สถานที่ท่องเที่ยว

เก็บสตางค์แล้วไปสตูล

เก็บสตางค์แล้วไปสตูล…ทะเลแหวก สันหลังมังกร จังหวัดสตูล การเดินทางมาเที่ยวสันหลังมังกรนี้ จะขึ้นอยู่กับสภาพอากาศและระดับขึ้น-ลงของน้ำทะเล แนะนำให้โทรเช็คกับทางชุมชนก่อนเดินทางจะดีกว่าค่ะ แต่เท่าที่สอบถามกับไกด์แจ้งว่าน้ำทะเลจะลดระดับวันละ 2 รอบ นั่นก็คือ ช่วงเช้าและช่วงเย็น แต่ช่วงเวลาอาจจะต่างกันในแต่ละวัน ส่วนกลุ่มเราเลือกที่จะมาช่วงเย็นกันค่ะ เพราะจะได้เห็นแสงอ่อนๆของดวงอาทิตย์ อีกอย่างคือไม่ร้อนด้วยค่ะ แหะๆ  เรือพร้อมแล้ว ไปกันเลยค่ะ! ลืมบอกไปว่า เดินทางรอบนี้ไม่ได้ไปที่สันหลังมังกรที่เดียวนะคะ ยังมีจุดให้แวะจอดเที่ยวด้วยค่ะ อย่างที่นี่คือ หาดหินเหล็ก มองไกลๆ คล้ายโขดหินธรรมดา แต่เข้าไปดูใกล้ๆแล้วมันคือเหล็กจริงๆ ค่ะ ต้องใช้ความระมัดระวังในการเดินชมมาก ไม่งั้นจะโดนบาดได้ค่ะ  นอกจากหาดหินเหล็กแล้ว เกาะนี้ยังมีจุดชมวิว ที่เรียกว่า ผานางคอย เดินขึ้นเนินเขามา ก็พอเรียกเหงื่อได้นิดหน่อยมองเห็นบรรยากาศรอบๆได้ 360 องศาเลยค่ะ จากนั้นไกด์ก็พาเรามุ่งหน้าไปที่สันหลังมังกรกันค่ะ เวลาที่เราไปช่วงนั้นก็ประมาณ 5 โมงเย็น น้ำทะเลลดระดับ สันหลังมังกรโผล่พ้นน้ำมาแล้ว ยิ่งเจอแสงแดดอ่อนๆ กระทบกับเปลือกหอย ทำให้ยิ่งดูเหมือนเกล็ดมังกร และช่วงที่เราไปถึงมีแต่กลุ่มพวกเราเอง ไม่มีคนอื่นเลย เหมือนเป็นชายหาดส่วนตัวของพวกเราเลยค่ะ บรรยากาศดีมากๆ นั่งถ่ายภาพ กินลม ชมบรรยากาศกันซักพักนึง ก่อนกลับ ปิดท้ายด้วยภาพมุมสูง แบบกรุ๊ปช็อต ดูแล้วมันสตรองมากค่ะ เห็นส่วนหางของสันหลังมังกรได้ไกลเลย…. พอได้เวลาอันสมควร ใกล้มืดแล้ว ก็นั่งเรือกลับท่าเรือบากันเคย เป็นอันจบทริปสั้นๆ….. โปรดติดตามตอนต่อไป ว่าเราจะพาไปที่ไหนนะคะ

เก็บสตางค์แล้วไปสตูล อ่านเพิ่มเติม

นครสวรรค์ in heaven … กราบไหว้องค์พระ สักการะเทพเจ้า

นครสวรรค์ หรือเมืองปากน้ำโพ เป็นอีกทางเลือกหนึ่งที่มีความผสมผสานกันอย่างลงตัวทั้งวิถีชีวิตชาวไทย และพี่น้องเชื้อสายจีน ดังจะเห็นได้จากประเพณีแห่เจ้าที่ยิ่งใหญ่ของจังหวัด เริ่มต้นสายบุญกันที่ “วัดคีรีวงศ์” ด้วยพื้นที่กว่า 280 ไร่ ตั้งอยู่บนเขาดาวดึงส์ อำเภอเมือง โดดเด่นด้วยพระจุฬามหาเจดีย์สีทองอร่าม ภายในฐานพระเจดีย์ชั้น 4 มีพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของไทยไว้ให้สักการะบูชา ทั้งพระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร(พระแก้วมรกต) พระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธโสธรจำลอง และพระพุทธรูปหล่อหลวงพ่อวัดไร่ขิง จากจุดดังกล่าวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ของเมืองนครสวรรค์ได้ในระยะไกล ไม่ว่าจะเป็นเขากบ บึงบอระเพ็ด ตลาดปากน้ำโพ อุทยานสวรรค์ ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา หรือแม้แต่ภูเขาน้อยใหญ่ทางทิศตะวันตกที่ทอดตัวตระหง่าน ยิ่งยามเย็นเมื่อตะวันลับเหลี่ยมยอดเขาหลวง ทำให้รู้สึกว่าสวรรค์นั้นอยู่ไม่ไกล วัดศรีอุทุมพร หรือ วัดวังเดื่อ อยู่ที่ตำบลหนองกรด อำเภอเมือง เป็นวัดที่ชาวนครสวรรค์ให้ความเคารพศรัทธา โดยเฉพาะหลวงพ่อจ้อย จนฺทสุวณฺโณ อดีดเจ้าอาวาส ผู้ได้รับสมญานามว่าเป็นเทพเจ้าแห่งเมืองปากน้ำโพ เนื่องจากเป็นพระนักพัฒนาผู้เปี่ยมไปด้วยเมตตา ภายในวัดตกแต่งด้วยศิลปกรรมปูนปั้นที่อ่อนช้อยสวยงาม เป็นรูปช้างสามเศียร พญานาค และพญายักษ์อยู่ระหว่างประตูทางเข้า ภายในพระอุโบสถประดิษฐานองค์หลวงพ่อพระประธานและพระสรีรสังขารของหลวงพ่อจ้อยที่ไม่เน่าเปื่อยให้ประชาชนและนักท่องเที่ยวได้สักการบูชา พระพุทธชินสีห์ วัดศรีอุทุมพร วัดป่าสิริวัฒนวิสุทธิ์ หรือวัดพระพี่นาง เป็นวัดในสมเด็จพระเจ้าพี่นางเธอ เจ้าฟ้ากัลยาณิวัฒนา กรมหลวงนราธิวาสราชนครินทร์ ตั้งอยู่ที่ตำบลทำนบ อำเภอท่าตะโก โดดเด่นด้วยเจดีย์ศรีพุทธคยาอันเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ โดยจำลองแบบสถาปัตยกรรมและงานพุทธศิลป์มาจากเจดีย์พุทธคยา เมืองคยา รัฐพิหาร ประเทศอินเดีย และสถาปัตยกรรมต่างๆ ที่แฝงแนวความคิดไว้ด้วยปริศนาธรรม และธรรมคติให้เป็นแหล่งเรียนรู้แก่เยาวชนและสาธุชนทั้งหลาย  เจดีย์ศรีพุทธคยา เฉลิมพระเกียรติ ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์- เจ้าแม่ทับทิม หรือศาลเจ้าพ่อแควใหญ่ ถือเป็นศูนย์รวมศรัทธาไทย-จีน ที่สร้างขึ้นมาอย่างยาวนาน และเป็นต้นกำเนิดของงานประเพณีแห่เจ้าที่เลื่องชื่อของชาวปากน้ำโพ ตัวศาลเจ้าตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ตรงข้ามตลาดปากน้ำโพ เป็นอาคารตึกครึ่งไม้สีแดงรูปทรงมีลักษณะเป็นเก๋งจีน หลังคาประดับด้วยมังกรคู่ชูลูกแก้วปลายสันหลังคาที่ทอดยาวลงมาสร้างเป็นหัวมังกร ภายในประดิษฐานองค์เทพเจ้าปึงเถ่ากง ด้านขวาเป็นเทพเจ้ากวนอู ด้านซ้ายประดิษฐานเจ้าแม่ทับทิม ชาวนครสวรรค์มักแวะเวียนมากราบไหว้ขอพรบารมีจากเจ้าแม่ให้คุ้มครอง และขอให้มีโชคลาภตลอดทั้งปี เทพเจ้ากวนอู ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์- เจ้าแม่ทับทิม ปิดท้ายการทำบุญไหว้พระด้วยการถ่ายภาพร่วมกับรูปปั้นมังกรขนาดใหญ่ ทอดตัวยาวตัดกับท้องฟ้าสีสดดูน่าเกรงขาม สัญลักษณ์แห่งเมืองนครสวรรค์ที่สวนสาธารณะ “หนองสมบุญ” หรือที่รู้จักกันในนาม “อุทยานสวรรค์” เพื่อเป็นสิ่งให้ระลึกนึกถึง ว่าครั้งหนึ่งเคยได้แวะมาเมืองแห่งสวรรค์แห่งนี้ … “นครสวรรค์”

นครสวรรค์ in heaven … กราบไหว้องค์พระ สักการะเทพเจ้า อ่านเพิ่มเติม

10 สถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตก สุดแจ่ม!

1.หาดทรายรี เกาะเต่า จ.สุราษฎร์ธานี เกาะสวรรค์สำหรับนักดำน้ำ ไม่ต้องพูดถึงน้ำทะเลและปะการัง เพราะสวยงามมากมายเคยติดอันดับโลกมาแล้ว ทีเด็ดอีกอย่างคือการรอชมพระอาทิตย์ตกกลางทะเลบริเวณหาดทรายรี วันไหนฟ้าเปิด เมฆน้อยๆรับรองจะได้เห็นไข่แดงกลมโตตกกลางทะเลให้ได้ถ่ายภาพสวยๆกันอย่างแน่นอน ช่วงเวลาที่น่าเที่ยวเกาะเต่าตั้งแต่เมษายน-ตุลาคมของทุกๆปี 2.สะพานแขวนสมโภชกรุงรัตนโกสินทร์ 200 ปี จ.ตาก ถือว่าเป็นจุดชมวิวริมแม่น้ำปิงที่สวยงามที่สุดของ จ.ตาก เลยก็ว่าได้ โดยเฉพาะช่วงเวลาพระอาทิตย์ตก บริเวณโดยรอบสะพานยังมีสวนเฉลิมพระเกียรติ มีทั้งสวนสุขภาพ สนามกีฬาหลากหลายชนิดทอดขนานไปกับลำน้ำปิง รวมทั้งอาคารกิตติคุณสำหรับจัดกิจกรรมต่างๆ ในปัจจุบันสะพานแขวนและสวนเฉลิมพระเกียรติฯ แห่งนี้คือสถานที่ที่จังหวัดตากใช้จัดงานประเพณีลอยกระทงสายไหลประทีปพันดวง ซึ่งเป็นงานประเพณีประจำท้องถิ่นของจังหวัดตากที่มีเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร 3.ปากน้ำโพ จ.นครสวรรค์ บรรยากาศยามเย็นที่นี่ดูดีไม่น้อย ชมวิถีชีวิตของชาวนครสวรรค์ริมสายน้ำแหล่งต้นกำเนิดแม่น้ำเจ้าพระยา นั่งกินลมชมวิวหรือรับประทานอาหารเย็นอร่อยๆกับร้านอาหารริมแม่น้ำหลากหลายร้าน 4 ชั่วโมงจากรุงเทพฯ ว่างๆลองมาสัมผัสสักครั้งไม่ผิดหวังแน่นอน 4.อุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย เมืองเก่าโบราณของประเทศไทย จะนั่งรถราง หรือปั่นจักรยานชมรอบๆอุทยานฯก็ได้ โดยเฉพาะช่วงเวลาที่พระอาทิตย์กำลังจะตก บรรยากาศช่างสวยงามน่าหลงใหล ยิ่งถ้าเจอมุมดีๆ รับรองได้ภาพสวยๆไปอวดเพื่อนๆในโซเชี่ยลอย่างแน่นอน 5.อ่างเก็บน้ำห้วยเสนง จ.สุรินทร์ ใครว่าอีสานแห้งแล้ง ปัจจุบันบ่แม่นแล้วเด้ออ โดยเฉพาะเมืองสุรินทร์ถิ่นช้างใหญ่ มีแหล่งท่องเที่ยวหลากหลาย หนึ่งในนั้นคืออ่างเก็บน้ำห้วยเสนง แนะนำมาตอนเช้าๆ รอชมพระอาทิตย์ขึ้นเหนืออ่างเก็บน้ำอันกว้างใหญ่ วันไหนท้องฟ้าสดใส อากาศเป็นใจ จะได้เจอพระอาทิตย์ดวงโตๆ แสงสะท้อนน้ำสีทองอร่าม รับรองว่าได้กดซัตเตอร์กันแบบรัวๆเลยแหล่ะ 6.ริมแม่น้ำโขง อ.เชียงคาน จ.เลย บรรยากาศยามเย็นที่นี่บอกเลยว่า ฟิน!! สองฝั่งโขงไทย-ลาว เทือกเขาสุดสายตา หลังพระอาทิตย์ตกเป็นช่วงเวลาที่ทุกคนโปรดปราน เดินเล่น ถ่ายรูป เสร็จแล้วไปหาของกินอร่อยๆที่ถนนคนเดินเชียงคาน โดยเฉพาะช่วงวันหยุด เสาร์-อาทิตย์ จะคึกคักเป็นพิเศษ พี่พัก ร้านอาหาร ริมฝั่งโขง เก๋ๆเพียบ หน้าร้อนมานอนรับลมเล่นริมโขงสักวันวองวัน ก็ไม่เลวทีเดียว 7.สถานตากอากาศบางปู จ.สุทรปราการ แหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมใกล้กรุงเทพฯ ใครๆก็มาดูนกนางนวลที่นี่โดยเฉพาะช่วงเดือนพฤศจิกายน-เมษายน ของทุกๆปี นกนางนวลจะบินอพยบหนีหนาวมาจำนวนมาก ช่วงเวลาพระอาทิตย์กำลังจะตกหลายคนตั้งตารอชมแสงสีทองสะท้อนน้ำทะเล พระอาทิตย์ดวงกลมโต พร้อมกับฝูงนกนางนวลโบยบินกลับรัง ชมวิวเสร็จสามารถไปทานอาหารเย็นต่อได้ที่ร้านอาหารศาลาสุขใจ นั่งทานข้าวชมวิวเพลินๆ แล้วถ้าอยากนอนค้างสักคืนต่อ ปัจจุบันมีรีสอร์ทเปิดบริการแล้วหลายที่บริเวณใกล้เคียงสถานตากอากาศบางปู 8.อ่าวประจวบ จ.ประจวบคีรีขันธ์ แสงเช้าที่อ่าวประจวบ..ใครตื่นเช้าออกมารับลมทะเลเย็นๆรอชมพระอาทิตย์ขึ้นที่นี่ไม่ผิดหวังแน่นอน ช่วงนี้หน้าร้อนท้องฟ้าเปิด ยามเช้านี่แหล่ะตอบโจทย์ที่สุด บรรยากาศสวย อากาศไม่ร้อนมาก สายๆไปเล่นน้ำทะเลที่อ่าวมะนาว บริเวณอ่าวประจวบมีที่พัก ร้านอาหาร พร้อมบริการเพียบ 4 ชั่วโมงจากกรุงเทพฯ น่าสนใจมากๆกับอีกหนึ่งตัวเลือกการท่องเที่ยวในวันหยุดสุดสัปดาห์ 9.หนองทะเล จ.กระบี่ หนองทะเล เป็นหนองน้ำขนาดใหญ่ ไม่ไกลจากอ่าวนางมากนัก เป็นที่เที่ยวใหม่สำหรับนักถ่ายภาพเลยก็ว่าได้ ลักษณะเป็นหนองน้ำ มีภูเขาหินปูนล้อมรอบ ดวงอาทิตย์ขึ้นจากด้านหลังแนวเทือกเขา เมื่อแสงอาทิตย์พ้นแนวภูเขากระทบกับหมอกและน้ำอันสงบนิ่งยามเช้าสวยงามมากๆ เพราะฉะนั้นต้องไปสัมผัสด้วยตาสักครั้งนึงในชีวิต 10.สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง รู้หรือไม่..สะพานเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา จ.พัทลุง เป็นสะพานที่ยาวที่สุดของประเทศไทยตอนนี้ ตัวสะพานนี้ทอดยาวบนทะเลน้อย เชื่อมระหว่างอำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลา ทำให้ทัศนียภาพโดยรอบเป็นเวิ้งน้ำกว้างไกล สามารถเห็นทะเลบัวแดงในช่วงเช้า ในช่วงสายก็จะพบกับเหล่าควายน้ำ นกน้ำ ออกมาหากิน และไฮไลท์คือช่วงเย็นเส้นทางนี้ยังได้ชื่อว่าเป็นจุดถ่ายภาพพระอาทิตย์ที่สวยที่สุดเลยก็ว่าได้

10 สถานที่ชมพระอาทิตย์ขึ้น-พระอาทิตย์ตก สุดแจ่ม! อ่านเพิ่มเติม

หนีร้อน มาพึ่งเย็นที่ท่าปอมคลองสองน้ำ จังหวัดกระบี่

หนีร้อน มาพึ่งเย็นที่ท่าปอมคลองสองน้ำ ท่าปอมคลองสองน้ำ ตั้งอยู่ที่ตำบลเขาคราม อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ ระยะทางห่างจากตัวเมืองกระบี่ประมาณ 24 กิโลเมตรท่าปอมคลองสองน้ำถือเป็นป่าพรุที่มีความอุดมสมบูรณ์และร่มรื่นมาก น้ำที่นี่ใสกริ๊ก แต่ที่เห็นเป็นสีเขียวอ่อนๆ เพราะมีสารละลายหินปูนหรือแคลเซียมคาร์บอเนต และกำมะถันปนอยู่ บางช่วงเวลาจะมีน้ำทะเลหนุนเข้ามารวมกับน้ำจืดในคลองท่าปอม และเกิดเป็นน้ำกร่อย จึงเป็นที่มาของชื่อ ท่าปอมคลองสองน้ำ รากไม้ที่แตกแขนงคดเคี้ยวไปมา ดูแปลกตาแต่ก็สวยงามไปอีกแบบ นักท่องเที่ยวที่มาใช้บริการ ต้องเสียค่าบริการคนละ 20 บาท จุดเล่นน้ำมีจุดเดียว อยู่ใกล้กับจุดเสียค่าบริการ บอกเลยว่าน้ำเย็นเจี๊ยบ จนอยากจะนอนแช่ไปทั้งวัน แต่ๆๆ ที่นี่เขามีกฎในการลงเล่นน้ำ ห้ามน้ำอาหาร เครื่องดื่ม สบู่ ยาสระผมเข้าไป ห้ามกระโดดเล่นน้ำเสียงดัง ขอความร่วมมือทุกคนควรปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดด้วยนะ จุดอื่นๆถึงจะลงเล่นน้ำไม่ได้ แต่ก็สามารถนั่งชิวเอาเท้าจุ่มน้ำ ถ่ายรูปเล่นได้ตามอัธยาศัย มีทางเดินเป็นสะพานยกระดับโดยรอบ และยังเป็นเส้นทางศึกษาธรรมชาติอีกด้วย

หนีร้อน มาพึ่งเย็นที่ท่าปอมคลองสองน้ำ จังหวัดกระบี่ อ่านเพิ่มเติม

เยือน (วัด) ภูเก็ต ณ เมืองน่าน

เยือน (วัด) ภูเก็ต ณ เมืองน่าน วัดภูเก็ต อยู่ตำบลวรนคร อำเภอปัว ที่ชื่อวัดภูเก็ตเป็นการเรียกชื่อตามหมู่บ้านที่ชื่อว่า “หมู่บ้านเก็ต” และเนื่องจากเป็นวัดตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งทางเหนือ เรียกว่า “ดอย” หรือ “ภู” จึงมีชื่อว่า “วัดภูเก็ต” หมายถึง วัดบ้านเก็ตที่อยู่บนภู หรือ ดอย จุดเด่นของวัดนี้มีระเบียงชมวิวด้านหลังวัด ติดกับทุ่งนากว้าง พร้อมด้วยฉากหลังเป็นภูเขาของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา อีกทั้งยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่งดงามอีกแห่งหนึ่ง ด้านล่างมีแม่น้ำไหลผ่าน ทางวัดได้จัดให้เป็นเขตอภัยทาน สามารถให้อาหารจากลานข้างบน ผ่านท่อไหลลงไปให้กับฝูงปลาได้ บริเวณวัดมีอุโบสถทรงล้านนาประยุกต์ จิตรกรรม ฝาผนังสามมิติ ประดิษฐาน “หลวงพ่อแสนปัว หรือ หลวงพ่อพุทธเมตตา” หันพระพักตร์ไปทางทิศตะวันออก นอกจากนี้ ทางวัดยังสร้าง ภูเก็ตสนธยา เทมเพิล สเตย์ เป็นอาคารที่พักที่มีลักษณะเป็นโรงแรมธรรมะ สำหรับผู้ที่มาปฎิบัติธรรมร่วมกับทางวัด ในวันสำคัญทางศาสนา เช่น วันวิสาขบูชา วันเข้าพรรษา วันมาฆบูชา ได้ทำบุญตักบาตร และยังได้ศึกษาวิถีชีวิตของพระ เณร เหตุที่เรียกว่าเทมเพิล สเตย์ เพราะที่นี่จัดห้องพักลักษณะเดียวกับโรงแรม มีเครื่องใช้ภายในห้องเหมือนโรงแรมทั่วไป มีห้องพักรวม ซึ่งรองรับผู้เข้าพักได้ถึง 60 คน และห้องเดี่ยว สำหรับรองรับผู้เข้าพักอีก 8 ห้อง ตอนเช้ายังมีบริการอาหารเช้า (ข้าวต้ม) และกาแฟ ให้แก่ผู้เข้าพัก อาคารนี้มี 4 ชั้น 8 ห้องนอน โดยในชั้นที่ 4 จะเป็นห้องปฏิบัติธรรม ตัวโรงแรมสร้างอยู่ใต้โบสถ์บริเวณลานโบสถ์เป็นดาดฟ้า โรงแรมนี้ไม่มีจำหน่ายเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ซึ่งแตกต่างจากโรงแรมอื่น ช่วงปฏิบัติธรรมไม่ต้องเสียค่าเข้าพัก (หรืออาจบริจาควัดตามแต่จิตศรัทธา) ส่วนใครต้องการไปพักผ่อนนอกเหนือช่วงที่จัดปฏิบัติธรรมต้องเสียค่าเข้าพัก (ค่าบำรุงวัดและสถานที่) สอบถามข้อมูล โทร. 08 9552 4503, 08 4046 9745 การเดินทาง จากอำเภอปัวขับรถตรงไปกลับรถที่เทสโก โลตัส แล้วเลี้ยวซ้ายไปตามถนนโรงพยาบาลสมเด็จพระยุพราชปัว วัดภูเก็ต อยู่เยื้องกับโรงพยาบาล

เยือน (วัด) ภูเก็ต ณ เมืองน่าน อ่านเพิ่มเติม

นครพนม…นครแห่ง 8 พระธาตุประจำวันเกิด

หลายคนชอบบ่นว่าไปนครพนมไม่รู้จะไปไหนดี แล้วทุกคนรู้หรือไม่ว่า จ.นครพนมนั้น มีพระธาตุประจำวันเกิดทั้ง 7 วันไว้ในจังหวัดเดียว เหมาะสำหรับการเดินทางไป #ออมบุญ เป็นที่สุด พระธาตุพนมพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันอาทิตย์  ตั้งอยู่ที่ริมฝั่งแม่น้ำโขง อ.ธาตุพนม เป็นพระธาตุประจำปีเกิด ของคนเปิดปีวอก และเป็นพระธาตุประจำวันเกิดวันอาทิตย์ ซึ่งควรหาโอกาสมาสักการะเพื่อเสริมดวงชะตาและความเป็นสิริมงคล  สำหรับคนที่แม้ว่าจะไม่ได้เกิดปีวอก หรือวันอาทิตย์ ก็เชื่อว่าจะได้รับกุศลและผลบุญบารมี ทำการใดๆ ก็จะประสบความสำเร็จทั้งปวง ทั้งยังเชื่อว่าหากได้สักการะบูชาพระธาตุครบทั้ง 7 ครั้ง ก็จะได้เป็น “ลูกพระธาตุ” คาถาบูชา ให้บูชาองค์พระธาตุพนม ธูป 6 ดอก เทียน 2 เล่ม ท่องคาถาประจำวันเกิดว่า อะ วิช สุ นุต สา นุส ติ  งานนมัสการพระธาตุพนม จัดเป็นประจำทุกปีในช่วงเดือนกุมพาพันธ์ โดยถือเอาวันขึ้น 10 ค่ำ เดือน 3 เป็นวันแรกของงานและไปสิ้นสุดในวันแรม 1 ค่ำ เดือน 3 พระธาตุเรณูนคร พระธาตุประจำวันของคนเกิดวันจันทร์ ประดิษฐานอยู่ ณ วัดพระธาตุเรณู ใจกลางตัวอำเภอเรณูนคร ไม่ไกลจากพระธาตุพนม โดยจำลองมาจากพระธาตุพนมองค์เดิม แต่เล็กกว่า ภายในเจดีย์บรรจุพระไตรปิฎก พระพุทธรูปทองคำ พระพุทธรูปเงิน เพชรนิลจินดา หน่องา เครื่องกกุธภัณฑ์ของพระยาและเจ้าเมือง ยังมีสิ่งของที่ประชาชนนำมาบริจาค นอกจากนั้นยังได้บรรจุพระบรมสารีริกธาตุและพระอรหันต์ธาตุ เชื่อกันว่าผู้ที่ได้มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้มีวรรณะงดงามผุดผ่องดังแสงจันทร์ คาถาบูชา ให้บูชาองค์พระธาตุเรณู ธูป 15 ดอก เทียน 2 เล่ม ท่องคาถาประจำวันเกิดว่า อิ ระ ชา คะ ตะ ระ สา พระธาตุศรีคุณพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันอังคาร เป็นปูชนียสถานคู่บ้านคู่เมืองของชาวนาแก ประดิษฐานิยู่ในวัดพระธาตุศรีคูณ ไม่ไกลจากพระธาตุพนมมากนัก พระธาตุองค์ดังกล่าวมีลักษณะส่วนบนคล้ายพระธาตุพนม ต่างกันตรงที่ชั้นที่ 1 มี 2 ตอน เป็นรูปสี่เหลี่ยมประดับลวดลายปูนปั้น และชั้นที่ 2 สั้นกว่าพระธาตุพนม เชื่อกันว่าผู้ที่ได้ไปนมัสการพระธาตุแห่งนี้จะได้รับอานิสงส์ให้มีศักดิ์ศรีทวีคูณ คาถาบูชา ให้บูชาองค์พระธาตุศรีคุณ ธูป 8 ดอก เทียน 2 เล่ม ท่องคาถาประจำวันเกิดว่า ติ หัง จะ โต โร ถิ นัง พระธาตุมหาชัยพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันพุธ  พระธาตุมหาชัย มีปูชนียสถานที่สำคัญยิ่ง ตั้งอยู่ที่ วัดโฆสิตาราม ตำบลมหาชัย อำเภอปลาปาก ป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ และพระอรหันต์ สารีริกธาตุไว้ภายในองค์พระธาตุพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 และสมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถได้เสด็จพระราชดำเนิน ทรงประกอบพิธีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุไว้ที่พระธาตุมหาชัย เมื่อวันที่ 25 พฤษภาคม พ.ศ. 2518 ตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 6 ซึ่งเป็นวันวิสาขบูชาวัดนี้ยังเป็นที่จำพรรษาของพระสุนทรธรรมากร (หลวงปู่คำพันธ์ โฆสปัญโญ) พระเกจิอาจารย์สายวิปัสสนาที่สำคัญองค์หนึ่ง ซึ่งเป็นที่เคารพนับถือของชาวนครพนมและชาวอีสานทั่วไป เชื่อกันว่าผู้ที่ไปนมัสการพระธาตุมหาชัย จะประสบแต่ชัยชนะในชีวิต จะเป็นนักประสานสิบทิศ โอภาปราศรัยดี ค้าขายคล่อง พูดจามีคนเชื่อถือ คาถาบูชา ให้บูชาองค์พระธาตุมหาชัย ธูป 17 ดอก เทียน 2 เล่ม ท่องคาถาประจำวันเกิดว่า ปิ สัม ระ โล ปุ สุต พุท พระธาตุมรุกขนคร พระธาตุประจำวันของคนเกิดวันพุธกลางคืน  นับเป็นพระธาตุประจำวันเกิดแห่งที่ 8 ของจังหวัดนครพนม กล่าวกันว่าเป็นพระธาตุของคนเกิดวันพุธกลางคืนคือ พระราหูที่สถิตอยู่ ณ ต้นไม้ใหญ่ เป็นเทวดาดูแลท้องฟ้า ประจำอยู่ทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ณ เมืองมรุกขนคร ภายในพระธาตุเก็บรวบรวมวัตถุโบราณอันเป็นหลักฐานการดำรงชีวิตชาวนครพนมเมื่อ 100 กว่าปีก่อน เช่น ข้าวของเครื่องใช้ ซากปรักหักพังประตูวิหารโบราณ เก็บไว้ให้ศึกษาแต่ยังจัดแสดงไม่เป็นระบบ จึงได้แต่ดูผ่านๆ เท่านั้น จุดที่น่าสนใจ คือ ต้นไม้ศักดิ์สิทธิ์ที่บริเวณโคนต้นโอบล้อมด้วยปูนปั้นรูปพญานาค ซึ่งมีชาวบ้านนิยมไปขอพรบนบานกันมาก เชื่อกันว่าผู้ที่ได้มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้ประสบชัยชนะในชีวิต คาถาบูชา ให้บูชาองค์พระธาตุมรุกขนคร ธูป 12 ดอก เทียน 2 เล่ม ท่องคาถาประจำวันเกิดว่า คะ พุท ปัน ทู ทัม วะ คะ พระธาตุประสิทธิ์พระธาตุประจำวันเกิดวันพฤหัสบดี  พระธาตุประสิทธิ์ เดิมเป็นเจดีย์เก่าแก่ ชำรุดทรุดโทรม มีเถาวัลย์ปกคลุม ภายในอุโมงค์มีพระพุทธรูปเก่าแก่หลายองค์ ต่อมา พระธาตุประสิทธิ์ได้รับการบูรณะ โดยเลียนแบบพระธาตุพนม ในปี พ.ศ. 2515 ได้นำพระอุรังคธาตุของพระพุทธเจ้า และอรหันตธาตุรวม 7 องค์มาบรรจุไว้ในองค์พระธาตุ เชื่อกันว่าผู้ที่ได้มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้สัมฤทธิ์ผลในการปฏิบัติงาน ในวันขึ้น 10 ค่ำ ถึงวันที่ 15 ค่ำ เดือน 4 จะมีงานเทศกาลนมัสการพระธาตุประสิทธิ์ เป็นประจำทุกปี พระธาตุท่าอุเทนพระธาตุประจำวันของคนเกิดวันศุกร์  ห่างจากตัวจังหวัดนครพนม 26 กิโลเมตร ลักษณะเจดีย์จำลองมาจากพระธาตุพนม แต่มีขนาดเล็ก และ สูงกว่าพระธาตุพนม ภายในบรรจุพระธาตุของพระอรหันต์ ซึ่งพระอาจารย์ศรีทัตถ์ได้อัญเชิญมาจากเมืองย่างกุ้ง  เชื่อกันว่าผู้ที่ได้มานมัสการจะได้รับอานิสงส์ให้ชีวิตมีความรุ่งโรจน์ เปรียบเสมือนพระอาทิตย์ขึ้นยามรุ่งอรุณ คาถาบูชา ให้บูชาองค์พระธาตุท่าอุเทน ธูป 21 ดอก เทียน 2 เล่ม ท่องคาถาประจำวันเกิดว่า วา โธ โน

นครพนม…นครแห่ง 8 พระธาตุประจำวันเกิด อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวเมือง “ชา ละ วัน” ใน 1 วัน

พิจิตร จุดเชื่อมต่อระหว่างภาคเหนือตอนล่างและภาคกลางตอนบน เราจะใช้เส้นทางนี้ที่จะขึ้นภาคเหนือ ใน 1 วันที่พิจิตรเราก็อดไม่ได้ที่จะเข้าไปเยือนสถานที่ท่องเที่ยว สิ่งที่น่าสนใจมีอะไรให้เที่ยวกัน นอกจากเรื่องกินแล้วแอดมินก็สายบุญนะคะ แอ่วเหนือภาคกลางนิดเดียว ไม่ไกลเลยเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมงกว่าๆจากกรุงเทพโดยรถยนต์ หรือเพื่อนๆอยู่จังหวัดไม่ไกลแต่ยังไม่ได้เข้าไปเยือน ลองเเวะเข้าไปนะคะ มีอะไรให้เที่ยวมากกว่าเป็นทางผ่านอีก เช้ามืดนี้เราเดินทางออกจากกรุงเทพฯ เราแวะกันที่แรกสักการะหลวงพ่อเงิน วัดบางคลาน หรือ วัดหิรัญญาราม เดิมชื่อ วัดวังตะโก ริมแม่น้ำน่าน อยู่ที่อำเภอโพทะเล  หลวงพ่อเงินท่านมีชื่อเสียงโด่งดังมากและขึ้นชื่อวัตถุมงคลของชาวพิจิตรเลื่องลือทางด้านเมตตามหานิยม แคล้วคลาดปลอดภัย เป็นที่นิยมของเหล่าเซียนพระมากมายที่ต้องหามาบูชาเพื่อความเป็นสิริมงคล จุดที่น่าสนใจภายในวัดนี้คือ พิพิธภัณฑ์นครไชยบวร พิพิธภัณฑ์นครไชยบวร เป็นมณฑป 2 ชั้น ชั้นบนได้ประดิษฐานรูปหล่อเท่าองค์จริงหลวงพ่อเงิน เกจิอาจารย์ที่ประชาชนเคารพนับถือเป็นอย่างยิ่ง และท่านเคยจำพรรษาอยู่ที่วัดนี้ ส่วนชั้นล่าง จะจัดแสดงโบราณวัตถุต่างๆ เช่น พระพุทธรูป เครื่องปั้นดินเผา สามารถมาเที่ยวชมได้ทุกวันเปิดตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.00 น. เราเดินทางเข้าสู่อ.เมืองจึงพลาดไม่ได้ที่จะเเวะ วัดท่าหลวง อำเภอเมืองพิจิตร อยู่ริมฝั่งแม่น้ำน่านฝั่งตะวันตก ใกล้ศาลากลางจังหวัด สร้างขึ้นสมัยรัชกาลพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว เมื่อประมาณ พ.ศ.2388 ภายในอุโบสถประดิษฐานหลวงพ่อเพชร หลวงพ่อเพชร วัดท่าหลวง เรามาพิจิตรต้องไม่พลาดที่จะมากราบหลวงพ่อเพชร สวยงามอะไรเบอร์นี้คะถือว่าเป็นวัดสำคัญของเมืองพิจิตร งดงามมากค่ะ พระอุโบสถเปิดให้เข้านมัสการหลวงพ่อเพชรได้ทุกวันตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น. ออกมาไม่ไกลกันมากก็เดินทางมาที่ บึงสีไฟ อยู่ที่ตำบลในเมือง อำเภอเมืองพิจิตร เป็นแหล่งน้ำขนาดใหญ่อันดับสามของประเทศและยังเป็นบึงที่เพาะพันธุ์ปลาน้ำจืด โดยปกติประชาชนทั่วไปชาวพิจิตรหรือนักท่องเที่ยวต่างจังหวัดก็มาชมพระอาทิตย์ตกกันที่นี่ ถือว่าเป็นสถานที่พักผ่อน นั่งที่ศาลาริมน้ำชมสีของน้ำที่สะท้อนกับแสงพระอาทิตย์กำลังจะตกประหนึ่งว่าเป็นสีของไฟ สวยงามตามท้องเรื่องเลยค่ะเพื่อนๆ ส่วนของด้านหน้าบึงสีไฟนั้น เพื่อนๆก็จะเห็นรูปปั้นพญาชาละวันยักษ์ใหญ่ของที่นี่ อ้าปากให้เรามาแต่ไกล มาถึงแล้วก็ต้องแชะภาพคู่ด้วยกันหน่อยค่ะ เดี๋ยวหาว่าไม่ถึง บริเวณโดยรอบจะจัดทำเป็นสวนสมเด็จพระศรีนครินทร์ฯ พิจิตร สร้างขึ้นเพื่อเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระศรีนครินทราบรมราชชนนี เนื่องในวโรกาสพระชนมายุครบ 80 พรรษา วัดโพธิ์ประทับช้าง อำเภอโพธิ์ประทับช้าง วัดนี้แค่เห็นก็สะดุดตามากค่ะเป็นโบราณสถานเก่าแก่ที่ได้ขึ้นทะเบียนโดยกรมศิลปากรแล้ว สร้างสมัยสมเด็จพระสุริเยนทราธิบดี หรือพระพุทธเจ้าเสือ พระนามเดิมคือขุนหลวงสรศักดิ์ แห่งกรุงศรีอยุธยา คุณพระ! 300 ปีมาแล้ว พระเจ้าเสือทรงโปรดให้สร้าง เป็นอนุสรณ์ระลึกสถานที่พระองค์ประสูติ ณ สถานที่แห่งนี้ สิ่งที่ได้เห็นนั้น ขนาดของวัดนั้นค่อนข้างใหญ่ ซุ้มประตูวัดมีขนาดสูงใหญ่ มีกำแพงล้อมรอบ 2 ชั้นซึ่งเป็นศิลปะสมัยอยุธยา  ภายในอุโบสถมีพระพุทธรูปเป็นพระประธานประจำอุโบสถวัดโพธิ์ประทับช้างเรียกกันว่า “หลวงพ่อโต” ก่อนกลับแวะซื้อของฝากจากกลุ่มแม่บ้านเกษตรสามัคคีโพธิ์ประทับช้างได้เลยค่ะ ของเด็ดเมืองพิจิตร ส้มโอท่าข่อย หรือมีผลิตภัณฑ์แปรรูปเป็นส้มโอแก้วสี่รสเปรี้ยวปาก ฟินเฟ่อ!

เที่ยวเมือง “ชา ละ วัน” ใน 1 วัน อ่านเพิ่มเติม

ภูทอก บันไดไม้แห่งศรัทธาสู่ภูเขาแห่งธรรม

ภูทอก ตั้งอยู่ที่บ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ เป็นภูเขาหินทรายที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล เชิงภูทอกเป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก บันไดทางขึ้นภูทอกมี 7 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะเป็นสะพานไม้สลับกับบันไดไม้เวียนรอบเขา ตลอดทางเดินจะผ่านป่า โขดหิน และบางช่วงทางเดินจะลัดเลาะเรียบริมหน้าผา ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นหวาดเสียว การเดินบนสะพานไม้เลียบริมหน้าผา ควรเดินด้วยความระมัดระวัง ไม่วิ่งเล่นหรือยืนพิงระเบียงไม้ เพราะอาจเกิดอันตรายพลัดตกลงไปได้ แม้บางช่วงของทางเดินจะค่อนข้างหวาดเสียว แต่ทิวทัศน์สวยงามที่ได้ชมนั้นแสนจะคุ้มค่า มีลานหินริมหน้าผาสำหรับชมวิว มองลงไปจะเห็นเจดีย์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ตั้งเด่นสง่าอยู่เบื้องล่าง นอกจากนี้ยังมองเห็นบ้านเรือนของชาวบ้านในเขตอำเภอศรีวิไล ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกพืชไร่และยางพารา ไฮไลท์เด่นของภูทอก คือ พุทธวิหาร ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะแปลก คือ เป็นหินที่แยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่อย่างได้ฉากกับพื้นโลกพอดี คล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่พม่า ภูทอก เปิดให้ขึ้นไปชมทุกวัน และจะปิดในวันที่ 10-16 เมษายน ของทุกปี (ช่วงสงกรานต์) สำหรับการเดินทางจากตัวเมืองบึงกาฬ ใช้ทางหลวงหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล มีทางแยกซ้ายอีก 30 กิโลเมตร ผ่านบ้านอู่คำ บ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม บ้านแสงเจริญ สู่บ้านนาคำแคน ถึงภูทอก

ภูทอก บันไดไม้แห่งศรัทธาสู่ภูเขาแห่งธรรม อ่านเพิ่มเติม

ล่องแพพะโต๊ะ ผจญไพรไปกับสายน้ำเชี่ยว

ล่องแพพะโต๊ะ ผจญไพรไปกับสายน้ำเชี่ยว อำเภอพะโต๊ะของชุมพรเป็นพื้นที่ ธรรมชาติซึ่งได้ชื่อว่าดินแดนแห่งภูผาเขียว หมอกปก น้ำตกงาม มองไปทางไหนก็เห็น แต่ผืนป่าห่มปกทิวเขาสลับซับซ้อน จนเป็น บ่อเกิดของสายน้ำฉ่ำเย็นหลากหลายสาย จึงเป็นแหล่งที่จัดกิจกรรมล่องแพมานาน หลายสิบปี  โดยในอดีตเป็นการล่องแพ ไม้ไผ่ ทุกวันนี้เปลี่ยนเป็นแพท่อพลาสติก เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ทว่าความสนุก ตื่นเต้นของการล่องแพกลางสายน้ำเชี่ยว และความงามของพงไพรสองฟากฝั่งยังคง มีอยู่เต็มร้อย “การล่องแพพะโต๊ะ” ใช้เวลา ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ผ่านแก่งระดับความ แรง 1-3 ซึ่งถือว่าสนุก ไม่อันตราย สำหรับการมาล่องแพพะโต๊ะ นักท่องเที่ยวอาจเลือกพักแบบโฮมสเตย์ซึ่งอาศัยอยู่กินกับชาวบ้าน หรือพักกับรีสอร์ทเอกชนก็ได้แล้ว ใช้บริการล่องแพของบริษัทเอกชนที่ให้บริการในอำเภอพะโต๊ ค่าล่องแพประมาณคนละ 450-500 บาทรวมอาหาร มื้อ ใช้เวลาล่องแพประมาณ 2-3 ชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติมที่ – เทศบาลตำบลพะโต๊ะ บริการล่องเรือยาง โทร. 0 7753 9072– ชมรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าต้นน้ำพะโต๊ะ โทร. 08 7821 8700-ที่ทำการปกครองอำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โทร 0 7753 9040, 0 7753 9240, 08 1979 1448, 08 2326 3688, 08 5472 8300

ล่องแพพะโต๊ะ ผจญไพรไปกับสายน้ำเชี่ยว อ่านเพิ่มเติม

รวม 7 ที่เที่ยวเด็ดๆของหนองบัวลำภู

พูดถึงหนองบัวลำภู..คุณคิดถึงอะไร? ถ้าคุณเป็นอีกคนที่อยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ลองไปเที่ยวสถานที่ใหม่ๆ จังหวัดใหม่ๆ ลองมาเที่ยวหนองบัวลำภูดูไหม! บางทีคุณอาจหลงเสน่ห์เมืองนี้ก็ได้ แอดมินรวม 7 ที่เที่ยวเด็ดๆของหนองบัวลำภูมาให้ดูกัน อยากรู้ว่ามีที่ไหนบ้างต้องตามมาๆ 1.อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ  พื้นที่ครอบคลุมริมทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิงเขาภูพานคำ เขตอำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 2 แห่ง คือ ภูเก้าและภูพานคำ  ภูพานคำ เป็นทิวเขาด้านตะวันออกของลุ่มน้ำพอง และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ตอนบนมีทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ นักท่องเที่ยวสามารถพักแรมโดยกางเต็นท์เต็นท์ บ้านพักอุทยานฯหรือพักบริเวณศาลาพักแรมของกรมประชาสงเคราะห์บริเวณทะเลสาบท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ ภูพานคำนี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและเป็นแหล่งตกปลาที่มีชื่อเสียงของจังหวัด  ส่วนภูเก้า ประกอบด้วยภูเขา 9 ลูก คือ ภูฝาง ภูขุมปูน ภูหัน ภูเมย ภูค้อหม้อ ภูชั้น ภูเพราะ ภูลวก และภูวัด ทั้ง 9 ลูกนี้มีความสลับซับซ้อนมาก ประกอบด้วยป่าไม้ สัตว์ป่านานาชนิด ถ้ำ น้ำตก ลานหินลาด และหินลักษณะแปลกๆ มีภาพแกะสลักของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีศาลาบนยอดหินที่เรียกว่าหอสวรรค์ สามารถชมวิวได้ นอกจากนี้ยังมีวัดพระพุทธบาทภูเก้า ซึ่งปรากฏรอยเท้าคนและสุนัขขนาดใหญ่สลักบนหินอันเกี่ยวโยงกับนิทานพื้นบ้านเรื่อง พระสุพรหมวิโมขากับหมาเก้าหาง 2.อ่างเก็บน้ำห้วยวังผา ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านไทยนิยม ต.วังทอง อ.นาวัง แยกจากทางหลวงหมายเลข 210 หนองบัวลำภู-เลย ถึงหลัก กม.34 เลี้ยวซ้าย (มุ่งหน้าไปทางจังหวัดเลย) เข้าไปประมาณ 3 ก.ม. จะพบเห็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามมีภูเขาล้อมรอบมองเห็นดอกไม้เบ่งบานตามสันอ่าง ฝูงนกจำนวนมากที่บินมาอาศัยที่ภูชำน้อย เหมาะแก่การล่องแพชมนก ชมไม้ และทิวทัศน์ ปัจจุบันมีเรือนแพให้บริการแก่นักท่องเที่ยวกว่า 60 เรือน พร้อมด้วยอาหารและเครื่องดื่มครบครัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ อบต.วังทอง โทร. 042 315 865 3.วัดถ้ำกลองเพล  ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง เป็นวัดป่าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดหนองบัวลำภู มีพื้นที่ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีหน้าผาที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ภายในถ้ำเคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์หลวงปู่ขาวอนาลโย ปี 2526 มีการสร้างพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารของหลวงปู่ขาวให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปสักการะ การเดินทางจากตัวเมืองตามทางหลวงหมายเลข 210 (เส้นหนองบัวลำภู-อุดรธานี) ไปประมาณ 15 กิโลเมตร 4.ถ้ำผาเจาะ  ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 บ้านผาเจาะ ต.เทพคีรี อ.นาวง จ.หนองบัวลำภู เป็นถ้ำที่มีลักษณะเหมือนถูกเจาะหน้าผา แต่จริงๆ แล้วเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อขึ้นไปด้านบนแล้วจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์บริเวณบ้านผาเจาะและอำเภอนาวังได้ บนยอดถ้ำผาเจาะมีองค์พระองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่เพื่อให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา ภายในถ้ำเข้าไปชมด้วยความลำบากเนื่องจากภายในถ้ำเป็นหุบเหว ตามตำนานเล่ากันว่า ในสมัยที่สร้างพระธาตุพนมมียักษ์กุมภัณฑ์ตนหนึ่งเตรียมสิ่งของใส่ตะกร้าไว้มากมายเพื่อจะมาบรรจุในพระธาตุพนม แต่ระหว่างทางได้พบกับยักษ์อีกตนที่ผาเจาะแห่งนี้ยักษ์ตนนั้นแจ้งว่า พระธาตุพนมสร้างเสร็จแล้ว ยักษ์กุมภัณฑ์เสียใจมากจึงทิ้งตะกร้าไว้ที่นี่ก็เลยกลายเป็นผาเจาะ การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 210 (อุดรธานี-นาวัง) ห่างจากตัวเมืองหนองบัวลำภูประมาณ 40 กิโลเมตร พอถึงบ้านผาเจาะให้แยกซ้ายเข้าไปวัดพุทธบรรพตประมาน 500 เมตร 5.สิมไม้วัดเจริญทรงธรรม  ตั้งอยู่บ้านดอนปอ ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง เป็นสิมที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง รูปร่างกะทัดรัด ขนาดกว้างและยาวไล่เลี่ยกัน หลังคาสูงโปร่งทำให้บรรยากาศภายในเย็นสบาย มีลวดลายแกะสลักไม้สวยงามทั้งบนหลังคาและหน้าจั่วที่แกะสลักเป็นรูปพญาครุฑ การเดินทางมาสิมไม้วัดเจริญทรงธรรม ใช้เส้นทางหนองบัวลำภู-สร้างเสี่ยน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 30 กิโลเมตร 6.ถ้ำเอราวัณ  ตั้งอยู่บ้านผาอินแปลง ต.วังทอง อ.นาวัง และรอยต่อของ อ.วังสะพุง จ.เลย ตั้งอยู่บนเขาที่มีลักษณะเป็นหินแข็งที่มีกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งถ้ามองจากที่ไกลๆจะเห็นมีลักษณะเหมือนช้างกำลังหมอบ เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีบันไดเรียงคดโค้งไปมา จากเชิงเขาเบื้องล่างขึ้นสู่ปากถ้ำกว่า 600 ขั้น มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ อยู่บริเวณปากถ้ำ มองเห็นได้เด่นชัดจากระยะไกล ภายในถ้ำเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ที่เป็นสถานที่แห่งตำนานนิยายพื้นบ้านเรื่อง “นางผมหอม” มีหินงอกหินย้อยสวยงาม หลวงพ่อพระพุทธชัยศรีมุนีศรีโลกนาถอันเป็นพระพุทธรูปศักดิ์คู่บ้านคู่เมือง หรือจะเป็นบันไดสวรรค์ซึ่งเป็นบันไดที่จะพบตอนเดินขึ้นไปยังถ้ำ 621 ชั้นที่ลัดเลาะเลี้ยวไปตามไหล่เขาพร้อมศาลาพักชมวิวทั้งหมด 3 แห่งตลอดเส้นทางนั้น อีกทั้งยังมีกองหินวงเป็นรูปร่างคล้ายเจดีย์โดยมีเรื่องเล่าต่อๆกันมาเป็นความเชื่อว่าถ้าหากใช้หินมาก่อเป็นรูปเจดีย์ 9 ชั้นแล้วจะนำความโชคดีมาให้ เมื่อได้ขึ้นมาที่บริเวณบนหลังคาถ้ำก็จะได้พบกับปล่องดาว 3 ปล่องที่แสงสว่างสามารถส่องลอดเข้ามาถึงได้ เมื่อเดินต่อมาเรื่อยๆก็จะพบกับหินรูปพญาช้างนั่งคุกเข่าซึ่งมีเรื่องเล่าสืบต่อถึงที่มาว่าพญาช้างได้ตรอมใจตายและสาปตัวเองให้เป็นหิน นอกจากนี้ยังมีหินรูปทรงต่างๆอีกมากมาย อาทิ หินนางผมหอม เห็ดหิน อ่างหิน เป็นต้น 7.วัดถ้ำสุวรรณคูหา  หรือชาวในพื้นที่เรียกว่า “วัดถ้ำ” เป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และทางโบราณคดีของจังหวัด วัดตั้งอยู่บริเวณภูเขาลูกหนึ่งภายในมีถ้ำน้อยใหญ่หลายถ้ำ ถ้ำที่สำคัญได้แก่ ถ้ำใหญ่ ถ้ำแจ้ง ถ้ำมือและถ้ำแก้ว เวลาเข้าถ้ำจะต้องผ่านถ้ำใหญ่ก่อนเสมอและใช้เป็นวิหารของวัด มีพระพุทธรูปปูนปั้นต่างๆ ประดิษฐานอยู่จำนวนหลายองค์ ที่สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ ขนาดยาว 7 วา 2 ศอก มีพระปรมาภิไธยย่อของพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์หลายพระองค์ รวมถึงโบราณวัตถุและรูปพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งเมืองเวียงจันทน์ด้วย สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเข้าเยี่ยมชมสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไปยัง วัดถ้ำสุวรรณคูหา บ้านคูหาพัฒนา หมู่ที่ 7 ต.นาสี อ.สุวรรณคูหา เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 – 16.30 น.

รวม 7 ที่เที่ยวเด็ดๆของหนองบัวลำภู อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top