อาหารท้องถิ่น

กาดกองต้า (ลำปาง) วันวานยังหวานอยู่

กาดกองต้า (ลำปาง) วันวานยังหวานอยู่ กาดกองต้าถนนคนเดินหรือถนนตลาดจีน เดิมบริเวณนี้เป็นชุมชนทางเศรษฐกิจที่มีอายุกว่าร้อยปี ตั้งอยู่ริมน้ำวัง ซึ่งถือเป็นชัยภูมิชั้นดี ต่อมาได้พัฒนาสู่การเป็นศูนย์กลางการค้าขายและส่งผ่านสินค้าสำคัญของเมืองลำปาง ในปี พ.ศ. 2459 ศูนย์กลางการค้าแห่งนี้ถูกลดบทบาทลง เนื่องจากมีการตัดเส้นทางรถไฟสายเหนือมาถึงลำปาง ผู้คนในจังหวัดจึงขยายถิ่นฐานไปตั้งอยู่รอบๆ สถานีรถไฟ ก่อเกิดชุมชนใหม่ที่เรียกว่า “ชุมชนเก๊าจาว” ปล่อยชุมชนกองต้าให้อยู่กับความเงียบเหงา จนในปัจจุบันที่นี่ได้หวนกลับมาเป็นย่านการค้าที่สำคัญอีกครั้ง โดยความตั้งใจของชาวลำปางที่ต้องการอนุรักษ์วันวานและสร้างสีสันให้เมืองนี้น่าเที่ยว ถนนคนเดินกาดกองต้า สองข้างทางเรียงรายด้วยตึกเก่าอันทรงคุณค่า โดยสถาปัตยกรรมเหล่านี้มีทั้งศิลปะตะวันตก พม่า-ไทใหญ่ และจีนซึ่งยังคงได้รับการดูแลรักษาอย่างดี นอกจากจะได้เลือกซื้อหาสินค้าพื้นเมือง สินค้าทำมือ อาหารพื้นบ้าน สินค้าที่ระลึกแล้ว ยังมีการแสดงวัฒนธรรมบนลานกิจกรรมที่พร้อมพาทุกคนย้อนอดีตกลับไปสู่วันวานที่เคยรุ่งเรืองของลำปางอีกครั้ง กาดกองต้าเปิดทุกวันเสาร์และอาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 18.00 น. – 22.00 น.

กาดกองต้า (ลำปาง) วันวานยังหวานอยู่ อ่านเพิ่มเติม

ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย

“ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย” ที่ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท “ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย” ที่ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท “ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย” ที่ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท “ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย” ที่ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อำเภอสรรคบุรี จังหวัดชัยนาท

ข้าวเหนียวสังขยาหน้าควายลุย อ่านเพิ่มเติม

รวม 8 ที่เที่ยวสไตล์สายฮิป…ที่กาฬสินธุ์

อย่างที่รู้กันว่าการเดินทางในภาคอีสานยังไม่ค่อยสะดวกเพราะที่เที่ยวแต่ละที่อยู่ไกลกันแถมรถโดยสารก็ไม่ค่อยมี แต่ไม่ใช่ปัญหาสำหรับเรา เราบินมาลงที่ จ.ร้อยเอ็ด แล้วเช่ารถขับเอง จากร้อยเอ็ดไปกาฬสินธุ์แค่ครึ่งชั่วโมงเท่านั้น มาดูกันว่าเรามาทำอะไรบ้างที่กาฬสินธุ์ 1. เดินดูบ้านไม้เก่าในเมือง เราชอบเดินดูบ้านเรือนตึกเก่า ๆ ถ่ายรูปประตูหน้าต่างสวย ๆ ที่กาฬสินธุ์จะมีย่านวัดกลาง ที่เป็นบ้านไม้เก่าแก่อายุ 80-100 ปี ที่ผู้คนยังอาศัยอยู่ แต่มีบางบ้านก็ร้างไปแล้ว รถราที่นี่ยังไม่เยอะเลยเดินเล่นได้อย่างชิว ๆ ใครอยากมาเดินเล่นให้มาตรงวัดกลางแล้วเดินเล่นรอบ ๆ วัดได้เลย 2. นั่งชิวร้านกาแฟ ในเมืองเล็กๆ เราคิดว่าน่าจะมีร้านกาแฟเก๋ ๆ อยู่ที่ไหนซักที่ เราเดินมาเจอร้าน Cafe de Supak กับร้าน Hug a Mug cafe ซึ่งจัดว่าดีงามทั้งสองร้าน เริ่มที่ Cafe de Supak เป็นร้านเก๋ ๆ อยู่แทบจะใจกลางเมือง ชั้นบนเป็นโรงแรมชั้นล่างทำเป็นร้านกาแฟที่รีโนเวทซะทันสมัย นอกจากกาแฟ แล้วยังมีเมนูทั้งคาวหวาน เค้ก ฮันนี่โทสต์ วันนั้นเราสั่งมัจฉะลาเต้ อร่อยใช้ได้เลยล่ะ ดื่มไปนั่งชิว ๆ ชมวิวนอกร้านแค่นี้ก็มีความสุขแล้ว  ร้าน Hug a Mug Cafe ร้านกาแฟอีกร้านที่ตกแต่งได้ทันสมัยในสไตล์อิฐสีขาว ๆ หน้าร้านจะประดับด้วยต้นเฟิร์นร่มรื่นเชียวล่ะ ที่นี่มีทั้งขนมเค้ก และเครื่องดื่มหลายเมนูให้เลือก ใครเดินเล่นเมื่อย ๆ แล้วมาหยุดนั่งพักได้ที่ร้านนี้ 3. ซื้อผ้าแพรวา เราชอบสะสมผ้าพื้นเมืองแบบ “ของมันต้องมี” เห็นผ้าไทยที่ไหนไม่ได้ ต้องขอซื้อติดไม้ติดมือกลับมาก่อน ใส่ไม่ใส่ค่อยว่ากัน ยิ่งผ้าไหมแพรวาสวยๆ ผ้าขึ้นชื่อเอกลักษณ์ของกาฬสินธุ์มีหรือเราจะพลาด ร้านที่เราไปชอปในวันนี้ชื่อร้านแพรวาแม่เนื่อง มีแต่ของสวย ๆ ทั้งนั้นเลยล่ะทั้งผ้าผืน เสื้อผ้าสำเร็จรูป ของที่ระลึก มาที่เดียวซื้อไปฝากพ่อแม่เพื่อนฝูงได้ครบเลยล่ะ 4. เดินชิวยามค่ำที่ตลาดโรงสี ตกเย็นเรามาเดินเล่นหาอะไรกินกันที่ตลาดโรงสี โรงสีเก่าที่ตกแต่งให้เป็นตลาดย้อนยุค มีโซนที่ทำเป็นบ้านไม้สองชั้น และโซนเอาท์ดอร์ นั่งกินไปดูวัยรุ่นกาฬสินธุ์ที่ออกมาแฮงเอาท์กันที่นี่ก็เพลินดีเหมือนกัน เมนูที่เราว่าเด็ดมาก ๆ และห้ามพลาดคือ สเต็กหมูย่างจิ้มแจ่วเนื้อนุ่มสุดๆ ฟินจนต้องสั่ง 2 จาน ไดโนเสาร์ปังเย็น โรตีไดโนเสาร์ ก็อยากให้มาลอง 5. เดินดูตลาดเช้า ถ้าอยากสัมผัสวิถีชีวิตชาวบ้านต้องไปที่ตลาดเช้า ตลาดเช้ากาฬสินธุ์มีเสน่ห์เพราะเงิน 100 บาท สามารถซื้ออะไรได้มากกว่าที่คิด ข้าวของราคาถูก ทั้งพืชผักพื้นเมืองแปลก ๆ ผลไม้ อาหารสด อาหารแห้ง เหมือนเราย้อนกลับไปในอดีตที่ไม่ต้องแคร์กับสภาวะเศรษฐกิจที่วุ่นวาย นี่แหละเสน่ห์ของกาฬสินธุ์ที่เราหลงรัก 6. ถ่ายรูปกับฮูปแต้มสีพาสเทล ที่วัดอุดมประชาราษฎร์ วัดเก่าแก่แห่งหนึ่งในตัวเมืองกาฬสินธุ์ที่มีอายุกว่า 85 ปี สร้างโดยช่างชาวญวน และสิ่งที่พิเศษกว่าวัดอื่น ๆ คือ สิมหรือโบสถ์ที่มีจิตรกรรมฝาผนังหรือฮูปแต้มที่เป็นเอกลักษณ์ของชาวอีสานด้วยฝีมือการแต้มของช่างชาวอีสาน มีการใช้สีเย็นในโทนพาสเทล เช่น สีฟ้า เหลือง เขียว วาดเป็นเรื่องราวชาดก เช่น พระเวสสันดรชาดก บอกเลยว่าผู้ที่รักงานศิลปะไม่ควรพลาด นอกจากจะได้มาไหว้พระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์แล้วยังได้ชมจิตรกรรมฝาผนังสวย ๆ อีกด้วย 7. ไปตามหาไดโนเสาร์ที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร มากาฬสินธุ์ทั้งทีถ้าไม่ไปที่พิพิธภัณฑ์สิรินธร ภูกุ้มข้าวก็เหมือนมาไม่ถึงเราเดินทางไปที่ อ.สหัสขันธ์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า ที่นี่เป็นความภาคภูมิใจของคนไทยเพราะเป็นพิพิธภัณฑ์และศูนย์วิจัยเกี่ยวกับไดโนเสาร์และฟอสซิลที่สมบูรณ์และใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้เลยล่ะ กระดูกไดโนเสาร์ที่ค้นพบที่บริเวณภูกุ้มข้าวนี้มีอายุถึง 130 ล้านปี ไฮไลท์คือโครงกระดูกไดโนเสาร์จำลองขนาดเท่าตัวจริง ยืนเด่นเป็นสง่าอยู่กลางห้องจัดแสดง เหมือนพิพิธภัณฑ์ในต่างประเทศเลย เค้ามีการแบ่งโซนไล่ไปตามยุคต่าง ๆ มีทั้งไดโนเสาร์ที่พบในประเทศไทยและต่างประเทศ ฟอสซิลของจริงที่จัดแสดงให้เราได้ดูเพื่อศึกษาถึงประวัติความเป็นมาของไดโนเสาร์ในประเทศไทย แถมมีห้องวิจัยที่ทันสมัยสุด ๆ เดินดูในอาคารพิพิธภัณฑ์เสร็จแล้วอย่าลืมขึ้นไปดูหลุมขุดค้นของจริงที่อยู่บนภูกุ้มข้าว จะได้เห็นกระดูกไดโนเสาร์ของจริงตัวมหึมาที่อยู่ในหลุมขุดด้วย น่าตื่นเต้นมากเลยล่ะ เราว่าเด็ก ๆ ต้องชอบที่นี่แน่ ๆ พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวันยกเว้นวันจันทร์เวลา 9 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น อย่าไปผิดวันนะ 8. ถ่ายรูปที่สะพานเทพสุดา จากพิพิธภัณฑ์สิรินธรไปไม่ไกลก็มาถึงสะพานข้ามเขื่อนลำน้ำปาว เป็นสะพานข้ามน้ำจืดที่ยาวที่สุดในประเทศไทย และเป็นเส้นทางขนส่งสินค้าจาก จ.หนองคาย อุดรธานี ผ่านกาฬสินธุ์ ไปสู่มุกดาหารที่สำคัญมากเพราะช่วยย่นระยะทางได้เกือบ 100 กิโลเมตร และชาวกาฬสินธุ์ยังใช้ขนส่งผลผลิตทางการเกษตรไปสู่โรงงานซึ่งอยู่คนละฝั่งของสะพาน ช่วยลดต้นทุนด้านการขนส่งไปได้เยอะทีเดียว พอรู้ถึงสตอรี่ของสะพานก็ดูสวยงามเลอค่ามากขึ้นกว่าเดิมเลยล่ะ แถมยังเป็นจุดถ่ายรูปสวยๆ ด้วย ยิ่งมาช่วงพระอาทิตย์ตกดินนี่สวยสุด ๆ ไปเลย อย่าลืมไปถ่ายรูปกับพี่ไดโนเสาร์ที่ตีนสะพานนะ  เรามองจากสะพานลงไปจะเห็นแพร้านอาหารลอยอยู่หลายลำในเขื่อน มีนักท่องเที่ยวกระโดดน้ำเล่นกันน่าสนุก เสียดายที่เรามีเวลาน้อยเลยอดเล่นน้ำ กาฬสินธุ์ยังมีที่เที่ยวอีกหลายแห่งที่เหมาะกับชีวิตสโลว์ไลฟ์ เราว่าจริง ๆ แล้วแค่ได้นั่งๆ นอนๆ เดินเล่นใช้ชีวิตง่ายๆ ไปพร้อมกับชาวกาฬสินธุ์ก็ถือว่าได้ Go Local เป็นการชาร์จพลังเติมความบริสุทธิ์ใส ๆ ให้ชีวิตที่ดีมาก ๆ เลยล่ะ

รวม 8 ที่เที่ยวสไตล์สายฮิป…ที่กาฬสินธุ์ อ่านเพิ่มเติม

มน Cafe’ Art & Nature

มน Cafe’ Art & Nature มน คาเฟ่ ร้านเล็กๆ อยู่ริมถนน ภายในร้านตกแต่งด้วยเฟอร์นิเจอร์ไม้และเซรามิกต่างๆ แบ่งเป็นที่นั่ง indoor และ outdoor พอดูรวมๆ แล้วเก๋ไม่เบา แถมเจ้าของร้านยังน่ารัก เป็นกันเองสุดๆ เมนูค่อนข้างหลากหลายและราคาสบายกระเป๋าจ้า เข้าไปสั่งกันได้เลย ระหว่างรอก็ถ่ายรูปกันได้เพลินๆ แอดอยู่ที่นี่นั่งชิลได้เป็นวันเลยล่ะ ^^ เครื่องดื่มมาแล้วววว… สีเขียวๆ นั้นคือ มัทฉะเลม่อน แอดเห็นว่าเป็นเมนูใหม่ของทางร้านเลยต้องลองสักหน่อย สีส้มแก้วนั้นจะเป็นอะไรไปไม่ได้นอกจาก ชาไทยเย็น ใครชอบชาเป็นพิเศษก็ต้องไม่พลาดแล้วล่ะ เมนูแนะนำอย่าง บานอฟฟี่พาย โอ้ยย ฟินสุดๆ เนื้อเค้กนุ่ม ละมุนลิ้น กล้วยเน้นๆ ไม่หวานจนเกินไปด้วย เปลี่ยนสีสันกันบ้างกับ เค้กมะพร้าวหอม มันดีย์อะค่ะ ด้านข้างของร้านเป็นโซน outdoor เป็นพื้นที่ที่ใช้โชว์งานศิลปะ งานปั้น งานเซรามิกต่างๆ ที่เจ้าของร้านเป็นคนทำลงมือทำเองทั้งหมด ไม่ว่าจะเป็นจาน ชาม แก้ว ตกแต่งลวดลายได้น่ารักมากๆ เลยล่ะ

มน Cafe’ Art & Nature อ่านเพิ่มเติม

10 ร้านเด็ดห้ามพลาด เมื่อมาเยือนนครปฐม

10 ร้านเด็ด จะมีร้านไหนกันบ้าง ตามไปดูกันเลย 1. ร้านกุ้งอบภูเขาไฟ ร้านดังในตำนาน เปิดมานานกว่า 30 ปี กุ้งอบของทางร้านไม่ได้เสิร์ฟมาแบบธรรมดา แต่มาพร้อมกับภูเขาไฟลุกโชนเปิดออกมาจะพบกับกุ้งอบตัวใหญ่กลิ่นหอมอบอวล พิเศษตรงที่สามารถเลือกไซส์กุ้งได้ด้วย นอกจากกุ้งอบภูเขาไฟแล้ว ทางร้านมีเมนูแนะนำอื่นๆ เช่น กุ้งอบวุ้นเส้น กุ้งต้มยำมะพร้าวอ่อน ปลากระพงทอดน้ำปลา ปูหลน  เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน วันอาทิตย์ – พฤหัสบดี 10.00 – 21.00 น. วันศุกร์ – เสาร์ 10.00 – 22.00 น.ที่อยู่ : 885 ถนนเพชรเกษม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 034 241 109 พิกัด : https://goo.gl/maps/Sjbg6AaHxpG2 2. ร้านเชลล์ไม่เคยชิม ถึงจะชื่อร้านเชลล์ไม่เคยชิม แต่ก็ได้รับการการันตีความอร่อยจากทั้งเชลล์ชวนชิมและหมึกแดง  เมนูก๋วยเตี๋ยวของทางร้านมีทั้งก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟ ก๋วยเตี๋ยวต้มยำ และก๋วยเตี๋ยวต้มส้ม รสชาติกลมกล่อม เครื่องในสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น นอกจากก๋วยเตี๋ยวแล้วยังมีเมนูข้าวหมูแดง ข้าวหมูกรอบ ที่อร่อยไม่แพ้ก๋วยเตี๋ยวเลย ไปถึงร้านแล้วต้องลองให้ครบนะคะ เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 07.00 – 15.30 น.ที่อยู่ : 32 ถนนมาลัยแมน (แยกมาลัยแมน) ตำบลลำพยา อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 034 254 612พิกัด : https://goo.gl/maps/AUqgtSETh4zFacebook : https://www.facebook.com/SMKSNoodles/ 3. ร้านครัวโกเท้ ร้านอาหารชื่อดังของนครปฐม ขึ้นชื่อเรื่องเป็ดพะโล้ เพราะเป็ดของทางร้านไม่เหม็นสาบ เนื้อนุ่ม น้ำจิ้มก็แซบ เมนูแนะนำคือเป็ดพะโล้ ต้มยำปลาคัง ทอดมันปลากราย ไก่ผัดเม็ดมะม่วง เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 09.00 – 22.00 น.ที่อยู่ : 1028/3 ถนนเพชรเกษม (ใกล้โลตัส นครปฐม) ตำบลห้วยจระเข้ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 081 018 2992พิกัด : https://goo.gl/maps/JGfznNHxHqQ2Facebook : https://www.facebook.com/Gotaekitchen/ 4. ร้านครัวกะเหรี่ยงป่า ใครชอบอาหารรสจัดต้องมาครัวกระเหรี่ยงป่า ร้านที่อัดแน่นไปด้วยอาหารไทยและอาหารป่ารสจัดถึงเครื่องแกง เมนูแนะนำ ได้แก่ กบทอดกระเทียม ปูนิ่มผัดพริกไทยดำ อ่อนในแข็งนอก (ไส้ทอด) และเขียวหวานปลากรายผัดแห้ง ที่ร้านมีเมนูที่ทำจากเนื้อกวางด้วย ใครอยากเปิบพิสดารก็ไปลองกันได้ค่ะ เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 08.00 – 23.00 น.ที่อยู่ : ถนนยิงเป้าใต้ ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 034 271 195พิกัด : https://goo.gl/maps/8Ad8AAPNoq42Facebook : https://www.facebook.com/kpkitcken/ 5. ร้านบ้านอิ่มเย็น สายรักสุขภาพตามมาให้ไว เพราะที่นี่เป็นร้านอาหารมังสวิรัติที่มีเมนูน่าทานอย่าง สเต็กเต้าหู้ น้ำจิ้มสมุนไพรรสแซ่บ ปลากระพงผัดผงกะหรี่มังสวิรัติ ขาเห็ดหอมทอด มีเมนูขนมหวานโฮมเมดไม่ใส่สารกันเสียอย่าง เค้กครีมสดมะพร้าวอ่อน ส่วนเครื่องดื่มคลายร้อนก็มีทั้ง กาแฟสดรสชาติเข้มข้น ที่ใช้กาแฟอาราบิก้า100% ชาเขียวมัทฉะญี่ปุ่นแท้ และน้ำผลไม้สกัดเย็นคั้นสดๆ เปิด-ปิด : เปิดวันอาทิตย์ – ศุกร์ (ปิดวันเสาร์)วันจันทร์ – ศุกร์ 10.30 – 19.30 น. วันอาทิตย์ 10.30 – 18.30 น. ที่อยู่ : 887 ถนนเพชรเกษม ตำบลสนามจันทร์ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 081 351 5563พิกัด : https://goo.gl/maps/36t8vcdU2pP2Facebook : https://www.facebook.com/บ้านอิ่มเย็น-Baan-Im-Yen-617827671896003/ 6. ร้านลี้จั๊วฮวด ร้านติ่มซำเจ้าอร่อย ที่เจ้าของร้านลงมือทำเองทุกวัน รับรองว่าสดใหม่แน่นอน เมนูแนะนำ ได้แก่ ชุดออร์เดิร์ฟขนมจีบ ซาลาเปาไส้ถั่วเหลือง บักกุดเต๋หม้อไฟ กุ้งนึ่งมะนาวจัมโบ้ ปลากระพงนึ่งซีอิ้ว บุฟเฟ่ต์มี 2 ราคา 199 บาท (ติ่มซำ) และ 289 บาท (ติ่มซำ ซาลาเปา ของทอด อาหาร น้ำ) แถมอีกนิด ที่ร้านมีกล้วยเบรคแตก “อกาลิโก” ขายด้วยนะคะ อร่อยมาก หยุดกินไม่ได้เลยจริงๆ เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 09.00 – 20.00 น.ที่อยู่ : 15/38 ถนนราชมรรคาใน ด้านหน้าทางเข้าพระราชวังสนามจันทร์ ตำบลพระปฐมเจดีย์ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 086 614 9614 (โทรสั่งอาหารล่วงหน้าได้)พิกัด : https://goo.gl/maps/a56QfQMDx8nFacebook : https://www.facebook.com/LeeJuaHuad.Dimsum/ 7. ร้านลุงลอยป่าลั่น ร้านอาหารบรรยากาศร่มรื่น อาหารอร่อยจนต้องร้องว้าวให้ลั่นป่า ราคาสบายกระเป๋า ขึ้นชื่อเรื่องอาหารไทยและอาหารป่าหาทานยาก เมนูแนะนำ ได้แก่ ปลากรายผัดขี้เมา ปลาคังต้มแซบ หลนปู กุ้งแชบ๊วยผัดพริกเกลือ ปลาทูสดต้มมะดัน เปิด-ปิด : เปิดทุกวัน 10.00 – 22.00 น.ที่อยู่ : 1010 ถนนเพชรเกษม ตำบลห้วยจระเข้ อำเภอเมืองนครปฐมโทร. 034 255 767พิกัด

10 ร้านเด็ดห้ามพลาด เมื่อมาเยือนนครปฐม อ่านเพิ่มเติม

จุดเช็คอินห้ามพลาด…เมื่อมาเที่ยวนครปฐม

พระปฐมเจดีย์.พระปฐมเจดีย์เป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ มีการก่อสร้างกันมาหลายยุคหลายสมัย โดยพระปฐมเจดีย์แบบแรกคงมีลักษณะแบบสถูปสาญจีของอินเดีย ต่อมาก็ได้มีการซ่อมแซมเปลี่ยนแปลงรูปแบบมาเรื่อย ๆ จนสุดท้ายเป็นเจดีย์ฐานกลมยอดปรางค์ ซึ่งส่วนที่เป็นปรางค์นั้นเป็นการบูรณะขึ้นใหม่เนื่องจากยอดเดิมหักพังไป  ในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้มีการบูรณะใหม่อีกครั้ง โดยการสร้างเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ครอบเจดีย์องค์เดิมให้มีขนาดใหญ่และสูงขึ้น แบบที่เราเห็นกันอยู่ทุกวันนี้  เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.  พิกัด : https://goo.gl/maps/aZsQ79Bkq472 พระราชวังสนามจันทร์ แลนด์มาร์กสำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดนครปฐม สร้างขึ้นในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ภายในพระราชวังสนามจันทร์ประกอบด้วยพระตำหนักและสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ มากมาย ได้แก่ พระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระตำหนักมารีราชรัตบัลลังก์ อนุสาวรีย์ย่าเหล พระที่นั่งพิมานปฐม พระที่นั่งอภิรมย์ฤดี พระที่นั่งวัชรีรมยา เป็นต้น ปัจจุบันพระราชวังสนามจันทร์ไม่ได้เปิดให้เข้าชมภายในอาคารแล้ว แต่สามารถเดินชมรอบนอกได้ นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่ยอดนิยมสำหรับวิ่งออกกำลังกายของชาวนครปฐมด้วย (แต่ต้องแต่งกายให้สุภาพ สวมเสื้อยืดคอกลมมีแขน และกางเกงคลุมเข่า) เปิดทุกวัน ช่วงเช้า เวลา 05.00-09.00 น. และช่วงเย็น เวลา 16.00-20.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/1C1MsQqoWV92 หอภาพยนตร์ หอภาพยนตร์ หรือ พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทย เป็นอาคารโรงถ่ายภาพยนตร์จำลอง จัดแสดงประวัติศาสตร์ภาพยนตร์ไทย กระบวนการผลิต อุปกรณ์ประกอบฉาก และมีการฉายหนังให้ชมด้วย สำหรับใครที่ชอบถ่ายรูป โพสต์ท่าเก๋ๆ ไม่ควรพลาดที่นี่เลยนะคะ เวลาเปิด-ปิด ห้องสมุด เปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 09.00-17.00 น. พิพิธภัณฑ์ภาพยนตร์ไทยและเมืองมายา เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ (เปิดให้เข้าชมวันละ 6 รอบ เวลา 10.00 น. 11.00 น. 13.00 น. 14.00 น. 15.00 น. และ 16.00 น.) โรงภาพยนตร์ศรีศาลายา เปิดทุกวันวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 17.30 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 13.00 น. 15.00 น. และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 13.00 น. (กำหนดการอาจมีการเปลี่ยนแปลงได้ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในวันดังกล่าว) พิกัด : https://goo.gl/maps/wbbMgdbF16v เจษฎา เทคนิค มิวเซียม  พิพิธภัณฑ์แห่งนี้เกิดขึ้นจากความรักในรถยนต์และยานพาหนะทุกชนิดของคุณเจษฎา เดชสกุลฤทธิ์ ที่มีมาตั้งแต่เด็ก โดยคุณเจษฎาเริ่มสะสมรถโบราณตั้งแต่เมื่อราว 20 กว่าปีก่อน จนปัจจุบันได้เปิดเป็นพิพิธภัณฑ์รถโบราณให้ผู้ที่สนใจเข้าเยี่ยมชมฟรี ภายในจัดแสดงยานพาหนะโบราณทั้งทางบก ทางน้ำ และทางอากาศ เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) เวลา 09.00-17.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/1Z9t1rKYLrK2 พิพิธภัณฑ์ศิลปะนกฮูก พิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมงานศิลปะนกฮูกจากหลายแห่งในเมืองไทยและทุกมุมโลก หลายรูปแบบ ทั้งงานเซรามิก งานไม้ งานจักสาน นกฮูกเครื่องประดับ นกฮูกกระดาษเป็นต้น นอกจากนี้ยังมีห้องเรียนรู้ศิลปะและร้านขายของที่ระลึก ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 60 บาท เด็ก (สูงไม่เกิน 110 เซนติเมตร) 40 บาท เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์)วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 10.00-18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.30-18.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/3CX3cZqHL7o วูดแลนด์ เมืองไม้ ตื่นตาตื่นใจไปกับงานศิลปะและมหัศจรรย์แห่งไม้ที่วูดแลนด์ ที่นี่เกิดจากความหลงใหลในงานไม้ของครอบครัวทิวไผ่งาม ที่เก็บสะสมกันมากว่า 4 ชั่วอายุคนเลยทีเดียว ภายในแบ่งออกเป็น 3 โซน ประกอบด้วย โซนนิทรรศการนิทานเมืองไม้ หมู่บ้านไทย และรีสอร์ทไม้บูติก เปิดทุกวัน เวลา 09.30-17.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/W2zikycNfh92 บ้านกลับหัว ไม่ต้องไปไกลถึงภูเก็ตแล้ว สำหรับแกลเลอรีถ่ายภาพเก๋ ๆ เอาใจวัยใสแบบเรา ๆ สำหรับใครที่มาเที่ยวที่นี่ อาจจะต้องใช้จินตนาการและไอเดียในการดีไซน์ท่าถ่ายรูปกันหน่อยเพื่อความสมจริง ^^ ค่าเข้าชมชาวไทย ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 200 บาท เปิดทุกวัน เวลา 09.00-20.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/WxnYMX9mNhk เปลี่ยนบรรยากาศไปเที่ยวตลาดกันบ้าง นครปฐมเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีทั้งตลาดบกและตลาดน้ำขึ้นชื่อมากมาย แต่ละที่ก็จะมีของอร่อย ๆ ให้ได้ชิมกัน มาเริ่มตลาดแรกกันที่ ตลาดท่านา ตลาดเก่าแก่อายุกว่า 140 ปี ที่อยู่เคียงคู่กับวิถีชีวิตของชุมชนริมแม่น้ำนครชัยศรี นอกจากจะมีจุดเด่นอยู่ที่สถาปัตยกรรมเก่าแก่อย่างอาคารตึกแถวที่ชั้นบนเป็นไม้อายุกว่า 90 ปีแล้ว ตลาดท่านายังมีดีที่ร้านอาหารเก่าแก่ดั้งเดิม ไม่ว่าจะเป็นเป็ดพะโล้รสเด็ด ที่ ม.ร.ว.ถนัดศรี สวัสดิวัตน์ ชวนชิมมานานแสนนาน ร้านอาหารตามสั่งแนว ๆ ที่เชลล์ไม่เคยชิม ชื่อว่า ร้านสั่งเอง อยากกินอะไรก็สั่งเอา เมนูเด็ดที่กินแล้วลืมไม่ลง ได้แก่ ห่อหมกช่อนนา ที่กินที่ร้านไม่พอยังต้องห่อกลับบ้าน  และมีร้านขนมต่างๆ ขนมหวานเจ้ฮุ้น ขนมปังเย็นร้านคุณป้อม ขนมมาม่อน ฯลฯ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น. พิกัด : https://goo.gl/maps/ZhuyVkCVTfC2 ตลาดดอนหวาย ตลาดน้ำชื่อดังของจังหวัดนครปฐม มีของกินสารพัดให้ได้ตื่นตาตื่นใจสำหรับคนชอบชิม ทั้งอาหารคาวหวานที่ไม่ใช่แค่เยอะ แต่ยังอร่อยทุกร้าน และเป็นอาหารพื้นบ้านดั้งเดิมอีกด้วย เช่น เป็ดพะโล้ ปลาทูต้มเค็ม ปลาตะเพียนต้มเค็ม ขนมจีนน้ำยากะทิ น้ำยาป่า ห่อหมกปลาช่อน ทอดมันปลากรายแท้ และขนมไทยโบราณ เรียกว่าเป็นสวรรค์ของนักกินโดยแท้

จุดเช็คอินห้ามพลาด…เมื่อมาเที่ยวนครปฐม อ่านเพิ่มเติม

5 ร้านข้าวแช่ อร่อยคลายร้อนตำรับไทย

กลับมาพบกับการตามหาของอร่อยทั่วไทยกันอีกครั้ง วันนี้แอดมินจะพาออเจ้าทั้งหลายเข้าวังไปทานข้าวแช่ดับร้อนกันสักหน่อย ร้านข้าวแช่แม่อร จังหวัดเพชรบุรี  ร้านข้าวแช่เก่าแก่ที่ซ่อนตัวอยู่ในตลาดริมน้ำ หายากสักนิดแต่ถ้าได้ลิ้มลองแล้วจะบอกว่าไม่เสียแรงที่เดินตามหา ข้าวแช่ของทางร้านเป็นสูตรเมืองเพชรดั้งเดิม ที่สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่นมากว่า 30 ปี เคล็ดลับความอร่อยอยู่ที่น้ำดอกไม้ ที่ใช้ผสมกันระหว่างน้ำอบควันเทียนและน้ำอบมะลิ ส่วนปลาหวานก็เนื้อหวานละมุน แทบจะละลายในปาก ข้าวแช่ขายชุดละ 20 บาท เปิดทุกวัน เวลา 08.30 – 16.00 น. แนะนำให้โทรไปจองก่อนที่ 089 410 1969 ภาพจาก : ร้านข้าวแช่แม่อร ร้านข้าวแช่พี่พเยาว์ จากเพชรบุรีสู่กรุงเทพ ร้านพี่พเยาว์เป็นร้านเก่าแก่หนึ่งเดียวในตลาดนางเลิ้ง ที่เปิดมานานกว่า 70 ปี โดยพี่พเยาว์เป็นชาวเพชรบุรีแต่กำเนิด นำสูตรข้าวแช่เมืองเพชรเข้ามาให้ชาวเมืองกรุงได้ทานกัน ใครอยากทานชาวแช่สูตรเมืองเพชรแบบดั้งเดิม ไปทานกันได้เลยที่ตลาดนางเลิ้ง ร้านเปิดตั้งแต่ 7 โมงเช้า ติดต่อได้ที่ 089 488 3105, 085 113 0580 ภาพจาก : ร้านพี่พเยาว์ ร้านข้าวแช่ลุงแดง จากข้าวแช่สูตรเมืองเพชร มาลองข้าวแช่ต้นตำรับชาวมอญกันบ้างดีกว่า ที่ร้านข้าวแช่ลุงแดง บนเกาะเกร็ด จังหวัดนนทบุรี ข้าวแช่ร้านนี้แตกต่างจากที่อื่นเพราะข้าวเป็นสีฟ้าจากน้ำดอกอัญชัน ตัวชูโรงอีกอย่างคือ ไข่ห่อพริกหยวกสอดไส้หมูสับและกุ้งสับซ่อนอยู่ภายในอีกชั้น โดยสนนราคาอยู่ที่ ชุดละ 80 บาท ไปสัมผัสบรรยากาศพร้อมทานข้าวแช่เย็นชื่นใจได้ทุกวัน เวลา 10.00 – 17.00 น.  ภาพจาก : ร้านลุงแดง ร้านข้าวแช่แม่ศิริ  ร้านเล็กๆแต่อัดแน่นด้วยคุณภาพ เจ้าเก่าย่านบางลำพู ร้านข้าวแช่สูตรชาวมอญชื่อดังที่ถามใครแถวนั้นก็รู้จักกันเป็นอย่างดี จุดเด่นที่ทำให้ลูกค้าติดใจคือความพิถีพิถันในการทำข้าวแช่ ดอกมะลิที่ใช้ลอยน้ำเป็นมะลิที่ปลูกเอง ส่วนเครื่องเคียงต่างๆมีรสชาติกลมกล่อม ในช่วงหน้าร้อนจะมีเมนูพิเศษพวกพริกหยวกยัดไส้หรือหอมแดงยัดไส้เพิ่มด้วย ข้าวแช่ราคาชุดละ 30 บาท ถือว่าคุ้มค่ามากๆ ร้านอยู่ในตรอกไกรสีห์ ถนนพระสุเมรุ ย่านบางลำพู โทรสอบถามหรือสั่งอาหารได้ที่เบอร์ 02 281 7996  ภาพจาก : ร้านข้าวแช่แม่ศิริ ร้านกลางซอย สุขุมวิท 49  ร้านกลางซอยขึ้นชื่อเรื่องอาหารไทย มีอาหารหากินได้ยากหลายเมนูให้ลองชิม เมนูข้าวแช่ของทางร้านจะมีเฉพาะเดือนมีนาคม-พฤษภาคม ข้าวแช่น้ำหมอกลิ่นควันเทียน และดอกไม้อ่อนๆ ส่วนเครื่องเคียงมีพริกหยวกสอดไส้หมูสับที่ต้องขอบอกว่าอร่อยมาก ลูกกะปิทอด ไชโป๊วหวาน เนื้อฝอย ไม่มีหัวหอมทอดและปลาหวาน ข้าวแช่ราคา 220 บาท แนะนำว่าต้องลองไปชิมแล้วจะไม่รู้สึกเสียดายเงินเลยค่ะ ร้านอยู่ในซอยสุขุมวิท 49 ใกล้กับโรงพยาบาลสมิติเวช เปิดทุกวัน 3 ช่วงเวลา จันทร์-ศุกร์ 11.00-14.30 น. และ 17.00-22.00 น. เสาร์ เวลา 11.00-22.00 น. อาทิตย์ 11.00-15.00 น. ภาพจาก : ร้านกลางซอย

5 ร้านข้าวแช่ อร่อยคลายร้อนตำรับไทย อ่านเพิ่มเติม

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนบ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนบ้านนาต้นจั่น สุโขทัย Go Local กับสายฮิปแบบพวกเรา แน่นอนว่าจักรยานเป็นพร็อพถ่ายรูปที่เก๋ไก๋ และคล่องตัวที่สุดสำหรับการเที่ยวชมวิถีชีวิตในชุมชน เรื่องเล่า…จากชายผ้าถุง.ภูมิปัญญาสร้างสรรค์ของบรรพบุรุษ เล่าต่อๆกันมาว่า สมัยก่อนตอนไปทำไร่ทำนา ชาวบ้านจะนุ่งผ้าถุงและเดินลุยโคลนในท้องนา เมื่อกลับถึงบ้านและซักผ้าตากไว้ ปรากฏว่าชายผ้ามีความนุ่มนิ่มเป็นพิเศษ และมีสีที่ทึมลง ดูแปลกตา ชาวบ้านจึงได้ทดลองเอาผ้าทั้งผืนมาหมักโคลนไว้และพบว่าโคลนนี้เองทำให้ผ้านิ่ม จึงเป็นที่มาของ “ผ้าหมักโคลน” .ส่วนสีสันต่างๆที่เราเห็นบนผ้าหมักโคลน ล้วนแล้วแต่มาจากธรรมชาติที่หาได้ง่ายในชุมชน อย่างเช่น สีเขียวอ่อนจากใบจั่น สีโอลด์โรสจากใบสะเดา สีเหลืองจากแก่นขนุน สีม่วงจากเปลือกมังคุด เป็นต้น กว่าจะเป็นผ้าหมักโคลนอย่างที่เห็นทุกวันนี้ สิ่งที่ขาดไม่ได้คือความเข้มแข็งของผู้คนในชุมชนบ้านนาต้นจั่น เริ่มตั้งแต่การรวมกลุ่มกันทำผ้าหมักโคลน เพื่อหารายได้เป็นกองทุนจากการทำไร่ข้าวโพด จากนั้นก็เริ่มต้นการผลิตแบบจริงจัง พัฒนาและแปรรูปผ้าหมักโคลนในรูปแบบผลิตภัณฑ์พร้อมใช้งาน ให้ร่วมสมัย เข้ากับชีวิตประจำวัน จนปัจจุบันมีการส่งออกไปยังประเทศอิตาลีและอเมริกาด้วย แน่นอนว่าของดีต้องมีรางวัลการันตี.พ.ศ. 2555 ได้รับรางวัลชนะเลิศ PATA Gold Awards 2012 ประเภท Heritage and Culture ณ กรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย โดยสมาคมส่งเสริมการท่องเที่ยวภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก.พ.ศ. 2556 ได้รับรางวัลยอดเยี่ยม ประเภทองค์กรสนับสนุนและส่งเสริมการท่องเที่ยวในการประกวดรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยปี 2556 จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ผ้าจากหมักโคลน ขอบคุณภายถ่ายจากเฟสบุ๊คเพจ : ผ้าหมักโคลน บ้านนาต้นจั่น จ.สุโขทัย ของเล่นสุดฮิปของเด็กๆ บ้านนาต้นจั่น “ตุ๊กตาบาร์โหน” ของเล่นชิ้นนี้มีวิธีการเล่นไม่ยาก แค่ผู้เล่นบีบปลายด้านล่างของไม้ ตุ๊กตาก็จะโหนแกว่งราวกับคนกำลังโหนบาร์ในท่าทางต่างๆ มันเกิดจากความทรงจำวัยเด็กของคุณตาวงษ์ เสาปั้น ผู้ประดิษฐ์ของเล่นนี้ขึ้นมาเพื่อเป็นที่ระลึก เพราะว่าสมัยเด็กๆคุณตาชอบการโหนบาร์เล่นเป็นอย่างมาก  อาหารถิ่นชื่อดัง ต้นตำหรับของอร่อยที่ทานได้ที่บ้านนาต้นจั่นที่เดียวเท่านั้น เมื่อสามสิบกว่าปีก่อน เส้นก๋วยเตี๋ยวเป็นของหายากราคาแพง กว่าจะหาซื้อเส้นก๋วยเตี๋ยวได้ ชาวบ้านต้องขายถั่วขายงา และเดินทางเข้าตัวเมืองไปซื้อ ด้วยความยากลำบากนี้ คุณยายเครื่อง วงศ์สารสิน จึงคิดค้นสูตรที่จะมาใช้แทนเส้นก๋วยเตี๋ยว คือการทดลองนำเอาข้าวเจ้า มาโม่ด้วยโม่หินและกรองด้วยผ้าขาวบางจนเป็นครีมข้าวสีข้น นำมานึ่งเป็นแผ่นบางๆ บนผ้าขาวบางด้วยเตาฟืน คล้ายข้าวเกรียบปากหม้อ จากนั้นใส่ผักกันตง ผักตำลึง ผัดหวานบ้าน แล้วพับแผ่นแป้งห่อเข้า และนึ่งต่อก่อนจะตักใส่ชามแล้วราดน้ำซุปกระดูกหมูร้อนๆ โปะไข่ดาวนึ่ง…ชนะเลิศ!! อาหารประจำถิ่นที่แนะนำให้ลองอีกอย่าง “ก๋วยเตี๋ยวแบ” ที่ใช้ครีมข้าวสีขาวข้น เช่นเดียวกับข้าวเปิ๊บ แต่นำไปเกลี่ยเป็นวงกลมและนำไปตากแห้ง จากนั้นนำมาหั่นเป็นเส้นแล้วนำไปนึ่งกับผัก ใส่หมูแดง กระเทียมเจียว แคบหมู พร้อมมะนาวฝานวางเคียง ซดน้ำต้มกระดูกหมูร้อนๆ คล่องคออย่าบอกใคร ผลไม้ที่บ้านนาตั้นจั้่นก็มีให้เลือกชิมเลือกช็อปอยู่หลายชนิดตามฤดูกาล เช่น กล้วย ลางสาด เงาะ ทุเรียน ฯลฯ ที่สุดท้ายเราแนะนำที่จุดชมวิวห้วยต้นไฮ จุดชมวิวที่สามารถชมได้ทั้งภายพระอาทิตย์ขึ้นและตก โดยต้องเดินเท้าระยะทาง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 45 นาที ทางเดินขึ้นค่อนชันต้องเตรียมน้ำดื่มและรองเท้ามาให้พร้อม จุดนี้เหนื่อยหน่อย แต่รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอน

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : ชุมชนบ้านนาต้นจั่น จังหวัดสุโขทัย อ่านเพิ่มเติม

118 เชียงใหม่-เชียงราย เส้นทางสายชิลล์

118 เชียงใหม่-เชียงราย เส้นทางสายชิลล์ 1. น้ำพุร้อนแม่ขะจาน พิกัด https://goo.gl/maps/DHpithPwdgt  ลงมาจากดอยสะเก็ดมาได้ปุ๊บแวะที่นี่ก่อนเลย “น้ำพุร้อนแม่ขะจาน” ที่ไม่ได้มีแค่กิจกรรมต้มไข่ในตะกร้า แต่สามารถแวะอาบน้ำแก้เมื่อยล้าแถมยังแวะช็อปเครื่องเงินได้อีก 2. ก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำพิษณุโลก  หายเมื่อยแล้วไปแวะกินก๋วยเตี๋ยวกันต่อที่ร้าน “ก๋วยเตี๋ยวต้มยำพิษณุโลก” ชื่อพิษณุโลกแต่ร้านอยู่แม่ขะจานนะ เพราะเจ้าของร้านเค้าย้ายมาจากเมืองพิษณุโลกนั่นเอง (คนบ้านเดียวกับแม่หญิงการะเกด) อันนี้ถามเค้ามามิได้รู้ได้เองแต่อย่างใด ร้านนี้มีก๋วยเตี๋ยวหมูต้มยำรสแซ่บ ผัดกะเพรา และอาหารตามสั่งต่างๆ รสชาติจัดจ้านแบบบ้านๆ สั่งผัดกะเพราก็มีกะเพรามาให้ชื่นใจมิใช่สั่งผัดกะเพราแต่ได้ถั่วกับพริกหยวกและทุกอย่างยกเว้นกะเพรา (คุ้นๆ มั้ยคนกุงเตป) 3. ร้านเค้กคุณหมอ พิกัด https://goo.gl/maps/2Faufhp9J9z  ล้อหมุนจากก๋วยเตี๋ยวพิษณุโลกมาอีกประมาณ 15 นาที ก็จะเจอ “ร้านเค้กคุณหมอ” ร้านนี้เค้าน่ารักกิ๊บเก๋เป็นร้านเค้กอยู่กลางทุ่งนา บรรยากาศเหมือนอยู่ในชนบทญี่ปุ่น เจ้าของร้านเป็นหมอก็เลยตั้งชื่อว่าเค้กคุณหมอ (ถามเค้ามาอีกนั่นล่ะ พอดีเป็นคนชอบหาความรู้…เรื่องชาวบ้าน) ร้านเปิดทุกวันตั้งแต่ 8 โมงเช้าถึง 5 โมงเย็น อยากให้ลองเมนูกาแฟชื่อ “ดูนา” สูตรเฉพาะของทางร้าน จิบกาแฟไปดูท้องนาไปเพลินๆ 4. วัดพระธาตุจอมผ่อ อ. เวียงป่าเป้า พิกัดhttps://goo.gl/maps/nWsGzYFFHTu  ตอนนี้รู้สึกว่ารถหนักมากไปเพราะมัวแต่แวะร้านของกินมิได้หยุดหย่อน เปลี่ยนบรรยากาศลงไปเดินย่อยกันบ้าง ว่าแล้วก็ตามหาแหล่งท่องเที่ยวที่เหมาะสมกับสายบุญอย่างเรา “วัดอรัญญวิเวกคีรี หรือ วัดพระธาตุจอมผ่อ” คือ สถานที่ที่เหมาะสมดีงามในยามนี้ วัดพระธาตุจอมผ่อเป็นวัดเก่าแก่มาก อายุ 298 ปี โดยประมาณ มิได้ใบ้หวยแต่อย่างใดแค่พูดเฉยๆ วัดพระธาตุจอมผ่อเป็นหนึ่งใน 9 พระธาตุเจ้าจอมของจังหวัดเชียงราย ทางเข้าสองข้างทางเป็นทุ่งนาเขียวขจีข้างหน้ามีฉากเป็นทิวเขาทอดตัวยาวถนนดีราดปูนซีเมนต์ น้ำไฟเข้าถึงแล้ว หากใครมองหาที่สวยๆ แวะซื้อซักแปลงสองแปลงได้ อิ่มอกอิ่มใจกับบุญแล้วเราไปต่อกันดีกว่า 5. เกาเหลาเลือดหมู อ. เวียงป่าเป้า พิกัดhttps://goo.gl/maps/uUHj1hqkD4Q2  แม้จะเป็นสายบุญก็ตามแต่ถ้าท้องหิวเราต้องเติมอาหารก่อนเติมบุญถูกมั้ย ตอบเลยว่าถูก ว่าแล้วออกจากพระธาตุจอมผ่อเราก็เลี้ยวรถย้อนขึ้นมาทางขวามือมุ่งหน้าไปทางขวามือร้านอยู่ตรงข้ามสำนักงานสรรพสามิตเวียงป่าเป้าจอดรถได้ข้างร้านเลย ถ้าที่ไม่ว่างค่อยจอดตรงสรรพสามิต “ร้านเกาเหลาเลือดหมูเวียงป่าเป้า” เปิดมานมนานกาเลแต่ก่อนเปิดทุกวันแต่เดี๋ยวนี้เปิดวันอังคารถึงวันเสาร์เพราะขายดีเป็นเทน้ำเทท่าเหมือนแจกฟรี ถึงแม้จะจั่วหัวร้านว่าเกาเหลาเลือดหมูแต่ขายก๋วยเตี๋ยวปลา ข้าวต้มปลา เกาเหลาลูกชิ้นปลาลวกจิ้มรวม เกาเหลาเจ้านี้เครื่องในใหม่สดสะอาดไม่เหม็นคาว ตับลวกเด้งดึ๋ง ปลาที่เอามาทำก๋วยเตี๋ยวข้าวต้มก็สดใหม่เหมือนเลี้ยงอยู่หลังบ้าน มาเวียงป่าเป้าร้อยรอบต้องแวะ 99 รอบ เพราะรอบที่ร้อยร้านปิด.. แป่ว สอบถามร้านปิด-เปิด เมมเบอร์กันไว้โทรถามได้ 053 648 374 6. วัดแสงแก้วโพธิญาณ พิกัด https://goo.gl/maps/dG7oEv2RYG72  พอท้องอิ่มก็ได้สติมาสะสมแต้มบุญกันอีกครั้ง ออกจากเวียงป่าเป้ามุ่งหน้ามาทาง อ.แม่สรวย วัดอยู่ทางขวามือไม่หลงแน่นอนมีป้ายบอกพร้อมเลี้ยวขวาเข้าไปเลยทางดีเรียบกริบ ทางเข้าว่าเริ่ดแล้วเข้ามาเจอวัดยิ่งอลังการดาวล้านดวงยิ่งกว่า วัดแสงแก้วโพธิญาณมีตำนานการสร้างที่มหัศจรรย์อยู่ อ่านแล้วอยากไปยิ่งนักใช้เวลาสร้างถึง 7 ปีวัดนี้มีจุดเด่นตรงที่เป็นศูนย์รวมของสิ่งศักดิ์สิทธิ์มากมายทั้งสายพุทธ สายพราหมณ์ ถือเป็นไฮไลท์ของ อ.แม่สรวย ที่ไม่ไปถือว่าพลาดแรงมาก  สำหรับวันนี้แอดมินก็พาเหล่าออเจ้า ไปตระเวนกิน ตระเวนเที่ยว ได้ครบทั้งสายกินสายบุญรวมเป็นสายกินที่ทำบุญ แอดมินจักต้องขอลาไปก่อน แล้วจักกลับมาใหม่ในไม่ช้า

118 เชียงใหม่-เชียงราย เส้นทางสายชิลล์ อ่านเพิ่มเติม

อร่อยเด็ดรอบกรุง กวยจั๊บ-ต้มเลือดหมูสามย่าน เจ้าเก่า

เช้าๆแบบนี้ได้ทานกวยจั๊บร้อนๆ สักชามคงจะฟินน่าดู ซอยแถวนี้อาจจะเรียงเลขแบบแปลกๆ ไปซักหน่อย แต่การเดินทางมาที่ร้านไม่ยากอย่างที่คิด โดยเริ่มจากถนนพระราม 4 ฝั่งขาเข้า ให้เลี้ยวเข้าซอยจุฬา 11 (ซอยที่มีอันนาเค้ก) ตรงมาสักพัก เจอแยกทางขวามือ เห็นป้ายซอยจุฬา 50 ก็เลี้ยวเข้าไปเลย ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอกับร้านที่เราตามหา เป็นร้านห้องแถวอยู่ขวามือ ตรงข้ามร้าน Tokyo Sweet บรรยากาศภายในร้าน เป็นร้านเล็กๆ แต่คนแน่นแบบนี้รู้เลยว่าต้องอร่อยแน่นอน เครื่องต่างๆ ที่สด สะอาด พร้อมรอลงชามให้เราทานแล้ว กวยจั๊บสูตรดั้งเดิมที่แอดขอบอกเลยว่า มันดีมาก น้ำซุปกลมกล่อม เครื่องในปรุงสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น หรือใครชอบต้มเลือดหมูก็สั่งได้นะ อร่อยไม่แพ้กัน.กวยจั๊บ-ต้มเลือดหมู ธรรมดา ราคาชามละ 50 บาท พิเศษ/เพิ่มสาหร่าย ราคา 60 บาท อีกหนึ่งเมนูเด็ด นั้นก็คือ หมูกรอบ ส่วนตัวแอดเป็นคนชอบทานหมูกรอบมาก พอได้ลองชิมหมูกรอบของที่นี่ก็พบว่า ความอร่อยมันมีอยู่จริง หนังกรอบ เนื้อนุ่มกำลังดี อยากสั่งมาทานให้เพลิดเพลินสัก 10 จาน หมูกรอบราคา 80 บาท ถ้าใครอยากไปพิสูจน์ความอร่อยก็ไปกันได้ที่ร้านกวยจั๊บ-ต้มเลือดหมูสามย่าน เจ้าเก่า จะได้รู้ว่าแอดไม่ได้โกหกนะคะ

อร่อยเด็ดรอบกรุง กวยจั๊บ-ต้มเลือดหมูสามย่าน เจ้าเก่า อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top