สถานที่ท่องเที่ยว

ชวนมา Slowlife ที่อุทัยธานี

เมื่อพูดถึงจังหวัดอุทัยธานี หลายคนก็จะแบบ…เอ๊ะ! อุทัยธานีมีอะไรให้เที่ยวด้วยหรอ? เเต่ความจริงเเล้วที่อุทัยธานีมีที่เที่ยวเยอะมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ชุมชนนวัตวิถี วัดวาอารามต่าง ๆ อีกทั้งยังเป็นเมืองแห่งความสโลว์ไลฟ์ชั้นดีเลยทีเดียว สามารถมาปั่นจักรยานชิลล์ ๆ ริมแม่น้ำสะแกกรัง หรือจะปั่นไปเที่ยวรอบเกาะเทโพ ดูวิถีชีวิตชุมชนชาวแพที่เป็นเอกลักษณ์ของอุทัยธานี เรื่องอาหารการกินก็มีเสน่ห์ มีร้านขนมปังสังขยาเจ้าดั้งเดิมที่อร่อยมาก ๆ ปลาเค็มย่างสูตรเด็ด รวมถึงปลาส้มที่รสชาติไม่เหมือนใคร หืม เปรี้ยวปาก! วันนี้แอดมินจะพาไปรู้จัก 10 จุดเช็คอินห้ามพลาด เมื่อมาเยือนเมืองอุทัยธานี เริ่ม!!! #อุทัยธานี #slowlife #เที่ยวไทยแบบการ์ดไม่ตก วัดจันทาราม หรือวัดท่าซุง เป็นวัดเก่าเเก่ของจังหวัดอุทัยธานีมีความสวยงามมาก เอกลักษณ์ของวัดนี้คือมีพระวิหารเเก้วซึ่งเป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธชินราชจำลอง เเละสังขารของหลวงพ่อฤาษีลิงดำที่ไม่เน่าเปื่อย.พิกัด: https://goo.gl/maps/qFM1DZ8WquBxXcvL9เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. ภายในพระวิหารแก้ว ถนนคนเดินตรอกโรงยา สถานที่ที่สะท้อนเรื่องราวเเละความเป็นมาของจังหวัดอุทัยธานี มีบ้านไม้เก่าแก่สุดคลาสสิคที่ถูกปรับปรุงให้เป็นร้านค้า ร้านอาหาร คาเฟ่ต่าง ๆ ในตอนเย็นจะมีร้านอาหารทั้งคาวเเละหวาน ขนมโบราณ เเละของที่ระลึกน่ารัก ๆ สำหรับซื้อไปเป็นของฝากได้. พิกัด https://goo.gl/maps/qM7MYV4nffBkyC2TA เปิดวันเสาร์ เวลา 15.00-20.00 น. เขาสะแกกรัง แต่เดิมเรียกกันว่าเขาแก้ว เป็นที่ตั้งของวัดสังกัสรัตนคีรี บนยอดเขาสามารถจุดชมวิวเมืองอุทัยธานีได้ และมีศาสนสถานหลายแห่ง ทั้งวิหารพระพุทธรูปสำคัญ วิหารพระบรมสารีริกธาตุ ศาลเจ้าจีน นอกจากนี้ยังเป็นที่ตั้งของมณฑปประดิษฐานรอยพระพุทธบาทจำลอง ด้านหน้ามีระฆังใบใหญ่ที่พระปลัดใจ ที่ชาวอุทัยธานีร่วมกันสร้าง ถือกันว่าเป็น ระฆังศักดิ์สิทธิ์ใครมาแล้วต้องตีเพื่อความเป็นสิริมงคล.พิกัด https://goo.gl/maps/HTejDV288RPrWAMG9เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. ในปัจจุบันวิถีชีวิตริมแม่น้ำสะแกกรังยังมีการคงไว้ซึ่งกลิ่นอายของวิถีชีวิตแบบชุนชนชาวแพ สองข้างของแม่น้ำสะแกกรังเต็มไปด้วยบ้านเรือนแพทอดยาวไปตามแนวโค้งของแม่น้ำ สามารถเดินชมวิถีชีวิตชาวแพได้ หรือใช้บริการเรือนำเที่ยวชมวิถีชีวิตริมน้ำซึ่งท่าเรือจะตั้งอยู่บริเวณตลาดสดเทศบาล หรือจะไปปั่นจักรยานชิลล์ ๆ ชมนกชมไม้.พิกัด https://goo.gl/maps/DPikbQi9gcFZZKuf7เปิดให้เข้าชมทุกวัน ชุมชนชาวแพตลอดริมสองฝั่งของแม่น้ำสะแกกรัง วัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ เป็นวัดเก่าแก่ริมแม่น้ำสะแกกรัง ภายในโบสถ์เเละวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น เเละมีมณฑปทรงแปดเหลี่ยมทลักษณะคล้ายสถาปัตยกรรมตะวันตก ถือได้ว่าเป็นวัดที่มีความสวยงามมาก ๆ.พิกัด https://goo.gl/maps/Hyne4hQSRfeZ1X3XAเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. หุบป่าตาด ดินแดนดึกดำบรรพ์ สถานที่ Unseen ของจังหวัดอุทัยธานี หุบป่าตาดมีลักษณะเป็นโถงถ้ำขนาดใหญ่ มีหินงอก หินย้อย ภายในคือผืนป่าที่เต็มไปด้วยต้นตาดและพืชพันธุ์โบราณแปลกตา ขึ้นปกคลุมตลอดเส้นทางเดิน เเละยังมีกิ้งกือมังกรสีชมพู ที่หาชมได้ยากมาก ๆ เหมาะสำหรับเพื่อน ๆ ที่สนใจศึกษาเส้นทางธรรมชาติ.พิกัด https://goo.gl/maps/CipzWLN1tKKjQpvd6เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น. บ้านชายเขา สวิสเซอร์แลน์เมืองไทย บ้านชายเขา แหล่งทางเที่ยวเปิดใหม่ของอุทัยธานี อยู่ห่างจากหุบป่าตาดเพียง 2 กิโลเมตร เราจะได้เห็นวิวภูเขาหินปูนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ล้อมรอบเราไว้ นอกจากนี้ยังมีร้านอาหาร ที่มีทั้ง อาหารจานเดียว ส้มตำ ลาบหมู น้ำตก ไว้บริการอีกด้วย.พิกัด https://goo.gl/maps/6sF2uws7j416Wm2d9เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. ต้นไม้ยักษ์อายุหลายร้อยปี ต้นไม้ต้นนี้อยู่ที่ชุมชนบ้านสะนำ ชาวบ้านเรียกว่าต้นผึ้งหรือต้นเชียง ซึ่งคุณลุงเจ้าของบอกว่า จะอนุรักษ์ไว้ให้คนรุ่นหลังได้ชมกัน ระหว่างทางเดินเข้าไปจะมีร้านค้าของชาวบ้าน นำสินค้าชุมชนมาขาย ถือเป็นอีกนึงจุดเช็คอินที่มีความน่าสนใจ สามารถหามุมถ่ายรูปแบบชิค ๆ ได้เยอะมาก.พิกัด https://goo.gl/maps/aGhZfAigUVVZwifd7เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น.  ตลาดซาวไฮ่ แหล่งรวมสินค้าชุมชนราคาถูก ทั้งผักสดพื้นบ้าน ขนมโบราณ ผ้าทอ เครื่องจักสาน เสื้อผ้า งานคราฟท์ มัดย้อมต่าง ๆ ให้ผู้ที่มาเยือนได้เลือกซื้อ บรรดาพ่อค้าแม่ค้าก็น่ารักมาก ๆ เป็นกันเองสุด ๆ บอกได้เลยว่าของเขาดีจริง ๆ.พิกัด https://goo.gl/maps/cJx2Ffs4EruxWfZb7เปิดให้เข้าชมวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-17.00 น.  วัดถ้ำเขาวง วัดนี้ถือเป็น Unseen ของอุทัยธานีอีกที่ วัดถ้ำเขาวงมีลักษณะเป็นเรีอนไทยประยุกต์สวยงาม สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง ตัววัดตั้งอยู่ติดริมเขา ด้านหลังเป็นภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ นอกจากนี้หน้าวัดยังมีสระน้ำขนาดใหญ่ และมีสะพานข้าม มีจุดนั่งและยืนชมวิวที่สามารถมองเห็นตัววัดได้จากสะพานกลายเป็นภาพที่งดงาม.พิกัด https://goo.gl/maps/iqaYz1mFtJkB6dk76เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00-16.30 น. หากเพื่อน ๆ ต้องการข้อมูลเพิ่มเติม สามารถ Scan QR Code นี้ เพื่อดู E-Book ของจังหวัดอุทัยธานีได้เลย หรือดาวน์โหลดได้ที่ E-Book อุทัยธานี: https://bit.ly/3pA1l0Q

ชวนมา Slowlife ที่อุทัยธานี อ่านเพิ่มเติม

สุขใจใกล้กรุง เที่ยวอ่างทอง-สิงห์บุรี 2 วัน 1 คืน

ใครที่กำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุง แอดอยากชวนให้ไปเที่ยวจังหวัดอ่างทองและสิงห์บุรี เพราะเดินทางง่าย ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ ก็ถึงแล้ว . หลายคนอาจคิดว่าสองจังหวัดนี้มีแต่วัดให้เที่ยว แอดไม่เถียงค่ะ ก็มีวัดเยอะจริง ๆ ด้วย แต่วัดของอ่างทองและสิงห์บุรีเป็นวัดที่สวยงามน่าเที่ยว และยังเป็นที่เลื่อมใสศรัทธาชนิดที่ใคร ๆ ต่างก็เดินทางไปขอพรกันนะคะ แต่ทริปนี้เราไม่ได้เที่ยวแต่วัดแน่นอน เพราะแอดมีตลาดย้อนยุคเก๋ ๆ กับคาเฟ่น่ารัก ๆ มาเอาใจสายกินกันด้วย #TravelLikeaLocal อ่างทอง1. บ้านหุ่นเหล็ก2. พิพิธภัณฑ์ตำนานเมืองอ่างทอง3. วัดม่วง4. ตลาดศาลเจ้าโรงทอง5. อินทร์โตฟาร์ม สิงห์บุรี6. Inkit Cafe Analog7. อุทยานวีรชนค่ายบางระจัน8. ตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน9. วัดพิกุลทอง วันที่ 1.บ้านหุ่นเหล็ก เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของ คุณไพโรจน์ ถนอมวงษ์ ที่นำเศษเหล็กและอะไหล่รถยนต์เก่า ๆ มาประดิษฐ์เป็นประติมากรรมหุ่นยนต์หลายแบบจนโด่งดังไปไกลถึงต่างประเทศ เมื่อเข้าไปด้านในบ้านหุ่นเหล็กจะพบกับอาณาจักรหุ่นยนต์และสิ่งประดิษฐ์ต่าง ๆ ไม่ว่าเป็น หุ่นยนต์ซุปเปอร์ฮีโร่จากภาพยนตร์ดังอย่าง ไอรอนแมน ฮัลค์ สไปเดอร์แมน หุ่นทรานส์ฟอเมอร์ส กันดั้ม และยังมีหุ่นสัตว์ประหลาด รถยนต์ รถมอเตอร์ไซด์ ยานอวกาศ สัตว์ รวมไปถึงเฟอร์นิเจอร์ เป็นความคิดและฝีมือการประดิษฐ์ที่น่าทึ่งมาก ๆ.ที่ตั้ง: 41/2 หมู่ 6 ตำบลตลาดกรวด อำเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทองพิกัด: https://goo.gl/maps/hhvXzsxyqLwcNJ9p9 เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.โทร. 08 1339 3345 พิพิธภัณฑ์ตำนานเมืองอ่างทอง ถ้าอยากรู้จักอ่างทองให้มากขึ้น แอดขอแนะนำพิพิธภัณฑ์ตำนานเมืองอ่างทองค่ะ เป็นทางลัดที่จะทำความรู้จักได้ในเวลาแสนสั้น พิพิธภัณฑ์แห่งนี้จะบอกเล่าเรื่องราวประวัติศาสตร์ ตำนานในแง่มุมต่าง ๆ ประวัติบุคคลสำคัญของจังหวัด ศิลปวัฒนธรรม เทศกาลงานประเพณี และอาหารการกินของเมืองอ่างทอง. ที่ตั้ง: ถ.อยุธยา-อ่างทอง ต.บางแก้ว อ.เมืองอ่างทอง จ.อ่างทองพิกัด: https://goo.gl/maps/95YP6oU2TyQV4GP86เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น.โทร. 0 3561 1484 จากอำเภอเมืองอ่างทอง เราไปเที่ยวต่อกันที่อำเภอวิเศษชัยชาญ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที.วัดม่วง เป็นที่ประดิษฐานของพระพุทธรูปปางมารวิชัยองค์ใหญ่ นามว่า พระพุทธมหานวมินทร์ศากยมุนีศรีวิเศษชัยชาญ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า หลวงพ่อใหญ่ ซึ่งถือเป็นพระพุทธรูปที่ใหญ่ที่สุดในโลก ตามความเชื่อ ถ้าใครอยากประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน ให้มาขอพรและสัมผัสที่ปลายพระหัตถ์หลวงพ่อใหญ่ สักการะหลวงพ่อใหญ่แล้ว อย่าลืมชมความสวยงามส่วนอื่น ๆ ของวัด เช่น อุโบสถที่ล้อมรอบไปด้วยกลีบดอกบัวปูนปั้นขนาดยักษ์ วิหารแก้วที่ประดิษฐาน “หลวงพ่อเงิน” พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่สร้างด้วยเนื้อเงินแท้ และสวนรูปปั้นที่จำลองภาพของนรกภูมิ เป็นต้น.ที่ตั้ง: ต.หัวตะพาน อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทองพิกัด: https://goo.gl/maps/U2zrBfGxTG7DqQJK7 ไปหาของกินอร่อย ๆ กันดีกว่า มาถึงอำเภอวิเศษชัยชาญทั้งที ต้องไปเดินตลาดเก่าวิเศษชัยชาญ หรือที่เรียกกันติดปากว่า ตลาดศาลเจ้าโรงทอง ตั้งอยู่ริมแม่น้ำน้อย ที่นี่เป็นชุมชนชาวไทยเชื้อสายจีน ที่มีอายุเก่าแก่กว่า 100 ปี ตลาดแห่งนี้เป็นแหล่งรวมอาหารคาวหวานที่สายกินต้องถูกใจอย่างแน่นอน.แอดขอพาไปชิมขนมไทยกันก่อน ที่นี่มีร้านขายขนมเยอะมาก เมื่อมาถึงตลาดนี้ ต้องมาชิมขนมเกสรลำเจียก ขนมขึ้นชื่อของจังหวัดอ่างทอง นอกจากนี้ยังมีขนมบ้าบิ่น ขนมลูกเต๋า ขนมไข่ปลาโบราณ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง และอีกสารพัดขนมที่แอดบรรยายได้ไม่หมด อยากให้เพื่อน ๆ ไปชิมด้วยตัวเองจะดีกว่า.ทางฝั่งของอาหารคาวก็ไม่น้อยหน้า มีร้านอาหารที่ต้องห้ามพลาดคือ ร้านป้าแสง ก๋วยเตี๋ยวโต๊ะเดียว เป็นร้านบะหมี่เกี๊ยวหมูแดงรสเด็ด ที่คนต่อแถวยาวววว และด้วยความที่ทั้งร้านมีโต๊ะเพียงโต๊ะเดียว ดังนั้นถ้าใครอยากลิ้มรสความอร่อย ต้องอดใจรอกันหน่อยนะคะ.ที่ตั้ง: ซ.วัดนางใน ต.ศาลเจ้าโรงทอง อ.วิเศษชัยชาญ จ.อ่างทองพิกัด: https://goo.gl/maps/YP8oeGvao3FGdaUQ6เปิดทุกวัน เวลา 04.00-16.00 น. เราเดินหน้าตามหาของกินกันต่อที่ อินทร์โตฟาร์ม ฟาร์มเมล่อนบรรยากาศสุดชิล มีแปลงเมล่อนญี่ปุ่นหลายสายพันธุ์กว่า 40 โรงเรือน มีสวนดอกไม้น่ารัก ๆ ให้ถ่ายรูป.ที่ตั้ง: 5/9 หมู่ 1ต.ศรีพราน อ.แสวงหา จ.อ่างทอง พิกัด:  https://goo.gl/maps/HjhgUJ9DDQh4p5ZG7เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.30 น.โทร. 08 2649 7929 นอกจากบรรยากาศจะดีแล้ว อาหารก็อร่อยไม่แพ้กัน เกือบทุกเมนูจะมีเมล่อนเป็นส่วนประกอบ เช่น เค้กเมล่อน บิงซูเมล่อน ไอศกรีมเมล่อน สลัดกุ้งทอดเมล่อน และยำเมล่อน เป็นต้นขอบอกเลยว่าเมล่อนของที่นี่หอมหวานจนต้องหิ้วกลับบ้านไปทานต่อ สัก 2-3 ลูกเลยค่ะ.ขอบคุณรูปภาพจาก ร้านอินทร์โตฟาร์ม หลังจากเที่ยวจังหวัดอ่างทองกันอย่างสนุกสนานแล้ว ก่อนจะไปเที่ยวต่อที่จังหวัดติด ๆ กันอย่างสิงห์บุรี เราจะมานอนพักค้างคืนกันก่อนที่ตัวเมืองสิงห์บุรี เพราะมีที่พักให้เลือกหลากหลาย ใช้เวลาเดินทางจากจังหวัดอ่างทองประมาณ 30 นาทีค่ะ วันที่ 2 สวัสดีวันที่ 2 ที่สิงห์บุรีค่ะ กินอาหารเช้าแล้วก็ขอเอาใจคอกาแฟกันสักหน่อยด้วยการพาไปที่ร้าน Inkit Café Analog ร้านกาแฟเล็ก ๆ สไตล์วินเทจที่พิถีพิถันในการชงกาแฟ เมื่อเข้าไปในร้านเราจะได้กลิ่นหอมอบอวลของกาแฟ พร้อมเสียงเพลงย้อนยุคที่คลอเบา ๆ ทางร้านใช้กาแฟสายพันธุ์ไทยเป็นหลัก และมีหลายชนิดให้เลือก แถมเจ้าของร้านคั่วเองกับมือ เพื่อน ๆ อยากดื่มกาแฟดริป กาแฟ cold brew กาแฟคั่วอ่อน หรือคั่วกลาง ที่นี่มีให้ชิมแน่นอน.ที่ตั้ง: 255/7 ถ.ธรรมโชติ ต.บางพุทรา อ.เมืองสิงห์บุรี จ.สิงห์บุรีพิกัด: https://goo.gl/maps/Rt5r3horpNGEb3DQ9เปิดทุกวัน เวลา 10.00-16.00 น.โทร. 08 9459 4009.ขอบคุณรูปภาพจาก ร้าน Inkit Café Analog พูดถึงจังหวัดสิงห์บุรี เราก็นึกถึงชาวบ้านบางระจันขึ้นมาทันที ในอดีต

สุขใจใกล้กรุง เที่ยวอ่างทอง-สิงห์บุรี 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

ยลวิถีเมืองลำพูน 2 วัน 1 คืน

จังหวัดลำพูน เมืองเล็ก ๆ ทางภาคเหนือที่หลายคนมองว่าเป็นเมืองทางผ่าน และถูกมองข้ามเสมอ แต่จริง ๆ แล้ว ลำพูนเป็นเมืองน่าสนใจที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม แถมยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอีกหลายแห่งรอให้ทุกคนไปสัมผัสความสวยงามอยู่ . วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปแอ่วลำพูน ชมวัดวาอารามสวย ๆ และสัมผัสวิถีชีวิตผู้คน แบบ 2 วัน 1 คืน รับรองว่าทุกคนจะตกหลุมรักลำพูนอย่างแน่นอนค่ะ . เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 อาจทำให้เพื่อน ๆ เดินทางไปเที่ยวไม่สะดวก หากสถานการณ์ดีขึ้นแล้ว อย่าลืมออกมาเที่ยวเมืองไทยกันนะคะ #TravelLikeaLocal . อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือทุกครั้งที่ออกเดินทาง วันที่ 11. พระบรมราชานุสาวรีย์พระนางจามเทวี2. พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมืองลำพูน3. วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร4. ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นน้ำลำไย5. กาดขัวมุงท่าสิงห์6. หอศิลป์ “อุทยานธรรมะ”.วันที่ 27. วัดพระพุทธบาทผาหนาม 8. ชุมชนบ้านพระบาทห้วยต้ม พระบรมราชานุสาวรีย์พระนางจามเทวี.ทริปนี้เริ่มกันที่อำเภอเมือง แอดจะพาทุกคนไปสักการะพระบรมราชานุสาวรีย์พระนางจามเทวีกันก่อนจังหวัดลำพูนเดิมมีชื่อว่า “นครหริภุญชัย” มีอายุประมาณ 1,300 ปี เป็นรัฐอิสระในแถบลุ่มแม่น้ำปิง ต่อมาถูกรวมเข้ากับอาณาจักรล้านนา และกลายเป็นส่วนหนึ่งของราชอาณาจักรไทยจนถึงปัจจุบัน กษัตริย์พระองค์แรกของนครหริภุญชัยคือ พระนางจามเทวี พระบรมราชานุสาวรีย์แห่งนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แด่พระนางจามเทวี กษัตรีผู้มีคุณธรรม มีความสามารถทั้งในการปกครอง และการรบ มีความเด็ดขาดและกล้าหาญ ทั้งยังเป็นผู้อุปถัมภ์พุทธศาสนาจนมีความรุ่งเรืองเป็นอย่างมาก ฉากหลังของพระบรมราชานุสาวรีย์เป็นซุ้มโคปุระดินเผา มีภาพประติมากรรมนูนต่ำเล่าประวัติความเป็นมาของเมืองลำพูน ตั้งแต่การสร้างเมือง จนถึงยุคการปกครองของเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ ในปี พ.ศ. 2486. ที่ตั้ง: ถ.รอบเมืองใน อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน พิพิธภัณฑ์ชุมชนเมือง .เดิมคือคุ้มเจ้าราชสัมพันธวงศ์ พระอนุชาของเจ้าหลวงจักรคำขจรศักดิ์ เจ้าผู้ครองนครลำพูน องค์ที่ 10 สร้างขึ้นในปี พ.ศ. 2455 พิพิธภัณฑ์ร่วมสมัยแห่งนี้จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับจังหวัดลำพูน ในแบบที่ทำให้เรารู้สึกเหมือนได้ย้อนกลับไปในอดีตอีกครั้ง ไม่ว่าจะเป็นการจัดแสดงประวัติคุ้มเจ้าราชสัมพันธ์วงษ์ แผนที่พัฒนาการของเมืองลำพูน ภาพถ่ายวิถีชีวิตผู้คนและเหตุการณ์สำคัญต่าง ๆ การจำลองโรงภาพยนตร์เก่าที่เคยเป็นที่นิยมอย่าง “หริภุญชัยรามา” และจำลองบรรยากาศโรงแรมศรีลำพูน โรงแรมแห่งแรกของเมืองลำพูน .ที่ตั้ง: ซ.วังซ้าย อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูนพิกัด: https://goo.gl/maps/kARoxnYFo96wtEqb8  เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 16.00 น.โทร. 0 5351 4500 วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร .เป็นพระอารามหลวง ศูนย์รวมความศรัทธาของชาวลำพูน สร้างขึ้นในช่วงพุทธศตวรรษที่ 17 ภายในวัดมีพระบรมธาตุหริภุญชัย ซึ่งเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ และมีวิหารหลวงที่ประดิษฐาน “พระมหามุนีศรีหริภุญชัย” พระพุทธรูปปางมารวิชัยเป็นองค์พระประธาน  วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร ถือเป็นวัดประจำปีระกา ใครที่เกิดปีระกาต้องมาสักการะเสริมความเป็นสิริมงคลให้ได้เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้ยังมีสิ่งที่น่าสนใจอื่น ๆ ได้แก่ ซุ้มประตู หอธรรม หอระฆัง และสุวรรณเจดีย์หรือปทุมวเจดีย์ ที่มีความเก่าแก่และสวยงามตามแบบศิลปะล้านนา จนต้องมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง.ที่ตั้ง: ถ.รอบเมืองใน อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูน ก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นน้ำลำไย (บ้านเวียงยอง) .พักเติมพลังที่ร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นน้ำลำไย (บ้านเวียงยอง) ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากวัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร แค่เดินข้ามสะพานข้ามแม่น้ำกวงที่อยู่หน้าวัดก็ถึงแล้ว ลำไยถือเป็นของดีประจำจังหวัดลำพูน ทางร้านนำเนื้อลำไยอบแห้งมาตุ๋นกับน้ำซุป จนได้รสชาติหวานกลมกล่อม มีกลิ่นหอมลำไยอ่อน ๆ ยิ่งกินคู่กับหมูตุ๋นนุ่ม ๆ ยิ่งอร่อยขึ้นไปอีก ถือเป็นเมนูห้ามพลาดเมื่อไปเที่ยวจังหวัดลำพูนเลยค่ะ.ที่ตั้ง: ถ.ลำพูน-ป่าซาง อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูนพิกัด: https://goo.gl/maps/s1ZqQPqkehh1yMH66เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 15.00 น.โทร. 08 7549 2229.ขอบคุณรูปภาพจากร้านก๋วยเตี๋ยวหมูตุ๋นน้ำลำไย (บ้านเวียงยอง) กาดขัวมุงท่าสิงห์.ถ้าอิ่มแล้ว แอดจะพาไปละลายทรัพย์กันที่กาดขัวมุงท่าสิงห์ ซึ่งเป็นตลาดท้องถิ่น ตั้งอยู่บนสะพานข้ามแม่น้ำ กวง มุงหลังคากระเบื้องดินเผาและตกแต่งด้วยศิลปะแบบล้านนา สินค้าที่วางขายในตลาดมีมากมาย ทั้งอาหาร ขนม ของฝาก รวมถึงเครื่องประดับและผ้าทอของกลุ่มแม่บ้านจากอำเภอต่าง ๆ ในจังหวัดลำพูน ใครไปเดินตลาดนี้แล้วไม่เสียเงินสักบาท เรียกได้ว่าเป็นคนจิตแข็งมากพอสมควร.ที่ตั้ง: ถ.รอบเมืองใน อ.เมืองลำพูน จ.ลำพูนพิกัด: https://goo.gl/maps/PkGJGDaWAogEyduu5เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. ก่อนจบทริปท่องเที่ยวในวันแรก เราแวะไปเสพงานศิลป์กันที่ หอศิลป์ “อุทยานธรรมะ” (The Dhamma Park Gallery) ของอ.อินสนธิ์ วงศ์สาม ศิลปินแห่งชาติ สาขาทัศนศิลป์ (วิจิตรศิลป์) ประติมากรรม ผู้มีประสบการณ์ด้านงานศิลปะมายาวนาน ฝีมือของท่านเป็นที่ยอมรับทั้งในประเทศและต่างประเทศ.หอศิลป์อุทยานธรรมะ เป็นสวนร่มรื่น จัดแสดงงานประติมากรรม จิตรกรรมที่สอดแทรกเรื่องราวพระพุทธศาสนาและสัจธรรมชีวิตที่ดูแล้วเข้าใจง่าย และสนุกสนาน กว่า 500 ชิ้น นอกจากนี้ยังเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ชุมชนในท้องถิ่นด้านอนุรักษ์ธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม โดยมีการสาธิตการปั่นฝ้าย ย้อมสี ทอผ้า และการทำบ้านดินอีกด้วย.ที่ตั้ง: 109/2 หมู่ 1 บ้านป่าซางน้อย ต.บ้านแป้น อ.เมือง จ.ลำพูนพิกัด: https://goo.gl/maps/wcwXSVyFevKKhYgA6เปิดวันพุธ-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00-16.00 น.โทร. 092 263 6121.ขอบคุณรูปภาพจาก หอศิลป์ “อุทยานธรรมะ” วันแรกของการท่องเที่ยวจังหวัดลำพูนก็จบลงไปแล้ว ที่พักในค่ำคืนนี้ของเราอยู่ที่อำเภอลี้ อำเภอที่ซ่อนตัวอยู่ในหุบเขาและอยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งเส้นทางค่อนข้างคดเคี้ยว แนะนำว่าอย่าออกจากตัวเมืองเย็นมากนะคะ วันที่สองนี้เราต้องตื่นเช้ากันหน่อย เพื่อไปชมวิวทะเลหมอกและแสงแรกของวันที่วัดพระพุทธบาทผาหนาม วัดพระพุทธบาทผาหนาม ตั้งอยู่บนดอยผาหนาม มีจุดชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น ทะเลหมอก และเมืองลี้แบบ 360 องศา การขึ้นไปชมวิวบนยอดดอยมี 2 วิธีคือ เดินขึ้นบันไดนาค 432 ขั้นมาจากด้านล่าง หรือขับรถขึ้นไปจอดใกล้ ๆ จุดชมวิว โดยทางขึ้นจะอยู่ด้านข้างวัด เป็นถนนลูกรังและค่อนข้างแคบ ต้องขับขี่อย่างระมัดระวัง แอดแนะนำให้ขึ้นมารอตั้งแต่เวลา 05.30-06.00 น. จะได้ไม่พลาดวิวสวย ๆ นะคะ

ยลวิถีเมืองลำพูน 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

Songkhla Street Art

Songkhla Street Art.เพื่อนๆ น่าจะเคยเห็น Street Art กันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับวันนี้แอดจะชวนเพื่อนๆ มาเดินชม Street Art แถวย่านเมืองเก่าสงขลากัน เมืองเก่าสงขลาเป็นชุมชนเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยสถาปัตยกรรมที่ยังคงเอกลักษณ์ดั้งเดิมเอาไว้ ทั้งห้องแถวไม้แบบจีนและตึกเก่าสไตล์ชิโน-โปรตุกีส (Sino-Portuguese) เดิมย่านเมืองเก่ามีถนน 2 สาย คือ “ถนนนครนอก” เป็นถนนเส้นนอกที่ติดกับทะเลสาบสงขลา และ “ถนนนครใน” เป็นถนนเส้นในที่ขนานกับถนนนครนอก ต่อมามีการตัดถนนอีกสายหนึ่งคือ “ถนนนางงาม” ซึ่งปัจจุบันเป็นแหล่งรวมร้านอาหารต่างๆ มากมาย ในอดีตย่านนี้เป็นย่านการค้าที่คึกคัก เพราะเป็นจุดจอดเรือประมงและเรือสินค้าที่เข้ามาค้าขายนั่นเอง อาคารบ้านเรือนแถบนี้มีอายุยาวนานกว่าร้อยปี มีทั้งห้องแถวไม้แบบจีนชั้นเดียวและสองชั้น บ้างก็เป็นตึกแถวก่ออิฐถือปูน นอกจากความสวยงามของสถาปัตยกรรมในย่านเมืองเก่าแล้ว เรายังสามารถเพลิดเพลินกับ Street Art ตามผนังบ้านหรืออาคารต่างๆ ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงวิถีชีวิตของผู้คนในพื้นที่ บอกเลยว่าเดินถ่ายรูปเพลินสุดๆ ภาพเด็ก 3 เชื้อชาติ ไทย จีน และมุสลิม เป็นตัวแทนคน 3 เชื้อชาติที่มาอยู่รวมกันที่นี่ ภาพวิถีชีวิตของชาวบ้านในสมัยก่อน  ภาพสุดคลาสสิกที่ใครมาก็ต้องห้ามพลาดชม กับภาพอาแปะเปิดประตูยื่นหมวกกันน็อค แอดบอกเลยว่าแต่ละภาพมีเสน่ห์และเอกลักษณ์เฉพาะตัวที่สวยงามมากๆ Street Art ย่านเมืองเก่าสงขลายังมีอีกมากมายหลายจุด ซึ่งเราสามารถเดินชมความสวยงาม ความเท่ และความฮิปกันได้เพลินๆ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 30 ธันวาคม 2562

Songkhla Street Art อ่านเพิ่มเติม

“ชุมชนบ้านบางหมาก” จังหวัดชุมพร

ทำไมแอดถึงแนะนำให้เพื่อนๆ มาเที่ยวที่ “ชุมชนบ้านบางหมาก” จังหวัดชุมพร นั่นก็เพราะที่นี่มีธรรมชาติที่สวยงาม เงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อนเป็นที่สุด.แต่ไม่ต้องกลัวว่าจะเงียบเหงาเกินจนไป เพราะที่นี่มีกิจกรรมที่น่าสนใจให้เราได้ชมและได้ลองทำดูด้วยค่ะ กิจกรรมอย่างแรกเลยก็คือ “ชมการสาธิตสอนลิงปีนต้นมะพร้าว” จริงอยู่ที่ปกติแล้วลิงสามารถปีนต้นไม้ได้อย่างคล่องแคล่ว แต่หากจะให้เจ้าจ๋อช่วยเราเก็บลูกมะพร้าวให้นั้นก็ต้องมีการฝึกฝนกันบ้าง ชุมชนบ้านบางหมากเป็นชุมชนที่เต็มไปด้วยต้นมะพร้าวมากมาย ดังนั้นเจ้าจ๋อจึงเป็นตัวช่วยที่ดีเลยทีเดียวค่ะ โดยปกติแล้วชาวบ้านมักจะใช้เวลาว่างในช่วงหลังเลิกงานตอนเย็นมาฝึกสอนเจ้าจ๋อ หากเพื่อนๆ สนใจก็สามารถไปชมได้นะคะ ***ชมฟรี*** ต่อมาคือ “การล่องเรือชมธรรมชาติ” ใช้เวลาล่องประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง โดยเรือจะล่องไปจนถึงปากแม่น้ำและวนกลับมาที่จุดเดิม ระหว่างทางเราจะได้ชมธรรมชาติ วัดที่อยู่ริมแม่น้ำ รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชนอีกด้วยค่ะ.หากเพื่อนๆ สนใจต้องโทรจองล่วงหน้าที่คุณเอก โทร. 087 884 9136 หรือคุณปุ๊ โทร. 081 607 6552 ค่ะ ค่าใช้จ่ายคนละ 250 บาท ปล.ต้องมีผู้โดยสารตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปนะคะ ระหว่างล่องเรือเราอาจจะได้เห็นชาวบ้านกำลังตกกุ้ง และถ้าเพื่อนๆ อยากลองทำบ้าง แอดก็ขอบอกว่าฝันของคุณเป็นจริงแล้วค่ะ เพราะที่นี่เค้ามี “กิจกรรมตกกุ้งกับชาวบ้าน” ด้วย.ค่าทำกิจกรรมคนละ 500 บาท ใช้เวลาประมาณ 2-3 ชั่วโมงค่ะ ต่อมาคือ “การชมสาธิตการทำขนมหวาน” เช่น ขนมถ้วย ขนมต้มคลุก ขนมหัวล้าน เป็นต้น ชมฟรีเด้อจะบอกให้ และที่สำคัญหากเพื่อนๆ ติดใจก็สามารถซื้อกลับบ้านได้ด้วยนะ  คอกาแฟเชิญทางนี้เลยค่ะ เพราะที่นี่เค้ามีกิจกรรม workshop กาแฟให้ทำ ไม่ว่าจะเป็นการชิมกาแฟ ชงกาแฟ รวมไปถึงเรียนรู้เรื่องของกาแฟอย่างลึกซึ้งอีกด้วย .สำหรับกิจกรรมนี้เพื่อนๆ สามารถทำได้ที่ Villa Varich Resort ค่าทำกิจกรรมคนละ 700 บาท ใช้เวลาประมาณ 2 ชั่วโมง ซึ่งจะมี 2 รอบคือ 10.30-12.30 น. และ 14.00-16.00 น. แต่ไม่ได้มีทุกวันนะคะ แนะนำให้โทรสอบถามล่วงหน้าที่ โทร. 081 543 0344 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 26 ธันวาคม 2562

“ชุมชนบ้านบางหมาก” จังหวัดชุมพร อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวม่วนใจ…ไปม่อนแจ่ม

เที่ยวม่วนใจ…ไปม่อนแจ่ม 2 วัน 1 คืน.– ไร่ดอกลมหนาว– ภูเก็บตะวัน– เล่นล้อเลื่อนไม้– ไร่ภูผาร่มเย็น ไร่ดอกลมหนาว.สถานที่แรกที่เราเลือกมาก็คือ “ไร่ดอกลมหนาว” นั่นเองจ้า ที่นี่เป็นสวนดอกไม้สีม่วงอมชมพู นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมเดินทางมาชื่นชมความสวยงาม ถ่ายรูป และเช็คอินกันเป็นจำนวนมาก สำหรับชื่อ “ดอกลมหนาว” นั้น อันที่จริงแล้วไม่ใช่ชื่อดอกไม้แต่อย่างใด เพราะเจ้าดอกไม้ชนิดนี้มีชื่อว่า “ดอกเวอร์บีน่า” นั่นเองค่ะ . ไร่ดอกลมหนาว ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.30 น.ค่าเข้า 20 บาท/คน ภูเก็บตะวัน.สถานที่ต่อมาคือ “ภูเก็บตะวัน” ซึ่งตั้งอยู่ใกล้ๆ กับไร่ดอกลมหนาว สามารถเดินถึงกันได้ ที่นี่มีมุมถ่ายรูปสวยๆ หลายจุด นอกจากนี้ยังมีลานสำหรับชมวิวในมุมสูงอีกด้วยค่ะ.ภูเก็บตะวัน ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.30 น.ค่าเข้า 20 บาท/คน เล่นล้อเลื่อนไม้.หลังจากที่เราได้ชมทิวทัศน์ที่สวยงามกันไปแล้ว แอดว่าเรามาหากิจกรรมสนุกๆ ตื่นเต้นและแปลกใหม่ทำกันดีกว่า กิจกรรมที่ว่านั้นก็คือ “การเล่นล้อเลื่อนไม้” หรือที่เรารู้จักกันในอีกชื่อนึงว่า “ฟอร์มูล่าม้ง” นั่นเอง.ล้อเลื่อนไม้ ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 17.30 น.บัตรสำหรับ 1 คน ราคา 50 บาท/คัน บัตรสำหรับ 2 คน ราคา 80 บาท/คัน ไร่ภูผาร่มเย็น.มาเที่ยวม่อนแจ่มทั้งที ก็ต้องหาที่พักให้สวยสมกับบรรยากาศสักหน่อย ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะแยะมากมาย แต่สำหรับที่พักที่แอดเลือกในวันนี้ก็คือ “ไร่ภูผาร่มเย็น”.ทำไมถึงต้องเป็นที่นี่? อย่างแรกเลยก็คือได้นอนเต็นท์กระโจมหลังสีขาวแบบในฝัน สองคือมีไฟฟ้าให้ใช้ตลอด สามคือมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน และสุดท้ายคือมีห้องน้ำในตัวพร้อมเครื่องทำน้ำอุ่นด้วย .ไร่ภูผาร่มเย็น ต.แม่แรม อ.แม่ริม จ.เชียงใหม่กระโจมขาวพัก 2 คน ราคา 2,200 บาท เสริมได้ 1 คน เพิ่ม 300 บาท (ราคารวมอาหารเช้า)โทร. 093 154 8691, 082 860 4919 การที่เราได้มานอนกางเต็นท์ที่แม้จะไม่ได้กางเอง เพื่อสัมผัสกับบรรยากาศที่หนาวเย็นนั้น แอดเชื่อว่าคงทำให้หลายคนนึกอยากทานหมูกระทะขึ้นมาอย่างแน่นอน .จะรอช้าอยู่ไย สั่งมาทานกันดีกว่า เพราะที่นี่เค้ามีหมูกระทะไว้บริการด้วย ราคาชุดละ 450 บาทเท่านั้น  พอหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน แต่อดทนไว้ก่อน อย่าเพิ่งหลับนะคะ ไม่เช่นนั้นเราจะพลาดกับอีกหนึ่งกิจกรรมที่สำคัญ ซึ่งก็คือ “การนอนดูดาว” นั่นเองค่ะ กลางคืนนอนดูดาว ตื่นเช้ามาก็ต้องชมทะเลหมอกสิคะ ทริปนี้ถึงจะฟินและครบรสอย่างที่เราต้องการ ซึ่งแอดไม่แปลกใจเลยว่าทำไมใครๆ ก็อยากมาสัมผัสกับอากาศหนาวและชมทะเลหมอกที่ม่อนแจ่ม เพราะมันดีย์มาก สวยมาก จนแอดไม่อยากกลับเลยทีเดียว .และหลังจากที่ชื่นชมทะเลหมอกกันจนอิ่มอกอิ่มใจแล้ว ก็อย่าลืมไปทานข้าวต้มร้อนๆ ให้อิ่มท้อง ก่อนที่จะเดินทางกลับกันด้วยนะคะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 25 ธันวาคม 2562

เที่ยวม่วนใจ…ไปม่อนแจ่ม อ่านเพิ่มเติม

“สวนป่าดอยบ่อหลวง” จ.เชียงใหม่

บ้านพักของสวนป่าดอยบ่อหลวงนั้นเป็นบ้านไม้ที่ออกแบบให้กลมกลื่นกับธรรมชาติโดยรอบ ซึ่งบรรยากาศก็แอบคล้ายกับในหนังเรื่องแวมไพร์ ทไวไลท์เหมือนกันนะเนี่ย บ้านพักของที่นี่มีหลายแบบให้เลือก ซึ่งราคาก็จะแตกต่างกันไป – บ้านปูนเปลือย ราคา 2,000 บาท (พักได้ 4 คน)– บ้านเอเฟรม ราคา 1,500 บาท (พักได้ 4 คน)– บ้านทิวสน ราคา 1,000 บาท (พักได้ 2 คน)– บ้านแฝด ราคา 800 บาท (พักได้ 2 คน)– ตึกป่าสน (Hotel) ราคาห้องละ 500 บาท (พักได้ 2 คน) นอกจากบ้านพักแล้ว ที่นี่ยังมีลานกางเต็นท์ด้วยนะคะ แต่จะอยู่ห่างจากบริเวณบ้านพักออกไปสักหน่อย.ซึ่งเราต้องนำเต็นท์และอุปกรณ์ต่างๆ มาเอง เสียค่าบำรุงสถานที่คนละ 100 บาท โดยทางสวนป่าดอยบ่อหลวงมีห้องน้ำรวมไว้ให้บริการค่ะ และต้องบอกเลยว่าที่นี่เค้าไม่มีร้านค้าหรือร้านอาหารนะคะ แต่มีชุดอาหารเหนือเซตละ 450 บาท และหมูกระทะชุดละ 249 บาท สามารถสั่งมาปิ้งกินที่หน้าบ้านได้เลย.ส่วนอาหารเช้านั้นจะเป็นบุพเฟต์ มีข้าวต้ม กาแฟ และขนมปังปิ้ง ซึ่งต้องจองตั้งแต่ตอนเช็คอิน ราคาคนละ 100 บาทค่ะ หากใครที่ไม่ได้เช่ารถหรือขับรถมาเอง ก็สามารถขึ้นรถตู้ของบริษัทเปรมประชา สายเชียงใหม่-แม่สะเรียง ได้ที่สถานีขนส่งอาเขต ค่ารถคนละ 200 บาทค่ะ.โดยบอกคนขับว่าลงที่สวนป่าดอยบ่อหลวง ซึ่งรถจะจอดส่งที่หน้าโครงการ จากนั้นเดินเข้ามาอีกประมาณ 100 เมตร ก็ถึง.ปล.แนะนำว่าให้ซื้อตั๋วขากลับและนัดเวลากับคนขับรถไว้ให้เรียบร้อยเลย เพื่อความสะดวกค่ะ . สวนป่าดอยบ่อหลวง องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่โทร. 092 586 9215 นอกจากจะมาพักผ่อนแล้ว หากใครอยากเที่ยวด้วย ที่นี่ก็มีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงให้แวะไปเที่ยวด้วยนะคะ.อย่างเช่น “สวนสนบ่อแก้ว” ที่เปรียบเสมือนสวนสาธารณะแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะที่นี่ร่มรื่นและเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อน เดินเล่น และถ่ายรูปเก๋ๆ เป็นอย่างยิ่ง.สวนสนบ่อแก้ว ตำบลบ่อหลวง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ “อุทยานแห่งชาติออบหลวง” สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติที่มีไฮไลท์อยู่ที่การมาชม “ออบหลวง” ซึ่งหมายถึง ช่องแคบขนาดใหญ่ที่มีลำน้ำไหลผ่านนั่นเองค่ะ แอดบอกเลยว่านี่เป็นความงดงามของธรรมชาติที่หาชมได้ยากมากๆ เลย.อุทยานแห่งชาติออบหลวง ตำบลหางดง อำเภอฮอด จังหวัดเชียงใหม่ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 19 ธันวาคม 2562

“สวนป่าดอยบ่อหลวง” จ.เชียงใหม่ อ่านเพิ่มเติม

วัดพุทธบาทสุทธาวาส จังหวัดลำปาง

“วัดพุทธบาทสุทธาวาส” หรือชื่อเดิมคือ “วัดพระพุทธบาทปู่ผาแดง” และ “วัดเฉลิมพระเกียรติพระจอมเกล้าราชานุสรณ์” ตั้งอยู่ในพื้นที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าดอยพระบาท อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปาง บนยอดเขามีรอยพระพุทธบาทของพระพุทธเจ้าจารึกไว้บนแผ่นหินขนาดใหญ่ เป็นที่เคารพบูชาของชาวบ้านแถบนี้มาอย่างยาวนาน ภายในวัดแบ่งพื้นออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ ด้านล่าง เป็นที่พักของสงฆ์ มีศาลาสวดมนต์ อุโบสถ เจดีย์องค์ใหญ่ที่ภายในประดิษฐานมีพระประธาน 4 ทิศ ศาลาชมวิว และเรือนพักรับรอง เป็นต้น ด้านบน มีเจดีย์เล็กๆ สีขาว หลายองค์ตั้งเรียงรายอยู่บนยอดเขา และยังมีเจดีย์สีทองเก่าแก่ด้วย หากต้องการขึ้นไปเที่ยวชมด้านบน จะต้องใช้บริการรถสองแถวรับ-ส่งของวัดเท่านั้น เนื่องจากเส้นทางค่อนข้างลาดชัน และเมื่อถึงจุดจอดด้านบนแล้ว ต้องปีนบันไดเหล็กขึ้นไปยังจุดชมวิวอีกประมาณ 700 เมตร ใช้เวลาประมาณ 30 นาที อาจจะดูลำบากซักหน่อย แต่เมื่อขึ้นไปถึงด้านบนแล้ว เราจะมองเห็นทิวทัศน์ของอำเภอแจ้ห่มที่อยู่ตรงหน้าและบริเวณโดยรอบวัด ลมพัดเย็นสบาย มีหมอกจางๆ สลับทิวเขา สวยงามมากๆ ด้านบนมีร้านขายเครื่องดื่มและห้องน้ำไว้บริการด้วยนะ ค่าธรรมเนียมเข้าชมวัด (รวมค่าบำรุงสถานที่และค่ารถโดยสารแล้ว)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 90 บาท เด็ก 40 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท *** หลังจากปิดจำหน่ายบัตรแล้ว นักท่องเที่ยวสามารถอยู่บนเขาได้จนถึงเวลา 18.00 น. เท่านั้น *** ที่ตั้ง : ดอยปู่ยักษ์ บ้านทุ่งทอง ตำบลวิเชตนคร อำเภอแจ้ห่ม จังหวัดลำปางเปิดทุกวัน– วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 07.30-16.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 06.30-16.00 น.โทร. 062 264 9928  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 16 ธันวาคม 2562

วัดพุทธบาทสุทธาวาส จังหวัดลำปาง อ่านเพิ่มเติม

เงิน เงิน เงิน พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์

มีใครสงสัยเหมือนแอดไหมว่า เงินเหรียญที่เราใช้กันอยู่ทุกวันนี้มีที่มายังไง ถ้าอยากรู้ เราไปหาคำตอบกันที่พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ดีกว่า เพราะที่นี่รวบรวมเรื่องราวของเหรียญไว้ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันเลยล่ะ พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์แบ่งการจัดแสดงนิทรรศการออกเป็น 3 ชั้น ชั้นที่ 1 สามารถเดินชมด้วยตัวเองได้ ส่วนชั้นที่ 2 และ 3 ต้องให้เจ้าหน้าที่พาเดินชมเท่านั้น.รอบนำชมมีทุกๆ 20 นาที รอบแรกเริ่มเวลา 10.00 น. และรอบสุดท้ายเริ่มเวลา 16.40 น. เมื่อเข้ามาภายในอาคาร เราจะพบกับโถงต้อนรับ ซึ่งมีประติมากรรมนูนต่ำประดับอยู่ นอกจากนี้ยังมีห้องจำหน่ายเหรียญที่ระลึกต่างๆ ใครเป็นนักสะสมเหรียญต้องห้ามพลาดเลยค่ะ  ประติมากรรมนูนต่ำที่จัดแสดงอยู่นี้ เป็นภาพของเหรียญตั้งแต่ยุคโบราณจนถึงยุคปัจจุบัน ซึ่งเอื้ออำนวยต่อผู้พิการทางสายตาด้วย เพราะสามารถจับดูได้ว่าเหรียญแต่ละชนิดมีลักษณะเป็นอย่างไร  นิทรรศการชั้นที่ 1 เรามาเริ่มกันที่ห้องแรกเลยค่ะ “ปฐมบทแห่งเงินตรา” เป็นห้องฉายแอนิเมชั่น 4 มิติ ในมุมมองแบบ 360 องศา บอกเล่าเรื่องราวการเริ่มต้นแลกเปลี่ยนของสังคมมนุษย์ โดยใช้สื่อกลางที่เป็นสิ่งของมีค่าต่างๆ.ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์  ห้อง “เส้นทางวิวัฒนาการเงินตรา” จัดแสดงสิ่งของที่ใช้เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยน จนกระทั่งมีการค้นพบแร่โลหะที่มนุษย์ได้นำมาพัฒนาจนเกิดเป็นเงินตราขึ้น.ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์  นิทรรศการชั้นที่ 2 ห้อง “นานาอาณาจักรเหรียญ” จัดแสดงเงินตราตั้งแต่สมัยอาณาจักรฟูนัน ทวารวดี ลพบุรี และศรีวิชัย ซึ่งทำให้เราได้ทราบถึงความสำคัญของเหรียญเหล่านี้ต่อวิถีชีวิต เศรษฐกิจ และการค้าขายในแต่ละยุคสมัย.ขอบอกว่า เหรียญที่นำมาจัดแสดงนี้เป็นของจริงทั้งหมดนะ  มาต่อกันที่ยุคสมัยของเงินตราไทย เริ่มตั้งแต่สมัยสุโขทัยจนถึงอยุธยา ที่เริ่มมีการใช้เงินพดด้วง มีการจัดแสดงกรรมวิธีในการผลิตเงินพดด้วง และเงินพดด้วงของจริงที่ใช้ในสมัยอยุธยา  ห้องต่อมาเป็น “เหรียญกษาปณ์สมัยรัตนโกสินทร์” นำเสนอความเฟื่องฟูทางการค้าและระบบเงินตรา การเปลี่ยนผ่านจากเงินพดด้วงสู่เหรียญกษาปณ์ที่แสดงให้เห็นถึงความก้าวหน้าของนวัตกรรมการผลิตเหรียญ ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 3 ถือเป็นจุดเริ่มต้นในการผลิตเหรียญ ก่อนที่จะเปลี่ยนมาใช้เหรียญกษาปณ์กลมในสมัยรัชกาลที่ 4.ห้องนี้จัดแสดงเหรียญหายากหลากหลายชนิด และเหรียญที่ระลึกเนื่องในโอกาสต่างๆ ตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 4 จนถึงรัชกาลที่ 9  ชมเหรียญของไทยจนเต็มอิ่มแล้ว ก็มาชมเหรียญจากต่างประเทศกันบ้าง กับห้อง “เหรียญนานาชาติ” ที่จัดแสดงเหรียญจากหลายประเทศทั่วโลก ไม่ว่าจะเป็นเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน เหรียญกษาปณ์ที่ระลึกเนื่องในโอกาสต่างๆ เหรียญกษาปณ์ที่บรรจุสิ่งของต่างๆ เช่น อัญมณี ชิ้นส่วนของอุกกาบาต หรือการสกัด DNA ของเสือชีตาห์มาไว้ในหลอดแก้วขนาดเล็กบนหน้าเหรียญ เป็นต้น  ใครอยากสะสมเหรียญนานาชาติ แบบไม่ต้องพกให้หนักกระเป๋า นี่เลย! สมุดสะสมตัวปั๊มรูปเหรียญ เล่มละ 40 บาท แอดปั๊มสนุกมือเลยล่ะค่ะ นิทรรศการชั้นที่ 3 ห้อง “วัฒนากษาปณ์ไทย” จัดแสดงเหรียญที่สร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9 ซึ่งมีทั้งเหรียญกษาปณ์หมุนเวียน เหรียญกษาปณ์ที่ระลึก และเหรียญที่ระลึกที่จัดสร้างขึ้นในวาระโอกาสต่างๆ ห้องต่อมาจัดแสดง “เหรียญกษาปณ์หมุนเวียนในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระวชิรเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10”.และห้องสุดท้ายเป็น “ห้องฉายวีดีทัศน์” เกี่ยวกับพระราชกรณีกิจและพระราชจริยวัตรของพระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร รัชกาลที่ 9.ขอบคุณรูปภาพจาก พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ . ที่ตั้ง : ถนนจักรพงษ์ แขวงชนะสงคราม เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 10.00-18.00 น.ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 02 282 0818 ต่อ 0   เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 13 ธันวาคม 2562

เงิน เงิน เงิน พิพิธภัณฑ์เหรียญกษาปณานุรักษ์ อ่านเพิ่มเติม

รับลมหนาว @ เขาค้อ

อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ เป็นหนึ่งในสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตในช่วงหน้าหนาว เพราะไม่ต้องไปไกลถึงเหนือสุดของประเทศไทยก็หนาวได้ อุณหภูมิ 10 องศาเลยนะจะบอกให้!!.นอกจากอากาศจะหนาวแล้ว ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ อีกมากมาย ทั้งจุดชมวิว สวนดอกไม้สุดฟรุ้งฟริ้ง และร้านคาเฟ่เก๋ๆ หลายร้าน ใครที่ชอบดอกไม้หลากสีต้องมาที่ “ไร่ B.N.” เพราะที่นี่เค้ามีทั้งดอกไม้ให้เลือกชม 2 โซน คือ ไร่ B.N. และ The Front by B.N. Farm สำหรับเพื่อนๆ ที่ชอบดอกเวอร์บีน่า ดอกไฟร์เวิร์ค และดอกเสี้ยนฝรั่ง แอดแนะนำให้มาชมที่โซน ไร่ B.N..ในส่วนของแปลงดอกเวอร์บีน่า และดอกไฟร์เวิร์คจะมีให้ชมตั้งแต่เดือนธันวาคม 2562 – เดือนพฤษภาคม 2563.ภาพถ่าย ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2562 แต่สำหรับใครที่ชอบทุ่งดอกคอสมอสหลายสีสัน ไม่ว่าจะเป็นสีเหลือง สีชมพู สีบานเย็น หรือสีขาว แอดแนะนำให้มาโซน The Front by B.N. Farm รับรองว่าจะได้รูปสวยๆ กลับไปอย่างแน่นอน.ภาพถ่าย ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2562 ที่ตั้ง : ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.โทร. 056 750 419ค่าเข้าชม– แปลงดอกเวอร์บีน่า ดอกไฟร์เวิร์ค และดอกเสี้ยน 30 บาท/คน– ทุ่งดอกคอสมอส (อยู่ในส่วนของ The Front by B.N. Farm) 30 บาท/คน สมัยเด็กๆ เวลาดูการ์ตูน เพื่อนๆ เคยแอบคิดมั้ยคะ ว่าอยากเป็นเหมือนเจ้าหญิงเจ้าชายที่มีบ้านเป็นปราสาทสวยๆ และมีสวนดอกไม้กว้างๆ ให้เราได้วิ่งเล่น.หากใครเคยมีความฝันแบบนี้ แอดขอแนะนำให้มาเที่ยวที่ “The bluesky Garden” เพราะที่นี่จะช่วยสานฝันของทุกคนได้ .ที่ตั้ง : เดอะ บลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ ต.แคมป์สน อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์พิกัด : https://goo.gl/maps/HB7c9KVtiW6DPgJx8เปิดทุกวัน เวลา 10.00-18.00 น.โทร. 081 355 0500ค่าเข้าชม 100 บาท/คน  The Bluesky Garden เป็นสวนอังกฤษขนาดกว่า 10 ไร่ แบ่งเป็น 4 โซนหลัก มีจุดถ่ายรูปมากกว่า 20 จุด ไม่ว่าจะเป็นโซนสวนดอกไม้นานาพันธุ์ โซนทุ่งวงกต ที่มีหอคอยสำหรับชมวิวโดยรอบ โซนลานกิจกรรมสำหรับจัดงาน event ต่างๆ และโซนกระท่อมน้อยกลางสวน ที่เป็นร้านกาแฟสำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกไปด้วย  นอกจากโซนถ่ายรูปทั้งหมดที่ได้กล่าวไปแล้ว ถ้าใครอยากได้บรรยากาศปิกนิกแบบในสวน ที่นี่ก็มีชุดปิกนิกน่ารักๆ ไว้บริการด้วยนะ.ชุดปิกนิกต้องโทรจองล่วงหน้า ราคาชุดละ 499 บาท ประกอบด้วยน้ำ 3 อย่าง ผลไม้ และแซนวิช (1 ชุดสำหรับทาน 2 คน)  Cedar ป่าสน คาเฟ่ เขาค้อ ร้านคาเฟ่เปิดใหม่ที่แวดล้อมไปด้วยป่าสน ตัวร้านยกสูงขึ้นมาจากพื้น ทำให้รู้สึกเหมือนเราอยู่บนต้นไม้เลยล่ะ.ที่ตั้ง : ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์เปิดทุกวัน เวลา 09.00-18.00 น.โทร. 095 328 6694 บรรยากาศภายในร้านร่มรื่น มีมุมให้ถ่ายรูปสวยๆ เต็มไปหมด เพชรบูรณ์เป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการปลูกกาแฟมาก ดังนั้นทางร้านจึงเลือกใช้กาแฟสายพันธุ์อาราบิก้าจากเขาค้อ ใครที่เป็นคอกาแฟต้องถูกใจแน่นอน.นอกจากกาแฟแล้ว ก็ยังมีเครื่องดื่มอื่นๆ และขนมเค้กอีกหลายเมนูให้ลองชิมด้วย ไร่ G.B. ทุ่งกังหันลม จุดเด่นของไร่แห่งนี้ก็คือเราสามารถมองเห็นทุ่งกังหันลมของเขาค้อได้อย่างชัดเจนที่สุด  นอกจากนี้ที่นี่ยังมีไฮไลท์คือ ไร่สตรอว์เบอร์รี และสวนดอกไม้หลายชนิด เช่น ดอกเวอร์บีน่า ดอกฮอลลี่ฮ็อค ดอกดาวเรืองฝรั่งเศส เป็นต้น.ภาพถ่าย ณ วันที่ 8 ธันวาคม 2562.ที่ตั้ง : หมู่บ้านเพชรดำ ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.โทร. 064 304 8222ค่าเข้าชม 10 บาท/คน  ที่นี่มีร้านกาแฟด้วยนะ นั่งชมวิวจิบกาแฟร้อนๆ ท่ามกลางอากาศหนาว ฟินสุดๆ  ผลไม้ที่เหมาะกับหน้าหนาวแบบนี้คงหนีไม่พ้นสตรอว์เบอร์รี ซึ่งในอำเภอเขาค้อก็มีไร่สตรอว์เบอร์รีเรียงรายอยู่ตลอดสองข้างทาง ใครสะดวกตรงไหนก็สามารถแวะได้เลยค่ะ  สตรอว์เบอร์รีที่เขาค้อจะพร้อมสุกให้เราทานในช่วงปลายเดือนธันวาคมที่จะถึงนี้ ถ้าใครไปเที่ยวเขาค้อช่วงวันหยุดยาวปีใหม่ รับรองได้ทานสตรอว์เบอร์รีหวานฉ่ำแน่นอนค่ะ  จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา ที่นักท่องเที่ยวมักมากางเต็นท์เพื่อรอชมทะเลหมอกในยามเช้า ช่วงที่มีหมอกหนานั้น หมอกจะอยู่ใกล้มาก จนเราแทบจะสัมผัสได้เลยล่ะ .ที่ตั้ง : ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ ทุ่งแสลงหลวง เป็นผืนป่าสะวันนาแห่งเดียวของภาคเหนือที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุมส่วนหนึ่งของจังหวัดพิษณุโลกและเพชรบูรณ์.จุดท่องเที่ยวในบริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ หนองแม่นา ได้แก่ จุดชมวิวศาลาดุสิตา แก่งวังน้ำเย็น ทุ่งนางพญา และทุ่งแสลงหลวง นักท่องเที่ยวสามารถมานอนกางเต็นท์ และปั่นจักรยานชมธรรมชาติโดยรอบได้ ซึ่งช่วงที่เหมาะสำหรับปั่นจักรยานเที่ยวคือระหว่างเดือนตุลาคม-เมษายน.ที่ตั้ง : ต.หนองแม่นา อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.โทร. 088 756 4940ค่าเข้าอุทยาน 30

รับลมหนาว @ เขาค้อ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top