สถานที่ท่องเที่ยว

We are Krabi กระบี่ดี๊ดี

We are Krabi กระบี่ดี๊ดี “กระบี่” จุดหมายปลายทางสุดฮิตที่ต้องไปสัมผัส ทุกคนเห็นด้วยมั้ยว่าเที่ยวกระบี่ครั้งเดียวไม่เคยพอจริงๆ เพราะสถานที่ท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่มีเยอะมากๆ ไม่ว่าจะเป็นธรรมชาติ วัฒนธรรม ประเพณี มาทั้งทีก็ต้องไปปักหมุดเช็คอินให้ครบ .สำหรับวันนี้แอดจะมาแนะนำพอเป็นน้ำจิ้ม เพราะที่กระบี่ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกมากมายเลยล่ะ มาดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง “วัดถ้ำเสือ อ่าวลูกธนู” ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำเสือ อำเภอเมือง วัดนี้เป็นวัดที่โดดเด่นและมีชื่อเสียงของจังหวัดกระบี่ ภายในวัดเป็นสำนักวิปัสสนา มีพระธาตุเจดีย์วัดถ้ำเสือ หลวงปู่ทวด และเจ้าแม่กวนอิมให้เราได้สักการะ นอกจากนี้ด้านบนยังมีจุดชมวิวที่สามารถชมได้แบบ 360 องศา ซึ่งจะต้องเดินขึ้นบันได 1,237 ขั้นขึ้นไป ที่มาของชื่อ “ถ้ำเสือ” สันนิษฐานกันว่ามาจากบริเวณด้านหน้าของทิวเขาอ่าวลูกธนู หรือที่เรียกว่า “เขาแก้ว” เคยมีเสือโคร่งขนาดใหญ่อาศัยอยู่ ซึ่งภายในถ้ำก็ยังปรากฎหินธรรมชาติเป็นรูปอุ้งเท้าเสืออยู่นั่นเอง.พิกัด : https://goo.gl/maps/dro624PocP9fJdxEA “วัดมหาธาตุวชิรมงคล” หรือ “วัดบางโทง” ตั้งอยู่ในอำเภออ่าวลึก วัดนี้มีสถาปัตยกรรมที่สวยงามนั่นคือ พระมหาธาตุเจดีย์ พระมหาธาตุเจดีย์มีรูปแบบคล้ายคลึงกับเจดีย์พุทธคยา สูง 95 เมตร มีสีเหลืองทองอร่าม โดดเด่นเห็นมาแต่ไกล โดยรอบเจดีย์มีการตกแต่งด้วยประติมากรรมต่างๆ คล้ายกับที่อินเดีย งดงามวิจิตรมาก ที่นี่มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนมาอย่างไม่ขาดสาย ใครมีโอกาสมาเที่ยวกระบี่ก็ต้องห้ามพลาดวัดนี้เลยล่ะ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.โทร. 075 656 014พิกัด : https://goo.gl/maps/HnqnzDVfccLeNQjQA “เขาขนาบน้ำ” อำเภอเมือง ที่นี่ถือได้ว่าเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่ ลักษณะเป็นเขาสองลูก สูงประมาณ 100 เมตร ตั้งขนาบแม่น้ำกระบี่ด้านหน้าตัวเมือง โดยรอบเป็นป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ สามารถไปเที่ยวชมได้โดยเช่าเรือหางยาวจากท่าเรือเจ้าฟ้า ใช้เวลาเดินทางเพียง 10-15 นาที ใกล้ๆ กับเขาขนาบน้ำยังมีชุมชนเกาะกลาง มีทั้งหอพิพิธภัณฑ์และศูนย์หัตถกรรมพื้นบ้าน ซึ่งจัดแสดงเครื่องใช้สมัยโบราณ เช่น หัวเรือโทง ฯลฯ นอกจากนี้หากใครอยากสัมผัสวิถีชีวิตของชาวบ้าน ก็สามารถเช่าเรือจากท่าเรือเจ้าฟ้าไปยังชุมชนเกาะกลางได้ ราคาประมาณ 300-400 บาท.พิกัด : https://g.page/khaokanabnam?share “ป่าพรุท่าปอม” หรือ “ท่าปอมคลองสองน้ำ” อำเภอเมือง เป็นลำธารที่มีน้ำจืดและน้ำเค็มไหลมาบรรจบกัน จึงได้ชื่อว่าคลองสองน้ำ ที่นี่เป็นป่าพรุ มีพันธุ์ไม้หลายชนิดทั้งป่าบกและป่าชายเลน มีปลาน้ำจืดและปลาน้ำกร่อยอาศัยอยู่เป็นจำนวนมาก ตลอดเส้นทางจะมีทางเดินไม้ระแนงให้เราได้ชมทัศนียภาพสองข้างทางและศึกษาธรรมชาติด้วย โดยมีป้ายบรรยายสื่อความหมายเป็นระยะ สำหรับคนที่อยากเล่นน้ำ ที่นี่เค้าอนุญาตให้เล่นได้แค่บางจุดเท่านั้น เพื่ออนุรักษ์สภาพคลองให้ยังคงความเป็นธรรมชาติค่ะ ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาท เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/T2NZn48WZ4B5GqnV6 “น้ำตกร้อนคลองท่อม” อำเภอคลองท่อม เป็นน้ำร้อนที่ซึมขึ้นมาจากผิวดิน น้ำไม่ร้อนมาก อุณหภูมิประมาณ 40-50 องศาเซลเซียส โดยรอบมีต้นไม้ปกคลุมบรรยากาศร่มรื่นมากๆ น้ำตกร้อนคลองท่อมมีลักษณะคล้ายน้ำตกเล็กๆ ไหลลงมาเป็นชั้น นักท่องเที่ยวสามารถเล่นน้ำได้ด้วยนะ จากลานจอดรถต้องเดินเท้าเข้าไปประมาณ 400 เมตร ก็จะถึงตัวน้ำตก ที่นี่มีห้องอาบน้ำ ห้องสุขา ร้านอาหารและเครื่องดื่มไว้บริการด้วย ค่าเข้าชมชาวไทย 20 บาทชาวต่างชาติ 90 บาท เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/eDShTYJG7SBgXfLY7 อีกหนึ่งไฮไลท์ห้ามพลาดของกระบี่ก็คือ “สระมรกต” นั่นเอง อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเขาประ-บางคราม อำเภอคลองท่อม ลักษณะเป็นสระน้ำใจกลางป่า น้ำใสเป็นสีเขียวมรกต บริเวณโดยรอบเป็นป่าร่มรื่น นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งชมนกหาดูได้ยากอย่าง นกแต้วแร้วท้องดำ นกกระเต็นสร้อยคำสีน้ำตาล และนกเงือกดำ เป็นต้น การเข้าไปยังสระมรกต สามารถเดินเท้าจากที่ทำการฯ เข้าไป มี 2 เส้นทาง คือ– เส้นทางแรก ระยะทาง 800 เมตร เป็นดินลูกรัง– เส้นทางสอง ระยะทาง 1400 เมตร เป็นทางเดินปูนซีเมนต์ สามารถเดินชมศึกษาธรรมชาติได้ ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท เปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/MAcjwMksgZjqS7qJA มาภาคใต้จะไม่มีของขึ้นชื่อติดไม้ติดมือกลับบ้านไปด้วยคงไม่ได้ “ดาหลาบาติก” อำเภอเมือง ร้านจำหน่ายผ้าบาติกลวดลายโบราณที่ใครๆ ต่างต้องยกนิ้วให้ นักท่องเที่ยวสามารถไปเลือกชมเลือกซื้อกลับบ้านได้ นอกจากนี้เรายังจะได้เห็นการสาธิตทำผ้าบาติกด้วยนะ แต่แนะนำให้ติดต่อล่วงหน้าค่ะ ไม่เพียงเท่านี้ ร้านผ้าบาติกในจังหวัดกระบี่ยังมีอีกมากมายให้เราไปชอปไปชม ของสวยๆ แอดบอกเลยว่าของมันต้องมี เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 09.00-17.00 น.(ปิดวันอาทิตย์)โทร. 086 682 8998พิกัด : https://goo.gl/maps/pdnefQm6z7eMbazh8 “ศูนย์การเรียนรู้วัฒนธรรมอันดามัน” อำเภอเมือง เป็นแหล่งเรียนรู้ทางศิลปะ วัฒนธรรม ประวัติศาสตร์ของจังหวัดกระบี่และภาคใต้ฝั่งอันดามัน แบ่งเป็น 4 โซนหลักๆ ได้แก่ อาคารนิทรรศการแสดงงานหมุนเวียน– จัดแสดงผลงานของศิลปินทุกรุ่นและทั่วโลกตลอดทั้งปี โดยผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนกันไป พิพิธภัณฑ์ลูกปัดอันดามัน (ANDAMAN BEADS MUSEUM)– จัดแสดงความรู้ด้านลูกปัดโบราณที่มีชื่อเสียงของจังหวัดต่างๆ ในประเทศไทย หอศิลป์อันดามัน– จัดแสดงผลงานศิลปะที่หลากหลาย โดยศิลปินที่มีชื่อเสียง และศิลปินแห่งชาติ โรงเรียนต้นกล้าอันดามัน– โรงเรียนฝึกอบรม และจัดกิจกรรมต่างๆ สำหรับเด็ก เยาวชน และประชาชนทั่วไป สามารถเข้ามาอบรมเป็นคอร์สได้ฟรี ภายในมีลูกปัดหลากหลายชนิด หลากหลายรูปแบบให้เราได้ชมกันมากมาย

We are Krabi กระบี่ดี๊ดี อ่านเพิ่มเติม

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ Life Community Museum Buengkan.ณ หมู่บ้านเล็กๆ ในจังหวัดบึงกาฬ เป็นที่ตั้งของสถานที่ท่องเที่ยวเล็กๆ แต่มีแนวคิดสุดยิ่งใหญ่ “พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต” โดยคุณขาบ สุทธิพงษ์ สุริยะ ฟู้ดสไตลิสต์ชื่อดังของเมืองไทย .ด้วยความที่คุณขาบเป็นผู้เชี่ยวชาญในด้านศิลปะและการออกแบบ จึงได้นำเอาศิลปะร่วมสมัยเข้ามาผสมผสานเพื่อสร้างอัตลักษณ์ให้แก่ชุมชน ทั้งยังให้คำแนะนำในเรื่องการออกแบบผลิตภัณฑ์ เพื่อให้ชาวบ้านมีรายได้จากการขายสินค้าและผลผลิตทางการเกษตร นำไปสู่การเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ยั่งยืนได้ในอนาคต.บรรยากาศภายในชุมชนจะเป็นยังไง ตามแอดมาดูกันเลย!! พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ ที่ตั้ง: ชุมชนบ้านขี้เหล็กใหญ่ ต.หนองพันทา อ.โซ่พิสัย จ.บึงกาฬพิกัด: https://goo.gl/maps/nBxfdciSLnAPHjyt9เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.Facebook : พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จ.บึงกาฬโทร. 086 229 7626, 081 612 8853 กิจกรรมต่างๆ ภายในพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ– พักค้างคืนที่โฮมสเตย์ ราคา 300 บาท/คน (พักได้ 20 คน มีแอร์ทุกห้อง)– ท่องเที่ยวจังหวัดบึงกาฬแบบ One day trip ราคา 599 บาท/คน (รับตั้งแต่ 2 คนขึ้นไป)– เช่าจักรยานปั่นชมภาพวาดพญานาคภายในชุมชน ราคา 20 บาท/คัน– เช่าชุดพื้นบ้านอีสานใส่เที่ยวเก๋ๆ (โสร่งสำหรับผู้ชาย และผ้าซิ่นสำหรับผู้หญิง) ราคา 100 บาท/คน– ชมศูนย์อาชีพชุมชนยั่งยืน ได้แก่ เครื่องจักสาน ลูกประคบสมุนไพร และยาหม่องกลิ่นตะไคร้หอม– นอกจากนี้ยังมีบริการให้เช่าสถานที่สำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ รวมทั้งศึกษาดูงานด้วย เงื่อนไขการเข้าชม– จ่ายเงินก่อนเข้าชม (คนละ 50 บาท)– ไม่หยิบจับเคลื่อนย้ายสิ่งของ– ถ่ายภาพให้เต็มที่– สำรวมกายใจเมื่ออยู่ในห้องพระ  เมื่อเข้าสู่ตัวหมู่บ้าน เราจะเห็นภาพวาดพญานาคตามผนังบ้านหลายหลังตลอดสองข้างทาง เมื่อเข้าไปจนสุดทาง ก็จะพบกับพิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัด บึงกาฬ ซึ่งเป็นบ้านไม้ทรงไทยอีสานหลังเก่าแก่กว่า 60 ปี ของคุณขาบ ที่ได้ปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ บริเวณด้านข้างของตัวบ้านที่ต่อเติมออกมาเป็นลานอเนกประสงค์นั้น ก็มีผลิตภัณฑ์ของชาวบ้านในชุมชนมาวางจำหน่ายด้วย ไม่ว่าจะเป็นกระเป๋ารูปทรงต่างๆ กระติ๊บข้าวเหนียว เสื้อผ้า ฯลฯ รวมทั้งยังมีเวทีให้ศิลปิน นักออกแบบ และนักศึกษาจากสถาบันต่างๆ มาจัดแสดงผลงานอีกด้วย  หากเพื่อนๆ ลองสังเกตดูตามตัวบ้าน จะเห็นบันไดและประตูหน้าต่างทาด้วยสีเขียว “ตั้งแช” ซึ่งเป็นสีเขียวน้ำทะเลที่สบายตา สื่อความหมายถึงต้นไม้และธรรมชาติ เพิ่มสีสันให้บ้านหลังนี้ดูมีชีวิตชีวามากขึ้น  ชั้นบนของบ้านมีพระบรมฉายาลักษณ์ของในหลวงรัชกาลที่ 9 ประดับอยู่ทุกห้อง เพื่อรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ นอกจากนี้ยังมีมุมจัดแสดงเครื่องแต่งกายเวลาไปวัดของชาวอีสานในสมัยก่อนให้ชมด้วย โดยชาวบ้านนิยมสวมเสื้อขาว ผู้หญิงนุ่งผ้าซิ่นไหมและผู้ชายนุ่งโสร่ง อีกด้านของตัวบ้าน มีห้องครัวพื้นบ้านแบบอีสาน ที่มีเครื่องครัวต่างๆ ที่เคยใช้งานจริงจัดแสดงไว้ให้ชมด้วย ที่สำคัญมีไหปลาร้าที่คุณขาบบอกให้แอดลองเปิดดมดูด้วยนะ ถ้าอยากรู้ว่ากลิ่นเป็นยังไง เพื่อนๆ ต้องไปลองดมเอง  พื้นที่ด้านนอกตรงข้ามบ้านเป็นลานวัฒนธรรมกว้าง มีต้นไม้ใหญ่ร่มรื่น มีแคร่ไม้ให้นั่งพัก ด้านบนมีโคมไฟสุ่มไก่สุดเก๋ไก๋ และยังมีภาพวาดสีสันสดใสบนกำแพงสังกะสีด้วย สายถ่ายรูปห้ามพลาดเลย เพราะมีพร็อพของจริงให้ถ่ายได้อย่างเต็มที่ ทั้งสุ่มไก่ สุ่มปลา เชือกจูงควาย ใครไปแล้วได้ภาพสวยๆ มาโพสอวดแอดได้เลยนะ ใกล้ๆ กับบ้านมียุ้งข้าว ซึ่ง “Alex Face” ศิลปิน Graffiti Street Art ชื่อดังระดับโลก เพิ่งมาสร้างสรรค์ผลงานสุดเจ๋งเอาไว้!! คราวนี้มาในธีม “น้องมาร์ดี กับ พี่นาค” น่ารักน่าชังมาก ใครชอบน้องมาร์ดีต้องมาให้ได้นะ  หากเพื่อนๆ มีเวลา แอดแนะนำให้เดินชมภาพพญานาคที่กระจายอยู่รอบชุมชนให้ทั่วเลยนะ ภาพวาดมากมายเหล่านี้เกิดจากความร่วมมือระหว่างชาวบ้านกับนักศึกษาสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้าเจ้าคุณทหารลาดกระบัง ที่ได้ปรับให้มีความทันสมัยแต่ก็ยังสะท้อนความเป็นชุมชนได้เป็นอย่างดี  ภาพพญานาคส่วนใหญ่ที่ปรากฏจะเกี่ยวข้องกับอาชีพและความชอบของเจ้าของบ้านหลังนั้นๆ เช่น พญานาคกับไอศกรีมซันเดย์ พญานาคตำส้มตำ พญานาคกำลังตัดผม พญานาคกับจักรยาน เป็นต้น ถ้าเดินกันเหนื่อยแล้ว สามารถมาแวะเติมพลังกันได้ที่พิพิธภัณฑ์ (แต่ต้องจองล่วงหน้านะ) ที่นี่เค้ามี “พาแลง” ที่นำเอาอาหารถิ่นมาจัดรวมกันเป็นชุด สำหรับแอดแล้วไม่มีคำไหนที่ไม่อร่อยเลย รสมือแม่ครัวนัวและวัตถุดิบดีมาก ที่สำคัญได้รับรางวัลเกียรติยศชนะเลิศของโลก Local Table จากเวที Gourmand Awards ประเทศฝรั่งเศสมาแล้วด้วย .หากเพื่อนๆ มาตรงกับวันเสาร์ สามารถมาเดินเล่นที่ตลาดชุมชนพอเพียง บริเวณลานวัฒนธรรมตรงข้ามพิพิธภัณฑ์ มาอุดหนุนอาหารและพืชผลทางการเกษตรของชาวบ้านได้ด้วย การเดินทาง  เครื่องบิน: จากท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี มีบริการรถเช่าทั้งรถยนต์และรถตู้   รถยนต์ : จากท่าอากาศยานนานาชาติอุดรธานี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 สู่จังหวัดหนองคาย จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 212 ไปจนถึงแยกโพนพิสัย เลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 2267 ไปจนถึงแยกบ้านตูม เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบทหมายเลข 4022 ขับไปตามทางเรื่อยๆ จะเห็นป้ายบอกทางไป อ.โซ่พิสัย ทางขวามือ ระยะทางรวม 146 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมงนิดๆ – จาก อ.เมืองบึงกาฬ ใช้เส้นทางลัดผ่านวัดป่าดานวิเวก (ทางหลวงชนบทหมายเลข 3013) และทางหลวงหมายเลข 2095 ระยะทาง 60 กิโลเมตร ใช้เวลา 1 ชั่วโมง 30 นาที – จากสถานีรถไฟหนองคาย นั่งรถขนส่งประจำจังหวัดไปยัง อ.โซ่พิสัย ระยะทาง 80 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 9 ตุลาคม 2562

พิพิธภัณฑ์ชุมชนมีชีวิต จังหวัดบึงกาฬ อ่านเพิ่มเติม

มืองแห่งขุนเขา-เชียงราย

“ลัดเลาะเมืองแห่งขุนเขา เที่ยวเชียงราย 2 วัน 1 คืน” วันที่ 1สวนแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวงดอยช้างมูบ อำเภอแม่สายหมู่บ้านผาฮี้ อำเภอแม่สายหมู่บ้านผาหมี อำเภอแม่สาย.วันที่ 2ไร่ชาฉุยฟง อำเภอแม่จันวัดร่องเสือเต้น อำเภอเมืองวัดพระแก้วเชียงราย อำเภอเมือง จุดแรกที่เราจะไปก็คือ สวนแม่ฟ้าหลวง พระตำหนักดอยตุง อยู่ห่างจากตัวเมืองเชียงรายออกไปประมาณ 50 กิโลเมตร.“ดอยตุง” ตั้งอยู่ในอำเภอแม่ฟ้าหลวง มีภูมิประเทศเป็นเทือกเขาสลับซับซ้อน ในอดีตเคยเป็นพื้นที่แห้งแล้ง เนื่องจากชาวบ้านถางป่าเพื่อขยายพื้นที่ทำกินและปลูกฝิ่น จนสมเด็จย่าทรงรับสั่งให้ปลูกป่า จึงทำให้ดอยตุงกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง.สถานที่ท่องเที่ยวบนดอยตุง แบ่งเป็น 4 จุดหลักๆ คือ พระตำหนักดอยตุง หอแห่งแรงบันดาลใจ สวนแม่ฟ้าหลวง และสวนรุกขชาติแม่ฟ้าหลวง ดอยช้างมูบ ซึ่งคราวนี้ เราจะไปเที่ยวที่สวนแม่ฟ้าหลวงกัน สวนแม่ฟ้าหลวง เป็นส่วนหนึ่งของโครงการพัฒนาดอยตุง มีพื้นที่ประมาณ 30 ไร่ ภายในเป็นสวนดอกไม้นานาชนิด อาทิ ดอกซัลเวีย พิทูเนีย บีโกเนีย กุหลาบ ดอกลำโพง ไม้มงคลต่าง ๆ ไม้ยืนต้น และซุ้มไม้เลี้อยมากกว่า 70 ชนิด สำหรับคนที่ชื่นชอบกล้วยไม้ต้องถูกใจแน่ ๆ เพราะที่นี่จัดพื้นที่ให้กล้วยไม้รองเท้านารีเป็นพิเศษ เป็นรองเท้านารีพันธุ์หายากที่หน่วยเพาะเลี้ยงเนื้อเยื่อของทางสวนเพาะขึ้นเพื่อขยายพันธุ์ สวยงามน่าตื่นตาตื่นใจ หลายพันธุ์ได้รางวัลระดับประเทศมาแล้ว นอกจากนี้ ยังมีกิจกรรมใหม่น่าสนุกที่อยากให้เพื่อน ๆ ได้ลองสัมผัส นั่นคือ Doi Tung Tree Top Walk ทางเดินเรือนยอดไม้ ยาว 295 เมตร และสูงกว่า 30 เมตร ที่อยู่ท่ามกลางป่าอันแสนร่มรื่น แต่ไม่ต้องกลัว เพราะที่นี่มีอุปกรณ์เซฟตี้ให้นักท่องเที่ยวเป็นอย่างดี.สวนแม่ฟ้าหลวงตำบลแม่ฟ้าหลวง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงรายเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.30-18.00 น.โทร. 053 767 015-7 จากนั้นเราไปต่อกันที่ ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ห่างจากสวนแม่ฟ้าหลวง ประมาณ 9 กิโลเมตร ตั้งอยู่ในพื้นที่กองร้อยทหารม้าที่ 2 หน่วยเฉพาะกิจกรมทหารม้าที่ 3 ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ ตั้งอยู่บนแนวสันเขาแบ่งเขตแดนไทย-เมียนมา มีหน่วยกองกำลังป้องกันชายแดนไทย-เมียนมาประจำการอยู่ตลอด ซึ่งเจ้าหน้าที่ที่นี่จะเป็นผู้คอยดูแลและให้คำแนะนำนักท่องเที่ยวอย่างใกล้ชิด ดอยช้างมูบแห่งนี้ เป็นจุดชมทิวทัศน์และพระอาทิตย์ตกที่สวยงามแห่งหนึ่งในเชียงราย เพราะจากจุดนี้สามารถมองเห็นหมู่บ้านในฝั่งเมียนมาที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทิวเขาน้อยใหญ่ ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบ มีจุดกางเต็นท์ พร้อมห้องน้ำและห้องสุขาให้บริการ สามารถมาได้เลยโดยไม่ต้องโทรจองล่วงหน้า แต่ต้องนำเต็นท์และอุปกรณ์ต่างๆ มาเอง.นอกจากนี้ยังอนุญาตให้นำอุปกรณ์ขึ้นมาประกอบอาหารด้านบนได้ด้วย เพราะที่นี่ไม่มีร้านอาหาร มีเพียงร้านค้าสวัสดิการเล็กๆ เท่านั้น.เนื่องจากบริเวณนี้อยู่ในเขตทหาร แอดแนะนำว่าให้พกบัตรประจำตัวประชาชนไปด้วย เพื่อสามารถแสดงต่อเจ้าหน้าที่ได้เมื่อมีการเรียกตรวจ.ฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงรายเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. ชมวิวเสร็จแล้วไปต่อกันที่ดอยผาฮี้ ห่างจากฐานปฏิบัติการดอยช้างมูบประมาณ 2.5 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางนี้ค่อนข้างคดเคี้ยว โปรดใช้ความระมัดระวังในการขับขี่.ดอยผาฮี้ หรือหมู่บ้านผาฮี้ตั้งอยู่ใน อำเภอแม่สาย ในอดีตพื้นที่บริเวณนี้เป็นแหล่งปลูกฝิ่นและทำไร่เลื่อนลอย จนใน พ.ศ.2531 โครงการพัฒนาดอยตุงได้เข้ามาให้ความรู้และส่งเสริมให้ชาวบ้านหันมาปลูกกาแฟแทนการปลูกฝิ่น.ปัจจุบัน ดอยผาฮี้กลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย สายพันธุ์ที่ปลูกกันที่นี่และมีชื่อเสียงไปทั่วโลกก็คือ กาแฟพันธุ์อาราบิก้า.ชาวบ้านบนดอยผาฮี้ส่วนใหญ่เป็นชาวไทยภูเขาเผ่าอาข่า มูเซอแดง และมูเซอดำ ประกอบอาชีพเกษตรกรรม ปลูกชาและกาแฟเป็นหลัก จุดที่ดีที่สุดในการชมวิวของที่นี่ก็คือ”ลานโล้ชิงช้า” ที่ตั้งชิงช้าเผ่าอาข่าประจำหมู่บ้านนี่เอง.ในช่วงปลายสิงหาคม – ต้นกันยายนของทุกปี ลานนี้จะกลายเป็นสถานที่จัดงานโล้ชิงช้า ซึ่งเป็นงานที่จัดขึ้นเพื่อเฉลิมฉลองต้อนรับฤดูเก็บเกี่ยวที่มาถึง ในงานหญิงชาวอาข่าจะแต่งกายด้วยชุดประจำเผ่าและเครื่องประดับต่างๆ อย่างสวยงาม ภายในหมู่บ้านเต็มไปด้วยเมล็ดกาแฟและใบชาที่ชาวบ้านนำมาตากแดดให้แห้งเพื่อรอนำไปคั่ว สมกับเป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการปลูกกาแฟจริงๆ ร้านที่แอดไปใช้บริการก็คือ ร้านกาแฟผาฮี้ จุดเด่นอยู่ที่ร่มสีแดงนี่แหละ และหากใครเริ่มหิวทางร้านก็มีบริการอาหารตามสั่ง เพื่อน ๆ สามารถสั่งอาหารมาทานพร้อมกับนั่งชมวิวสวย ๆ แบบนี้ได้เลย.ในเมื่อดอยผาฮี้ขึ้นชื่อเรื่องกาแฟ แน่นอนว่าจะต้องมีร้านกาแฟให้เราได้นั่งชิลและลองลิ้มชิมรสกาแฟแท้ๆ จากต้นกำเนิดแหล่งเพาะปลูก.กาแฟดอยผาฮี้ มีความโดดเด่นกว่ากาแฟที่อื่นตรงที่มีกลิ่นหอมติดหวานคล้ายผลไม้ แต่รสเข้มกลมกล่อม.ร้านกาแฟผาฮี้ มีโฮมสเตย์ให้บริการด้วยนะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ 089 431 7479.หมู่บ้านผาฮี้ตำบลโป่งงาม อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย จากนั้นไปต่อกันที่ ดอยผาหมี ห่างจากดอยผาฮี้ประมาณ 8 กิโลเมตร ซึ่งเส้นทางนี้ค่อนข้างคดเคี้ยว โปรดใช้ความระมัดระวังในการขับขี่.ดอยผาหมี เป็นหมู่บ้านที่มีทิวทัศน์สวยงาม ล้อมรอบด้วยภูเขาน้อยใหญ่ ในอดีตหมู่บ้านแห่งนี้เคยเป็นแหล่งปลูกฝิ่นและเป็นเส้นทางลำเลียงยาเสพติด.แต่หลังจากที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดชเสด็จฯ มายังหมู่บ้าน และมีพระราชดำรัสให้ชาวบ้านเปลี่ยนมาปลูกกาแฟแทนฝิ่น ดอยผาหมีจึงค่อย ๆ กลายเป็นแหล่งปลูกกาแฟสำคัญของประเทศไทย ที่หมู่บ้านผาหมีมีร้านอาหารและร้านกาแฟหลายร้านทีเดียวที่เรียกได้ว่า เป็นร้านกาแฟหลักร้อยวิวหลักล้าน ถ้าไปเที่ยวที่นี่แล้วไม่ควรพลาด ถึงไม่สั่งอาหาร ไปนั่งพักจิบกาแฟสักครู่ก็รื่นรมย์แล้ว นอกจากนี้ ยังมีที่พักแบบโฮมสเตย์ให้บริการหลายที่ ราคาไม่แพง และเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนอีกด้วย สามารถสอบถามข้อมูลรายชื่อที่พักได้ที่ ททท.สำนักงานเชียงราย โทร. 053 717 433.หมู่บ้านผาหมีตำบลเวียงพางคำ อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย เริ่มวันที่ 2 กันที่ไร่ชาฉุยฟง อำเภอแม่จัน ห่างจากดอยผาหมีประมาณ 35 กิโลเมตร.ไร่ชาฉุยฟง เป็นไร่ชาชื่อดังของเชียงรายที่มีมานานกว่า 40 ปี ตั้งอยู่บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ เป็นแหล่งปลูกชาชั้นดี และยังเป็นผู้ผลิตชารายใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในจังหวัดเชียงรายอีกด้วย ในไร่ชาฉุยฟง เราจะเห็นแปลงชาที่ปลูกเรียงรายไปตามไหล่เขาอย่างเป็นระเบียบ ระหว่างทางจะมีมุมถ่ายรูปสวยๆ ให้เราได้แวะจอดรถลงไปถ่ายรูปกันตลอดทาง ภายในไร่ชามีร้าน “ฉุยฟง ที คาเฟ่” ที่มีเมนูขนมและเครื่องดื่มให้ได้เลือกซื้อเลือกทานกัน สามารถนั่งชิลได้ทั้งโซนเปิดโล่ง (Open air) โซนห้องแอร์ และดาดฟ้า ซึ่งเราสามารถขึ้นไปชมวิวไร่ชาและถ่ายภาพสวยๆ ได้.ไร่ชาฉุยฟงตำบลแม่จัน อำเภอแม่จัน จังหวัดเชียงรายโทร. 053 771 563เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.30 น. จากไร่ชาฉุยฟง เดินทางต่อไปอีก 39 กิโลเมตร มุ่งหน้าเข้าเมืองเพื่อไปชมความสวยงามของวัดร่องเสือเต้นกันต่อ.วัดร่องเสือเต้น ตั้งอยู่ที่ ตำบลริมกก อำเภอเมือง

มืองแห่งขุนเขา-เชียงราย อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยว สุราษฎร์ธานี 2 วัน 1 คืน

เส้นทางท่องเที่ยว สุราษฎร์ธานี 2 วัน 1 คืน วันที่ 1– วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร จ.สุราษฎร์ธานี– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี– ชุมชนบางใบไม้ จ.สุราษฎร์ธานี– ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานี จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 2– อุทยานธรรมเขานาในหลวง จ.สุราษฎร์ธานี– ป่าต้นน้ำบ้านน้ำราด จ.สุราษฎร์ธานี– เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี วันที่ 1.เริ่มต้นทริปกันที่ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.เวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี.วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ ไม่ปรากฎหลักฐานว่าสร้างขึ้นเมื่อใด สันนิษฐานว่าสร้างราวพุทธศตวรรษที่ 13-14 ในช่วงที่อาณาจักรศรีวิชัยเจริญรุ่งเรืองสูงสุด สิ่งที่น่าสนใจภายในวัด ได้แก่.พระวิหารหลวง ตั้งอยู่ทางทิศตะวันออกของพระบรมธาตุไชยา สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2502 แทนพระวิหารหลังเดิมที่ชำรุด ภายในประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง และพระพุทธรูปปางต่าง ๆ พระบรมธาตุไชยา.เป็นเจดีย์ทรงปราสาท สูง 24 เมตร ผังเป็นรูปกากบาท มีมุขทั้ง 4 ด้าน มุขด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีบันไดให้ขึ้นไปสักการะพระพุทธรูปภายในได้ เหนือเรือนธาตุมีลักษณะเป็นหลังคาซ้อนลดหลั่นกันขึ้นไป 3 ชั้น แต่ละชั้นประดับด้วยสถูปจำลองที่มุมและด้าน ถัดขึ้นไปเป็นส่วนยอด ที่ฐานล่างมีเจดีย์บริวารทั้ง 4 มุม.สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในพุทธศาสนาลัทธิมหายาน ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระบรมธาตุไชยาถือเป็นสถาปัตยกรรมแบบศรีวิชัยที่สมบูรณ์ที่สุดที่เหลืออยู่ในประเทศไทย.เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะพระบรมธาตุไชยา จะเป็นสิริมงคลสูงสุด ช่วยให้มีความเจริญรุ่งเรืองและแคล้วคลาดปราศจากอันตราย ระเบียงคด.พระบรมธาตุล้อมรอบด้วยระเบียงคด ซึ่งภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่าง ๆ รวม 180 องค์ พระอุโบสถ.พระอุโบสถตั้งอยู่ทางด้านทิศตะวันตกของพระบรมธาตุ สร้างขึ้นแทนพระอุโบสถหลังเก่าเมื่อ พ.ศ.2498 ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาทรายแดงปางมารวิชัย พระพุทธรูปศิลาทรายแดง 3 องค์.พระพุทธรูปศิลาทรายแดง 3 องค์ หรือที่เรียกกันว่า “พระพุทธรูป 3 พี่น้อง” ประดิษฐานอยู่กลางแจ้งทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของพระวิหารหลวง.สันนิษฐานว่าเดิมคงมีอาคารครอบ ซึ่งภายหลังชำรุดหักพังจึงถูกรื้อออกไป มีเรื่องเล่าว่าเคยมีการสร้างศาลาครอบถึง 3 ครั้ง แต่เกิดเหตุฟ้าผ่าศาลาทุกครั้ง ด้วยเหตุนี้องค์พระจึงยังคงประดิษฐานอยู่กลางแจ้งมาจนถึงปัจจุบัน.วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ต.เวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานีเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น. แวะมาชมโบราณวัตถุกันต่อที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา ต.เวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานี ตั้งอยู่ตรงข้ามวัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร ภายในพิพิธภัณฑ์แบ่งการจัดแสดงออกเป็น 2 อาคาร โดยอาคารหลังแรกจัดแสดงประติมากรรมจำลองจากโบราณวัตถุที่ค้นพบในอำเภอไชยา.ประติมากรรมจำลองที่สำคัญ ได้แก่ พระโพธิ์สัตว์อวโลกิเตศวร ที่เหลือเพียงพระวรกายท่อนบน ได้รับยกย่องว่าเป็นรูปเคารพที่งามที่สุดองค์หนึ่ง สร้างราวพุทธศตวรรษที่ 14 ในศิลปะศรีวิชัย สันนิษฐานว่าคือพระโพธิ์สัตว์ปัทมปาณิ มีสองกร พระหัตถ์ขวาแสดงปางประทานพร ส่วนพระหัตถ์ซ้ายถือดอกบัว ซึ่งองค์จริงจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร ส่วนอาคารหลังที่สอง จัดแสดงโบราณวัตถุตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ ไปจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ รวมทั้งงานประณีตศิลป์ และเครื่องอัฐบริขารต่าง ๆ.พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ไชยา ต.เวียง อ.ไชยา จ.สุราษฎร์ธานีเปิดให้บริการวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่ 09.00-16.00 น. (หยุดวันจันทร์ วันอังคาร และวันหยุดนักขัตฤกษ์)ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาทสอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 077 431 066 ที่ต่อมาเรามาล่องเรือชิล ๆ กันที่ ชุมชนบางใบไม้ ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี.“ชุมชนบางใบไม้” หรือ “ในบาง” เป็นชุมชนริมคลองที่ยังคงดำเนินชีวิตอย่างเรียบง่าย บริเวณนี้มีคลองเล็กคลองน้อยเชื่อมต่อกันนับร้อยสายก่อนไหลลงสู่แม่น้ำตาปี จึงได้ชื่อว่าเป็น “คลองร้อยสาย”.กิจกรรมที่ได้รับความนิยมของชุมชนแห่งนี้คือการล่องเรือชมความอุดมสมบูรณ์ของสองฝั่งคลอง ซึ่งเราจะเห็นต้นจากและต้นมะพร้าวเรียงรายสุดลูกหูลูกตา พี่คนขับเรือเล่าให้ฟังว่า ต้นจากที่เราเห็นนั้นสามารถนำไปทำประโยชน์ได้หลากหลาย เช่น ใบจากนำไปห่อขนม หรือทำเป็นตับจาก ก้านจากนำไปทำเป็นไม้กวาด และลูกจากนำไปทำเป็นขนมหวาน เป็นต้น นอกจากนั้นยังมี อุโมงค์จาก ที่เกิดจากต้นจากสองฝั่งคลองโน้มเข้าหากัน เป็นจุดถ่ายรูปที่ได้รับความนิยมมาก ๆ เลยล่ะ.ชุมชนบางใบไม้ ต.บางใบไม้ อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานีเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.ค่าล่องเรือคนละ 100 บาท นั่งได้ 5 คน หรือเหมาเรือลำละ 500 บาท ใช้เวลาล่องประมาณ 2 ชั่วโมงกลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์บางใบไม้ โทร. 077 292 903 หรือ คุณจรัญญา โทร. 081 607 4935 หากต้องการล่องเรือเป็นหมู่คณะ แนะนำให้ติดต่อล่วงหน้าอย่างน้อย 2 วัน แวะสักการะศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี ต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานี.ศาลหลักเมืองสุราษฎร์ธานี สร้างขึ้นเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระมหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี เมื่อวันที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2539 รวมทั้งเพื่อเป็นสิริมงคล และเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวสุราษฎร์ธานี.ศาลหลักเมืองแห่งนี้ ได้รับการออกแบบโดยกรมศิลปากร ที่นำเอาพระบรมธาตุไชยามาเป็นต้นแบบ แต่ขยายขนาดให้ใหญ่ขึ้นเป็นสองเท่า ลักษณะอาคารเป็นทรงจตุรมุข มีบันไดทางขึ้นสี่ด้าน หน้าบันประดับลายปูนปั้น และได้อัญเชิญตราสัญลักษณ์งานฉลองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี มาประดับไว้ทั้ง 4 ด้านด้วย ภายในศาลหลักเมืองประดิษฐานเสาหลักเมืองซึ่งทำจากไม้ราชพฤกษ์ลงรักปิดทอง ส่วนยอดสลักเป็นรูปพระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวรหรือพรหมสี่หน้า ล้อมรอบด้วยเสาหลักเมืองจำลองซึ่งมีขนาดย่อมกว่าจำนวน 4 เสา โดยทั้งหมดตั้งอยู่บนฐานแปดเหลี่ยมซึ่งประดับด้วยประติมากรรมรูปช้างอยู่ภายในซุ้ม ทุกวัน ชาวจังหวัดสุราษฎร์ธานี ต่างแวะเวียนมาสักการะบูชาศาลหลักเมืองกันอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในช่วงเย็นถึงค่ำ จะมีการเปิดไฟส่องสว่างรอบศาลหลักเมืองด้วย สวยงามมากเลยล่ะ.ศาลหลักเมืองจังหวัดสุราษฎร์ธานีต.ตลาด อ.เมือง จ.สุราษฎร์ธานีเปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น. วันที่ 2.วันนี้ต้องตื่นเช้าซักหน่อย เพราะเราจะไปชมทะเลหมอกกันที่ อุทยานธรรมเขานาในหลวง ต.ต้นยวน

เส้นทางท่องเที่ยว สุราษฎร์ธานี 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

#ภาพเก่าเล่าเรื่อง ตลาดน้ำคลองโพหัก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2518

#ภาพเก่าเล่าเรื่อง ตลาดน้ำคลองโพหัก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2518.ตลาดน้ำคลองโพหักตั้งอยู่บริเวณปากคลองโพหัก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี ที่นี่เป็นตลาดน้ำเก่าแก่ที่มีอายุกว่า 150 ปี ถือเป็นตลาดน้ำแห่งแรก ๆ ของจังหวัดราชบุรีเลยก็ว่าได้ ตลาดน้ำแห่งนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ ไม่ว่าจะเป็น ตลาดน้ำหลักห้า ตลาดน้ำปากคลองบัวงาม และตลาดน้ำหน้าวัดปราสาทสิทธิ์ เป็นต้น.ในอดีตตลาดน้ำแห่งนี้ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก เพราะเป็นศูนย์กลางในการค้าขายของเหล่าพ่อค้าแม่ค้าจากหลายพื้นที่ ทั้งในอำเภอดำเนินสะดวก และอำเภอบ้านแพ้ว จังหวัดสมุทรสาคร แต่เมื่อการดำเนินชีวิตของผู้คนเปลี่ยนไป โดยหันมาเดินทางทางบกมากขึ้น ทำให้การค้าขายทางเรือและชื่อของตลาดน้ำคลองโพหักค่อย ๆ เลือนหายไปตามกาลเวลา.อย่างไรก็ตาม ตลาดน้ำคลองโพหักได้รับการฟื้นฟูจากชาวบ้านและหน่วยงานในพื้นที่ ทำให้กลับมาคึกคักอีกครั้ง ภายใต้ชื่อ “ตลาดน้ำหลักห้า” ซึ่งเราจะยังได้เห็นบ้านเรือนและร้านค้าแบบดั้งเดิม ถ้าใครอยากไปสัมผัสบรรยากาศย้อนยุค หาของอร่อย ๆ ทานหรือนั่งชิลจิบกาแฟริมคลอง อย่าลืมแวะไปเที่ยวที่ตลาดน้ำหลักห้านะคะ ตลาดเปิดทุกวัน เวลา 09.00-15.00 น. ค่ะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 กันยายน 2563

#ภาพเก่าเล่าเรื่อง ตลาดน้ำคลองโพหัก อำเภอดำเนินสะดวก จังหวัดราชบุรี พ.ศ. 2518 อ่านเพิ่มเติม

#ภาพเก่าเล่าเรื่อง เขาขนาบน้ำ จังหวัดกระบี่ ปี พ.ศ. 2507

#ภาพเก่าเล่าเรื่อง เขาขนาบน้ำ จังหวัดกระบี่ ปี พ.ศ. 2507.เขาขนาบน้ำ ตั้งอยู่ที่ตำบลปากน้ำ อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ มีลักษณะเป็นเขาสองลูกที่ตั้งขนาบอยู่สองฝั่งของแม่น้ำกระบี่ จึงเป็นที่มาของชื่อ “เขาขนาบน้ำ”.ด้วยทำเลที่ตั้งที่อยู่บริเวณหน้าเมืองกระบี่ เขาขนาบน้ำจึงเปรียบเหมือนสัญลักษณ์ของเมือง และกลายเป็นภาพจำของนักท่องเที่ยวรวมทั้งผู้ที่สัญจรผ่านไปมาจวบจนปัจจุบัน.เขาขนาบน้ำมีถ้ำที่สามารถขึ้นไปเที่ยวชมได้ โดยมีการทำบันไดปูนเอาไว้ให้เดินได้อย่างสะดวก ภายในถ้ำมีหินงอกหินย้อยที่สวยงาม มีการจำลองวิถีชีวิตของมนุษย์โบราณ และภาพเขียนสีที่ผนังถ้ำ เนื่องจากมีหลักฐานว่าบริเวณนี้เคยเป็นที่อยู่อาศัยของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ รวมทั้งยังจำลองความเป็นอยู่ของทหารญี่ปุ่น เมื่อครั้งที่ใช้เขาขนาบน้ำแห่งนี้เป็นกองบัญชาการในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ด้วย.นอกจากนี้ยังมีการจัดแสดงโครงกระดูกของยักษ์ที่ถูกรัดด้วยโครงกระดูกพญานาคตามตำนานท้องถิ่น ผลงานศิลปะจากงาน “ไทยแลนด์เบียนนาเล่ กระบี่ 2018” เป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่ง.การเดินทางไปยังเขาขนาบน้ำ สามารถนั่งเรือจากท่าเรือเจ้าฟ้า (ลานปูดำ) ระยะทาง 5 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 15 นาที และเนื่องจากบริเวณนี้เป็นน้ำกร่อย ระหว่างทางเราจึงสามารถชมความสมบูรณ์ของป่าชายเลนและสัตว์ต่าง ๆ เช่น ปลาตีน ลิงแสม เป็นต้น เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 2 ตุลาคม 2563

#ภาพเก่าเล่าเรื่อง เขาขนาบน้ำ จังหวัดกระบี่ ปี พ.ศ. 2507 อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยว ระนอง-ชุมพร 3 วัน 2 คืน

ระนอง – ชุมพร 3 วัน 2 คืน  วันที่ 1– ภูเขาหญ้า– ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาการร่อนแร่ ชุมชนหาดส้มแป้น– น้ำนองฮอทสปา วันที่ 2 – วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลม่วงกลวง คลองลัดโนด– บ้านไร่ไออรุณ– จุดชมวิวเขามัทรี– บาติกผาแดง ครูอนงค์ วันที่ 3– จุดชมวิวป่าเขาเขียว– เจียฟาร์ม– หาดทุ่งวัวแล่น วันที่ 1.สถานที่แรกที่แอดไปก็คือ ภูเขาหญ้าตั้งอยู่ใน อ.เมือง มีลักษณะเป็นภูเขาที่ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น มีแต่ต้นหญ้าปกคลุม จึงเป็นที่มาของชื่อภูเขาหญ้า มีทางเดินเท้าขึ้นสู่สันเขาเพื่อชมวิวได้ 360 องศา ภูเขาแต่ละลูกไม่สูงมาก สามารถเดินเชื่อมถึงกันได้.ภูเขาหญ้าสามารถท่องเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ในช่วงฤดูแล้ง (เดือนพฤศจิกายน-เมษายน) ภูเขาหญ้าจะเป็นสีน้ำตาลทอง แต่เมื่อเข้าสู่ฤดูฝน (เดือนพฤษภาคม-ตุลาคม) ก็จะเปลี่ยนเป็นสีเขียว หลายคนจึงนิยมเรียกว่า “ภูเขาหญ้าสองสี”.ที่ตั้ง ม.1 ต.หงาว อ.เมือง จ.ระนองเปิดทุกวันไม่เสียค่าธรรมเนียม ศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาการร่อนแร่ ชุมชนหาดส้มแป้น.หาดส้มแป้น อยู่ห่างจากตัวเมืองเพียง 10 กิโลเมตร เป็นตำบลเล็ก ๆ ท่ามกลางหุบเขา ที่ยังคงเสน่ห์เฉพาะตัวของความเป็นหมู่บ้านที่มีแหล่งแร่ดีบุกเอาไว้ ที่สำคัญหากไปเที่ยวที่นี่ เราสามารถทำกิจกรรมร่อนแร่ได้ด้วยนะ.ที่ตั้ง ต.หาดส้มแป้น อ.เมือง จ.ระนองเปิดทุกวัน 09.00-16.00 น. (นัดล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน)โทร. 080 040 2425, 090 424 8513 (พี่สมโชค)Facebook : https://www.facebook.com/BaanHatsompaen/ “หาดส้มแป้น” เป็นชุมชนทำเหมืองเก่าที่สำคัญของ จ.ระนอง มาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน การทำเหมืองของที่นี่เป็นลักษณะของเหมืองฉีด (คือใช้กระบอกสูบน้ำ สูบดินทรายและแร่ขึ้นมาจากเหมือง) และเหมืองแล่น (ใช้น้ำฉีดไปที่หน้าดินเพื่อหาแร่) มีเพียงส่วนน้อยที่มีการทำแบบเหมืองหาบ (ใช้คนขุดและหาบแร่ไปล้าง) ชื่อ “หาดส้มแป้น” เพี้ยนมาจากคำว่า “ห้วยซัมเปียน” ในภาษาจีน ที่แปลว่าลึกเข้าไปในหุบเขา เนื่องจากการค้นหาแร่ดีบุกจะต้องเดินลึกเข้าไปเพื่อหาแร่ในหุบเขา ปัจจุบันแม้แร่ดีบุกจะลดน้อยลง แต่ก็มีการค้นพบแร่ดินขาวคุณภาพดีอันดับต้น ๆ ของเอเชีย ที่มีชื่อเสียงด้านความโปร่งใสของเนื้อดิน สามารถส่งออกขายทั้งในและต่างประเทศอีกด้วย ปิดท้ายวันแรกด้วย น้ำนองฮอทสปา.สปาน้ำแร่ร้อนธรรมชาติแห่งนี้ ตั้งอยู่ใกล้บ่อน้ำแร่ร้อนรักษะวาริน จุดเด่นของที่นี่คือ การใช้น้ำแร่ที่ต่อตรงมาจากบ่อน้ำร้อนรักษะวาริน ซึ่งถือเป็นน้ำแร่คุณภาพดีอันดับต้น ๆ ของโลกเลยทีเดียว มีคุณสมบัติพิเศษคือ ไม่มีกลิ่นกำมะถัน สามารถใช้ดื่มได้และอุดมไปด้วยแร่ธาตุที่เป็นประโยชน์ต่อร่างกายมากมาย.ที่ตั้ง ต.เขานิเวศน์ อ.เมือง จ.ระนองเปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.โทร. 084 625 3444, 077 828 388, 081 666 2285 ประโยชน์ของการแช่น้ำแร่– กระตุ้นการไหลเวียนโลหิตและช่วยขยายหลอดเลือด– คลายความปวดเมื่อย– บำรุงผิวพรรณ– กระตุ้นระบบเผาผลาญของร่างกาย. ที่นี่ยังมีบริการอื่น ๆ อีก เช่น– นวดคลายกล้ามเนื้อ-คลายเส้น– นวดแผนไทย– นวดหน้า– นวดเท้า– ขัดผิว วันที่ 2.วิสาหกิจชุมชนท่องเที่ยวตำบลบ้านม่วงกลวง คลองลัดโนด.หากใครอยากสัมผัสธรรมชาติแบบใกล้ชิดและทำกิจกรรมที่หลากหลาย แอดแนะนำให้มาที่นี่ เพราะมีทั้งล่องเรือชมวิว ปลูกป่าชายเลน กินอาหารทะเลสดอร่อยบนกระชังปลา และล่องแพเปียก.ที่ตั้ง ม.3 ต.ม่วงกลวง อ.กะเปอร์ จ.ระนองเปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น.โทร. 087 885 7965 (พี่ปรีชา), 082 278 6099 (ผู้ใหญ่ทวน) กิจกรรมแรกคือการนั่ง “เรือพรีส” ชมวิว เรือนี้มีลักษณะคล้ายเรือหางยาวลำเล็ก ๆ นั่งได้ไม่เกิน 3 คน รวมคนขับ.วันที่แอดไปมีฝนตกลงมา สมกับที่เป็น “เมืองฝนแปดแดดสี่” จริง ๆ เพราะฉะนั้นใครมาเที่ยวระนองต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะ เช็คสภาพอากาศล่วงหน้าด้วย แต่จริง ๆ นั่งเรือกลางสายฝนก็สนุกไปอีกแบบเลยล่ะ อีกจุดของที่นี่ ที่แอดชอบมากก็คือ กระชังปลา หรือเรียกว่าศูนย์เรียนรู้ลอยน้ำ ซึ่งเป็นจุดรับประทานอาหารกลางวันของเรา มาถึงระนองทั้งที ถ้าไม่กินอาหารทะเลก็อาจถูกแซวว่ามาไม่ถึง ขอบอกเลยว่าอาหารที่นี่อลังการมาก กุ้ง หอย ปู ปลา ละลานตาไปหมด แถมรับประกันความสดและความอร่อย เมนูที่ไม่อยากให้เพื่อน ๆ พลาดเลยก็คือ “แกงกุ้งใส่ใบส้มป่อย” ซุปใสรสชาติคล่องคอ อมเปรี้ยวนิด ๆ เนื้อกุ้งก็หวานเด้ง รสชาติเข้ากันมาก ๆ ขอเตือนไว้ก่อนเลยว่า อย่ากินเพลินจนลืมชมวิวนะ เพราะถึงแม้ว่าตอนล่องเรือฝนจะตก แต่พอฝนหยุดแล้ว สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาเป็นอะไรที่สุดยอดมากกก หมอกจาง ๆ บนภูเขา น้ำใส ๆ สะท้อนภาพท้องฟ้าที่เริ่มเปิด ลมเย็นพัดเอื่อย ๆ และอาหารอร่อย ๆ วางเต็มโต๊ะ เอาอะไรมาแลกก็ไม่ยอม กิจกรรมถัดไปตามโปรแกรมก็คือ การล่องแพเปียกชมสันหลังปึ้งกือ(สันหลังกิ้งกือ) ซึ่งชื่อนี้เป็นชื่อนี้ตั้งขึ้นเพื่อให้คล้องกับทะเลแหวกสันหลังมังกรที่ จ.สตูล และไฮไลท์สำคัญก็คือ การปลูกป่าชายเลน ที่นอกจากจะสนุกแล้ว ยังเป็นการช่วยเพิ่มทรัพยากรธรรมชาติอีกด้วย.แต่น่าเสียดายที่ฝนตกอีกรอบ ไม่สามารถล่องแพเปียกและปลูกป่าชายเลนได้ แต่ไม่ต้องห่วงนะ แอดหาภาพมาให้เพื่อน ๆ ดูแล้ว.แพ็กเกจ 1 วัน สำหรับ 2 – 60 คน เดินทางเอง ราคา 1,350 ต่อคนบริการรับ-ส่ง เมืองระนอง 1,900 ต่อคน.โปรแกรมกิจกรรม ณ คลองลัดโนดจุดนัดพบ ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ท่าเรือคลองลัดโนด–

เส้นทางท่องเที่ยว ระนอง-ชุมพร 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวสุพรรณบุรี 2 วัน 1 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวสุพรรณบุรี 2 วัน 1 คืน วันที่ 1– ตลาดบางลี่– สุ่มปลายักษ์ ตลาดน้ำสะพานโค้ง– คาเฟ่ เจดีย์– วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร.วันที่ 2– พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผา)– ร้านอาหาร Three of us– วัดเขาดีสลัก– ตลาดสีเขียว ณ สวนสวรรค์สุพรรณบุรี ตลาดบางลี่.ตลาดบางลี่เป็นตลาดเก่าแก่อายุกว่าร้อยปี ตั้งอยู่ริมคลองสองพี่น้อง ภายในมีสินค้ามากมายให้เลือกซื้อ ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคต่างๆ.ตลาดเปิดตั้งแต่เช้ามืดไปจนถึง 5 ทุ่ม โดยในตอนเช้าจะเป็นตลาดสด พ่อค้าแม่ค้าจะเริ่มตั้งแผงขายกันตั้งแต่ตี 4 พอช่วงสาย ร้านรวงต่างๆ ก็จะเปิดให้บริการ มีทั้งร้านอาหาร ร้านขายของชำ ส่วนตอนเย็นตลาดแห่งนี้ก็จะกลายเป็นตลาดโต้รุ่งที่มีอาหารหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารตามสั่ง ข้าวต้ม ก๋วยเตี๋ยว และของหวาน ถึงแม้ว่าตลาดบางลี่จะดูเหมือนตลาดธรรมดาทั่วๆ ไป แต่ก็มีเรื่องราวที่น่าสนใจ.เนื่องจากพื้นที่บริเวณนี้เป็นแอ่งกระทะ ในอดีตเมื่อถึงฤดูน้ำหลาก น้ำในคลองสองพี่น้องจะมีระดับสูงขึ้น ส่งผลให้ตลาดบางลี่มีน้ำท่วมสูงตลอดทุกปี ชาวบ้านจึงต้องอพยพขึ้นไปอยู่อาศัยและค้าขายบนชั้นสองของบ้าน รวมทั้งใช้เรือเป็นพาหนะในการสัญจรเพื่อติดต่อและซื้อขายสินค้ากัน และเมื่อถึงช่วงหน้าแล้งชาวบ้านก็จะกลับมาขายสินค้าที่ชั้นล่างเหมือนเดิม ตลาดแห่งนี้จึงได้รับการขนานนามว่า “ตลาดสองฤดู” .แต่ภายหลังได้มีการปรับพื้นที่บริเวณตลาดให้สูงขึ้น และปรับปรุงบ้านเรือนใหม่เกือบทั้งหมด ภาพตลาดดังกล่าวจึงกลายเป็นเพียงความทรงจำ.ที่มารูปภาพ: https://www.facebook.com/songpeenongmuni/ นอกจากนี้ บริเวณท่ารถในตลาด ยังมีอนุสาวรีย์สมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้ประชาชนได้กราบสักการะอีกด้วย .ถนนราษฎร์ดำรง ตำบลสองพี่น้อง อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีเปิดทุกวัน เวลา 04.00-23.00 น.  ที่ต่อมาแอดจะพาเพื่อนๆ ไปเดินหาของกินอร่อยๆ พร้อมชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศากัน.สุ่มปลายักษ์ ตลาดน้ำสะพานโค้ง.ตลาดน้ำสะพานโค้ง เป็นตลาดที่มีทางเดินที่ทำจากไม้ไผ่ลัดเลาะไปมาตามแนวริมคลองสองพี่น้อง และมีสะพานโค้งที่ทอดข้ามไปยังฝั่งวัดทองประดิษฐ์ ซึ่งเป็นที่มาของชื่อ “ตลาดน้ำสะพานโค้ง” นั่นเอง.ตำบลต้นตาล อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีเปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. ภายในตลาดมีทั้งอาหาร ขนมไทย ขนมหวาน เครื่องดื่มสมุนไพร และของฝากจากฝีมือของคนในชุมชน  ไฮไลต์ของตลาดน้ำแห่งนี้ก็คือ “สุ่มปลายักษ์”.สุ่มปลายักษ์ เป็นหอชมวิวขนาดใหญ่ สูง 20 เมตร มีรูปทรงแบบสุ่มจับปลา เกิดจากความร่วมมือของคนในชุมชนที่นำไม้ไผ่จำนวนมากมาใช้ในการก่อสร้าง ด้านในสุ่มมีบันไดไม้ไผ่ให้เดินขึ้นไปจนถึงด้านบนสุดเพื่อชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศา.สุ่มจับปลา เป็นเครื่องมือเครื่องใช้ในการทำมาหากินที่บ่งบอกถึงความเป็นชุมชนเกษตรกรรมของชาวอำเภอสองพี่น้องมาตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน และยังเป็นสัญลักษณ์ที่แสดงถึงความอุดมสมบูรณ์ของชุมชน สมกับเป็นเมืองอู่ข้าวอู่น้ำอีกด้วย เมื่อเดินมาจนสุดตลาดน้ำ ก็จะมีสะพานไม้ข้ามไปยังอีกฝั่งของคลอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดทองประดิษฐ์ และยังมีคาเฟ่ที่แอดจะพาเพื่อนๆ ไปกัน คาเฟ่ เจดีย์ .ริมคลองสองพี่น้อง ตำบลบางเลน อำเภอสองพี่น้อง จังหวัดสุพรรณบุรีโทร. 086 537 7761เปิดวันพฤหัสบดี-อังคาร เวลา 08.00-17.00 น. (ปิดทุกวันพุธ) คาเฟ่ เจดีย์ เป็นคาเฟ่เล็กๆ ภายในตกแต่งแบบเรียบง่าย มีที่นั่งทั้งด้านในร้านและระเบียงริมน้ำ คาเฟ่ เจดีย์ ให้บริการของหวานและเครื่องดื่ม น่าทานทั้งนั้น .เมนูแนะนำต้องนี่เลย “เค้กมะพร้าวอ่อน” รสชาติหวานกำลังดี กลิ่นหอม เนื้อเค้กก็นุ่มมากๆ  เครื่องดื่มของที่นี่ก็มีหลากหลายให้เลือก ไม่ว่าจะเป็นชา กาแฟ หรือน้ำผลไม้โซดา ก็มีครบเลยจ้า บอกเลยว่าบรรยากาศของร้านดีมาก นอกจากอากาศจะดี ลมพัดเย็นสบายแล้ว ยังเป็นจุดที่สามารถชมวิวตลาดน้ำและสุ่มปลายักษ์ได้อย่างสวยงามอีกด้วย ออกเดินทางไปที่อำเภอเมืองสุพรรณบุรีกัน .วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร.หากใครได้มาจังหวัดสุพรรณบุรีแล้วล่ะก็ ต้องไม่พลาดที่จะมากราบสักการะหลวงพ่อโต ณ วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร.วัดเก่าแก่แห่งนี้ได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์ครั้งใหญ่ในสมัยรัชกาลที่ 4 โดยมีการสร้างพระวิหารขึ้นใหม่ และประดับตราพระราชลัญจกรในพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รูปพระมหาพิชัยมงกุฏไว้ที่หน้าบันของพระวิหารด้วย ภายในพระวิหารประดิษฐาน “หลวงพ่อโต” ซึ่งเป็นพระพุทธรูปปูนปั้นปางป่าเลไลยก์ ศิลปะอู่ทอง มีความสูงถึง 23.47 เมตร ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ สันนิษฐานว่าเดิมหลวงพ่อโตเป็นพระพุทธรูปปางปฐมเทศนา แต่ภายหลังชำรุดจึงได้บูรณะซ่อมแซมใหม่ให้เป็นปางป่าเลไลยก์ นับเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของชาวจังหวัดสุพรรณบุรี วัดแห่งนี้ ยังมีความเกี่ยวข้องกับวรรณคดีเรื่อง “ขุนช้างขุนแผน” โดยเป็นวัดที่ตามเรื่องกล่าวว่าขุนแผนเคยเล่าเรียน ซึ่งที่ระเบียงคดรอบพระวิหารก็มีการวาดภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องขุนช้างขุนแผนเอาไว้อย่างสวยงาม.นอกจากนี้ ภายในวัดยังมี “เรือนขุนช้าง” เป็นเรือนไทยประยุกต์หลังใหญ่ สร้างจำลองให้เป็นเรือนของขุนช้างตามในวรรณคดี บนเรือนมีภาพวาดเล่าเรื่องขุนช้างขุนแผน และมีการจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ในสมัยก่อนให้ได้ชม.ที่ตั้ง 249 ถนนมาลัยแมน ตำบลรั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีโทร. 092 590 9595 เริ่มต้นการเดินทางในวันที่สอง แอดจะพาเพื่อนๆ ไปเที่ยวกันที่อำเภออู่ทอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของเมืองโบราณในวัฒนธรรมทวารวดี อันเป็นยุคเริ่มแรกของการเผยแผ่พระพุทธศาสนาเข้ามาในดินแดนสุวรรณภูมิ.พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ (พระพุทธรูปแกะสลักหน้าผา).“พระพุทธปุษยคีรีศรีสุวรรณภูมิ” หรือ “หลวงพ่ออู่ทอง” เป็นพระพุทธรูปที่แกะสลักบนหน้าผา อยู่ในบริเวณวัดเขาทำเทียม ซึ่งเดิมพื้นที่นี้เป็นเหมืองหินเก่าที่หมดสัมปทานไปแล้ว ต่อมา พ.ศ.2557 เจ้าอาวาสวัดป่าเลไลยก์วรวิหารได้เข้ามาพัฒนาและสร้างเป็นพุทธมณฑลของจังหวัดสุพรรณบุรี.องค์หลวงพ่ออู่ทองนั้นเป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะอู่ทอง มีความสูงถึง 108 เมตร ฐานกว้าง 88 เมตร และหน้าตักกว้าง 65 เมตร นับว่าเป็นพระพุทธรูปแกะสลักหน้าผาที่ใหญ่ที่สุดในโลก บริเวณด้านหลังองค์พระ มีการเจาะอุโมงค์เข้าไปในหน้าผาเป็นถ้ำ เรียกว่า “ถ้ำมังกรบิน” ภายในมีรอยพระพุทธบาท และพระพุทธรูปประดิษฐานอยู่.แอดได้ยินมาว่า เร็วๆ นี้ทางวัดจะมีการสร้างสกายวอล์กสำหรับชมทัศนียภาพรอบหน้าผาด้วย ซึ่งในช่วงเวลาที่มีการก่อสร้าง พื้นที่บริเวณนี้ก็จะปิดชั่วคราวนะคะ ต้องรีบไปชมกันแล้วล่ะ.ที่ตั้ง ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง สุพรรณบุรี ร้านอาหาร Three of us .เป็นร้านอาหารเล็กๆ ตกแต่งสไตล์อิงลิช คอทเทจ ตั้งอยู่ท่ามกลางบรรยากาศสวนอันร่มรื่น ใครเห็นเป็นต้องอยากถ่ายรูปเช็คอินก่อนเข้าร้านแน่นอน ร้านนี้มีที่นั่งให้เลือก 2 โซน ด้านในร้านจะให้อารมณ์เหมือนอยู่ในบ้านสไตล์อังกฤษ หรือถ้านั่งในสวนก็จะชิลๆ เก๋ๆ ไปอีกแบบ นอกจากบรรยากาศจะดีแล้ว อาหารของร้านนี้ก็น่าทานมากเช่นกันค่ะ ที่ร้านให้บริการอาหารไทย-ยุโรป ของหวาน และเครื่องดื่มหลากหลายเมนู.เมนูที่แอดสั่งมาได้แก่ ไก่อบ Three of us ซึ่งเป็นเมนู Signature ของร้าน เสิร์ฟคู่กับข้าวสวยร้อนๆ ฟินมากกก ยำมะม่วงปลาทับทิมทอด รับประทานอาหารเสร็จแล้ว ก็ตามด้วยเครื่องดื่มเย็นๆ ชื่นใจเลยจ้า.ที่ตั้ง ตำบลอู่ทอง อำเภออู่ทอง จังหวัดสุพรรณบุรีโทร

เส้นทางท่องเที่ยวสุพรรณบุรี 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวพังงา 2 วัน 1 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวพังงา 2 วัน 1 คืน วันที่ 1– สะพานไม้เก่า หาดเขาปิหลาย– วัดท่าไทร หรือ วัดเทสก์ธรรมนาวา– หาดเขาหลัก– Better Surf Thailand วันที่ 2– สะพานเหล็กโคกขนุน– เมืองเก่าตะกั่วป่า– ล่องเรือคลองสังเน่ห์ วันที่ 1.เริ่มกันที่ สะพานไม้เก่า หาดเขาปิหลาย.สะพานแห่งนี้ เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับขนแร่ดีบุกจากแหล่งแร่ในทะเลมายังโรงแยกแร่บนฝั่ง ซึ่งสะพานแห่งนี้ถูกใช้งานมายาวนานกว่า 100 ปี เมื่อหมดยุคเหมืองแร่ สะพานแห่งนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างจนชำรุดทรุดโทรมลง และกลายมาเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวและเหล่าช่างภาพต่างแวะเวียนมาอยู่เสมอ.สะพานไม้เก่า หาดเขาปิหลายที่ตั้ง ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน ที่ต่อมาเรามากันที่ วัดท่าไทร หรือ วัดเทสก์ธรรมนาวา.ในอดีตบริเวณนี้เรียกว่า “ป่าท่าไทร” เนื่องจากมีต้นไม้ขึ้นอยู่เต็มพื้นที่ และยังเคยเป็น “ป่าช้า” ที่ชาวบ้านในพื้นที่และละแวกใกล้เคียงนำศพมาเผาหรือฝัง.ภายหลังป่าท่าไทรได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นวัด ชื่อว่า วัดท่าไทร และต่อมาเปลี่ยนเป็น วัดเทสก์ธรรมนาวา สิ่งที่น่าสนใจในวัดแห่งนี้ก็คือ อุโบสถที่สร้างจากไม้สัก ตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักอ่อนช้อยสวยงาม.โดยรูปแบบของอุโบสถนั้นถอดแบบมาจาก อุโบสถวัดอรัญวาสี อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ผสมผสานกับการแกะสลักไม้จากช่างชาวเชียงใหม่ ภายในประดิษฐานพระประธานคือ พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา แกะสลักจากหินหยกขาว มีขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 55 นิ้ว สูงประมาณ 2.15 เมตร และพระพุทธปางต่าง ๆ ใกล้กับอุโบสถ มีชายหาดทอดยาว สามารถเดินเล่นรับลมทะเลได้ บริเวณชายหาดแห่งนี้ยังเป็นจุดที่เต่าทะเล มาวางไข่ในฤดูวางไข่อีกด้วย.วัดเทสก์ธรรมนาวาที่ตั้ง บ้านท่าแตง ตำบลนาเตย อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. ถัดมาที่ หาดเขาหลัก.หาดแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จักและได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ.บริเวณนี้มีหาดทรายกว้างและก้อนหินก้อนเรียงรายอยู่มากมาย ร่มรื่นด้วยต้นสน ต้นมะพร้าว บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน.บริเวณริมชายหาดยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่งที่สร้างได้กลมกลืนกับบรรยากาศของชายทะเล.หาดเขาหลักอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน อีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในบริเวณหาดเขาหลักคือ การเล่นกิจกรรมโต้คลื่น.การเตรียมตัวก่อนเรียนโต้คลื่น1. ก่อนเรียนควรรับประทานอาหารและดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดอาการจุกระหว่างเล่น2. สำหรับผู้เริ่มเรียน แนะนำให้ใส่ชุดว่ายน้ำแบบ Rash guard (ชุดว่ายน้ำแขนยาว) เพื่อลดการเสียดสีระหว่างร่างกายกับกระดานโต้คลื่น ไม่แนะนำให้ถอดเสื้อ หรือใส่ชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่ (Bikini) เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้3. สำหรับผู้เริ่มเล่น แนะนำให้ใช้กระดานโต้คลื่นแบบ Soft-top ซึ่งเป็นโฟมที่มีผิวนุ่ม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ แต่สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานแล้ว สามารถใช้กระดานแบบ Hard Board ที่ทำจาก Fiberglass PU หรือ Epoxy จะเป็นพื้นผิวสัมผัสที่แข็งกว่าได้4. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมสำหรับการเล่นโต้คลื่น ในครั้งนี้แอดใช้บริการของ Better Surf Thailand ราคาเริ่มต้นที่ 1,200 บาท ต่อคน.ราคานี้รวมการสอนทฤษฎีบนบก 30-45 นาที และลงเล่น Surf จริงในน้ำอีก 1 ชั่วโมง.สำหรับใครที่ไม่มีพื้นฐานในการเล่น Surf ก็สามารถลองเล่นได้ เพราะจะมีการสอนทฤษฎีก่อน และเมื่อลงเล่นจริงครูฝึกก็จะคอยประกบอยู่ข้าง ๆ ตลอดเลยล่ะ สำหรับผู้ที่เล่นเป็นหรือมีพื้นฐานแล้ว สามารถเช่ากระดานเล่นได้ ค่าเช่ากระดานชั่วโมงละ 300 บาท หรือเหมาจ่ายทั้งวัน 500 บาท.Better Surf Thailandที่ตั้ง Memories Beach ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.โทร. 082 424 9257Facebook: Better Surf ThailandLine : @Bettersurf หรือ กดที่นี่ http://bit.ly/2QAoEbSดูข้อมูลภาพกิจกรรมและวิดีโอได้ที่ www.bettersurfthailand.com วันที่ 2 เริ่มต้นที่ สะพานเหล็กโคกขนุน.สะพานเหล็กโคกขนุน หรือ สะพานเหล็กบุญสูง เป็นสะพานที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเส้นทางให้ชาวบ้านสัญจรข้ามแม่น้ำตะกั่วป่าในสมัยทำเหมือง มีความยาวประมาณ 200 เมตร ตัวสะพานทำจากเหล็กของเรือขุดแร่ที่ไม่ได้ใช้การแล้ว ซึ่งเปิดให้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์สัญจรไปมาได้เท่านั้น.ปัจจุบัน สะพานเหล็กแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวหรือผู้คนที่ผ่านไปมามักจะแวะถ่ายรูปอยู่เสมอ.สะพานเหล็กโคกขนุนตำบลบางนายสี อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน ไปต่อกันที่เมืองเก่าตะกั่วป่า.ย้อนวันวานอันงดงามของตะกั่วป่า ด้วยการเดินถ่ายรูปบนถนนศรีตะกั่วป่า ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถนนสายนี้ สะท้อนถึงความสวยงามในอดีตของเมืองตะกั่วป่าได้เป็นอย่างดี มีตึกเก่าเรียงรายอยู่อย่างสวยงาม มองไปตรงไหนก็ดูคลาสสิก ถ่ายรูปได้หลายมุมเลย นอกจากนั้นยังมี Street Art ให้เราไปถ่ายรูปด้วยนะ เมืองเก่าตะกั่วป่าถนนศรีตะกั่วป่า ตำบลตะกั่วป่า อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน ปิดท้ายกันที่ กิจกรรมล่องเรือคลองสังเน่ห์.ในอดีตคลองสังเน่ห์ เป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำที่สามารถล่องไปได้จนถึงทะเลอันดามัน ปัจจุบัน คลองแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยม กิจกรรมหลักคือล่องเรือพายหรือเรือยนต์ขนาดเล็กไปชมลำคลอง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง.ระหว่างทางจะพบอุโมงค์ต้นไทรขึ้นปกคลุมทั้งสองฝั่งคลอง ทัศนียภาพคล้ายกับลุ่มน้ำอะเมซอน จนหลาย ๆ คนเรียกที่นี่ว่า “ลิตเติ้ลอะเมซอน (Little Amazon)” กิจกรรมล่องเรือคลองสังเน่ห์ตำบลบางนายสี อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาค่าบริการ– เรือพาย ลำละ 500 บาท นั่งได้ 2 คน– เรือยนต์ ลำละ 700 บาท นั่งได้ 2 คนเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.โทร. 086 953 1789 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 12 สิงหาคม 2563

เส้นทางท่องเที่ยวพังงา 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน วันที่ 1– RAVI RIVA Café– เมืองมัลลิกา ร.ศ.124– The For Rest Resort วันที่ 2– สถานีรถไฟน้ำตก– ถ้ำกระแซ– สะพานข้ามแม่น้ำแคว– ต้นจามจุรียักษ์– BRAME Tea & Taste RAVI RIVA Café.กองทัพต้องเดินด้วยท้อง แอดขอเริ่มต้นการเดินทางที่คาเฟ่ริมน้ำ “ราวี รีวา” ตั้งอยู่ริมแม่น้ำแม่กลอง เป็นร้านกาแฟสไตล์สวนอังกฤษ วินเทจเบา ๆ มุมถ่ายรูปเยอะมาก ๆ สำหรับคนรักการถ่ายรูป บอกเลยว่าถูกใจแน่นอน ร้านแบ่งออกเป็น 2 โซน โซนเรือนกระจกและโซนริมน้ำ สำหรับโซนเรือนกระจกมีประมาณ 3 หลัง แต่ละหลังตกแต่งด้วยไม้ดอกไม้ประดับนานาชนิด รวมไปถึงของสะสมหลากหลายชิ้น มีทั้งเซรามิก แก้ว จาน ชามแนววินเทจตั้งโชว์อย่างสวยงาม สำหรับโซนริมน้ำจะติดกับแม่น้ำแม่กลอง ซึ่งจะแยกออกมาจากตัวร้านและข้ามถนนมาอีกฝั่ง จะเป็นมุมถ่ายรูปที่ทางร้านได้จัดเตรียมไว้ให้แล้ว มีทั้งเก้าอี้ไม้ เปลตาข่าย ที่เราสามารถไปนั่งแช่เท้ากันได้อย่างชิล ๆ บอกเลยว่าชุดต้องจัดเต็มนะคะ สวยทุกมุมจริง ๆ เมนูอาหารมีความหลากหลาย ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารจานเดียว ของกินเล่น เบเกอรีและเครื่องดื่มก็มีพร้อมเสิร์ฟทุกเมนู เลือกกันได้ตามชอบเลย.ที่ตั้ง 87/2 หมู่ 2 ท่าแค ซอย 3 ตำบลวังศาลา อำเภอท่าม่วง จังหวัดกาญจนบุรีเปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.00 น.โทร. 09 0909 8950 เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 เมืองมัลลิกา เป็นเมืองจำลองย้อนยุคในสมัยรัชกาลที่ 5 ตั้งแต่ร.ศ.124 ที่ยกมาทั้งวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ อาคารบ้านเรือนต่าง ๆ อีกทั้งยังมีอาหารและขนมโบราณหากินยากให้เราได้ลิ้มลองกันอีกด้วย ซึ่งเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดสุดคือ การเลิกทาส ภายในเมืองมัลลิกามีจุดที่น่าสนใจให้เราได้ชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นย่านการค้า สะพานหัน หอชมเมือง เรือนคหบดี เรือนเดี่ยว เรือนหมู่ เรือนแพ โรงครัว ลานมะลิ และห้องเล่าเรื่อง ในย่านค้าขายภายในเมืองจะใช้ “เงินรู” เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นเงินตราที่ใช้กันในสมัยโบราณทั้งสมัยสุโขทัยและอยุธยา ไฮไลต์ห้ามพลาดคือการแต่งชุดไทย ห่มสไบให้เข้ากับบรรยากาศ นักท่องเที่ยวสามารถเช่าชุดไทยได้ที่จุดบริการเช่าชุดไทย หรือใครจะแต่งมาเองก็ได้เช่นกัน เราจะเห็นพ่อค้าแม่ค้าที่เมืองมัลลิกาแต่งชุดไทยกันทุกร้าน แม้แต่ภาษาที่ใช้สื่อสารจะลงท้ายด้วยขอรับและเจ้าค่ะ เข้ากับบรรยากาศสุด ๆ นอกจากนี้ที่นี่ยังให้บริการอาหารไทยโบราณแบบบุฟเฟต์ มีทั้งอาหารกลางวันและอาหารเย็นสำหรับช่วงเย็นจะมีการแสดงนาฏศิลป์ด้วยนะคะ หากใครซื้อบัตรอาหารเย็นพร้อมชมการแสดง ก็จะได้เห็นบรรยากาศแบบนี้เลย**สำรองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน** ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 200 บาท เด็กและผู้สูงอายุ 100 บาทบัตรเข้าชม+ชุดไทย 350 บาทบัตรเข้าชม+อาหารกลางวัน(บุฟเฟต์) 450 บาทบัตรเข้าชม+อาหารกลางวัน(บุฟเฟต์)+ชุดไทย 600 บาท.168 หมู่ 5 ตำบลสิงห์ อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีเปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น. (ปิดจำหน่ายบัตร 17.00 น.)โทร. 034 540 884, 063 221 4564 The For Rest Resort.สำหรับเย็นวันนี้เราเดินทางมาที่ The For Rest Resort ตั้งอยู่ที่อำเภอไทรโยค ริมน้ำแคว หากใครเหนื่อยล้าจากการทำงาน อยากพักผ่อนชิล ๆ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจท่ามกลางป่าเขาและสายน้ำ บรรยากาศดีสุด ๆ ยิ่งได้มากับแก๊งค์เพื่อนยิ่งสนุกเลยละ ที่นี่เป็นที่พักแบบแพริมน้ำแบ่งออกเป็น 3 แบบ คือ ห้องธรรมดา ห้อง Sweet Rooms และห้อง VIP Rooms ซึ่งทุกห้องจะมีระเบียงชมวิวส่วนตัว รวมถึงเปลตาข่ายที่เป็นจุดเด่นของแพริมน้ำแห่งนี้ด้วยราคาเริ่มต้น 1,200 – 1,500 บาท ราคานี้รวมอาหารเย็น อาหารเช้า(บุฟเฟต์) และล่องแพเรียบร้อย.นอกจากนี้ยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกที่หลากหลายไม่ว่าเป็น สระว่ายน้ำ จุดจำหน่ายของใช้ส่วนตัวและขนมต่าง ๆ สำหรับไฮไลต์ห้ามพลาด คือกิจกรรมยอดฮิตอย่างล่องแพเปียก บอกเลยว่าใครไปแล้วต้องห้ามพลาด ไม่อย่างนั้นจะเรียกว่ามาไม่ถึงนะ สำหรับการล่องแพนักท่องเที่ยวจะต้องสวมชูชีพเพื่อความปลอดภัยทุกครั้ง แพจะถูกลากไปตามแม่น้ำ ใช้ระยะเวลาประมาณ 30 นาที จนถึงจุดปล่อยให้นักท่องเที่ยวโดดน้ำกันได้อย่างสนุกสนาน ว่ายน้ำลอยคอกลับรีสอร์ทกันเอง สำหรับรอบล่องแพมีทั้งหมด 3 รอบรอบที่ 1 เวลา 15.30 น.รอบที่ 2 เวลา 16.30 น.รอบที่ 3 เวลา 17.30 น. บรรยากาศระหว่างทางบอกได้เลยว่าดีมาก มองทางไหนก็สดชื่นไปหมด แล้วสามารถไปเที่ยวได้ตลอดทั้งปี แต่หากไปในช่วงฤดูฝนจะมีหมอกยามเช้าสวยงามไม่แพ้ฤดูหนาวเลยละ.99/15 หมู่ 8 ตำบลไทรโยค อำเภอไทรโยค จังหวัดกาญจนบุรีเปิดทุกวัน 08.00-22.00 น.โทร. 06 1545 7887, 09 5526 4478 สถานีรถไฟน้ำตก.แวะถ่ายรูปเก๋ ๆ ที่ “สถานีรถไฟน้ำตก” เดิมชื่อ “สถานีท่าเสา” ซึ่งมาจากชื่อของหมู่บ้าน สร้างในสมัยหลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเปลี่ยนจากชื่อ สถานีท่าเสาเป็นสถานีน้ำตก เนื่องจากเป็นชื่อที่คล้องกับสถานีรถไฟท่าเสา ของจังหวัดอุตรดิตถ์ และเพื่อให้คล้องกับสถานที่ใกล้เคียงของสถานีรถไฟน้ำตก คือน้ำตกไทรโยคน้อย (น้ำตกเขาพัง)

เส้นทางท่องเที่ยวกาญจนบุรี 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top