สถานที่ท่องเที่ยว

สงกรานต์วิถีไทย แต่งไทยไปทำบุญ

สงกรานต์วิถีไทย แต่งไทยไปทำบุญ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จังหวัดสมุทรสงคราม งานนมัสการและสรงน้ำหลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร วัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือ วัดบ้านแหลม ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม สิ่งสำคัญที่สุดของวัดคือ หลวงพ่อบ้านแหลม เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร มีความสูง 167 เซนติเมตร สันนิษฐานว่าสร้างสมัยสุโขทัย-อยุธยาตอนต้น โดยมีการจัด งานนมัสการและสรงน้ำหลวงพ่อบ้านแหลม ช่วงสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-19 เมษายน ของทุกปี วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดราชบุรี วัดมหาธาตุวรวิหาร หรือ “วัดหน้าพระธาตุ” หรือ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ” ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี วัดโบราณสมัยทวารวดี ซึ่งมีปรางค์ปราสาทศิลปะเขมร หรือลพบุรี และวิหารประดิษฐาน พระมงคลบุรี พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น พระพักตร์แบบสมัยสุโขทัย วัดขุนอินทประมูล จังหวัดอ่างทอง วัดขุนอินทประมูล ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง วัดสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นที่ประดิษฐานพระปางไสยาสน์ ซึ่งองค์พระพุทธรูปมีขนาดใหญ่และความยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 50 เมตร และมีพุทธลักษณะงดงาม พระพักตร์ยิ้มละไม ดูสงบเยือกเย็น เพียงได้ชมและสักการะพระพุทธรูปองค์นี้ก็เอิบอิ่มสุขใจ วัดท่าอิฐ จังหวัดอ่างทอง วัดท่าอิฐ อยู่บ้านท่าอิฐ ตำบลบางพลับ อำเภอโพธิ์ทอง สันนิษฐานว่าบริเวณที่ตั้งเดิมเป็นที่ปั้นและเผาอิฐเพื่อนำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล จึงเป็นที่มาของชื่อวัด มีพระพุทธรูปสำคัญ คือ หลวงพ่อเพ็ชร ประดิษฐานในพระอุโบสถ และ หลวงพ่อขาวประดิษฐานในวิหาร นอกจากนี้ มีพระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง สถาปัตยกรรมสวยงามโดดเด่นสีทองอร่าม ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระศอพระพุทธเจ้า วัดไลย์ จังหวัดลพบุรี วัดไลย์ อยู่ริมน้ำบางขาม ตำบลเขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง วัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาและมีพระพุทธรูปสำคัญ พระศรีอาริยเมตไตรย์ หรือ พระศรีอารย์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย และมีการจัด งานประเพณีชักพระศรีอารย์ ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี นอกจากนี้ ภายในวัดมีสิ่งสำคัญ เช่น พระวิหาร สถาปัตยกรรมแบบอยุธยาตอนต้น มีพระประธานปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอู่ทองในซุ้มเรือนแก้ว มีภาพปูนปั้นประติมากรรมที่ผนังด้านนอก เรื่องทศชาติ และปฐมสมโพธิ์ อันเป็นประติมากรรมฝาผนังขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญชิ้นหนึ่งของชาติ และพระอุโบสถ์สีทองอร่ามเรืองสวยงาม

สงกรานต์วิถีไทย แต่งไทยไปทำบุญ อ่านเพิ่มเติม

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ นั่งเรือเพียงแค่ 15 นาทีจากเกาะกลาง ถึง”เขาขนาบน้ำ” ภูเขาหินปูนสองลูกตั้งขนาบทะเลสองฝั่ง หรือถ้ามาจากฝั่ง สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือเจ้าฟ้าก็ได้ ใช้เวลาพอๆกัน พื้นที่โดยรอบเขาเป็นป่าชายเลน ไฮไลท์อยู่ที่ “ปูก้ามดาบ” ตัวเล็กสีสวยที่ตามถ่ายรูปได้ยากมาก ภายในเขาขนาบน้ำมีถ้ำ จำลองเหตุการณ์ต่างๆในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 ที่ญี่ปุ่นใช้ที่นี่เป็นที่ตั้งฐานทัพ ชาวบ้านส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลาม วิธีการดำเนินชีวิตยังเป็นไปในลักษณะพึ่งพาอาศัยกันแบบวัฒนธรรมมุสลิม แน่นอนว่า วิถีประมง เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตไปแล้ว เพราะพื้นที่ที่นี้ถูดล้อมรอบด้วยน้ำทะเล ในน้ำมี “ปลา” ในนามี “ข้าว” นอกจากสัตว์น้ำที่หาได้จากทะเลและพื้นที่ป่าชายเลนแล้วบนเกาะชาวบ้านยังมีอาชีพเกษตรกรรมปลูกข้าว “ข้าวสังข์หยด” ข้าวกล้องชื่อดังจากพัทลุง ก็เป็นที่นิยมของเกษตรที่นี่ด้วยเช่นกัน เรือหัวโทงลำเล็ก…สัญลักษณ์แทนความคิดถึงยามไกลกัน กลุ่มผลิตเรือหัวโทงจำลอง เริ่มต้นจากช่างต่อเรือหัวโทง เรือที่เป็นเหมือนเพื่อนคู่ทุกข์คู่ยาก ใช้ประกอบอาชีพและใช้เดินทางสัญจรเข้าเมือง ได้กลายมาเป็นของที่ระลึกสุดเก๋ จนเป็นเหมือนสัญลักษณ์ของจังหวัดกระบี่เลยก็ว่าได้  สนามเด็กเล่นของชุมชนบ้านเกาะกลาง คุณยายประจิม เล็กดำ ผู้ออกแบบลาย “ผ้าปาเต๊ะ” ที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว สำหรับสาวๆ ที่ชอบเรื่องของผ้า “ผ้าปาเต๊ะ” เป็นตัวเลือกที่เราแนะนำ โดยเพื่อนๆสามารถร่วม D.I.Y ได้ง่ายๆด้วยการเลือกลายที่ชอบ และเพ้นท์สีที่ใช่ ชุมชนแห่งนี้เคยได้รับรางวัลชุมชนดีเด่นด้านการท่องเที่ยว เป็นรางวัลอุตสหกรรมท่องเที่ยวไทย จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยด้วยนะ ยังไงถ้าใครมีโอกาสแวะไปกระบี่ อย่าลืมข้ามเรือไปเที่ยวเกาะกลางกัน ไปกินอาหารทะเลสดๆ และหาซื้อของฝากเก๋ๆกันนะ

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนเกาะกลาง จังหวัดกระบี่ อ่านเพิ่มเติม

กินลม ชมปลา นอนลั้นลา ที่บ้านท้องตมใหญ่

บ้านท้องตมใหญ่ เป็นหมู่บ้านชาวประมงที่หากินอยู่กับท้องทะเล และมีการรวมตัวกันเพื่ออนุรักษ์ทรัพยากรทางธรรมชาติไว้ ต่อมาได้จัดทำเป็นลักษณะของโฮมสเตย์ เพื่อต้อนรับให้นักท่องเที่ยวนั้น ได้เข้าไปสัมผัสวิถีชีวิต ท่องเที่ยว และร่วมกันอนุรักษ์ทรัพยากรอันล้ำค่าไว้ ใครเคยไปมาบ้าง เอามาแชร์กันบ้างนะ บ้านทองตมใหญ่ เป็นชุมชนอนุรักษ์ ที่ยินดีเปิดบ้านต้อนรับ นักท่องเที่ยวทุกคนให้มาสัมผัสธรรมชาติ วิถีชีวิตชุมชนแบบชาวประมง ที่อยู่กันอย่างเรียบง่าย  คำว่าท้องตมใหญ่ เพี้ยนเสียงมาจากทองตุ่มใหญ่ ซึ่งตุ่มในภาษาใต้ก็คือโอ่งนั่นเอง มุมนี้เป็นแลนด์มาร์คเลยนะ ต้องมาถ่ายรูป อันซีนของที่นี่ที่เป็นเอกลักษณ์ นั่นก็คือ “ ม้าน้ำ ” เรียกได้ว่าเป็นแหล่งเดียวในสยาม ที่มีม้าน้ำอยู่ใต้ถุนบ้าน ซึ่งน่าสนใจมากๆ ต้องลองไปให้เห็นกับตาตัวเองดูซักครั้ง ขอบคุณภาพจากเพจ โฮมสเตย์ท้องตมใหญ่ จังหวัดชุมพร บ้านของชาวท้องตมจะมีเอกลักษณ์ ก็คือจะเป็นบ้านไม้ที่จะยื่นออกไปในทะเลเป็นส่วนใหญ่ เราสามารถมองเห็นน้ำทะเลได้จากใต้พื้นบ้าน ซึ่งบ้านเหล่านี้ชาวบ้านอยู่อาศัยจริง ทำการแยกสัดส่วนให้แขกพัก ไม่ได้สร้างขึ้นเพื่อรับนักท่องเที่ยวโดยเฉพาะ ฉะนั้นอาจไม่ได้เน้นความสะดวกสบายมากนัก แต่จะได้สัมผัสความเป็นชาวประมงอย่างเต็มที่เลย หากจะพัก นำผ้าเช็ดตัวและอุปกรณ์อาบน้ำ มาเองด้วยนะ การพักแบบโฮมสเตย์ เหมือนไปบ้านเพื่อน บ้านญาติ เหมือนบ้านตัวเอง ไม่ใช่เหมือนไปพักตามรีสอร์ท โรงแรม ช่วยกันยกกับข้าวเอง ช่วยกันเก็บแก้วจานล้างเอง ทำความสะอาดพื้นลานกินข้าวกันเอง แต่ต้องใช้ช้อนกลางทุกจานนะจ๊ะ อาหารแต่ละมื้อ คือจัดเต็ม จัดหนัก อาหารทะเลเน้นๆ สดใหม่ทุกวัน  ซึ่งราคานั้นรวมกับค่าที่พักแล้ว!!3 วัน 2 คืน อาหาร 8 มื้อ คนละ 2,200 บาท 2 วัน 1 คืน อาหาร 4 มื้อ คนละ 1,200 บาท จากที่พักเดินเพียง 350 ม. ก็ถึงหาดท้องทราย เป็นหาดที่เม็ดทรายขาวละเอียด น้ำละเลสีสวยใส เหมาะที่จะไปนั่งรับลมสบายๆ ส่วนใครที่ชอบดำน้ำ ทางโฮมสเตย์ก็มีบริการ พาไปดำน้ำดูปะการัง ดูปลาน้อยใหญ่ที่เกาะมัดหวายใหญ่ ซึ่งเสื้อชูชีพ อุปกรณ์ดำน้ำ ให้ใช้ฟรี ใช้เสร็จ ล้างทำความสะอาดด้วยการจุ่มน้ำจืดให้มิดทีละตัว แล้วแขวนเก็บไว้ที่เดิมด้วยนะ ควรตรวจสอบสภาพอากาศจากกรมอุตุฯ ก่อนการการเดินทาง และทำใจยอมรับกับความเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศ และเชื่อฟังคำแนะนำ สำหรับกิจกรรมทางทะเล ความสวยงามใต้ท้องทะเล ที่เกาะมัดหวายใหญ่ ที่สำคัญเลย กิจกรรมหลักของที่นี่คือการร่วมมืออนุรักษ์เพื่อท้องทะเลไทยด้วยการ “สร้างบ้านปลา” และ”สร้างบ้านหมึก” เที่ยวครั้งเดียว นอกจากสนุกแล้ว ยังช่วยรักษาทรัพยากรณ์ธรรมชาติให้ยังคงอยู่ยั่งยืนต่อไปด้วยนะ เรือคายัค ให้ใช้ฟรี ไม่มีค่าใช้จ่าย ใช้เสร็จ นำขึ้นเก็บที่เดิมให้เรียบร้อยนะจ๊ะ ตอนกลางคืน ยังมีกิจกรรมตกหมึกด้วยนะ ราคาค่าที่พักและอาหาร3 วัน 2 คืน อาหาร 8 มื้อ คนละ 2,200 บาท (ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป)  2 วัน 1 คืน อาหาร 4 มื้อ คนละ 1,200 บาท (ตั้งแต่วันที่ 1 มีนาคม 2560 เป็นต้นไป)  เด็กอายุต่ำกว่า 12 ปี ครึ่งราคา เด็กต่ำกว่า 4 ขวบ ไม่คิดเงิน 1,200 หรือ 2,200 บาท เป็นค่าที่พักและอาหาร ที่จัดเป็นสำรับ สำรับละ 6-7 คน ไม่สามารถกำหนดเมนูล่วงหน้าได้ ขึ้นอยู่กับวัตถุดิบในชุมชน (มา 2-3 คน อาจต้องนั่งรวมให้ครบ 6 คน) เข้าพัก 10 คนขึ้นไป แถมเรือสำหรับออกทะเลฟรี 1 รายการ เลือกใช้สิทธิ์ตกหมึก หรือ ดำน้ำ ก็ได้ปกติ ลำละ 2,000 บาท (เรือหางยาว นั่ง 10 คน) ติดต่อสำรองที่พักล่วงหน้าทันทีที่ตัดสินใจได้ สอบถามวันว่างก่อนโอนเงินมัดจำ ช่วงเทศกาลมักจะมีการจองล่วงหน้า ประมาณ 6-12 เดือน ติดต่อคุณไก่ 0813456743Line@ : @tongtomyaiLine : kaifawww.facebook.com/tongtomyaihomestay/หรือคลิกลิงค์นี้เพื่อเพิ่มเพื่อนhttp://line.me/ti/p/%40tongtomyai

กินลม ชมปลา นอนลั้นลา ที่บ้านท้องตมใหญ่ อ่านเพิ่มเติม

อาหารไทยใหญ่ เจ้าถิ่นแห่งแม่ฮ่องสอน

อาหารไทยใหญ่ใช้ผักเป็นวัตถุดิบหลักในการประกอบอาหาร มีชื่อเรียกแบ่งตามวิธีการทำ เช่น อุ๊บ แอบ จี่ โก เป็นต้น อาหารไทยใหญ่มีมากมายหลายเมนู วันนี้จะแนะนำบางเมนูที่ไปถึงแม่ฮ่องสอนแล้วต้องลองกิน “ถั่วเน่า” หรือถั่วเหลืองหมัก เครื่องปรุงสำคัญที่เป็นเอกลักษณ์ของอาหารไทยใหญ่ มีทั้งถั่วเน่าแผ่น เรียกว่า ถั่วเน่าแข็บ และถั่วเหลืองที่หมักและบดละเอียดโดยจะเก็บไว้ในลักษณะคล้ายการเก็บน้ำพริตาแดงจะไม่ทำให้แห้ง ใช้แทนกะปิ เรียกว่า ถั่วเน่าเมอะ ภาพจาก sukkaphap-d.com ข้าวส้ม เป็นการนำข้าวที่ปรุงรสด้วยขมิ้นและเครื่องต่างๆไปคลุกกับมะเขือเทศลูกเล็กๆ (มะเขือส้ม) เติมปลาลงไป คลุกให้เข้ากัน จากนั้นปั้นเป็นลูกพร้อมเสิร์ฟ ภาพจาก sentangsedtee.com จิ้น แปลว่า เนื้อ เช่น จิ้นหมู คือ เนื้อหมู / ลุง แปลว่า การปั้นให้เป็นก้อนกลม จิ้นลุง อาหารที่ชาวบ้านกินกันอย่างแพร่หลาย นิยมทานคู่กับข้าวส้ม จิ้นลุง จะใช้หมูสับมาผสมกับเครื่องเทศ สมุนไพร เครื่องแกง แล้วปั้นเป็นลูกกลมๆ มีรสชาติเผ็ดนิดๆ รสชาติคล้ายไส้อั่ว ภาพจาก cookpad.com อุ๊บไก่ คือ แกงไก่นำขลุกขลิก เป็นการนำไก่ที่คลุกกับผงขมิ้นและพริกป่นไปทอด แล้วนำไปเคี่ยวในน้ำซุปที่ปรุงรสด้วยเครื่องเทศและสมุนไพร หากใครไปแม่ฮ่องสอน และสนใจจะลองชิมอาหารไทยใหญ่ ไปตามลายแทงนี้เลยค่ะ1. ร้านอาหารไตป้าศรีบัว ถนนสิงหนาทบำรุง ใกล้ตลาดสายหยุด เปิด 07.00-15.00 น. หยุดวันพระ2. ตลาดข้างศาลเจ้าพ่อข้อมือเหล็ก ถนนสิงหนาทบำรุง เปิด 07.00-12.00 น.3. ตลาดสดยามเย็น ด้านหน้าตลาดสายหยุด มีทั้งอาหารและขนมไทยใหญ่ เปิดทุกวัน 17.00-20.00 น. 4. บ้านโฮมสเตย์ เฮินปิลันธน์ ต.เมืองปอน อ.ขุนยวม ภาพจาก baankruaeed.wordpress.com

อาหารไทยใหญ่ เจ้าถิ่นแห่งแม่ฮ่องสอน อ่านเพิ่มเติม

กลับบ้านแต่งไทย ไปเล่นสงกรานต์

อย่างที่ทราบกันดีว่าชุดไทยและผ้าไทยนั้นมีความหลากหลาย ต่างยุค ต่างสมัย ต่างรูปแบบ และต่างลวดลาย วันนี้ “เพื่อนร่วมทาง” จึงอยากขอยกตัวอย่างสถานที่จัดงานสงกรานต์ที่มีความหลากหลายและเป็นเอกลักษณ์ในด้านของการแต่งกาย มาเป็นตัวเลือกสำหรับการเฉลิมฉลองร่วมกัน เริ่มกันที่จังหวัดพระนครศรีอยุธยา เมืองหลวงเก่าแก่ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานของไทย หากนักท่องเที่ยวต้องการแต่งชุดไทยแท้ ร่วมเล่นสงกรานต์แบบวิถีไทย โดยมีฉากหลังเป็นโบราณสถานที่เต็มไปด้วยเรื่องราว ขอเชิญมาร่วมเล่นน้ำในงาน #เย็นทั่วหล้ามหาสงกรานต์ ประจำปี 2561 โดยใช้ชื่อว่า “#สงกรานต์กรุงเก่าเล่นน้ำกับช้าง” ในระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2561 ณ บริเวณถนนศรีสรรเพชญ์ ด้านหน้าอาคาร เรือนไทย ททท.สำนักงานพระนครศรีอยุธยา จังหวัดพระนครศรีอยุธยา กิจกรรมภายในงานทุกท่านจะได้สัมผัสบรรยากาศย้อนยุคด้วยการแต่งกายชุดไทย #สรงน้ำพระพุทธรูป , #รำวงกรุงเก่า, #เล่นน้ำสงกรานต์กับช้าง สนุกสนานกับม่านน้ำและโค้งน้ำที่สวยงาม มีมุมถ่ายภาพตามรอยละครบุพเพสันนิวาสเช่น #ก่อพระเจดีย์ทราย เป็นต้น ห้ามพลาด !!! สำหรับผู้ที่เกิดในเดือนเมษายน แสดงบัตรประชาชนรับของที่ระลึก “#เหรียญพระอยุธยามหามงคล” (เหรียญทองแดง ผ่านพิธีพุทธาภิเษกเมื่อปี 2550) ท่านละ 1 องค์ แจกวันละ 100 องค์ ซึ่งแจกในระหว่างวันที่ 13 – 15 เมษายน 2561 และสำหรับผู้ที่สวมชุดไทยตามแบบละครบุพเพสันนิวาสมาเล่นน้ำสงกรานต์กับช้าง มีสิทธิ์ลุ้นรับของที่ระลึกพิเศษ !!! จาก ททท.พระนครศรีอยุธยาอีกด้วย *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook: @TatAyutthaya สำหรับคนที่หลงใหลและซาบซึ้งใจในความเสียสละของนักรบโบราณ อยากย้อนยุคไปให้กำลังใจเหล่าวีรชนผู้กู้ชาติ ไม่อยากให้พลาดงาน “นุ่งโจงห่มสไบ เล่นน้ำแบบไทยๆ ณ สิงห์บุรี” ระหว่างวันที่ 12 – 15 เมษายน 2561 ณ วัดโพธิ์เก้าต้น และตลาดไทยย้อนยุคบ้านระจัน อำเภอค่ายบางระจัน จังหวัดสิงห์บุรี โดยภายในงานจัดให้มีกิจกรรมที่น่าสนใจมากมาย อาทิ พิธีปลุกเสกน้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์เสริมสิริมงคล, ฟังเทศน์มหาชาติ โดย พรเทพ พรทวี, พิธีสรงน้ำพระ และรดน้ำดำหัว ขอพรพ่อปู่แม่ย่า, ร่วมฉลองสงกรานต์ในบรรยากาศไทยย้อนยุคบ้านระจัน, รื่นเริง สนุกสนานกับขบวนแห่สงกรานต์แบบโบราณอันยิ่งใหญ่ตระการตา, ชมการแสดงแสง สี เสียง สุดอลังการในชุด “น้ำทิพย์ศักดิ์สิทธิ์ในตำนาน สู่มหาสงกรานต์บ้านระจัน”, การแสดงคอนเสิร์ตจากศิลปินดาราชื่อดัง, เพลิดเพลินกับอุโมงค์น้ำ ขนาดความยาว 60 เมตร, การประกวดหลานปู่หลานย่าวีรชนค่ายบางระจัน, การแข่งขันกีฬาพื้นบ้าน และลิ้มรสอาหารสำรับคาวหวานแบบโบราณบ้านระจัน เป็นต้น *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook: @TATLopburiOffice สำหรับคนน่ารัก ที่ติดใจการทอผ้าไหมด้วยภูมิปัญญาจากการเก็บขิด และการจก ที่มีลวดลายโดดเด่น และเสน่ห์ที่เป็นเอกลักษณ์ของ “ผ้าแพรวา” จังหวัดกาฬสินธุ์ ขอเชิญหาไอเดียเก๋ๆ แต่งชุดไทยด้วยกลิ่นอายของผ้าแพรวา ร่วมงาน “สงกรานต์ดีโน่สินธุ์ ถิ่นคนน่ารัก” ประจำปี 2561 ระหว่างวันที่ 12-15เมษายน 2561 บริเวณ วงเวียนไดโนเสาร์หน้าวัดสว่างคงคา กิจกรรมที่น่าสนใจภายในงานจะมีพิธีสรงน้ำพระพุทธรูป พระสงฆ์ พิธีรดน้ำขอพรจากผู้สูงอายุ ชมขบวนแห่หลวงพ่อองค์ดำ และขบวนพาเหรด Happy Carnival กิจกรรมพาแลงชุมชน ๓๖ ชุมชน ประกวดขับร้องและเต้นหางเครื่องประกอบเพลง ประกวดเทพีสงกรานต์ และขบวนพาเหรดเกิร์ลกรุ๊ปสาวไทยหัวใจกาฬสินธุ์ *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook: เทศบาลเมืองกาฬสินธุ์ / Facebook: แพรวาจีจี้ นักท่องเที่ยวผู้หลงใหลในความเรียบง่าย อยากเท่ด้วยการคุมโทนสีน้ำเงินเข้มขรึม มนต์ขลังแห่งการย้อมผ้าแบบธรรมชาติ โดยใช้วัตถุดิบจากต้นฮ่อม เพื่อนร่วมทางขอแนะนำ งานประเพณีปี๋ใหม่เมือง “ดอกลมแล้งบาน สงกรานต์เมืองแป้ นุ่งหม้อห้อมแต้งามตา” ประจำปี 2561 วันที่ 12-17 เมษายน 2561 บริเวณถนนเจริญเมือง จังหวัดแพร่ ร่วมชมมหกรรมแข่งขันกลองปู่จายิ่งใหญ่ ณ วัดพระธาตุช่อแฮ การประกวดจิสะโป๊กเมืองแพร่ ณ ข่วงวัฒนธรรมเมืองแพร่ ร่วมก่อพระเจดีย์ทราย ทำบุญตักบาตร สรงน้ำพระเพื่อความเป็นสิริมงคล เที่ยวสดใสมาร์เก็ต ตลาดนัดแพร่คราฟต์ นั่งรถรางชมเมืองยามค่ำ และเล่นสาดน้ำสงกรานต์หม้อห้อมที่ถนนเจริญเมือง  *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook: @tat.phrae ส่วนใครที่คิดว่า วันสงกรานต์ทั้งที ต้องลวดลายและสีสันเต็มที่ ความสดใสต้องมา ดอกไม้ต้องมี ขอเชิญคว้าเสื้อลายดอกตัวเก่ง เร่งไปร่วมงาน “สงกรานต์เสื้อลายดอก ถนนข้าวตอกสุโขทัย” จัดวันที่ 13-15 เมษายน 2561 บริเวณวงเวียนหอนาฬิกา ถนนข้าวตอก จังหวัดสุโขทัย  ที่สำคัญ หากนักท่องเที่ยวยังมีเวลาเหลือ สามารถเที่ยวต่อเนื่องได้ตามนโยบาย #สงกรานต์สุโขทัยเที่ยวได้ครึ่งเดือนโดยมีการจัดงานสงกรานต์ตามจุดต่างๆ ดังนี้ . . . 7-12 เมษายน งานสรงน้ำโอยทาน สงกรานต์ศรีสัชนาลัย / 9-13 เมษายน สงกรานต์มหามงคล น้ำมนต์ทะเลหลวง ณ ทุ่งทะเลหลวง / 11-15 เมษายน งานประเพณีสงกรานต์ และเทศกาลอาหารเมืองสวรรคโลก / 12-14 เมษายน งานย้อนอดีตมหาสงกรานต์กรุงเก่าสุโขทัย / 13-16 เมษายน มหาสงกรานต์กรุงสุโขทัย ร้อยดวงใจสรงน้ำพระอจนะ วัดศรีชุม / 17-19 เมษายน งานแห่น้ำขึ้นโฮง สรงน้ำเจ้าหมื่นด้ง ต.บ้านตึก อ.ศรีสัชนาลัย  *ขอบคุณภาพและที่มาจาก Facebook:@tatsukhothaifanpage ล่องลงใต้มาตามหาเสน่ห์ในความ ผิวเข้ม ตาคม ด้วยเครื่องแต่งกายเน้นอัตลักษณ์ของคนใต้ ซึ่งสวยงามไม่แพ้ภาคอื่น จะสวมโสร่ง นุ่งผ้าปาเต๊ะ ใส่เสื้อผ้าลูกไม้ ร่วมก่อเจดีย์ทราย ณ สวนศรีธรรมาโศกราช, วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร และสนามหน้าเมืองนครศรีธรรมราช รวมทั้งการปิดถนนเล่นน้ำสงกรานต์พร้อมเวทีการแสดงบริเวณถนนประตูลอด ใน “เทศกาลมหาสงกรานต์ แห่นางดานเมืองนคร 2561” ที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 11-15 เมษายนนี้  งานสงกรานต์ที่นครศรีธรรมราชมีรูปแบบแตกต่างออกไป เพราะจังหวัดนครศรีธรรมราช เป็นศูนย์กลางทางการท่องเที่ยวเชิงศาสนาและวัฒนธรรม ทั้งทางศาสนาพุทธและศาสนาพราหมณ์ ซึ่งมีหลักฐานชี้ชัดถึงความยิ่งใหญ่ในอดีต

กลับบ้านแต่งไทย ไปเล่นสงกรานต์ อ่านเพิ่มเติม

ปั่นจักรยานสลายไขมันกันริมเล@จันทบุรี

ปั่นจักรยานสลายไขมันกันริมเล@จันทบุรีมาคราวนี้แอดมินขอนำเทรนด์เรื่องสุขภาพมารวมกับเรื่องเที่ยวให้เรื่องกินเรื่องเที่ยวเป็นเรื่องเดียวกัน นอกจากจะกิน (ให้) คลีนแล้ว เรายังสลายไขมันได้ระหว่างเที่ยวด้วยการเอาจักรยานไปปั่นตามแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถปั่นได้แบบปลอดภัย  วันนี้แอดมินจะเอาน่องใหญ่ๆ ของตนเองไปปั่นจักรยานตามเส้นทางเฉลิมบูรพาชลทิต ถนนเลียบทะเลแสนสวยซึ่งควรจะเริ่มปั่นกันตั้งแต่เช้า เพราะเราไปหลายที่เพื่อความคุ้ม ซึ่งถ้าไปเริ่มปั่นตอนเที่ยงเจอแดดริมเลเข้าไป นักปั่นน่องใหญ่อย่างแอดมินคงจะเปลี่ยนไปเรียกพี่วินมอเตอร์ไซต์กลับเข้าเมืองแทน จุดเริ่มของเราอยู่ที่ “หาดแหลมสิงห์” พิกัดhttps://goo.gl/maps/fYvANhyhSEG2 ใช้เส้นทาง 4036 ตรงขึ้นมาเจอทาง 3149 จะเจอแยกเลี้ยวซ้ายไปตึกแดงเลี้ยวขวาไปคุกขี้ไก่ แอดมินก็ขอแนะนำให้ไปทั้ง 2 ที่เลยละกันเพราะเวลาเราเยอะ ช่วงนี้ฮิตเที่ยวตามรอยประวัติศาสตร์กัน เราก็ไปกับเขาด้วยจะได้มีรูปสวย ๆไว้อวดชาวโลกบน FB เลี้ยวขวาไปเยี่ยม “ตึกแดง” กันก่อน จะอัพแต่รูปสวยๆก็ใช่ที่ เรามารู้เรื่องราวของที่แห่งนี้กันก่อนดีกว่าแต่เดิมพื้นที่นี้เป็นที่ตั้งของป้อมพิฆาตปัจจามิตรซึ่งสร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 พอฝรั่งเศสเข้ายึดเมืองจันทบุรีจึงรื้อป้อมนี้ลงแล้วสร้างตึกแดงเป็นที่พักและเป็นกองบัญชาการทหารฝรั่งเศส เมื่อพ.ศ. 2436 พร้อมกับคุกขี้ไก่ ตอนนี้ป้อมนี้อายุ 125 ปีแล้ว พละจากตึกแดงมาก็ไปเยี่ยมชม “คุกขี้ไก่” พิกัดhttps://goo.gl/maps/VyWVpCmdVKD2 ที่สร้างขึ้นมาพร้อมๆ กับตึกแดง คุกนี้สร้างขึ้นมาเป็นคอกสี่เหลี่ยมจัตุรัสสูง 7 เมตร เพื่อขังคนไทยที่ต่อต้านฝรั่งเศสข้างบนเลี้ยงไก่พอไก่ขี้ลงมาก็ลงมาโดนนักโทษที่อยู่ข้างล่างน่าสงสารนักโทษเป็นยิ่งนัก ออกจากคุกออกจากตึกกันเถอะ เข้าสู่โหมดปัจจุบันข้ามสะพานแหลมสิงห์มายัง “วนอุทยานเขาแหลมสิงห์”https://goo.gl/maps/DZfCXSrTxEF2 แวะอินกับบรรยากาศความเงียบสงบของทะเลกันที่อ่าวกระทิงพร้อมเดินไปอัพรูปกับประภาคารแหลมสิงห์เก๋ ๆ แล้วไปขี่รับลม(ร้อน)กันต่ออีกประมาณ 15 กิโลเมตรกว่าๆ ก็จะถึงจุดชมวิวปากน้ำแขมหนู (ไม่ไกลเลยสำหรับนักปั่นน่องใหญ่อย่างเราจริงมั้ย) ถึงตรงนี้ต้องระวังซักนิดอย่าซิ่งมากเพราะตรงโค้งที่จะตรงไปสะพานปากน้ำแขมหนู เป็นทางลาด โค้งค่อนข้างชัน ชมวิวเสร็จปั่นต่อมาอีก 2.5 กิโลมาดูลานหินสีชมพู ออกแรงปั่นบวกแรงเดินไปมากมายจนชักจะซูบแวะเติมพลังกันหน่อยที่ “ยายตุ๊ซีฟู้ดสาขา 1” หาดจ้าวหลาว เติมพลังกันให้เต็มอิ่มเลย ท้องอิ่มแล้วก็มาปั่นกันต่ออีกประมาณ 5 กิโลกว่า ๆ ก็จะถึง “ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบน” พิกัดhttps://goo.gl/maps/txRh1W6H74M2 จอดจักรยานไว้ข้างหน้าแล้วเข้าไปเดินย่อยดูปูแสม ปูก้ามดาบ ลิงแสม กันที่ทางเดินศึกษาธรรมชาติประมาณ 45 นาทีพอออกมาค่อยไป “สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ” ที่อยู่ใกล้ๆกัน เยี่ยมชมเหล่าปลาเก๋า ปลากะพงและปลาน้ำเค็มเพื่อนรักหลายสายพันธุ์  เวลาเปิด-ปิดวันจันทร์ – ศุกร์ เวลา 8.30 – 16.30 น. วันเสาร์ – อาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เปิดเวลา 08.00 -17.00 น. ออกมาจากการชมปลาน้ำเค็มเพื่อนรักแอดมินก็ปั่นมาเรื่อยๆ ชักง่วงชักเพลีย แวะร้านกาแฟ “coffeecove” ชาร์จพลังกับน้ำอัญชันมะปิ๊ดกันหน่อยดีกว่า ว่าแล้วก็อัพรูปร้านสวยกับเมนูเก๋ ๆ รัว ๆ ออกจากร้านกาแฟก็เย็นย่ำแล้วเรามาปิดทริปกันด้วยการชมพระอาทิตย์ตกดินที่ “เจดีย์กลางน้ำ” บ้านหัวแหลม ซึ่งออกไปจากร้านกาแฟแค่ประมาณ 2 กิโลกว่า ๆ ไปทางเดียวกันกับจุดชมวิวเนินนางพญาแต่มีทางแยกลงไปด้านล่าง แอดแนะนำให้จอดจักรยานไว้แล้วเดินไปชมเจดีย์กลางน้ำจะดีงามที่สุดเพื่อความสะดวกในการอัพรูปสวย ๆ ไม่ต้องห่วงว่าจักรยานจะตกน้ำตกท่าไป วันนี้แอดพา FC ปั่นจักรยานกันระยะทางประมาณ 40 กิโลเมตรกว่า ๆ สลายไขมัน จากน่องใหญ่ ๆ มาจนน่องเพรียว (มั่นใจมาก) วันนี้ขอลาไปพักร่างก่อนแล้วจะสรรหาทริปคลีน ๆ แบบนี้มาฝาก FC กันอีกนะออเจ้า

ปั่นจักรยานสลายไขมันกันริมเล@จันทบุรี อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวเตร็ดเตร่…ทะเลตรัง

เที่ยวเตร็ดเตร่…ทะเลตรัง…9 เกาะสวย น่านน้ำทะเลตรัง 1. เกาะไหง ไล่ลำดับจากทิศเหนือลงมา เกาะแรกในน่านน้ำทะเลตรังคือ เกาะไหง  จริงๆแล้ว เกาะเล็ก ๆ แห่งนี้มีพื้นที่คาบเกี่ยวสองจังหวัดคือกระบี่และตรัง แต่ถ้าเดินทางจากตรังจะสะดวกกว่า เกาะไหงมีแหลมกวนอิมเป็นจุดดำน้ำที่น่าสนใจ ส่วนหน้าหาดเป็นจุดชมวิวหมู่เกาะน้อยใหญ่ กิจกรรมยอดฮิตคือการพายเรือแคนูเที่ยวหมู่เกาะใกล้เคียงหรือไปเดินป่าศึกษาธรรมชาติบนเกาะก็สนุกไปอีกแบบ 2. เกาะม้า เป็นจุดดำน้ำตื้นชมปะการังที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งในน่านน้ำทะเลตรัง บริเวณนี้สามารถชมปะการังอ่อนมีทั้งสีแดง สีส้ม สีม่วง สีเหลือง สีชมพู และอีกมากมาย  เกาะม้า ไม่มีพื้นที่ชายหาด ลักษณะของเกาะดูเหมือนกองหินขนาดใหญ่โผล่พ้นน้ำขึ้นมาเท่านั้น 3. เกาะเชือก เกาะหินเล็ก ๆ ไม่มีพื้นที่ชายหาดเช่นกัน กระแสน้ำค่อนข้างเชี่ยวจึงต้องใช้เชือกคอยพยุงตัวเวลาดำน้ำ จนกลายเป็นที่มาของชื่อเกาะ แต่ก็เป็นแหล่งปะการังน้ำลึกและน้ำตื้นที่สมบูรณ์และสวยงาม โดยเฉพาะแนวกัลปังหาห้าสี รวมถึงเป็นที่อยู่อาศัยของฝูงปลาหลากชนิด 4. เกาะมุก หลายๆคนน่าจะรู้จักเกาะมุกเป็นอยากดี เพราะที่นี่มีสถานที่สุด unseen อย่างถ้ำมรกต ถ้ำน้ำขนาดเล็กที่พอน้ำลดจะสามารถนั่งเรือลอดเข้าไปได้ หรือบางทีก็ต้องลอยคอฝ่าความมืดเข้าไป เมื่อพ้นปากถ้ำจะพบกับห้องโถงใหญ่ที่มีพื้นเป็นน้ำทะเลสะท้อนแสงสีเขียวมรกต ล้อมรอบด้วยผนังผาสูงชัน และหาดขาวละเอียด 5 เกาะกระดาน สำหรับใครที่ชอบเที่ยวทะเลแบบนอนอาบแดดริมทะเลชิลล์ๆต้องที่นี่เลย  เกาะกระดานมีชายหาดที่มีทรายขาวละเอียด หน้าชายหาดกว้าง น้ำทะเลยังใสเหมือนกระจก จนสามารถมองเห็นแนวปะการังน้ำตื้นได้ด้วย 6 เกาะลิบง :  เกาะลิบงเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในทะเลตรัง และเนื่องจากรอบ ๆ เกาะเต็มไปด้วยหญ้าทะเลซึ่งเป็นอาหารของพะยูน ไฮไลต์ของการมาเยือนเกาะนี้จึงอยู่ที่โอกาสที่คุณจะได้พบกับปลาพะยูน สัตว์สงวนที่กำลังจะสูญพันธุ์ นอกจากนี้บนเกาะยังเป็นแหล่งรวมนกหลายชนิดทั้งนกประจำถิ่นและนกอพยพ เช่น นกหัวโตขาดำ นกนางนวลแกลบเคราขาว ฯลฯ จึงได้รับการประกาศให้เป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง 7 เกาะเหลาเหลียง  เป็นเกาะที่มีภูเขาหินปูนขนาดใหญ่ มีหน้าผาสูงชัน ทำให้ทัศนียภาพสวยสะดุดตาไปอีกแบบ 8 เกาะตะเกียง บนเกาะมีป่าไม้อุดมสมบูรณ์ หน้าเกาะเป็นแนวชายหาดที่หันหน้าเข้าหาเกาะหลาวเหลียง ใต้ทะเลที่หน้าหาดน้ำค่อนข้างตื้นสามารถชมปะการังได้ง่าย มีปะการังหลายชนิด ไฮไลท์คือฝูงปลาหลากสีและหากโชคดีอาจจะได้เห็นกุ้งมังกรด้วย 9. เกาะสุกร เกาะหมูที่ไม่มีหมูแห่งนี้ พวกเราทีมงานเคยนำเสนอแบบเจาะลึกไปแล้ว  สำหรับใครที่ชอบเที่ยวแบบลุยๆ ชอบทำกิจกรรมแปลกๆใหม่ๆ ต้องที่นี่เลย ไม่ว่าจะเป็นการชมวิถีชีวิตชาวสวนยางพารา การทำ D.I.Y เพ้นท์ผ้าบาติก ชมสวนมะม่วงหิมพานต์และไร่แตงโมที่เป็นของขึ้นชื่อของเกาะสุกร ชมป่าชายเลนและนกน้ำนานาชนิด เราแนะนำการปั่นจักรยานเที่ยวบนเกาะ แต่ถ้าใครกลัวร้อนก็สามารถเช่ารถซาเล้งเที่ยวรอบเกาะก็ได้

เที่ยวเตร็ดเตร่…ทะเลตรัง อ่านเพิ่มเติม

นครนายก…วกไปกี่รอบ ก็ไม่เบื่อ

นครนายก..วกไปกี่รอบก็ไม่เบื่อ! เริ่มต้นที่แรกด้วยร้าน Montreux café and farm (มองเทรอส์ คาเฟ่ & ฟาร์ม) แค่ชื่อก็น่าสนใจแล้วใช่มั้ยล่ะ ฮ่าๆ มาจากชื่อเมืองตากอากาศริมทะเลสาบในประเทศสวิตเซอร์แลนด์นั่นเอง การเดินทางใช้เส้นทางรังสิต – นครนายก ถึงคลอง 15 ให้กลับรถ จะมีทางแยกให้เลี้ยวซ้ายเพื่อไปยังร้าน หรือจะใช้ google maps ช่วยก็ได้เหมือนกันนะ มองเทรอส์ คาเฟ่ & ฟาร์ม จะแบ่งออกเป็นสองส่วน คือ ส่วนคาเฟ่ และส่วนของฟาร์ม ในส่วนของฟาร์มนั้นอยู่ทางด้านหลังของร้าน เดินผ่านบ่อน้ำพุไปนิดนึงก็ถึงแล้ว บรรยากาศจะออกแนวบ้านทุ่ง รายล้อมด้วยคลองเล็กๆ ลูกค้าส่วนใหญ่จะมาเป็นครอบครัว มีเด็กๆทำกิจกรรมต่างๆ พายเรือ ทำไข่เค็ม ส่วนผู้ปกครองก็คอยดูอยู่ข้างๆ อย่างใกล้ชิด เป็นบรรยากาศที่อบอุ่นมากจริงๆ ภายในฟาร์มจะมีกิจกรรมต่างๆให้ทำ เช่น การสาธิตทำไข่เค็มจากดินสอพอง เหมาะสำหรับพาเด็กๆมาเรียนรู้ภูมิปัญญาการถนอมอาหารแบบไทยๆ มีกิจกรรมให้พายเรือ จะเห็นผู้ปกครองพาเด็กๆ พายเรือสนุกสนานกันใหญ่เลย ข้างๆกันมีศาลา สามารถไปนั่งห้อยขา ให้อาหารปลา ถ่ายรูปชิคๆ เก๋ๆ ได้นะ มีมุมถ่ายรูปชิคๆ เก๋ๆ เพียบท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่ง เพลิดเพลินกันได้แบบยาวๆ พายเรือและให้อาหารปลาเสร็จแล้ว ใครจะไปให้อาหารเป็ด ไก่ ปลูกผักหรือลงมือดำนาด้วยก็ได้นะจ๊ะ ทำกิจกรรมข้างนอกกันจนเหนื่อย แวะกลับมาที่คาเฟ่ นั่งตากแอร์เย็นๆ สั่งข้าว สั่งน้ำมาเติมพลังซักหน่อย หน้าตาอาหารก็จะประมาณนี้ ผัดกระเพรารวมมิตร มักกะโรนีไก่ ข้าวคอหมูย่าง น้ำจิ้มแจ่ว ต่อด้วยเมนูเครื่องดื่ม ที่นี่มีให้เลือกหลากหลาย ทานอาหารอร่อยๆ จิบน้ำเย็นๆชื่นใจ มาต่อกันด้วยเบเกอรี่ ชา กาแฟยามบ่าย ช่างเป็นช่วงเวลาที่ดีมากจริงๆ มุมต่างๆของราน ก็สามารถเดินไปถ่ายรูปเก็บไว้ไปอวดเพื่อนได้ตามใจชอบเลย ที่ตั้งร้าน : ตำบลบึงศาล อำเภอองครักษ์ นครนายกโทรศัพท์ : 087 979 7341เปิดทำการ : อังคาร -อาทิตย์ เวลา 09:00–19:00 ปิดทุกวันจันทร์Facebook : https://www.facebook.com/Montreuxcafeandfarm/ ครึ่งวันกับที่นี่คุ้มค่าสุดๆ  ไปต่อกันที่ พ.ฟาร์ม ฟาร์มเมล่อนน่ารักๆในอำเภอบ้านนา ใช้เวลาเดินทางประมาณ 30 นาที จากมองเทรอส์ คาเฟ่ & ฟาร์ม ด้านหน้าเป็นคาเฟ่เล็กๆ บริการน้ำและขนมเมนูต่างๆที่ทำจากเมล่อน หรือผลไม้ชนิดอื่นๆจากฟาร์ม ด้านหลังจะเป็นพื้นที่ฟาร์ม มีโรงปลูกผักผลไม้หลายชนิด เช่น ฟักทอง แตงโม เมล่อน เป็นต้น โรงปลูกฟักทองลูกสีส้มน่ารัก โรงปลูกแตงโม…ต้องประคบประหงมกันนิดนึงเพื่อให้ผลผลิตออกมาดี มาถึงไฮไลท์ของฟาร์ม…เมล่อนลูกใหญ๊ใหญ่ ระหว่างเดินกลับจากโรงปลูกเมล่อน เจอทุ่งดอกหญ้าเล็กๆ แวะถ่ายภาพเพื่อความฟรุ้งฟริ้งซักเล็กน้อย เดินเที่ยวฟาร์มร้อนๆ มาดับกินขนมเย็นๆให้ชื่นใจที่คาเฟ่กันดีกว่า ที่นี่มีเมนูน่าทานหลายอย่าง เมนูแนะนำของร้านคือ Half Ice cream Melon เมล่อนรสชาติหวาน ส่วนไอศกรีมได้กลิ่นหอมของเมล่อน ซาลาเปาเมล่อน ข้างในเป็นเนื้อครีมผสมเมล่อน เมนูพิเศษรับหน้าร้อน บิงซูมะยงชิด เปรี้ยวหวานกลมกล่อม เย็นชื่นใจ ใครอยากซื้อเมล่อนสดๆกลับบ้าน ที่นี่ก็มีขายนะ มีกล่องใส่ให้อย่างสวยงาม นำไปเป็นของฝากได้เลย พ.ฟาร์ม เมล่อน เปิดให้บริการทุกวัน *ยกเว้น วันพุธ* เวลา 09.00 – 15.00 น. โทร. 083 543 1820แผนที่มาร้าน ตามลิ้งนี้ไปเลยค่ะ https://goo.gl/maps/Ahr54W5bsBr แวะไปเที่ยววัดจุฬาภรณ์วนาราม ต.บ้านพริก อ.บ้านนา จ.นครนายก จุดเช็คอินยอดนิยมแห่งใหม่ ได้ยินเสียงร่ำลือถึงบรรยากาศความสวยงามจึงต้องไปเยือนกันสักหน่อย ไฮไลท์ที่โดดเด่นของที่นี่คือซุ้มป่าไผ่ที่เรียงรายทั้งสองฝั่งทางเดินเข้า OMG! สวยมากกกก ร่มรื่นสุดๆ ถ่ายรูปได้เพลินๆ มุมนี้ก็ดี มุมนั้นก็ได้ บางครั้งอาจจะได้เห็นคู่รักมาถ่าย Pre Wedding ส่วนเราก็มาถ่ายแบบสวยๆโสดๆไปค่ะ ^^ เดินผ่านซุ้มต้นไผ่เข้าไปด้านในสุด จะเจอพระพุทธรูปให้เราได้สักการะกันด้วย ที่นี่มีลานจอดรถอยู่อีกฝั่งของวัด และมีร้านค้าของชาวบ้านคอยบริการน้ำดื่ม ขนม อยู่บริเวณทางเข้าวัด ภายในวัดมีพระอุโบสถที่กำลังก่อสร้างแต่สามารถเข้าไปสักการะและร่วมทำบุญสมทบทุนการสร้างโบสถ์ได้เลย บริเวณนี้คาดว่าจะเป็นกุฏิจำวัดของพระสงฆ์ อ่ะมุมนี้ได้…ยิ้มเข้าไว้ค่ะ เก๋ๆ 🙂 ก่อนออกจากวัด อย่าลืมสักการะพระพุทธรูปเพื่อเป็นสิริมงคล เดินทางต่อกันเลยยย.. ที่สุดท้ายก่อนกลับ พวกเรามาแวะกันที่สะพานทุ่งนามุ้ย ตำบลสาริกา อำเภอเมือง บรรยากาศแบบบ้านทุ่ง น่าหลงไหลจริงๆ สินค้าที่่นี่ส่วนใหญ่ จะเป็นผลผลิตของชาวบ้านละแวกนั้น อุดหนุน ซื้อไปฝากเพื่อนๆได้นะ สะพานทุ่งนามุ้ยเป็นสะพานไม้ไผ่รูปตัว s โค้งไปมา มีความยาวประมาณ 150 เมตร ทอดยาวผ่านทุ่งนาประมาณ 2 ไร่ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งสถานที่เช็คอินแห่งใหม่ของนครนายกที่ไม่ควรพลาด นอกจากนี้ยังมีร้านกาแฟนั่งดื่มชิลล์ๆกลางทุ่งนาได้อีกด้วย บรรยากาศทุ่งนาหน้าร้อน ปิดท้ายด้วยทุ่งหญ้าสีวินเทจสวยๆตัดกับแสงพระอาทิตย์ตกอยู่ใกล้ๆกับทุ่งนามุ้ย นครนายก ไม่ได้มีดีแค่น้ำตกนะเอออ ยังไงถ้าเพื่อนๆมีทริปไหนแนะนำ หรืออยากให้พวกเราไปรีวิวมาให้ดู ก็สามารถ comment ไว้ใต้โพสได้นะ คราวหน้าพวกเราจะตามไปเที่ยวถึงที่เลยจ้า

นครนายก…วกไปกี่รอบ ก็ไม่เบื่อ อ่านเพิ่มเติม

เยือนถิ่นฝั่งธน เที่ยวชมพระราชวังเดิม

พระราชวังกรุงธนบุรี หรือพระราชวังเดิม เป็นพระราชวังหลวงของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยาบริเวณปากคลองบางกอกใหญ่ ในบริเวณที่เคยเป็นที่ตั้งของป้อมวิไชยเยนทร์ ที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ตำแหน่งของพระราชวังนี้เป็นจุดสำคัญทางยุทธศาสตร์ สามารถสังเกตการณ์ได้ในระยะไกล อีกทั้งยังใกล้กับเส้นทางคมนาคมและเส้นทางการเดินทัพที่สำคัญด้วย ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินหลังปัจจุบัน สร้างขึ้นแทนหลังเก่าที่มีสภาพทรุดโทรม ภายในศาลประดิษฐานพระบรมรูปของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ศาลศีรษะปลาวาฬสร้างขึ้นบนฐานของศาลหลังเดิมที่ขุดพบขณะที่ทำการขุดสำรวจทางโบราณคดี ส่วนกระดูกศีรษะปลาวาฬ ค้นพบโดยบังเอิญที่ใต้ถุนศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ท้องพระโรงกรุงธนบุรีอาคารท้องพระโรงสร้างขึ้นในราวปี พ.ศ.2311 พร้อมกับการสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี อาคารนี้มีรูปทรงแบบไทยประกอบด้วยพระที่นั่งสององค์เชื่อมต่อกัน ได้แก่ พระที่นั่งองค์ทิศเหนือ เรียกว่าท้องพระโรง หรือวินิจฉัย ใช้เป็นที่เสด็จออกขุนนาง และประกอบพระราชพิธีที่สำคัญพระที่นั่งองค์ทิศใต้ เรียกว่าพระที่นั่งขวาง เป็นส่วนพระราชมณเฑียรอันเป็นที่ประทับส่วนพระองค์ของพระมหากษัตริย์ ปัจจุบันกองทัพเรือได้ใช้โถงท้องพระโรงภายในพระที่นั่งองค์ทิศเหนือ เป็นสถานที่ที่จัดงาน และประกอบพิธีสำคัญเป็นประจำ ส่วนพระที่นั่งขวางได้ใช้เป็นห้องรับรองบุคคลสำคัญและเป็นห้องประชุมในบางโอกาส ตำหนักเก๋งคู่หลังเล็กรูปแบบเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีน สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ต่อมาพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้ซ่อมแซม พร้อมกับการสร้างตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่ ปัจจุบันใช้เป็นที่จัดแสดงเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจทางด้านการรบของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตำหนักเก๋งคู่หลังใหญ่รูปแบบเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนเช่นเดียวกับตำหนักเก๋งคู่หลังเล็ก แต่ส่วนหลังคาของตำหนักนี้มีการเขียนสีเป็นลวดลายแบบจีนด้วย ภายในจัดแสดงภาพนิทรรศการเกี่ยวกับพระราชกรณียกิจในด้านการทำนุบำรุงบ้านเมืองในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ตำหนักเก๋งพระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัว ตำหนักองค์นี้พระบาทสมเด็จพระปิ่นเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดฯ ให้สร้างขึ้น เมื่อครั้งยังทรงดำรงพระอิสริยยศเป็นสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ กรมขุนอิศเรศรังสรรค์ แต่หลังจากที่พระองค์ทรงได้รับพระราชทานบวรราชาภิเษก ได้ทรงย้ายไปประทับ ณ พระบวรราชวัง อาคารหลังนี้จึงได้เป็นที่ประทับของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอฯ กรมหลวงวงศาธิราชสนิท  ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมตะวันตก หรือเรียกว่า “ตึกแบบอเมริกัน” ถือได้ว่าเป็นที่ประทับของพระบรมวงศานุวงค์ชั้นสูงที่มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกหลังแรกๆที่สร้างขึ้นในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ เรือนเขียวเดิมเป็นโรงพยาบาลของโรงเรียนนายเรือ สร้างขึ้นในช่วงเวลาที่มีการปรับปรุงพระราชวังเดิมให้เป็นโรงเรียนนายเรือในสมัยรัชกาลที่ 5 ป้อมวิไชยประสิทธิ์เดิมชื่อ “ป้อมวิไชยเยนทร์ ” หรือ “ป้อมบางกอก” สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช  ถ้าใครดูละคร บุพเพสันนิวาส จะรู้ว่าในระหว่างสร้างป้อมมีการเกณฑ์ทหาร ไพร่พล และสึกพระสงฆ์ออกมาสร้างป้อม  เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสถาปนากรุงธนบุรีเป็นราชธานี ได้ทรงสร้างพระราชวังในบริเวณป้อมแห่งนี้พร้อมกับปรับปรุงป้อม และพระราชทานนามใหม่ว่า “ป้อมวิไชยประสิทธิ์”  ปัจจุบันป้อมวิไชยประสิทธิ์ใช้เป็นที่ยิงสลุตในพิธีสำคัญต่างๆ และติดตั้งเสาธงเพื่อประดับธงราชนาวี และธงผู้บัญชาการทหารเรือ

เยือนถิ่นฝั่งธน เที่ยวชมพระราชวังเดิม อ่านเพิ่มเติม

แลหลัง วังงาม พระราชวังรัตนรังสรรค์

จากพลับพลาที่ประทับรับเสด็จ . . . เลื่อนระดับชั้นกลายมาเป็น “พระราชวังรัตนรังสรรค์” ได้อย่างไร . . . ร่วมย้อนอดีต แลหลัง ฟังเรื่องเล่าถึงที่มาจากปู่ย่าแต่ก่อนเก่า เพื่อซาบซึ้ง เข้าใจ และภูมิใจในรากเหง้าของประวัติศาสตร์ชาติไทยไปกับเรา “เพื่อนร่วมทาง” เรื่องเล่าของพระราชวังรัตนรังสรรค์นี้ ต้องย้อนสืบไปถึงคราวเสด็จประพาสเมืองระนอง ซึ่งถือเป็นหัวเมืองปักษ์ใต้ฝั่งตะวันตกครั้งแรกของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ในสมัย ร.ศ. 109 อันนับเป็นมหามงคลแก่ชาวเมืองระนองอย่างหาที่สุดมิได้ เพราะถือว่าเป็นครั้งแรกที่พระมหากษัตริย์ในราชวงศ์จักรีเสด็จมาเยือนเมืองระนองด้วยพระองค์เอง โดยในครานั้น พระยารัตนเศรษฐี (คอซิมก๊อง) เจ้าเมืองระนองได้สร้างพลับพลาที่ประทับรับเสด็จไว้บนเนินควนอัน ซึ่งตั้งอยู่ใจกลางเมือง ด้วยไม้แก่นและเครื่องก่ออย่างแข็งแรงสวยงาม พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทอดพระเนตรแล้วถึงกับตรัสชมเชยว่า “ทำงดงามมั่นคง สมควรจะเป็นวัง ยิ่งกว่าจะเป็นพลับพลา” ด้วยความละเอียดรอบคอบของงานสร้าง และความสวยงามตามที่ได้ทรงบรรยาย จึงพระราชทานนามว่า “พระราชวังรัตนรังสรรค์” หมายถึง พระยารัตนเศรษฐีเป็นผู้สร้าง เพื่อเป็นเกียรติยศแก่เมืองระนองและสกุลของพระยารัตนเศรษฐี และพระราชทานนามเนินเขาที่ตั้งว่า “นิเวศน์คีรี” ก่อนจะทรงเลื่อนการประทับแรมต่อไปอีก รวมทั้งสิ้นถึง 3 คืน คือในวันที่ 23-25 เมษายน 2433 เนื่องจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ทรงเสด็จประพาสเมืองระนองเป็นระยะเวลานานๆ ครั้ง เกรงว่าทิ้งวังไว้เปล่าๆ ก็จะชำรุดทรุดโทรมเสีย จึงพระราชทานพระบรมราชานุญาตว่า ให้ใช้พระราชวังนั้นเป็นศาลารัฐบาลและทำพิธีสำหรับบ้านเมือง หากมีการเสด็จประพาสเมื่อใดจึงให้จัดเป็นที่ประทับ ซึ่งนอกจากพระองค์แล้ว ยังมีพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 และพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 7 ทรงได้ใช้พระราชวังแห่งนี้เป็นที่ประทับแรมเมื่อครั้งเสด็จประพาสเยี่ยมหัวเมืองปักษ์ใต้ฝั่งตะวันตกเช่นกัน เมื่อองค์พระที่นั่งได้ชำรุดทรุดโทรมลง ในสมัยพระยาดำรงสุจริตมหิศรภักดี เจ้าเมืองระนองในขณะนั้น ได้ทำการปรับปรุงและดัดแปลงพระที่นั่งรัตนรังสรรค์ใหม่ โดยสร้างเป็นรูปเรือนตึกก่ออิฐถือปูน 2 ชั้น ทาสีขาว ก่อสร้างเสร็จเมื่อปี พ.ศ.2444 แล้วใช้อาคารหลังนี้เป็นศาลากลางเมืองระนองเรื่อยมา กระทั่งปี พ.ศ.2507 ผู้ว่าราชการจังหวัดระนองในขณะนั้น ได้รื้อถอนองค์พระที่นั่งเพื่อสร้างเป็นศาลากลางจังหวัดหลังปัจจุบัน พระที่นั่งรัตนรังสรรค์จึงสูญหายไปจากจังหวัดระนองตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นมา จนกระทั่งปี พ.ศ.2545 จังหวัดระนองได้มีโครงการก่อสร้างพระที่นั่งรัตนรังสรรค์จำลองขึ้น บนเนินเขานิเวศน์คีรี ใกล้เคียงกับบริเวณเดิม ตัวอาคารสร้างด้วยไม้ตะเคียนทองโครงสร้างคอนกรีตสูงสามชั้น ชั้นล่างโล่ง ชั้นที่สองเป็นรูปเหลี่ยมแปดด้าน ปัจจุบันประดิษฐานโต๊ะทรงพระอักษรพร้อมพระเก้าอี้ทำด้วยหนังแท้ซึ่งมีลักษณะเช่นเดียวกับที่พระที่นั่งวิมานเมฆพระราชวังดุสิต กรุงเทพมหานคร และพระเก้าอี้ทรงพักผ่อนแกะสลักลวดลายเป็นรูปดอกกุหลาบ ทั้งนี้เพื่อให้สอดคล้องกับที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้เคยทรงใช้เป็นที่ประทับและบรรทม ส่วนหลังคาชั้นที่สามทรงปั้นหยา มีดั้งประดับไม้ลวดลายฉลุอย่างสวยงาม นอกจากนี้ก็ยังมีหอแปดเหลี่ยมสูง 17 เมตร ที่มีความคล้ายคลึงกับหอวิฑูรทัศนา ที่พระราชวังบางปะอิน พระนครศรีอยุธยา ซึ่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมเป็นแบบผสมผสาน คือหลังคาทรงปั้นหยาแบบไทยประดับเชิงชายไม้ฉลุซ้อนกันอย่างพม่าดูงดงามแปลกตา แต่เข้ากันได้อย่างลงตัว หลังจากเดินชมทิวทัศน์โดยรอบ พร้อมฟังเจ้าหน้าที่ผู้ดูแลรักษาพระราชวังเล่าเรื่องราวที่สืบทอดกันมาโดยละเอียดแล้ว “เพื่อนร่วมทาง” ขอแนะนำให้ท่านหาโอกาสเดินขึ้นบันไดเวียนภายในไปยังชั้นสามซึ่งถือเป็นชั้นบนสุด และยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกดินบริเวณทะเลอันดามันได้อย่างสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเมืองระนองอีกด้วย เมื่อมองออกมานอกหน้าต่างเพื่อรับชมทัศนียภาพตัวเมืองระนองในมุมกว้าง ภาพมุมมองที่ท่านได้เห็นจากสายตาในวันนี้ อาจทับซ้อนกับภาพมุมเมืองในอดีตที่ได้ฟังเรื่องราวเก่าก่อน ทาบทาด้วยแสงอาทิตย์อัสดง จนก่อให้เกิดภาพจำที่งดงามและเต็มไปด้วยเรื่องราวที่ต่างออกไปก็เป็นได้

แลหลัง วังงาม พระราชวังรัตนรังสรรค์ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top