สถานที่ท่องเที่ยว

Feel fresh with DAM – 7 เขื่อนต้องไปเยือน

Feel fresh with DAM – 7 เขื่อนต้องไปเยือน เขื่อนภูมิพล จ.ตาก เขื่อนภูมิพล เดิมชื่อเขื่อนยันฮี ตั้งอยู่ที่ อ.สามเงา เป็นเขื่อนอเนกประสงค์แห่งแรกที่สร้างด้วยคอนกรีตรูปโค้งขนาดใหญ่ที่สุดในประเทศไทยและเอเชียอาคเนย์ สร้างกั้นลำน้ำปิงที่บริเวณเขาแก้วเพื่อผลิตไฟฟ้าและใช้ในการชลประทาน นอกจากนั้นยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์สัตว์น้ำจืด และเป็นแหล่งพักผ่อนหย่อนใจอีกด้วย การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ถึงบริเวณหลักกิโลเมตรที่ 463-464 ให้เลี้ยวซ้ายแล้วตรงไป 17 กิโลเมตร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเขื่อนภูมิพล โทร. 055 549 509 ต่อ 4002, 4003พิกัด : https://goo.gl/maps/vwED7Z9a8Tv เขื่อนวชิราลงกรณ จ.กาญจนบุรี  เขื่อนวชิราลงกรณ เดิมชื่อเขื่อนเขาแหลม ตั้งอยู่ที่ ต.ท่าขนุน เป็นเขื่อนหินทิ้งดาดหน้าด้วยคอนกรีตเสริมเหล็ก สร้างกั้นลำน้ำแควน้อย เป็นเขื่อนไฟฟ้าพลังน้ำอเนกประสงค์ สามารถนั่งเรือหรือล่องแพชมทิวทัศน์ที่สวยงามบริเวณเหนือเขื่อนได้ การเดินทางจากตัวเมืองกาญจนบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 323 (กาญจนบุรี-ทองผาภูมิ) ถึง อ.ทองผาภูมิ และจาก อ.ทองผาภุูมิไปยังเขื่อนอีก 20 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 130 กิโลเมตร  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอำเภอทองผาภูมิ (บริการบ้านพักและเรือเช่า)โทร. 034 599 077 ต่อ 2502, 2506การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทยโทร. 02 436 6046-8พิกัด : https://goo.gl/maps/UDGWBvYrGrw เขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ จ.ลพบุรี เขื่อนป่าสักฯ ตั้งอยู่ที่บ้านแก่งเสือเต้น ต.หนองบัว อ.พัฒนานิคม เป็นเขื่อนดินที่ยาวที่สุดในประเทศไทย มีจุดชมวิวบริเวณสันเขื่อนและพิพิธภัณฑ์ลุ่มน้ำป่าสักให้ได้ชมกันด้วย  สำหรับผู้ที่อยากชมทัศนียภาพรอบเขื่อน ที่นี่ก็มีบริการรถรางด้วย โดยจะแล่นไปตามสันเขื่อน ใช้เวลาไป-กลับประมาณรอบละ 50 นาที เปิดให้บริการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น.ค่าบริการ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท  การเดินทางโดยรถยนต์– จากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่าน จ.สระบุรี จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 21 (สระบุรี-หล่มสัก) เข้าสู่ จ.ลพบุรี ระยะทางประมาณ 21 กม. แล้วเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 3017 ไปทาง อ.พัฒนานิคม อีกประมาณ 16 กิโลเมตร – จากตัวเมืองลพบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 3017 (ลพบุรี-โคกตูม-พัฒนานิคม) ระยะทาง 48 กิโลเมตร  โดยรถโดยสารประจำทางมีรถสองแถว สายลพบุรี-วังม่วง ผ่านหน้าเขื่อนป่าสักสิทธิ์รถออกจากสถานีขนส่งผู้โดยสารลพบุรี ตั้งแต่เวลา 06.00 – 17.30 น. สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมศูนย์บริการนักท่องเที่ยว โทร. 036 494 243, 036 494 291-2พิกัด : https://goo.gl/maps/Dshp9j15v6x เขื่อนสิรินธร จ.อุบลราชธานี เขื่อนสิรินธร หรือที่เรียกกันว่าเขื่อนโดมน้อย เป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียว สร้างกั้นลำน้ำโดมน้อยซึ่งเป็นสาขาของแม่น้ำมูล เพื่อใช้ประโยชน์ในการผลิตกระแสไฟฟ้าและการชลประทาน  บริเวณเขื่อนประกอบด้วย สวนพฤกษศาสตร์ สวนน้ำพุ ศาลาพักผ่อนริมทะเลสาบ เย็นสบายแน่นอน แอดคอนเฟิร์ม ^^  หากอยากพักค้างคืนทางเขื่อนก็มีบริการบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยว และยังมีบริการล่องเรือชมอ่างเก็บน้ำด้วย โดยสามารถติดต่อล่วงหน้าได้ การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 24 ออกจากตัวเมืองอุบลราชธานี (ด้านสะพานเสรีประชาธิปไตย) มุ่งไปทาง อ.วารินชำราบ จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 217 จนถึง อ.สิรินธร เลี้ยวขวาที่กิโลเมตร 71 ประมาณ 500 เมตร เขื่อนจะอยู่ห่างจากตัวเมือง 70 กิโลเมตร  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเขื่อนสิรินธร โทร. 045 366 081-3 ต่อ 2708 บริการบ้านพักสำหรับนักท่องเที่ยวโทร. 089 280 3197, 045 366 085 พิกัด : https://goo.gl/maps/RZSo8xCsVbR2 เขื่อนลำปาว จ.กาฬสินธุ์  ตั้งอยู่ที่ ต.ลำปาว มีพื้นที่ครอบคลุม อ.เมือง อ.หนองบัว อ.หนองกุงศรี และ อ.ยางตลาด เป็นเขื่อนดินขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเพื่อช่วยบรรเทาอุทกภัยและใช้ประโยชน์ทางการเกษตร นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาอีกด้วย นอกจากชมเที่ยวชมเขื่อนแล้ว บริเวณเขื่อนลำปาวยังมี หาดดอกเกด ซึ่งเป็นหาดเนินดิน เป็นที่พักผ่อนชมวิว รับลมเย็นริมสันเขื่อน และอีกหนึ่งสถานที่ห้ามพลาดสุดฮิต คือ สะพานเทพสุดา สะพานข้ามเขื่อนลำปาวที่ต้องมาชมพร้อมเก็บภาพความสวยงามของสะพานแบบ 360 องศาเลยล่ะ  การเดินทางจาก อ.เมืองกาฬสินธุ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 12 มุ่งหน้าไปทาง จ.มหาสารคาม จนถึงกิโลเมตรที่ 33-34 ให้เลี้ยวขวาเข้าสู่ทางหลวงหมาย 2416 ไปอีกประมาณ 26 กิโลเมตร สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมหัวหน้างานจัดสรรน้ำ เขื่อนลำปาว โทร. 081 827 7717 บ้านพักรับรองเขื่อนลำปาว จัดประชุม สัมมนา โทร. 081 051 3426พิกัด : https://goo.gl/maps/yzTq9qeFXBJ2 เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี เขื่อนรัชชประภา เดิมชื่อเขื่อนเชี่ยวหลาน พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ 9 พระราชทานนามให้ใหม่ว่า “เขื่อนรัชชประภา” มีความหมายว่า “แสงสว่างแห่งรัชกาล” ตั้งอยู่บริเวณเดียวกับการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย หมู่ที่ 3 ต.เขาพัง อ.บ้านตาขุน พื้นที่เกือบทั้งหมดของเขื่อนอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติเขาสก  เขื่อนรัชชประภาเป็นเขื่อนหินทิ้งแกนดินเหนียวอเนกประสงค์ ถือเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่มีนักท่องเที่ยวให้ความสนใจมาก เพราะโดดเด่นในเรื่องของทัศนียภาพที่มีภูเขาหินปูนรูปร่างแปลกตาสวยงามโผล่พ้นน้ำขึ้นมามากมาย บริเวณโดยรอบเขื่อนและอ่างเก็บน้ำเต็มไปด้วยต้นไม้ร่มรื่น  การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 401 แยกเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานแห่งชาติเขาสก 2

Feel fresh with DAM – 7 เขื่อนต้องไปเยือน อ่านเพิ่มเติม

10 ร้านเด็ดห้ามพลาด เมื่อมาเยือนนครปฐม

10 ร้านเด็ด จะมีร้านไหนกันบ้าง ตามไปดูกันเลย 1. ร้านกุ้งอบภูเขาไฟ ร้านดังในตำนาน เปิดมานานกว่า 30 ปี กุ้งอบของทางร้านไม่ได้เสิร์ฟมาแบบธรรมดา แต่มาพร้อมกับภูเขาไฟลุกโชนเปิดออกมาจะพบกับกุ้งอบตัวใหญ่กลิ่นหอมอบอวล พิเศษตรงที่สามารถเลือกไซส์กุ้งได้ด้วย นอกจากกุ้งอบภูเขาไฟแล้ว ทางร้านมีเมนูแนะนำอื่นๆ เช่น กุ้งอบวุ้นเส้น กุ้งต้มยำมะพร้าวอ่อน ปลากระพงทอดน้ำปลา ปูหลน  เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน วันอาทิตย์ – พฤหัสบดี 10.00 – 21.00 น. วันศุกร์ – เสาร์ 10.00 – 22.00 น.ที่อยู่ : 885 ถนนเพชรเกษม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 034 241 109 พิกัด : https://goo.gl/maps/Sjbg6AaHxpG2 2. ร้านเชลล์ไม่เคยชิม ถึงจะชื่อร้านเชลล์ไม่เคยชิม แต่ก็ได้รับการการันตีความอร่อยจากทั้งเชลล์ชวนชิมและหมึกแดง  เมนูก๋วยเตี๋ยวของทางร้านมีทั้งก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และก๋วยเตี๋ยวต้มส้ม รสชาติกลมกล่อม เครื่องในสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วยังมีเมนูข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ที่อร่อยไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวเลย ไปถึงร้านแล้วต้องลองให้ครบนะคะ เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 07.00 – 15.30 น.ที่อยู่ : 32 ถนนมาลัยแมน (แยกมาลัยแมน) ตำบลลำพยา อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 034 254 612พิกัด : https://goo.gl/maps/AUqgtSETh4zFacebook : https://www.facebook.com/SMKSNoodles/ 3. ร้านครัวโกเท้ ร้านอาหารชื่อดังของนครปฐม ขึ้นชื่อเรื่องเป็ดพะโล้ เพราะเป็ดของทางร้านไม่เหม็นสาบ เนื้อนุ่ม น้ำจิ้มก็แซบ เมนูแนะนำคือเป็ดพะโล้ ต้มยำปลาคัง ทอดมันปลากราย ไก่ผัดเม็ดมะม่วง เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 09.00 – 22.00 น.ที่อยู่ : 1028/3 ถนนเพชรเกษม (ใกล้โลตัส นครปฐม) ตำบลห้วยจระเข้ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 081 018 2992พิกัด : https://goo.gl/maps/JGfznNHxHqQ2Facebook : https://www.facebook.com/Gotaekitchen/ 4. ร้านครัวกะเหรี่ยงป่า ใครชอบอาหารรสจัดต้องมาครัวกระเหรี่ยงป่า ร้านที่อัดแน่นไปด้วยอาหารไทยและอาหารป่ารสจัดถึงเครื่องแกง เมนูแนะนำ ได้แก่ กบทอดกระเทียม ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ อ่อนในแข็งนอก (ไส้ทอด) และเขียวหวานปลากรายผัดแห้ง ที่ร้านมีเมนูที่ทำจากเนื้อกวางด้วย ใครอยากเปิบพิสดารก็ไปลองกันได้ค่ะ เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.00 – 23.00 น.ที่อยู่ : ถนนยิงเป้าใต้ ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 034 271 195พิกัด : https://goo.gl/maps/8Ad8AAPNoq42Facebook : https://www.facebook.com/kpkitcken/ 5. ร้านบ้านอิ่มเย็น สายรักสุขภาพตามมาให้ไว เพราะที่นี่เป็นร้านอาหารมังสวิรัติที่มีเมนูน่าทานอย่าง สเต็กเต้าหู้ น้ำจิ้มสมุนไพรรสแซ่บ ปลากระพงผัดผงกะหรี่มังสวิรัติ ขาเห็ดหอมทอด มีเมนูขนมหวานโฮมเมดไม่ใส่สารกันเสียอย่าง เค้กครีมสดมะพร้าวอ่อน ส่วนเครื่องดื่มคลายร้อนก็มีทั้ง กาแฟสดรสชาติเข้มข้น ที่ใช้กาแฟอาราบิก้า100% ชาเขียวมัทฉะญี่ปุ่นแท้ และน้ำผลไม้สกัดเย็นคั้นสดๆ เปิด-ปิด : เปิดวันอาทิตย์ – ศุกร์ (ปิดวันเสาร์)วันจันทร์ – ศุกร์ 10.30 – 19.30 น. วันอาทิตย์ 10.30 – 18.30 น. ที่อยู่ : 887 ถนนเพชรเกษม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 081 351 5563พิกัด : https://goo.gl/maps/36t8vcdU2pP2Facebook : https://www.facebook.com/บ้านอิ่มเย็น-Baan-Im-Yen-617827671896003/ 6. ร้านลี้จั๊วฮวด ร้านติ่มซำเจ้าอร่อย ที่เจ้าของร้านลงมือทำเองทุกวัน รับรองว่าสดใหม่แน่นอน เมนูแนะนำ ได้แก่ ชุดออร์เดิร์ฟขนมจีบ ซาลาเปาไส้ถั่วเหลือง บักกุดเต๋หม้อไฟ กุ้งนึ่งมะนาวจัมโบ้ ปลากระพงนึ่งซีอิ้ว บุฟเฟ่ต์มี 2 ราคา 199 บาท (ติ่มซำ) และ 289 บาท (ติ่มซำ ซาลาเปา ของทอด อาหาร น้ำ) แถมอีกนิด ที่ร้านมีกล้วยเบรคแตก “อกาลิโก” ขายด้วยนะคะ อร่อยมาก หยุดกินไม่ได้เลยจริงๆ เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 09.00 – 20.00 น.ที่อยู่ : 15/38 ถนนราชมรรคาใน ด้านหน้าทางเข้าพระราชวังสนามจันทร์ ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 086 614 9614 (โทรสั่งอาหารล่วงหน้าได้)พิกัด : https://goo.gl/maps/a56QfQMDx8nFacebook : https://www.facebook.com/LeeJuaHuad.Dimsum/ 7. ร้านลุงลอยป่าลั่น ร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่น อาหารอร่อยจนต้องร้องว้าวให้ลั่นป่า ราคาสบายกระเป๋า ขึ้นชื่อเรื่องอาหารไทยและอาหารป่าหาทานยาก เมนูแนะนำ ได้แก่ ปลากรายผัดขี้เมา ปลาคังต้มแซบ หลนปู กุ้งแชบ๊วยผัดพริกเกลือ ปลาทูสดต้มมะดัน เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 10.00 – 22.00 น.ที่อยู่ : 1010 ถนนเพชรเกษม ตำบลห้วยจระเข้ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 034 255 767พิกัด

10 ร้านเด็ดห้ามพลาด เมื่อมาเยือนนครปฐม อ่านเพิ่มเติม

จุดเช็คอินห้ามพลาด…เมื่อมาเที่ยวนครปฐม

พระปฐมเจดีย์.พระปฐมเจดีย์เป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ มีการก่อสร้างกันมาหลายยุคหลายสมัย โดยพระปฐมเจดีย์แบบแรกคงมีลักษณะแบบสถูปสาญจีของอินเดีย ต่อมาก็ได้มีการซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงรูปแบบมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเป็นเจดีย์ฐานกลมยอดปรางค์ ซึ่งส่วนที่เป็นปรางค์นั้นเป็นการบูรณะขึ้นใหม่เนื่องจากยอดเดิมหักพังไป  ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการบูรณะใหม่อีกครั้ง โดยการสร้างเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ครอบเจดีย์องค์เดิมให้มีขนาดใหญ่และสูงขึ้น แบบที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้  เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.  พิกัด : https://goo.gl/maps/aZsQ79Bkq472 พระราชวังสนามจันทร์ แลนด์มาร์กสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในพระราชวังสนามจันทร์ประกอบด้วยพระตำหนักและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ อนุสาวรีย์ย่าเหล พระที่นั่งพิมานปฐม พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี พระที่นั่งวัชรีรมยา เป็นต้น ปัจจุบันพระราชวังสนามจันทร์ไม่ได้เปิดให้เข้าชมภายในอาคารแล้ว แต่สามารถเดินชมรอบนอกได้ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับวิ่งออกกำลังกายของชาวนครปฐมด้วย (แต่ต้องแต่งกายให้สุภาพ สวมเสื้อยืดคอกลมมีแขน และกางเกงคลุมเข่า) เปิดทุกวัน ช่วงเช้า เวลา 05.00-09.00 น. และช่วงเย็น เวลา 16.00-20.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/1C1MsQqoWV92 หอภาพยนตร์ หอภาพยนตร์ หรือ พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย เป็นอาคารโรงถ่ายภาพยนตร์จำลอง จัดแสดงประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย กระบวนการผลิต อุปกรณ์ประกอบฉาก และมีการฉายหนังให้ชมด้วย สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป โพสต์ท่าเก๋ๆ ไม่ควรพลาดที่นี่เลยนะคะ เวลาเปิด-ปิด ห้องสมุด เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทยและเมืองมายา เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (เปิดให้เข้าชมวันละ 6 รอบ เวลา 10.00 น. 11.00 น. 13.00 น. 14.00 น. 15.00 น. และ 16.00 น.) โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา เปิดทุกวันวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 13.00 น. 15.00 น. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 13.00 น. (กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในวันดังกล่าว) พิกัด : https://goo.gl/maps/wbbMgdbF16v เจษฎา เทคนิค มิวเซียม  พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดขึ้นจากความรักในรถยนต์และยานพาหนะทุกชนิดของคุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ ที่มีมาตั้งแต่เด็ก โดยคุณเจษฎาเริ่มสะสมรถโบราณตั้งแต่เมื่อราว 20 กว่าปีก่อน จนปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์รถโบราณให้ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมฟรี ภายในจัดแสดงยานพาหนะโบราณทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00-17.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/1Z9t1rKYLrK2 พิพิธภัณฑ์ศิลปะนกฮูก พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลปะนกฮูกจากหลายแห่งในเมืองไทยและทุกมุมโลก หลายรูปแบบ ทั้งงานเซรามิก งานไม้ งานจักสาน นกฮูกเครื่องประดับ นกฮูกกระดาษเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีห้องเรียนรู้ศิลปะและร้านขายของที่ระลึก ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก (สูงไม่เกิน 110 เซนติเมตร) 40 บาท เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์)วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 10.00-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-18.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/3CX3cZqHL7o วูดแลนด์ เมืองไม้ ตื่นตาตื่นใจไปกับงานศิลปะและมหัศจรรย์แห่งไม้ที่วูดแลนด์ ที่นี่เกิดจากความหลงใหลในงานไม้ของครอบครัวทิวไผ่งาม ที่เก็บสะสมกันมากว่า 4 ชั่วอายุคนเลยทีเดียว ภายในแบ่งออกเป็น 3 โซน ประกอบด้วย โซนนิทรรศการนิทานเมืองไม้ หมู่บ้านไทย และรีสอร์ทไม้บูติก เปิดทุกวัน เวลา 09.30-17.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/W2zikycNfh92 บ้านกลับหัว ไม่ต้องไปไกลถึงภูเก็ตแล้ว สำหรับแกลเลอรีถ่ายภาพเก๋ ๆ เอาใจวัยใสแบบเรา ๆ สำหรับใครที่มาเที่ยวที่นี่ อาจจะต้องใช้จินตนาการและไอเดียในการดีไซน์ท่าถ่ายรูปกันหน่อยเพื่อความสมจริง ^^ ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาท เปิดทุกวัน เวลา 09.00-20.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/WxnYMX9mNhk เปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวตลาดกันบ้าง นครปฐมเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีทั้งตลาดบกและตลาดน้ำขึ้นชื่อมากมาย แต่ละที่ก็จะมีของอร่อย ๆ ให้ได้ชิมกัน มาเริ่มตลาดแรกกันที่ ตลาดท่านา ตลาดเก่าแก่อายุกว่า 140 ปี ที่อยู่เคียงคู่กับวิถีชีวิตของชุมชนริมแม่น้ำนครชัยศรี นอกจากจะมีจุดเด่นอยู่ที่สถาปัตยกรรมเก่าแก่อย่างอาคารตึกแถวที่ชั้นบนเป็นไม้อายุกว่า 90 ปีแล้ว ตลาดท่านายังมีดีที่ร้านอาหารเก่าแก่ดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นเป็ดพะโล้รสเด็ด ที่ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ชวนชิมมานานแสนนาน ร้านอาหารตามสั่งแนว ๆ ที่เชลล์ไม่เคยชิม ชื่อว่า ร้านสั่งเอง อยากกินอะไรก็สั่งเอา เมนูเด็ดที่กินแล้วลืมไม่ลง ได้แก่ ห่อหมกช่อนนา ที่กินที่ร้านไม่พอยังต้องห่อกลับบ้าน  และมีร้านขนมต่างๆ ขนมหวานเจ้ฮุ้น ขนมปังเย็นร้านคุณป้อม ขนมมาม่อน ฯลฯ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/ZhuyVkCVTfC2 ตลาดดอนหวาย ตลาดน้ำชื่อดังของจังหวัดนครปฐม มีของกินสารพัดให้ได้ตื่นตาตื่นใจสำหรับคนชอบชิม ทั้งอาหารคาวหวานที่ไม่ใช่แค่เยอะ แต่ยังอร่อยทุกร้าน และเป็นอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมอีกด้วย เช่น เป็ดพะโล้ ปลาทูต้มเค็ม ปลาตะเพียนต้มเค็ม ขนมจีนน้ำยากะทิ น้ำยาป่า ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันปลากรายแท้ และขนมไทยโบราณ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของนักกินโดยแท้

จุดเช็คอินห้ามพลาด…เมื่อมาเที่ยวนครปฐม อ่านเพิ่มเติม

ตะลุย 7 ชั้นหน้าฝนที่น้ำตกชาติตระการ จ.พิษณุโลก

อุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ  อัตราค่าเข้าอุทยานฯ ชาวไทย : ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ : ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 100 บาท .ติดต่อสอบถามเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติน้ำตกชาติตระการ โทร. 055 906 522.การเดินทางโดยรถยนต์ – ใช้เส้นทางสายพิษณุโลก-หล่มสัก เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 68 (บ้านแยง) เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2013 ไปทาง อ.นครไทย ประมาณ 29 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1143 เข้าสู่ อ.ชาติตระการ ไปอีกประมาณ 38 กิโลเมตร ก่อนถึง อ.ชาติตระการ 1 กิโลเมตร มีทางแยกเลี้ยวขวาไปอีกประมาณ 9 กิโลเมตร และเลี้ยวขวาเข้าเส้นทางของอุทยานฯ อีก 1 กิโลเมตร รวมระยะทางประมาณ 145 กิโลเมตร  โดยรถโดยสารประจำทาง – มีรถโดยสารประจำทางจาก จ.พิษณุโลก ถึง อ.ชาติตระการ ทุก 2 ชั่วโมง ตั้งแต่ 05.00-17.00 น. เมื่อถึง อ.ชาติตระการ โดยสารรถเมล์เล็กสายชาติตระการ-บ่อภาค-ร่มเกล้า ประมาณ 9 กิโลเมตร และเดินเท้าเข้าสู่อุทยานฯ อีกประมาณ 1 กิโลเมตร หรือจาก อ.ชาติตระการ โดยสารมอเตอร์ไซค์รับจ้างเข้าสู่อุทยานฯ ชื่อของน้ำตกแต่ละชั้นของน้ำตกชาติตระการนั้น ว่ากันว่าตั้งตามนามธิดาทั้ง 7 ของท้าวสามลในเรื่องสังข์ทอง เรียงลำดับจากพี่สาวคนโตไปจนถึงน้องเล็กสุด ซึ่งคล้องจองกันอย่างไพเราะ คือ มะลิวัลย์ กรรณิการ์ การะเกด ยี่สุนเทศ เกศเมือง เรืองยศ และรจนา  เรามาเริ่มต้นกันที่น้ำตกชั้นแรกกันเลย  น้ำตกชั้นที่ 1 มะลิวัลย์  เดินจากศูนย์บริการนักท่องเที่ยวมาเพียง 200 เมตร ก็จะพบกับน้ำตกชั้นที่ 1 มะลิวัลย์ เป็นน้ำตกที่ตกลงมาจากหน้าผาสูง 15 เมตร ไหลลงสู่แอ่งน้ำขนาดใหญ่ และมีหาดทราย นักท่องเที่ยวนิยมเล่นน้ำที่ชั้นนี้มากที่สุด และถือเป็นจุดชมวิวที่นักท่องเที่ยวนิยมเก็บภาพกันมากจุดหนึ่งด้วย ชั้นที่ 2 กรรณิการ์ น้ำตกชั้นที่ 2 อยู่ห่างจากชั้นแรกประมาณ 400 เมตร ไม่ไกลมากนักแต่ทางค่อนข้างจะชันสักหน่อย สำหรับสายแอดเวนเจอร์อย่างเราไม่หวั่นอยู่แล้ววว น้ำตกชั้นนี้มีลักษณะเป็นชั้นหิน น้ำจะไหลลดหลั่นลงมาตามโขดหินเป็นชั้นๆ สวยงามมาก แต่ไม่เหมาะสำหรับการเล่นน้ำนะ เพราะน้ำจะไหลวนลงสู่ชั้นที่ 1 เป็นอันตรายได้ค่ะ ชั้นที่ 3 การะเกด ถัดมาที่ชั้น 3 นึกถึงออเจ้าการะเกดกันเลยทีเดียว ฮ่าๆๆ สำหรับชั้นที่ 3 นี้เป็นน้ำตกเล็กๆ ลักษณะเป็นหน้าผาไม่สูงมากนัก น้ำไหลลงร่องหน้าผาตามโขดหิน สามารถมองเห็นได้จากน้ำตกชั้นที่ 2 เลย เก็บภาพไว้เป็นที่ระลึกกันซักหน่อย ^^ ชั้นที่ 4 ยี่สุ่นเทศ  ว้าววว..แอดจะโดด!! สวยงามตามท้องเรื่องสำหรับชั้นที่ 4 ชั้นนี้มีลักษณะเป็นแผ่นหินกว้าง น้ำตกไหลเป็นม่านน้ำลงมายังแอ่งน้ำกว้างใหญ่ ยิ่งในช่วงหน้าฝนน้ำจะเยอะกว่าปกติ ทำให้สวยงามมากขึ้นไปอีก ชั้นที่ 5 เกศเมือง เดินลุยกันต่อจนถึงชั้นที่ 5 ชั้นนี้เป็นลานหินกว้างและร่องน้ำตกเล็กๆ ไหลลงสู่ด้านล่าง ไม่สามารถเล่นน้ำได้ เพราะน้ำไหลค่อนข้างเเรง แต่ชมบรรยากาศกันได้เต็มที่ ชั้นที่ 6 เรืองยศ มาซู่ซ่ากันต่อกับชั้นที่ 6 น้ำไหลลงมาตามทางของชั้นหินเป็นน้ำตกขนาดเล็กเหมาะแก่การนั่งชมบรรยากาศ ก็ชิลไปอีกแบบค่ะ ชั้นที่ 7 รจนา ปีนป่ายกันมาพอสมควรจนได้เจอกับชั้นที่ 7 ซึ่งเป็นชั้นสุดท้ายแล้วววว น้ำใสไหลเย็นเป็นแอ่งน้ำยาวๆ แทบไม่มีชั้นน้ำตกใดๆ นั่งเล่นนอนเล่นได้ตามสบาย แต่เหนือสิ่งอื่นใด อย่าลืมว่าลงเล่นน้ำหน้าฝนต้องเพิ่มความระมัดระวังด้วยนะคะ

ตะลุย 7 ชั้นหน้าฝนที่น้ำตกชาติตระการ จ.พิษณุโลก อ่านเพิ่มเติม

ขึ้นเขาดาวดึงส์ สักการะพระจุฬามณีเจดีย์

“ขึ้นเขาดาวดึงส์ สักการะพระจุฬามณีเจดีย์ วัดคีรีวงศ์ จ.นครสวรรค์” พระจุฬามณีเจดีย์ เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ มีทั้งหมด 4 ชั้น สร้างโดยพระราชพรหมาจารย์ (หลวงพ่อมหาบุญรอด) อดีตเจ้าอาวาสวัดคีรีวงศ์ ใช้เวลาก่อสร้างยาวนานถึง 17 ปี ตั้งแต่ พ.ศ.2533-2550 โดยสร้างบนฐานของเจดีย์เก่าแก่สมัยสุโขทัย ด้านหน้าพระจุฬามณีเจดีย์ มีศาลาไหว้พระจุฬามณีเจดีย์ภายในมีพระพุทธรูปต่างๆ มากมาย เราสามารถจุดธูปไหว้พระกันได้ที่หน้าศาลานี้ เมื่อเดินผ่านศาลาไปจะพบกับฐานชั้นที่ 1 ของเจดีย์ ซึ่งมีเจดีย์องค์เล็กประดับอยู่ 4 มุม และมีพระพุทธรูปปางต่างๆ รวมทั้งเทพเจ้าประดิษฐานอยู่หลายองค์ และมีทางขึ้นสู่ชั้นบนของเจดีย์ บนชั้นที่ 2 มีรูปหล่อขนาดเท่าองค์จริงของพระเกจิอาจารย์ชื่อดังหลายองค์ เช่น หลวงปู่ศุข วัดปากคลองมะขามเฒ่า จ.ชัยนาท หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จ.พระนครศรีอยุธยา และหลวงปู่สด วัดปากน้ำ กรุงเทพมหานคร เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีพระพุทธรูป และรอยพระพุทธบาท 12 ราศี สามารถจุดธูปเทียนบูชาและปิดทองกันได้ ชั้นที่ 3 ประดิษฐานพระพุทธรูปปางต่างๆ ไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้ แต่ไม่อนุญาตให้ปิดทอง  นอกจากนี้ยังมีให้ร่วมทำบุญด้วยการซื้อระฆังคู่ เชื่อกันว่าการทำบุญด้วยระฆังจะทำให้มีชื่อเสียงโด่งดัง เป็นสิริมงคลแก่ชีวิต เปรียบเหมือนเสียงแห่งสวรรค์ค่ะ ชั้นที่ 4 ซึ่งเป็นชั้นบนสุด เป็นส่วนขององค์ระฆัง ตรงกลางมีเจดีย์ทรงระฆังองค์เล็กที่ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุซึ่งนำมาจากประเทศศรีลังกา บนเพดานโดมมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติที่สวยงามให้ได้ชมกันแบบต่อเนื่องเลย ที่ผนังของเจดีย์มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปซึ่งจำลองมาจากพระพุทธรูปที่สำคัญของไทยอยู่ทั้ง 4 ทิศ ได้แก่– พระพุทธชินราช ทิศเหนือ – พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร หรือพระแก้วมรกต ทิศใต้– พระพุทธโสธร ทิศตะวันออก – พระพุทธรูปหลวงพ่อวัดไร่ขิง ทิศตะวันตก บริเวณชั้น 4 เป็นจุดชมวิวที่สามารถชมทิวทัศน์เมืองนครสวรรค์ได้ไกลถึง 10 กิโลเมตร และยังชมได้รอบทิศทาง อย่างในภาพนี้จะเห็นองค์พระใหญ่ และหนองน้ำขนาดใหญ่ของอุทยานสวรรค์ด้วย สวยมากๆ เลยค่ะ นอกจากนี้บนชั้น 4 ยังมีเจดีย์องค์เล็กประดิษฐานอยู่ทั้ง 4 มุม มีพระพุทธรูปปางประทานพรทั้ง 4 ทิศ และยังมีรูปเหมือนของหลวงพ่อมหาบุญรอด ผู้สร้างเจดีย์แห่งนี้ไว้ให้ระลึกถึงด้วยค่ะ ใกล้กับพระจุฬามณีเจดีย์ ยังมีหอชมเมืองสูง 10 ชั้น ที่สามารถขึ้นไปชมทิวทัศน์รอบตัวเมืองนครสวรรค์ได้ 360 องศาเลยทีเดียว  หอชมเมือง เปิดให้บริการทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 10.00-16.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 10.00-19.00 น. ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท บรรยากาศพระจุฬามณีเจดีย์ในยามค่ำคืน ประดับไฟระยิบระยับสวยงาม ดูมีมนต์ขลัง ราวกับพระจุฬามณีเจดีย์บนสวรรค์ชั้นดาวดึงส์เลยทีเดียว วัดคีรีวงศ์ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. การเดินทาง : จากสะพานเดชาติวงศ์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าทางหลวงหมายเลข 117 ถึงสี่แยกพหลโยธินเลี้ยวขวาเข้าถนนมาตุลี ตรงไปจนถึงสี่แยกที่ตัดกับถนนดาวดึงส์ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าซอยมาตุลี 18 ขับรถขึ้นเขาไปอีก 2 กิโลเมตร จะถึงพระจุฬามณีเจดีย์

ขึ้นเขาดาวดึงส์ สักการะพระจุฬามณีเจดีย์ อ่านเพิ่มเติม

ล่องแพไม้ไผ่..ผจญภัยในถ้ำน้ำลอด..แม่ฮ่องสอน!

ถ้ำน้ำลอด ปัจจุบันอยู่ในความดูแลของหน่วยบริการสถานศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด มีลำห้วยไหลลอดภูเขาไปทะลุออกอีกด้านหนึ่ง เกิดเป็นถ้ำที่มีหินงอกหินย้อยสวยงาม ภายในพบเครื่องมือเครื่องใช้โบราณซึ่งคาดว่ามีอายุประมาณ 2,000 ปีมาแล้ว การเข้าชมถ้ำน้ำลอด ต้องเดินเท้าเข้าไปจากด่านด้านหน้าประมาณ 350 เมตร ถึงปากถ้ำจะมีแพไม้ไผ่บริการเข้าไปชมถ้ำ ต้องมีคนนำทางและตะเกียงส่องทางเพราะภายในถ้ำไม่มีไฟเลย การไม่ติดตั้งไฟในถ้ำก็เพื่อเป็นการรักษาความสวยงามของทรัพยาการในถ้ำให้คงเดิมตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นการสร้างรายได้เสริมให้กับชาวบ้านที่มาเป็นคนนำทางและให้ความรู้แก่นักท่องเที่ยวอีกด้วย แพไม้ไผ่ สำหรับนั่งชมบรรยากาศภายในถ้ำ บริเวณปากถ้ำน้ำลอด เส้นทางท่องเที่ยวทั้ง 3 ถ้ำ ประกอบด้วย 1.ถ้ำเสาหินจากปากทางเข้า ถ้ำเสาหินจะเป็นถ้ำแรกที่จะได้ชมโดยการนั่งแพไปประมาณ 300 เมตร จากนั้นเดินตามทางขึ้นไปอีกนิดหน่อยจะเจอเสาหินที่ตั้งอยู่ใจกลางถ้ำ มีลักษณะเป็นแท่งเกิดจากหินงอกหินย้อยมาบรรจบกันอย่างสวยงาม มีความสูงประมาณ 21.45 เมตร เหมือนกับเสาหินที่ค้ำเพดานและพื้นถ้ำเอาไว้ บรรยากาศถ้ำเสาหิน 2.ถ้ำตุ๊กตานั่งแพต่อไปประมาณ 100 เมตรจะเจอถ้ำตุ๊กตาถือว่าเป็นถ้ำที่สวยงามที่สุด มีหินงอกหินย้อยสวยงามตลอดทาง บางช่วงมีลักษณะรูปร่างคล้ายตุ๊กตาตั้งเรียงรายอยู่ตามพื้นถ้ำ 3.ถ้ำผีแมนถ้ำผีแมนเป็นถ้ำสุดท้าย ระยะทางจากถ้ำตุ๊กตาประมาณ 450 เมตร ภายในมีโบราณวัตถุที่สำคัญมากมาย เช่น ภาชนะดินเผา กระดูกมนุษย์โบราณ เครื่องมือหินต่างๆ และไฮไลท์คือ โลงผีแมน เป็นโลงศพไม้สักที่เชื่อกันว่าใช้ฝังศพมนุษย์โบราณ ถ้ำน้ำลอดสามารถเที่ยวได้ทั้งปี เข้าชมได้ทุกวันตั้งแต่ 08.00-17.00 น. สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่หน่วยบริการสถานศึกษาธรรมชาติและสัตว์ป่าถ้ำน้ำลอด โทรศัพท์ 0 5361 7218

ล่องแพไม้ไผ่..ผจญภัยในถ้ำน้ำลอด..แม่ฮ่องสอน! อ่านเพิ่มเติม

5 ร้านข้าวแช่ อร่อยคลายร้อนตำรับไทย

กลับมาพบกับการตามหาของอร่อยทั่วไทยกันอีกครั้ง วันนี้แอดมินจะพาออเจ้าทั้งหลายเข้าวังไปทานข้าวแช่ดับร้อนกันสักหน่อย ร้านข้าวแช่แม่อร จังหวัดเพชรบุรี  ร้านข้าวแช่เก่าแก่ที่ซ่อนตัวอยู่ในตลาดริมน้ำ หายากสักนิดแต่ถ้าได้ลิ้มลองแล้วจะบอกว่าไม่เสียแรงที่เดินตามหา ข้าวแช่ของทางร้านเป็นสูตรเมืองเพชรดั้งเดิม ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 30 ปี เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่น้ำดอกไม้ ที่ใช้ผสมกันระหว่างน้ำอบควันเทียนและน้ำอบมะลิ ส่วนปลาหวานก็เนื้อหวานละมุน แทบจะละลายในปาก ข้าวแช่ขายชุดละ 20 บาท เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.00 น. แนะนำให้โทรไปจองก่อนที่ 089 410 1969 ภาพจาก : ร้านข้าวแช่แม่อร ร้านข้าวแช่พี่พเยาว์ จากเพชรบุรีสู่กรุงเทพ ร้านพี่พเยาว์เป็นร้านเก่าแก่หนึ่งเดียวในตลาดนางเลิ้ง ที่เปิดมานานกว่า 70 ปี โดยพี่พเยาว์เป็นชาวเพชรบุรีแต่กำเนิด นำสูตรข้าวแช่เมืองเพชรเข้ามาให้ชาวเมืองกรุงได้ทานกัน ใครอยากทานชาวแช่สูตรเมืองเพชรแบบดั้งเดิม ไปทานกันได้เลยที่ตลาดนางเลิ้ง ร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า ติดต่อได้ที่ 089 488 3105, 085 113 0580 ภาพจาก : ร้านพี่พเยาว์ ร้านข้าวแช่ลุงแดง จากข้าวแช่สูตรเมืองเพชร มาลองข้าวแช่ต้นตำรับชาวมอญกันบ้างดีกว่า ที่ร้านข้าวแช่ลุงแดง บนเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ข้าวแช่ร้านนี้แตกต่างจากที่อื่นเพราะข้าวเป็นสีฟ้าจากน้ำดอกอัญชัน ตัวชูโรงอีกอย่างคือ ไข่ห่อพริกหยวกสอดไส้หมูสับและกุ้งสับซ่อนอยู่ภายในอีกชั้น โดยสนนราคาอยู่ที่ ชุดละ 80 บาท ไปสัมผัสบรรยากาศพร้อมทานข้าวแช่เย็นชื่นใจได้ทุกวัน เวลา 10.00 – 17.00 น.  ภาพจาก : ร้านลุงแดง ร้านข้าวแช่แม่ศิริ  ร้านเล็กๆแต่อัดแน่นด้วยคุณภาพ เจ้าเก่าย่านบางลำพู ร้านข้าวแช่สูตรชาวมอญชื่อดังที่ถามใครแถวนั้นก็รู้จักกันเป็นอย่างดี จุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าติดใจคือความพิถีพิถันในการทำข้าวแช่ ดอกมะลิที่ใช้ลอยน้ำเป็นมะลิที่ปลูกเอง ส่วนเครื่องเคียงต่างๆมีรสชาติกลมกล่อม ในช่วงหน้าร้อนจะมีเมนูพิเศษพวกพริกหยวกยัดไส้หรือหอมแดงยัดไส้เพิ่มด้วย ข้าวแช่ราคาชุดละ 30 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ร้านอยู่ในตรอกไกรสีห์ ถนนพระสุเมรุ ย่านบางลำพู โทรสอบถามหรือสั่งอาหารได้ที่เบอร์ 02 281 7996  ภาพจาก : ร้านข้าวแช่แม่ศิริ ร้านกลางซอย สุขุมวิท 49  ร้านกลางซอยขึ้นชื่อเรื่องอาหารไทย มีอาหารหากินได้ยากหลายเมนูให้ลองชิม เมนูข้าวแช่ของทางร้านจะมีเฉพาะเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ข้าวแช่น้ำหมอกลิ่นควันเทียน และดอกไม้อ่อนๆ ส่วนเครื่องเคียงมีพริกหยวกสอดไส้หมูสับที่ต้องขอบอกว่าอร่อยมาก ลูกกะปิทอด ไชโป๊วหวาน เนื้อฝอย ไม่มีหัวหอมทอดและปลาหวาน ข้าวแช่ราคา 220 บาท แนะนำว่าต้องลองไปชิมแล้วจะไม่รู้สึกเสียดายเงินเลยค่ะ ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 49 ใกล้กับโรงพยาบาลสมิติเวช เปิดทุกวัน 3 ช่วงเวลา จันทร์-ศุกร์ 11.00-14.30 น. และ 17.00-22.00 น. เสาร์ เวลา 11.00-22.00 น. อาทิตย์ 11.00-15.00 น. ภาพจาก : ร้านกลางซอย

5 ร้านข้าวแช่ อร่อยคลายร้อนตำรับไทย อ่านเพิ่มเติม

เปิดหน้าประวัติศาสตร์ ย้อนมิติสู่รอยอดีต จังหวัดสิงห์บุรี

ตามรอยวีรชนคนกล้าค่ายบางระจัน สิงห์บุรี  จังหวัดสิงห์บุรีได้รับการกล่าวขานว่าเป็นเมืองแห่งคนกล้าด้วยวีรกรรมการสู้รบของชาวบางระจัน ทั้งเมืองสิงห์บุรียังมีประวัติศาสตร์ยาวนานตั้งแต่สมัยทวารวดีจากการขุดค้นพบโบราณสถาน มาก้าวสู่หน้าประวัติศาสตร์ของสิงห์บุรีเพื่อร่วมกันรำลึกถึงบรรพชนไทยผู้เสียสละชีวิต รักษาแผ่นดินให้แก่คนรุ่นต่อมา เริ่มจากการตามรอยคนกล้าแห่งสิงห์บุรี ณ อนุสาวรีย์วีรชนค่ายบางระจัน และอุทยานค่ายบางระจัน อยู่อำเภอค่ายบางระจัน อนุสาวรีย์สง่าโดดเด่นเป็นประติมากรรมรูปหล่อหัวหน้าชาวค่ายบางระจัน 11 คน แสดงท่วงท่าห้าวหาญในการสู้รบ ชมค่ายบางระจันจำลอง สร้างจินตนาการระลึกสู่เรื่องราวความกล้าหาญเด็ดเดี่ยวของชาวบ้านบางระจัน ซึ่งสละชีวิตปกป้องบ้านเมือง สามารถต้านทานข้าศึกได้ถึง 8 ครั้ง ก่อนจะพ่ายแพ้ด้วยกำลังคนและอาวุธที่ไม่เพียงพอรวมทั้งระยะเวลาการต่อสู้ยาวนาน และเสบียงอาหารที่ขาดแคลน ภายในบริเวณค่ายมี อาคารศูนย์ศึกษาประวัติศาสตร์วีรชนค่ายบางระจัน จัดแสดงเรื่องราวของชาวบ้านค่ายบางระจันและโบราณวัตถุ ซึ่งจะได้รับรู้ว่าชาวค่ายบางระจันผ่านช่วงเวลาของความยากลำบากมาอย่างไร ถึงแม้จะไม่สามารถประสบชัยชนะ แต่ประสบความสำเร็จในการสะท้อนความกล้าหาญอันยิ่งใหญ่ ได้รำลึกถึงวีรกรรมชาวบ้านบางระจันซึ่งสละชีวิตเพื่อรักษาแผ่นดินมาแล้ว มาชมโบราณสถานในอำเภอค่ายบางระจันกันต่อที่ วัดพระปรางค์ (ชัณสูตร) อยู่บ้านโคกหม้อ ตำบลเชิงกลัด อำเภอบางระจัน มีพระปรางค์ศิลปะอยุธยาตอนต้น สันนิษฐานว่าสร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช มีลักษณะสูงชะลูดคล้ายฝักข้าวโพด ด้านหลังมีวิหารสมัยอยุธยา และรอยพระพุทธบาทจำลองบนยอดเขา ชมแหล่งเตาเผาแม่น้ำน้อย อยู่ในบริเวณวัดพระปรางค์ แหล่งผลิตเครื่องปั้นดินเผาใหญ่ที่สุด ในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นแหล่งโบราณคดีมรดกทางวัฒนธรรมที่สำคัญ และเป็นศูนย์ศึกษาทางวิชาการเซรามิคอันยิ่งใหญ่แห่งหนึ่งของโลก กล่าวได้ว่าเป็นความภาคภูมิใจในภูมิปัญญาของบรรพชนไทยที่สร้างสรรค์สิ่งที่กลายมาเป็นแหล่งศึกษาสำคัญระดับโลกได้ ย่อมไม่ธรรมดาในยุคที่ปราศจากเครื่องมือทางเทคโนโลยีมาช่วยทำ

เปิดหน้าประวัติศาสตร์ ย้อนมิติสู่รอยอดีต จังหวัดสิงห์บุรี อ่านเพิ่มเติม

ผจญโลกสีคราม ณ เกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่พอพูดถึงทะเล ก็จะนึกถึงทะเลฝั่งอันดามัน โดยที่หลายคนมองข้าม จ.ชุมพร อันเป็นดินแดนแห่งหมู่เกาะฝั่งอ่าวไทยที่งดงาม และมีจุดดำน้ำที่สมบูรณ์แห่งหนึ่งในประเทศไทย ซึ่งแอดมินกล้ารับประกันเลยว่าถ้าได้ลองไปดำน้ำ สัมผัสความงดงามของท้องทะเลชุมพร ทุกคนจะประทับใจ และหลงรักทะเลชุมพรโดยไม่รู้ตัว ภาพฉลามวาฬภาพนี้ ถ่ายที่บริเวณหมู่เกาะง่าม ซึ่งจะมีโอกาสพบในช่วงเดือน พฤษภาคมถึงตุลาคมของปี การเดินทางไปเกาะง่าม จากตัวเมืองชุมพร ใช้เส้นทางหลวง 4001 ไปที่ท่าเรือท่ายาง ระยะทางประมาณ 7 กม. มีสองแถวจากตัวเมืองชุมพรไปท่าเรือทุกชั่วโมง เกาะง่ามใหญ่ ตัวเกาะมีลักษณะเป็นผาหินปูนสูงชัน และคล้ายฝ่ามือพระพุทธเจ้าซึ่งเป็นเอกลักษณ์ของเกาะนี้ สิ่งมีชีวิตที่พบในบริเวณนี้คือดอกไม้ทะเล ปะการังแข็ง แส้ทะเล ฟองน้ำ กัลปังหา ปลานกแก้ว ปลาสาก ปลาผีเสื้อ ปลาสินสมุทร ปลากระเบนจุดฟ้า ปลาสิงโต เต่าทะเล ทากทะเล กุ้งตัวยาว หอยเบี้ยและฝูงปลาน้อยใหญ่ ถ้วยทะเลและปลาหลากหลายชนิดสีสันงดงาม  ด้านตะวันตกของเกาะน้ำจะตื้น นักดำน้ำสามารถพบดงดอกไม้ทะเลหนาแน่นเป็นบริเวณกว้าง ดอกไม้ทะเล และกลุ่มปลาตัวน้อยที่เกาะง่ามใหญ่ ปะการังสมอง ที่เกาะง่ามใหญ่ ใหญ่มากจริงๆ บริเวณเกาะง่ามน้อย-เกาะง่ามใหญ่เป็นเกาะสัมปทานรังนก นักท่องเที่ยวไม่สามารถขึ้นเกาะได้ แต่ลงดำน้ำดูปะการังรอบ ๆ ได้ เกาะง่ามน้อย อีกจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำ ชมความงดงามของปะการัง และเหล่าปลาตัวน้อยๆ  บริเวณรอบเกาะไม่มีชายหาดหรือที่ราบอยู่ห่างจากเกาะง่ามใหญ่ไปทางทิศใต้เพียง 1 – 2 กิโลเมตร บนเกาะจะมีบ้านของคนเฝ้ารังนก มองไปมองมาแอบคล้ายหมู่บ้านโจรสลัดในการ์ตูนเลยแฮะ หากโชคดี จะได้เห็น ฉลามวาฬยักษ์ใหญ่ใจดีแวะมาหาอาหารบริเวณหมู่เกาะง่าม  ส่วนใหญ่จะพบได้ในช่วงเดือน พฤษภาคม – ตุลาคม ซึ่งดวงใครดวงมันจริงๆ ใครดวงดีน้องฉลามวาฬอาจจะมาทักทายให้เห็นก็ได้ ทั้งนี้ ตามปกติฉลามวาฬจะไม่มีความดุร้าย แต่หากนำดำน้ำเข้าไปใกล้ หรือ สัมผัสตัวฉลามวาฬ อาจจะทำให้ฉลามเกิดอาการตกใจ และอาจจะทำร้ายได้โปรดระมัดระวังด้วยนะ นอกจากนั้นยังมี “เรือหลวงปราบ 741” เรือที่มีประวัติศาสตร์ทางสงครามอย่างยิ่งใหญ่ ถูกนำมาวางใต้ท้องทะเลชุมพรในวันที่ 20 พฤษภาคม 2554 บริเวณด้านทิศตะวันออก ของเกาะง่ามน้อย เพื่อเป็นเป็นปะการังเทียมและแหล่งอาศัยของสัตว์น้ำใต้ทะเล ทั้งยังเป็นจุดดำน้ำแห่งใหม่สำหรับนักดำน้ำอีกด้วย ความอุดมสมบูรณ์ของท้องทะเลไทย ฝั่งอ่าวไทย ที่งดงาม ชวนหลงไหล  ทุ่งดอกไม้ทะเล ที่พลิ้วไหวตามกระแสสายน้ำ สวยงามเหมือนหลุดเข้าไปในการ์ตูนเรื่องนีโม่เลย นี่ไง นีโม ฮ่าๆๆๆ น้องปลาการ์ตูนตัวน้อยออกมาทักทาย ฝูงปลา แหวกว่ายพริ้วไหวไปมา สวยงามมากจริงๆ เห็นไหมว่า เกาะง่ามใหญ่ เกาะง่ามน้อย สามารถดำน้ำได้ทั้ง แบบดำน้ำลึก และแบบดำน้ำตื้นทั่วไป ฉะนั้นใครสายดำน้ำ ต้องห้ามพลาดนะ!!!!! สนใจล่องเรือชมหมู่เกาะทะเลชุมพร ติดต่ออุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โทร 077 558 144 (ในวันและเวลาราชการ) Tag เพื่อนสิ เอาราคาให้ดูไปเลยว่าไม่ได้แพงอย่างที่คิด ใครไปเที่ยวมาแล้ว เอารูปสวยๆมาแบ่งกันดูด้วยนะ

ผจญโลกสีคราม ณ เกาะง่ามน้อย เกาะง่ามใหญ่ อ่านเพิ่มเติม

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนบ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนบ้านนาต้นจั่น สุโขทัย Go Local กับสายฮิปแบบพวกเรา แน่นอนว่าจักรยานเป็นพร็อพถ่ายรูปที่เก๋ไก๋ และคล่องตัวที่สุดสำหรับการเที่ยวชมวิถีชีวิตในชุมชน เรื่องเล่า…จากชายผ้าถุง.ภูมิปัญญาสร้างสรรค์ของบรรพบุรุษ เล่าต่อๆกันมาว่า สมัยก่อนตอนไปทำไร่ทำนา ชาวบ้านจะนุ่งผ้าถุงและเดินลุยโคลนในท้องนา เมื่อกลับถึงบ้านและซักผ้าตากไว้ ปรากฏว่าชายผ้ามีความนุ่มนิ่มเป็นพิเศษ และมีสีที่ทึมลง ดูแปลกตา ชาวบ้านจึงได้ทดลองเอาผ้าทั้งผืนมาหมักโคลนไว้และพบว่าโคลนนี้เองทำให้ผ้านิ่ม จึงเป็นที่มาของ “ผ้าหมักโคลน” .ส่วนสีสันต่างๆที่เราเห็นบนผ้าหมักโคลน ล้วนแล้วแต่มาจากธรรมชาติที่หาได้ง่ายในชุมชน อย่างเช่น สีเขียวอ่อนจากใบจั่น สีโอลด์โรสจากใบสะเดา สีเหลืองจากแก่นขนุน สีม่วงจากเปลือกมังคุด เป็นต้น กว่าจะเป็นผ้าหมักโคลนอย่างที่เห็นทุกวันนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือความเข้มแข็งของผู้คนในชุมชนบ้านนาต้นจั่น เริ่มตั้งแต่การรวมกลุ่มกันทำผ้าหมักโคลน เพื่อหารายได้เป็นกองทุนจากการทำไร่ข้าวโพด จากนั้นก็เริ่มต้นการผลิตแบบจริงจัง พัฒนาและแปรรูปผ้าหมักโคลนในรูปแบบผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งาน ให้ร่วมสมัย เข้ากับชีวิตประจำวัน จนปัจจุบันมีการส่งออกไปยังประเทศอิตาลีและอเมริกาด้วย แน่นอนว่าของดีต้องมีรางวัลการันตี.พ.ศ. 2555 ได้รับรางวัลชนะเลิศ PATA Gold Awards 2012 ประเภท Heritage and Culture ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก.พ.ศ. 2556 ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม ประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2556 จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ผ้าจากหมักโคลน ขอบคุณภายถ่ายจากเฟสบุ๊คเพจ : ผ้าหมักโคลน บ้านนาต้นจั่น จ.สุโขทัย ของเล่นสุดฮิปของเด็กๆ บ้านนาต้นจั่น “ตุ๊กตาบาร์โหน” ของเล่นชิ้นนี้มีวิธีการเล่นไม่ยาก แค่ผู้เล่นบีบปลายด้านล่างของไม้ ตุ๊กตาก็จะโหนแกว่งราวกับคนกำลังโหนบาร์ในท่าทางต่างๆ มันเกิดจากความทรงจำวัยเด็กของคุณตาวงษ์ เสาปั้น ผู้ประดิษฐ์ของเล่นนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึก เพราะว่าสมัยเด็กๆคุณตาชอบการโหนบาร์เล่นเป็นอย่างมาก  อาหารถิ่นชื่อดัง ต้นตำหรับของอร่อยที่ทานได้ที่บ้านนาต้นจั่นที่เดียวเท่านั้น เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นของหายากราคาแพง กว่าจะหาซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ ชาวบ้านต้องขายถั่วขายงา และเดินทางเข้าตัวเมืองไปซื้อ ด้วยความยากลำบากนี้ คุณยายเครื่อง วงศ์สารสิน จึงคิดค้นสูตรที่จะมาใช้แทนเส้นก๋วยเตี๋ยว คือการทดลองนำเอาข้าวเจ้า มาโม่ด้วยโม่หินและกรองด้วยผ้าขาวบางจนเป็นครีมข้าวสีข้น นำมานึ่งเป็นแผ่นบางๆ บนผ้าขาวบางด้วยเตาฟืน คล้ายข้าวเกรียบปากหม้อ จากนั้นใส่ผักกันตง ผักตำลึง ผัดหวานบ้าน แล้วพับแผ่นแป้งห่อเข้า และนึ่งต่อก่อนจะตักใส่ชามแล้วราดน้ำซุปกระดูกหมูร้อนๆ โปะไข่ดาวนึ่ง…ชนะเลิศ!! อาหารประจำถิ่นที่แนะนำให้ลองอีกอย่าง “ก๋วยเตี๋ยวแบ” ที่ใช้ครีมข้าวสีขาวข้น เช่นเดียวกับข้าวเปิ๊บ แต่นำไปเกลี่ยเป็นวงกลมและนำไปตากแห้ง จากนั้นนำมาหั่นเป็นเส้นแล้วนำไปนึ่งกับผัก ใส่หมูแดง กระเทียมเจียว แคบหมู พร้อมมะนาวฝานวางเคียง ซดน้ำต้มกระดูกหมูร้อนๆ คล่องคออย่าบอกใคร ผลไม้ที่บ้านนาตั้นจั้่นก็มีให้เลือกชิมเลือกช็อปอยู่หลายชนิดตามฤดูกาล เช่น กล้วย ลางสาด เงาะ ทุเรียน ฯลฯ ที่สุดท้ายเราแนะนำที่จุดชมวิวห้วยต้นไฮ จุดชมวิวที่สามารถชมได้ทั้งภายพระอาทิตย์ขึ้นและตก โดยต้องเดินเท้าระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ทางเดินขึ้นค่อนชันต้องเตรียมน้ำดื่มและรองเท้ามาให้พร้อม จุดนี้เหนื่อยหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนบ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top