สถานที่ท่องเที่ยว

5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น

คิดถึงทะเลกันไหม… แอดนั้นคิดถึงทะเลที่สุด คิดถึงน้ำทะเลใสๆ คิดถึงความสวยงามของแนวปะการัง คิดถึงฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อยที่ว่ายล้อไปกับดอกไม้ทะเล ถ้าเพื่อน ๆ คิดถึงทะเล คิดถึงการดำน้ำตื้นเหมือนกัน แอดมีลิสต์ 5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นมาฝาก 1.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์.หากพูดถึงปะการัง การดำน้ำตื้น และโลกใต้ทะเลที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ต้องยกให้ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์” เป็นหนึ่งในลิสต์ เราสามารถไปเที่ยวแบบ One day trip เพื่อดำน้ำดูปะการังได้ แต่หากใครอยากใช้เวลาชิลล์ ๆ แบบไม่รีบร้อน ก็ค้างคืนได้ค่ะ บนอุทยานฯ มีศูนย์บริการสำหรับนักท่องเที่ยวและบ้านพัก.นักท่องเที่ยวขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือคุระบุรี ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง.เดือนน่าเที่ยว : เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน.ฤดูการท่องเที่ยวปิดเตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 พฤษภาคม ของทุกปี.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงาโทร. 0 7647 2145 2.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน.เกาะสิมิลันหรือเกาะแปด เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ขึ้นชื่อว่า มีน้ำทะเลที่ใสราวกระจกและหาดทรายขาวละเอียดที่สุดของเมืองไทย.สายดำน้ำห้ามพลาด เพราะที่นี่นับเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำอีกแห่งเลยทีเดียว เพื่อน ๆ จะได้พบกับฝูงปลาหลากสีแวะเวียนว่ายมาทักทาย ปะการังที่สวยงาม และสัตวน้ำนานาชนิด เป็นหมู่เกาะที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ เลยทีเดียว.คำว่า “สิมิลัน” เป็นภาษายาวี แปลว่า เก้า ซึ่งหมายถึงเกาะทั้งเก้า ประกอบด้วย เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมียง เกาะห้า เกาะปายู เกาะหัวกะโหลก(เกาะบอน) เกาะสิมิลัน(เกาะแปด) และเกาะบางู.นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือทับละมุ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง.เดือนน่าเที่ยว : ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมในช่วง 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคมของทุกปี หมู่เกาะสิมิลันจะปิดเกาะเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ.บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทร. 0 7642 1365 3.หมู่เกาะง่าม จังหวัดชุมพร.หมู่เกาะง่ามอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นจุดที่สามารถดำได้ทั้งน้ำลึกและน้ำตื้น มีธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย จุดไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันคือที่เกาะง่ามน้อย เดือนน่าเที่ยว : เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ซึ่งในช่วงนี้หากโชคดีอาจได้พบกับฉลามวาฬด้วยนะ.ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพรอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โทร. 0 7755 8144 4.เกาะหวาย จังหวัดตราด.ทะเลภาคตะวันออกก็สวยไม่แพ้ภาคใต้นะคะ เกาะหวาย ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เป็นเกาะที่มีเเนวปะการังน้ำตื้นให้ดำดูได้อย่างเพลิดเพลิน และสวยงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ รวมถึงมีสัตว์น้ำทะเลหายากต่าง ๆ ซึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาด ก็คือปะการังสีน้ำเงินที่หายากนั่นเอง.สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเทียบเรือบ้านบางเบ้า ใช้ระยะเวลาประมาณ 40 นาที.เดือนน่าเที่ยว : ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน.ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราดททท. สำนักงานตราด โทร. 0 3959 7259-60 5.เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี.หากจะบอกว่า ทะเลสวย น้ำใส ปะการังดีก็ต้องไม่พลาดที่นี่ แถมใกล้กรุงเทพฯ ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็ได้ดำน้ำดูปะการังแล้ว.เกาะแสมสารอยู่ในการกำกับดูแลของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเกาะและทะเลไทย สามารถเที่ยวได้แบบ One day trip เท่านั้นไม่สามารถพักค้างได้ แต่แน่นอนว่าความอุดมสมบูรณ์ใต้ท้องทะเลก็สวยไม่แพ้ภาคใต้เลย นับว่าเป็นอีกแห่งที่เที่ยวงบหลักร้อย แต่ได้วิวหลักล้าน.สามารถขึ้นเรือที่ท่าเรือเขาหมาจอ ซื้อตั๋วได้ที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (ไม่มีบริการจองตั๋วล่วงหน้า) ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปยังเกาะแสมสารประมาณ 30 นาที.เดือนน่าเที่ยว : เที่ยวได้ทั้งปี.ตำบลช่องแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีโทร. 038 432 475, 038 432 473

5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวอีสัน…ไปอีสาน

จังหวัดหนองคายเป็นอีกหนึ่งเมืองรองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และประเพณีของไทย-ลาวอยู่มาก แต่ถึงอย่างนั้น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็สวยงามไม่แพ้กัน จนแอดอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง การเดินทางขึ้นไปที่ภูห้วยอีสันไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ เพราะว่าทางขึ้นสูงและชันมาก เพื่อน ๆ สามารถใช้บริการรถอีแต๊กได้ โดยจุดบริการรถอีแต๊กจะอยู่ที่อบต.บ้านม่วง และมีค่าบริการคนละ 60 บาท (ไป-กลับ) .ในการชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก แนะนำให้มาขึ้นรถอีแต๊กเวลาประมาณ 05.00 น. เพราะระยะทางจากจุดขึ้นรถไปถึงภูห้วยอีสัน ใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที ภูห้วยอีสัน เป็นจุดชมวิวเล็ก ๆ บนเขา สามารถมองเห็นลำน้ำโขง และภูเขาขนาดใหญ่ของฝั่งไทยและฝั่งลาว นอกจากนี้ ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดของจังหวัดหนองคาย นอกจากจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือการมาชมทะเลหมอก ซึ่งสามารถชมได้ในช่วงฤดูหนาว.แอดเดินทางไปช่วงเดือนปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บนภูอากาศดีมาก มีหมอกให้ชมบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็ถือว่าไม่เสียเที่ยวที่ได้มาชมวิวสวย ๆ บนภูแห่งนี้ ห่างจากลานชมวิวออกไปไม่ไกล จะมีจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง ซึ่งมีสะพานไม้ยื่นออกไปจากหน้าผา.เพื่อน ๆ สามารถมองเห็นวิวที่กว้างกว่าลานด้านล่างได้จากจุดนี้ และยังเป็นจุดที่มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ใกล้ที่สุดอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบท้าทายความสูง แอดขอชวนให้มาเล่นชิงช้าตรงนี้เลย.แอดลองเล่นแล้ว ทั้งสนุกและได้เห็นวิวในมุมที่ต่างจากการดูวิวแบบทั่วไปแน่นอน  หากเพื่อน ๆ จะเดินทางไปในช่วงหน้าฝน แนะนำว่าให้เช็คสภาพอากาศก่อน เพราะถ้าในวันนั้นฝนตก จะงดให้บริการรถขึ้นไปบนภูห้วยอีสัน . ภูห้วยอีสัน .ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคายเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 04.00 น.โทร. 0 4241 4871, 09 6068 2362, 08 7219 5500

เที่ยวอีสัน…ไปอีสาน อ่านเพิ่มเติม

สปาโคลนร้อน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกไคร : พังงา

ชุมชนบ้านโคกไคร หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา มีเขาหมูกโครง (เขาจมูกคน) สัญลักษณ์ในพื้นที่ตั้งตระหง่าน และมีคลองมะรุ่ยไหลผ่านเป็นเขตแดนระหว่างอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา กับอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่นั่นเอง . กิจกรรมท่องเที่ยวหลัก ๆ ของชุมชน คือ การทำสปาโคลนธรรมชาติซึ่งเป็นโคลนร้อนที่สะอาดบริสุทธิ์ รวมทั้งมีแร่ธาตุต่าง ๆ สามารถพอกได้ทั้งใบหน้าและลำตัวเลยค่ะ อ้อ!! สปาโคลนที่นี่ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ ซึ่งในเดือนนึงเราสามารถทำสปาโคลนได้ไม่กี่วันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง สามารถเช็คตารางปฏิทินในแต่ละเดือนกับทางชุมชนได้เลยค่ะ . อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ การทำประมงพื้นบ้าน เมื่อเราเดินทางไปถึงหมู่บ้าน เราจะสังเกตเห็นกระชังเรียงรายบริเวณท่าเรือ มีตั้งแต่หอยตลับ ธนาคารปู และพระเอกของชุมชนนั่นก็คือ “หอยนางรม” ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งเลี้ยงหอยนางรมที่สำคัญของประเทศเลยทีเดียว เราออกจากที่พักในอำเภอเมืองพังงากันตั้งแต่เช้า ให้ทันนัดหมายกับคุณสมพร (ประธานกลุ่มท่องเที่ยวบ้านโคกไคร) เพื่อลงเรือที่หมู่บ้านกันตอน 6 โมงเช้า ก่อนลงเรือเราได้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข โดยมีการเช็คอุณหภูมิร่างกายและการแสกน QR Code ไทยชนะ เพื่อเช็คอินเข้าสู่ชุมชน พอฟ้าเริ่มสว่าง พวกก็เราลงเรือเพื่อไปยังจุดที่ทำสปาโคลนกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ระหว่างทางได้ชมบรรยากาศ 2 ฝั่งคลองมะรุ่ย มีหมอกปกคลุม อากาศเย็นสบายมากกก และแล้วเราก็เดินทางมาถึงบริเวณหาดทรายร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลลดพอดี โดยมีบังอิ๊บ ไกด์ชุมชนเป็นวิทยากร.บังอิ๊บแนะนำให้เราถอดรองเท้าเดินสัมผัสพื้นทรายและหมักโคลนร้อนที่เท้า เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย พร้อมกับเล่าว่าบริเวณนี้เป็นรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ซึ่งเป็นรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ยังคงปล่อยพลังงานอยู่ ทำให้มีความร้อนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และเราก็ได้มาซึ่งแฟชั่นรองเท้าบู๊ทแห่งบ้านโคกไคร หลังจากหมักโคลนที่เท้าให้ได้สัมผัสความร้อนกันแล้ว เราก็มาพอกตัวกันต่อค่ะ แต่โคลนที่ใช้พอกตัวจะเป็นคนละจุดกับที่เราหมักเท้าไปเมื่อสักครู่ค่ะ.โดยโคลนที่พอกตัวจะนำมาจากบ่อโคลน ที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 1 เมตร มีความสะอาดบริสุทธิ์ หากเราต้องการเลือกพอกเฉพาะหน้า แขน หรือขา ก็สามารถแจ้งพี่เจ้าหน้าที่ได้ โดยทางชุมชนจะมีผ้าให้เปลี่ยนค่ะ พอกโคลนเสร็จแล้วเราก็มานั่งพักเพื่อให้โคลนแห้ง ระหว่างนั้นก็จิบชาใบขลู่ ซึ่งเป็นสมุนไพรขึ้นชื่อของที่นี่ และทานขนมที่ทางชุมชนบริการให้ถึงที่.พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว เพราะมีกลุ่มเราแค่กลุ่มเดียว เรียกว่าการบริการของเจ้าหน้าที่ชุมชนที่นี่ ไม่แพ้โรงแรม 5 ดาวเลยค่ะ เสร็จจากการพอกโคลนแล้ว กิจกรรมของเราก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ค่ะ อย่างที่บอกไปว่าอาชีพดั้งเดิมของที่นี่คือประมงพื้นบ้าน ซึ่งหนึ่งในก็นั้นคือ หอยนางรม แน่นอนค่ะ!! เราก็ต้องไม่พลาดที่จะชิมหอยนางรมของที่นี่.โดยเค้ามีการสอนวิธีทานตามแบบฉบับบ้านโคกไครด้วย บอกเลยว่าสดและฟินมากกก!!! แอดให้คะแนน 10/10 ไม่หักเลยค่ะ อิอิ ก่อนกลับยังมีผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้ได้เลือกซื้อ เช่น ชาใบขลู่ ที่เป็นสมุนไพรท้องถิ่น และสครับจากเปลือกหอยนางรม สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วยน้า.บ้านโคกไครหมู่ที่ 1 ตำบลมะรุ่ย อำเภอทับปุด จังหวัดพังงาเช็คตารางวันที่และราคาทำกิจกรรมได้ที่คุณสมพร สาระการ (ประธานชุมชนบ้านโคกไคร) โทรศัพท์ 087 886 0465

สปาโคลนร้อน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกไคร : พังงา อ่านเพิ่มเติม

1 วัน @ ตลาดน้อย

ว่างหนึ่งวันไปไหนดี? คำถามนี้ยากพอ ๆ กับวันนี้กินอะไรดีเลยใช่ไหมล่ะ? . วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเดินเล่นที่ “ตลาดน้อย” ย่านการค้าและชุมชนจีนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันย่านนี้ยังคงความเก๋าสมกับเป็นย่านที่รุ่งเรืองในอดีต แถมตอนนี้ยังมีความเก๋ของภาพสตรีทอาร์ตที่ซ่อนอยู่มากมาย ยิ่งใครชอบถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม หรือชอบถ่ายรูปแนว Street Art ล่ะก็ รับรองต้องถูกใจแน่นอน ที่สำคัญเดินทางง่ายด้วย เหมาะจะเป็นทริปหนึ่งวันเป็นอย่างยิ่ง #TravelLikeaLocal 1 วัน @ ตลาดน้อย  1.เป็ดตุ๋นเจ้าท่า2.ศาลเจ้าโรงเกือก3.โซวเฮงไถ่4.ศาลเจ้าโจวซือกง5.ขาหมูแช่เย็น6.ธนาคารไทยพาณิชย์7.โบสถ์กาลหว่าร์ . การเดินทางไปตลาดน้อย (ซอยเจริญกรุง 22).1.รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีหัวลำโพงจากนั้น ต่อรถแท็กซี่, ตุ๊กๆ มาที่ซอยเจริญกรุง 222.รถไฟฟ้า BTS สถานีวงเวียนใหญ่ จากนั้นต่อรถสาธารณะมาที่ ซอยเจริญกรุง 223.รถประจำทาง สาย 1 , 35 ,75 ลงตลาดน้อย สาย 36, 93 ลงสี่พระยา เดินมาอีกนิด.ไม่แนะนำให้นำรถส่วนตัวมาเพราะค่อนข้างหาที่จอดรถยาก  แอดเริ่มต้นทริปที่ซอยเจริญกรุง 22 หากเพื่อน ๆ ไม่อยากเดิน สามารถเช่าจักรยานได้ที่ร้าน lofitel 22 ตรงหน้าปากซอยเลย แต่วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ เดินนะ เพราะแต่ละจุดที่แอดจะพาไปไม่ไกลกัน แถมระหว่างทางยังมีจุดให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด รับรองว่า เดินเพลินแน่ ๆ.ภายในซอย เป็นซอยค่อนข้างเล็ก แต่เพราะความเล็กนั่นแหละที่ทำให้แอดรู้สึกเชื่อมโยงกับบรรยากาศในอดีตได้ไม่ยาก แม้บางตึกจะมีการรีโนเวทใหม่ก็ตาม แต่ตลอดสองฝั่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นตึกแถวเก่าแก่เรียงรายไปตลอดทาง ดู ๆ ไปเหมือนเข้าไปอยู่ในละครแนวพีเรียตเลยล่ะ เป็ดตุ๋นเจ้าท่า.เริ่มต้นที่แรกด้วยร้านดังประจำย่านนี้ “เป็ดตุ่นเจ้าท่า” ร้านนี้เปิดขายมากว่า 40ปีแล้ว บอกได้เลยว่าร้านนี้เด็ดจริง น้ำซุปกลมกล่อม เนื้อเป็ดนุ่มไม่เหนียว เครื่องในสะอาดไม่มีกลิ่น ชอบมาก ๆ ร้านนี้มีทั้งเมนูเส้นและเมนูข้าว แต่ที่ถูกใจแอดที่สุดเห็นจะเป็น “ก๋วยเตี๋ยวแห้งเส้นเป๊าะ”(เหมือนเส้นหมี่ แต่ใหญ่กว่า) อร่อยเต็มปากเต็มคำจนอยากให้เพื่อน ๆ ได้มาลองบ้างจริง ๆ . ที่ตั้ง: ตลาดน้อย ซอยวานิช2 (ซอยกรมเจ้าท่า) แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 8.30-15.00น. (หยุดวันอาทิตย์)โทร. 0 2233 2541 กินอิ่มแล้ว เราจะเดินไปเที่ยวต่อที่ฝั่งตรงข้าม นั่นคือ “ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก” ในตรอกนี้มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ใช่แค่งานที่จัดแสดงให้ดูนะที่สวย แสงและเงาตามกำแพงก็สวยไม่แพ้กัน แนะนำเลยว่าห้ามพลาด ศาลเจ้าโรงเกือก.เดินจนสุดทางก็จะเจอศาลเจ้าโรงเกือก (ศาลเจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุง) ที่นี่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนปัจจุบันก็ยังสวยอยู่ แอดว่ายิ่งเวลาผ่านไปความเก่าแก่ที่เพิ่มขึ้นก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเสน่ห์ มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปและเดินชมอยู่ไม่น้อยเลย คนดูแลที่นี่บอกว่า เริ่มจากพ่อค้าชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) ได้เชิญองค์เจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุงจากเมืองจีนมาประดิษฐานไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะสร้างเป็นศาลเจ้าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ยิ่งในวันตรุษจีนจะคึกคักเป็นพิเศษ จะมีการตั้งโต๊ะไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ใครสนใจจะมาไหว้ก็ซื้อของไหว้รวมไปถึงเครื่องกระดาษต่าง ๆ มาไหว้ได้เลย.ที่ตั้ง: ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ซอยวานิช 2 ตลาดน้อย แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 7.00 – 17.00 น. โซวเฮงไถ่ (ร้านกาแฟ+โรงเรียนสอนดำน้ำ).เดินตามทางมาไม่ไกล ก็จะเจอกับบ้านโซวเฮงไถ่ (บ้านนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คนแถวนี้เรียก บ้านดวงตะวัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเรียกว่าบ้านจีนโบราณ บ้านเก๋งโบราณ) ที่นี่จะเป็นบ้านจีนสไตล์โบราณ มีผังเป็นรูปตัวยู ถ้าพูดด้วยภาษาปัจจุบันก็คือ จะมีคอร์ตยาร์ต (COURTYARD) กลางบ้านเป็นสระ เอาไว้ดำน้ำ (ลูกชายเจ้าของบ้านชอบดำน้ำมาก จึงสร้างสระว่ายน้ำไว้กลางบ้าน และเปิดเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำ) แล้วเก๋งจีนที่นี่ก็มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีเลย สวยข้ามกาลเวลาจริง ๆ หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้ว เพื่อน ๆ สามารถขึ้นไปเดินชมบนตัวบ้านได้เลย แอดอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เพราะข้าวของทุกอย่างเป็นของเก่าจริง ๆ และสวยมาก ๆ เหมือนฉากในหนังเลยล่ะ ที่สำคัญคือ ควรเดินด้วยความระมัดระวังและสำรวมกันด้วยนะ เพราะที่นี่ยังคงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน บริเวณไหนเป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือห้ามเข้า ก็ปฏิบัติตามกันกฏด้วยน้าาา.ที่ตั้ง: ซอย วานิช 2 แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 9.00-17.00น. (หยุดวันจันทร์)โทร. 08 0218 7000  ถัดจากบ้านโซวเฮงไถ่เล็กน้อยก็จะเจอจุดมหาชนนิยมถ่ายรูปอีกแล้ว นั่นก็คือ รถเต่าสีส้มนั่นเอง รถคันนี้ จอดอยู่ริมกำแพงอิฐเก่าเกือบสุดซอย เอาจริง ๆ แอดอดคิดไม่ได้ว่าใครกันที่เป็นคนขับรถเต่าสีส้มแบบนี้บนท้องถนนในอดีต ต้องเป็นคนจ๊าบแน่เลย…ว่าไหม? ใครเป็นทาสแมว เตรียมใจไว้เลย ระหว่างทางมีน้องงงอยู่เต็มไปหมด ไม่รู้จะชมตึกหรือชมแมวก่อนดี ศาลเจ้าโจวซือกง.เผลอแป๊บเดียวก็เดินมาถึง ศาลเจ้าโจวซือกง ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของชาวจีนฮกเกี้ยนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2347) ด้านในศาลเป็นที่ประดิษฐานของพระเซ่งจุ๊ยจ้อซือ และเทพเจ้าอื่น ๆ ที่ชาวจีนนับถือ เช่น พระไทจื่อเอี๋ย เจ้าพ่อกวนอู เจ้าพ่อเสือ และสามสิบหกเทพเจ้า ด้านหน้าของที่นี่เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา อากาศดีมากเลย ขอบอก อ๊ะ ๆ อย่าลืมแวะไปขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกศาลที่อยู่ริมน้ำนะ ภายในจะประดิษฐานเจ้าแม่ทับทิม ไฉซิ้งเอี้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) และไต่เซี้ยฮุกโจ้ว (เห้งเจีย) ได้ข่าวว่ามีคนมาขอเรื่องการงานแล้วสำเร็จตามใจหวังกันเยอะเลย ศาลเจ้าแห่งนี้นอกจากการเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจีนแล้ว ยังมีคุณค่าทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรมอีกด้วย ทั้งรูปแบบศิลปะลายปูนปั้น และการวางผังอาคาร ยังคงรักษารูปแบบสมัยราชวงศ์ชิงไว้อย่างเด่นชัด ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฮกเกี้ยนแห่งประเทศไทย แอดประทับใจลายปูนปั้นมาก สวยมากจริง ๆ.ที่ตั้ง:

1 วัน @ ตลาดน้อย อ่านเพิ่มเติม

ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร

ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตั้งอยู่บริเวณหาดทรายรี สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย หรือที่ผู้คนเรียกกันว่า “เสด็จเตี่ย” ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของเหล่าทหารเรือ รวมทั้งประชาชนทั่วไป.อนุสรณ์สถานประกอบด้วยศาลหลังเก่าอยู่ทางด้านล่าง ใกล้กับเรือรบหลวงชุมพร ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระตำหนักที่พระองค์สิ้นพระชนม์ และศาลหลังใหม่ที่สร้างขึ้นบนเนินเขา โดยจำลองให้เป็นเรือรบหลวงพระร่วงและมีศาลตั้งอยู่บนเรือ บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหาดทรายรีที่เป็นเวิ้งสวยงาม พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาโหมด ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 เป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ได้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือยังต่างประเทศ โดยหลังจากสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษแล้ว ได้ทรงกลับมาวางรากฐานและพัฒนาปรับปรุงกิจการทหารเรือสยามให้เจริญก้าวหน้า.ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ได้ทรงศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณอย่างจริงจัง จนสามารถรักษาโรคได้ จึงทรงรับรักษาผู้ป่วยในนาม “หมอพร” โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ.ภายหลังได้ทรงกลับเข้ารับราชการอีกครั้ง และทรงเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานเรื่อยมา จนได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ แต่หลังจากกราบบังคมลาเพื่อมาประทับรักษาพระองค์ ณ หาดทรายรี พระองค์ก็ประชวรด้วยพระโรคไข้หวัดใหญ่และสิ้นพระชนม์ที่พระตำหนักบริเวณหาดทรายรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2466  สำหรับวันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปชมศาลหลังใหม่กัน ซึ่งศาลหลังนี้ดูเผิน ๆ ก็เหมือนตั้งอยู่บนพื้นดินธรรมดา แต่ที่จริงแล้วบริเวณนี้คือเรือรบหลวงพระร่วงจำลอง โดยหัวเรือจะอยู่ด้านหน้าของศาล มีการสร้างปืนใหญ่และเสากระโดงเรือไว้ด้วย.ซึ่งจากสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 ในปัจจุบัน ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาสักการะภายในศาลก็ต้องผ่านการลงทะเบียนและตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายที่เต็นท์ด้านหน้าก่อน  หลังจากผ่านการตรวจเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้ามาด้านในกัน โดยก่อนที่จะเข้าไปสักการะพระรูปของกรมหลวงชุมพรฯ ด้านในศาล ทางด้านหน้าก็จะเป็นจุดให้เรานำเครื่องสักการะมาถวาย ซึ่งมีทั้งดอกกุหลาบแดง พวงมาลัยดอกมะลิ หมากพลู และยังสามารถจุดประทัดถวายได้ด้วย ซึ่งตอนแอดไป ก็ได้ยินเสียงจุดประทัดแก้บนอยู่ตลอดเวลาเลย  ซึ่งช่วงนี้ทางศาลฯ ไม่อนุญาตให้เรานำดอกกุหลาบมาสักการะเอง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการสัมผัส โดยนักท่องเที่ยวสามารถซื้อพานกุหลาบที่ทางศาลฯ จำหน่ายมาถวายได้ ราคาพานละ 50 บาท  บริเวณหัวเรือซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเล เป็นจุดที่เราสามารถชมทิวทัศน์ของหาดทรายรีได้อย่างสวยงาม ถึงแม้แดดจะแรงไปนิด แต่ก็มีลมเย็น ๆ ช่วยคลายร้อนอยู่ตลอดเวลาเลย . ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หาดทรายรี ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพรเปิดทุกวัน เวลา 06.30-19.00 น.

ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร อ่านเพิ่มเติม

ส่องสถาปัตยกรรมตะวันตกย่านบางรัก

ย่านบางรักถือเป็นย่านที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ เห็นได้จากอาคารบ้านเรือน ที่มีทั้งวัด โบสถ์ และมัสยิด ครั้งนี้แอดจะพาไปทำความรู้จักตึกเก่าสไตล์ตะวันตกสวย ๆ ในย่านนี้ มีหลายอาคารเลยที่ตกทอดจากอดีตมาถึงปัจจุบัน อายุกว่าร้อยปี ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสไปเดินเที่ยวแถวบางรัก แอดเชื่อว่าเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะทำให้เดินเที่ยวได้สนุกยิ่งขึ้นแน่นอน . ทำไมย่านบางรักมีสถาปัตยกรรมตะวันตกอยู่หลายแห่ง คำตอบของคำถามนี้คงต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว ชาวตะวันตกเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำการค้ากับชาวสยาม ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 เป็นช่วงที่มีชาวตะวันตก เช่น ชาวโปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ เข้ามาทำธุรกิจและตั้งรกรากอยู่มากที่สุด ทำให้มีการสร้างตึกสไตล์ตะวันตกอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก อาคารสำนักงาน โรงเรียน โบสถ์ โรงแรม ฯลฯ พร้อมกับในช่วงรัชกาลที่ 4 มีการตัดถนนเจริญกรุง มีการจัดผังเมืองใหม่ และจัดสรรพื้นที่ให้ชาวต่างชาติอยู่ร่วมกับชนชาติอื่น ๆ อย่างเหมาะสม เรียกได้ว่าบริเวณนี้เป็นชุมชนชาวตะวันตกย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ ………………………………………………………………………………………………………… สถาปัตกรรมตะวันตกอันโดดเด่นย่านบางรัก มีดังนี้ 1. สถานทูตโปรตุเกส ถือเป็นสถานทูตแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 30 หรือซอยกัปตันบุช สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 2 จุดเด่นคือสำนักงานสุดโมเดิร์นของสถานทูตที่ดัดแปลงมาจากโกดังเก็บสินค้า บ้านพักท่านทูตที่เป็นอาคารทรงโคโลเนียลแบบโปรตุเกสอายุประมาณ 150 ปี และงานสตรีทอาร์ตเท่ ๆ บนกำแพงหน้าสถานทูต ซึ่งเป็นผลงานของ วีลส์ (Vhils) ศิลปินชาวโปรตุเกส พิกัด: https://goo.gl/maps/xzbnqhazrqyqJ8VB6 ขอบคุณรูปภาพจาก สถานทูตโปรตุเกส 2. บ้านเลขที่ 1 ตั้งอยู่เยื้องกับสถานทูตโปรตุเกส สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะตะวันตก มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค เคยเป็นที่ทำการของ “กรมพระคลังข้างที่” หรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน เคยเป็นที่ทำการของบริษัทสุราฝรั่งเศส รวมถึงเคยเป็นที่ตั้งของ “โรงเรียนอาชีพช่างกล” โรงเรียนอาชีวศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันคือสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พิกัด: https://goo.gl/maps/GDiGm3HBUTyFtSw58 3. อาสนวิหารอัสสัมชัญ สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นอาสนวิหาร (สถานที่ที่พระสังฆราชประทับอยู่) แห่งแรกของประเทศไทย เดิมโบสถ์อัสสัมชัญเป็นโบสถ์แบบกอธิค แต่ในช่วงรัชกาลที่ 6 มีการบูรณะโบสถ์ใหม่ให้เป็นทรงโรมาเนสก์แบบที่เห็นในปัจจุบัน พิกัด: https://goo.gl/maps/GdjSCBtWEZ9719UA6 4. ตึกเก่า บริษัทอีสต์ เอเชียติก ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 40 สร้างขึ้นสมัยปลายรัชกาลที่ 5 เป็นที่ทำการและเป็นโกดังเก็บสินค้าของบริษัท East Asiatic Company ที่ก่อตั้งโดย ฮานส์ นีล แอนเดอร์สัน นักเดินเรือและนักธุรกิจชาวเดนมาร์ก จุดเด่นของอาคารคือ ตราสัญลักษณ์สมอเรือด้านหน้าตึก และสัญลักษณ์ของเทพเมอคิวรี เทพแห่งการค้าขาย ตามความเชื่อของกรีก-โรมัน พิกัด: https://goo.gl/maps/mJnPApEUREbuMjje6 5. โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เดิมคือ โรงแรมโอเรียนเต็ล เป็นโรงแรมแห่งแรกของประเทศไทย สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 4 ก่อตั้งโดยนายทหารชาวเดนมาร์ก 2 คน ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองไทย อาคารที่โดดเด่นที่สุดคือ อาคารออเธอร์ส วิง (Author’s Wing) เป็นสถาปัตกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่สวยสะดุดตา และได้รับรางวัล อนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี พ.ศ. 2545 พิกัด: https://g.page/MandarinOrientalBangkok?share ขอบคุณรูปภาพจาก โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล 6. ห้าง O.P. Place สร้างขึ้นปลายรัชกาลที่ 5 เดิมชื่อห้างสิงโต มีเจ้าของเป็นชาวเยอรมัน ตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนิโอคลาสสิคผสมศิลปะไทย ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม เมื่อปี พ.ศ. 2525 ร้านค้าส่วนใหญ่ขายงานศิลปะ เครื่องประดับ โบราณวัตถุ และของตกแต่งบ้าน พิกัด: https://goo.gl/maps/8qbh7wKPD5XPhVz78 ขอบคุณรูปภาพจาก ห้าง O.P. Place …………………………………………………………………………………………….. 7. อาคารศุลกสถาน หรือโรงภาษีร้อยชักสาม ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 36 สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค ออกแบบโดยโยอาคิม กราสซี สถาปนิกชาวอิตาลี ที่นี่เป็นที่ทำการเก็บภาษีสินค้าขาเข้าและขาออก นอกจากนี้ยังเคยเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ของเชื้อพระวงศ์และชาวต่างชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของงานสมโภชเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัติพระนครหลังจากเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก ภายหลังถูกปรับเป็นที่ทำการของสถานีตำรวจดับเพลิงบางรักยาวนานกว่า 60 ปี ก่อนจะย้ายออกไป ปัจจุบันอยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซม คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2568 พิกัด: https://goo.gl/maps/f9XeHBSWQQDb4Qsa8 8. อาคารไปรษณีย์กลาง อาคารที่เราเห็นกันในปัจจุบัน เป็นอาคารหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมาแทนอาคารไปรษณีย์กลางหลังเก่า สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2478 มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค เน้นความเรียบและสมัยใหม่ ลักษณะอาคารเป็นรูปตัวที โดดเด่นด้วยลายอิฐบนตัวอาคาร และมีประติมากรรมปูนปั้นลอยตัว ครุฑยุดแตรงอน อยู่ที่มุมตึกด้านบน พิกัด: https://goo.gl/maps/AUC4U1K5cnkDuJWu5

ส่องสถาปัตยกรรมตะวันตกย่านบางรัก อ่านเพิ่มเติม

รักษ์ทะเลสัตหีบ 2 วัน 1 คืน

ถ้าเพื่อน ๆ อยู่ในโหมดที่ร่างกายต้องการทะเล แอดมีทะเลสวย ๆ ใกล้กรุงเทพฯ เดินทางสะดวก เหมาะกับการท่องเที่ยวแบบ 2 วัน 1 คืนมาแนะนำค่ะ นั่นคือ ทะเลที่สัตหีบ จังหวัดชลบุรี . ทริปนี้ไม่เพียงเพื่อน ๆ จะได้เพลิดเพลินสนุกสนานเท่านั้น แต่ยังได้รับความรู้และการอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลให้เกิดความยั่งยืนอีกด้วย . แม้ช่วงนี้เราจะต้องชะลอการเดินทางท่องเที่ยวไว้ก่อน ตามมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 รวมทั้งแหล่งท่องเที่ยวหลายพื้นที่ก็ยังไม่เปิดให้บริการ แต่เพื่อน ๆ เก็บข้อมูลเส้นทางเหล่านี้ไว้ได้นะคะ รอให้สถานที่ท่องเที่ยวเหล่านี้กลับมาเปิดต้อนรับเราอีกครั้ง . หาข้อมูลแหล่งท่องเที่ยวทั่วไทยผ่าน eBook คู่มือท่องเที่ยวครบทุกจังหวัดได้แล้ววันนี้ที่ www.amazingthailandebook.com หรือดาวน์โหลดในรูปแบบ Application : Amazing Thailand eBook ได้ทั้งระบบ iOS และ Android วันที่ 1อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม วันที่ 2วัดช่องแสมสารพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทยศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล กองทัพเรือ.สำหรับการเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวแต่ละที่ในทริปนี้ หากเพื่อน ๆ ใช้รถส่วนตัวก็สามารถปักหมุดตามที่แอดระบุไว้ แต่ถ้าหากใช้บริการรถโดยสารสาธารณะ ให้เริ่มต้นด้วยการนั่งรถไปลงที่อำเภอสัตหีบ จากนั้นนั่งรถสองแถวสีฟ้าไปที่ตำบลแสมสาร หรือจะเรียกรถรับจ้างเพื่อเดินทางไปยังแหล่งท่องเที่ยวแต่ละจุดได้เลย  อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม.เกาะขามเป็นเกาะเล็ก ๆ ที่อยู่ถัดจากเกาะแสมสาร นอกจากน้ำทะเลใสแจ๋วและหาดทรายสีขาวที่ชวนให้ไปเที่ยวแล้ว ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของสำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 อีกด้วย มาดูกันว่าเกาะขามมีกิจกรรมอะไรให้เราไปสนุกกันบ้าง.– นั่งเรือท้องกระจกชมปลาที่เกาะขามมีบริการเรือท้องกระจกพานักท่องเที่ยวชมปะการัง ฝูงปลา และสัตว์น้ำ เราสามารถเห็นโลกใต้ทะเลผ่านกระจกใสใต้ท้องเรือ เหมาะมากสำหรับคนที่ไม่อยากดำน้ำ แต่วันที่น้ำลงมาก ๆ เจ้าหน้าที่จะไม่ออกเรือนะคะ เนื่องจากท้องเรืออาจจะไปครูดปะการังเสียหายได้ – ค่าบำรุงเรือ 20 บาท/คน/เที่ยว– เวลาในการชมรอบละ 30 นาที เรือออกทุก 1 ชั่วโมง.– ดำน้ำตื้นชมปะการังและสัตว์น้ำถ้าเพื่อน ๆ อยากชมปะการัง ฝูงปลา และสัตว์น้ำแบบใกล้ชิดอีกหน่อย อย่ารอช้า มาดำน้ำตื้นกันค่ะ ที่นี่มีอุปกรณ์ดำน้ำตื้น (snorkel diving) ให้เช่า เราสามารถเพลิดเพลินกับระบบนิเวศน์ใต้ทะเลได้อย่างเต็มอิ่มทีเดียว – ค่าเช่าอุปกรณ์ดำน้ำ 50 บาท/คน/ 2 ชั่วโมง.– ตามรอยเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ชมวิวบนยอดเขานอกจากกิจกรรมทางน้ำ เกาะขามยังมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติ เดินชมพันธุ์พืชเชิงอนุรักษ์ ระยะทางราว 300 เมตร ไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา ซึ่งจากจุดนี้เราสามารถชมทะเลจากมุมสูงได้อย่างสุดลูกหูลูกตา คุ้มค่ากับการเดิน.– ปลูกปะการังเนื่องจากที่นี่มีโครงการการอนุรักษ์และฟื้นฟูปะการังเพื่อทดแทนของเดิมที่ถูกทำลาย ทางเกาะจึงจัดให้มีกิจกรรมปลูกปะการัง โดยเจ้าหน้าที่จะบรรยายและสาธิตวิธีปลูก ให้นักท่องเที่ยวปลูกตาม ขั้นตอนนี้จะทำกันบนบก จากนั้นเจ้าหน้าที่จะเป็นคนนำไปปลูกในทะเล หากนักท่องเที่ยวสนใจก็สามารถตามไปดูได้ กิจกรรมนี้ ผู้สนใจต้องติดต่อเจ้าหน้าที่ล่วงหน้าค่ะ เพราะค่าใช้จ่ายจะแตกต่างตามรายละเอียดที่นักท่องเที่ยวต้องการ.เรียกว่าเป็นเกาะที่มีกิจกรรมแบบจัดเต็ม ให้เราได้ใช้เวลาบนเกาะได้อย่างเต็มที่ แต่ไม่ต้องห่วงเรื่องปากท้องนะคะ เพราะบนเกาะมีร้านอาหารอำนวยความสะดวกให้นักท่องเที่ยวอยู่แล้ว ไม่ต้องขนไปให้เหนื่อย และที่สำคัญทางเกาะไม่อนุญาตให้นำบรรจุภัณฑ์จำพวกโฟม และเครื่องดื่มแบบขวดพลาสติกขึ้นเกาะ เพื่อรักษาสิ่งแวดล้อมบนเกาะให้สะอาด และไม่เป็นมลพิษต่อธรรมชาติ  หากเพื่อน ๆ มีรถส่วนตัว สามารถขับรถไปจอดที่พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย จะมีรถรับ-ส่งฟรีมาที่ท่าเรือเขาหมาจอ แต่ถ้าใครไปรถโดยสารสาธาณะก็ไปได้ไม่ยาก ขึ้นรถสองแถวสีฟ้าแล้วบอกคนขับว่ามาลงที่ท่าเรือเขาหมาจอ แนะนำให้เผื่อเวลาสักนิดนึง.– รอบเรือไปเกาะขามวันจันทร์-ศุกร์เที่ยวไป : 09.00 น. 10.00 น. และ 11.00 น.เที่ยวกลับ : 13.00 น. 14.00 น. และ 15.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เที่ยวไป : 09.00 น. 10.00 น. 11.00 น.เที่ยวกลับ : 12.00 น. 13.00 น. 14.00 น. และ 15.00 น.(ใช้เวลาประมาณ 20 นาที)***โปรดตรวจสอบตารางการเดินเรืออีกครั้งก่อนเดินทาง.อัตราค่าบริการเรือ (ไป-กลับ)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 250 บาท (เด็กสูงไม่เกิน 120 เซนติเมตร)ชาวต่างชาติ 600 บาท เกาะขาม เป็นเกาะที่ไม่อนุญาตให้พักค้างคืน เพื่อประหยัดเวลาในการเดินทาง เพื่อน ๆ สามารถเลือกที่พักและร้านอาหารใกล้ ๆ กับท่าเรือเขาหมาจอได้ มีหลายที่ให้เลือกค่ะ . ที่ตั้ง: ตำบลสัตหีบ อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีจองตั๋วหรือสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 โทร.033 124 848, 093 397 1342 (เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 08.30-11.30 น. และ 13.00-16.30 น.)พิกัด: https://goo.gl/maps/sRg9EGeMfcMSM8Ru7  เริ่มต้นเช้าวันที่สองด้วยการไปไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่ชุมชนช่องแสมสารกัน.วิหารหลวงพ่อดำ วัดช่องแสมสาร.วัดแห่งนี้ มีวิหารซึ่งเป็นที่ประดิษฐาน “พระสัมพุทธมหามุนีศรีคุณาศุภนิมิต” หรือ “หลวงพ่อดำ” ตั้งอยู่บนเขาเจดีย์ เป็นที่เลื่อมใสของชาวประมงฝั่งตะวันออก เวลาออกทะเลก็มักจะพากันมากราบนมัสการและขอพร นอกจากนี้ วัดช่องแสมสารยังมีจุดเด่นเรื่องสถาปัตยกรรมที่งดงาม ภายนอกวิหารเป็นลวดลายปูนปั้นภาพเทพเทวดา และพระพุทธประวัติที่วิจิตรตระการตา ข้าง ๆ วิหารเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทะเลสีคราม หมู่บ้านและเกาะต่าง ๆ ได้อย่างกว้างขวาง.ที่ตั้ง: หมู่ 2 ตำบลแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีเปิดทุกวันเวลา 06.00-18.00 น.โทร. 038 431 123, 092 662 8987พิกัด: https://goo.gl/maps/NgsUQ8ZGRMYDRSm49 พิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย.ที่นี่อยู่ในความดูแลของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ จัดตั้งตามพระราชดำริของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เพื่อเป็นแหล่งศึกษาธรรมชาติ สร้างความรู้

รักษ์ทะเลสัตหีบ 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

Bangkok 1 day trip พาคนพิเศษเที่ยวต้อนรับวันวาเลนไทน์

1. ทานอาหารเช้าที่ ร้านโจ๊กปรินซ์2. ไหว้พระขอพร วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก)3. ชมความสวยงามของห้องสมุดเนียลสัน เฮส์4. ดำดิ่งสู่โลกใต้น้ำที่ Sea Life Bangkok Ocean World5. ชมนิทรรการแสงสีสุดล้ำที่ House of Illumination6. ล่องแม่น้ำเจ้าพระยาทานอาหารค่ำ เริ่มต้นทริปด้วยการจูงมือกันไปทานมื้อเช้าที่ ร้านโจ๊กปรินซ์ ย่านบางรัก ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นตำนานความอร่อยในย่านนี้ เพราะร้านเปิดมานานกว่า 60 ปี และยังอยู่ในลิสต์ บิบ กูร์มองต์ของมิชลิน อีกด้วย ทุกวันหน้าร้านจะเนืองแน่นไปด้วยลูกค้าที่มาชิมความอร่อย.แค่กลิ่นหอมเตาถ่านอันเป็นเอกลักษณ์ของร้านลอยมาแตะจมูก ก็ชวนอยากให้ลิ้มลองเสียแล้ว เชื่อว่าใครลองแล้วก็ต้องติดใจกับเนื้อโจ๊กเนียนนุ่มละมุน จะเพิ่มความอร่อยด้วยไข่ หมูสับเนื้อเด้ง หรือไข่เยี่ยวม้าก็เข้ากัน รับรองอร่อยทุกแบบแทบไม่ต้องปรุงอะไรเพิ่ม ที่นี่ยังมีปาท่องโก๋ตัวเล็กด้วย สั่งมาทานคู่กับโจ๊กก็ยิ่งอร่อย โจ๊กปรินซ์.ที่ตั้ง: 1391 ถนนเจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 06.00-12.00 น. และ 16.30-22.00 น.พิกัด: https://goo.gl/maps/yyQrHipsdaMb6Vdx6.การเดินทาง– เรือด่วนเจ้าพระยา : ลงที่ท่าเรือสาทร และเดินต่ออีกประมาณ 550 เมตร– รถไฟฟ้าบีทีเอส : สายสีลม (สีเขียวเข้ม) ลงสถานีสะพานตากสิน และเดินต่ออีกประมาณ 550 เมตร– รถประจำทาง สาย 1, 15, 35, 75, 77, 115, 504, 547 …………………………………………………………………………… หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ไปอิ่มใจกันต่อที่วัดพระศรีมหาอุมาเทวี (วัดแขก).วัดพระศรีมหาอุมาเทวี เป็นวัดในศาสนาฮินดู สร้างขึ้นราวปี พ.ศ. 2453-2454 โดยชาวทมิฬที่อพยพมาจากประเทศอินเดีย สถาปัตยกรรมของวัดมีความวิจิตรงดงาม ตามรูปแบบศิลปะอินเดียตอนใต้.คู่รักคู่ไหนอยากมีความรักที่ดี และความรักที่ยืนยาว มักจะมาขอพรกับพระแม่อุมาเทวี ที่เป็นองค์เทพประธานของวัด และพระแม่ลักษมี เทพแห่งความงามและความรัก ที่ตั้ง: ถนนปั้น แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน วันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 06.00-20.00 น. วันศุกร์ 06.00-21.00 น. วันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 06.00-20.30 น.พิกัด: https://goo.gl/maps/zN7uMfKmrZHRxSrs5.การเดินทาง– รถไฟฟ้าบีทีเอส : สายสีลม (สีเขียวเข้ม) ลงสถานีสุรศักดิ์ เดินต่อประมาณ 650 เมตร– รถประจำทาง สาย 15, 77, 504, 547 …………………………………………………………………………… เข้าวัดขอพรเสร็จแล้ว เราไปเดินเล่นกันต่อที่ห้องสมุดเนียลสัน เฮส์ ใช้เวลาเดินประมาณ 10 นาที.ห้องสมุดเนียลสัน เฮส์ (Neilson Hays Library) ก่อตั้งมานานกว่าร้อยปี มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิก ออกแบบโดยสถาปนิกชาวอิตาเลียน มารีโอ ตามัญโญ ซึ่งเป็นผู้ออกแบบพระที่นั่งอนันตสมาคม.บรรยากาศบริเวณห้องสมุดร่มรื่น เงียบสงบ เหมาะกับการเดินถ่ายรูปเล่น และนั่งพักผ่อนหย่อนใจ ภายในห้องสมุดมีการตกแต่งอย่างสวยงาม มีหนังสือให้ยืมกว่า 20,000 เล่ม ห้องสมุดแห่งนี้ถือเป็นอนุสรณ์แห่งความรักของสามีภรรยาคู่หนึ่ง นั่นก็คือคุณหมอโทมัส เฮส์ และเจนนี่ เนียลสัน โดยเจนนี่ เนียลสัน เป็นชาวเดนมาร์กที่เดินทางเข้ามาเป็นมิสชันนารีในประเทศไทย และได้พบรักกับคุณหมอเฮส์ อาจารย์สอนวิชาแพทย์คนแรกของโรงพยาบาลศิริราช เจนนี่ทำงานที่สมาคมห้องสมุดสตรีกรุงเทพฯ อย่างทุ่มเทเป็นเวลายาวนานกว่า 25 ปี เมื่อเธอเสียชีวิต หมอเฮส์เห็นถึงความรักของภรรยาที่มีต่อห้องสมุดและหนังสือ จึงตัดสินใจทำห้องสมุดถาวรแห่งนี้ขึ้นมา ต่อมามีการเปลี่ยนชื่อจากห้องสมุดสตรีกรุงเทพฯ เป็นห้องสมุดเนียลสัน เฮย์ เพื่อระลึกถึงบุคคลทั้งสอง.ห้องสมุดได้ด้รับรางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ปี พ.ศ. 2525 จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ ถ้าเพื่อน ๆ ไม่ได้เข้าไปชมด้านในห้องสมุด ก็สามารถมาทานอาหาร หรือชิมขนมอร่อย ๆ ได้ที่ “ปะแล่ม ปะแล่ม” ร้านคาเฟ่ตกแต่งแบบเรียบง่าย มีทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง และขนมอร่อย ๆ ให้บริการ.ที่ตั้ง: 195 ถนนสุรวงศ์ แขวงสุริยวงศ์ เขตบางรัก กรุงเทพมหานครเปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (หยุดวันจันทร์) เวลา 09.30-17.00 น.หากไม่ได้เป็นสมาชิกของห้องสมุดและต้องการเข้าไปใช้บริการ ต้องเสียค่าบำรุงห้องสมุดคนละ 100 บาทพิกัด: https://goo.gl/maps/uMEY75SVzZBA1Yw5Aโทร. 0 2233 1731.การเดินทาง– รถประจำทาง สาย 1, 16, 18, 35, 36, 75, 93 …………………………………………………………………………… เปลี่ยนบรรยากาศไปท่องโลกใต้น้ำที่ SEA LIFE Bangkok Ocean World กันเถอะ.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำแห่งนี้มีโซนจัดแสดงถึง 11 โซน มีสัตว์น้ำให้ชมมากกว่า 100 สายพันธุ์ ไฮไลท์ที่ต้องห้ามพลาด คือ อุโมงค์ใต้น้ำสุดอลังการที่สามารถชมความสวยงามของสัตว์น้ำหลากสายพันธุ์ โซนมหาสมุทรเขตร้อนที่จำลองมาไว้ในแทงก์น้ำขนาดใหญ่สูงกว่า 7 เมตร กิจกรรมการให้อาหารปลา และความน่ารักของเพนกวิน Gentoo ที่ใครได้เจอจะต้องรักน้อง ๆ อย่างแน่นอน.ที่นี่เคยมีคนมาขอแต่งงานและจัดงานแต่งงานด้วย คู่ไหนกำลังหาไอเดียจัดงานแต่งงาน เก็บที่นี่ไว้ในลิสต์ก็ได้นะ ที่ตั้ง: ศูนย์การค้าสยามพารากอน ชั้นบี1-บี2 ถนนพระราม 1 แขวงปทุมวัน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 10.00-19.00 น.ซื้อตั๋วออนไลน์ได้ที่ https://www.visitsealife.com/bangkok/tickets/พิกัด: https://g.page/sea-life-bangkok-ocean-world-554?shareโทร. 0 2687 2000.การเดินทาง– รถไฟฟ้าบีทีเอส : นั่งรถไฟฟ้าบีทีเอสลงสถานีสยาม– รถประจำทาง สาย 15,

Bangkok 1 day trip พาคนพิเศษเที่ยวต้อนรับวันวาเลนไทน์ อ่านเพิ่มเติม

8 สถานที่ขอพรความรักในกรุงเทพฯ

1. ศาลพระตรีมูรติ (ลาน Central World)2. พระแม่อุมาเทวี (วัดแขก สีลม)3. พระแม่ลักษมี (เกษรวิลเลจ แยกราชประสงค์)4. พระนอน (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร,วัดโพธิ์)5. พระกฤษณะ วัดเทพมณเฑียร (สมาคมฮินดูสมาช)6. หลวงพ่อเกษร (วัดท่าพระ)7. ศาลย่านาคพระโขนง (วัดมหาบุศย์)8. ศาลเจ้าแม่ประดู่ (ตลาดเก่าเยาวราช) ศาลพระตรีมูรติ (ลาน Central World ).ศาลพระตรีมูรตินี้ขึ้นชื่อว่าศักดิ์สิทธิ์เรื่องการขอพรเรื่องความรักมาก ไม่เฉพาะคนโสดที่มาขอ คนที่มีคนรักอยู่แล้วก็มา เพราะเชื่อว่าจะยิ่งรักกันมากขึ้นไปอีก หากใครอธิษฐานแล้วสมหวังต้องนำของมาถวาย เช่น มะพร้าว น้ำอ้อย นมสด หรือของหวานก็ได้ แล้วแต่ความชอบเลย แต่ห้ามถวายของคาวทุกชนิด.วิธีขอพร : ใช้กุหลาบสีแดง 9 ดอก หรือพวงมาลัยดอกกุหลาบ 1 พวง ธูปสีแดง 9 ดอก และเทียนสีแดง 1 เล่มหรือ 1 คู่ก็ได้ หากใช้เทียน 1 คู่ควรประกบเทียนให้ชิดกัน เชื่อว่าจะช่วยให้เจอคู่ได้เร็ว สำหรับคนที่มีคู่อยู่แล้วจะทำให้ความรักยิ่งแน่นแฟ้นมากขึ้น.เวลาขอพร : วันพฤหัสบดี เวลา 09.30 และ 21.30 น. (ปกติจะเปิด 24 ชั่วโมง ทุกวัน) ที่อยู่ : ลานหน้าศูนย์การค้าเซ็นทรัลเวิลด์ ถนนราชประสงค์ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานคร 10330 พระแม่อุมาเทวี (วัดแขก สีลม) “วัดแขก” หรือ “วัดพระศรีมหาอุมาเทวี” เป็นอีกแห่งที่คนโสดนิยมมาสักการะพระแม่อุมาเทวี เนื่องจากพระแม่อุมาเทวีมีความรักที่มั่นคงต่อองค์พระศิวะนั่นเอง ใครที่อยากมีรักที่มั่นคง จริงใจต่อกัน แนะนำที่นี่เลย.ด้านหน้าวิหาร มีบริการขายเครื่องสักการะ ชุดละ 60 บาท แต่เพื่อน ๆ จะหามาเพิ่มเองก็ได้ เช่น ดอกไม้ มะพร้าว กล้วย ขนมหวาน (สามารถหาซื้อได้บริเวณนอกวัด) เงินค่าของสักการะนี้ ทางวัดจะนำไปบำรุงวัด และนำไปเป็นค่าใช้จ่ายในช่วงงานประจำปีวัดแขกนั่นเอง. วิธีขอพร : ถวายดอกไม้ นม ผลไม้ ขนมอินเดียที่ทำจากนมและน้ำตาล ห้ามนำเนื้อสัตว์ทุกชนิดเข้าโบสถ์. เวลาขอพร : 06.00 – 20.00 น. ทุกวัน. ที่อยู่ : วัดพระศรีมหาอุมาเทวี 2 ถนนสีลม แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพมหานคร.***ด้านในห้ามถ่ายรูปเทวาลัยและรูปปั้นเทพแต่ละองค์*** พระแม่ลักษมี (เกษรวิลเลจ แยกราชประสงค์) หลายคนอาจไม่ทราบว่า ที่ดาดฟ้าชั้น 4 ของห้าง Gaysorn Village เป็นสถานที่ขอพรความรัก หลายคนตั้งใจมาที่นี่เพื่อสักการะพระแม่ลักษมี ตามความเชื่อของทางฮินดู พระแม่ลักษมีเป็นเทวีแห่งความรักเพราะเป็นชายาที่ซื่อสัตย์ และเป็นที่รักยิ่งของพระนารายณ์ จึงเชื่อกันว่าสามารถขอพรให้สมหวังในเรื่องของความรัก หรือได้พบกับความรักที่ซื่อสัตย์.วิธีขอพร : ขอพรด้วยธูป 9 ดอกและดอกบัวสีชมพู หากพรสำเร็จมักนิยมนำน้ำอ้อย หรือผลไม้รสอ่อน เช่น มะพร้าว มาแก้บน เตรียมของไหว้มาเองด้วยนะ เพราะที่นี่ไม่มีร้านขาย.เวลาขอพร : 10.00 – 18.00 น. ทุกวัน.ที่อยู่ : เกษรวิลเลจ 999 ถนนราชดำริ แขวงลุมพินี เขตปทุมวัน กรุงเทพฯ  พระนอน (วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร,วัดโพธิ์) พระนอนที่วัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม (วัดโพธิ์) เป็นพระนอนมีความเกี่ยวข้องกับศาสตร์ของตัวเลข และตัวเลขนั้นก็คือเลข 3 เพราะนอกจากจะสร้างขึ้นในสมัยรัชการที่ 3 แล้ว ยังเป็นพระนอนที่ใหญ่เป็นอันดับ 3 ของประเทศ จึงมีความเชื่อว่า ใครอายุขึ้นเลข 3 แล้วยังไม่มีคู่ หากมาไหว้ขอพรที่นี่จะได้คู่นั่นเอง . วิธีขอพร : ใช้ขนมจีน 3 จับกับน้ำยาปลา ธูป 8 ดอก เทียนสีผึ้ง 8 เล่ม ดอกบัว 8 ดอก และเงิน 8 บาท ตั้งนโม 3 จบ แล้วสวดคาถาบูชาพระพุทธไสยาสน์ รอจนธูปหมด แล้วลาขนมจีนมากินเป็นอันเสร็จพิธี . เวลาขอพร : 08.00 – 18.30 น. (ขอวันอังคาร) . ที่อยู่ : วัดพระเชตุพน วิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร 2 ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง. เขตพระนคร กรุงเทพฯ เป็นเทพอีกองค์หนึ่งที่คนโสดต้องมาขอพร มีความเชื่อว่าเมื่อครั้งที่พระกฤษณะอวตารมาใช้ชีวิตบนโลกมนุษย์ แม้ท่านมีสนมมากถึง 10,000 คน แต่ก็มีจิตใจรักมั่นต่อนางราธา หญิงเลี้ยงวัวผู้เป็นรักแรก จึงมีความเชื่อกันว่า หากได้มาไหว้และขอพร จะสมหวังและพบเจอเนื้อคู่ที่ดี มีรักที่เป็นสุข สามารถขอพรได้ทั้งความรักในครอบครัว และความรักแบบหนุ่มสาว . วิธีขอพร : ไหว้ด้วยดอกไม้ สาลี่ ส้ม ผลไม้ต่าง ๆ ห้ามถวายของคาวและเนื้อสัตว์ทุกประเภท เพื่อน ๆ ต้องเตรียมของไหว้ไปเอง เนื่องจากภายในวัดไม่มีจำหน่าย แต่เพื่อน ๆ สามารถถวายเงินตามกำลังศรัทธา เป็นค่าบำรุงรักษาโบสถ์ได้ .

8 สถานที่ขอพรความรักในกรุงเทพฯ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวรักษ์ทะเล

เพื่อน ๆ ชอบเที่ยวทะเลกันไหม?.แอดเป็นคนหนึ่งที่ชอบทะเลมาก เรียกได้เลยว่ารัก และอยากรักษาทะเลให้สวยงามไว้นาน ๆ ช่วงที่ผ่านมา ทะเลของเราได้พักร้อนไปชาร์จแบตช่วงหนึ่ง ทุกคนคงได้เห็นเหมือนกันว่าชายหาดและท้องทะเลมีการฟื้นฟูสภาพและสวยขึ้นมาก จนทุกคนอยากกลับไปเที่ยวเร็ว ๆ.แต่ต่อให้ทะเลมีการฟื้นฟูจนกลับมาสวยขนาดไหน แต่ถ้าพวกเราไม่ช่วยกันดูแล สิ่งที่ฟื้นฟูขึ้นมาคงสูญเปล่าไปแน่ ๆ.วันนี้แอดมีข้อแนะนำ และสิ่งที่ควรทำสำหรับคนรักษ์ทะเลมาฝาก หวังว่าพวกเราจะช่วยกันคนละไม้ละมือนะ.1. ลด-เลิก การก่อขยะพลาสติกลดใช้ผลิตภัณฑ์จากพลาสติก เช่น ถุงพลาสติก หลอดพลาสติก และแคปซีล (พลาสติกหุ้มฝาขวดนํ้าดื่ม) เพื่อช่วยลดปริมาณขยะ หันมาใช้ถุงผ้า แก้วน้ำพกพา หลอดใช้ซ้ำ หรือหลีกเลี่ยงการใช้ Single-use Plastic ให้ได้มากที่สุด.2. ใช้ครีมกันแดดปลอดสารเคมีเพื่อน ๆ รู้ไหมว่าในครีมกันแดดหลายยี่ห้อ มีส่วนประกอบของสารเคมีหลายชนิดที่ทำให้แนวปะการังเสื่อมโทรม ยิ่งถ้าเป็นครีมกันแดดที่มีส่วนผสมของ Oxybenzone สารตัวนี้มักจะละลายไปตอนเราเล่นน้ำทะเลนั่นแหละ แอดขอแนะนำให้เลือกครีมกันแดดที่ปลอดภัยต่อแนวปะการัง (Reef Safe) ซึ่งปัจจุบันมีอยู่หลายยี่ห้อ หรือจะใช้ครีมกันแดดที่สามารถย่อยสลายได้เองตามธรรมชาติ (Biodegradable) ก็ได้เช่นกัน.3. ทำตามกฎระเบียบของสถานที่ท่องเที่ยวโดยปกติ ทะเลและเกาะต่าง ๆ มักมีกฎและข้อควรปฏิบัติแจ้งไว้อยู่แล้ว เช่น ไม่เหยียบปะการัง ไม่ให้อาหารปลา ไม่ตกปลาในเขตอนุรักษ์ ไม่คุกคามสัตว์ทะเล รวมถึงไม่นำของที่อยู่ในทะเลติดมือกลับบ้านไป เช่น เปลือกหอยตามชายหาด แม้จะเป็นเปลือกหอยเปล่าก็ตาม เพื่อน ๆ อย่าลืมว่าสัตว์ทะเลเล็ก ๆ ที่อยู่ตามหาดยังต้องใช้เปลือกหอยเหล่านี้เป็นบ้านหลบภัยอยู่.4. ลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์เพื่อน ๆ หลายคนคงเคยได้ยินคำว่า “ปรากฏการณ์ทะเลกรด” กันมาบ้าง ปรากฏการณ์นี้เกิดจากการที่ปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในชั้นบรรยากาศเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้น้ำทะเลดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์จากชั้นบรรยากาศมากขึ้น ค่า PH ในน้ำทะเลมีค่าความเป็นกรดมากขึ้น ส่งผลกระทบโดยตรงกับสัตว์ทะเลเปลือกแข็ง เช่น หอย กุ้ง เม่นทะเล หรือแม้แต่ปะการัง ทำให้เปลือกและโครงสร้างภายนอกอ่อนแอ เราสามารถช่วยได้ด้วยการลดคาร์บอนไดออกไซด์ เช่น ใช้ขนส่งสาธารณะให้มากขึ้น ลดการใช้เครื่องปรับอากาศ หรือปรับอุณหภูมิให้เหมาะสม และลดการก่อกองไฟกลางแจ้ง.อย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือทุกครั้งที่ออกเดินทาง.สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมCall Center 1672IG : 1672travelbuddyTwitter : tat1672Line : @tatcontactcenterWeChat : VisitThailand

เที่ยวรักษ์ทะเล อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top