกลางคืนเพื่อนๆ ก็ยังสามารถมองเห็นองค์พระเจดีย์องค์นี้ได้นะคะ เพราะตัวองค์พระเจดีย์จะถูกประดับตกแต่งด้วยไฟที่สวยงามค่ะ . วัดคีรีวงศ์ ถ.มาตุลี ต.ปากน้ำโพ อ.เมืองนครสวรรค์ จ.นครสวรรค์เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. ใกล้กับพระจุฬามณีเจดีย์ เพื่อนๆ จะพบกับหอชมเมืองสูงที่มีขนาดสูงถึง 10 ชั้น ซึ่งเพื่อนๆ สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์รอบตัวเมืองนครสวรรค์ได้ 360 องศาเลยทีเดียวค่ะ และไม่ต้องกลัวเมื่อยนะคะ เพราะเค้ามีลิฟต์ไว้คอยให้บริการด้วยค่ะ.หอชมเมืองเปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-16.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-19.00 น.ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 25 กรกฎาคม 2562

วัดคีรีวงศ์ @นครสวรรค์ อ่านเพิ่มเติม

ฝนนี้ที่ภูสอยดาว

ภูสอยดาว ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติภูสอยดาว เป็นยอดเขาที่สูงอันดับ 4 ของประเทศ โดยยอดสูงสุดของภูสอยดาวมีความสูง 2,102 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง.อุทยานแห่งชาติภูสอยดาวที่ตั้ง : ต.ห้วยมุ่น อ.น้ำปาด จ.อุตรดิตถ์เปิดให้เดินขึ้นเขา เวลา 08.00 – 14.00 น.โทร. 095 629 9528, 095 024 7633, 091 024 7633 ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน เพื่อเดินขึ้นภู ไปดูดอกหงอนนาค ช่วงหน้าฝนแบบนี้ เราสามารถเดินขึ้นไปถึงลานสน และไปดูดอกหงอนนาคได้ โดยดอกหงอนนาคจะบานในช่วงหน้าฝนเท่านั้น และจะออกดอกเยอะที่สุดในช่วงเดือนสิงหาคม-กันยายน ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน ไปแช่น้ำให้เย็นชื่นใจ น้ำตกภูสอยดาว เป็นน้ำตก 5 ชั้น ที่มีน้ำไหลตลอดปี โดยเฉพาะหน้าฝน น้ำจะเยอะกว่าช่วงอื่น จะลงไปแช่น้ำ หรือนั่งเล่นชิลๆ ก็ฟินสุดๆ ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน ไปทดสอบกำลังกาย และกำลังใจ จะขึ้นไปถึงลานสนสามใบได้ ต้องฝ่าฟันเนินทั้ง 5 เนินไปให้ได้ ได้แก่ เนินส่งญาติ เนินปราบเซียน เนินป่าก่อ เนินเสือโคร่ง และเนินมรณะ ระยะทางประมาณ 6.5 กิโลเมตร.ถ้าใครไม่ได้เดินป่าบ่อยๆ อาจจะมีหอบ และเมื่อยล้ากันบ้าง แต่เราก็ยังมีวิวสวยๆ ให้ดูระหว่างทาง ดูแล้วหายเหนื่อยเลยล่ะ จะบอกให้ นอกจากวิวสวยๆ แล้ว ช่วงหน้าฝน หมอกเยอะไม่แพ้ช่วงหน้าหนาว ทำให้ธรรมชาติสวยไปอีกแบบ แถมเหมาะกับการถ่ายรูปเก๋ๆ มากเลยล่ะ ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน ไปนอนกางเต็นท์ใกล้ชิดธรรมชาติ บรรยากาศที่ลานสนค่อนข้างคึกคัก บอกเลยว่า แต่ละคนไม่มีใครยอมใคร นำอาหารสดขึ้นมาปรุงบนเขากันอย่างสนุกสนาน ทั้งหมูกระทะ กุ้งเผา บาร์บีคิว.เมื่อถึงจุดกางเต็นท์บนลานสน ให้ทุกคนไปติดต่อเจ้าหน้าที่เรื่องเต็นท์และสัมภาระต่างๆ อุปกรณ์ทำอาหาร ขัน ถังน้ำ สามารถเช่าได้ที่จุดนี้เลย แล้วค่อยไปจ่ายเงินด้านล่าง หลังจากลงจากเขาค่ะ ข้างบนนี้มีห้องน้ำแยกชาย-หญิง ถ้าจะอาบน้ำ ต้องตักจากลำธารใกล้ๆ มาอาบ ส่วนน้ำสำหรับดื่ม จะมีแท็งก์น้ำแยกไว้โดยเฉพาะค่ะ ทำไมต้องไปภูสอยดาวหน้าฝน ไปดูหมอกยามเช้า จุดชมทะเลหมอกอยู่ห่างจากจุดกางเต็นท์ไม่ไกล สามารถเดินไปได้.นอกจากนี้ ยังมีจุดห้ามพลาดอื่นๆ ที่ต้องไปเช็คอินบนลานสนจุดชมวิวตรงป้ายผู้พิชิตลานสนภูสอยดาวน้ำตกสายทิพย์หลักกิโลเมตรแบ่งเขตไทย-ลาว คำแนะนำในการไปเที่ยวภูสอยดาว เมื่อถึงที่ทำการอุทยานฯ เราต้องไปติดต่อเจ้าหน้าที่เพื่อลงทะเบียนก่อน ถ้าไม่ได้นำเต็นท์ เครื่องนอน และอุปกรณ์ทำอาหารมาเอง สามารถมาเช่าได้ที่นี่ โดยเจ้าหน้าที่จะจดรายการสิ่งของที่เราเช่าเอาไว้ แล้วค่อยขึ้นไปรับของที่ลานสน ถ้าใครแบกสัมภาระทั้งหมดไม่ไหว สามารถจ้างลูกหาบได้ โดยต้องชั่งกิโลสิ่งของ แล้วเจ้าหน้าที่จะให้บัตรคิวรับของมา จากนั้นเราก็ขึ้นไปรอรับสัมภาระของเราได้ที่ด้านบน จากที่ทำการไปถึงศูนย์บริการ 2 หรือจุดเริ่มเดิน ต้องนั่งรถอีแต๊กขึ้นไปค่ะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 กรกฎาคม 2562

ฝนนี้ที่ภูสอยดาว อ่านเพิ่มเติม

“วัดอุโมงค์” (สวนพุทธธรรม) จ.เชียงใหม่

“วัดอุโมงค์” (สวนพุทธธรรม) เป็นอีกหนึ่งวัดในจังหวัดเชียงใหม่ที่มีความเก่าแก่และงดงาม ตั้งอยู่บริเวณเชิงดอยสุเทพ เดิมชื่อ “วัดเวฬุกัฏฐาราม” ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นในสมัยพญามังราย ปฐมกษัตริย์ของล้านนา เพื่อเป็นที่จำพรรษาของคณะสงฆ์จากลังกา.ต่อมาในสมัยพญากือนา ได้ทรงบูรณะวัดและซ่อมแซมเจดีย์ นอกจากนี้ยังได้สร้างอุโมงค์ขึ้นเพื่อให้พระมหาเถรจันทร์ได้ใช้เป็นที่วิปัสสนากรรมฐานอีกด้วย ผู้คนจึงเรียกวัดแห่งนี้ว่า “วัดอุโมงค์” หรือ “วัดอุโมงค์เถรจันทร์” ในช่วงหน้าฝนบริเวณด้านหน้าอุโมงค์จะมีมอสสีเขียวขึ้นปกคลุมอยู่เต็มไปหมด ดูสวยงามแปลกตา กลายเป็นเอกลักษณ์และความงดงามที่ไม่เหมือนใครของวัดแห่งนี้ อุโมงค์ที่นี่มีขนาดใหญ่และมีทางเข้าหลายทาง เมื่อเข้าไปแล้วสามารถเดินทะลุถึงกันได้หมด ในบางช่วงของผนังเพื่อนๆ จะเห็นร่องรอยของจิตรกรรมฝาผนังด้วยนะคะ แต่ส่วนใหญ่ลบเลือนไปมากแล้ว.ระหว่างทางเดินเข้าไปภายในอุโมงค์ เราจะพบกับความมืดและเงียบสงบ มีเพียงแสงสว่างจากช่องหลังคาเป็นบางช่วงและแสงไฟดวงน้อยเป็นระยะๆ เท่านั้น บริเวณด้านบนของอุโมงค์เยื้องไปทางทิศใต้ เป็นที่ตั้งของเจดีย์เก่าแก่อายุประมาณ 700 ปี สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยพญามังราย และได้รับการปฏิสังขรณ์ในสมัยพญากือนา.มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังศิลปะล้านนาที่ได้รับอิทธิพลจากพุกาม สังเกตได้จากบริเวณท้องไม้ของฐานกลมทั้ง 3 ฐานที่ประดับด้วยช่องสี่เหลี่ยมตลอดแนว และส่วนของปลียอดก็คล้ายกับที่พบในเจดีย์แบบพม่า ปัจจุบันวัดอุโมงค์นอกจากจะเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามแปลกตาของจังหวัดเชียงใหม่แล้ว ยังเป็นสถานปฏิบัติธรรมสำหรับทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่ต้องการแสวงหาความสงบในชีวิตอีกด้วย.หากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถไปเที่ยวชมได้นะคะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 20 กรกฎาคม 2562

“วัดอุโมงค์” (สวนพุทธธรรม) จ.เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ตะลุยกินริมเจ้าพระยา…ท่าวัดวรจรรยาวาส

ทริปนี้เรานั่งเรือด่วนเจ้าพระยา ธงสีส้ม ราคา 15 บาท หรือเรือด่วนเจ้าพระยา แบบไม่มีธง ราคา 9/11/13 บาท (ตามระยะทาง) มาลงที่ท่าเรือวัดวรจรรยาวาส.เรือด่วนเจ้าพระยา ธงสีส้ม เดินเรือทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น. เรือด่วนเจ้าพระยา แบบไม่มีธง เดินเรือวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.45-07.30 น. และ 16.00-16.30 น. ร้านคั่ว (ห่างจากท่าเรือประมาณ 700 เมตร).“คั่ว” ร้านอาหารที่เกิดจากเพื่อน 3 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นทำอาหารอร่อย จนเพื่อนคนอื่นๆ ต้องชวนให้เปิดร้านอาหาร ร้านนี้เหมาะกับการมานั่งทานของอร่อยหลังเลิกงานกับเพื่อน หรือครอบครัว เพราะร้านจะเปิดช่วงเย็นๆ ชื่อร้านก็บอกอยู่แล้วว่า ต้องถนัดเรื่องคั่วๆ แน่นอน ซึ่งทางร้านก็มีอาหารเมนูคั่วให้เลือกหลากหลาย.เริ่มจากเมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่ (89 บาท) ใช้วิธีการคั่วด้วยเตาถ่าน ตัวเส้นจะมีความกรอบนอก นุ่มใน อร่อยมากจริงๆ  เครื่องที่ใส่มาในก๋วยเตี๋ยวคั่ว ทางร้านให้มาชิ้นใหญ่ แบบไม่มีกั๊ก ซึ่งนอกจากไก่แล้ว ยังมีหอยเชลล์ญี่ปุ่น กุ้ง เนื้อหมักน้ำมันงา ไข่ปลาหมึก แฮม และเบคอน ให้เลือกด้วย.อย่าลืม ทานคู่กับซุปมะนาวดอง ที่หอมกลิ่นมะนาวดอง รสชาติออกเปรี้ยวๆ เค็มๆ (แต่อร่อยนะ) ซึ่งให้มาฟรี และเติมได้เรื่อยๆ นอกจากเมนูก๋วยเตี๋ยวคั่วแล้ว ยังมีเมนูเกาเหลาคั่ว ซึ่งจะมีแต่เนื้อ ไม่มีเส้น แอดสั่ง “เกาเหลาคั่วไข่ปลาหมึก” (139 บาท) ใครที่ชอบไข่ปลาหมึกต้องฟินมากแน่นอน เพราะไข่ปลาหมึกชิ้นใหญ่ เนื้อแน่นมากๆ.เมนู “คั่วพริกเกลือ” เป็นอีกหนึ่งทีเด็ดของร้าน มีทั้ง ข้าวผัดคั่วพริกเกลือ หรือจะเลือกปูนิ่ม หอยเชลล์ญี่ปุ่น กุ้ง ไก่ และสันคอหมู มาคั่วพริกเกลือก็ได้ แอดสั่ง “หอยเชลล์ญี่ปุ่นคั่วพริกเกลือ” (289 บาท) หอยเชลล์ตัวใหญ่ เนื้อแน่น คลุกเคล้าด้วยเครื่องพริกเกลือที่หอมกระเทียม และรสชาติกลมกล่อม ฟินมาก ยกนิ้วให้เลย จบจากเมนูคั่วทั้งหลายแล้ว ก็มาลองเมนูทอดกันบ้าง ไม่ว่าจะเป็น ซาลาเปาไข่เค็มลาวา ซาลาเปาครีมมินิ หมั่นโถว ถุงทอง และเกี๊ยวกุ้งทอด ต้องบอกเลยว่าของทอดของทางร้านดีงามไม่แพ้ของคั่วเลยล่ะ.ที่ตั้ง : ปากซอยเจริญกรุง 73 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 17.30-23.30 น.โทร. 098 819 7974 ตวง ติ่มซำ (ห่างจากท่าเรือประมาณ 450 เมตร).ร้านติ่มซำคุณภาพดี ราคาจับต้องได้ โดยฝีมือของ “เชฟยิป” เชฟชาวฮ่องกงที่อดีตเคยเป็นเชฟประจำโรงแรมแชงกรีล่า เห็นประสบการณ์ของเชฟแล้ว ก็รู้เลยว่า รสชาติติ่มซำต้องเด็ดแน่นอน ขนมจีบหมูเห็ดหอม (ชุดละ 25 บาท) ฮะเก๋า (เข่งละ 50 บาท) เสี่ยวหลงเป่า (เข่งละ 40 บาท) ลูกใหญ่ อร่อยเต็มปากเต็มคำ รสชาติกลมกล่อม ส่วนซาลาเปาก็ไส้แน่นและมีให้เลือกหลายรส ** วันที่ 1 สิงหาคม 2562 ทางร้านจะปรับราคาอาหารขึ้นนะจ๊ะ**.ที่ตั้ง : ถนนเจริญกรุง (ระหว่างซอยเจริญกรุง 77 กับ 77/1) แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดวันพุธ-วันอาทิตย์ (หยุดวันจัทร์และอังคาร) เวลา 07.00-17.00 น.โทร. 089 603 0980 ข้าวขาหมู ปากซอยเจริญกรุง 77/1 (ห่างจากท่าเรือประมาณ 400 เมตร).ข้าวขาหมูถือเป็นอาหารอีกอย่างหนึ่งที่หาทานง่ายมาก แต่ก็ใช่ว่าจะอร่อยทุกร้าน สำหรับร้านนี้แอดคอนเฟิร์มว่าเด็ดจริง ถึงจะเป็นร้านตั้งข้างทาง แต่มีความอร่อยซ่อนอยู่ ทั้งเนื้อหมูและหนังหมูมีความนุ่ม น้ำซุปรสชาติกลมกล่อม และอย่าลืมทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด ฟินสุดๆ.ทางร้านรับทำข้าวกล่องด้วยนะ สามารถโทรไปสั่งได้เลย.ที่ตั้ง : ปากซอยเจริญกรุง 77/1 ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 06.00-14.00 น.โทร. 02 289 2697 ร้านก๋วยเตี๋ยวคุณอา (ห่างจากท่าเรือประมาณ 400 เมตร).ร้านก๋วยเตี๋ยวเก่าแก่ เปิดมานานกว่า 38 ปี แอดเห็นลูกค้าแน่นร้าน เลยคิดในใจว่า ร้านนี้ต้องเด็ดแน่นอน ว่าแล้วก็ขอเข้าไปลิ้มลองความอร่อยสักหน่อย.ที่ตั้ง : ฝั่งตรงข้าม เยื้องกับร้านตวง ติ่มซำ ถนนเจริญกรุง แขวงวัดพระยาไกร เขตบางคอแหลม กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.โทร. 096 916 6249  เมนูเด็ดของร้านคือ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ.แอดสั่งบะหมี่ต้มยำ (45-55 บาท) มาลองทาน บอกเลยว่าเครื่องเยอะ รสชาติกลมกล่อม ไม่ต้องปรุงเพิ่มเลยล่ะ.นอกจากนี้ ยังมีเมนูก๋วยจั๊บด้วยนะ ลองสั่งมาทานกันได้ นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้ว ยังมีอาหารทานเล่นอย่างเปาะเปี๊ยะทอด (40-50 บาท) ที่ทอดมาใหม่ๆ แป้งกรอบ ไส้แน่น ไม่อมน้ำมัน ยิ่งทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ด ยิ่งอร่อย.แอดถึงขั้นจะสั่งเพิ่ม แต่น่าเสียดายที่ของหมดแล้ว แสดงว่าขายดีจริงๆ นะเนี่ย เมี่ยงคำ (ชุดละ 50 บาท) อีกหนึ่งเมนูที่ไม่น่าจะหาทานได้บ่อยๆ ในร้านก๋วยเตี๋ยว แต่ร้านนี้มีให้ทานจ้า ทีเด็ดอยู่ที่น้ำจิ้มเมี่ยงคำรสชาติเข้มข้น

ตะลุยกินริมเจ้าพระยา…ท่าวัดวรจรรยาวาส อ่านเพิ่มเติม

“บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร”

บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร.บ้านที่เต็มไปด้วยเรื่องราวของสมุนไพรหลังนี้ เดิมเป็นของครอบครัวเปี่ยมสมบูรณ์ ซึ่งเป็นตระกูลขุนนางและพ่อค้าเก่าแก่ของปราจีนบุรี ดร.ปุระชัย เปี่ยมสมบูรณ์ ได้มอบบ้านหลังนี้ให้แก่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศรเพื่อใช้ประโยชน์ จึงเกิดเป็นบ้านเล่าเรื่อง ที่เป็นทั้งร้านอาหารเพื่อสุขภาพและพิพิธภัณฑ์ขนาดย่อม ที่นำเสนอเรื่องราวของสมุนไพรผ่านนิทรรศการที่จัดแสดงภายในร้านด้วย เมื่อเดินเข้าไปในร้าน ห้องแรกที่เราจะได้พบก็คือห้องรับแขก ซึ่งมีหนังสือเกี่ยวกับสมุนไพร ประวัติความเป็นมาของบ้านหลังนี้ รวมทั้งเมนูอาหารของร้าน ซึ่งล้วนเป็นเมนูที่ทำจากสมุนไพร วางเรียงรายเอาไว้ให้ชมด้วย ระหว่างทางเดินไปยังห้องอาหาร จะผ่านโถงที่จัดแสดงนิทรรศการบุคคลสำคัญในประวัติศาสตร์ ที่เคยเสด็จฯ มาเยือนจังหวัดปราจีนบุรี ได้แก่ สมเด็จพระนเรศวรมหาราช สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช และพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว เป็นต้น และแล้วเราก็เข้ามาถึงภายในห้องอาหาร ซึ่งตกแต่งอย่างสวยงาม พร้อมทั้งยังแทรกเรื่องราวของสมุนไพรเอาไว้ตามส่วนต่างๆ ของห้อง ทำให้รู้สึกว่าสมุนไพรนั้นน่าสนใจและไม่ได้อยู่ไกลตัวเราเลย มาดูเมนูอาหารกันบ้าง เริ่มที่ “ปลากะพงผัดขึ้นฉ่าย” รสชาติกลมกล่อม เหมาะสำหรับคนไม่ทานเผ็ด แค่จานแรกก็บอกเลยว่าดีค่ะ เสิร์ฟตามมาติดๆ กับ “แกงเลียง” เมนูสุขภาพ รสชาติเข้มข้น “ไก่ทอดขมิ้น” ทอดมาร้อนๆ กรอบๆ ทานคู่กับสลัด ยกนิ้วให้เลยค่ะ ชุดน้ำพริกกะปิ” พร้อมผักต้มหลากหลายชนิด กะปิรสนัวมากขอบอก ยิ่งทานกับผักต้มและข้าวไรซ์เบอร์รีเพื่อสุขภาพ ยิ่งแซ่บมากจ้า มาถึงเครื่องดื่มที่พลาดไม่ได้เมื่อมาถึงที่นี่ก็คือ “อัญชันโซดา” เสิร์ฟมาเป็นชุดให้ปรุงเองเลย ใครชอบหวานมากหวานน้อย ก็เติมได้ตามใจชอบเลยค่า ดื่มแล้วชื่นใจหายเหนื่อย ด้านหน้าร้านปลูกสมุนไพรหลากหลายชนิด และยังมีป้ายให้ความรู้เกี่ยวกับสรรพคุณของสมุนไพรแต่ละอย่างด้วย ถ้าใครมาเที่ยวปราจีนบุรี แอดแนะนำเลยว่าต้องมาที่นี่ บรรยากาศดี อาหารอร่อย แถมได้ความรู้เรื่องสมุนไพรด้วย ครบเลยค่ะ.บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร ปราจีนบุรีที่ตั้ง 51 ต.หน้าเมือง อ.เมือง จ.ปราจีนบุรีเปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.โทร. 097 021 1037  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 17 กรกฎาคม 2562

“บ้านเล่าเรื่อง เมืองสมุนไพร” อ่านเพิ่มเติม

สถาปัตยกรรมอันงดงามแบบพุทธคยา ที่วัดพระธาตุหนองบัว จ.อุบลราชธานี

วัดพระธาตุหนองบัว ตั้งอยู่ที่ ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานี เป็นวัดสำคัญวัดหนึ่งของอุบลราชธานี มีสถาปัตยกรรมที่สำคัญก็คือ พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์ ที่สร้างขึ้นเพื่อเป็นสัญลักษณ์ครบรอบ 25 ศตวรรษของพุทธศาสนาในปี พ.ศ. 2500 ภายในองค์พระธาตุเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ ทุกๆวัน ตั้งแต่ 18.00-20.00 น. ทางวัดจะเปิดไฟส่องสว่างรอบด้าน ยิ่งทำให้องค์พระธาตุนั้น งดงามสว่างไสวขึ้นมากๆ  พระธาตุเจดีย์ศรีมหาโพธิ์นั้น ได้จำลองแบบมาจากเจดีย์ที่พุทธคยา ประเทศอินเดีย เป็นสถานที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ ซึ่งพระธาตุองค์ที่เราเห็นในปัจจุบัน เป็นพระธาตุองค์ใหม่ที่สร้างครอบองค์เดิมไว้ เป็นองค์พระธาตุสีขาว ตัดกับลวดลายสีทอง สวยงาม ประณีต รายล้อมด้วยกำแพงแก้วทั้ง 4 ด้าน ที่มุมทั้งสี่ของกำแพงแก้วประดิษฐานพระเจดีย์องค์เล็กไว้ทั้งสี่มุม ประดับลวดลายเทพพนม เทวดาต่าง ๆ สวยงามไม่แพ้พระธาตุองค์ใหญ่เลยล่ะ ด้านหลังของพระธาตุ เป็นที่ตั้งของศาลาการเปรียญ ซึ่งใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและประเพณีในวาระต่างๆ ซึ่งการประดับตกแต่งภายในศาลาการเปรียญก็มีความงดงามมากๆ เช่นกัน ช่วงนี้มีงานแห่เทียนพรรษาพอดี ใครที่เวลาเหลือจากการเที่ยวงาน ก็อย่าลืมแวะไปเที่ยวชมวัดนี้ได้นะ วัดพระธาตุหนองบัวที่ตั้ง ต.ในเมือง อ.เมือง จ.อุบลราชธานีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 7.00-20.00 น. (เวลา18.00-20.00 น. ทางวัดจะเปิดไฟส่ององค์พระธาตุ สวยงามมากๆ) การเดินทางจากทุ่งศรีเมืองขับรถไปตามถนนอุปราช และถนนชยางกูร ขับตรงมาเรื่อยๆ ประมาณ 4 กม. จากนั้นเจอสี่แยกไฟแดงให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนธรรมวิถี จากนั้นขับตรงไป อีก 800 เมตร จะพบกับวัดหนองบัว เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 16 กรกฎาคม 2562

สถาปัตยกรรมอันงดงามแบบพุทธคยา ที่วัดพระธาตุหนองบัว จ.อุบลราชธานี อ่านเพิ่มเติม

อีสานเขียว…เที่ยวภูหมู สัมผัสธรรมชาติมุกดาหาร

ภูหมู ตั้งอยู่ในเขตหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ ภบ. 1 อุทยานแห่งชาติภูสระดอกบัว ตำบลนิคมคำสร้อย อยู่ห่างจากตัวอำเภอนิคมคำสร้อย 9 กิโลเมตร ภูหมู เป็นภูเขาที่มีระดับความสูง 356 เมตร จากระดับทะเลปานกลาง ในอดีต พื้นที่บริเวณนี้มีการพบหมูป่าจำนวนมาก จึงเป็นที่มาของชื่อภูหมู และที่นี่ยังเคยเป็นที่ตั้งของฐานทัพทหารอเมริกันสมัยสงครามเวียดนามอีกด้วย บนยอดเขามีจุดชมทิวทัศน์ 3 จุด ได้แก่ ผาระเบียงตะวัน อยู่ด้านทิศตะวันออก ติดกับที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ เป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น สามารถมองเห็นภูแผงม้า อ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก และภูเขาในเขตวนอุทยานดงบังอี่ วิวภูเขาและธรรมชาติอันเขียวชอุ่มที่สามารถมองเห็นได้จากผาระเบียงตะวัน อ่างเก็บน้ำห้วยขี้เหล็ก อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่สามารถมองเห็นได้จากจุดชมวิวผาระเบียงตะวัน.ที่ตั้ง : ถนนชยางกูร ตำบลนากอก อำเภอนิคมคำสร้อย จังหวัดมุกดาหาร ผาพบรัก อยู่ด้านทิศตะวันตก ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 200 เมตร เป็นจุดชมพระอาทิตย์ตก สามารถมองเห็นภูด่านแต้ และเทือกเขาภูพานสลับซับซ้อน ผาหินสงบ อยู่บริเวณยอดเขาด้านทิศใต้ ห่างจากที่ทำการหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 2 กิโลเมตร สามารถมองเห็นภูถ้ำพระและอำเภอเลิงนกทาของจังหวัดยโสธรได้ ภูหมูสามารถท่องเที่ยวได้ทุกฤดู และไฮไลท์อยู่ที่ต้นลิ้นมังกร ที่จะออกดอกในเดือนตุลาคม  บริเวณผาระเบียงตะวันและผาพบรัก สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ แต่ต้องนำเต็นท์ และอาหารขึ้นมาเอง ส่วนเรื่องห้องน้ำก็หายห่วง เพราะที่นี่มีให้บริการ ถ้าต้องการมากางเต็นท์พักแรม ต้องขออนุญาตจากเจ้าหน้าที่พิทักษ์อุทยานฯ ก่อนนะจ๊ะ  สอบถามข้อมูล โทร. 099 028 8818.การเดินทาง จากตัวเมืองมุกดาหาร ใช้ทางหลวงหมายเลข 212 (มุกดาหาร-เลิงนกทา) ผ่านตัวอำเภอนิคมคำสร้อยประมาณ 2 กิโลเมตร จนถึงบ้านม่วงไข่ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงชนบท มห. 3029 ตรงไปจนถึงสามแยก และเลี้ยวซ้ายอีกครั้ง ตรงไปเป็นทางขึ้นเขา 4.5 กิโลเมตร ก็ถึงหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ภูหมู รวมระยะทางจากตัวเมือง 38 กิโลเมตร เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 13 กรกฎาคม 2562

อีสานเขียว…เที่ยวภูหมู สัมผัสธรรมชาติมุกดาหาร อ่านเพิ่มเติม

สถานีต่อไป…บางปะอิน

เกร็ดความรู้ :.“บางปะอิน” เป็นอำเภอหนึ่งของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา แต่เดิมเรียกกันว่า “อำเภอพระราชวัง” ต่อมาเปลี่ยนเป็นอำเภอบางปะอินจนกระทั่งถึงปัจจุบันค่ะ การเดินทางในวันนี้ แอดและเพื่อนร่วมทางเลือกเดินทางโดยรถไฟ โดยขึ้นจากสถานีรถไฟหัวลำโพงมาลงที่สถานีรถไฟบางปะอินค่ะ ใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง 30 นาที ซึ่งถือว่าไม่นานเลย.และสำหรับทริปนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “พระราชวังบางปะอิน” และ “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” นั่นเองค่ะ.เมื่อถึงสถานีรถไฟบางปะอินแล้ว เพื่อนๆ สามารถเดินทางไปยัง “พระราชวังบางปะอิน” ได้ง่ายๆ โดยนั่งวินมอเตอร์ไซค์ ค่าโดยสารคนละ 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 5 นาทีก็ถึงแล้ว เมื่อถึงพระราชวังบางปะอิน สิ่งแรกที่ต้องทำคือตรวจดูความเรียบร้อยของตนเองก่อน แต่งกายถูกต้องตามกฎระเบียบหรือไม่ (สวมเสื้อมีแขน กางเกงขายาว หรือกระโปรงยาวคลุมเข่า) หลังจากนั้นก็ไปซื้อบัตรเข้าชมกัน.ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่าพระราชวังบางปะอินนั้นกว้างขวางมาก หากมีกำลังขาและเวลามากพอก็สามารถเดินเที่ยวชมได้ค่ะ แต่ถ้าไม่เป็นเช่นนั้นแอดแนะนำให้เช่ารถกอล์ฟค่ะ.ปล.ผู้ที่สามารถเช่ารถกอล์ฟได้จะต้องเป็นผู้ที่มีใบขับขี่เท่านั้นนะคะ พระราชวังบางปะอินค่าเข้าชม ชาวไทย ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก นักเรียนนักศึกษา ผู้สูงอายุ 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาทเปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-16.00 น. ค่าเช่ารถกอล์ฟ1 ชั่วโมงแรก ชาวไทย คันละ 300 บาท ชาวต่างชาติคันละ 400 บาท ชั่วโมงถัดไปชั่วโมงละ 100 บาท  เมื่อเข้ามาในพระราชวังบางปะอิน เราจะพบกับสระน้ำขนาดใหญ่ซึ่งมี “พระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์” ตั้งอยู่กลางสระ.พระที่นั่งองค์นี้เป็นพระที่นั่งทรงปราสาทโถงจตุรมุของค์เล็ก ซึ่งรัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้จำลองแบบมาจากพระที่นั่งอาภรณ์ภิโมกข์ปราสาทในพระบรมมหาราชวัง.ต่อมาในสมัยรัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระบรมรูปหล่อสัมฤทธิ์ของรัชกาลที่ 5 ขนาดเท่าพระองค์จริง และอัญเชิญมาประดิษฐานไว้ที่พระที่นั่งแห่งนี้ค่ะ มาต่อกันที่ “พระที่นั่งวโรภาษพิมาน” พระที่นั่งองค์นี้สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 แต่เดิมเป็นอาคาร 2 ชั้น ใช้เป็นที่ประทับและเป็นท้องพระโรงสำหรับออกว่าราชการ.ต่อมาโปรดเกล้าฯ ให้รื้อสร้างใหม่เป็นพระที่นั่งชั้นเดียว เนื่องจากมีปัญหาด้านโครงสร้าง แต่ยังคงมีรูปแบบสถาปัตยกรรมตะวันตกแบบนีโอคลาสสิก และใช้เป็นท้องพระโรงเช่นเดิม “พระที่นั่งเวหาศจำรูญ” หรือ “เทียนเม่งเต้ย” เป็นพระที่นั่ง 2 ชั้นที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบจีน เป็นพระที่นั่งองค์สุดท้ายในพระราชวังบางปะอินที่สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 5.ในสมัยรัชกาลที่ 6 ทรงใช้พระที่นั่งองค์นี้เป็นที่ทรงพระอักษร และได้พระราชนิพนธ์บทละครเรื่อง “มัทนะพาธา” หรือ “ตำนานดอกกุหลาบ” ขึ้นที่นี่ด้วยค่ะ “หอวิทูรทัศนา” มีลักษณะเป็นหอคอยสูง 3 ชั้น ทาสีเหลืองสลับแดง ที่ระเบียงและชายคาประดับลายฉลุงดงาม ตั้งอยู่บนเกาะขนาดเล็ก โดยมีสะพานสีขาวเป็นทางเชื่อมมาจากพระที่นั่งเวหาศจำรูญ ภายในมีบันไดเวียนขึ้นสู่ชั้นบน ซึ่งสามารถขึ้นได้ถึงชั้นสองเท่านั้น เนื่องจากด้านบนกำลังบูรณะอยู่ และจากบนหอคอยนี้เพื่อนๆ สามารถมองเห็นทัศนียภาพของพระราชวังบางปะอินได้โดยรอบเลย “ตำหนักเก้าห้อง” ตั้งอยู่ในเขตพระราชฐานชั้นใน รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าฯ ให้สร้างขึ้นเพื่อเป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงศ์ฝ่ายใน ที่ตามเสด็จฯ ในคราวแปรพระราชฐานมาประทับที่พระราชวังบางปะอิน.ตำหนักหลังนี้เป็นอาคาร 2 ชั้น มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบยุโรป บริเวณด้านหน้ามีสนามหญ้าเป็นลานกว้าง สามารถเดินชมภายนอกอาคารได้ค่ะ ภายในพระราชวังบางปะอินยังมีพระที่นั่งและสิ่งก่อสร้างต่างๆ ให้ชมอีกมากมาย ได้แก่ พระที่นั่งอุทยานภูมิเสถียร สภาคารราชประยูร อนุสาวรีย์สมเด็จพระนางเจ้าสุนันทากุมารีรัตน์ ฯลฯ.แม้ว่าส่วนใหญ่จะไม่เปิดให้เข้าชมภายใน แต่เพื่อนๆ ก็ยังสามารถเดินชมความสวยงามของสถาปัตยกรรมต่างๆ โดยรอบได้นะคะ อีกฟากหนึ่งของแม่น้ำ ตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอินเป็นที่ตั้งของ “วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร” ซึ่งเพื่อนๆ สามารถเดินทางไปได้โดยกระเช้าค่ะ.บริเวณที่ขึ้นกระเช้าจะอยู่ตรงลานจอดรถของพระราชวังบางปะอิน ค่าข้ามกระเช้านั้นจะให้เท่าไหร่ก็ได้แล้วแต่ศรัทธา โดยจะมีตู้รับบริจาคสีเขียวอยู่ที่จุดขึ้นกระเช้าฝั่งวัดนิเวศธรรมประวัติค่ะ วัดนิเวศธรรมประวัติราชวรวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 เพื่อเป็นวัดประจำพระราชวังบางปะอิน สำหรับทรงบำเพ็ญพระราชกุศลเมื่อเสด็จฯ แปรพระราชฐานมาประทับยังพระราชวังแห่งนี้.เมื่อเข้ามาภายในวัด เพื่อนๆ อาจจะรู้สึกสับสนว่านี่คือวัดพุทธหรือโบสถ์คริสต์กันแน่ เพราะสถาปัตยกรรมต่างๆ ภายในวัดล้วนแล้วแต่เป็นแบบตะวันตกทั้งสิ้น.ซึ่งเหตุที่รัชกาลที่ 5 โปรดเกล้าให้สร้างวัดนี้เลียนแบบโบสถ์ฝรั่งนั้น ก็เพื่อให้เข้ากับพระราชวังบางปะอิน ซึ่งอาคารส่วนใหญ่มีรูปแบบทางสถาปัตยกรรมเป็นแบบตะวันตก และเพื่อให้ราษฎรได้ชมศิลปกรรมของชาติอื่นซึ่งเป็นของแปลกในสมัยนั้นนั่นเองค่ะ และนี่คือพระอุโบสถของวัดนิเวศธรรมประวัติค่ะ ดูสวยงามแปลกตามากเลยใช่มั้ยคะ? อุโบสถหลังนี้มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบโกธิค มีหอคอยยอดแหลมสูงและซุ้มประตูโค้งแหลม บริเวณยอดแหลมนั้นเป็นหอนาฬิกาและหอระฆัง เหนือขึ้นไปยังเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุด้วย ภายในอุโบสถตกแต่งแบบโบสถ์คริสต์ มีการประดับกระจกสีตามหน้าต่างและเหนือบานประตูอย่างสวยงาม.เป็นที่ประดิษฐานพระประธานคือ พระพุทธนฤมลธรรโมภาส พระพุทธรูปปางสมาธิเพชร ออกแบบโดยพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าประดิษฐวรการ โดยเป็นพระพุทธรูปแบบไทยประเพณีที่ผสานความสมจริงแบบตะวันตกเข้าไว้ด้วยกันอย่างลงตัว นับเป็นพระพุทธรูปฝีพระหัตถ์ของท่านที่งดงามที่สุด.นอกจากนี้ฐานชุกชีที่ประดิษฐานพระประธานยังมีลักษณะเหมือนกับที่ตั้งไม้กางเขนในโบสถ์คริสต์อีกด้วย สำหรับเพื่อนๆ ที่อยากนั่งรถไฟมาเที่ยวบางปะอินแบบแอด ก็อย่ารอช้าเพราะเวลาไม่เคยคอยใคร เพียงหาเวลาว่างสัก 1 วัน เพื่อนๆ ก็สามารถเที่ยวบางปะอินได้แล้วล่ะค่ะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 11 กรกฎาคม 2562

สถานีต่อไป…บางปะอิน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top