สถานที่ท่องเที่ยว

“ข้าวเปียกเส้น” อาหารถิ่น จ.อุดรธานี

เวลาไปเที่ยวจังหวัดอุดรธานี นอกจากแหล่งท่องเที่ยวที่เราตามเก็บแล้ว เราก็ต้องตามล่าอาหารอร่อยกันด้วย อาหารยอดฮิตที่มักจะเด้งขึ้นมาในหัวเพื่อน ๆ ก็คือแหนมเนืองอันโด่งดังใช่ไหม.แต่แท้จริงแล้วอุดรธานียังมีอาหารท้องถิ่นขึ้นชื่ออื่น ๆ อีก วันนี้ แอดจะขอแนะนำ “ข้าวเปียกเส้น” .ข้าวเปียกเส้น หรือที่หลาย ๆ คนเรียกว่า ก๋วยจั๊บญวน เส้นทำมาจากแป้งข้าวเจ้า ราดด้วยน้ำซุปรสชาติกลมกล่อมและเครื่องเคียงต่าง ๆ เช่น หมูยอ เครื่องใน กระเทียมเจียว ต้นหอม ผักชี เป็นต้น.ข้าวเปียกเส้นเป็นอาหารที่เข้ามาพร้อมกับชาวเวียดนามที่ย้ายถิ่นฐานมาตั้งรกรากในไทย เดิมเมนูนี้เรียกว่า “จ๋าว” ซึ่งชาวอุดรธานีนิยมรับประทานเป็นอาหารเช้า.ถ้าใครไปอุดรแล้วนึกไม่ออกว่าจะไปทานข้าวเปียกเส้นร้านไหนดี แอดมีพิกัดร้านมาฝาก ดังนี้เลย.ร้านข้าวเปียกสี่แยกโรงเรียนหมากแข้งที่ตั้ง : ถนนศรีสุข ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีพิกัด : https://goo.gl/maps/k4NEcyeyHMAvSbPq5 ข้าวเปียกอาโกที่ตั้ง : ถนนศรีชมชื่น ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีพิกัด : https://goo.gl/maps/qxmBxLjEFQeyZDtH8 ล้านแม่โต๋นรวยข้าวเปียกที่ตั้ง : ถนนตำรวจ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีพิกัด : https://goo.gl/maps/WyBLVVXUwbFkP7UM9 ร้านก๋วยจั๊บ เจ้าเก่าที่ตั้ง : ถนนตำรวจ ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีพิกัด : https://goo.gl/maps/64HkQb1L48qV6LmTA อร่อยเช้านี้ที่ตั้ง : ถนนเทศา ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีพิกัด : https://goo.gl/maps/sZfpUUtyntHGg93a7.นอกจากจังหวัดอุดรธานีแล้ว เพื่อน ๆ ยังสามารถหารับประทานข้าวเปียกในจังหวัดอื่น ๆ แถบภาคอีสานได้ เช่น จังหวัดเลย ขอนแก่น อุบลราชธานี เป็นต้น

“ข้าวเปียกเส้น” อาหารถิ่น จ.อุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

บ้านมอญ นครสวรรค์ แหล่งเครื่องปั้นดินเผาระดับ 5 ดาว

บ้านมอญ นครสวรรค์ แหล่งเครื่องปั้นดินเผาระดับ 5 ดาว.บ้านมอญเป็นชุมชนชาวมอญเก่าแก่ของนครสวรรค์ มีชื่อเสียงมากเรื่องเครื่องปั้นดินเผา สืบค้นกลับไปได้ว่ามีการย้ายถิ่นมาจากอำเภอปากเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ในราว พ.ศ. 2398 และสืบทอดภูมิปัญญาการทำเครื่องปั้นดินเผามาจนถึงปัจจุบัน .เครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญได้รับการยอมรับว่าเป็นเครื่องปั้นดินเผาคุณภาพดี เป็นสินค้าโอท็อประดับ 5 ดาวของนครสวรรค์ จุดเด่นคือ ใช้ดินเหนียวคุณภาพดีในท้องถิ่น ปั้นง่าย เผาแล้วไม่แตก อีกทั้งมีฝีมือการปั้นที่ประณีต สร้างสรรค์งานหลากหลายรูปแบบ ทั้งทำเป็นของที่ระลึก ตกแต่งบ้าน ตกแต่งสวน และราคาไม่แพง ใครมานครสวรรค์ก็มักมาแวะซื้อหากลับไปใช้งาน หรือเป็นของฝาก นอกจากนี้ยังมีการส่งขายทั่วไทย รวมทั้งส่งออกต่างประเทศ อย่างสหรัฐอเมริกาและญี่ปุ่นอีกด้วย.ชุมชนบ้านมอญตั้งอยู่ในตำบลบ้านแก่ง อำเภอเมืองนครสวรรค์ จุดสังเกตชัดเจนมาก ถ้าเพื่อน ๆ เห็นเครื่องปั้นดินเผาตั้งเรียงรายอยู่ทั้งสองฝั่งถนน นั่นล่ะ เรามาถึงแล้ว ถ้าใครอยากรู้ว่ากว่าจะออกมาเป็นถ้วยโถโอชามสักใบ มีขั้นตอนอย่างไร สามารถไปชมได้ที่ศูนย์สาธิตการทำเครื่องปั้นดินเผาของชุมชน ส่วนใครที่อยากเลือกซื้อเครื่องปั้นดินเผาสวย ๆ ไปใช้งาน ที่นี่ก็มีให้เลือกหลากหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น กระถางต้นไม้ ตุ๊กตาประดับสวน อ่างปลา ถ้วยชามต่าง ๆ เป็นต้น .ติดต่อเข้าชมการสาธิตทำเครื่องปั้นดินเผาได้ที่ กลุ่มเครื่องปั้นดินเผาบ้านมอญ โทร. 09 9885 3646

บ้านมอญ นครสวรรค์ แหล่งเครื่องปั้นดินเผาระดับ 5 ดาว อ่านเพิ่มเติม

ชิมอาหารถิ่น อิ่ม “วิวยอ”

หากให้เพื่อนชาวพัทลุงระบุรายชื่อร้านอาหารยอดนิยม บวกเพิ่มด้วยการขอวิวดีๆ เลิศๆ ในช่วงพระอาทิตย์ตก เชื่อได้ว่าร้อยทั้งร้อยจะต้องเอ่ยนาม “ร้านวิวยอ” แถบทะเลน้อยแบบพร้อมเพียงกัน เรียกได้ว่า ยืนหนึ่งทั้งรสชาติอาหารและบรรยากาศ . วิวยอเริ่มเปิดร้านพร้อมกับรีสอร์ทมาตั้งแต่ 5 ปีที่แล้ว ในตอนนั้นพัทลุงยังไม่เด่นในแง่ของการท่องเที่ยว ชาวพัทลุงเองก็แอบน้อยใจหน่อยๆ ว่า เป็นจังหวัดทางภาคใต้ทั้งทีแต่กลับไม่มีพื้นที่ติดทะเลเลย กระนั้นเสน่ห์อันงดงามที่ไม่เหมือนที่ใดอย่างวิวยอยักษ์แถวบ้านปากประนี่ล่ะที่ช่วยส่องประกาย กลายเป็นภาพจำที่นักท่องเที่ยวต่างพากันปักหมุดหมาย เพื่อมาเห็นถึงวิถีชีวิตชาวประมงที่อยู่คู่เคียงกับความงดงามอันยิ่งใหญ่ของธรรมชาติ คลองปากประถือเป็นคลองธรรมชาติขนาดใหญ่ที่ไม่ต่างอะไรกับแม่น้ำ โดยรับน้ำจากเทือกเขาบรรทัดและที่ตั้งของบ้านปากประก็อยู่ในทำเลดีที่ชุมนุมของปลาลูกเบร่ หรือ ปลาซิวแก้ว ทำให้ชาวประมงสร้างเป็นยอยักษ์ขนาดใหญ่เพื่อช้อนปลาเหล่านั้น โดยไม่ต้องอาศัยเหยื่อล่อใดๆ เมื่อได้สถานที่ที่มอบวิวอันยิ่งใหญ่และเปรียบดั่งสัญลักษณ์ท่องเที่ยวของจังหวัด ร้านวิวยอจึงอยากนำเสนอความเป็นท้องถิ่นตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุไม้ กลมกลืนกับสภาพแวดล้อมอย่างไม่แปลกแยก โดยเริ่มกิจการไปพร้อมๆ กับ 6 ห้องพักที่มองเห็นวิวยอยักษ์เช่นกัน บรรยากาศริมน้ำกับโต๊ะประมาณ 60 โต๊ะที่มองไปทางไหนก็รู้สึกได้ถึงความอบอุ่นของคนไทยแบบครอบครัวใหญ่ ทางร้านต้องการให้ที่นี่เป็นเหมือนห้องรับแขกที่สามารถรองรับคนได้ทุกกลุ่ม ตั้งแต่ชาวบ้านที่เพิ่งเสร็จกิจจากงาน จนถึงผู้หลักผู้ใหญ่ที่อยากมาจัดงานเลี้ยง ที่นี่ก็มีห้องประชุมอย่างดีไว้รองรับ สายลมจากสายน้ำพัดพาความเย็นให้โซนเอาท์ดอร์ของร้านแน่นขนัดไปเกือบทุกโต๊ะ มองไปเห็นเหล่ายอยักษ์ที่ยังมีชาวประมงคอยกระดกขึ้นลงทุก 5 – 10 นาที ทางร้านจะรับปลาลูกเบร่ของชาวประมงเหล่านั้น รวมถึงกุ้งตัวโตๆ เนื้อแน่นๆ และปลาต่างๆ ที่ชาวประมงจับได้มาทำอาหารให้ลูกค้า เรียกได้ว่า ช่วยอุดหนุนชุมชน และทำให้ผู้บริโภคได้อิ่มหนำกับอาหารสดๆ วันต่อวัน ใกล้โพล้เพล้ เสียงเพลงดนตรีเพื่อชีวิตที่เล่นกันสดๆ ก็พร้อมขับกล่อมให้ทุกคนซึมซับกับบรรยากาศ เราได้ยินเพลง “ทะเลน้อย” เป็นครั้งแรก แม้ฟังเนื้อหาแล้วรู้สึกทึมเทา แต่ก็น่าสนใจจนต้องตามสืบได้ว่าศิลปินต้นแบบคือ วงแฮมเมอร์ วงในตำนานขวัญใจของคนใต้ทุกคน อาหารแนะนำแบบชาวพัทลุงแท้ๆ เราเลือก “แกงน้ำเคยยอดหวาย” ซึ่งไม่เคยกินจากที่ไหนมาก่อน และเป็นเมนูหารับประทานยาก เพราะวัตถุดิบคือ เคยปลา ซึ่งไม่ค่อยมีคนทำขาย เมนู “แกงน้ำเคย” มีที่จังหวัดนครศรีธรรมราชและพัทลุง ซึ่งขึ้นชื่อเรื่องความหอมและอร่อย ในขณะที่คนสุราษฎร์ฯจะเรียกแกงชนิดนี้ว่า “แกงเคยปลา” ส่วนคนแถวสงขลาจะใช้ “น้ำเคย” นี้ราดข้าวยำเสียมากกว่า ใครที่เคยชิมแกงไตปลาก็อยากให้ลองเปิดใจให้เมนูนี้ดู วิธีทำน้ำเคยทำจากปลาน้ำจืดที่ตาย ซึ่งภาษาใต้เรียกว่า พอง มาถนอมอาหารด้วยการต้ม จากนั้นตำให้ละเอียดทั้งตัว ปั้นเป็นก้อนแล้วนำไปตากแดด จนได้ที่แล้วจึงค่อยเอามาทำน้ำแกง สีที่ได้คล้ายกะปิ แต่น้ำจะออกใสกว่า จากนั้นจะนำยอดอ่อนของหวายมาตำให้ละเอียดรวมกันแล้วต้มไป ยอดหวายเพิ่มรสชาติความขมฝาดเฝื่อนตัดกับความเค็มของน้ำเคย ใส่กับปลาย่าง และมะเขือเปราะ มีผักสดแนมมาแกล้มด้วย ส่วนตัวชิมแล้วคิดว่า อาจจะไม่แซ่บเท่าแกงส้ม แต่เป็นเมนูแปลกใหม่มาก ที่อยากให้ผู้มาเยือนพัทลุงทุกคนได้ชิมเช่นกัน มาถึงเมืองยอยักษ์ต้องไม่พลาดเมนูจากปลาลูกเบร่ ทางร้านนำมาทอดขมิ้น โดยใช้ปลาลูกเบร่สดมาทอดกรอบ ส่วนขมิ้นเพิ่มความหอม จานนี้ถูกใจเป็นพิเศษกินแล้วมันหยุดไม่ได้จริง ๆ มาถึงเมืองยอยักษ์ต้องไม่พลาดเมนูจากปลาลูกเบร่ ทางร้านนำมาทอดขมิ้น โดยใช้ปลาลูกเบร่สดมาทอดกรอบ ส่วนขมิ้นเพิ่มความหอม จานนี้ถูกใจเป็นพิเศษกินแล้วมันหยุดไม่ได้จริง ๆ .เมนูไฮไลท์ที่ไม่อยากให้พลาดคือ “ตำรากบัวกุ้งสด” รากบัวคือไหลบัวหลวง ที่แตกแล้วชอนไปใต้ดินเพื่อแตกต้นใหม่ ใครที่ชอบทำอาหารจะรู้ว่า ไหลบัวนี่แหละคือ วัตถุดิบชั้นยอดในการประกอบอาหาร เนื้อสัมผัสของไหลบัวนำมาแทนที่มะละกอในส้มตำปูได้ดี ความกรอบฉ่ำได้โอบอุ้มน้ำส้มตำรสชาติจัดจ้านหวานเค็มเผ็ดเอาไว้ กัดกินไปแต่ละคำได้ใจไปเต็มๆ และปูเค็มของทีนี่ก็ไม่เค็มแหลม รวมๆ แล้วลงตัวอย่างที่สุด อีกจานเด่นยกให้ “ปลาดุกร้า” แถบทะเลน้อย ใน อ.ควนขนุน จ.พัทลุงนั้น ถือเป็นแหล่งผลิตปลาดุกร้าสำคัญ และมีชื่อเสียงโด่งดังไปทั่วประเทศ เป็นเมนูที่ชาวบ้านนิยมทำกินกันเยอะมาก รสชาติคล้ายปลาเค็ม แต่มีรสชาติเฉพาะตัวและกลิ่นที่แตกต่างคือ มีรสเค็มหวานปะแล่มๆ ที่สำคัญคือมีกลิ่นหมัก เมื่อนำไปทอดเพิ่มกลิ่นหอมยั่วๆ เราบีบมะนาว กินกับเครื่องเคียงอย่างพริกหอมซอย เมนูนี้ถ้านำไปทานกับข้าวต้มกุ๊ยคิดว่า น่าจะเหมาะ ส่วนคนพัทลุงบอกว่า ต้องกินกับข้าวสวยร้อนๆ และแกงส้มจัดเป็น Perfect bite ของเขากันเลย ทางร้านเน้นความสะอาดถูกอนามัยมีบริการแพ็คขายเผื่อติดใจนำกลับไปฝากคนที่บ้าน เสียงเพลงเพื่อชีวิตยังคงขับกล่อม ชาวพัทลุงที่ไม่เร่งรีบยังคงนั่งชิลล์มองสายน้ำและแสงอาทิตย์ที่กำลังอำลาหน้าที่ในวันนี้ไป เราอยากให้ธุรกิจท่องเที่ยวเป็นเช่นนี้ มีความถ้อยทีถ้อยอาศัยของชุมชนและคนทำธุรกิจ หากวิวยอจะเป็นหนึ่งในร้านที่ประสบความสำเร็จต่อไปเรื่อยๆ ก็คงไม่เป็นเรื่องที่น่าแปลกใจแต่อย่างใด.ที่ตั้ง 223 ตำบล พนางตุง อำเภอ ควนขนุน พัทลุงเปิดทุกวัน 10.00-22.00 น.โทร. 09 4598 2944Facebook : www.facebook.com/ViewYorRestaurant

ชิมอาหารถิ่น อิ่ม “วิวยอ” อ่านเพิ่มเติม

ข้อควรรู้ ก่อนดำน้ำ(ตื้น)

ข้อควรรู้ ก่อนดำน้ำ(ตื้น). ไม่รู้ทำไม ช่วงนี้ของปีทีไร หัวใจของแอดพร้อมจะลอยไปทะเลทุกเมื่อ ซึ่งกิจกรรมสุดโปรดของแอดเวลาไปทะเลก็คือ การดำน้ำตื้น (Snorkeling) นั่นเอง!!.ถ้าเพื่อน ๆ ยังกล้า ๆ กลัว ๆ ลองอ่านข้อควรรู้ที่แอดรวบรวมมาบอก อาจทำให้มั่นใจที่จะลองดำน้ำตื้นยิ่งขึ้น ถ้าเป็นมือใหม่เพิ่งเคยดำน้ำตื้น หรือต่อให้เคยดำมาหลายครั้งแล้วก็ตาม อ่านกันอีกครั้ง ข้อแนะนำนี้มีประโยชน์จริง ๆ . 1. เพื่อน ๆ ไม่จำเป็นต้องว่ายน้ำเป็นก็สามารถดำน้ำตื้น 2. เรื่องชุดไม่ต้องกังวล แอดแนะนำให้ใส่ชุดที่สบายตัว จะเป็นกางเกงขาสั้น เสื้อยืด หรือชุดว่ายน้ำก็ได้หมด 3. หากจะหาเช่า อย่าเช่าอุปกรณ์ที่ถูก ต้องคำนึงถึงคุณภาพด้วย แอดขอแนะนำคร่าว ๆ ดังนี้ – หน้ากากดำน้ำ(สำคัญมาก) แนะนำให้เลือกแบบปลายเกือบปิดสนิท (dry snorkel) หรืออย่างน้อยก็มีตัวกันน้ำเข้า (splash guard) ซึ่งจะมีวาล์วชนิดพิเศษที่อยู่ตรงปลายท่อเพื่อกันน้ำเข้าขณะดำลงไปใต้น้ำ เมื่อสวมหน้ากาก สายรัดแว่นควรอยู่เหนือหู ไม่เช่นนั้นจะหลุดง่ายมากหากคลื่นซัด – ตีนกบ แนะนำให้เลือกแบบที่ไม่หลวมและแน่นจนเกินไป ควรลองใส่ก่อนไปดำน้ำจริงด้วย เพราะถ้าใส่แล้วเจ็บ รับรองเลยว่าไม่สนุกแน่ ๆ – เสื้อชูชีพ แนะนำให้เลือกตัวที่มีสายรัดครบ มีหางด้วยยิ่งดี เพราะเวลาใส่เสื้อชูชีพ เพื่อน ๆ ต้องดึงหางชูชีพลอดหว่างขามาด้านหน้าเพื่อล็อกกับตัวล็อกด้านหน้า 2 จุด ซึ่งหางนี่แหละ จะช่วยไม่ให้ชูชีพลอยขึ้นมาค้ำที่คอหรือดันหน้ากากเวลาอยู่ในน้ำ ที่สำคัญ เสื้อชูชีพควรมีนกหวีดติดไว้ เผื่อใช้ขอความช่วยเหลือเมื่อเกิดเหตุฉุกเฉิน 4. คนที่ใส่แว่นก็สามารถดำน้ำตื้นได้ ปัจจุบันมีหน้ากากดำน้ำสำหรับคนสายตาสั้น สายตายาวด้วยนะ (ค่าสายตาของหน้ากากดำน้ำบางแห่ง อาจจะไม่ตรงเป๊ะกับเพื่อน ๆ แต่ก็ช่วยให้เห็นโลกใต้น้ำได้ชัดขึ้นเยอะ) หรือจะใส่คอนแทคเลนส์ไปเลยก็ได้ 5. อย่าลืมซ้อมใช้อุปกรณ์ให้คุ้นเคย ฝึกการหายใจผ่านหน้ากากดำน้ำให้ชิน ลองซ้อมหายใจดูก่อนก็ไม่เสียหาย ลองอมท่อหายใจ ลองดูด เป่า ดูด เป่า สลับกันให้ชิน หรือจะไปลองที่สระว่ายน้ำหรือชายทะเลก่อนก็ได้ 6. ขณะดำน้ำตื้น อย่าก้มหรือมุดหัวลงไปใต้น้ำ ให้มองไปข้างหน้าหรือกวาดตามองลงแค่ระดับสายตาก็พอ แค่นี้เพื่อน ๆ ก็สามารถเห็นโลกใต้ทะเลแล้ว ที่สำคัญยังป้องกันไม่ให้น้ำเข้ามาในท่อหายใจได้อีกด้วย 7. งดดื่มแอลกอฮอล์ก่อนลงน้ำ 1 วัน พักผ่อนให้เพียงพอ 8. หากสงสัยอะไร อย่าเก็บไว้ ให้ถามผู้มีประสบการณ์ คนสอน หรือผู้ร่วมทริปก็ได้ รับรองได้รู้อะไรอีกเยอะ 9. เคล็ดลับที่สำคัญที่สุดก็คือ ผ่อนคลาย ทิ้งความกังวลไว้บนเรือ คิดเสียว่ามีโลกอีกใบที่สวยงามรอให้เราไปเจอใต้น้ำ ที่สำคัญเรามีเสื้อชูชีพและเข็มขัดว่ายน้ำที่ช่วยให้ลอยตัวอยู่บนน้ำ ไม่ต้องกังวล. ข้อควรปฏิบัติในการดำน้ำตื้น 1. ปฏิบัติตามกฏ กติกา และข้อห้ามของสถานที่ที่ไปดำน้ำ 2. ตรวจเช็คอุปกรณ์ก่อนดำน้ำทุกครั้ง ว่าชำรุดหรือหลวมไปหรือไม่ 3. ค้นคว้าหาข้อมูลของสถานที่ไป รวมถึงประเภทของของพืชน้ำ สัตว์มีพิษใต้ทะเลเบื้องต้น เพื่อหลีกเลี่ยงอันตราย 4. ไม่จับสิ่งมีชีวิตตามแนวปะการัง บางชนิดมีความบอบบางสูง บางชนิดมีพิษ รวมไปถึงห้ามนำกลับบ้านด้วย 5. หลีกเลี่ยงการว่ายน้ำใกล้หัวเรือและท้ายเรือ (บริเวณหัวเรืออาจถูกคลื่นโยนตัวแล้วกระแทกโดนขณะว่ายน้ำ บริเวณท้ายเรือมีใบพัด) 6. ห้ามทิ้งขยะและเศษอาหารลงทะเลโดยเด็ดขาด

ข้อควรรู้ ก่อนดำน้ำ(ตื้น) อ่านเพิ่มเติม

สวยสุดซึ้งสาวภูไท

ภูไท หรือ ผู้ไทย เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ที่ใหญ่รองจากกลุ่มไทยลาว สันนิษฐานว่ามีถิ่นฐานดั้งเดิมอยู่ที่สิบสองจุไท บริเวณตอนเหนือของลาว ต่อมาอพยพเข้ามาอยู่ในไทย ส่วนใหญ่อาศัยอยู่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ แถบลุ่มแม่น้ำโขง และแถบเทือกเขาภูพาน.ชาวภูไท มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นหลายอย่างโดยสะท้อนผ่านวิถีชีวิต วัฒนธรรม การแต่งกาย และศิลปะการแสดง ซึ่งการแสดงที่เป็นที่รู้จักกันดีก็คือ การฟ้อนภูไท นั่นเอง.ปัจจุบัน การฟ้อนภูไท มักใช้ฟ้อนต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง ฟ้อนในงานเทศกาลต่าง ๆ และฟ้อนเพื่อบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ต่าง ๆ เช่น พิธีเลี้ยงเจ้าปู่มเหศักดิ์ของชาววาริชภูมิ งานแห่ปราสาทผึ้ง งานมัสการพระธาตุเชิงชุม ซึ่งเป็นพระธาตุคู่บ้านคู่เมืองของชาวสกลนคร การฟ้อนภูไทไม่เพียงได้รับคำชื่นชมว่า เป็นการฟ้อนที่มีลีลางดงามมาก แต่ยังเป็นการรักษาวัฒนธรรมให้คงอยู่สืบไปอีกด้วย.หาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทยผ่าน eBook คู่มือท่องเที่ยวครบทุกจังหวัดได้แล้ววันนี้ที่ www.amazingthailandebook.comหรือดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Androidhttps://mobile.amazingthailandebook.com/redirect/

สวยสุดซึ้งสาวภูไท อ่านเพิ่มเติม

พระธาตุจอมเจดีย์ ๘ องค์ เสริมสิริมงคล

สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงคัดเลือกพระบรมธาตุเจดีย์เพื่อเป็นปูชนียสถานที่สำคัญในแต่ละภาค และเฉลิมนามว่า “จอมเจดีย์” ทรงกล่าวถึงความสำคัญของจอมเจดีย์แต่ละแห่ง ซึ่งเสมือนบอกเล่าเรื่องราวความเชื่อมโยงสัมพันธ์ของพุทธศาสนา โบราณสถาน และประวัติศาสตร์ มีหลักฐานที่กล่าวถึงพระธาตุจอมเจดีย์ คือภาพเขียนจอมเจดีย์ ๘ องค์ ในซุ้มคูหาผนัง ๘ ห้อง ณ วัดเบญจมบพิตรดุสิตวนารามราชวรวิหาร กรุงเทพมหานคร การกำหนดพระธาตุจอมเจดีย์ให้กระจายในหลายพื้นที่ทำให้เกิดการเดินทางไปสู่หลากหลายภูมิภาคยิ่งขึ้น รวมทั้งแต่ละสถานที่มีตำนานและประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ๑. พระปฐมเจดีย์ วัดพระปฐมเจดีย์ราชวรมหาวิหาร ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐม จังหวัดนครปฐม พระปฐมเจดีย์ ได้รับการคัดเลือกเป็นจอมเจดีย์ เนื่องจาก “สร้างขึ้นเมื่อแรกที่พุทธศาสนามาสู่สยามประเทศ” ในสมัยพระเจ้าอโศกมหาราช ทรงส่งสมณทูตเดินทางมาเผยแผ่พุทธศาสนา ณ ดินแดนสุวรรณภูมิ และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุพระพุทธเจ้าไว้ภายในองค์เจดีย์ องค์พระปฐมเจดีย์มีรูปทรงเป็นรูประฆังคว่ำ มีการจัด “งานเทศกาลนมัสการพระปฐมเจดีย์” ในวันขึ้น ๑๒ ค่ำ เดือน ๑๒ ถึงวันแรม ๕ ค่ำ เดือน ๑๒ (ประมาณช่วงเดือนตุลาคมหรือพฤศจิกายน) รวม ๙ วัน ๙ คืน การเดินทาง รถยนต์: จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข ๔ (ถนนเพชรเกษม) ผ่านอ้อมน้อย อ้อมใหญ่ สามพราน สู่จังหวัดนครปฐม หรือใช้ถนนบรมราชชนนี ผ่านพุทธมณฑล นครชัยศรี ถึงจังหวัดนครปฐม รถไฟ: จากกรุงเทพฯ มีบริการรถไฟไปนครปฐมวันละหลายเที่ยว ลงสถานีนครปฐม สอบถามข้อมูล โทร. ๑๖๙๐ www.railway.co.th รถโดยสารประจำทาง: มีทั้งรถบัสและรถตู้ จากสถานีขนส่งกรุงเทพฯ (สายใต้ใหม่) ถนนบรมราชชนนี สอบถามข้อมูลได้ที่ บริษัท ขนส่ง จำกัด โทร. ๑๔๙๐ www.transport.co.th  ๒. พระปรางค์พระศรีมหาธาตุละโว้ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ตำบลท่าหิน อำเภอเมืองลพบุรี จังหวัดลพบุรี พระปรางค์พระศรีมหาธาตุละโว้ ได้รับการคัดเลือกเป็นจอมเจดีย์ด้วยเป็น “สถูปเจดีย์องค์แรกที่ประดิษฐานพุทธศาสนาฝ่ายมหายานในสยามประเทศ” องค์ปรางค์เป็นศิลปะเขมรแบบบายน สร้างด้วยศิลาแลงประดับลวดลายปูนปั้น และเป็นแบบอย่างเจดีย์ทรงปรางค์ในสมัยอยุธยาตอนต้น ได้มีการขุดค้นพบว่าภายในองค์พระปรางค์เป็นที่ประดิษฐานพระพิมพ์จำนวนมาก ซึ่งต่อมาเป็นพระพิมพ์ที่ขึ้นชื่อของจังหวัดลพบุรี เปิดให้เข้าชมทุกวันพุธ-วันอาทิตย์ เวลา ๐๗.๐๐-๑๗.๐๐ น. การเดินทาง พระปรางค์ตั้งอยู่ในตัวเมืองลพบุรี ตรงข้ามสถานีรถไฟลพบุรี ห่างจากพระปรางค์สามยอดและศาลพระกาฬ ๑ กิโลเมตร และห่างจากพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ๕๐๐ เมตร จากสถานีขนส่งผู้โดยสารมีรถสองแถววิ่งผ่าน หรือนั่งจักรยานยนต์รับจ้างระยะทาง ๒.๕ กิโลเมตร  ๓. พระธาตุหริภุญชัย วัดพระธาตุหริภุญชัยวรมหาวิหาร อำเภอเมืองลำพูน จังหวัดลำพูน พระธาตุหริภุญชัย ได้รับเลือกเป็นพระธาตุจอมเจดีย์ ด้วยเป็น “เจดีย์ที่สร้างก่อนเจดีย์องค์อื่นในล้านนา” สร้างในสมัยพระเจ้าอาทิตยราช ราวพุทธศตวรรษที่ ๑๗ สถาปัตยกรรมทรงเจดีย์แบบล้านนา ฐานเจดีย์ประกอบด้วยฐานปัทม์เป็นลูกบัวแก้ว ย่อเก็จ องค์เจดีย์ทรงระฆังกลม และตำนานกล่าวว่าประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุหลายส่วน ได้แก่ พระบรมธาตุส่วนกระหม่อม พระอุรังคธาตุ (กระดูกส่วนอก) พระบรมธาตุส่วนนิ้วพระหัตถ์ และพระบรมสารีริกธาตุส่วนย่อยเต็มหนึ่งบาตร มีการจัด “งานประเพณีแปดเป็ง สรงน้ำพระธาตุหริภุญชัย” ในวันขึ้น ๑๕ ค่ำ เดือน ๖ (เดือน ๘ เหนือ จึงเรียก “แปดเป็ง”) โดยนำน้ำจากบ่อน้ำทิพย์จากยอดดอยขะม้อ ตำบลมะเขือแจ้ อำเภอเมืองลำพูน มาเป็นน้ำสรงพระธาตุ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏิบัติมาแต่โบราณ การเดินทาง ตัวเมืองลำพูน มาตามถนนเจริญราษฎร์ ๒ กิโลเมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรอบเมืองนอก ๒๐๐ เมตร ถึงวงเวียน เข้าซอยสันป่ายาง ๔๕ เมตร เลี้ยวซ้ายเข้าถนนรอบเมืองใน ๔๕๐ เมตร ผ่านประตูเมืองท่านาง เลี้ยวขวา ๒๐ เมตร ห่างจากศาลากลางจังหวัดประมาณ ๑๕๐ เมตร  ๔. พระธาตุพนม วัดพระธาตุพนมวรมหาวิหาร ถนนชยางกูร ตำบลธาตุพนม อำเภอธาตุพนม จังหวัดนครพนม พระธาตุพนม ได้รับเลือกให้เป็นจอมเจดีย์ เนื่องจากเป็น “เจดีย์ที่สร้างก่อนเจดีย์องค์อื่นในภาคตะวันออกเฉียงเหนือ” สร้างสมัยอาณาจักรศรีโคตรบูรณ์ ในราวปี พ.ศ. ๘ โดยกษัตริย์ ๕ พระองค์ เป็นพระบรมธาตุเจดีย์ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาอย่างยิ่งของชาวอีสานและชาวลาว เป็นศูนย์รวมจิตใจของประชาชนสองฝั่งแม่น้ำโขง ตามตำนานกล่าวว่าเป็นที่ประดิษฐาน พระอุรังคธาตุ หรือกระดูกส่วนหน้าอกของพระพุทธเจ้า มีการจัด “งานนมัสการพระธาตุพนม” ในวันขึ้น ๑๐ ค่ำ เดือน ๓ ถึงวันแรม ๑ ค่ำ เดือน ๓ (ประมาณเดือนกุมภาพันธ์หรือมีนาคม) กล่าวกันว่าผู้ที่ได้มาสักการะพระธาตุพนมครบ ๗ ครั้ง ถือเป็น “ลูกพระธาตุ” การเดินทาง รถยนต์: จากตัวเมืองนครพนม ใช้ทางหลวงหมายเลข ๒๑๒ (นครพนม-มุกดาหาร) ประมาณ ๕๐ กิโลเมตร จะพบวัดตั้งอยู่ทางขวามือในตัวอำเภอธาตุพนม รถโดยสารประจำทาง: มีรถตู้โดยสารสายนครพนม-มุกดาหาร วิ่งผ่านหน้าวัด ต้นทางสามารถขึ้นได้จากสถานีขนส่งผู้โดยสารจังหวัดนครพนมและมุกดาหาร  ๕. วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย อำเภอศรีสัชนาลัย จังหวัดสุโขทัย พระธาตุศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง หรือ “วัดพระบรมธาตุเมืองเชลียง” เป็นโบราณสถานในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย สร้างประมาณพุทธศตวรรษที่ ๑๗-๑๘ มีโบราณสถานที่สำคัญของวัด คือ “ปรางค์ประธาน” ก่อด้วยศิลาแลงฉาบปูน เรือนธาตุด้านหน้าเป็นซุ้มโถง มีสถูปรูปดอกบัวตูมขนาดเล็ก ชาวบ้านเรียกว่า

พระธาตุจอมเจดีย์ ๘ องค์ เสริมสิริมงคล อ่านเพิ่มเติม

“บางรัก” ชื่อนี้มีที่มา…

“บางรัก” ชื่อนี้มีที่มา….หากจะกล่าวถึงย่านบางรัก แอดเชื่อว่าคงจะไม่มีใครที่ไม่รู้จัก เพราะบางรักมักจะกลับมาป็อบเสมอช่วงวาเลนไทน์ มีคู่รักรอมาจดทะเบียนสมรสที่เขตนี้เป็นจำนวนมาก แต่โดยปกติแล้ว บางรักถือเป็นย่านสำคัญในแง่เศรษฐกิจ และมีความเก่าแก่ในแง่ชุมชน มีอาคารเก่าที่สวยงาม ร้านอาหารหลากหลาย มุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ที่ชวนให้เราไปเที่ยวไปเช็คอิน แต่เพื่อน ๆ รู้ไหมว่าเหตุไฉน บางรักจึงได้ชื่อว่า “บางรัก” ชักจะสงสัยกันแล้วใช่ไหม.มีข้อสันนิษฐานเกี่ยวกับชื่อ “บางรัก” อยู่หลายแบบ แต่แบบที่ถูกกล่าวถึงมากที่สุดเล่ากันว่า เดิมเคยมีคลองแห่งหนึ่งในบางรัก อยู่มาวันหนึ่งชาวบ้านพบซุงไม้ต้นรักขนาดใหญ่มากจมอยู่ในคลองแห่งนี้ แต่ก็ไม่มีใครรู้ว่าซุงไม้รักต้นนี้มาจากไหน ต่อมาเมื่อมีการเอ่ยถึงสถานที่แถวนั้น ก็จะใช้ชื่อไม้รักกำกับด้วยจนเป็นที่เข้าใจตรงกัน เมื่อผ่านนานไปชื่อเรียกไม้รักหายไป และกลายเป็นบางรักในที่สุด.ส่วนคลองที่พบซุงไม้รักต้นนั้นก็เป็นที่เรียกกันติดปากว่า “คลองต้นซุง”ภายหลังเมื่อถมคลองกลายเป็นตรอก จึงเรียกว่า “ตรอกซุง” ซึ่งในปัจจุบัน ตรอกซุงนั้นอยู่ฝั่งตรงข้ามตลาดบางรักนั่นเอง

“บางรัก” ชื่อนี้มีที่มา… อ่านเพิ่มเติม

Flowers Café คาเฟ่ดอกไม้

วันนี้แอดขอเอาใจสายหวานฟรุ้งฟริ้งด้วย 3 คาเฟ่ดอกไม้ต้อนรับวาเลนไทน์ ที่สวยกันไปคนละแบบ รวมถึงเมนูที่เป็นเอกลักษณ์เฉพาะของ 3 ร้านนี้ด้วย รับรองว่าเพื่อน ๆ จะได้สัมผัสบรรยากาศราวกับอยู่ในสวนดอกไม้ และอิ่มท้องจนลืมอ้วนเลยทีเดียว คอระฆัง Kor Ra Kang.คอระฆัง มี 4 สาขาสาขาบางลำพู (ปากซอยไกรสีห์ จุดสังเกตไปรษณีย์บางลำพู)สาขาห้วยขวาง (สามแยกตลาดห้วยขวาง)สาขาอารีย์ (พหลโยธิน 7)สาขาประตูผี (ใกล้ผัดไทยทิพย์สมัยตรงข้ามวัดเทพธิดาราม).สาขาที่แอดมาคือ สาขาอารีย์ที่ตั้ง : 29 ซอยพหลโยธิน 7 แขวงสามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.โทร. 09 2571 5555  เริ่มต้นร้านแรกที่ร้านคอระฆังค่ะ คอระฆังเป็นคาเฟ่ดอกไม้ชมพู้วว…ชมพู สวยหวานน้ำตาลขึ้นเลยทีเดียว ไฮไลท์ของร้านนี้คือมวลหมู่ดอกไม้ตกแต่งร้านที่จะเป็นโทนชมพูทั้งร้าน ไล่สีตั้งแต่ชมพู ม่วง ขาว และแดง ไม่ว่าจะหันไปมุมไหนก็จะเจอดอกไม้เหมือนยกมาทั้งสวนเลยค่ะ ในส่วนของเมนู ขอบอกว่าอร่อยลืมอ้วนกันเลย ที่นี่มีทั้งอาหารคาว ขนมหวาน และเครื่องดื่ม เสิร์ฟมาแบบไทย ๆ สไตล์ชาววังด้วยเครื่องทองเหลือง ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม ช้อนส้อม และยังตกแต่งด้วยดอกไม้ช่อเล็ก ๆ อีกด้วย น่ารักมาก โอดิบ : นมสดเย็นโปะด้วยโอวัลติน คล้าย ๆ กับโอวัลตินภูเขาไฟ ไม่หวานเกินไป หอม มันกำลังดี โรตีรวม : เป็นโรตีรวมมิตร มีทั้งฝอยทอง แป้งกรอบ วิปครีมไมโล โรตีชีส และตรงกลางเป็นต้นตำรับ โรตีชีส : ใครเป็นสายชีส ต้องลองโรตีชีสยืด ๆ เลยล่ะ Floral Café at at Napasorn.“นภสร” เป็นร้านดอกไม้ชื่อดังย่านปากคลองตลาดที่เปิดมานานกว่า 20 ปี ด้วยความชอบส่วนตัวของเจ้าของร้าน จึงเปิดส่วนที่เป็นร้านกาแฟขึ้นมา โดยใช้ความถนัดของตัวเอง หยิบเอาบรรยากาศของร้านดอกไม้นภสรด้านล่างมาตกแต่งใน Floral Café โซนคาเฟ่จะอยู่บริเวณชั้น 2 และชั้น 3 ประดับประดาด้วยต้นไม้ ดอกไม้สด และดอกไม้แห้ง คุมโทนด้วยสีเอิร์ธโทนของผนังอิฐมอญ เฟอร์นิเจอร์ไม้ มีทั้งตู้กระจก เซรามิก ของสะสมย้อนยุคมีดีเทล กิ๊บเก๋ไม่เหมือนใคร รวมถึงแชนเดอเลียร์สุดอลังการกลางห้อง พร็อพแน่นและสวยจริง ๆ ค่ะ เมนูของทางร้าน เป็นการครีเอทจากวัตถุดิบต่าง ๆ ตามฤดูกาล ทำให้ลูกค้าได้เมนูที่หลากหลายและมีเอกลักษณ์ ไม่ว่าจะเป็นขนมเค้ก หรือไอศกรีมโฮมเมด ชาและกาแฟคัดสรรโดยผู้เชี่ยวชาญ เช่น ชาดอกไม้ที่เบลนด์เป็นพิเศษเพื่อให้กลิ่นหอมเฉพาะของร้าน Brownie Raspberry : บราวนีราสเบอร์รีกินคู่กับกาแฟ เข้ากันได้ดีเลยค่ะ เนื้อช็อกโกแลตเข้มข้น หนุบหนับตัดกับรสเปรี้ยว ๆ หวาน ๆ ใครเป็นบราวนี่เลิฟเวอร์ต้องลอง Sparkling Honey : อเมริกาโน่ผสมน้ำผึ้งมะนาว กินกับบราวนี่เข้ากันได้ดีเลยค่ะ Green Apple Mint Smoothie : ใครที่ชอบดื่มสมูทตี้ แอดแนะนำ Green Apple Mint Smoothie แอปเปิ้ลเขียวปั่นเย็น ๆ ได้รสชาติอมเปรี้ยวอมหวานของแอปเปิ้ลและกลิ่นของมิ้นท์เพิ่มความสดชื่น ที่ตั้ง : 67 ถนนจักรเพชร แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.00-22.00 น.โทร. 0 2222 6895, 0 2221 2039, 06 1852 8866 ทองย้อยคาเฟ่.เดิมทองย้อยเป็นแบรนด์เสื้อผ้ามานานกว่า 10 ปี แต่ด้วยความอยากทำสิ่งที่ตัวเองคุ้นเคยมาแต่เด็กในเรื่องของขนมไทย เจ้าของร้านทองย้อยจึงทำคาเฟ่ขนมไทยขึ้นมาด้วย ในคอนเซ็ปต์ Sunset กับ Sky ช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตกดิน ประกอบกับกลิ่นอายฮาวายหน่อย ๆ ของเม็กซิโกและเกาะมาดากัสการ์ เกิดเป็นกำแพงดอกไม้หลากสีโดดเด่น กลายเป็นจุดที่ลูกค้าชอบมาถ่ายรูปกันเยอะเลยทีเดียว ทองย้อยคาเฟ่เน้นความเป็นกันเอง เหมาะสำหรับทุกเพศทุกวัย โดยใช้สโลแกนว่า “ทองย้อย for all” หรือคาเฟ่สำหรับทุกคนนั่นเอง.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ Thongyoy Cafe ขนมไทยที่นี่รสชาติหวานมัน กลมกล่อม ตกแต่งอย่างมีเอกลักษณ์ด้วยทองคำเปลวขนาดเล็กติดที่ตัวขนม ไม่ว่าจะเป็นตะโก้ ขนมชั้น ลูกชุบ ทองหยิบ ทองหยอด ฝอยทอง ฯลฯ นอกจากนี้ยังมีเบเกอรี่ที่ผสมผสานระหว่างขนมฝรั่งกับขนมไทย หาทานไม่ได้ที่ไหน เช่น เค้กรวมมิตร เค้กลอดช่องแตงไทย เค้กลูกตาลมันเชื่อม เค้กทับทิมกรอบ เค้กทุเรียน เค้กเงาะ ชีสเค้กส้มโอ ชีสเค้กเลมอน เป็นต้น เสริร์ฟมาในภาชนะทองเหลืองทั้งหมด เรียกได้ว่าคงความเป็นไทยได้อย่างชัดเจน.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ Thongyoy Cafe อัญชันทองคราม : เมนูสุดซ่าของร้าน ใครชอบเครื่องดื่มสดชื่น ๆ ต้องลอง.ทองย้อยคาเฟ่มี 3 สาขา– สาขาซอยอารีย์สัมพันธ์ 7โทร. 08 3298 7288– สาขาสยามพารากอน ชั้น G หน้ากูเมร์ฝั่งเหนือโทร. 08 9262 4661, 08 4110 9865– สาขาเซนทรัลลาดพร้าว ชั้น 4

Flowers Café คาเฟ่ดอกไม้ อ่านเพิ่มเติม

ขนมไทยในงานมงคลสมรส 9 ชนิด

เดือนแห่งความรักแบบนี้ มองไปทางไหนก็อบอวลไปด้วยบรรยากาศแห่งความรักชวนให้รู้สึกถึงความหวาน คู่ไหนที่ความรักสุกงอมพร้อมแต่งงานแล้ว แอดมินก็ขอแสดงความยินดีด้วยนะคะ และเพื่อให้เข้ากับบรรยากาศ แอดมินมีเรื่องขนมไทยในงานแต่งงานมาฝากค่ะ . ไปดูกันว่าขนมไทยในงานมงคลสมรสปัจจุบันมีอะไรบ้าง และมีความหมายเป็นมงคลยังไง แถมท้ายด้วยพิกัดคาเฟ่ขนมไทยให้เพื่อน ๆ ชวนหวานใจไปลองชิมกันอีกด้วย ขนมทองหยิบ.ทองหยิบเป็นขนมไทยโบราณที่มีมาตั้งแต่สมัยอยุธยา วัตถุดิบหลักคือแป้งและไข่แดงที่นำมาตีจนขึ้นฟู จากนั้นนำไปหยอดลงในน้ำเชื่อมเดือด เมื่อสุกแล้วจึงนำมาใส่ถ้วย จับจีบเป็นรูปดอกไม้ จัดใส่ถ้วยเล็ก ๆ.สื่อถึงความร่ำรวย มีเงินมีทองใช้ไม่ขาดมือ หยิบจับอะไรก็เป็นเงินเป็นทองไปหมด ขนมทองหยอด.รสชาติเหมือนทองหยิบ ต่างกันที่หน้าตา โดยการหยอดตัวขนมเป็นหยดน้ำกลม ๆ ลงน้ำเชื่อมเดือดแทน.ทองหยอดเปรียบเสมือนทองคำ อวยพรให้คู่บ่าวสาวมั่งคั่งร่ำรวย มีเงินมีทองใช้จ่ายไม่รู้หมด ขนมฝอยทอง.เป็นขนมอีกหนึ่งชนิดที่มีวัตถุดิบหลักคือไข่แดงและแป้ง แต่จะใช้กรวยสำหรับโรยฝอยทองให้เป็นเส้นลงในน้ำเชื่อมเดือด แล้วจับเป็นแพเรียงสวยงาม.สื่อความหมายถึงการครองรักครองเรือนที่ยาวนานเหมือนเส้นฝอยทองนั่นเอง ขนมเม็ดขนุน.ขนมไทยอีกหนึ่งในขนมตระกูลทอง รูปร่างลักษณะคล้ายกับเม็ดขนุน ด้านในสอดไส้ถั่วเขียวบดละเอียด รสหวานมัน เคลือบด้วยไข่แดงด้านนอกให้เป็นสีเหลืองทอง ก่อนนำลงไปต้มในน้ำเชื่อมเดือด.ชื่อของขนมเม็ดขนุนช่วยเสริมความเป็นสิริมงคลให้มีคนคอยเกื้อหนุน ทั้งเรื่องของการดำเนินชีวิต หน้าที่การงาน รวมถึงกิจการต่าง ๆ ขนมทองเอก.เป็นหนึ่งในขนมตระกูลทองที่มีรูปลักษณ์โดดเด่น หลังจากกวนขนมจนแป้งจับตัวปั้นได้ นำไปกดในพิมพ์ ก่อนจะเพิ่มความพิเศษด้วยการติดทองคำเปลวบนขนม.คำว่า “เอก” หมายถึง การเป็นที่หนึ่ง ทองเอกจึงมีความหมายว่าเป็นที่หนึ่ง มีความมงคลทั้งในเรื่องการงาน และชีวิตครอบครัว ขนมดาราทอง.หรือที่เรียกกันโดยทั่วไปว่า “จ่ามงกุฎ” เป็นขนมที่มีขั้นตอนการทำซับซ้อน หลายขั้นตอน เริ่มจากอบแป้งส่วนฐาน ก่อนจะทำส่วนตัวขนมซึ่งวิธีทำเหมือนขนมทองเอก ติดเมล็ดแตงโมรอบชิ้น แล้วติดแผ่นทองคำเปลวด้านบน หน้าตาสง่างามมาก.ขนมชนิดนี้คล้ายเครื่องราชอิสริยาภรณ์ที่เป็นรูปดาว จึงสื่อถึงความสง่างาม ได้อยู่ตำแหน่งสูงสุด มีชื่อเสียงเกียรติยศ เป็นการอวยพรให้คู่แต่งงานมีความก้าวหน้า และชื่อเสียงเกียรติยศ ขนมชั้น.ขนมที่เราซื้อหารับประทานได้ทั่วไปชนิดนี้ ก็เป็นขนมมงคลอีกหนึ่งชนิดที่นำมาใช้ในงานมงคลสมรส มีลักษณะเป็นชั้นๆ ปกติทำเป็นชิ้นสี่เหลี่ยม แต่ปัจจุบันมีรูปร่างหน้าตาหลากหลายตามความคิดสร้างสรรค์.ขนมชั้นเปรียบเสมือนตำแหน่งชั้นยศ จึงนำมาใช้อวยพรให้คู่แต่งงานมีความก้าวหน้า ได้รับการเลื่อนขั้นในหน้าที่การงาน ขนมเสน่ห์จันทน์.เป็นขนมไทย ทำจากแป้ง น้ำตาล ไข่แดง กะทิ และเพิ่มความหอมด้วยจันทน์เทศป่น กวนจนเหนียวพอปั้นได้ ปั้นเป็นทรงกลมแบนเลียนแบบหน้าตาของผลลูกจัน.สื่อถึงเสน่ห์ ที่ทำให้คนรักและเอ็นดูนั่นเอง ขนมลูกชุบ.ขนมลูกชุบก็เป็นขนมมงคลอีกหนึ่งชนิดที่หาซื้อได้ทั่วไป ซึ่งเดิมก็จะทำเป็นรูปผลไม้ แต่ในปัจจุบันก็มีหน้าตาแปลกใหม่หลากหลายมากขึ้น เป็นขนมที่คล้ายขนมเม็ดขนุน แต่ด้านนอกชุบด้วยวุ้นหลาย ๆ ชั้น.สื่อถึงให้คู่บ่าวสาวมีชีวิตคู่ที่เจริญรุ่งเรืองงอกงามเหมือนผลไม้ต่าง ๆ ที่นำมาปั้นเป็นขนมลูกชุบนั่นเอง หมายเหตุ : เดิมพานขันหมากมักมีขนมถ้วยฟูเป็นหนึ่งในขนมมงคล แต่ปัจจุบัน ร้านรับทำพานขันหมากหลายแห่งเริ่มเปลี่ยนมาใช้ลูกชุบแทน เนื่องจากขนมถ้วยฟูนั้นหาซื้อได้ยาก และเสียง่าย รู้จักกับขนมไทยในงานแต่งงานกันแล้ว มาเก็บพิกัดคาเฟ่ขนมไทยกันค่ะ ถ้ามีจังหวะเหมาะๆ ค่อยไปลองกันนะคะ.เวฬาฌา.คาเฟ่เล็ก ๆ แต่น่ารักมาก ตกแต่งสไตล์ไทย-จีน โทนสีน้ำเงิน เรียบหรูดูดี ให้บริการขนมไทยและเครื่องดื่มหลากหลายชนิด โดยเฉพาะขนมไทยมงคล ใครยังไม่เคยไป ต้องไปลอง แอดไปมาแล้ว อร่อยทั้งขนมและเครื่องดื่มเลยค่ะ.เปิดทุกวัน เวลา 11.00-20.30 น.โทร. 063 087 8888ที่ตั้ง ซอย อารีย์ 1 แขวง สามเสนใน เขตพญาไท กรุงเทพมหานคร บ้านขนมปังขิง เสาชิงช้า .ย่านพระนครก็มีคาเฟ่ขนมไทยเหมือนกัน บ้านขนมปังขิงเป็นบ้านไม้หลังเก่าสไตล์ Ginger Bread House ที่มีเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ไปร้านนี้ไม่เพียงจะได้รับประทานขนมไทยอร่อย ๆ เท่านั้น แต่ยังได้ชื่นชมกับความสวยงามของตัวบ้านและบรรยากาศอดีตอีกด้วย.เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 11.00-20.00 น. (ปิดวันจันทร์)โทร. 097 229 7021ที่ตั้ง 47 ซอยหลังโบสถ์พราหมณ์ ถนนดินสอ แขวงเสาชิงช้า เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร เสน่ห์จันทร์.ไปรอบนอกกรุงเทพฯ กันบ้าง คาเฟ่สุดคลาสสิกริมแม่น้ำ ผสมผสานความเป็นไทยเข้ากับสวนสไตล์อังกฤษ ที่นี่ให้บริการทั้งทั้งอาหารไทยแบบดั้งเดิม และอาหารฟิวชั่น ส่วนเมนูขนมนั้นเป็นขนมไทยชาววัง ดูน่ารับประทานมาก ๆ.เปิดทุกวัน เวลา 08.30-21.00 น.โทร. 062 464 6415ที่ตั้ง ถ.สวนตะไคร้ ต.นครปฐม อ.เมือง จ.นครปฐม.ขอบคุณรูปขนมไทยสวยๆ จาก House of Chandra – เสน่ห์จันทน์  ร้านคนทีริมน้ำ&ขนมไทยบ้านดารา.ร้านสุดท้าย เอาใจคนรักขนมไทยแบบจัดเต็ม ที่นี่เป็นร้านอาหารพื้นบ้านริมแม่น้ำแม่กลอง แต่ความพิเศษไม่ได้อยู่ที่อาหารอย่างเดียว เพราะที่นี่มีบุฟเฟ่ต์ขนมไทยด้วยจ้า.ขนมไทยของทางร้านเป็นสูตรของคุณย่า มีขนมไทยให้เลือกหลายอย่าง บางอย่างก็หาทานได้ยาก ใครมีโอกาสได้ไปสมุทรสงคราม ต้องไม่พลาดร้านนี้ค่ะ.บุฟเฟ่ต์ขนมไทย ราคาคนละ 79 บาทมี 2 รอบ ได้แก่ 10.30-13.00 น. และ 13.30-15.30 น.เปิดทุกวัน เวลา 10.00-20.30 น.โทร. 091 446 3532ที่ตั้ง ตำบลบางคนที อำเภอบางคนที จังหวัดสมุทรสงคราม

ขนมไทยในงานมงคลสมรส 9 ชนิด อ่านเพิ่มเติม

ตามรอยหนังรักโรแมนติก…คิดถึงวิทยา

เวลาดูหนังหรือละครสักเรื่อง นอกจากจะอินไปกับพระเอกนางเอกแล้ว วิวสวยๆของเรื่องก็ทำให้เราประทับใจและจดจำเรื่องราวได้มากขึ้นไปอีก ขอสารภาพว่ามีหลายเรื่องเลยที่เป็นแรงบันดาลใจให้แอดเก็บกระเป๋าออกไปเที่ยว เพราะอยากไปเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง .ในเดือนแห่งความรักนี้แอดเลยนำเรื่องราวของ “คิดถึงวิทยา” หนังรักโรแมนติกที่ฉายไปหลายปีแล้ว แต่ก็ยังเป็นภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คน จนอยากจะไปตามรอยกันถึงที่เลยล่ะ อีกทั้งยังได้รับรางวัลอีกมามาย .สำหรับวันนี้แอดจะพาไปตามภาพยนตร์เรื่องนี้กันค่ะ เพราะมีฉากถ่ายทำที่โรงเรียนเรือนแพ อุทยานแห่งชาติแม่ปิง จังหวัดลำพูนซึ่งสถานที่เป็นไฮไลท์ของเรื่อง นอกจากนี้ แอดยังมีสถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียงภายในอุทยานฯ มาฝากเพื่อน ๆ ด้วย คงไม่มีใครไม่รู้จักภาพยนตร์ที่สร้างความประทับใจให้กับผู้คนมากมายอย่าง “คิดถึงวิทยา” .แต่นอกจากฉากในภาพยนตร์ที่เราจะไปชมกันแล้ว ยังมีจุดท่องเที่ยวอีกมากมายภายในอุทยานฯ ไปดูกันเลย เรื่องราวของครูสองและครูแอนที่เชื่อมโยงกันด้วยไดอะรี่และโรงเรียนเรือนแพ จากภาพยนตร์โรแมนติกเรื่อง “คิดถึงวิทยา” น่าจะทำให้หลายคนยังประทับใจไม่รู้ลืม มีแฟน ๆ ตามรอยไปเยือนโรงเรียนเรือนแพที่เป็นโลเคชั่นถ่ายทำภาพยนตร์เรื่องนี้กันคึกคักทีเดียว โรงเรียนบ้านก้อจัดสรร สาขาห้องเรียนเรือนแพ อยู่ในเขตบ้านก้อจัดสรร แก่งก้อ ซึ่งเป็นทะเลสาบที่เกิดจากลำห้วยแม่ก้อไหลมาบรรจบกับแม่น้ำปิงในอุทยานแห่งชาติแม่ปิง อำเภอลี้ เป็นโรงเรียนแห่งเดียวในไทยที่ลอยอยู่กลางน้ำที่โอบล้อมด้วยภูเขา จัดทำขึ้นเพื่อให้เด็ก ๆ ได้เข้าศึกษาในระดับชั้นประถม นอกจากจะได้เยี่ยมชมห้องเรียนจริง ๆ ที่เป็นฉากในหนังแล้ว เรายังสามารถไปเที่ยวชมแพเกษตรพอเพียง ซึมซับบรรยากาศธรรมชาติและทิวทัศน์ที่สวยงาม ถึงแม้ที่นี่จะไม่ได้สะดวกสบายที่สุด แต่เห็นบรรยากาศแล้ว ต้องลองไปสักครั้ง หากใครไปเที่ยวชม อยากมีของติดไม้ติดมือเป็นของอุปโภคบริโภคไปให้กับทางโรงเรียนได้ด้วยนะคะ ที่โรงเรียนมีนักเรียนทั้งหมด 6 คนรอทุกคนไปเที่ยวหาอยู่น้าา☺.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร. 09 5802 2202​ (ครูน้อย โรงเรียนเรือนแพ) นอกจากจะได้ไปชมโรงเรียนบ้านก้อจัดสรร ตามเรื่องราวของครูแอนและครูสองแล้ว แอดก็มีสถานที่ท่องเที่ยวภายในอุทยานฯ อีกหลายแห่งมาฝากด้วยค่ะ.การเดินทาง จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1087 เข้าสู่หมู่บ้านก้อ ไปจนสุดเส้นทางจะเจอทางแยกเลี้ยวขวา ไปอีก 7 กิโลเมตรก็จะถึงแก่งก้อ และเดินทางโดยเรือจากแก่งก้อ ใช้เวลาประมาณ 45 นาทีก็จะถึงโรงเรียนเรือนแพ ภายในอุทยานแห่งชาติแม่ปิงยังมี “น้ำตกก้อหลวง” เป็นน้ำตกหินปูน มีน้ำไหลตลอดทั้งปี ไหลลดหลั่นลงมาตามชั้นต่างๆ 7 ชั้น ก่อนจะไหลผ่านหน้าผาหินปูนและหินงอกหินย้อยลงสู่แอ่งน้ำด้านล่าง ซึ่งเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ที่มีสีฟ้าอมเขียวเป็นไฮไลท์ของที่นี่ มีความลึกถึงประมาณ 8 เมตร ฉะนั้นหากอยากลงเล่นน้ำต้องใส่เสื้อชูชีพเพื่อความปลอดภัยด้วยนะคะ.ภายในมีห้องน้ำและห้องอาบน้ำบริการ หรือหากต้องการพักค้างแรม ที่นี่ก็มีทั้งบ้านพักและเต็นท์ แนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้านะคะ.การเดินทาง จากที่ทำการอุทยานฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1087 ไปประมาณ 14 กิโลเมตร ผ่านบ้านก้อ เลี้ยวซ้ายไปทางหน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติที่ 1 (น้ำตกก้อหลวง) อีก 8 กิโลเมตร จากนั้นเดินเท้าผ่านป่าไผ่ไปอีก 500 เมตร ก็จะถึงน้ำตก ถัดมาคือ “จุดชมวิวผาเเดงหลวง” สายผจญภัยต้องมา ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สวยงามอีกแห่งหนึ่งของประเทศไทย สามารถมองเห็นแม่น้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และภูเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อนได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นหน้าผามีสีส้มอมแดง จึงเป็นที่มาของชื่อ “ผาแดงหลวง” นั่นเอง ทางอุทยานฯ เปิดให้ขึ้นไปยังจุดชมวิวผาแดงหลวงได้ในช่วงฤดูหนาวเพียงปีละครั้งเท่านั้น สำหรับการเดินทางมายังจุดชมวิวผาแดงหลวง จะต้องติดต่ออุทยานฯ ล่วงหน้า ไฮไลท์ที่ห้ามพลาดก็คือ การชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ที่แสงอาทิตย์สีทองส่องแสงสะท้อนกับพื้นน้ำ สวยงามมาก แบบนี้ต้องไปเห็นกับตาแล้วล่ะ หากใครอยากจะพักค้างแรม ทางอุทยานฯ อนุญาตให้พักค้างแรมเเค่บริเวณจุดกางเต็นท์ทุ่งกิ๊กเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ไปพักข้างในหน่วยอื่น.การเดินทาง จะต้องติดต่อกับทางอุทยานฯ ก่อนเพื่อจองคิวรถโฟร์วีลที่จะขึ้นไป โดยรถจะจอดส่งที่จุดจอดรถ จากนั้นเราต้องเดินต่อไปยังจุดชมวิวระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที “น้ำตกก้อน้อย” น้ำตกก้อน้อยเกิดจากลำห้วยแม่ก้อน้อยที่ไหลผ่านป่าและหุบเขาสูงชัน ทำให้เกิดเป็นชั้นน้ำตกรวม 7 ชั้น บริเวณด้านบนของน้ำตกมีลานกางเต็นท์และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเทือกเขาได้อีกด้วย ใครเป็นสายผจญภัยต้องลองไปดูนะ หากใครได้ไปในช่วงฤดูหนาวอาจจะได้ชมทะเลหมอกด้านบนได้ด้วยน้า.การเดินทาง น้ำตกก้อน้อยอยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 23 กิโลเมตร ผ่านทุ่งกิ๊กไปอีก 9 กิโลเมตร ก็จะถึงน้ำตก

ตามรอยหนังรักโรแมนติก…คิดถึงวิทยา อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top