ถนนสายดอกไม้ จังหวัดสุพรรณบุรี
“ตาเบบูญ่า” หรือ “เหลืองปรีดียาธร” ถนนสายดอกไม้ยามเย็น ช่วงพระอาทิตย์ตกที่ให้แสงงดงามแปลกตา ถนนสายดอกไม้ จังหวัดสุพรรณบุรี
ถนนสายดอกไม้ จังหวัดสุพรรณบุรี อ่านเพิ่มเติม
“ตาเบบูญ่า” หรือ “เหลืองปรีดียาธร” ถนนสายดอกไม้ยามเย็น ช่วงพระอาทิตย์ตกที่ให้แสงงดงามแปลกตา ถนนสายดอกไม้ จังหวัดสุพรรณบุรี
ถนนสายดอกไม้ จังหวัดสุพรรณบุรี อ่านเพิ่มเติม
อย่างที่รู้กันว่าการเดินทางในภาคอีสานยังไม่ค่อยสะดวกเพราะที่เที่ยวแต่ละที่อยู่ไกลกันแถมรถโดยสารก็ไม่ค่อยมี แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา เราบินมาลงที่ จ.ร้อยเอ็ด แล้วเช่ารถขับเอง จากร้อยเอ็ดไปกาฬสินธุ์แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น มาดูกันว่าเรามาทำอะไรบ้างที่กาฬสินธุ์ 1. เดินดูบ้านไม้เก่าในเมือง เราชอบเดินดูบ้านเรือนตึกเก่า ๆ ถ่ายรูปประตูหน้าต่างสวย ๆ ที่กาฬสินธุ์จะมีย่านวัดกลาง ที่เป็นบ้านไม้เก่าแก่อายุ 80-100 ปี ที่ผู้คนยังอาศัยอยู่ แต่มีบางบ้านก็ร้างไปแล้ว รถราที่นี่ยังไม่เยอะเลยเดินเล่นได้อย่างชิว ๆ ใครอยากมาเดินเล่นให้มาตรงวัดกลางแล้วเดินเล่นรอบ ๆ วัดได้เลย 2. นั่งชิวร้านกาแฟ ในเมืองเล็กๆ เราคิดว่าน่าจะมีร้านกาแฟเก๋ ๆ อยู่ที่ไหนซักที่ เราเดินมาเจอร้าน Cafe de Supak กับร้าน Hug a Mug cafe ซึ่งจัดว่าดีงามทั้งสองร้าน เริ่มที่ Cafe de Supak เป็นร้านเก๋ ๆ อยู่แทบจะใจกลางเมือง ชั้นบนเป็นโรงแรมชั้นล่างทำเป็นร้านกาแฟที่รีโนเวทซะทันสมัย นอกจากกาแฟ แล้วยังมีเมนูทั้งคาวหวาน เค้ก ฮันนี่โทสต์ วันนั้นเราสั่งมัจฉะลาเต้ อร่อยใช้ได้เลยล่ะ ดื่มไปนั่งชิว ๆ ชมวิวนอกร้านแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว ร้าน Hug a Mug Cafe ร้านกาแฟอีกร้านที่ตกแต่งได้ทันสมัยในสไตล์อิฐสีขาว ๆ หน้าร้านจะประดับด้วยต้นเฟิร์นร่มรื่นเชียวล่ะ ที่นี่มีทั้งขนมเค้ก และเครื่องดื่มหลายเมนูให้เลือก ใครเดินเล่นเมื่อย ๆ แล้วมาหยุดนั่งพักได้ที่ร้านนี้ 3. ซื้อผ้าแพรวา เราชอบสะสมผ้าพื้นเมืองแบบ “ของมันต้องมี” เห็นผ้าไทยที่ไหนไม่ได้ ต้องขอซื้อติดไม้ติดมือกลับมาก่อน ใส่ไม่ใส่ค่อยว่ากัน ยิ่งผ้าไหมแพรวาสวยๆ ผ้าขึ้นชื่อเอกลักษณ์ของกาฬสินธุ์มีหรือเราจะพลาด ร้านที่เราไปชอปในวันนี้ชื่อร้านแพรวาแม่เนื่อง มีแต่ของสวย ๆ ทั้งนั้นเลยล่ะทั้งผ้าผืน เสื้อผ้าสำเร็จรูป ของที่ระลึก มาที่เดียวซื้อไปฝากพ่อแม่เพื่อนฝูงได้ครบเลยล่ะ 4. เดินชิวยามค่ำที่ตลาดโรงสี ตกเย็นเรามาเดินเล่นหาอะไรกินกันที่ตลาดโรงสี โรงสีเก่าที่ตกแต่งให้เป็นตลาดย้อนยุค มีโซนที่ทำเป็นบ้านไม้สองชั้น และโซนเอาท์ดอร์ นั่งกินไปดูวัยรุ่นกาฬสินธุ์ที่ออกมาแฮงเอาท์กันที่นี่ก็เพลินดีเหมือนกัน เมนูที่เราว่าเด็ดมาก ๆ และห้ามพลาดคือ สเต็กหมูย่างจิ้มแจ่วเนื้อนุ่มสุดๆ ฟินจนต้องสั่ง 2 จาน ไดโนเสาร์ปังเย็น โรตีไดโนเสาร์ ก็อยากให้มาลอง 5. เดินดูตลาดเช้า ถ้าอยากสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านต้องไปที่ตลาดเช้า ตลาดเช้ากาฬสินธุ์มีเสน่ห์เพราะเงิน 100 บาท สามารถซื้ออะไรได้มากกว่าที่คิด ข้าวของราคาถูก ทั้งพืชผักพื้นเมืองแปลก ๆ ผลไม้ อาหารสด อาหารแห้ง เหมือนเราย้อนกลับไปในอดีตที่ไม่ต้องแคร์กับสภาวะเศรษฐกิจที่วุ่นวาย นี่แหละเสน่ห์ของกาฬสินธุ์ที่เราหลงรัก 6. ถ่ายรูปกับฮูปแต้มสีพาสเทล ที่วัดอุดมประชาราษฎร์ วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในตัวเมืองกาฬสินธุ์ที่มีอายุกว่า 85 ปี สร้างโดยช่างชาวญวน และสิ่งที่พิเศษกว่าวัดอื่น ๆ คือ สิมหรือโบสถ์ที่มีจิตรกรรมฝาผนังหรือฮูปแต้มที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวอีสานด้วยฝีมือการแต้มของช่างชาวอีสาน มีการใช้สีเย็นในโทนพาสเทล เช่น สีฟ้า เหลือง เขียว วาดเป็นเรื่องราวชาดก เช่น พระเวสสันดรชาดก บอกเลยว่าผู้ที่รักงานศิลปะไม่ควรพลาด นอกจากจะได้มาไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แล้วยังได้ชมจิตรกรรมฝาผนังสวย ๆ อีกด้วย 7. ไปตามหาไดโนเสาร์ที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร มากาฬสินธุ์ทั้งทีถ้าไม่ไปที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร ภูกุ้มข้าวก็เหมือนมาไม่ถึงเราเดินทางไปที่ อ.สหัสขันธ์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ที่นี่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยเพราะเป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์และฟอสซิลที่สมบูรณ์และใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยล่ะ กระดูกไดโนเสาร์ที่ค้นพบที่บริเวณภูกุ้มข้าวนี้มีอายุถึง 130 ล้านปี ไฮไลท์คือโครงกระดูกไดโนเสาร์จำลองขนาดเท่าตัวจริง ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องจัดแสดง เหมือนพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศเลย เค้ามีการแบ่งโซนไล่ไปตามยุคต่าง ๆ มีทั้งไดโนเสาร์ที่พบในประเทศไทยและต่างประเทศ ฟอสซิลของจริงที่จัดแสดงให้เราได้ดูเพื่อศึกษาถึงประวัติความเป็นมาของไดโนเสาร์ในประเทศไทย แถมมีห้องวิจัยที่ทันสมัยสุด ๆ เดินดูในอาคารพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วอย่าลืมขึ้นไปดูหลุมขุดค้นของจริงที่อยู่บนภูกุ้มข้าว จะได้เห็นกระดูกไดโนเสาร์ของจริงตัวมหึมาที่อยู่ในหลุมขุดด้วย น่าตื่นเต้นมากเลยล่ะ เราว่าเด็ก ๆ ต้องชอบที่นี่แน่ ๆ พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์เวลา 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น อย่าไปผิดวันนะ 8. ถ่ายรูปที่สะพานเทพสุดา จากพิพิธภัณฑ์สิรินธรไปไม่ไกลก็มาถึงสะพานข้ามเขื่อนลำน้ำปาว เป็นสะพานข้ามน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าจาก จ.หนองคาย อุดรธานี ผ่านกาฬสินธุ์ ไปสู่มุกดาหารที่สำคัญมากเพราะช่วยย่นระยะทางได้เกือบ 100 กิโลเมตร และชาวกาฬสินธุ์ยังใช้ขนส่งผลผลิตทางการเกษตรไปสู่โรงงานซึ่งอยู่คนละฝั่งของสะพาน ช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งไปได้เยอะทีเดียว พอรู้ถึงสตอรี่ของสะพานก็ดูสวยงามเลอค่ามากขึ้นกว่าเดิมเลยล่ะ แถมยังเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ ด้วย ยิ่งมาช่วงพระอาทิตย์ตกดินนี่สวยสุด ๆ ไปเลย อย่าลืมไปถ่ายรูปกับพี่ไดโนเสาร์ที่ตีนสะพานนะ เรามองจากสะพานลงไปจะเห็นแพร้านอาหารลอยอยู่หลายลำในเขื่อน มีนักท่องเที่ยวกระโดดน้ำเล่นกันน่าสนุก เสียดายที่เรามีเวลาน้อยเลยอดเล่นน้ำ กาฬสินธุ์ยังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่งที่เหมาะกับชีวิตสโลว์ไลฟ์ เราว่าจริง ๆ แล้วแค่ได้นั่งๆ นอนๆ เดินเล่นใช้ชีวิตง่ายๆ ไปพร้อมกับชาวกาฬสินธุ์ก็ถือว่าได้ Go Local เป็นการชาร์จพลังเติมความบริสุทธิ์ใส ๆ ให้ชีวิตที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ
รวม 8 ที่เที่ยวสไตล์สายฮิป…ที่กาฬสินธุ์ อ่านเพิ่มเติม
ข้อห้ามควรรู้ก่อนสักการะบูชาพระธาตุ ไม่ควรนำรูปปั้นสัตว์ประจำปีเกิดไปบูชาพระธาตุ เพราะไม่ใช่หลักคำสอนของพระพุทธศาสนาห้ามไม่ให้ผู้หญิงขึ้นไปบริเวณรอบพระธาตุ เนื่องจากในสมัยโบราณมักจะบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่ฐานเจดีย์ ปีชวด พระธาตุศรีจอมทอง จ.เชียงใหม่ เป็นวัดสำคัญคู่เมืองจอมทอง เป็นที่เคารพสักการะของชาวเหนือโดยทั่วไป และเป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนที่เกิดปีชวด วัดพระธาตุศรีจอมทอง เป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระเศียรเบื้องขวาและส่วนอื่นๆ รวม 5 องค์ ซึ่งความพิเศษของพระบรมธาตุที่นี่คือ เป็นพระบรมธาตุเพียงแห่งเดียวในประเทศไทย ที่เราสามารถมองเห็น สักการะ และอัญเชิญลงมาสรงน้ำในพิธีต่างๆ ได้ เนื่องจากพระบรมธาตุไม่ได้บรรจุไว้ในเจดีย์แต่ประดิษฐานอยู่ในกู่ภายในพระวิหารนั่นเอง ทุกปีจะมีประเพณีสรงน้ำพระบรมธาตุ ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 9 เหนือ (ราวเดือนมิถุนายน) วัดพระธาตุศรีจอมทองวรวิหารเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.โทร : 053 826 869, 053 342 184 การเดินทางจากเชียงใหม่ ใช้ทางหลวงหมายเลข 108 วิ่งมาเรื่อยๆ จนเข้าเขตอำเภอจอมทอง วัดจะอยู่ทางซ้ายมือพิกัด : https://goo.gl/maps/p24Q1EehcXo ปีฉลู พระธาตุลำปางหลวง จ.ลำปาง เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของคนเกิดปีฉลู ที่เริ่มสร้างในปีฉลูและเสร็จในปีฉลูเช่นกัน มีความเก่าแก่มาตั้งแต่สมัยพระนางจามเทวีแห่งเมืองหริภุญชัย ภายในบรรจุพระเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระนลาฎเบื้องขวาและพระศอ นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งท่องเที่ยว Unseen ที่สามารถมองเห็นเงาพระธาตุในมุมกลับได้อีกด้วย วัดพระธาตุลำปางหลวงเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.30-17.00 น.โทร. 054 328 327 การเดินทางห่างจากตัวเมืองลำปางประมาณ 18 กิโลเมตร ตามทางหลวงสายลำปาง-เถิน ถึงหลักกิโลเมตรที่ 586 เลี้ยวเข้าไปจนถึงที่ว่าการอำเภอเกาะคา จากนั้นเลี้ยวขวาเข้าไปอีก 2 กิโลเมตร ถึงทางแยกเข้าอีก 1 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/wMGGSc9htvj ปีขาล พระธาตุช่อแฮ จ.แพร่ เป็นปูชนียสถานอันศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองแพร่ ตามตำนานกล่าวว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ.1879-1881 เมื่อครั้งพระมหาธรรมราชา (ลิไท) ยังเป็นพระมหาอุปราชครองเมืองศรีสัชนาลัย ภายในพระธาตุบรรจุพระเกศาธาตุ และพระบรมสารีริกธาตุพระศอกซ้ายของพระพุทธเจ้า ทุกปีจะมีงานนมัสการพระธาตุในวันขึ้น 9 ค่ำ – ขึ้น 15 ค่ำ เดือน 4 (ประมาณเดือนมีนาคม) ใช้ชื่องานว่า “งานประเพณีไหว้พระธาตุช่อแฮ เมืองแพร่แห่ตุงหลวง” วัดพระธาตุช่อแฮเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 07.00-18.00 น.โทร. 054 599 073-4, 054 599 209 การเดินทางจากตัวเมืองแพร่ ขับไปตามทางหลวงหมายเลข 1022 (ถนนช่อแฮ) ประมาณ 9 กิโลเมตร https://goo.gl/maps/HWSvJCCGQNB2 ปีเถาะ พระธาตุแช่แห้ง จ.น่าน เป็นปูชนียสถานศักดิ์สิทธิ์ ตั้งอยู่บนเนินทางฝั่งตะวันออกของแม่น้ำน่าน บริเวณศูนย์กลางเมืองน่านเดิม หลังจากที่ย้ายมาจากเมืองปัว พระธาตุแช่แห้งสร้างในสมัยพญาการเมืองเป็นเจ้าผู้ครองนครน่าน เพื่อเป็นที่ประดิษฐานพระมหาชินธาตุเจ้า 7 พระองค์ (พระบรมสารีริกธาตุ) พระพิมพ์เงินและพระพิมพ์ทอง ที่ได้รับพระราชทานจากพระมหาธรรมราชาลิไท เมื่อครั้งที่พระองค์เสด็จไปช่วยสร้างวัดหลวงอภัย (วัดป่ามะม่วง จังหวัดสุโขทัยในปัจจุบัน) วัดพระธาตุแช่แห้ง พระอารามหลวงเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.โทร. 054 601 146 การเดินทางจากตัวเมือง ข้ามสะพานแม่น้ำน่าน ไปตามทางหลวงหมายเลข 1168 (น่าน-แม่จริม) ประมาณ 3 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/znEpCM7mQFF2 ปีมะโรง เจดีย์วัดพระสิงห์ จ.เชียงใหม่ เจดีย์วัดพระสิงห์สร้างราว พ.ศ.1888 ต่อมามีการบูรณะให้สูงใหญ่ขึ้นในสมัยครูบาศรีวิชัย ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุที่พระสุมนเถระนำมาจากลังกา และมีการอัญเชิญพระพุทธสิหิงค์จากลังกามาประดิษฐานไว้ที่วิหารลายคำในวัดแห่งนี้ด้วย วัดพระสิงห์วรมหาวิหารเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.โทร. 053 416 019, 081 883 8752 การเดินทางวัดพระสิงห์ตั้งอยู่บริเวณคูเมืองด้านใน บริเวณถนนสิงหราชจรดกับถนนราชดำเนินพิกัด : https://goo.gl/maps/XQ9PvXJZVaR2 ปีมะเส็ง วัดโพธารามมหาวิหาร (วัดเจ็ดยอด) จ.เชียงใหม่ เป็นวัดเก่าแก่วัดหนึ่งของเชียงใหม่ สร้างโดยพระเจ้าติโลกราช เมื่อ พ.ศ.1999 เจดีย์เจ็ดยอด มีลักษณะคล้ายกับมหาวิหารโพธิที่พุทธคยาในประเทศอินเดีย โดยเป็นอาคารหรือวิหารที่มียอดเจดีย์ สร้างด้วยศิลาแลง ที่ผนังประดับปูนปั้นรูปเทวดาทรงเครื่อง มีทั้งนั่งขัดสมาธิและยืน งดงามมาก ภายในวิหารประดิษฐานหลวงพ่อใหญ่ พระพุทธรูปปางมารวิชัย สิ่งสักการะสำคัญในวัดคือ ต้นศรีมหาโพธิ์ขนาดใหญ่ ซึ่งพระเจ้าติโลกราชได้นำมาจากลังกา ถือเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีมะเส็ง วัดโพธารามมหาวิหาร เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.โทร. 053 221 464, 081 783 8567 การเดินทางใช้ทางหลวงหมายเลข 11 (เชียงใหม่-ลำปาง) ขับตรงมาเรื่อยๆ จะเห็นสี่แยกไฟแดงเจ็ดยอด ก่อนถึงสี่แยกรินคำ จะเห็นวัดเจ็ดยอดอยู่ทางขวามือพิกัด : https://goo.gl/maps/RqbeM8gZupF2 ปีมะเมีย พระบรมธาตุบ้านตาก จ.ตาก พระบรมธาตุบ้านตากจำลองแบบมาจากเจดีย์ชเวดากองในประเทศพม่า โดยสร้างครอบเจดีย์องค์เก่าไว้ ลักษณะเป็นเจดีย์องค์ใหญ่อยู่ตรงกลาง ล้อมรอบด้วยเจดีย์องค์เล็ก 16 องค์ ภายในเจดีย์องค์กลางบรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระเกศาธาตุขององค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ทุกปีในช่วงวันขึ้น 14 และ 15 ค่ำเดือน 9 ของชาวเหนือ (ระหว่างเดือนพฤษภาคม-มิถุนายน) จะมีการจัดประเพณีขึ้นธาตุเดือนเก้าเพื่อเป็นการสักการะองค์พระบรมธาตุ และบวงสรวงขอพรเทวดาในการเริ่มฤดูทำนา วัดพระบรมธาตุบ้านตากเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00 – 18.00 น.โทร. 055 591 009 การเดินทางจากอำเภอเมืองตากใช้ทางหลวงหมายเลข 1107 (ตาก-บ้านตาก) ไปประมาณ 35 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 1175 ไปประมาณ 1 กิโลเมตร วัดจะอยู่ทางซ้ายมือพิกัด : https://goo.gl/maps/tfcKzvaPydr ปีมะแม พระธาตุดอยสุเทพ
ธรรม (ดา) พาไหว้ : พระธาตุประจำปีเกิด 12 ปีนักษัตร อ่านเพิ่มเติม
ดอยหัวหมด อำเภออุ้มผาง จังหวัดตาก ยอดเขาหัวโล้นที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้าและไม้ทนแล้ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น เป็นที่มาของชื่อ “ดอยหัวหมด” บ้างก็เรียกว่า “เขาหัวโล้น” ลักษณะเป็นภูเขาหินปูนทอดตัวเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน สามารถชมวิวได้รอบทิศ ไฮไลท์เด่นคือ การชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกในยามเช้า ควรเดินทางมาถึงจุดชมวิวในช่วง 05.00-06.00 น. ดอยหัวหมดเป็นเนินที่ไม่สูงมากและระยะทางเดินไม่ไกลมากนัก เดินกันได้ชิลๆ เลยล่ะ ดอยหัวหมดมีจุดชมวิว 2 จุด คือ จุดที่ 1 อยู่ที่ กม.9 ต้องเดินเท้าขึ้นเขาซึ่งมีความชันเล็กน้อย ระยะทาง 1.5 กิโลเมตร ทะเลหมอกจุดนี้เป็นจุดที่สวยงามที่สุด จุดที่ 2 อยู่ที่ กม.10 มีทางแยกซ้ายไปจุดจอดรถ จากนั้นเดินเท้าขึ้นไปบนยอดดอยหัวหมด ระยะทาง 300 เมตร ในฤดูฝนช่วงเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม บนดอยหัวหมดจะปกคลุมไปด้วยสีชมพูของดอกเทียนปีกผีเสื้อ ที่บานสะพรั่งสวยงามเต็มทุ่งไปหมด ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ในช่วงหน้าฝนเลยจ้า นักท่องเที่ยวต่างพากันขึ้นดอยไปเช็คอินและเก็บภาพกับดอกเทียนปีกผีเสื้อกันเต็มไปหมด การเดินทาง จากตัวเมืองตาก ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 (ตาก-แม่สอด) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 96 เปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 (แม่สอด-อุ้มผาง) เข้าสู่อำเภออุ้มผาง มุ่งหน้าบ้านปะละทะ บริเวณกิโลเมตรที่ 10-11 จะมีทางแยกซ้ายไปดอยหัวหมด ประมาณ 700 เมตร ถึงจุดจอดรถ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผางโทร. 055 577 318, 085 450 8983ททท. สำนักงานตาก โทร. 055 514 341-3
1. สักการะพระบรมธาตุเจดีย์ ที่วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหารวัดคู่บ้านคู่เมืองของชาวนครศรีฯ พระบรมธาตุเจดีย์ เจดีย์ทรงระฆังสีขาวองค์ใหญ่ ตั้งโดดเด่นเป็นสง่าอยู่ภายในวัดพระมหาธาตุฯ ยอดเจดีย์หุ้มด้วยทองคำแท้ ภายในบรรจุพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า รอบๆ พระบรมธาตุเจดีย์ รายล้อมไปด้วยเจดีย์บริวารองค์เล็กๆ ซึ่งสร้างขึ้นเพื่อบรรจุอัฐิของบรรพบุรุษผู้ล่วงลับตามความเชื่อ พิกัด : https://goo.gl/maps/T4RrB3J6th72 2. พิพิธภัณฑ์บ้านหนังตะลุง อาจารย์สุชาติ ทรัพย์สิน ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์หนังตะลุงแห่งแรกของไทย ก่อตั้งโดยอาจารย์สุชาติ ทรัพย์สิน ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน) พ.ศ.2549 ภายในจัดแสดงรูปหนังตะลุงโบราณทั้งของไทยและนานาชาติอายุมากกว่า 100 ปี นอกจากนี้ยังมีการสาธิตการแกะตัวหนังตะลุง การเชิดหนังตะลุง ซึ่งถือเป็นศิลปะทางวัฒนธรรมที่หาดูได้ยากในปัจจุบัน พิกัด : https://goo.gl/maps/Zzxea9PdxuH2 3. หมู่บ้านคีรีวง ออกไปสูดออกซิเจนกันให้เต็มปอด กับหมู่บ้านที่มีอากาศดีที่สุดในประเทศไทยแห่งนี้ ถ้าใครมาเที่ยวหมู่บ้านคีรีวงช่วงนี้ ก็สามารถเช่าจักรยานขี่เที่ยวชมสวนผลไม้รอบๆ หมู่บ้านได้ มีทั้งทุเรียน มังคุด เงาะ ลองกอง ฯลฯ หรือจะหาของซื้อของฝากระดับ OTOP 5 ดาว อย่างผ้ามัดย้อม เครื่องจักสาน น้ำผลไม้ ไวน์ ทุเรียนกวน ฯลฯ พิกัด : https://goo.gl/maps/n2uJDzpqK8H2 4. ทำของที่ระลึกแนว Art & Craft ผ้าบาติกสวยๆ ในแบบฉบับ D.I.Y หมู่บ้านคีรีวง เรายังอยู่กันที่หมู่บ้านคีรีวง ถ้าของฝากระดับ OTOP 5 ดาวยังไม่พอ แอดแนะนำมาทำของฝากเก๋ๆ ด้วยฝีมือตัวเองกันต่อได้เลย พิกัด : https://goo.gl/maps/n2uJDzpqK8H2 5. อุทยานแห่งชาติเขาหลวง สำหรับสาย trekking ห้ามพลาดกับการพิชิตยอดเขาหลวงนครศรีฯ ยอดเขาที่สูงที่สุดในภาคใต้กับความสูง 1,835 เมตรจากระดับทะเลปานกลาง เขาหลวงเป็นแหล่งต้นน้ำและแหล่งกำเนิดของแม่น้ำที่สำคัญหลายสายในภาคใต้ มีสภาพเป็นป่าดิบชื้นและป่าดิบเขา พิกัด : https://goo.gl/maps/9Gnjq9X5XBJ2 6. ตลาดเก่า 100 ปี ปากพนัง ตลาดเก่าแก่ ล้อมรอบด้วยบ้านเรือนและตึกแถวที่สร้างด้วยไม้ ตลาดจะเริ่มขายของตั้งแต่ช่วงบ่าย 3 ถึง 6 โมงเย็น มีขนมพื้นบ้าน เช่น ขนมลา ถั่ว มัน แห้ว ฯลฯ อาหารทะเลสดๆ กุ้งแห้ง ปลาหมึกแห้ง รวมไปถึงปลากระบอกแห้ง ของขึ้นชื่อของที่นี่ และของฝากอื่นๆ อีกมากมาย พิกัด : https://goo.gl/maps/4pbT6GEUdkT2 7. พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ถ้าเพื่อนๆ อยากรู้ประวัติศาสตร์ความเป็นมาของนครศรีธรรมราช ต้องแวะมาที่นี่เลย พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ นครศรีธรรมราช ภายในบอกเล่าเรื่องราวของเมืองนครศรีธรรมราช ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์จนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ และจัดแสดงโบราณวัตถุที่พบในจังหวัดนครศรีธรรมราชและจังหวัดใกล้เคียง ได้แก่ กลองมโหระทึก ภาชนะดินเผา ลูกปัด เทวรูป พระพุทธรูป เครื่องถ้วยสมัยต่างๆ ทั้งของไทยและต่างประเทศ เครื่องถมเงินถมทอง เครื่องจักสานย่านลิเภา เอกลักษณ์ของนครศรีธรรมราช เครื่องมือเครื่องใช้ในการดำรงชีวิตของคนภาคใต้ และศิลปะการละเล่นพื้นบ้านของภาคใต้ เช่น หนังตะลุง เป็นต้น พิกัด : https://goo.gl/maps/Rxgau9WYUEF2 8. ประตูระบายน้ำอุทกวิภาชประสิทธิ โครงการพัฒนาพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนังอันเนื่องมาจากพระราชดำริ หนึ่งในโครงการพระราชดำริในพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วม น้ำแล้ง น้ำเค็ม และปัญหาความเสื่อมโทรมของทรัพยากรธรรมชาติในพื้นที่ลุ่มน้ำปากพนัง โครงการตั้งอยู่กลางแม่น้ำปากพนัง มีสะพานสำหรับสัญจรข้ามไปมา และมีสวนสาธารณะสำหรับออกกำลังกายและพักผ่อนหย่อนใจ พิกัด : https://goo.gl/maps/RqWGCQPA71p 9. ของฝากขึ้นชื่อ เครื่องถมเงินถมทอง เครื่องถมคือ เครื่องเงินที่นำมาแกะสลักลวดลายและลงยาถม ซึ่งก็คือการนำโลหะผสมมาหลอมลงบนลวดลายที่ทำไว้ ยาถมจะเข้าไปตามร่อง เกิดเป็นพื้นสีดำ ทำให้ลวดลายบนเครื่องเงินเด่นชัดและมีความสวยงามยิ่งขึ้น (หากทาสีทองจะเรียกว่าเครื่องถมทอง) นอกจากภาชนะต่างๆ แล้ว ในปัจจุบันได้มีการทำเครื่องถมเป็นเครื่องประดับต่างๆ อีกด้วย เช่น กำไลข้อมือ เป็นต้น สำหรับใครที่สนใจเยี่ยมชมการสาธิตการทำเครื่องถม สามารถไปชมได้ที่ศูนย์หัตถกรรมอาจารย์นิคม อ.เมืองนครศรีธรรมราช (ตรงข้ามวัดพระมหาธาตุฯ) โทร. 075 346 391 หรือถ้าเพื่อนๆ ต้องการซื้อเครื่องถมไปเป็นของฝากของที่ระลึก นอกจากที่ศูนย์หัตถกรรมอาจารย์นิคมแล้ว ยังสามารถหาซื้อกันได้ที่บริเวณถนนท่าช้าง ในตัวเมืองนครศรีธรรมราชอีกด้วย 10. ขนมกวนขาว ขนมหวานพื้นถิ่น นครศรีธรรมราช ปิดท้ายกันด้วยของหวานพื้นบ้านเมืองคอน…ขนมกวนขาวทำมาจากแป้งข้าวเจ้า ส่วนผสมมีหางกะทิและน้ำปูนใส วิธีทำให้นำไปตั้งไฟอ่อนๆ กวนจนเหนียวได้ที่ จนเนื้อขนมไม่ติดกะทะและมีสีขาวนวล จากนั้นให้ตักใส่ถาดแล้วเกลี่ยให้เรียบ วางทิ้งไว้ให้เย็นแล้วจึงตัดเป็นชิ้นๆ ราดด้วยหัวกะทิ โรยน้ำตาลทรายและถั่วเขียว…รสชาติหวานหอม…เนื้อแป้งนุ่มเนียนลื่นคอ ปัจจุบันหาทานได้ตามร้านขนมจีนชื่อดังในตัวเมืองนครศรีธรรมราช
10 อย่างห้ามพลาด…นครศรีฯ อ่านเพิ่มเติม
จังหวัดกำแพงเพชร นอกจากจะมีเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจแล้ว ยังมีธรรมชาติที่สวยงาม มีภูเขา มีน้ำตกมากมาย ที่เราไปเห็นแล้วจะต้องตะลึง!! วันนี้แอดจะพาไปรู้จักน้ำตกที่นักท่องเที่ยวและชาวกำแพงเพชรนิยมไปเที่ยว นั่นก็คือ “น้ำตกคลองลาน” ในอุทยานแห่งชาติคลองลาน จังหวัดกำแพงเพชร นั่นเอง ที่นี่มีความน่าสนใจยังไง อ่านต่อในโพสต์ได้เลย น้ำตกคลองลาน ตั้งอยู่ภายในอุทยานแห่งชาติคลองลาน ซึ่งมีพื้นที่ครอบคลุม 2 อำเภอ คือ อำเภอคลองลาน และอำเภอเมือง จังหวัดกำแพงเพชร เมื่อเดินทางไปถึงสามารถมองเห็นน้ำตกได้จากลานจอดรถเลย จากจุดนี้เดินเข้าไปไม่กี่ร้อยเมตร เราก็จะถึงน้ำตกแล้ว น้ำตกคลองลาน อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 300 เมตร ระหว่างทางเดินเข้าไป จะสัมผัสได้ถึงธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ต้นไม้ดูเขียวชอุ่มชุ่มชื่น แต่อย่ามัวชื่นชมธรรมชาติเพลินจนลืมมองทางเดินล่ะ เดี๋ยวลื่นล้มแล้วจะหาว่าแอดไม่เตือนนะ ^^ บริเวณน้ำตกไม่อนุญาตให้นำอาหารและเครื่องดื่มเข้าไป แต่เค้าก็ได้จัดโซนที่นั่งรับประทานอาหารไว้ให้อย่างเป็นสัดส่วน อยู่ริมลำธารเลย บรรยากาศดีมากๆ เดินมาไม่นาน ก็เจอกับน้ำตกคลองลานแล้ว อยากให้ทุกคนได้มาเห็นกับตามากๆ เพราะสวยจริงๆ สวยมากๆ เลยล่ะ น้ำตกคลองลานเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ ไหลลงมาจากหน้าผาสูง 100 เมตร กว้าง 40 เมตร เกิดจากเทือกเขาขุนคลองลาน และยังเป็นต้นกำเนิดของลำน้ำหลายสาย ได้แก่ คลองขลุง และคลองสวนหมาก บริเวณนี้สามารถเล่นน้ำได้ และส่วนใหญ่นักท่องเที่ยวก็จะนิยมเล่นกันตรงนี้แหละ น้ำใส ไหลเย็น สดชื่นน >< แต่ถ้ายังไม่ชื่นฉ่ำหนำใจ ก็สามารถเดินเข้าไปเล่นน้ำใกล้ๆ น้ำตกได้เหมือนกัน เพราะบริเวณนั้นเป็นแอ่งน้ำขนาดใหญ่ ลงไปว่ายน้ำได้ เอาภาพมายืนยันว่า สามารถลงไปเล่นน้ำใกล้ๆ น้ำตกได้จริงๆ นะ >< บริเวณน้ำตกคลองลาน มีบ้านพัก จุดกางเต็นท์ ห้องน้ำ และร้านค้าคอยให้บริการ อุทยานแห่งชาติคลองลาน เปิดทุกวันตั้งแต่ 08.30 – 16.30 น. ค่าธรรมเนียมชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติคลองลาน โทร. 055 766 022-3, 088 407 9915 การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านนครสวรรค์มาประมาณ 17 กิโลเมตร ถึงหนองเบนจะมีทางแยกซ้ายมือเข้าอำเภอลาดยาว จากนั้นใช้ทางหลวงหมายเลข 1072 (ลาดยาว-คลองลาน) ระยะทาง 102 กิโลเมตร ถึงสี่แยกตลาดคลองลานตรงไปอีกประมาณ 6 กิโลเมตร ก็จะถึงที่ทำการอุทยานฯ พิกัด : https://goo.gl/maps/7qjLw1QuLFJ2
น้ำตกคลองลาน ม่านสายธารอันตระการตา อ่านเพิ่มเติม
มน Cafe’ Art & Nature มน คาเฟ่ ร้านเล็กๆ อยู่ริมถนน ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และเซรามิกต่างๆ แบ่งเป็นที่นั่ง indoor และ outdoor พอดูรวมๆ แล้วเก๋ไม่เบา แถมเจ้าของร้านยังน่ารัก เป็นกันเองสุดๆ เมนูค่อนข้างหลากหลายและราคาสบายกระเป๋าจ้า เข้าไปสั่งกันได้เลย ระหว่างรอก็ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ แอดอยู่ที่นี่นั่งชิลได้เป็นวันเลยล่ะ ^^ เครื่องดื่มมาแล้วววว… สีเขียวๆ นั้นคือ มัทฉะเลม่อน แอดเห็นว่าเป็นเมนูใหม่ของทางร้านเลยต้องลองสักหน่อย สีส้มแก้วนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ชาไทยเย็น ใครชอบชาเป็นพิเศษก็ต้องไม่พลาดแล้วล่ะ เมนูแนะนำอย่าง บานอฟฟี่พาย โอ้ยย ฟินสุดๆ เนื้อเค้กนุ่ม ละมุนลิ้น กล้วยเน้นๆ ไม่หวานจนเกินไปด้วย เปลี่ยนสีสันกันบ้างกับ เค้กมะพร้าวหอม มันดีย์อะค่ะ ด้านข้างของร้านเป็นโซน outdoor เป็นพื้นที่ที่ใช้โชว์งานศิลปะ งานปั้น งานเซรามิกต่างๆ ที่เจ้าของร้านเป็นคนทำลงมือทำเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม แก้ว ตกแต่งลวดลายได้น่ารักมากๆ เลยล่ะ
มน Cafe’ Art & Nature อ่านเพิ่มเติม
5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ของวัดมหาธาตุ ได้แก่ 1. พุทธวรนาถมหาธาตุยโสธร พระประธานในพระอุโบสถ2. พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์ (พระแก้วหยดน้ำค้าง)3. พระธาตุพระอานนท์ 4. กู่บรรจุอัฐิของเจ้าพระยาวิไชยราชขัตติยวงศา 5. หอไตรกลางน้ำ 1. พระอุโบสถ วัดมหาธาตุ เป็นพระอารามหลวงที่สวยงามแห่งหนึ่งของจังหวัดยโสธร แสดงเอกลักษณ์ของศิลปะรัตนโกสินทร์อย่างชัดเจน ภายในพระอุโบสถประดิษฐาน พระพุทธวรนาถมหาธาตุยโสธร พระพุทธรูปประธานปางประทานพร ศิลปะลาว 2. พระพุทธปฏิมาบุษยรัตน์ (พระแก้วหยดน้ำค้าง หรือ พระแก้วขาว ) พระพุทธรูปประจำเมือง ที่มีขนาดเล็กที่สุดในประเทศไทย พระแก้วหยดน้ำค้าง เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ศิลปะเชียงแสน สร้างจากเนื้อแก้วใส ขนาดหน้าตักกว้าง 1.9 นิ้ว เป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองยโสธร โดยท้าวพญาเมืองจำปาศักดิ์ได้ถวายพระแก้วขาวแด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย พระองค์จึงโปรดเกล้าฯ ให้อัญเชิญลงมากรุงเทพฯ เมื่อ พ.ศ.2355 ต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวได้พระราชทานให้พระสุนทรราชวงศา เจ้าเมืองยโสธรคนแรก ปัจจุบัน พระแก้วหยดน้ำค้างประดิษฐานอยู่ที่หอพระแก้ว ภายในวัดมหาธาตุ 3. พระธาตุพระอานนท์ พระธาตุที่บรรจุพระอัฐิธาตุของพระอานนท์แห่งเดียวในประเทศไทย พระธาตุพระอานนท์ตั้งอยู่หน้าพระอุโบสถ เป็นพระธาตุเก่าแก่ที่สำคัญองค์หนึ่งของภาคอีสาน เชื่อกันว่าเป็นที่บรรจุพระอัฐิธาตุของพระอานนท์ พระสาวกของพระพุทธเจ้า มีลักษณะเป็นเจดีย์สี่เหลี่ยม อิทธิพลศิลปะลาว ส่วนฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส เอวฐานคอดเป็นรูปบัวคว่ำบัวหงาย เหนือขึ้นไปเป็นเรือนธาตุ มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปยืน 4 ทิศ ส่วนยอดมีลักษณะแบบบัวเหลี่ยมคล้ายพระธาตุพนมซ้อนกัน 2 ชั้น ชั้นล่างมียอดปลีเล็กแซมเป็นกระเปาะทั้ง 4 ด้าน 4. กู่บรรจุอัฐิของเจ้าพระยาวิไชยราชขัตติยวงศา เจ้าพระยาวิไชยราชขัตติยวงศา สืบเชื้อสายมาจากเจ้าปางคำแห่งเมืองเชียงรุ้ง เคยเป็นเจ้าฝ่ายหน้าผู้ปกครองบ้านสิงห์ท่า (ยโสธรในอดีต) เป็นผู้ปราบกบฏอ้ายเชียงแก้วเขาโองที่เข้ายึดเมืองจำปาศักดิ์ จึงได้รับการสถาปนาจากพระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลก ให้เป็นเจ้าพระยาวิไชยราชขัตติยวงศา ครองนครจำปาศักดิ์ เมื่อท่านถึงแก่พิราลัย พระโอรสของท่านได้นำอัฐิกลับมาที่เมืองยโสธร และนำไปบรรจุไว้ในกู่ใกล้กับพระธาตุพระอานนท์ 5. หอไตรกลางน้ำ สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2373 โดยพระครูหลักคำ (กุคำ) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุรูปที่ 3 ตัวอาคารหอไตร สร้างด้วยไม้ตั้งอยู่กลางสระน้ำ ลักษณะแบบหอไตรภาคอีสานทั่วไป เป็นที่เก็บคัมภีร์ใบลาน พร้อมพระไตรปิฏก และตำราต่างๆ ซึ่งพระครูหลักคำเป็นผู้นำมาจากเมืองเวียงจันทน์ ซุ้มประตูและบานประตูไม้สลักลวดลายเครือเถาลงรักปิดทองอย่างสวยงาม มีการตกแต่งลวดลายที่ฝาผนัง ซึ่งเป็นลักษณะผสมผสานจากภาคกลาง พระพุทธรูปเก่าแก่ที่เก็บรักษาไว้ในหอไตร คัมภีร์ใบลานเก่าแก่ที่พระครูหลักคำนำมาจากเมืองเวียงจันทน์
สักการะ 5 สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ณ วัดมหาธาตุ จังหวัดยโสธร อ่านเพิ่มเติม
“สวนสนุกสไลเดอร์ น้ำตกถ้ำพระ จ.บึงกาฬ สนามเด็กเล่นแดนอีสาน” เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.ที่ตั้ง : บ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬพิกัด : https://goo.gl/maps/dGaxQSxwKRJ2 น้ำตกถ้ำพระ ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว แต่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยพิทักษ์ป่าถ้ำพระ ซึ่งเข้ามาดูแลและจัดการด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากน้ำตกถ้ำพระเป็นน้ำตกที่อยู่ในป่า เพื่อนๆ จำเป็นจะต้องจอดรถไว้ที่ท่าเรือแล้วนั่งเรือรับจ้างของชาวบ้านเข้าไปค่ะ ซึ่งการนั่งเรือเข้าไปนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ค่าเรือไป-กลับคนละ 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 500 เมตร ระหว่างที่นั่งเรือเข้าไป เพื่อนๆ จะได้เห็นความเขียวขจีของพืชพรรณต่างๆ ที่ขึ้นรายล้อมอยู่ตลอดสองข้างทาง น้ำตกถ้ำพระเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มี 3 ชั้น จะมีน้ำมากในช่วงฤดูฝนเท่านั้น เมื่อเดินไปถึงเราจะพบกับน้ำตกชั้นแรก ซึ่งอยู่บริเวณด้านล่าง น้ำตกชั้นนี้น้ำจะค่อนข้างลึกเพราะก้นมีลักษณะเป็นแอ่ง วัยรุ่นจึงนิยมไปกระโดดน้ำเล่นกัน เหมาะสำหรับคนว่ายน้ำเป็นเท่านั้นนะคะ น้ำตกชั้นที่ 2 เป็นลำธารหลายสาย มีน้ำไหลแรง แต่เป็นแอ่งน้ำตื้น จึงมีนักท่องเที่ยวไปเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และไฮไลท์ของน้ำตกถ้ำพระก็อยู่ที่นี่ค่ะ “สไลเดอร์ธรรมชาติ” เป็นแนวร่องน้ำที่ไหลไปตามโขดหิน เราสามารถสไลด์ตัวลงมาตามร่องน้ำได้ และนี่เองเป็นที่มาของคำว่า “สวนสนุกจากธรรมชาติ” ค่ะ แต่การเล่นสไลเดอร์นี้ควรทำในช่วงที่น้ำไม่แรงมาก และต้องใช้ระมัดระวังอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุค่ะ ในชั้นนี้เพื่อนๆ จะเห็นพระพุทธรูป 2 องค์ ประดิษฐานอยู่ตรงหน้าผาฝั่งตรงข้ามน้ำตก ซึ่งบริเวณดังกล่าวชาวบ้านเรียกกันว่า “ถ้ำพระ” เป็นที่มาของชื่อน้ำตกถ้ำพระนั่นเองค่ะ พระพุทธรูปนี้สร้างโดยพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สามารถกราบไหว้ขอพรได้ มีคนแอบกระซิบมาว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลย หากแรงยังเหลือแอดแนะนำให้เดินขึ้นไปที่ชั้น 3 ค่ะ ซึ่งจะอยู่เหนือฝายขึ้นไป ที่ชั้นนี้เพื่อนๆ จะได้เห็นน้ำตกไหลจากหน้าผาลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง สวยงามมากๆ เลยค่ะ นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปตรงบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก เพราะน้ำตกที่ตกลงมาจะมีละอองสีขาวนวล ตัดกับฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าสดใสสีคราม เป็นภาพประทับใจที่ทุกคนอยากบันทึกไว้ในความทรงจำค่ะ เดือนนี้มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน หากเพื่อนๆ คนไหนมีโอกาสไปเที่ยวที่ จ.บึงกาฬ แอดก็อยากจะฝากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของเพื่อนๆ ด้วยนะคะ และนี่ก็คือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในช่วงหน้าฝน ที่รังสรรค์มาให้เราได้เชยชมกันค่ะ
สวนสนุกสไลเดอร์ สนามเด็กเล่นแดนอีสาน อ่านเพิ่มเติม
1. วัดยางช้า วัดนี้โดดเด่นในเรื่องของสิมและจิตรกรรมฝาผนัง โดยรูปแบบของสิมนั้นเป็นสิมแบบทึบ มีประตูเข้าออกทางด้านหน้าเพียงด้านเดียว บันไดทางขึ้นสู่สิมประดับปูนปั้นเป็นรูปจระเข้คาบสิงห์ เหนือประตูทางเข้ามีฮูปแต้มหรือจิตรกรรมฝาผนังเป็นเรื่องพุทธประวัติและนรกภูมิ ภายในสิมประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัย ซึ่งก่อด้วยอิฐฉาบปูนแล้วทาด้วยสีทอง และมีฮูปแต้มเรื่องพุทธประวัติและพระเวสสันดรชาดก ประตูทางเข้าสู่สิม เป็นประตูไม้แกะสลักลวดลายเป็นเรื่องพระเวสสันดรชาดกที่ประณีตงดงาม ที่ตั้ง : หมู่ที่ 3 ตำบลอำนาจ อำเภอลืออำนาจ จังหวัดอำนาจเจริญ (อยู่ไม่ไกลจากวัดพระเหลาเทพนิมิต) 2. วัดราสิยาราม เป็นสิมขนาดเล็ก ก่อด้วยอิฐถือปูน หลังคามุงด้วยสังกะสี มีประตูเข้าออกด้านหน้าเพียงด้านเดียว มีเสา 4 ต้น รองรับรวงผึ้งซึ่งทำด้วยไม้ฉลุลายสวยงาม หน้าบันไม้ทำเป็นลายลูกฟักและพระอาทิตย์ส่องแสง ราวบันไดทางขึ้นปั้นเป็นรูปสัตว์เลื้อยคลานที่มีลำตัวยาวไปตามบันได ลักษณะคล้ายตะกวด เหนือประตูทางเข้าของวัดราสิยาราม มีฮูปแต้มที่งดงามมากทั้งหมด 4 เรื่อง โดยด้านบนสุดเขียนเป็นภาพพระธาตุเกศแก้วจุฬามณี ด้านล่างตรงกลางเป็นภาพพุทธประวัติตอนมารผจญ ด้านล่างซ้ายเป็นภาพพระมาลัยโปรดสัตว์นรก และด้านล่างขวาเป็นเรื่องพระเวสสันดรชาดก ภายในสิม ประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย ฝีมือช่างพื้นบ้าน และยังมีพระพุทธรูปแกะสลักไม้โบราณอีกหลายองค์ ผนังภายในฉาบปูนเรียบไม่มีฮูปแต้ม ที่ตั้ง : บ้านไก่คำ ตำบลไก่คำ อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ 3. วัดพระศรีโพธิ์ชัย เป็นวัดเก่าแก่ที่สำคัญวัดหนึ่งของอำนาจเจริญ สร้างโดยช่างชาวญวน มีวิหารเก่าแก่ หรือที่ชาวบ้านเรียกกันว่า “วิหารญวน” เป็นอาคารที่มีระเบียงรอบ และมีเสาทำเป็นซุ้มโค้งล้อมรอบทั้ง 4 ด้าน เชิงชายทำด้วยไม้ฉลุลายสวยงาม มีบันไดทางขึ้น 2 ทางอยู่ด้านข้างวิหาร ภายในวิหารประดิษฐานพระศรีโพธิ์ชัย พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะลาว สร้างโดยช่างชาวญวนเช่นเดียวกับวิหาร เป็นพระพุทธรูปที่นับถือกันว่าศักดิ์สิทธิ์ ผู้ที่มากราบไหว้เชื่อกันว่าจะประสบความสำเร็จในหน้าที่การงานและการศึกษาเล่าเรียน ภายในวิหารยังเก็บรักษาวัดถุโบราณมากมาย ได้แก่ เสลี่ยงช้างเจ้าเมือง พระพุทธรูปไม้ ตู้พระไตรปิฏก โฮงฮดไม้แบบโบราณ ใบลานเทศนาภาษาขอม ฯลฯ ที่ตั้ง : ตำบลศรีโพธิ์ชัย อำเภอเมือง จังหวัดอำนาจเจริญ 4.วัดพระเหลาเทพนิมิต ความพิเศษของวัดนี้คือเป็นวัดเดียวในอำนาจเจริญที่มีพระอุโบสถหรือสิม ที่มีลักษณะผสมผสานระหว่างสถาปัตยกรรมล้านนาและรัตนโกสินทร์ ภายในประดิษฐานพระประธานคือ พระเหลาเทพนิมิต พระพุทธรูปมารวิชัย ศิลปะลาว สกุลช่างเวียงจันทน์ ที่ได้รับอิทธิพลศิลปะล้านนาและศิลปะท้องถิ่น ถือเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของอำนาจเจริญ ว่ากันว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดองค์หนึ่งในภาคอีสาน จนได้รับการขนานนามว่าเป็น “พระพุทธชินราชแห่งภาคอีสาน” เลยทีเดียว ตามตำนานเชื่อกันว่ามีเทวดามาช่วยสร้าง ทำให้องค์พระมีความงดงามดุจหล่อเหลาด้วยมือของเทวดา จึงได้ชื่อว่า “พระเหลา” นั่นเอง ที่ตั้ง : ตำบลพนา อำเภอพนา จังหวัดอำนาจเจริญ (ห่างจากตัวเมืองอำนาจเจริญประมาณ 40 กิโลเมตร) 5. วัดสุทธิกาวาส วัดนี้เป็นวัดเก่าแก่ของจังหวัดอำนาจเจริญ ภายในมีพระธาตุนาป่าแซง ซึ่งจำลองมาจากพระธาตุพนมองค์เดิม (ก่อนที่จะพังลง) เป็นพระธาตุศักดิ์สิทธิ์และเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุถึง113 องค์ ซึ่งได้บรรจุไว้ที่บริเวณยอดพระธาตุและกลางพระธาตุ นอกจากนี้ภายในวัดยังมีสวนพุทธอุทยาน 12 นักษัตร ซึ่งเป็นสถานที่ปฎิบัติธรรมตามราศีเกิด มีที่นี่เพียงแห่งเดียวเท่านั้น ที่ตั้ง : ตำบลนาป่าแซง อำเภอปทุมราชวงศา จังหวัดอำนาจเจริญ
ยลวัดเก่า ชมสิม เยือนถิ่นอิสาน @อำนาจเจริญ อ่านเพิ่มเติม