สถานที่ท่องเที่ยว

Kid Mai Death Cafe : มรณานุสติ คาเฟ่

คิดใหม่ คาเฟ่แห่งความตาย ซอยอารีย์ เมื่อเดินเข้าซอยมา เราจะพบกับอุโมงค์สีดำที่มีไฟสลัวๆ ตลอดทางเดินมีลักษณะเหมือนนิทรรศการขนาดย่อมที่ตั้งคำถามให้เราได้ขบคิดถึงการใช้ชีวิตของตัวเองที่ผ่านมา มีทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ ผ่านพ้นอุโมงค์ออกมา ก็จะเข้าสู่บริเวณร้าน ซึ่งออกแบบให้เหมือนกับอยู่ภายในวัดที่มีต้นไม้ร่มรื่น มีศาลาสวดพระอภิธรรมศพที่ตกแต่งในโทนสีขาวดำ อย่างกับอยู่ในงานศพจริงๆ เลย เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศของความตาย เราจึงเห็นโครงกระดูกมนุษย์นั่งบ้างนอนบ้างอยู่ตามที่ต่างๆ ภายในร้าน ไว้คอยเตือนใจให้ผู้มาเยือนได้คิดและทำสิ่งดีๆ ก่อนจะไม่มีโอกาสได้ทำ (แอบขนลุกเบาๆ นะเนี่ย ^^) เครื่องดื่มซิกเนเจอร์ของร้านมีอยู่ 4 อย่าง ซึ่งนำเอาหลักสัจธรรม “เกิด-แก่-เจ็บ-ตาย” มาสอดแทรกเป็นกิมมิคเก๋ๆ ตามคอนเซ็ปต์ของร้าน เมนูซิกเนเจอร์ทั้ง 4 เรียงจากซ้ายไปขวา ได้แก่Born – เกิด “ยากเพียงใดกว่ามนุษย์จะได้เกิดมาและมีลมหายใจ จงใช้ชีวิต”สตรอว์เบอร์รีโซดาสีสวยสดใสที่เข้มข้นจากด้านล่าง ขึ้นไปสู่ฟองอากาศด้านบนอันเป็นตัวแทนของลมหายใจที่หอมหวาน เจือด้วยอุปสรรคที่ขอบแก้วเป็นสีสันของชีวิต  Elder – แก่ “เมื่อการดำเนินชีวิตมาถึงช่วงเวลาหนึ่ง อวัยวะทั้งหลายของเราย่อมเสื่อมไปตามธรรมชาติ แต่ช่วงเวลาที่ผ่านมาสร้างให้เราสุขุม รอบคอบ มีสติและรู้จักคุณค่าของชีวิต”ช็อคโกแลตร้อนที่เข้มข้นจนถึงก้นแก้ว สื่อถึงสังขารที่ร่วงโรยและการปล่อยวาง Painful – เจ็บ “เครื่องดื่มนี้แทนเส้นทางการใช้ชีวิตที่ผ่านมา ที่ผ่านขวากหนามและอุปสรรคต่างๆ จนบางบาดแผลทิ้งร่องร่อยให้เป็นประสบการณ์ชีวิต”ซอสสตรอว์เบอร์รีเปรียบเสมือนเลือดที่เกิดจากบาดแผล ไหลไปตามวิปครีมที่แทนร่างกาย ลึกลงไปสู่จิตใจที่ก้นแก้ว Death – ตาย โกโก้ปั่นเข้มข้น สื่อถึงวาระสุดท้ายที่ร่างกายต้องสลายไปในที่สุด “ทดลองตาย ก่อนตาย”  การนำโลงศพมาตั้งแบบนี้เป็นกิจกรรมหนึ่งของร้าน ที่ให้เราลงไปนอนในโลงเพื่อให้ได้คิดพิจารณาถึงสิ่งต่างๆ ที่เคยทำลงไปและสิ่งที่อยากจะทำในอนาคต หลังออกมาจากโลงก็จะมีสมุดให้เขียน “ความตั้งใจที่จะทำหลังขึ้นมาจากโลงศพ” ซึ่งทั้งหมดนี้ใช้เวลาประมาณ 3 นาที มีเจ้าหน้าที่ของร้านเป็นคนเปิด-ปิดฝาโลงให้  สำหรับผู้กล้าที่ทดลองนอนในโลงศพจะได้ส่วนลดเครื่องดื่ม 5 บาทด้วย นอกจากการทดลองนอนในโลงศพแล้ว ยังมีกิจกรรมให้ผู้ที่มาเยือนได้ทำก่อนตาย เช่น เขียนพินัยกรรม และเขียนจดหมายถึงตัวเอง ซึ่งผู้ร่วมกิจกรรมก็จะได้ลดราคาเครื่องดื่ม 5 บาทเช่นกันค่ะ

Kid Mai Death Cafe : มรณานุสติ คาเฟ่ อ่านเพิ่มเติม

เขากระโจม สวรรค์ของการผจญภัยไม่ไกลกรุง

เขากระโจม ตั้งอยู่ที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ที่นี่เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งอยู่สุดเขตประเทศไทยทางภาคตะวันตกที่ติดกับประเทศพม่า โดยก่อนจะได้ชื่อว่า “เขากระโจม” นั้น ว่ากันว่าในสมัยก่อนชาวกะเหรี่ยงที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ได้ตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า “เขาลันดา” ซึ่งหมายถึงภูเขาที่มีที่ราบ ต่อมาคนไทยได้มาทำเหมืองแร่ดีบุกและเห็นลักษณะของเขาคล้ายกับกระโจมอินเดียนแดง จึงเรียกว่า “เขากระโจม” หรือ “เขาช่องกระโจม” นั่นเอง สำหรับการเดินทางขึ้นไปบนยอดเขากระโจมนั้น แอดบอกเลยว่าถูกใจสำหรับนักผจญภัยสายลุยแน่นอน เพราะตลอดระยะทาง 10 กิโลเมตรจากตีนเขาถึงยอดเขานั้น สมบุกสมบัน ท้าท้าย และหวาดเสียวพอดู แม้ช่วง 2 กิโลเมตรแรกจะเป็นทางลาดยางเรียบง่าย แต่หลังจากนั้นเรียกว่าตัวโยกกันไปมาเลยทีเดียว เพราะสภาพเส้นทางค่อนข้างลำบาก เป็นร่อง เนิน และหลุมบ่อสลับกัน มีความสูงชัน และในบางจุดนั้นต้องลุยน้ำที่สูงเกือบครึ่งคันรถเลยทีเดียว ซึ่งยานพาหนะที่ใช้ในการขึ้นเขาต้องเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น การเดินทางขึ้น-ลงเขากระโจมจะมีช่วงเวลากำหนดไว้ โดยช่วงเช้าตั้งแต่ 04.00-07.00 น. จะกำหนดให้รถเดินทางขึ้นอย่างเดียว หลังจากนั้นเวลา 07.00-09.00 น. จะเป็นเวลาที่ให้รถลงจากเขา ซึ่งทั้ง 2 ช่วงเวลานี้ห้ามรถสวนทางกันโดยเด็ดขาด และจะสามารถเดินทางขึ้น-ลงได้ปกติ ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. โดยหลังจาก 19.00 น. เป็นต้นไปจะไม่อนุญาตให้เดินทางขึ้นเขากระโจม เพราะเป็นเวลากลางคืน อาจเกิดอุบัติเหตุได้  บนยอดเขากระโจมเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น ดูดาวในยามค่ำคืน รวมไปถึงชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้า มีพื้นที่กว้างขวางล้อมรอบไปด้วยวิวภูเขามากมาย และยังมีธรรมชาติที่สดชื่นให้เราสูดหายใจได้เต็มปอด เหมาะสำหรับนักผจญภัยที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติเป็นอย่างมาก  บนยอดเขานี้สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ แต่ต้องนำเต็นท์ไปเอง รวมถึงอาหารด้วย เนื่องจากด้านบนเขาไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกบริการ อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่อยู่ระหว่างทางขึ้นเขากระโจมก็คือ “น้ำตกผาแดง” อยู่ห่างจากยอดเขากระโจมประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง เกิดจากห้วยลันดา และลำห้วยอื่นๆ บนเขากระโจมมารวมกันและไหลลงสู่หน้าผาหินสีแดงที่สวยงาม  แม้น้ำตกแห่งนี้จะไม่สามารถเล่นน้ำได้ แต่เราก็สามารถเดินไปตามก้อนหินเพื่อชมความงามของน้ำตกและธรรมชาติรอบข้างได้ ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังกันซักนิด เนื่องจากหินค่อนข้างลื่น ที่ตั้งเขากระโจม : ฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีพิกัด : https://goo.gl/maps/hbZQdSLhY352 การเดินทาง จากกรุงเทพ ใช้ถนนเพขรเกษม มุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี เมื่อถึงแยกห้วยไผ่ให้เลี้ยวขวา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3208 ไปอำเภอสวนผึ้ง ขับไปประมาณ 40 กิโลเมตร จะเจอแยกชัฏป่าหวาย ให้ขับตรงไปซอยเล็กจะทะลุเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3087 ขับตรงไปอีกประมาณ 28 กิโลเมตร จะถึงทางขึ้นเขากระโจม  สำหรับใครที่จะมาเขากระโจม และไม่มีรถโฟร์วีล ตรงปากทางขึ้นเขากระโจมก็มีบริการรถโฟล์วีลด้วย สามารถเช่าได้ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือจะเหมาค้างคืนบนเขาก็ได้ ติดต่อได้ที่ชมรมรักษ์เขากระโจม ถ้าที่พักอยู่ใกล้ๆ เขากระโจม ก็สามารถบอกให้รถมารับ-ส่งถึงที่พักได้เลย สอบถามข้อมูลหรือจองรถขึ้นเขาชมรมรักษ์เขากระโจม (คุณไก่ ประธานชมรมฯ)โทร. 087 135 8623

เขากระโจม สวรรค์ของการผจญภัยไม่ไกลกรุง อ่านเพิ่มเติม

D.E.D Thailand ร้านนี้มีแต่ทีเด็ด

คำว่า D.E.D มีที่มานะจ๊ะ เป็นตัวย่อมาจาก Delicious Extraordinary Dough ซึ่งหมายถึงแป้งขนมปังลูกครึ่ง ที่มีส่วนผสมของขนมปังบริยอช กับครัวซองต์ ความพิเศษที่มีเฉพาะที่นี่เท่านั้น ภายในร้านโปร่งโล่ง ตกแต่งแบบสบายๆ มีภาพวาดการ์ตูนน่ารักๆ อยู่ด้วย ที่นั่งมีให้เลือกหลายโซน แต่โซนที่แอดเห็นแล้วต้องรีบเข้าไปจับจองทันทีคือ โซนที่นั่งหมอนสามเหลี่ยม แม้จะนั่งลำบากเพราะใส่กระโปรง แต่แอดก็สู้ เพราะไม่อยากตกเทรนด์กระแส thainess ที่กำลังมาแรงในช่วงนี้ โซนที่นั่งริมหน้าต่างก็มีนะ ใครอยากไปนั่งสวยๆ เหม่อๆ ดูเหงาๆ ก็นั่งได้เลย มุมนี้ถ่ายรูปออกมาสวยไม่เบาเลยล่ะ มาถึงอาหารของเรา เมนูเด็ดของที่ร้าน ก็ต้องไม่พลาดแป้งพายที่เป็นลูกผสมระหว่างขนมปังบริยอชกับขนมปังครัวซองต์ เหมือนที่บอกไปตอนแรก ตัวแป้งทำออกมาในลักษณะของพิซซ่า เมนูแนะนำคือ “เด็ด ผักโขมอบชีส” และ “เด็ด มาซะหมั่น แห้งติดเกาะ” ส่วนเครื่องดื่มจะเป็นอิตาเลียนโซดา ที่มีชื่อเก๋ๆ อย่าง “กลีบกุหลาบแห่งฤดูกาล” (รสกุหลาบ) และ “สีสันแห่งฤดูร้อน” (รสมะม่วง) ซึ่งทำออกมาได้อร่อยชื่นใจ เมนูเด็ดของร้าน อร่อยกลมกล่อม แป้งพายกรอบนอกนุ่มใน เข้ากันได้ดีกับเครื่องโรยหน้าสไตล์ไทยๆ ปิดท้ายกันที่ของหวานแอดบอกเลยว่าไปถึงแล้วห้ามพลาดเมนู “สังขยาซ่อนแอบ”ขนมปังยัดไส้สังขยา ใส่ไส้มาให้เยอะมาก แต่ไม่หวานเลี่ยน อร่อยกำลังพอดี แป้งขนมปังก็นุ่ม อีกเมนูคือ “ซิ้ลกี้ แมงโก้

D.E.D Thailand ร้านนี้มีแต่ทีเด็ด อ่านเพิ่มเติม

Riverside Vibe: 6 ที่เที่ยวเดินเล่นชิล ถ่ายรูปสวย ติดแม่น้ำเจ้าพระยา

6 ที่เที่ยวเดินชิล ถ่ายรูปสวยติดแม่น้ำเจ้าพระยา– – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – – มาเริ่มที่แรกกันเลย Asiatique The Riverfrontคอมมูนิตี้มอลล์ริมแม่น้ำเจ้าพระยาที่เต็มไปด้วยประวัติศาสตร์และเรื่องราวในอดีต จากที่เคยเป็นท่าเรือของบริษัท อีสต์เอเซียติก บริษัทต่างชาติที่ทำธุรกิจส่งออกไม้สักตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 5 ปัจจุบันถูกปรับเปลี่ยนให้เป็นแหล่งพบปะสังสรรค์ของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติ  ลักษณะเด่นของที่นี่อย่างหนึ่งก็คืออาคารโกดังเก่าหลังคาโค้งเรียงต่อกันหลายหลัง อายุกว่า 100 ปี ซึ่งล้วนแล้วแต่เป็นโครงสร้างเดิมที่ได้รับการอนุรักษ์ไว้ โดยได้ปรับปรุงและเสริมความแข็งแรง เพื่อใช้เป็นร้านอาหารและร้านขายสินค้าต่างๆ เอเชียทีคเป็นสถานที่รวมแหล่งชอปปิ้ง ร้านอาหาร สถานที่ท่องเที่ยวเด่นๆ และกิจกรรมต่างๆ เอาไว้ อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่คือ ชิงช้าสวรรค์ขนาดยักษ์ที่จะทำให้เราสามารถมองเห็นวิวกรุงเทพฯ และแม่น้ำเจ้าพระยาได้แบบ 360 อาศา ยิ่งเป็นช่วงเย็นๆ ก็จะได้บรรยากาศพระอาทิตย์ตกสวยๆ ด้วย ล้ง 1919 สมัยก่อนที่นี่เป็นท่าเรือกลไฟและโกดังสินค้าของตระกูลหวั่งหลี ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบจีนโบราณ มีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือช่างชาวจีนแต้จิ๋ว ปัจจุบันได้รับการบูรณะให้เป็นแหล่งรวมร้านค้าร้านอาหารขนาดย่อม ให้นักท่องเที่ยวได้มาจับจ่ายใช้สอย ถ่ายรูป และทำกิจกรรมต่างๆ รวมไปถึงเรียนรู้เรื่องราวของชาวจีนผ่านสถาปัตยกรรมเก่าแก่อีกด้วย นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นที่ตั้งของศาลเจ้าแม่หม่าโจ้ว ที่มีอายุมากกว่า167 ปี ศูนย์รวมจิตใจของชาวจีนที่โล้สำเภาเข้ามาค้าขายยังแผ่นดินไทย ให้เราได้กราบไหว้กันด้วย ล้ง 1919 Warehouse 30ครีเอทีฟ คอมมูนิตี้ คอมเพล็กซ์ ที่ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 30 ถูกแปลงโฉมจากโกดังเก่าให้กลายมาเป็นแหล่งแฮงก์เอาท์สุดฮิป ที่รวบรวมร้านอาหาร คาเฟ่ ร้านขายสินค้าไอเดียเก๋ๆ หลากหลายประเภท ไปจนถึงโรงฉายหนัง และยังมีพื้นที่ Co-Working Space ให้ทุกคนได้มาเดินชอป นั่งชิล หรือร่วมสนุกกับกิจกรรมต่างๆ ได้ทุกวัน The Jam Factoryสถานที่แห่งนี้เกิดขึ้นโดยคุณด้วง ดวงฤทธิ์ บุนนาค สถาปนิกชื่อดัง (ผู้ทำโครงการ Warehouse 30) ที่ได้ปรับพื้นที่โกดังเก่าบริเวณท่าเรือคลองสาน ซึ่งเคยเป็นโรงงานถ่านไฟฉายตรากบ โรงงานน้ำแข็ง และโรงงานทำยา เนื้อที่กว่า 4 ไร่ ให้กลายเป็นสถานที่ชิลเอ้าท์ โดยรักษาโครงสร้างอาคารเดิมเอาไว้ให้มากที่สุด ภายในโครงการเป็นเหมือนศูนย์รวมความอาร์ตและความคิดสร้างสรรค์ เพราะได้รวบรวมทั้งร้านขายเฟอร์นิเจอร์สุดเก๋ ร้านหนังสือ ร้านกาแฟ art gallery มารวมไว้ในที่เดียวกัน และยังมีพื้นที่สำหรับจัดงานต่างๆ เช่น ตลาดศิลปะ หรืองานคอนเสิร์ตเล็กๆ ใครที่ชอบบรรยากาศชิลๆ หรืออยากมานั่งหาแรงบันดาลใจ ขอบอกเลยว่า The Jam Factory เป็นอะไรที่ตอบโจทย์มากๆ ยอดพิมาน ริเวอร์วอล์คคอมมูนิตี้มอลล์สไตล์โคโลเนียล ที่เรียกได้ว่าอยู่ในทำเลที่สวยที่สุดแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ เพราะเมื่อมองออกไปยังแม่น้ำ เราจะได้เห็นวิวคุ้งน้ำเจ้าพระยาที่มีวัดอรุณราชวรารามเป็นฉากหลัง  ที่นี่เหมาะสำหรับการเดินชิม ชอป เพราะมีทั้งร้านค้าและร้านอาหารบรรยากาศดีหลายร้านให้เลือก ท่ามหาราชเดิมเป็นท่าเรือข้ามฟากเล็กๆ ที่ไม่คึกคักเท่าไรนัก ตั้งอยู่ระหว่างท่าช้างและท่าพระจันทร์ กาลเวลาผันเปลี่ยนไป ในที่สุดพื้นที่แห่งนี้ได้ถูกเปลี่ยนเป็น open-air shopping & lifestyle market ที่เข้ากับวิถีชีวิตของคนรุ่นใหม่ แต่ยังคงมีกลิ่นอายของวิถีชีวิตชุมชนบนเกาะรัตนโกสินทร์ ท่ามหาราช เป็นแหล่งรวมศิลปะและวัฒนธรรม มีร้านค้า ร้านอาหารมากมาย รวมทั้งศูนย์พระเครื่องและสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่เปรียบเสมือนรากเหง้าของผู้คนในชุมชน เอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของที่นี่ก็คือเหล่า food truck ที่มีให้เลือกหลากหลาย

Riverside Vibe: 6 ที่เที่ยวเดินเล่นชิล ถ่ายรูปสวย ติดแม่น้ำเจ้าพระยา อ่านเพิ่มเติม

แอ่วเมืองแป้ ชม 7 อาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่

1. บ้านวงศ์บุรี บ้านวงศ์บุรี หรือ คุ้มวงศ์บุรี สร้างเมื่อ พ.ศ.2440 ตามดำริของแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา ชายาองค์แรกในเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย เพื่อมอบให้เป็นของกำนัลในการเสกสมรสระหว่างเจ้าสุนันตา ธิดาพระยาบุรีรัตน์ (น้อยหนู มหายศปัญญา) บุตรีบุญธรรมของท่าน และหลวงพงษ์พิบูลย์ (เจ้าพรหม วงศ์พระถาง)  บ้านวงศ์บุรีมีลักษณะเป็นเรือนปั้นหยาแบบประยุกต์ทรงยุโรป ตกแต่งลวดลายฉลุตามส่วนต่างๆ ของบ้าน เช่นที่หน้าจั่ว ชายคา ระเบียง ช่องลม หน้าต่าง และประตู ที่ซุ้มประตูด้านหน้า (ด้านถนนคำลือ) ประดับปูนปั้นรูปแพะ เป็นตัวแทนของหลวงพงษ์พิบูลย์และแม่เจ้าสุนันตาซึ่งเกิดในปีแพะ ภายในจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าแก่ของตระกูลที่ตกทอดกันมาหลายชั่วอายุคน  พิกัด : https://goo.gl/maps/Es9iuqr8TT62 2. คุ้มเจ้าหลวง คุ้มเจ้าหลวงเมืองแพร่ เป็นที่ประทับของเจ้าหลวงพิริยเทพวงศ์ เจ้าผู้ครองนครแพร่องค์สุดท้าย เป็นสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมยุโรป หลังคามุงไม้แป้นเกล็ด มีมุขยื่นออกมาทางด้านหน้า หน้าจั่วและชายคาประดับด้วยไม้ฉลุลวดลายงดงาม ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐถือปูน ไม่มีการลงเสาเข็ม แต่ใช้ท่อนซุงรองรับฐานเสาทั้งหลังแบบโบราณ อาคารสูงจากพื้นดินประมาณ 2 เมตร ใต้ถุนอาคารเคยใช้เป็นที่คุมขังนักโทษ ปัจจุบันเรายังเห็นโครงสร้างต่างๆ ของที่คุมขัง และมีการเจาะพื้นสำหรับให้อาหารนักโทษอีกด้วย  พิกัด : https://goo.gl/maps/RLkRBTFZFRP2 3. บ้านวงศ์พระถาง บ้านวงศ์พระถางเป็นของเจ้าเสาร์ วงศ์พระถาง น้องชายของหลวงพงษ์พิบูลย์ (บุตรเขยของแม่เจ้าบัวถา มหายศปัญญา) เจ้าของบ้านวงศ์บุรี โดยสร้างตามแบบบ้านวงศ์บุรีแต่ดัดแปลงให้มีขนาดเล็กลง แล้วเสร็จในราว พ.ศ.2467 และเป็นบ้านเจ้านายหลังสุดท้ายในจังหวัดแพร่ที่สร้างแบบเรือนขนมปังขิง ปัจจุบันบ้านหลังนี้ยังเป็นที่อยู่อาศัยของลูกหลานและได้รับการดูแลเป็นอย่างดี  พิกัด : https://goo.gl/maps/jj3ZjGj5VcR2 4. บ้านขัติยะวรา เป็นบ้านของเจ้าน้อยโข้ และเจ้าอ่อน ขัติยะวรา ผู้สืบเชื้อสายมาจากอดีตเจ้าผู้ครองนครแพร่ สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นราว พ.ศ.2466 เป็นอาคารชั้นเดียวใต้ถุนสูง ลักษณะแบบเรือนขนมปังขิง ตกแต่งด้วยลายฉลุที่เชิงชาย หน้าจั่ว และกรอบประตูอย่างสวยงาม พิกัด : https://goo.gl/maps/kLh1L8JXdmN2 6. บ้านเจ้าหนานไชยวงศ์ พระยาบุรีรัตน์ (เจ้าน้อยหนู มหายศปัญญา) เป็นผู้สร้างบ้านหลังนี้ขึ้นราว พ.ศ.2450 เพื่อเป็นเรือนหอให้ธิดาของท่านคือ แม่เจ้าสุธรรมา กับพ่อเจ้าหนานไชยวงศ์ เป็นบ้านไม้โบราณฉลุลายแบบขนมปังขิง สันนิษฐานว่าใช้ช่างชุดเดียวกับบ้านวงศ์บุรี ตัวบ้านทาสีไข่ไก่ขลิบแดง ด้านในไม่ทาสีเพื่อให้เห็นเนื้อไม้ ที่พิเศษคือบ้านหลังนี้มีห้องน้ำอยู่ภายในตัวบ้านมาแต่เดิม ปัจจุบันยังคงเป็นที่อยู่อาศัยของทายาท และมีโครงการจะสร้างเป็นพิพิธภัณฑ์ในอนาคต  พิกัด : https://goo.gl/maps/irhrXZvgEs52 7. คุ้มวิชัยราชา คุ้มวิชัยราชา หรือ คุ้มเจ้าโว้ง สร้างราว พ.ศ.2434-2438 โดยพระวิชัยราชา (เจ้าหนานขัติ แสนศิริพันธุ์) มีเรื่องเล่าว่าเมื่อคราวเกิดเหตุการณ์เงี้ยวปล้นเมืองแพร่ ท่านได้ให้การช่วยเหลือข้าราชการที่ถูกพวกเงี้ยวตามล่า โดยพาขึ้นไปหลบซ่อนบนเพดานคุ้มอยู่หลายวันจนปลอดภัย จึงได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น “พระวิชัยราชา” คุ้มวิชัยราชาเป็นเรือนไม้สัก 2 ชั้น หลังคาทรงมะนิลามุงด้วยไม้แป้นเกล็ด ตัวบ้านทาสีครีมและเขียว มีการประดับส่วนต่างๆ ของบ้านด้วยลายฉลุงดงามอ่อนช้อย แบบเรือนขนมปังขิง หลังจากที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน ปัจจุบันบ้านหลังนี่ได้รับการบูรณะซ่อมแซมจนอยู่ในสภาพดี พิกัด : https://goo.gl/maps/irhrXZvgEs52

แอ่วเมืองแป้ ชม 7 อาคารสถาปัตยกรรมเก่าแก่ อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวใกล้กรุง 2 วัน 1 คืน ที่ราชบุรี

“เที่ยวใกล้กรุง 2 วัน 1 คืน ที่ราชบุรี” วันแรก เริ่มต้นทริปกันแบบหิวๆ ยามเช้า กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดราชบุรีที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือ “ตลาดน้ำดำเนินสะดวก” ที่มีความเก่าแก่กว่า 100 ปี  ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก เดินทางมาชม ชอป และชิมของอร่อย รวมทั้งซึมซับบรรยากาศของตลาดน้ำแห่งนี้ ถ้าใครอยากมาเที่ยว ขอแนะนำว่าให้มาช่วงเช้า เนื่องจากแดดไม่ร้อนและมีเรือขายสินค้าจำนวนมาก ที่นี่มีอาหารให้เลือกซื้อ เลือกชิมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กุยช่ายโบราณ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยจั๊บ ข้าวหมูแดง ต่อด้วยขนมไทยนานาชนิดก็มีให้ทาน ไม่ว่าจะเป็น ทองม้วน ทองหยิบ ทองหยอด ขนมเบื้อง ขนมถังแตก แล้วปิดท้ายด้วยผลไม้รสชาติอร่อย เช่น ส้มโอ มะม่วง กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม เป็นต้น ใครที่หิวๆ มา สามารถมาฝากท้องฝากพุงไว้ที่นี่ได้เลย นอกจากนี้ที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ยังมีบริการเรือนำเที่ยวพาชมสวน และการทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เรือพาย ราคาลำละ 400 บาท เรือหางยาว ราคาคนละ 100 บาท สอบถามข้อมูลได้ที่ ท่าเรือยุวันดา โทร. 032 241 392, 086 668 9471, 089 161 0909 เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 12.00 น. (ช่วง 08.00 – 11.00 น. จะมีของขายเยอะ) การเดินทางใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลยกิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อยจะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 325 ประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์ไปประมาณ 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/iVJ2nWB6iiA2 ที่ต่อมา เราพามาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมกันที่ “พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน” ตั้งอยู่ในวัดขนอน อำเภอโพธาราม เป็นอาคารเรือนไทย ภายในจัดแสดงหนังใหญ่ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์สวยงามจำนวน 313 ตัว โดยส่วนใหญ่เป็นตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.30 น.นอกจากนี้ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. จะมีการแสดงหนังใหญ่ ณ โรงละครหนังใหญ่ให้ชมฟรีด้วย  สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. 089 555 4195, 032 234 834 เปลี่ยนแนวมาชมธรรมชาติกันบ้างกับ “อุทยานหินเขางู” เดิมที่นี่เป็นแหล่งระเบิดหินและย่อยหินที่สำคัญของประเทศไทย แต่หลังจากที่ได้มีการยกเลิกสัมปทานและปรับปรุงภูมิทัศน์ ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดราชบุรีไปแล้ว มีจุดให้พักผ่อนหย่อนใจมากมายไม่ว่าจะเป็น สะพานแขวนซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปเก๋ๆ หรือจะออกกำลังกายน่องโดยการถีบเรือเป็ด กินลมชมวิวก็ชิลล์ไม่แพ้กัน บริเวณอุทยานหินเขางูยังเป็นที่ตั้งของถ้ำหลายแห่ง ที่สำคัญได้แก่ ถ้ำฤาษี ถ้ำฝาโถ ถ้ำจาม และถ้ำจีน ซึ่งแต่ละถ้ำมีภาพสลักหินที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยทวารวดี นับเป็นร่องรอยศิลปะทวารวดีที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง (ในภาพคือภายในถ้ำฤาษี ซึ่งมีพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท ปางแสดงธรรม ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง) อุทยานหินเขางู เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น.ไม่เสียค่าเข้าชม การเดินทางจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3087 (ราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง) ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร เมื่อถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวาจากนั้นขับไปประมาณ 1 กิโลเมตร อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางซ้ายมือ หรือจากวัดหนองหอย ใช้ทางหลวงหมายเลข 3089 อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางขวามือพิกัด https://goo.gl/maps/48ywbyKGNR62 คืนนี้นอนนี่นะ…”ไฮซีน รีสอร์ท” ที่พักบนเนินเขาท่ามกลางขุนเขากับวิวหลักล้าน มองเห็นทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา พักกายพักใจกันในคืนนี้ ชาร์จแบตกันให้เต็มที่ ก่อนที่จะไปลุยกันต่อในวันต่อไป  ที่ตั้ง : 250 หมู่ 2 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โทร. 084 343 7434พิกัด : https://goo.gl/maps/eJwUq5ovtZo  เช้าวันที่สอง แฮปปี้ดี๊ด๊ากันที่ “The Scenery Vintage Farm” สถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตในอำเภอสวนผึ้ง รับรองว่าถูกอกถูกใจผู้ที่ชื่นชอบแกะเล็กแกะใหญ่แน่นอน มาได้ทั้งวัยรุ่น วัยเรียน หรือจะมาเป็นครอบครัวก็ยิ่งดี มีกิจกรรมให้ทำมากมายเลยล่ะ.เปิดวันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร)– วันจันทร์ และวันพุธ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 18.00 น.– วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 18.30 น..ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็กสูงไม่ถึง 120 ซม. 30 บาท.ที่ตั้ง : 234 หมู่ 7 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีโทร. 098 263 1236พิกัด : https://goo.gl/maps/6CKfUtnCQDL2 ถ้าอยากเปลี่ยนอารมณ์จากการชมฟาร์มชมไร่ ให้อาหารแกะ มาทำอะไรสนุกๆ ตื่นเต้น ท้าทาย ที่เดอะ

เที่ยวใกล้กรุง 2 วัน 1 คืน ที่ราชบุรี อ่านเพิ่มเติม

วัดนิเวศธรรมประวัติ

วัดนิเวศธรรมประวัติ ตั้งอยู่บนเกาะกลางแม่น้ำเจ้าพระยา อยู่ฝั่งตรงข้ามกับพระราชวังบางปะอิน ถ้าขับรถยนต์ส่วนตัวไปสามารถจอดได้ที่ลานจอดรถเดียวกับพระราชวังบางปะอิน และจากนั้นก็นั่งกระเช้าข้ามที่วัด กระเช้าจะสามารถขึ้นได้แค่ไม่เกิน 10 คนเท่านั้น (แค่ 10 คนก็แอบหวิวๆแล้ว) ภายนอกของโบสถ์วัดนิเวศธรรมประวัติ ที่มาที่ไปเกิดจากการที่พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว โปรดให้สร้างเลียนแบบโบสถ์ฝรั่ง เมื่อ พ.ศ. 2421 แม้แต่ที่ประดิษฐานองค์พระประทานก็ทำเหมือนที่ตั้งไม้กางเขนในโบสถ์คริสต์ พระพุทธนฤมลธรรโมภาส และพระสาวก 

วัดนิเวศธรรมประวัติ อ่านเพิ่มเติม

หนีดำจากเมืองกรุง..มุ่งไปดำน้ำที่เมืองชล

หนีดำจากเมืองกรุง..มุ่งไปดำน้ำที่เมืองชล ช่วงนี้ ใครๆก็บ่นร้อน บ่นดำ เพราะแดดแรง! แอดมินเลยมีทริปหนีร้อน 2 วัน 1 คืน ที่เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มานำเสนอ นั่นคือที่ “อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี” ใครสนใจก็ปักหมุด กดแชร์ วางแผนเที่ยวตามกันได้เลย!! อ.สัตหีบ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากเหล่าราชนาวีไทย ไม่ว่าจะเป็น เกาะขาม หาดน้ำใส เกาะแสมสาร ฯลฯ ต่างพร้อมใจต้อนรับนักเดินทาง ให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ดำน้ำทักทายฝูงปลา ชื่นชมความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศใต้โลกสีคราม ดินแดนแห่งนี้ยังเปี่ยมล้นเรื่องราวน่าประทับใจ และอีกหลากหลาย แง่มุมน่าค้นหา… มีเวลาวันหยุดพักผ่อนเมื่อไหร่ อย่าลืมชวน แก๊งเพื่อนสนิทมาเริงร่าท้าฟองคลื่น ซึมซับวิถีชีวิตเรียบง่าย ของผู้คนในชุมชนชาวประมงเก่าแก่ ลิ้มรสบรรดากุ้ง ปู เนื้อสดหวาน ฯลฯ คอนเฟิร์มทริปนี้คุ้มค่า หรรษาตลอดการเดินทางแน่นอน Day 107.30 น. เตรียมชุดตัวเอง แว่นกันแดดสวยๆ หยิบกล้องประจำตัว ออกเดินทางออกจากกรุงเทพฯ 09.00 – 10.00 น. Surf & Turf Beach Club & Restaurant ร้านบรรยากาศสุดชิลนั่งเพลินริมทะเล ทานอาหารรสชาติอร่อย หลากหลายแบบ ฟังเสียงคลื่นทะเล มีมุมให้เลือกนั่งหลายมุม และมีความเป็นส่วนตัวผ่อนคลายสุดๆ เปิด: ทุกวัน 09.00-23.00 นโทร.091 758 3895 10.30 – 11.30 น. ทานอาหารจนอิ่มแล้ว ก็ไปเที่ยวต่อที่ “เขาพระตำหนัก” ซึ่งสามารถชื่นชมทัศนียภาพเวิ้งอ่าวพัทยาสวยเต็มตาแล้ว ยังสามารถแวะสักการะ อนุสาวรีย์พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บิดาแห่งกองทัพเรือไทยขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย  12.00-13.30 น. เมื่อถึงเวลาเที่ยง ก็แวะร้าน “The Glass House The Glass House” ร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศสุดชิลล์ ตัวร้านเป็นเรือนกระจกใสที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เหมาะกับการนั่งรับประทานอาหารพร้อมชมวิวทะเลไปด้วย หรือใครที่อยากรับลมเย็นๆ ก็สามารถนั่งโซนด้านนอกที่เป็นหาดทรายเนียน สำหรับอาหารของที่นี่มีหลากหลาย ให้เลือกทาน  เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 11.00 – 23.59 น.โทรศัพท์ : 038 255 922, 081 266 6110 14.30 -17.30 น. หนังท้องตึง ก็ไปเที่ยวต่อกันที่ “หาดทรายแก้ว” เป็นหาดที่สวยงาม อยู่ในความดูแลของหหารเรืออยู่ใกล้โรงเรียนชุมพลทหารเรือ เป็นหาดทรายขาวละเอียด และสวยงามมาก มีน้ำทะเลใส เหมาะแก่การดำน้ำและพักผ่อนหย่อนใจ หรือใครอยากเล่นห่วงยาง พายเรือคายัค ฯลฯ ก็พร้อมบริการอย่างครบครัน และบริเวณนี้ ห้ามก่อไฟ ห้ามประกอบอาหาร ห้ามเล่นการพนัน ห้ามส่งเสียงดังรบกวน หากฝ่าฝืนปรับ 1,000 บาทเชียวนะ 18.00-19.00 น. เที่ยวมาทั้งวันแล้ว ทานอาหารเย็นกันที่ “ร้านอาหารบ้านเพื่อนทะเล” ซึ่งตัวร้านยื่นออกไปในทะเลบรรยากาศชิลล์ๆ สามารถรับลมทะเลได้อย่างเต็มที่ พร้อมอร่อยกับอาหารทะเลสดๆ ที่ขนมาเสิร์ฟหลากหลายเมนู  เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 10.00 – 23.00 น.โทรศัพท์ : 09-9623-5693 19.15 น. เข้าพักที่ บ้านสัตหีบ ที่พักสัตหีบบรรยากาศดี สีขาวทำให้เข้ากับบรรยากาศทะเล มีที่พักให้เลือกสองกลุ่ม คือ ‘ลมทะเล’ ที่สามารถเห็นบรรยากาศทะเลสัตหีบได้แบบ 180 องศา และ ‘ลมบก’ ที่พักราคาย่อมเยา แต่ใช้ห้องน้ำรวมและเห็นวิวทะเลสวยๆเช่นกัน โดยห้องน้ำและสุขาแยกออกจากเพื่อความสะดวกของผู้เข้าพัก  ติดต่อที่พักสัตหีบ : 089 929 7807 หรือ 038 439 304 Day 207.00-08.00 น. ทานมื้อเช้าเช็คเอาท์ออกจากที่พัก 08.30-14.00 น. เช้านี้รับประทานอาหารให้อิ่มท้อง เช็คเอาท์แล้วแตะคันเร่งไปจับจองตั๋วเรือรอบ 9 หรือ 10 โมง ที่ท่าเทียบเรือหมาจอ เพื่อมุ่งหน้าสู่ “อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม” เกาะสวรรค์สำหรับนักเดินทาง ซึ่งถูกจัดให้เป็นพื้นที่แห่งการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมใต้ท้องทะเล บริเวณอ่าวฝั่งทิศเหนือ เหมาะแก่การเปลือยเท้าเปล่าสัมผัสผืนทรายเนียนละเอียด สูดอากาศ บริสุทธิ์ลงเล่นน้ำ สนุกสนานกับการพายคายัค  ส่วนทิศใต้นั้น แม้เต็มไปด้วย ทรายหยาบและโขดหิน ทว่าก็มีมุมสวยๆ บนสะพานไม้ให้กดชัตเตอร์ ถ่ายรูปจนหนำใจที่สำคัญมาแล้วห้ามพลาด สวมชูชีพใส่สน็อกเกิ้ล ตื่นตา กับความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ ปะการังสมอง ดอกไม้ทะเล หยิบกล้องถ่ายภาพใต้น้ำ ตามบันทึกความน่ารักของ ฝูงปลาผีเสื้อ เจ้าสลิดหิน ปลาอมไข่ หอยมือเสือ ฯลฯ  แต่ถ้าใครไม่สันทัด การดำน้ำ คุณก็สามารถใช้บริการเรือท้องกระจก เพลิดเพลินกับความ สวยงามได้เช่นกัน 14.00 – 14.45 น. นั่งเรือกลับ 15.30 – 17.00 น. ทานอาหารเย็นก่อนกลับที่ ร้าน “ลุงไสว ซีฟู้ด” ร้านอาหารบนหาดจอมเทียน บรรยากาศดีริมชายหาด มองเห็นทะเลสวยๆ ระหว่างรับประทานอาหาร ที่นี่มีอาหารทะเลสดใหม่คอยบริการ และมีให้เลือกหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นกุ้งอบวุ้นเส้น หมึกผัดไข่เค็ม กรรเชียงปูนึ่ง แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว

หนีดำจากเมืองกรุง..มุ่งไปดำน้ำที่เมืองชล อ่านเพิ่มเติม

สืบสาวราวเรื่องเมืองราชบุรี ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี อยู่ริมถนนวรเดช ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี เดิมเป็นศาลากลางจังหวัดราชบุรี สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกสวยงาม  ภายในอาคารจัดแสดงเรื่องราวเมืองราชบุรีในด้านธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ร่องรอยอารยธรรม และความหลากหลายชาติพันธุ์และกลุ่มชนที่สุดแห่งหนึ่ง เช่น ลาวโซ่งกะเหรี่ยง และไทย-ยวน รวมทั้งงานหัตถกรรมศิลปะพื้นบ้าน เช่น เครื่องปั้นดินเผาเครื่องหล่อ ผ้าทอ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี จัดแสดงเป็นห้องในช่วงยุคสมัยต่าง ๆ ประกอบด้วย  ห้องที่ 1 ธรณีวิทยา แหล่งกำเนิดทรัพยากรธรรมชาติประเภทดิน หิน แร่ และตัวอย่างของซากดึกดำบรรพ์ หิน แร่ อัญมณี จากทรัพยากรธรรมชาติที่มีกำเนิด ในจังหวัดราชบุรี และรูปจำลองภูมิประเทศของจังหวัดราชบุรี ห้องที่ 2 ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงร่องรอยหลักฐานของมนุษย์ในยุคแรก ๆ ที่มีการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยในจังหวัดราชบุรี โดยโบราณวัตถุที่พบในจังหวัด เช่น เครื่องมือหิน ภาชนะดินเผา เครื่องประดับจากหินสี และโลหะ และโครงกระดูกมนุษย์  ห้องที่ 3 สมัยทวารวดี ร่องรอยวัฒนธรรมทวารวดีในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-15 เมืองโบราณคูบัว และทิวเขางู ห้องที่ 4 สมัยลพบุรี พบหลักฐานศิลปวัฒนธรรมเขมร ช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-19 หลักฐานทางด้านโบราณคดี เช่น พระปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองโบราณโกสินารายณ์ ในท้องที่อำเภอบ้านโป่ง ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เปล่งรัศมี เป็นโบราณวัตถุที่โดดเด่นของพิพิธภัณฑ์ พบที่บริเวณจอมปราสาท เมืองโบราณโกสินารายณ์ อันเป็นจำนวน 1 ใน 5 องค์ ซึ่งพบในดินแดนประเทศไทย  ห้องที่ 5 สมัยอยุธยา ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-24 ชื่อเมืองราชบุรีมีปรากฏในศิลาจารึกสุโขทัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หลักที่ 1 เป็นเมืองท่าสำคัญด้านตะวันตก และเมืองหน้าด่านปราการชั้นในของกรุงศรีอยุธยา เป็นสมรภูมิรบมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในห้องนี้จัดทำฉากจำลองโบราณวัตถุประเภทเครื่องปั้นดินเผาชนิดต่าง ๆ ที่จมอยู่ใต้ลำน้ำแม่กลอง ห้องที่ 6 สมัยรัตนโกสินทร์ เรื่องราวในช่วง พ.ศ. 2325-2485 แสดงถึงความสำคัญของเมืองราชบุรีซึ่งเกี่ยวข้องกับพระบรมราชจักรีวงศ์ในด้านต่างๆ เช่น การเมือง การปกครอง สังคมเศรษฐกิจ การพัฒนาท้องถิ่น และกิจการเสือป่า และมีพระแสงราชศาสตราประจำมณฑลราชบุรี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นสัญลักษณ์แทนพระองค์แก่ราษฎรจังหวัดราชบุรี และภาพถ่ายเก่าจังหวัดราชบุรีสมัยรัชกาลที่ 5-6  ห้องที่ 7 ราชบุรีในวันนี้ จัดแสดงสภาพในปัจจุบันของจังหวัดราชบุรี ทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง สังคม เศรษฐกิจ ประชากร การประกอบอาชีพ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งทางด้านวัฒนธรรม และธรรมชาติ งานศิลปหัตถกรรมพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดราชบุรี  ห้องที่ 8 วัฒนธรรมพื้นบ้าน จัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมา วิถีชีวิต และสิ่งของเครื่องใช้ที่สำคัญของชนกลุ่มต่างๆ ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยในจังหวัดราชบุรี โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายลาวโซ่ง ชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง และชาวไทยเชื้อสายไทยวน โดยนำลักษณะเด่นทางวัฒนธรรมของแต่ละกลุ่มชนมาจัดแสดง ได้แก่ ภาพถ่ายสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ในพิธี เซ่น ผีเฮือนของชาวไทยเชื้อสายลาวโซ่ง หุ่นจำลองบ้านเรือนพักอาศัยของชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง เครื่องมือเครื่องใช้ ผ้าซิ่นตีนจก ลวดลายต่างๆ ทอมาแต่โบราณของชาวไทยเชื้อสายไทยวน ห้องที่ 9 จัดแสดงผลิตภัณฑ์และกรรมวิธีการผลิตโอ่งมังกร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สัญลักษณ์สำคัญ และเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของเมืองราชบุรีมาจนถึงปัจจุบัน  ห้องที่ 10 จัดแสดงเรื่องราวของนักกีฬาที่ทำชื่อเสียงให้จังหวัดราชบุรีและประเทศไทย ในการแข่งขันกีฬาประเภทและระดับต่าง ๆ โดยสื่อในการจัดแสดงเป็นรางวัลที่นักกีฬาได้รับ เช่น โล่และถ้วยเกียรติยศ เหรียญรางวัล และธงกีฬา รวมทั้งภาพถ่ายกิจกรรมการกีฬาและนักกีฬาที่มีชื่อเสียง พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดให้บริการวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์-วันอังคาร) ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท เด็กไม่เสียค่าเข้าชม ชาวต่างชาติ 30 บาท  สอบถามข้อมูล โทร. 032 321 513, 032 338 964

สืบสาวราวเรื่องเมืองราชบุรี ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top