สถานที่ท่องเที่ยว

ล้มบนฟูก Home&Cafe @สระบุรี

บ้านล้มบนฟูก Home & Cafe ร้านเเบ่งเป็น 2 โซน ในส่วนของ Indoor จะเป็นโซนห้องแอร์ กว้างขวาง มีเคาน์เตอร์สำหรับสั่งขนมและเครื่องดื่มต่างๆ ใครอยากนั่งชิลแบบเย็นฉ่ำก็เลือกนั่งกันได้สบายๆ เลย แต่สำหรับไฮไลท์ของที่นี่ต้องโซนถัดไปเลยค่ะ โซน outdoor บรรยากาศร่มรื่นใต้ต้นจามจุรี ริมแม่น้ำป่าสัก พร้อมฟูกและหมอนสามเหลี่ยมสีฟ้าสดใส ที่มาของชื่อร้าน “ล้มบนฟูก” นั่นเอง แค่เห็นก็น่าล้มตัวลงไปนอนมากๆ แล้ว จะนั่งหรือจะนอนก็ทำได้ตามสบาย สมกับเป็นสถานที่รวมพลคนขี้เกียจจริงๆ เลยค่ะ ฮ่าๆๆ  ใครอยากชิลเงียบๆ แนะนำมาวันธรรมดาค่ะ ถ้ามาวันหยุดขอบอกว่าเต็มทุกที่นั่งเลยล่ะ พระเอกของเรามาแล้ว มะม่วงน้ำดอกไม้ ครัมเบิ้ลเค้ก บอกเลยว่ามันดีต่อพุงอะค่ะ ^^ หอม เปรี้ยว หวาน กลมกล่อมกำลังดี ถ้าใครมาที่นี่ต้องลองสั่งมาทานกันดูนะคะ รับรองติดใจแน่นอน.สำหรับเมนูขนมอื่นๆ ยังมีให้ได้ลองกันอีกหลายเมนู เช่น ครัวซองต์แฮมชีส / มัลฟินฟักทองแอลมอนด์ / เค้กกล้วยน้ำว้าตาก และอิงลิชสโตน แยมมะม่วงหาวมะนาวโห่  ส่วนเมนูเครื่องดื่มที่เราสั่งมานั้นก็คือ ชาวานิลลาลูกตาลเชื่อม ชากลิ่นวานิลลามีลูกตาลเป็นท้อปปิ้ง มีเนื้อให้เคี้ยวเล่นหนึบหนับ รสชาติไม่จนหวานเกินไป เมนูนี้แนะนำเลย ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมนูที่อยากให้เพื่อนๆ มาลิ้มลองยังมีอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ น้ำตะไคร้ว่านหางจระเข้ น้ำมะตูมน้ำผึ้ง และน้ำผึ้งมะนาว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟ ก็มีให้เลือกหลายสไตล์ อย่างแก้วนี้ชื่อว่า “ป้าเพ็ญ” ไม่ใช่ชื่อของผู้ใดทั้งสิ้นแต่เป็นชื่อเมนูต่างหาก เป็นกาแฟดำ + นม ก็จะได้ความมันของนมผสมกับกาแฟสกัดเย็น นอกจากนั้นก็ยังมีเมนูกาแฟชื่อเก๋อีก เช่น “ลุงหนวด” เป็นกาแฟดำล้วน “น้องกิ๊ฟ” เป็นกาแฟ + นม + คาราเมล เจ้าถิ่นหลับปุ๋ย ^^ ดูบรรยากาศ…ชิลแค่ไหนคิดดู สบายสุด ^^

ล้มบนฟูก Home&Cafe @สระบุรี อ่านเพิ่มเติม

10 จุดชมนาขั้นบันไดฤดูฝน

10 จุดชมนาขั้นบันไดฤดูฝน 1. บ้านแม่กลางหลวง อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ บ้านแม่กลางหลวงเป็นชุมชนเล็กๆ ของชาวกะเหรี่ยงปกาเกอะญอ หมู่บ้านจะอยู่ระหว่างเส้นทางขึ้นดอยอินทนนท์ ภายในหมู่บ้านมีที่พักแบบโฮมสเตย์บริการอยู่หลายจุด ที่นี่มีชื่อเสียงในเรื่องของวิวนาขั้นบันไดที่สวยงาม เรียกได้ว่าถ้าพูดถึงนาขั้นบันไดแล้วละก็ หลายๆ คนน่าจะคิดถึงที่นี่เป็นที่แรกเลย พิกัด : https://goo.gl/maps/ExtxUZL2D9y 2. บ้านผาหมอน อ.จอมทอง จ.เชียงใหม่ บ้านผาหมอนเป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวนาขั้นบันได ที่อยู่ระหว่างทางขึ้นดอยอินทนนท์ โดยจากทางขึ้นดอยอินทนนท์ บ้านผาหมอนจะอยู่ถึงก่อนบ้านแม่กลางหลวง หมู่บ้านอยู่ลึกเข้าไปจากถนนใหญ่ประมาณ 8 กิโลเมตร พิกัด https://goo.gl/maps/QSJSS1nuoFo 3. บ้านกองกาน อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ หลายๆ คนอาจจะยังไม่รู้ว่าที่อำเภอแม่แจ่มก็มีจุดชมวิวนาขั้นบันไดอยู่หลายจุด อย่างเช่นที่บ้านกองกาน ซึ่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากตัวอำเภอแม่แจ่มมากนัก เป็นอีกหนึ่งจุดชมวิวนาขั้นบันไดที่แอดแนะนำ ช่างภาพสายแลนด์ต้องห้ามพลาด พิกัด https://goo.gl/maps/HPCuRYDhq7B2 4. อ.อมก๋อย จ.เชียงใหม่ การเดินทางเข้าไปชมนาขั้นบันไดที่นี่จะลำบากกว่าที่อื่นๆ พอสมควร แต่ถ้าใครชอบความสงบ ไม่วุ่นวาย นาขั้นบันไดในอำเภออมก๋อยก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่แอดแนะนำ ด้วยการเดินทางที่ไกล ทำให้ที่นี่ค่อนข้างอุดมสมบูรณ์และเงียบสงบ พิกัด https://goo.gl/maps/xJoBgprpAb32 5. ป่าบงเปียง อ.แม่แจ่ม จ.เชียงใหม่ ป่าบงเปียงเป็นหนึ่งในนาขั้นบันไดที่สวยที่สุดในประเทศด้วยสภาพพื้นที่ที่อยู่บนเขาสูง มีแนวเขาเรียงรายสลับซับซ้อน ทำให้เห็นนาขั้นบันไดในมุมกว้างลดหลั่นกันไปตามระดับ ยิ่งไปกว่านั้นช่วงเช้าๆ ของฤดูฝน จะมีสายหมอกจางๆ ลอยเป็นฉากหลังอีกด้วย พิกัด https://goo.gl/maps/HJmddtF17UL2 6. อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน จากเชียงใหม่ แอดพามาดูนาขั้นบันไดที่แม่ฮ่องสอนกันบ้าง…หลายๆ คนคงเคยได้ยินชื่อของนาขั้นบันไดที่แม่ลาน้อยกันมาบ้างแล้ว นาขั้นบันไดที่แม่ลาน้อย เป็นโครงการในพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 นอกจากนาข้าวแล้ว ที่แม่ลาน้อยยังมีแปลงผักปลอดสารพิษที่ปลูกตลอดทั้งปีอีกด้วย  พิกัด https://goo.gl/maps/6S9o24kAbuL2 7. บ้านดง อ.แม่ลาน้อย จ.แม่ฮ่องสอน นาขั้นบันไดที่บ้านดง เป็นอีกหนึ่งจุดชมนาขั้นบันไดในอำเภอแม่ลาน้อย โดยที่นี่ได้รับฉายาว่าเป็น “เมืองร้อยนา” เพราะเป็นพื้นที่ที่เต็มไปด้วยทุ่งนา ที่ปลูกข้าวตามสภาพภูมิประเทศ  พิกัด https://goo.gl/maps/rahazwJtnm72 8. ดอยแม่สะเรียง อ.แม่สะเรียง จ.แม่ฮ่องสอน บนดอยแม่สะเรียงเป็นที่ตั้งของชุมชนใหญ่อยู่ติดชายแดนไทย-พม่า ที่มีชาวพุทธ คริสต์ และอิสลาม อาศัยอยู่รวมกัน หลายๆ คนอาจจะเคยไปเที่ยวนาขั้นบันไดที่แม่ลาน้อยกันมาบ้างแล้ว ถ้ามีโอกาสลองแวะมาที่ดอยแม่สะเรียงกันดูบ้าง รับรองว่าสวยไม่แพ้ที่ไหนแน่นอน พิกัด https://goo.gl/maps/hc2XVYfaUZ82 9. หมู่บ้านปางขอน อ.เมือง จ.เชียงราย นอกจากไร่กาแฟและดอกนางพญาเสือโคร่งแล้ว ที่นี่ยังมีนาขั้นบันไดที่ปลูกตามสภาพพื้นที่ในช่วงฤดูฝนอีกด้วย ถึงแม้ว่านาขั้นบันไดที่นี่อาจจะไม่ได้มีพื้นที่มากเหมือนที่อื่นๆ แต่ก็สวยงามไปอีกแบบนะ พิกัด https://goo.gl/maps/6H5hRo88c1S2 10. บ้านสะจุกสะเกี้ยง อ.เฉลิมพระเกียรติ จ.น่าน ที่สุดท้ายแอดพามาชมนาขั้นบันไดที่ บ้านสะจุกสะเกี้ยง-เปียงซ้อ ที่นี่เป็นอีกหนึ่งในโครงการพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 โดยทรงมีพระราชดำริให้จัดสร้างโครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงขึ้นในหมู่บ้าน เพื่อเร่งฟื้นฟูสภาพป่าในพื้นที่  พิกัด https://goo.gl/maps/hKkG5zNK6Zq

10 จุดชมนาขั้นบันไดฤดูฝน อ่านเพิ่มเติม

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น”

ฤดูฝนเป็นฤดูแห่งการทำนา ในระหว่างเข้าพรรษาพระภิกษุสงฆ์จะต้องจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อไม่ให้ไปเดินเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวนาเสียหาย และเนื่องจากสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านจึงหล่อเทียนขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อถวายให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้ในการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ยามค่ำคืนตลอดช่วงเวลาของการเข้าพรรษา การนำเทียนไปถวายนั้น จะให้เดินไปถวายแบบปกติมันก็จะธรรมดาไป โลกไม่จำค่ะ ชาวบ้านจึงจัดขบวนแห่กันอย่างเอิกเกริกสนุกสนาน และปฏิบัติสืบทอดกันมาจนกลายเป็นประเพณีอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ค่ะ ถ้าพูดถึงประเพณีแห่เทียนพรรษาแล้ว จังหวัดแรกที่นึกถึงคงหนีไม่พ้น จ.อุบลราชธานี เพราะที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องการแกะสลักเทียนเป็นรูปต่างๆ อย่างวิจิตรงดงาม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ในวรรณคดี บุคคลสำคัญในช่วงเวลานั้นๆ และอื่นๆ อีกมากมาย  งาน “ฮีตศรัทธาราชธานีแห่งแสงเทียน” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 28 กรกฎาคม 2561 ภายในงานจะมีกิจกรรมการแสดง แสง สี เสียงสุดอลังการ โดยขบวนแห่จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน – แห่เทียนกลางคืน ในช่วงค่ำของวันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีขบวนแห่เทียนและการแสดงประกอบแสงเสียง เรื่อง “เกิดแต่อุบล” บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม โดยวันที่ 27 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 19.00-20.30 น. ส่วนวันที่ 28 กรกฎาคม เริ่มประมาณ 18.00 น. – แห่เทียนกลางวัน วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 จุดเริ่มต้นขบวนจะอยู่บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม เริ่มตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไปค่ะ “มหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง” ถือเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่ชาวสุรินทร์ภาคภูมิใจ เพราะเป็นวัฒนธรรมการแห่เทียนที่ยิ่งใหญ่และไม่เหมือนใคร ตักบาตรบนหลังช้างทำยังไง? ทำได้ด้วยเหรอ? ถ้าอยากรู้ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองนะคะ^^  งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2561 กิจกรรมภายในงานมีดังนี้ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ชมริ้วขบวนแห่เทียนพรรษา ขบวนฟ้อนรำศิลปวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับขบวนแห่ช้างกว่า 80 เชือก  วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น. จะมีกิจกรรมทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวางค่ะ โคราช เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการจัดงานแห่เทียนเข้าพรรษาที่มีความสวยงามและอลังการไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยค่ะ โดยมีการจัดงานทั้งหมด 3 ที่ ได้แก่ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 จะมีการแห่เทียนพรรษาของอำเภอโชคชัยและอำเภอพิมายค่ะ (เริ่มแห่ตั้งแต่ประมาณ 13.00 น. เป็นต้นไป) โดยจะเป็นการประกวดต้นเทียนพรรษา เมื่อได้ผู้ชนะของแต่ละอำเภอแล้วทั้งหมดก็จะไปรวมตัวกันบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีค่ะ  งานแห่เทียนพรรษาที่อำเภอโชคชัย ใช้ชื่องานว่า “เทศกาลกินหมี่ ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอโชคชัย” ส่วนที่อำเภอพิมายใช้ชื่องานว่า “ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอพิมาย” ภายในงานของทั้ง 2 อำเภอจะมีมหรสพการแสดง และกิจกรรมต่างๆ มากมายค่ะ วันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีการจัด “งานแห่เทียนพรรษาโคราช” ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เป็นการแห่เทียนพรรษาสุดยิ่งใหญ่ของชาวโคราชค่ะ (ขบวนแห่เริ่มวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.00 น.) โดยจะนำต้นเทียนพรรษาที่ชนะจากทั้ง 2 อำเภอมาแห่ และจัดแสดงให้ชมกันค่ะ  นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดง แสง สี เสียง รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ของดีเมืองโคราช สินค้าโอท็อปต่างๆ มาให้เพื่อนๆ ได้เลือกชอปเลือกชิมกันตลอดงานเลยค่ะ “ประเพณียายดอกไม้” ครั้งแรกที่แอดได้ยิน็ถึงกับงงเลยทีเดียว ว่านี่คือประเพณีอะไร? ประเพณียายดอกไม้เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดสิงห์บุรีค่ะ คำว่า “ยาย” นั้นเพี้ยนมาจาก คำว่า “หย่าย” ในภาษาลาว แปลว่า การแจกจ่ายหรือการให้ คำว่า “ยายดอกไม้” จึงหมายถึงการให้ หรือถวายดอกไม้แด่พระสงฆ์ เพื่อนำไปบูชาพระพุทธเจ้านั่นเองค่ะ  และในปีนี้ชาวจังหวัดสิงห์บุรีก็ได้จัดงานนี้ขึ้น ภายใต้ธีม “ตักบาตรยายดอกไม้ นุ่งซิ่นไทย-ลาวเวียง” ณ วัดจินดามณี จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น.  ภายในงานมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น การทอดผ้าป่าดอกไม้ ถวายเทียนพรรษา ชิมอาหารถิ่นสิงห์บุรี ชมการแสดงเต้นบาสโลป และอื่นๆ อีกมากมาย แอดอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับบรรยากาศวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่ดูนะคะ ว่าจะมีความงดงามแตกต่างจากวัฒนธรรมที่เพื่อนๆ คุ้นเคยมากน้อยแค่ไหนค่ะ ^^ สำหรับใครที่คิดว่าการแห่เทียนพรรษาทางบกธรรมดาไป ต้องมางานนี้เลยค่ะ “ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำ” ณ คลองลาดชะโด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในอยุธยา  งานจัดขึ้นในวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 โดยจะเริ่มแห่ประมาณ 11.00 น. กิจกรรมภายในงานจะมีการประกวดบ้านสวนริมคลอง การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านลาดชะโด การจัดแสดงภาพถ่ายวิถีชีวิตชาวลาดชะโด การจำลองบรรยากาศตลาดน้ำย้อนยุค และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังจะได้สัมผัสวิถีชีวิตบ้านริมน้ำอีกด้วยนะคะ “ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2561 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารจ.สระบุรี ซึ่งเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของ จ.สระบุรี นับเป็นประเพณีที่แปลกไม่เหมือนใคร และมีเพียงแห่งเดียวอีกด้วย  โดยในยามเช้าพระสงฆ์จะเดินรับบิณฑบาตรจากพุทธศาสนิกชน ซึ่งจะนำดอกไม้ชนิดหนึ่งมาใส่บาตร ดอกไม้ชนิดนี้จะบานในช่วงเข้าพรรษาพอดี จึงได้ชื่อว่า “ดอกเข้าพรรษา” ค่ะ เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจจะไม่รู้จักดอกไม้ชนิดนี้ และแอบไปเสิร์ชหารูปจากอินเตอร์เน็ตดู แต่เชื่อเถอะค่ะว่ายังไงก็ไม่สวยเท่าไปเห็นด้วยตาตัวเองหรอกนะคะ ต้องลองไปสัมผัสดูค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่อยากเดินทางไปต่างจังหวัด วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่จัดกิจกรรมเข้าพรรษาค่ะ

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น” อ่านเพิ่มเติม

เรียนรู้การทำเทียน ที่ศูนย์การเรียนเทียนพรรษาศรีประดู่

ประเพณีแห่เทียนพรรษา เป็นประเพณีที่มีมาแต่ครั้งโบราณกาล ซึ่งจังหวัดอุบลราชธานีเป็นจังหวัดหนึ่งที่มีการจัดงานประเพณีแห่เทียนพรรษาอย่างยิ่งใหญ่และสวยงามเป็นประจำทุกปี ด้วยเหตุนี้ทำให้ศูนย์การเรียนเทียนพรรษาศรีประดู่ จ.อุบลราชธานี ได้รับการก่อตั้งขึ้น โดยเปิดให้นักท่องเที่ยว และบุคคลทั่วไปเข้ามาศึกษาและเรียนรู้การทำเทียนได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย ศูนย์การเรียนเทียนพรรษาศรีประดู่ เป็นศูนย์การเรียนรู้ภูมิปัญญาไทย ตั้งอยู่ที่ อ.เมือง จ.อุบลราชธานี  ก่อตั้งขึ้นในปี พ.ศ.2547 โดยอาจารย์สมคิด สอนอาจ ซึ่งเป็นช่างทำเทียนพรรษาของวัดศรีประดู่ ผู้สั่งสมประสบการณ์และความเชี่ยวชาญมานานกว่า 50 ปี  โดยเริ่มแรกอาจารย์สมคิดได้ถ่ายทอดความรู้และประสบการณ์การทำต้นเทียนพรรษาทั้งประเภทแกะสลักและติดพิมพ์ให้แก่ลูกๆ ของท่าน ต่อมาได้เปิดสอนการทำเทียนพรรษาให้แก่เด็กนักเรียน เยาวชน คนในชุมชน นักท่องเที่ยว และผู้สนใจทั่วไป ให้มาเรียนรู้ได้โดยไม่คิดค่าใช้จ่าย นอกจากจะเรียนฟรีแล้ว ยังมีผู้เชียวชาญเรื่องการทำเทียนมาคอยให้คำแนะนำการทำแต่ละขั้นตอนอย่างใกล้ชิดด้วย คุณพ่อคุณแม่สามารถพาเด็กๆ มาเรียนรู้และทดลองลงมือทำด้วยตัวเองได้ ทั้งสนุก ได้ความรู้ และได้ร่วมสืบสานประเพณีอันดีงามของบรรพบุรุษ และยังเป็นการปลูกฝังจิตสำนึกในการอนุรักษ์ภูมิปัญญาท้องถิ่นให้กับคนรุ่นใหม่อีกด้วย เป็นกิจกรรมที่สามารถทำได้ทุกเพศทุกวัย เด็กทำได้ ผู้ใหญ่ทำดี นอกจากจะได้เรียนรู้วิธีการทำเทียนพรรษาแล้ว หากมาที่ศูนย์ฯ ในช่วงนี้ เรายังจะได้เห็นภาพการร่วมมือร่วมใจของชาวบ้านในชุมชน ที่ช่วยกันทำต้นเทียนพรรษาเพื่อเข้าร่วมขบวนในงานแห่เทียนเข้าพรรษาของจังหวัดอุบลราชธานี ประจำปี 2561 ซึ่งจะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23-28 กรกฎาคมนี้ได้อีกด้วย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมศูนย์การเรียนเทียนพรรษาศรีประดู่เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 09.00-17.00 น.โทร. 081 069 5191หากมาเป็นหมู่คณะ กรุณาโทรแจ้งศูนย์ฯ ล่วงหน้า การเดินทางจากทุ่งศรีเมือง ขับตามถนนพโลรังฤทธิ์ไปจนสุดทาง แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าถนนบูรพานอก จากนั้นขับตรงไปเรื่อยๆ เมื่อเห็นซุ้มประตูวัดศรีประดู่ทางขวามือ ให้เลี้ยวซ้ายเข้าถนนสรรพสิทธิ์ ขับไปประมาณ 100 เมตร จะถึงศูนย์การเรียนเทียนพรรษาศรีประดู่พิกัด : https://goo.gl/maps/UGD7cZkUtnH2

เรียนรู้การทำเทียน ที่ศูนย์การเรียนเทียนพรรษาศรีประดู่ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวหน้าฝน เพชรบูรณ์ – พิษณุโลก 3 วัน 2 คืน

ที่แรกเราออกจากกรุงเทพฯ พามาสูดไอดิน ฟินกับกลิ่นหมอกฝนกันที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง  อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมีพื้นที่ครอบคลุมหลายอำเภอใน 2 จังหวัด ได้แก่ อ.วังทอง อ.นครไทย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และ อ.เขาค้อ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์  บริเวณอุทยานฯ มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ปั่นจักรยานเที่ยวทุ่งหญ้าสะวันนา ชมฝูงผีเสื้อป่า ชมแมงกะพรุนน้ำจืด (แมงกะพรุนน้ำจืดหาชมได้เฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน)  (ภาพถ่ายจากจุดชมวิวทุ่งแสลงหลวง) กิจกรรมปั่นจักรยานมีให้เลือก 2 แบบ คือ ปั่นจักรยานชมทุ่งหญ้าสะวันนา เส้นทางหนองแม่นา-ทุ่งนางพญา ระยะทาง 15 กิโลเมตร หรือถ้าใครชอบ slow life ก็สามารถปั่นจักรยานชมธรรมชาติในบริเวณอุทยานฯ ได้  อุทยานฯ มีจักรยานให้เช่า ราคาชั่วโมงละ 50 บาท และทั้งวัน 200 บาท กิจกรรมชมฝูงผีเสื้อป่า เพื่อนๆ จะต้องเช่าเรือของชาวบ้านชุมชนหนองแม่นาเพื่อออกไปชมที่เกาะกลางน้ำ โดยฝูงผีเสื้อนับร้อยๆ ตัวที่ลงมากินโป่งหรือแร่ธาตุในดิน จะมีให้ชมเยอะที่สุดในช่วงหน้าฝนนี้แหละ กลุ่มชุมชนหนองแม่นา โทร. 081 046 2166, 087 432 1714 (คุณสมพงศ์) ค่าเข้าชมอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 300 บาท การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรี จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 21 จนถึงบ้านนางั่ว อำเภอหล่มสัก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2258 ขึ้นเขาค้อ วิ่งผ่านพระตำหนักเขาค้อ ตรงไปจนถึงหน่วยจัดการอุทยานฯ ทุ่งแสลงหลวง ที่1 (หนองแม่นา) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 โมง วันแรกเราตั้งเต็นท์พักแรมกันที่อุทยานฯ โดยอุทยานฯ มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ 2 จุดคือ 1. บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ หนองแม่นา – มีบ้านพัก 7 หลัง ราคา 2,100 – 5,000 บาท– เต็นท์ให้เช่า ราคา 285 บาท (พักได้ 3 คน) – หากนำเต็นท์มาเอง เสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ ราคา 30 บาท/คน/คืน  2. บริเวณที่ทำการอุทยานฯ – มีบ้านพัก 7 หลัง ราคา 1,000 – 5,000 บาท– เต็นท์ให้เช่า ราคา 285บาท (พักได้ 3 คน) – หากนำเต็นท์มาเอง เสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ ราคา 30 บาท/คน/คืน เช้าวันที่สองพวกเราออกจากอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงกันตั้งแต่เช้า เพื่อไปชมทุ่งกะหล่ำปลีกันที่ภูทับเบิก แอดใช้ทางหลวงหมายเลข 12 วิ่งกลับมาที่แยกน้ำก้อ ระหว่างทางจะผ่านวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว มุมนี้ช่วงหน้าฝนสวยจริงๆ ที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เพื่อนๆ สามารถเข้าไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อยให้เหมาะสมกับสถานที่ บริเวณรอบๆ เจดีย์ เต็มไปด้วยภาพปริศนาธรรมหลากหลายที่แฝงไปด้วยหลักคำสอนมากมายให้ได้ศึกษาเรียนรู้ บริเวณระเบียงทางเดินชั้นบนของเจดีย์สามารถมองเห็นวิวได้รอบทิศทาง รวมทั้งจะมองเห็นพระมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่มีสายหมอกพาดผ่านและทิวเขาอันสวยงามเป็นฉากหลัง  นอกจากนี้ เพื่อนๆ ยังสามารถเดินชมประติมากรรมต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดได้ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสวยงามไม่แพ้กัน  เปิดทุกวัน 08.00 – 17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/9dhiz3Z34V52 จากสี่แยกบ้านน้ำก้อ พวกเราเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2372 จากนั้นวิ่งตรงไปจนถึงแยกทับเบิก และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2331 วิ่งตรงขึ้นภูทับเบิก ภูทับเบิกเป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าม้ง ที่เรียกได้ว่าเป็นไร่กะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่นี่จะปลูกกะหล่ำปลีลดหลั่นเป็นแถวเป็นแนวตามสันดอย เวลาออกดอกมองไปจะดูสวยงามเหมือนดอกไม้ยักษ์สีเขียวเต็มพื้นที่ไปหมด นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาชมแปลงกะหล่ำพร้อมทั้งถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้ไปโพสต์ให้ชาวโซเชียลได้รู้ว่า มาเยือนภูทับเบิกแล้ว  ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ…ภาพนี้ถ่ายจากจุดชมวิวภูทับเบิก หลังจากจุดนี้พวกเราลงจากภูทับเบิกและมุ่งหน้าไปต่อกันที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก โดยวิ่งต่อจากภูทับเบิกไปทางจุดชมวิวภูแผงม้า ทางหลวงหมายเลข 2331 จนถึงที่ทำการอุทยานฯ เช้าวันที่ 3 (ภาพถ่ายจากจุดชมวิวทะเลหมอกลานหินปุ่ม) เมื่อวานจากภูทับเบิกเรามาถึงภูหินร่องกล้ากันในช่วงเย็น และค้างคืนกันที่อุทยานฯ  อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นอุทยานฯ ที่อยู่บนพื้นที่รอยต่อของ 3 จังหวัด ในอดีตนั้นเคยเป็นสมรภูมิรบอันยิ่งใหญ่ที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทยอย่างไม่มีวันลืมเลือน วันเวลาผ่านไปควันไฟแห่งสงครามจางหาย เหลือเพียงความสงบ ร่มรื่น และความสวยงามของธรรมชาติป่าเขา จุดที่นักท่องเที่ยวไปแล้วต้องห้ามพลาดก็คือ ลานหินปุ่ม ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าจากลานจอดรถไปประมาณ 1.2 กิโลเมตร เป็นลานหินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพราะเต็มไปด้วยหินตะปุ่มตะป่ำเป็นบริเวณกว้างดูแปลกตา ซึ่งเกิดจากการสึกกร่อนของหินโดยธรรมชาติ จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างเต็มตาและสวยงาม จากลานหินปุ่ม พวกเราพามาชมร่องรอยประวัติศาสตร์เมื่อครั้งที่ภูหินร่องกล้าเคยเป็นฐานที่มั่นของการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ เรียกกันว่า “โรงเรียนการเมืองการทหาร” อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 6 กิโลเมตร  ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่ให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ มีบ้านพักฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ และสถานพยาบาล กระจายตัวอยู่ใต้ร่มไม้แน่นทึบ ประมาณ 30 หลัง บริเวณใกล้เคียงยังมีสุสานทหาร และกังหันน้ำที่เป็นเครื่องทุ่นแรงในการตำข้าวโดยไม่ต้องใช้แรงงานคน ไว้ให้ชมและนึกถึงเรื่องราวในอดีตอีกด้วย ปิดท้ายกันด้วยความชุ่มฉ่ำ ช่วงฝนๆ แบบนี้ต้องไม่พลาดชมน้ำตกหมันแดง ความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในป่าใหญ่ น้ำตกมีทั้งหมด 8 ชั้น แต่ละชั้นจะอยู่ใกล้ๆ กันและมีความสวยงามแตกต่างกันไป ระยะทางไป-กลับน้ำตกรวมแล้วประมาณ 7 กิโลเมตร ดูแล้วต้องฟิตร่างกายกันมากเลยล่ะค่ะ *การเข้าไปชมน้ำตกหมันแดงต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางด้วยนะคะ*  นอกจากลุยป่ากันไปชมน้ำตกหมันแดงแล้ว ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่ก็คือ การชมดอกลิ้นมังกรนั่นเอง การชมดอกลิ้นมังกร จะต้องขึ้นไปที่น้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 ระยะทางประมาณ 1-3 กิโลเมตรจากจุดเริ่มต้น ใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง

เที่ยวหน้าฝน เพชรบูรณ์ – พิษณุโลก 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

อยากพาเธอไปเจอ “เขา”

อุทยานหินเขางู ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. การเดินทาง– รถยนต์ จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3087 (ราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง) ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร เมื่อถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวา จากนั้นขับไปประมาณ 1 กิโลเมตร อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางซ้ายมือหรือจากวัดหนองหอย ใช้ทางหลวงหมายเลข 3089 อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางขวามือ – รถโดยสาร มีรถโดยสารประจำทางจากตัวเมืองราชบุรีมายังอุทยานหินเขางู ท่ารถอยู่หน้าธนาคารออมสิน ใกล้ตลาดสนามหญ้า ริมแม่น้ำแม่กลอง พิกัด https://goo.gl/maps/48ywbyKGNR62 เมื่อมาถึงอุทยานหินเขางู สิ่งแรกที่เราจะเจอก็คือสะพานแขวนค่ะ บอกเลยว่านี่คือไฮไลท์ สะพานแขวนนี้เป็นสะพานไม้ที่ทอดยาวข้ามบึงน้ำและเชื่อมไปยังทางเดินรอบแนวทิวเขาหินปูนของเขางู ถือเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยที่เดียว ต้องห้ามพลาดที่จะถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันนะคะ ความสวยงามของที่นี่อยู่ที่บึงน้ำขนาดใหญ่โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่าน เราสามารถเดินชมบึงน้ำและภูเขาได้โดยการเดินลัดเลาะไปตามทางเดินรอบบึงซึ่งทำไว้อย่างสวยงาม ระหว่างทางเพื่อนๆ ยังสามารถแวะทักทายเจ้าฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมากันอย่างชุกชุมได้อีกด้วยค่ะ หลังจากเดินชมบรรยากาศที่สวยงามโดยรอบแล้ว เพื่อนๆ อาจจะเหนื่อยล้าและอยากนั่งพัก ภายในอุทยานแห่งนี้ก็มีศาลาพักกายพักใจไว้คอยให้เพื่อนๆ ได้ใช้หลบแดดหลบฝนกันด้วยค่ะ บริเวณพื้นโดยรอบศาลามีการนำหินชนิดต่างๆ หลากหลายสีมาประดับตกแต่งดูสวยงามแปลกตา ไม่ว่าจะถ่ายจากมุมไหนก็จะได้ภาพชิคๆ เก๋ๆ ยิ่งถ่ายมุมสูงแบบนี้แอดว่าก็สวยไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะคะ นั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว แอดก็อยากจะแนะนำกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอุทยานหินเขางู นั่นก็คือการปั่นเรือถีบในบึง รับลมเย็นๆ ค่ะ ถ้าได้มานั่งปั่นเรือถีบกับคนรู้ใจคงจะโรแมนติกสุดๆ เลยล่ะค่ะ เฮ้ออ…พูดแล้วก็อิจฉาคนมีคู่จริงๆ เล้ยย แต่ไม่เป็นไร แอดไม่ได้ปั่นเรือกับเค้า ก็ปั่นกับเขา(งู)ก็ได้ค่าาา ฮ่าๆๆๆ สิ่งที่น่าสนใจภายในบริเวณอุทยานหินเขางูยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะที่นี่ยังมีพระพุทธรูปปางลีลาแบบนูนต่ำขนาดใหญ่ที่สร้างโดยการยิงแสงเลเซอร์บนหน้าผาหิน ทำให้อุทยานแห่งนี้แลดูโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้บนภูเขาในบริเวณนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีประเภทถ้ำอยู่หลายแห่งซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ได้แก่ ถ้ำฤาษี ถ้ำฝาโถ ถ้ำจาม และถ้ำจีน ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปเก่าแก่ศิลปะทวารวดีสลักอยู่บนผนังถ้ำ ถ้าเพื่่อนๆ มีเวลา ก็อยากแนะนำให้ไปเยี่ยมชมกันค่ะ แต่ต้องฟิตร่างกายกันนิดนึงนะคะ เพราะถ้ำอยู่บนเขา ต้องเดินขึ้นบันไดไปค่อนข้างสูงเลยล่ะค่ะผู้แต่ง

อยากพาเธอไปเจอ “เขา” อ่านเพิ่มเติม

กาดกองต้า (ลำปาง) วันวานยังหวานอยู่

กาดกองต้า (ลำปาง) วันวานยังหวานอยู่ กาดกองต้าถนนคนเดินหรือถนนตลาดจีน เดิมบริเวณนี้เป็นชุมชนทางเศรษฐกิจที่มีอายุกว่าร้อยปี ตั้งอยู่ริมน้ำวัง ซึ่งถือเป็นชัยภูมิชั้นดี ต่อมาได้พัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าขายและส่งผ่านสินค้าสำคัญของเมืองลำปาง ในปี พ.ศ. 2459 ศูนย์กลางการค้าแห่งนี้ถูกลดบทบาทลง เนื่องจากมีการตัดเส้นทางรถไฟสายเหนือมาถึงลำปาง ผู้คนในจังหวัดจึงขยายถิ่นฐานไปตั้งอยู่รอบๆ สถานีรถไฟ ก่อเกิดชุมชนใหม่ที่เรียกว่า “ชุมชนเก๊าจาว” ปล่อยชุมชนกองต้าให้อยู่กับความเงียบเหงา จนในปัจจุบันที่นี่ได้หวนกลับมาเป็นย่านการค้าที่สำคัญอีกครั้ง โดยความตั้งใจของชาวลำปางที่ต้องการอนุรักษ์วันวานและสร้างสีสันให้เมืองนี้น่าเที่ยว ถนนคนเดินกาดกองต้า สองข้างทางเรียงรายด้วยตึกเก่าอันทรงคุณค่า โดยสถาปัตยกรรมเหล่านี้มีทั้งศิลปะตะวันตก พม่า-ไทใหญ่ และจีนซึ่งยังคงได้รับการดูแลรักษาอย่างดี นอกจากจะได้เลือกซื้อหาสินค้าพื้นเมือง สินค้าทำมือ อาหารพื้นบ้าน สินค้าที่ระลึกแล้ว ยังมีการแสดงวัฒนธรรมบนลานกิจกรรมที่พร้อมพาทุกคนย้อนอดีตกลับไปสู่วันวานที่เคยรุ่งเรืองของลำปางอีกครั้ง กาดกองต้าเปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 22.00 น.

กาดกองต้า (ลำปาง) วันวานยังหวานอยู่ อ่านเพิ่มเติม

ร้อนนี้ไป “เลย” เที่ยวนาแห้ว

วันนี้แอดมินจะพามาทำความรู้จักอำเภอนาแห้วให้มากขึ้น แล้วจะรู้ว่าอำเภอนาแห้วไปฤดูไหน ก็ไม่แห้วแน่นอน อำเภอนาแห้วอยู่ทางทิศตะวันตกของจังหวัดเลย เป็นเมืองที่อยู่ท่ามกลางธรรมชาติ มีความสงบและเรียบง่าย มาอำเภอนี้ไม่ต้องตามหาต้นแห้วให้เหนื่อย เพราะเขาไม่ได้ปลูกแห้วกัน ถ้าเที่ยวช่่วงหน้าฝนและหน้าหนาว จะได้เจอกับทุ่งนาเขียวขจีเต็มสองข้างทาง แต่ถ้าเที่ยวช่วงหน้าร้อนแบบนี้ อาจจะได้เจอกับทุ่งนาสีทองอร่าม บวกกับวิวเทือกเขาสลับซับซ้อน ที่สวยงามไม่แพ้กัน ขอบคุณภาพจาก https://www.thetrippacker.com/ สถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในอำเภอนาแห้วคือ อุทยานแห่งชาติภูสวนทราย ช่วงหน้าร้อน ที่นี่มีวิวภูเขาสวยๆให้ดู และไม่ต้องไปแย่งมุมถ่ายรูปกับใคร วิวบนภูสวนทรายมันก็จะฟ้าใสๆ ภูเขาเยอะๆหน่อย บริเวณที่ทำการอุทยานฯ มีบ้านพักและเต้นท์ให้บริการ แต่ถ้าใครชอบออกแรง แอดมินแนะนำให้ไปที่ เนิน 1408 บนตีนภูสวนทราย อยู่สูงจากระดับน้ำทะเล 1,408 เมตร เป็นจุดกางเต็นท์สูงที่สุดในอีสาน ถ้าได้ไปกางเต็นท์ สัมผัสอากาศเย็นๆบนภู พร้อมดูพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้าตรงนั้น โอ๊ยยยย คงจะฟินไม่ใช่น้อย น่าไปขนาดนี้รออะไร ติดต่ออุทยานฯภูสวนทรายได้เลยที่ 042 807 616 , 094 23 92498 หลังจากปีนภูมาเหนื่อยๆ เรามาดับร้อนกันสักหน่อยที่น้ำตกตาดเหือง อยู่ภายในเขตอุทยานภูสวนทรายนี้แหละ นักท่องเที่ยวสามารถขับรถไปถึงน้ำตกได้เลย น้ำตกตาดเหือง มีความลดหลั่นลงมา 3 ชั้น สูงประมาณ 50 เมตร เป็นน้ำตกที่แบ่งเขตพรมแดนไทย-ลาว จึงมีอีกชื่อหนึ่งว่า น้ำตกไทย-ลาว จุดชมวิวที่น่าสนใจอีกจุดคือ ภูหัวฮ่อม ในช่วงหน้าร้อนคงไม่ได้เจอกับทะเลหมอก แต่อย่าเพิ่งเสียใจไป ยังมีพระอาทิตย์สวยๆยามเช้าให้ดูเป็นขวัญตา เกือบลืมไป!! ที่นี่มีจุดให้กางเต็นท์ให้นอนเฝ้าพระอาทิตย์ขึ้นด้วยนะ ติดต่อเจ้าหน้าที่หน่วยพิทักษ์ฯภูหัวฮ่อมตามเบอร์นี้ 086 066 4147 ยัง ยังไม่จบจากเรื่องภูๆ ผาๆ เพราะจังหวัดเลยขึ้นชื่อเรื่องภูเขา แอดจึงไม่อยากให้พลาดที่แห่งนี้ ผาหมวก สถานที่ท่องเที่ยวซึ่งเปิดตัวมาได้ไม่กี่ปี ช่วงหน้าหนาวนักท่องเที่ยวขึ้นมาดูทะเลหมอกกันเพียบ มาช่วงหน้าร้อนนี้สิดี อยากเห็นวิวสวยก็ต้องออกแรงกันนิดหน่อย เดินขึ้นเขาประมาณ 1 กิโลเมตร ระหว่างนั้นก็สามารถเพลิดเพลินไปกับธรรมชาติตลอดสองข้างทางได้ ผาหมวกหน้าร้อนอาจจะเห็นหมอกไม่เยอะ แต่จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นภูเรือและวิวพระอาทิตย์ขึ้นสวยๆ ไม่จำเป็นต้องแย่งดูวิวกับใคร ถ่ายรูป โพสท่านานแค่ไหนก็ได้ บริเวณด้านล่างผาหมวกมีที่จอดรถ ลานกางเต็นท์ให้บริการ แต่อาหารและน้ำดื่มต้องเตรียมไปเอง สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ เทศบาลนาแห้ว เบอร์ 042 897 082 ในเวลาราชการ วัดโพธิ์ชัยนาพึง ตั้งอยู่ในตำบลนาพึง สันนิษฐานว่าสร้างประมาณปลายกรุงศรีอยุธยา มีอายุ 400 กว่าปี ภายในกุฏิเจ้าอาวาสเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปองค์แสน พระพุทธรูปโบราณที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาหลายชั่วอายุคนในช่วงเช้าๆชาวบ้านตะเดินถือตะกร้า ปิ่นโตและพากันมาทำบุญที่วัดแห่งนี้ ภายในและภายนอกวิหารมีจิตรกรรมฝาผนังเกี่ยวกับพุทธประวัติและวรรณกรรมท้องถิ่น ซึ่งภาพวาดมีบางส่วนที่เลือนไปบ้าง แต่ส่วนที่เหลือไม่ได้มีการลงสีเพิ่มใดๆ ถือว่าเป็นภาพจิตรกรรมฝาผนังที่ค่อนข้างสมบูรณ์เลยทีเดียว พระพุทธรูปองค์แสน พระพุทธรูปโบราณที่อยู่คู่บ้านคู่เมืองมาหลายชั่วอายุคน หอพระไตรปิฎกไม้เก่าแก่ภายในวัดมีลักษณะแปลกตาและสันนิษฐานว่าน่าจะเป็นหอพระไตรปิฎกที่สูงที่สุดในประเทศไทย  วัดศรีโพธิ์ชัยแสงภา ตั้งอยู่ในตำบลแสงภา สร้างขึ้นพร้อมๆกับวัดโพธิ์ชัยนาพึง พระอุโบสถมีลักษณะคล้ายวัดเชียงของ ที่เมืองหลวงพระบาง ประเทศลาว ภายในประดิษฐานหลวงพ่อเพชรในช่วงเทศกาลวันสงกรานต์จะมีประเพณีแห่ต้นดอกไม้ที่สืบทอดกันมาหลายร้อยปี

ร้อนนี้ไป “เลย” เที่ยวนาแห้ว อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวสองวัน ณ เมืองสองแคว

คำว่า “สองแคว” มาจาก จ.พิษณุโลกนั้นตั้งอยู่ระหว่างแม่น้ำสองสายคือ แม่น้ำน่าน กับแม่น้ำแควน้อยนั่นเอง เที่ยว สองวัน ณ เมือง สองแควตัวอย่างเส้นทางท่องเที่ยวตามแบบเพื่อนร่วมทาง.วันแรก เช้า– วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร– ศาลสมเด็จพระนเรศวร– ศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์.บ่าย– นั่งชิงช้าบนต้นไม้รูปหัวใจ ที่บ้านสวนชมวิว บ้านรักไทย– ชมวิวภูเขาหินปูนล้านปี อ.เนินมะปราง– ชมค้างคาวนับล้านบินออกจากถ้ำ ที่บ้านมุง เนินมะปราง– พักตัวเมืองพิษณุโลก.วันที่สองเช้า– สักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนศรีอินทราทิตย์ อ.นครไทย– ชมต้นจำปาขาว 700 ปี ที่วัดกลาง อ.นครไทย– ล่องแพแก่งไฮ อ.นครไทย.บ่าย– ร้านกาแฟ Sappraiwan Elephant Cafe– เดินทางกลับ กทม เริ่มต้นกันด้วยการมากราบสักการะบูชาพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของเมืองสองแควอย่าง พระพุทธชินราช วัดพระศรีรัตนมหาธาตุวรมหาวิหาร หรือที่ชาวเมืองพิษณุโลกเรียกกันว่า วัดใหญ่ หรือ วัดพระศรี .พระพุทธชินราช เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยขนาดใหญ่ หล่อด้วยทองสัมฤทธิ์ ได้รับการกล่าวขานว่าเป็นพระพุทธรูปที่มีพุทธลักษณะงดงามที่สุดในประเทศ.ด้านหลังวิหารพระพุทธชินราชเป็นพระปรางค์ประธาน ศิลปสมัยอยุธยาตอนต้น เดิมเป็นเจดีย์ทรงพุ่มข้าวบิณฑ์แบบสุโขทัยแท้ ต่อมาถูกแปลงให้เป็นพระปรางค์ในสมัยอยุธยา .ถ้าเพื่อนๆ ไปอยุธยา กับลพบุรี แล้วยังนึกภาพพระปรางค์ที่สมบูรณ์แบบในอดีตไม่ออก ต้องมาดูที่นี้เลย หลังจากไหว้พระคู่บ้านคู่เมืองสองแควกันแล้ว ก็อย่าลืมมาสักการะศาลสมเด็จพระนเรศวร ซึ่งในอดีตที่นี่เป็นสถานที่ประสูติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช และปัจจุบันกรมศิลปากรได้จัดสร้างศาลาทรงไทยโบราณตรีมุข โดยมีพระรูปสมเด็จพระนเรศวรมหาราชขนาดเท่าองค์จริง ประทับนั่งพระหัตถ์ทรงพระสุวรรณภิงคารหลั่งน้ำ ในพระอิริยาบถประกาศอิสรภาพที่เมืองแครง ใกล้ๆกันอีกหนึ่งสถานที่ แนะนำเยี่ยมชมพระราชวังจันทน์พระราชวังโบราณ เป็นสถานที่เสด็จพระราชสมภพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราชและเป็นที่ประทับของพระองค์เมื่อทรงดำรงตำแหน่งอุปราช โดยในขณะนั้นเมืองพิษณุโลกมีฐานะเป็นเมืองหน้าด่านสำคัญของกรุงศรีอยุธยา  นอกจากนี้ยังมีศูนย์ประวัติศาสตร์พระราชวังจันทน์ เป็นอาคารจัดแสดงเนื้อหาที่เกียวกับพระราชวังจันทน์ เมืองพิษณุโลก และพระราชประวัติของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช หลังจากไปเที่ยววัด เที่ยววังกันในช่วงเช้าแล้ว บ่ายๆแบบนี้ไปหาอะไรสนุกๆทำกันดีกว่า…ไปนั่งชิงช้าบนต้นไม้รูปหัวใจชมวิวสวยๆกัน โดยจากตัวเมืองมุ่งหน้าสู่บ้านรักไทย อำเภอเนินมะปราง ชิงช้าต้นไม้ที่ว่านี้อยู่ที่บ้านสวนชมวิว หนึ่งในโฮมสเตย์ของบ้านรักไทย ที่ถึงแม้ว่าจะไม่ได้มาพักโฮมสเตย์ก็สามารถไปนั่งชิงช้าชมวิวได้ นอกจากนั่งชิงช้าต้นไม้ยังมีกิจกรรมอื่นๆให้ทำ ไม่ว่าจะเป็น โหนสลิงโล้ชิงช้า หรือนั่งรถสามล้อพวงเที่ยวชมวิว ชมวิถีชีวิตชาวบ้านรักไทย ถ้าอยากมาลองนั่งชิงช้าต้นไม้ชมวิวและทำกิจกรรมอื่นๆด้วย ติดต่อได้ที่ บ้านสวนชมวิวภูรักไทย หมู่บ้านรักไทย ต.ชมภู โทร. 087 207 5736, 061 368 1180 กิจกรรมอีกอย่างที่ห้ามพลาดเมื่อมาถึงอำเภอเนินมะปรางคือ ไปชมวิวภูเขาหินปูนล้านปี ที่บ้านมุง บอกเลยว่าภูเขาสวย อลังการมาก ถ้าให้ดีต้องลองนั่งรถอีแต๊กที่ชาวบ้านบริการหรือนำจักรยานมาปั่นเองในช่วงยามเย็น จะได้สัมผัสบรรยากาศพระอาทิตย์ตก และธรรมชาติที่สวยงามของบริเวณนั้น หากใครอยากลองนั่งรถอีแต๊กชมภูเขาหินปูนล้านปี ติดต่อได้ที่ คุณพิษณุชัย ทรงพุฒิ โทร. 085 400 1727 จบการเดินทางของวันนี้ ด้วยการไปชมค้างคาวนับล้านบินออกจากถ้ำไปหากิน ตอนเวลาประมาณ 18.00 – 19.00 น. แอดมินแนะนำให้ไปตามพิกัดนี้เลย จะเห็นค้าวคาวและวิวภูเขาหินปูนล้านปีได้ชัดเจนที่สุด https://goo.gl/maps/DwAktRAZPQQ2 / พิกัด GPS 16°33’44.4″N 100°41’31.8″E วันที่ 2เดินทางมาสักการะอนุเสาวรีย์พ่อขุนบางกลางหาว ที่ อ.นครไทย.พ่อขุนบางกลางหาว หรือต่อมาคือ เป็นปฐมกษัตริย์แห่งกรุงสุโขทัย ทรงพระนามว่า “พ่อขุนศรีอินทราทิตย์” ซึ่งบ้านของพระองค์ก่อนจะเป็นกษัตริย์ เชื่อกันว่าอยู่ในบริเวณ อ.นครไทยนี้เอง.เพื่อเป็นการระลึกในพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์จึงได้มีการสร้างอนุเสาวรีย์พ่อขุนบางกลางหาวขึ้น.นอกจากนั้นยังมีมีต้นจำปาขาวเก่าแก่กว่า 700 ปี โดยมีอนุสาวรีย์พ่อขุนบางกลางหาวอยู่ใต้ต้นจำปาขาว ซึ่งชาวบ้านเชื่อว่าเป็นต้นจำปาที่พ่อขุนบางกลางหาวปลูกไว้ สถานที่ถัดมา จะพาไปนั่งชิวๆ รับลมเย็นๆกลางอ่างเก็บน้ำกันกับกิจกรรม “ล่องแพแก่งไฮ” ที่อ่างเก็บน้ำห้วยซำรู้ .อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นอย่างมาก เปิดให้นักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อน ล่องแพไม้ไผ่ แพหนึ่งสามารถนั่งได้ประมาณ 10 คน โดยชาวบ้านจะใช้เรือหางยาวลากแพไปไว้กลางอ่างเก็บน้ำ หลังจากนั้นจะให้แพลอยเรื่อยๆอยู่กลางน้ำ นั่งรับลมเย็นสบายกลางอ่างเก็บน้ำ บนแพจะมีเสื้อชูชีพบริการ .สามารถเล่นกระโดดน้ำหรือ จะเช่าห่วงยางมาเล่นน้ำก็ได้เช่นกัน น้ำที่นี่ใสและสะอาดน่าเล่นมากๆ มีเรือเป็ด เรือเล็กให้เช่า หรืออยากลองนั่งตกปลาก็ทำได้เช่นกัน.ค่าบริการ วันธรรมดา 300/4 ชม. วันหยุด 500/4 ชม.แพเปิดบริการทุกวัน มีบริการตอนกลางคืน คิดค่ากางเต้นนอนท่านละ 100 บาท.โทรศัพท์ : 087-200-9941.การเดินทาง : จากตัวเมืองพิษณุโลก ใช้เส้นทางหมายเลข 12 ไปทางทิศตะวันออกประมาณ 80 กม. ถึงสามแยกเข้านครไทย เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 2013 อีกประมาณ 13 กม. จากนั้นเลี้ยวซ้ายเข้าบ้านแก่งไฮ ไปอีกประมาณ 7 กม. ถึงอ่างเก็บน้ำห้วยซำรู้ ก่อนกลับเรามาแวะกันร้านกาแฟสุดชิคอยู่ท่ามกลางธรรมชาติสุดๆ ร้านกาแฟ Sappraiwan Elephant House Lake View Cafe (ทรัพย์ไพรวัลย์) ตั้งอยู่ภายในทรัพย์ไพรวัลย์ แกรนด์โฮเต็ลแอนด์รีสอร์ท จ.พิษณุโลก ที่นี่มาในคอนเซ็ป ” จิบกาแฟ ดูช้างเล่นน้ำ ” ที่นี่มีกิจกรรมร่วมกับช้างในทุกๆวันเสาร์-อาทิตย์ เช่น กิจกรรมทำเเซนวิชให้ช้าง เรียกได้ว่าทั้งอิ่มและสนุก แฮปปี้สุดๆไปเลย ร้านเปิดบริการตั้งแต่เวลา 10.00 – 18.00 น. (ปิดทุกวันพุธ)โทร. 081 533 7288

เที่ยวสองวัน ณ เมืองสองแคว อ่านเพิ่มเติม

ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย

“ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย” ที่ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท “ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย” ที่ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท “ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย” ที่ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท “ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย” ที่ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท

ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top