อาหารท้องถิ่น

ชวนครอบครัวเที่ยวสงกรานต์ กับ 5 สถานที่เที่ยวเมืองรอง

วันสงกรานต์ ถือเป็นเทศกาลที่สำคัญของคนไทย หลายคนตั้งหน้าตั้งตารอคอยให้เทศกาลนี้มาถึงไว ๆ เพราะนอกจากจะได้หยุดยาวพักผ่อนแล้ว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ยังมีกิจกรรมมากมายให้ได้ทำ โดยสิ่งที่คนส่วนใหญ่จะนึกถึงเป็นอันดับแรกคือการละเล่นน้ำ ประแป้ง คลายร้อน การร่วมกิจกรรมรื่นเริงต่างๆ หรือเข้าวัด ไหว้พระ รดน้ำดำหัวผู้ใหญ่ เพื่อความเป็นสิริมงคลในวันขึ้นปีใหม่ของไทย แต่ในช่วงเทศกาลสงกรานต์ วันที่ 14 เมษายน ของทุกปี ยังถือเป็นวันครอบครัวอีกด้วย เราเลยอยากชวนทุกครอบครัวไปเปิดประสบการณ์การท่องเที่ยวสงกรานต์ในรูปแบบใหม่ สไตล์เมืองรอง ที่ถึงแม้จะงดเล่นน้ำ งดประแป้ง แต่ก็ยังมีกิจกรรมสนุก ๆ ของ 5 สถานที่เมืองรอง ที่มีครบทุกสไตล์ ไม่ว่าจะเป็นสายบุญ สายออกกำลังกาย หรือว่าจะสายกิน ที่รับรองว่าได้ลองแล้วจะติดใจจนต้องชวนครอบครัวออกไปเที่ยวซ้ำอีกแน่นอน วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ .วันสงกรานต์ ถือเป็นประเพณีวันขึ้นปีใหม่ของไทยในสมัยโบราณ เป็นการเปลี่ยนปีจุลศักราช ซึ่งปัจจุบันถึงแม้จะกำหนดให้วันที่ 1 มกราคม ของทุกปีเป็นวันขึ้นปีใหม่ตามหลักสากล แต่ชาวไทยพุทธศาสนา ยังถือว่าวันสงกรานต์เป็นวันขึ้นปีใหม่ของไทย ไหน ๆ ก็หยุดยาวปีใหม่ไทยทั้งที ถือเป็นช่วงเวลาดี ๆ ที่ไม่ควรพลาดในการพาครอบครัวเข้าวัด ไหว้พระ ทำบุญ เสริมความสิริมงคลให้แก่ครอบครัว โดยวัดที่เราจะพาทุกครอบครัวไปไหว้พระเริ่มต้นปีกันนั้นก็คือ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จังหวัดสุพรรณบุรี วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ถือเป็นวัดสำคัญคู่บ้านคู่เมืองสุพรรณบุรีมาตั้งแต่สมัยอยุธยาตอนต้น ในสมัยของพระเจ้าอู่ทอง มีอายุไม่ต่ำกว่า 600 ปี จุดเด่นของวัดอยู่ตรงองค์พระปรางค์ที่ถือเป็นต้นกำเนิดพระพิมพ์ผงสุพรรณบุรีอันโด่งดัง มาที่นี่นอกจากจะได้พาครอบครัวมาสรงน้ำพระวันสงกรานต์เพื่อเริ่มต้นสิ่งดี ๆ ในปีใหม่ ที่คนไทยโบราณเชื่อว่าชีวิตก็จะราบรื่นมีความสุขไปตลอดปีแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์ของไทย ให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ประวัติศาสตร์จากสถานที่จริงอีกด้วย.สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง– อุทยานมังกรสวรรค์ 400 เมตร– วัดป่าเลไลยก์วรวิหาร 2.9 กม.– หอเกียรติยศ ฯพณฯ บรรหาร ศิลปอาชา 3.8 กม..ที่ตั้ง ถนนสมภารคง ต.รั้วใหญ่ อำเภอเมืองสุพรรณบุรี จังหวัดสุพรรณบุรีเปิดบริการทุกวัน ไร่ตามฟาร์มสุข.ขยับมาเที่ยวภาคตะวันออกกันบ้าง ที่จังหวัดจันทบุรี จังหวัดเมืองรองใกล้กรุง ที่นี่มีกิจกรรมท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยมอยู่ในปัจจุบันนี้ คือ การพาย Stand Up Paddle Board หรือที่เรามักจะเรียกกันเล่น ๆ ว่า SUP Board ในคลองบางกะจะ ด้วยเสน่ห์ความสวยงามคลองบางกะจะ ทำให้เราสามารถออกกำลังกาย และพักผ่อนไปได้ในคราวเดียวกัน ไม่ว่าจะอยากออกทริปพาย SUP ชมธรรมชาติช่วงเช้า ช่วงเย็น หรือจะเหมายาวๆทั้งวัน ที่นี่ก็มีบริการให้เลือกหลายช่วงเวลาตามความต้องการ.นอกจากนี้ยังมีบริการ Private Portrait SUP ทุกโปรแกรมของที่นี่นักท่องเที่ยวจะได้ภาพสวย ๆ จากช่างภาพมืออาชีพที่มาถ่ายให้ โดยไม่คิดค่าบริการเพิ่มอีกด้วย นอกจากนี้ที่นี่ยังมีกิจกรรมขี่ม้า โดยที่ฟาร์มจะมีสนามฝึกขี่ม้า และมีคุณครูฝึกผู้เชี่ยวชาญดูแลอยู่ตลอดการเรียน เริ่มเรียนได้ตั้งแต่เด็กเล็ก 3 ขวบขึ้นไป หรือผู้ใหญ่ท่านไหนสนใจที่นี่ก็ยินดีต้อนรับเสมอ อัตราค่าบริการ SUP– แพคเกจเริ่มต้น ราคา 800บาท/คน รับจำนวนจำกัดไม่เกิน 7 ท่าน ต่อทริป ยกเว้น แพคเกจส่วนตัว จำนวนไม่เกิน 2 ท่าน หรือ ครอบครัว พ่อ แม่ ลูก * กรณีมีเด็กอายุต่ำกว่า 13 ปี ขออนุญาตรับเฉพาะกลุ่ม ไม่รับแจมกรุ๊ปกับท่านอื่น * กรณี ลูกค้ามี บอร์ดมาเอง ขอร่วมแจมทริป มีค่าบริการ 300 บาท : 1 บอร์ด (พร้อมอาหาร เพิ่ม 150 บาท รวมค่าบริการ 450 บาท : 1 ท่าน) (อัตรานี้รวม ค่าบริการเจ้าหน้าที่,ค่าบำรุงสถานที่ ,น้ำดื่ม- ของว่าง ).อัตราค่าบริการขี่ม้า– ครึ่งชั่วโมง 200 บาท– 1 ชั่วโมง 400 บาท– คอร์สเรียน 4,000 บาท (เรียน 10 ชั่วโมง แถมฟรีอีก 1 ชั่วโมง).สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง– ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช 2.4 กม.– ชุมชนริมน้ำจันทบูร 8.6 กม.– ชุมชนขนมแปลก 12 กม..ที่ตั้ง 68/3 หมู่ 4 ถนนชาติอนุสรณ์ ตำบลบางกะจะ อำเภอเมือง จังหวัดจันทบุรีเปิดบริการทุกวัน (กรุณานัดหมายจองล่วงหน้าก่อนเดินทาง)โทร. 09 4696 6263 cr. รูปขี่ม้า จากไร่ตามฟาร์มสุข https://www.facebook.com/raitamfarmsuk ศูนย์เรียนรู้ชุมชนทุ่งเจริญ.สถานที่ต่อไป ขอเอาใจครอบครัวสายคราฟท์กันบ้าง หากพูดถึงงานคราฟท์ งานผ้า จังหวัดที่โดดเด่นในเรื่องนี้คงจะหนีไม่พ้นจังหวัดแพร่ เราเลยจะพาทุกคนไปเรียนรู้กระบวนการวิธีทำผ้าหม้อห้อม ผ้าพื้นเมืองที่สำคัญของจังหวัดแพร่ ที่ศูนย์เรียนรู้ชุมชนทุ่งเจริญ อำเภอเมือง จังหวัดแพร่ หรือชาวบ้านจะรู้จักกันในนาม บ้านป้าเหงี่ยม แรกเริ่มที่นี่เป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนที่ได้รวมกลุ่มกันทำผ้าหม้อห้อมที่ย้อมจากสีธรรมชาติ จนพัฒนาพื้นที่มาเป็นแหล่งเรียนรู้ “ศูนย์เรียนรู้ชุมชนทุ่งเจริญ” ในปัจจุบัน ผ้าหม้อห้อมถือว่าเป็นผ้าที่ทนทาน สวมใส่สบายไม่ร้อน นอกจากนี้ยังสามารถนำมาทำเป็นผลิตภัณฑ์ได้ทั้งหมวก ผ้าพันคอ มาเที่ยวที่นี่นอกจากคุณพ่อ คุณแม่จะได้ความรู้เผื่อนำไปต่อยอดเป็นอาชีพได้แล้ว เด็กๆยังได้สนุกสนานไปกับการทำกิจกรรมการย้อมผ้าหม้อฮ้อม งานศิลปะฝีมือเราที่มีชิ้นเดียวในโลกอีกด้วย.สถานที่ท่องเที่ยวใกล้เคียง– วนอุทยานแพะเมืองผี 6.2 กม.– พิพิธภัณฑ์คุ้มวงศ์บุรี 4.8 กม.– คุ้มเจ้าหลวง 4.3 กม..ที่ตั้ง 291 หมู่ 5 ตำบลทุ่งโฮ้ง อำเภอเมือง จังหวัดแพร่เปิดบริการทุกวัน

ชวนครอบครัวเที่ยวสงกรานต์ กับ 5 สถานที่เที่ยวเมืองรอง อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวสามแพร่ง แหล่งอาหารอร่อย

ย่านสามแพร่ง เป็นชุมชนเก่าแก่ อดีตเป็นกลุ่มวังที่ประทับของเจ้านาย ได้แก่ วังกรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ วังกรมหมื่นภูธเรศธำรงศักดิ์ และวังกรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ.ในสมัยรัชกาลที่ 5 มีการตัดทางผ่านกลางพื้นที่กลุ่มวังนี้ เพื่อเชื่อมถนนอัษฎางค์กับถนนตะนาว จนเกิดเป็นทางสามแพร่ง และตั้งชื่อถนนในย่านนี้ตามพระนามเจ้าของวัง คือ ถนนแพร่งสรรพศาสตร์ ถนนแพร่งนรา และถนนแพร่งภูธร.ในสมัยนั้น ย่านสามแพร่ง นับว่าเป็นย่านเศรษฐกิจที่สำคัญ มีห้างร้านมากมาย โดยเฉพาะร้านจำหน่ายอุปกรณ์สนามของข้าราชการทหาร-ตำรวจ รวมทั้งร้านทอง ร้านอาหาร ห้างฝรั่ง และโรงละครปรีดาลัย โรงแสดงละครร้องแห่งแรกของไทย ย่านสามแพร่งตั้งอยู่ที่แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ ในเขตพระนคร สามารถเดินทางมาได้หลายวิธี.รถส่วนตัว : ตั้ง GPS มุ่งหน้ามายังเขตพระนคร จากนั้นเลี้ยวตัดเข้าถนนตะนาว ซึ่งอยู่ไม่ไกลจากอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย .MRT : สถานีสามยอด ทางออกที่ 3 เดินมุ่งหน้ามาทางแยกสี่กั๊กพระยาศรี เดินเลี้ยวขวาเข้าถนนเฟื่องนครมาประมาณ 700 เมตรก็จะถึงย่านสามแพร่ง.MRT : สถานีสนามไชย ทางออกที่ 2 เดินไปทางสวนสราญรมย์ แล้วเข้าถนนอัษฎางค์.1 ศาลเจ้าพ่อเสือ2 ซุ้มประตูแพร่งสรรพศาสตร์3 กุยช่ายคุณแม่4 โรงเรียนตะละภัฏศึกษา (วังวรวรรณ)5 ก๋วยเตี๋ยวนายมัก เจ้าเก่า แพร่งนรา6 ร้านขนมหวานลุงแดง แพร่งนรา7 ร้าน ก.พานิช ข้าวเหนียวมะม่วงและขนมไทย8 ชิกัจฉา กาแฟสด แพร่งภูธร9 1905 Heritage Corner & Café แพร่งภูธร10 ขนมปังปิ้ง “ภูธรบาร์” แพร่งภูธร ศาลเจ้าพ่อเสือ .มาถึงแขวงศาลเจ้าพ่อเสือ ก็ต้องเข้าไปสักการะกันสักหน่อย “ศาลเจ้าพ่อเสือ” หรือที่ชาวจีนเรียกว่า “ตั่วเหล่าเอี้ย” เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีความศักดิ์สิทธิ์ ประดิษฐานรูปเอี่ยนเถี้ยนส่งเต้ รูปเจ้าพ่อเสือ รูปเจ้าพ่อกวนอู และรูปเจ้าแม่ทับทิม ผู้คนต่างมากราบไหว้ขอพร เสริมดวงบารมี รวมถึงสะเดาะเคราะห์แก้ปีชงต่าง ๆ.สำหรับผู้ที่เพิ่งเคยไปครั้งแรก หรือไม่คุ้นชินกับการไหว้ศาลเจ้าก็ไม่ต้องห่วงจ้า ด้านในมีเจ้าหน้าที่ของศาลเจ้าบอกขั้นตอนอย่างละเอียด.ด้านในห้ามถ่ายภาพนะ.เปิดทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น.ที่ตั้ง 468 ถนนตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯ ซุ้มประตูแพร่งสรรพศาสตร์.เดินออกจากศาลเจ้าพ่อเสือ ก็มาถึงแพร่งที่ 1 คือ “แพร่งสรรพศาสตร์” ตรงปากทางเข้าแพร่งจะมี “ซุ้มประตูแพร่งสรรพศาสตร์” ตั้งอยู่ เป็นรูปแบบสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรป หน้าบันเจาะเป็นวงกลม ในช่องนั้นมีประติมากรรมรูปผู้หญิงในท่ายืนถือคบไฟ ซุ้มประตูนี้เป็นส่วนหนึ่งของวังสรรพสาตรศุภกิจ ซึ่งเดิมเคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงสรรพสาตรศุภกิจ.ต่อมาภายหลังได้เกิดเหตุเพลิงไหม้เสียหายจนหมด เหลือเพียงซุ้มประตูวังเก่าที่ยังคงความสวยงามให้คนรุ่นหลังได้ชม และเปรียบเสมือนเป็นสัญลักษณ์ของย่านสามแพร่ง จากซุ้มประตูแพร่งสรรพศาสตร์ เดินเล่นดูร้านรวง คาเฟ่ สตูดิโอศิลปะแล้ว อย่าลืมแวะไปถ่ายรูปกับภาพวาดรูปซุ้มประตูแพร่งสรรพศาสตร์ที่ฝาผนังด้านข้างโรงแรม Oyo Bright Minitel นะ .ที่ตั้ง ถนน แพร่งสรรพศาสตร์ แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร กุ้ยช่ายคุณแม่ .เดินย้อนกลับมาที่ปากทางเพื่อจะเดินต่อไปที่แพร่งนรา สายตาก็เหลือบไปเจอของน่ากินเข้าซะแล้ว .“กุ้ยช่ายคุณแม่” จุดเด่นก็คือ แป้งบางใสมองเห็นไส้ น่ากินมาก เข้ากันได้ดีกับน้ำจิ้มรสกลมกล่อม มีทั้งหมด 4 ไส้คือ กุ้ยช่าย เผือก มันแกว และหน่อไม้.ที่มาของกุ้ยช่ายคุณแม่ เกิดขึ้นจากที่คุณแม่ทำขนมกุ้ยช่ายให้ลูก ๆ กิน แล้วลูก ๆ บอกว่ารสชาติอร่อย เลยชวนแม่เปิดร้านขาย ซึ่งปัจจุบันก็เข้าสู่ปีที่ 9 แล้ว มีลูกค้ารวมถึงเหล่าฟู้ดเดลิเวอร์รี่ทุกสีมารอคิวซื้อกันไม่ขาดสาย เปิดทุกวัน 05.00-17.00 น.โทร. 081 303 0022ที่ตั้ง 520 ถนนตะนาว แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพฯ โรงเรียนตะละภัฏศึกษา (วังวรวรรณ)  . กลางแพร่งนรา มีอาคารเก่าแก่แห่งหนึ่งที่ยังคงความสวยงามโดดเด่นออกมาจากอาคารอื่น ๆ นั่นก็คือ โรงเรียนตะละภัฏศึกษา บริเวณแพร่งนรานี้ ในอดีตคือวังวรวรรณ ที่ประทับของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระนราธิปประพันธ์พงศ์ ซึ่งทรงปรีชาสามารถมากในด้านการประพันธ์ ทรงเป็นผู้นิพนธ์บทละครร้อง และสร้างโรงละครปรีดาลัยซึ่งเป็นโรงละครร้องแห่งแรกของประเทศไทยขึ้นภายในวังของพระองค์ท่าน ลักษณะอาคารเป็นปูนผสมไม้ มีระเบียงไม้ฉลุสวยงาม ซึ่งต่อมาได้กลายมาเป็นโรงเรียนตะละภัฏศึกษา และปิดทำการไปเมื่อปี พ.ศ. 2538 ปัจจุบันเราสามารถชมอาคารนี้ได้แค่ภายนอกเท่านั้น.ที่ตั้ง ถนนแพร่งนรา แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร บรรยากาศสองข้างทางของถนนแพร่งนรา เราจะได้เห็นอาคารตึกแถวที่มีสถาปัตยกรรมสไตล์ยุโรปผสมจีนเรียงยาว ก๋วยเตี๋ยวนายมัก เจ้าเก่า แพร่งนรา.เดินเล่นชมอาคารร้านรวงในแพร่งนราเพลิน ๆ ก็ได้กลิ่นหอมของน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว ชวนท้องร้อง เงยหน้าดูก็เห็นร้านนายมัก เจ้าเก่า เป็นร้านก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นปลาและเย็นตาโฟที่เปิดขายมานานกว่า 70 ปี ปัจจุบันมีหลายสาขา จุดเด่นคือเกี๊ยวปลา เส้นปลาทำเอง และทำสดใหม่ทุกวัน ลูกค้าส่วนใหญ่บอกเป็นเสียงเดียวกันว่า เหนียว นุ่ม อร่อย และไม่คาว.ถึงจะเป็นร้านที่ไม่ได้มีเมนูเยอะแยะ แต่แอดได้ชิมแล้วบอกเลยว่าอร่อยมาก ๆ ไปลองกันได้ .เปิดทุกวัน 09.30-15.00 น.โทร. 02 222 0093, 086 616 5340ที่ตั้ง 62 ถนนแพร่งนรา แขวงศาลเจ้าพ่อเสือ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ร้านขนมหวานลุงแดง แพร่งนรา .กินคาวแล้วจะพลาดของหวานได้ยังไง ในซอยแพร่งนรานี้มีร้านขนมหวานขึ้นชื่อแห่งหนึ่งคือ “ร้านลุงแดง” มีเมนูหลากหลายไม่ต่ำกว่า 10 อย่าง รสชาติหวานกำลังดี.ถึงจะดูเป็นขนมหวานหน้าตาธรรมดาแต่รสชาติไม่ธรรมดาเลย เปิดขายมา 50 ปีแล้วจ้า มีทั้งขาประจำและขาจรอย่างแอดเดินเข้าร้านกันอย่างต่อเนื่อง มาดูเมนูที่แอดเลือกกัน น่ากินทั้งนั้นเลย แอดสั่งข้าวเหนียวดำเปียก ลำไยเปียก และสาคูเปียกข้าวโพดมาชิม รสหวานกำลังดี แถมหอมกลิ่นกะทิอ่อน ๆ อีกด้วย นอกจากนี้ ก็ยังมีสังขยา ลูกชุบ ตะโก้ กล้วยเชื่อม เผือกกวน ฯลฯ ซื้อกลับบ้านไปฟินต่อกันได้.เปิดทุกวัน

เที่ยวสามแพร่ง แหล่งอาหารอร่อย อ่านเพิ่มเติม

สุขทุกวัน..จันทบุรี

สงกรานต์นี้ถ้ายังไม่มีโปรแกรมจะไปไหน แนะนำให้ลองมาสัมผัสเมืองเล็กๆ ที่มีเสน่ห์แห่งภาคตะวันออก มาเล่นกับน้องโลมาแสนรู้สุดน่ารัก มาลองประสบการณ์พาย SUP Board ริมน้ำจันทบูร มาเที่ยวชมและชิมผลไม้แสนอร่อยจากสวน ปิดท้ายด้วยลองอาหารขึ้นชื่ออย่างก๋วยเตี๋ยวกั้งเนื้อแน่นๆ เดินทางก็ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ จะนั่งรถโดยสารสาธารณะหรือขับรถชิลๆ มาเที่ยวก็สะดวกมากๆ ถ้าอยากรู้ว่าฟินขนาดไหน ลองมาสุขทุกวันที่จันทบุรีเลยค่า OASIS SEA WORLD.โอเอซีส ซีเวิลด์ สถานที่เพาะพันธุ์โลมา ห่างจากตัวเมืองประมาณ 30 กิโลเมตร ที่นี่มีน้องโลมา 2 สายพันธุ์ คือ โลมาปากขวดหรือโลมาสีชมพู และโลมาหัวบาตรหรือโลมาอิระวดี มีการจัดแสดงโชว์โลมา และกิจกรรมที่ห้ามพลาดสุดประทับใจ นั่นคือการได้ลงเล่นน้ำกับน้องโลมาแสนรู้ที่รับรองว่าต้องร้องว้าวววววววว ช่วงนี้มีโปรโมชั่น เพียง 999.- จากปกติ 2,500.- กิจกรรมพาย SUP Board ล่องแม่น้ำ ชมชุมชนริมน้ำจันทบูร สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบ พระชนมพรรษา.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำขนาดเล็ก เปิดให้เข้าชมกันอย่างฟรีๆ โดยไม่เสียค่าเข้าชม ภายในมีปลาท้องถิ่น ปลาหายาก สัตว์น้ำ ทั้งหมด 36 ตู้ เดินลอดอุโมงค์ปลากันแบบเพลินๆ ศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน.สะพานเดินศึกษาธรรมชาติป่าชายเลนอ่าวคุ้งกระเบน บนเส้นทางศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1,600 เมตร ทอดผ่านป่าชายเลนที่มีพันธุ์ไม้หลายชนิด ปลายทางอยู่ที่ศาลาชมวิวซึ่งยื่นล้ำออกไปกลางอ่าว เป็นจุดที่มองเห็นทัศนียภาพของป่าชายเลนขนานไปกับท้องทะเลที่สวยงาม ผลไม้ จันทบุรี.จันทบุรีเมืองแห่งราชาผลไม้ (มังคุด) และราชินีผลไม้ (ทุเรียน) นอกจากนี้ยังมีเงาะ ลองกอง สละ สายพันธุ์ดีให้นักท่องเที่ยวชิมและติดไม้ติดมือเป็นของฝาก ช่วงที่น่าสนใจในคือเดือนพฤษภาคมถึงเดือนกรกฎาคมของทุกปี สวนผลไม้จะเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าชมสวนพร้อมทานผลไม้แบบบุฟเฟต์ในราคาที่ไม่แพงเลย คุ้มยิ่งกว่าคุ้ม!!! ก๋วยเตี๋ยวกั้ง.หนึ่งเมนูที่ต้องห้ามพลาดเมื่อมาถึงจันทบุรี กั้งสดๆ เนื้อแน่นๆ น้ำซุปเด็ดๆ โอยยยยย หิวเลยทีเดียว

สุขทุกวัน..จันทบุรี อ่านเพิ่มเติม

ลัดเลาะเที่ยวชุมชนกุฎีจีน

เวลาหนึ่งวัน เราจะปล่อยให้เป็นวันธรรมดา หรือจะเปลี่ยนให้เป็นวันที่น่าจดจำก็ได้ เพียงแค่ออกไปเดินเที่ยวสบาย ๆ วันธรรมดาก็กลายเป็นวันชิลล์ ๆ แล้ว ถ้ายังนึกไม่ออกว่าจะไปไหน ตามแอดมา แอดจะพาไปเดินเล่น ลัดเลาะตามตรอกซอกซอยของย่านชุมชนที่มีชีวิตชีวาอย่าง “ชุมชนกุฎีจีน” กัน ชุมชนกุฎีจีน.ชุมชนกุฎีจีนหรือกะดีจีน เป็นย่านชุมชนเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยาฝั่งธนบุรี มีความหลากหลายทางเชื้อชาติ ศาสนาและวัฒนธรรมมากที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ ในชุมชนมีทั้งชาวไทย จีน ฝรั่ง เข้ามาตั้งรกรากตั้งแต่สมัยก่อตั้งกรุงธนบุรี ภายในชุมชนก็จะมีตรอกซอกซอยเยอะมาก ทุกมุมล้วนมีชีวิตชีวา มี Graffiti มีบ้านสวย ศาลเจ้าเก่าแก่ โบสตถ์คริสต์ พิพิธภัณฑ์ชุมชนรวมทั้งร้านอร่อย ทั้งคาวทั้งหวานน่ากินไปหมด นี่คงเป็นหนึ่งเหตุที่ทำให้มีนักท่องเที่ยวแวะเวียนไปไม่ขาดสาย วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร.สร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 3 เป็นวัดเก่าแก่ มีความงดงามตามแบบฉบับสถาปัตยกรรมผสมผสานไทยและจีน ไฮไลท์คือมีพระพุทธรูปองค์ใหญ่ พระพุทธไตรรัตนนายก หรือ หลวงพ่อโต หรือที่รู้จักกันในหมู่ชาวจีนว่า ซำปอกง ประดิษฐานอยู่ในพระวิหาร ส่วนภายในพระอุโบสถเป็นที่ประดิษฐาน พระพุทธรูปปางปาลิไลยก์ นับเป็น 1 ใน 2 วัดในกรุงเทพฯเท่านั้นที่มีพระประธานปางปาลิไลยก์.ผู้คนนิยมมาสักการะบูชาเพื่อขอพรให้เดินทางปลอดภัยและขอให้มีมิตรที่ดีตามชื่อของวัดแห่งนี้.เปิดทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น.โทร. 0 2466 4643 โบสถ์ซางตาครู้ส.คำว่า ซางตาครู้ส หมายถึง ไม้กางเขนศักดิ์สิทธิ์ ตามพิธีสักการะบูชาของศาสนาคริสต์นิกายคาทอลิกโบสถ์ซางตาครู้สสร้างขึ้นในรัชสมัยของสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช เพื่อให้เป็นศาสนสถานของชาวโปรตุเกส ตั้งแต่ปี พ.ศ.2313 โดยโบสถ์หลังแรกเป็นโบสถ์ไม้ จนเมื่อปี พ.ศ.2376 เกิดเพลิงไหม้ชุมชนและโบสถ์ จึงต้องสร้างโบสถ์ขึ้นใหม่ จนเมื่อ พ.ศ. 2456 โบสถ์หลังดังกล่าวก็เก่าทรุดโทรมมากเกินกว่าจะซ่อมแซม จึงมีการก่อสร้างใหม่ นั่นก็คือโบสถ์หลังปัจจุบัน ซึ่งแล้วเสร็จใน พ.ศ. 2459 มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบเรอเนซองส์และนีโอคลาสิก พร้อมยอดโดมที่จำลองมาจากมหาวิหารฟลอเรนซ์ ในประเทศอิตาลี จึงถือว่าเป็นวัดคริสต์ที่มีความเก่าแก่มากอยู่คู่กรุงเทพฯ บ้านวินเซอร์.บ้านวินเซอร์ หรือบ้านขนมปังขิงแห่งนี้เป็นบ้านเก่าแก่อีกหลังที่ใครมาเที่ยวกุฎีจีนก็จะถ่ายรูปไว้เสมอ แต่เดิมบ้านนี้เป็นบ้านไม้ที่ซื้อมาจากที่อื่น แล้วนำมาปลูกสร้าง ลักษณะคือบ้านไม้ 2 ชั้น โดดเด่นด้วยลายขนมปังขิง ภายนอกประดับตกแต่งตามตำแหน่งหน้าจั่ว ชายคาโดยรอบ กันสาด หน้าต่างด้านข้างของตัวบ้าน.ปัจจุบันบ้านหลังนี้ ไม่มีใครอาศัยอยู่ หากมองจากริมแม่น้ำจะมองเห็นตัวบ้านทั้งหลัง ในอดีตบ้านหลังนี้จะคงสวยงามมาก ๆ เลยล่ะ ทั้งรูปแบบสถาปัตยกรรมและลวดลายฉลุ ศาลเจ้าเกียนอันเกง หรือ ศาลเจ้าแม่กวนอิม.ศาลเจ้าเก่าแก่ ในชุมชนกุฎีจีน ตั้งอยู่ระหว่างวัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหารและวัดซางตาครู้ส นับเป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในฝั่งธนบุรี เล่ากันว่าสร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระเจ้าตากสิน เดิมศาลเจ้าแห่งนี้มี 2 ศาล แต่หลังจากนั้นศาลเจ้าได้ทรุดโทรมลงไปมาก ในสมัยรัชกาลที่ 3 ชาวจีนฮกเกี้ยนกลุ่มหนึ่งได้รื้อศาลทั้งสองแล้วสร้างขึ้นมาใหม่เพียงศาลเดียว ซึ่งคือศาลเจ้าปัจจุบันนั่นเอง.ด้านในมีองค์พระโพธิสัตว์เจ้าแม่กวนอิมให้ได้กราบไหว้สักการะ ชมความสวยงามของงานไม้แกะสลักที่มีความประณีตและงดงาม ภายนอกศาลเจ้ามุงด้วยกระเบื้องโค้งตามแบบจีน แอบบอกก่อนว่าภายในห้ามถ่ายรูปนะคะ ถ้าอยากรูปว่าด้านในเป็นยังไง ก็ต้องมาดูด้วยตัวเอง พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน.ถ้าอยากเข้าใจชุมชนกุฎีจีนให้มากขึ้น แนะนำให้มาที่นี่ พิพิธภัณฑ์บ้านกุฏีจีนเป็นพิพิธภัณฑ์ชุมชนและแหล่งเรียนรู้วัฒนธรรม ขนบธรรมเนียมประเพณี ภาษา ศาสนา และอาหารของชาวสยามโปรตุเกสในชุมชนกุฏีจีน รวมทั้งเรื่องราวเกี่ยวกับขนมไทยหลายชนิดที่เชื่อกันว่าท้าวทองกีบม้าได้ดัดแปลงมาจากขนมของโปรตุเกส พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน เป็นบ้านไม้สามชั้น บรรยากาศร่มรื่น น่าสบาย ชั้นล่างเป็นจุดประชาสัมพันธ์ มีร้านกาแฟเล็ก ๆ สามารถนั่งดื่มชากาแฟ และช้อปปิ้งของที่ระลึกน่ารัก ๆ ได้ ส่วนชั้น 2 เป็นห้องแสดงเรื่องราวความเป็นมาของชาวโปรตุเกสในประเทศไทย และที่มาของชาวไทยเชื้อสายโปรตุเกส ชั้น 3 จัดแสดงเป็นห้องนอนแบบโบราณ ทั้งตู้ เตียง โต๊ะ และข้าวของเครื่องใช้ต่าง ๆ รวมถึงเครื่องมือประกอบอาชีพ ทำให้เราเห็นภาพในอดีตของชุมชนเก่าแก่แห่งนี้เลยล่ะ พิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน เป็นพิพิธภัณฑ์เอกชน แต่เปิดให้เข้าชมฟรี ผู้สนใจต้องการช่วยสนับสนุนพิพิธภัณฑ์ก็สามารถซื้อของที่ระลึก หรือรับประทานอาหารเครื่องดื่มที่นี่ได้.เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 09.30-18.00 น. (ปิดวันจันทร์)โทร. 08 1772 5184 ขนมฝรั่งกุฎีจีน.ของอร่อยห้ามพลาดเมื่อมาเยือนชุมชนกุฎีจีน ก็คือ “ขนมฝรั่งกุฎีจีน” ขนมนี้มีต้นตำรับจากฝรั่ง เป็นขนมหายาก จะทำกันเฉพาะในช่วงเทศกาลสำคัญทางศาสนา ได้รับอิทธิพลมาจากขนมของชาวโปรตุเกสเป็นขนมอบ มีส่วนผสมหลัก ๆ 3 อย่างคือ แป้งสาลี ไข่เป็ดและน้ำตาลทราย รสชาติคล้ายขนมไข่ ด้านนอกจะกรอบ ๆ ส่วนเนื้อขนมจะมีความแน่นกว่า แต่งหน้าด้วยลูกเกด ลูกพลับเชื่อม โรยหน้าด้วยน้ำตาล ปัจจุบันมีร้านบ้านป้าเล็ก บ้านป้าพรรณ ร้านหลานป้าเป้า และร้านธนูสิงห์ ที่ยังคงทำขนมโบราณชนิดนี้ขายอยู่ นอกจากนี้ ยังมีขนมอื่น ๆ ที่ต้องลิ้มลองนอกจากขนมฝรั่งกุฎีจีน– ขนมกุสลา หรือ “ขนมตรุษฝรั่ง” มีส่วนผสมแบบเดียวกันขนมฝรั่งกุฎีจีน แต่เพิ่มเนย เกลือ และน้ำเข้าไป นำไปทอดแล้วเคลือบน้ำตาล– ก๋วยตั๊ส หรือพายสัปปะรด ขนมตำรับโปรตุเกสอีกอย่างที่หาทานได้เฉพาะที่กุฎีจีน– ขนมหน้านวล ขนมไทยโบราณทำจากแป้งสาลี ไข่แดง และน้ำตาล อบให้สุก บะหมี่ไก่กรอบลาดหญ้า (หน้าวัดบุปผาราม).ใครหิวมารวมตัวกันทางนี้ แอดมีมื้อหนักมาแนะนำ ก๋วยเตี๋ยวบะหมี่ไก่กรอบ บอกเลยว่าอิ่มกว่านี้ไม่มีอีกแล้ว แปลกใหม่ไม่เหมือนใคร เป็นบะหมี่ต้มยำที่ท็อปด้วยไก่กรอบ มีทั้งแห้งและน้ำตามใจชอบ รสชาติกลมกล่อม เผ็ดหวานกำลังดี.เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น.โทร. 09 7185 6620 Window กาแฟ.ร้านคาเฟ่เล็ก ๆ น่ารัก ใกล้กับพิพิธภัณฑ์บ้านกุฎีจีน มีกาแฟ เครื่องดื่ม ไอศกรีมแบบโฮมเมด และขนมอร่อย ๆ คอยต้อนรับ.เปิดวันจันทร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-18.00 น. (ปิดวันศุกร์)โทร. 08 4659 9515 แอดสั่ง Honey ขนมฝรั่งกุฎีจีน เป็นเมนูแนะนำของร้านค่ะ ซึ่งประกอบด้วยขนมฝรั่งกุฎีจีน ผลไม้ และไอศกรีมโฮมเมด เนื้อแป้งขนมกรอบนอกนุ่มในกินคู่กับไอศกรีม เข้ากันได้ดีเลยค่ะ ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ Window กาแฟ

ลัดเลาะเที่ยวชุมชนกุฎีจีน อ่านเพิ่มเติม

Enjoy Eating for 1 Day @ ตลาดพลู

สวัสดีเพื่อน ๆ ช่วงที่ผ่านมาระหว่างที่ Work From Home แอดเห็นหลายคนบ่นใน Social Media ว่าอยากออกไปหาที่กิน ที่เที่ยว เพราะอยู่บ้านจนเบื่อแล้ว วันนี้แอดมีย่านของอร่อยมานำเสนอ นั่นก็คือ ตลาดพลู ย่านตลาดพลูเป็นย่านร้านอาหารทั้งคาวหวานที่เปิดขายกันมายาวนาน ชาวฝั่งธนฯรู้จักกันดี มีร้านอร่อยขึ้นชื่อไม่แพ้เยาวราช มีทั้งร้านกลางวันกลางคืน รับรองเลยว่ามาเมื่อไหร่ก็ได้อิ่มอร่อยแน่นอนนน เอาล่ะ ตามไปกิน เอ้ย!! ตามไปอ่านกันได้เลย Enjoy Eating for 1 Day @ ตลาดพลู .1.กระเพาะปลาขันโค้ก2.สุณีข้าวหมูแดง3.หมวยหลี ไอติมไข่แข็ง4. สุริยา กาแฟ 100 ปี5. เจ๊บิ เปาะเปี๊ยะสด ตลาดพลู6. ยายใฝ ขนมเบื้องญวณ7. เจ๊อ้อย หมี่กระเฉดตลาดพลู8. LYNX Specialty Coffee แอดเดินทางด้วย BTS มาลงที่สถานี ตลาดพลู ใช้ทางออกที่ 2 จากนั้นใช้บริการรถจักรยานยนต์รับจ้าง (20 บาท) มาลงที่ตลาดพลู หรือถ้าจะเดินก็ใช้เวลาประมาณ 10 นาที ร้านอาหารคาวหวานย่านนี้ แต่ละร้านอยู่ใกล้กันมาก สามารถเดินถึงกันได้สบาย ๆ คล้ายกับย่านเยาวราช ร้านแรกที่แอดจะมาแนะนำนั่นก็คือ “กระเพาะปลาขันโค้ก” ร้านนี้เป็นร้านเก่าแก่ที่เปิดมากว่า 50 ปี อยู่ข้างรางรถไฟเลย คุณลุงคุณป้าเจ้าของร้านใจดี ชวนคุยเป็นกันเองน่ารักมาก แอดสั่งกระเพาะปลาแบบธรรมดา 1 ถ้วย เพราะต้องเผื่อท้องไว้กินร้านอื่น ๆ ด้วย ต้องบอกก่อนว่าร้านใช้หนังหมูแทนกระเพาะปลา จะได้ไม่มองหากระเพาะปลากัน เห็นถ้วยแค่นี้ก็อิ่มใช้ได้เลยนะ น้ำซุปกลมกล่อมแบบที่แอดชอบเลย ไม่ข้นมาก พอเกาะเส้นเกาะเครื่องให้มีรสชาติเวลากิน แต่ซดได้คล่องคอ ที่สำคัญเครื่องเยอะด้วยนะ ร้านเปิด 10.00 น. แต่อย่าชะล่าใจ เพราะของจะหมดไวมาก มาแล้วอย่าพลาดร้านนี้เชียว.ที่ตั้ง สถานนีรถไฟตลาดพลู เกือบปลายสถานี ติดริมทางรถไฟสายวงเวียนใหญ่-มหาชัย 1087 ถนน เทอดไท แขวง ตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600เวลาเปิด-ปิด 10:00 – 14:00 น. (หยุดวันอาทิตย์)โทร. 08 7078 8238 ร้านที่สองคือร้าน “สุณีข้าวหมูแดง” ที่แอดแอบหมายตาไว้อยู่แล้ว มีที่นั่งพอดี…จะรออะไรล่ะ สั่งเลย!!.แอดสั่งข้าวหมูแดง อร่อยทีเดียว สมกับขายมานานกว่า 60 ปี หมูแดงมีกลิ่นย่างเตาถ่าน เนื้อฉ่ำ น้ำราดมีรสหวานนำ เจือเค็มนิด ๆ ทานง่ายดีนะ ที่สำคัญนั่งกินข้างรางรถไฟแบบนี้ แปลกใหม่สำหรับแอดมาก ๆ (แต่แอดชอบนะ อยากกลับไปกินอีก).ที่ตั้ง 854/8 ซอย เทอดไท 25 แขวง ตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600เปิดทุกวัน 06:00 – 20:30 น.โทร. 0 2466 3173 หมวยหลี ไอติมไข่แข็ง.กินคาวแล้วก็กินหวานต่อ ร้านนี้เดินจากร้านสุณีข้าวหมูแดงแค่ 3-4 ก้าวก็ถึงแล้ว บอกตามตรงว่าทั้งแอดและเพื่อนไม่เคยกิน ไอติมไข่แข็งมาก่อน ทางร้านเล่าให้ฟังว่าเปิดมากว่า 60 ปีแล้ว เปิดมาก่อนร้านสุณีข้าวหมูแดงซะอีก มา…เรามาลองรสชาติของ ประวัติศาสตร์ไอติม 60 ปีพร้อม ๆ กัน.เมนูที่ทางร้านแนะนำมาก็คือ ไอติมไข่แข็ง(โป๊ก) เป็นไอศกรีมกะทิ เนื้อสัมผัสไม่ได้เหนียวมาก รสชาติหวานนำ พอตักโดนไข่ก็มีความมัน ๆ นัว ๆ กินคู่กับท็อปปิ้งก็ยิ่งให้รสชาติที่หลากหลาย ไม่น่าเบื่อ ยิ่งทับทิมกรอบของร้านนี้นะ ถูกใจแอดมาก เผลอแป๊บเดียวก็หมดแล้ว เหมาะกับช่วงกลางวันที่อากาศร้อนมาก ๆ เลยยย.ที่ตั้ง : 10600 854/8-01 แขวง ตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600เปิดทุกวัน 09:00 – 20:30 น.โทร. 08 1409 2484, 09 4324 0324 สุริยา กาแฟ 100 ปี.หากใครขาดคาเฟอีนไม่ได้ ที่ตลาดพลูก็มีร้านกาแฟให้เพื่อน ๆ ได้เติมคาเฟอีน “สุริยากาแฟ 100 ปี” สาขานี้อยู่ใต้สะพาน บรรยากาศเหมือนสภากาแฟในหนังที่ตัวละครชอบมานั่งเสวนากัน.เจ้าของร้านอัธยาศัยดีมาก ต้อนรับขับสู้ชวนคุยระหว่างรอกาแฟ จากบทสนทนาเล็กน้อยนี้ ทำให้ทราบมาว่าปัจจุบันเป็นรุ่นที่ 3 แล้ว โดยร้านนี้พี่น้อง 3 คนจะสลับกันมาชงกาแฟ แอดสั่งโอเลี้ยงใส่ถุงมาลอง (ความอยากย้อนวัยส่วนตัว) หรือใครจะสั่งใส่แก้วก็ได้นะ รสชาติคือใช่มาก ย้อนวันวานมากเลย ส่วนใครอยากดื่มชา ที่ร้านก็มีเช่นกัน ทางร้านตั้งใจเลือกใช้ใบชาคุณภาพดีราคาแพงมาขายในราคาที่ถูก ให้ลูกค้าได้ลิ้มลองกัน ซึ่งหากแอดแวะไปอีกครั้ง รับรองไม่พลาดแน่.ที่ตั้ง : เลขที่ 1 ถนน เทอดไท ตลาดพลู เขตธนบุรี กรุงเทพมหานคร 10600เปิดทุกวัน 06:00 – 21:30 น.โทร. 08 6321 6296 เจ๊บิ เปาะเปี๊ยะสด ตลาดพลู.หันหน้าเข้าหาร้านกาแฟ แล้วเดินตามทางเท้ามาทางขวา เพื่อน ๆ จะพบกับร้านรถเข็นเล็ก ๆ ที่ขายเปาะเปี๊ยะสดมากว่า 60

Enjoy Eating for 1 Day @ ตลาดพลู อ่านเพิ่มเติม

ชิม ‘เชียงคํา’ ทีละคําสองคํา ตอนที่ 2

ที่ตลาดสดเทศบาล 1 คือตลาดสดหลักของ อ.เชียงคํา ที่ไม่ได้คึกคักแค่ในตัวตลาดสดที่อยู่ในร่มเท่านั้น แต่บนถนนข้างๆ ตลาดก็ยังกลายเป็นถนนคนเดินที่มีพ่อค้าแม่ขายมาปูเสื่อ กางร่ม เข็นรถเข็นมาขายอาหารเช้าแบบสุดแสนจะน่ากินราวกับว่าไม่มีใครยอมแพ้ใครเลยทีเดียว เราเริ่มจากการเข้าไปกินอาหารเช้าในร้านดังประจําตลาดที่ปูโต๊ะให้คนนั่งกินรอบคูหาก่อนจะเดินช้อปของกิ๋นถูกใจกลับมากินต่อในมื้อกลางวัน โดยวางแผนไว้ว่าจะเอาอาหารไปปูเสื่อกินกันที่นํ้าตกดังประจําถิ่น ว่าแล้วก็ไปลุยหาอาหารกัน! เมนูที่ 1 – ก๋วยเตี๋ยวนํ้าเงี้ยว.ร้านคําเอ้ย คือร้านขนมจีนนํ้าเงี้ยวเจ้าเก่าแก่ที่ตั้งอยู่ในตลาด ความคลาสสิกคือมีคุณป้ายืนเด่นทําอาหารอยู่ตรงกลางเหมือนเป็นบาร์ แล้วรอบๆ คูหาก็เป็นทีนั่งกิน ซึ่งจุคนได้ราวๆ รอบละ 4-5 คนเท่านั้นจนต้องรอคิว ซึ่ง ไม่ใช่แค่บรรยากาศของร้านที่คึกคักชวนอร่อยนะ แต่คุณแม่สามีกระซิบบอกว่า ความเด็ดของร้านป้าคือเมนูก๋วยเตี๋ยวนํ้าเงี้ยว ที่เปลี่ยนจากเส้นขนมจีนมาใส่เส้นใหญ่แทน แต่เส้นใหญ่ของที่นี่หน้าตาเหมือนเส้นเล็กนะ.พอได้ที่นั่ง เราก็สั่งเมนูเด็ดที่แม่ว่ามากิน ซึ่งคอนเฟิร์มว่ามันเด็ดจริง ไม่เพียงนํ้าซุปนํ้าเงี้ยวที่อร่อยกลมกล่อม ถั่วงอกหัวโตที่ให้เติมได้เองไม่อั้น พริกคั่วหอมๆ ที่ใส่แล้วเพิ่มความอร่อยจัดจ้าน แต่ทีเด็ดจริงๆ คือเส้นใหญ่ที่เหนียวนุ่ม กลิ่นดี ซอยมาบางๆ ให้พอซึมซับเข้ากับนํ้าซุป เป็นเมนูยามเช้าที่บอกเลยว่าฟิน ถ้ามาที่นี่ต้องแวะมากิน  เมนูที่ 2 – ข้าวเกรียบปากหม้อเวอร์ชั่นพะเยา.ฟังชื่อเหมือนจะธรรมดา หากินง่ายในกรุงเทพฯ ใช่ไหม แต่ข้าวเกรียบปากหม้อของที่นี่มันไม่ใช่อย่างนั้นเลย สําหรับเราเมนูนี้คือส่วนผสมของอาหารคาวและขนมหวานแบบที่เข้ากันได้ดีสุดๆ โดยในตลาดจะมีให้เลือกสองแบบคือแบบคาวกับหวาน เราเลือกแบบคาวกลับมาลองกิน สิ่งที่แปลกคือข้าวเกรียบปากหม้อที่นี่เปนไส้หน่อไม้ผัดหมูสับ ห่อด้วยแป้งบางเฉียบ โรยด้วยตั้งไฉ่ที่มีรสเค็มนิดๆ แต่ดันราดด้วยนํ้ากะทิ! พอชิมเข้าไปแล้วกลับกลายเป็นความเค็มหน่อยๆ มันนิดๆ ราดลงไปบนเท็กซ์เจอร์นุ่มนิ่ม และไส้แสนอร่อยกรุบๆ ที่สุดจะลงตัว สรุปว่าชอบจริงจังจนอยากให้มีแบบนี้ขายที่กรุงเทพฯ บ้าง  เมนูที่ 3 – แกงกระด้าง.เคยได้ยินเมนูแกงกระด้างมาบ้างเวลาไปเที่ยวเชียงใหม่ แต่ก็ไม่มีโอกาสได้ชิมเพราะฟังชื่อแล้วดูไม่น่าอร่อย พอมาเที่ยวพะเยาเราได้เจอขายอยู่ในตลาดแทบทุกวัน บวกกับคิดว่าวันนี้อยากได้อาหารเที่ยงที่พกพาง่ายไปกินที่นํ้าตก ก็เลยสบโอกาสได้ลองดูสักตั้ง.ความรู้ใหม่ที่เราได้เรียนรู้คือ แกงกระด้างแบบออริจินอลมันจะต้องจับตัวกันเป็นก้อนได้ด้วยไขมันจากขาหมู (ไม่ได้ใส่ผงวุ้นอย่างที่เคยคิด) แถมเป็นอาหารประจําฤดูหนาวเพราะต้องใช้ลมหนาวเป็นอาวุธในการปรุงให้มันเย็นตัวจนจับกันเป็นก้อนอย่างที่เห็น ซึ่งลองกินแล้วพบว่ากินง่ายเพราะรสชาติเหมือนแกงใส่พริกแห้ง แต่แค่เย็นกว่าและจิ้มด้วยมือเอามากินกับข้าวเหนียวได้ง่าย เป็นแกงที่กินแล้วสดชื่นเฉยเลย เมนูที่ 4 – จิ๊นงัวนึ่ง นํ้าพริกข่า.จิ๊นคือคําเรียกเมนูอาหารเหนือที่เป็นเนื้อสัตว์ แต่เป็นที่รู้กันดีว่าถ้าพูดถึงจิ๊นนึ่ง มันก็คือเนื้อควายหรือวัวนึ่ง ซึ่งวิธีการทําจิ๊นนึ่งเป็นอะไรที่ค่อนข้างยุ่งยากและใช้เวลานาน ต้องนําไปหมักเครื่องเทศก่อนแล้วค่อยนํามานึ่งกับใบมะกรูดจนกว่าเนื้อจะเปื่อยนุ่มจนได้ที่ จิ๊นนึ่งเจ้านี้ที่เราไปเจอในตลาดถึงได้ราคาสูงกว่าเมนูอื่นๆ เป็นพิเศษ คือขีดละราวๆ 60 บาท.ความอร่อยของจิ๊นนึ่งคือรสชาติของเนื้อวัวที่หมักกับเครื่องเทศจนหอม กลิ่นชัด และต้องกินคู่กับนํ้าพริกข่าที่คั่วจนแห้งได้ที่ มันคือการผสมกันอย่างลงตัวของกลิ่นเนื้อวัวที่ย่างจนหอมและเปื่อยนุ่มกับสมุนไพรกลิ่นชัดอย่างข่า ที่หาคําอธิบายไม่ถูกแต่ควรไปลองเอง เมนูที่ 5 – หน่อยัดไส้ เมนูนี้คล้ายๆ กับคั่วหน่อไม้เวอร์ชั่นกลับมาเกิดใหม่ ในรูปลักษณ์ที่พกพาง่ายกว่า เปลี่ยนจากการผัดเป็นการยัดหมูสับหมักลงไปในหน่อไม้ แล้วปิดหน่อให้เรียบร้อยก่อนจะเอาไปชุบไข่แล้วทอดจนสุกเหลือง ตอนซื้อแม่ค้าเขาก็จะห่อใส่ใบตองมาให้เป็นแท่งยาวๆ ถ้าเอาไปกินที่บ้านจะหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ก็ได้ แต่ถ้าพกไปกินข้างนอกแล้วไม่สะดวกหั่นก็ใช้ช้อนตักกินกันพอไหว รสชาติก็เป็นมิตรคล้ายๆ กับคั่วหน่อเลย เมนูที่ 6 – ข้าวเหลือง.ถ้าให้รีวิวเมนูนี้แบบสั้นง่าย ก็บอกได้เลยว่ามันคือข้าวหมกไก่ที่เปลี่ยนจากข้าวสวยมาใช้ข้าวเหนียวแทนนั่นเอง เมนูนี้เป็นอาหารพื้นเมืองของชาวไทใหญ่ และเดาว่าพะเยาน่าจะได้รับต่อมาจากเชียงรายอีกที แบบดั้งเดิมชาวไทใหญ่เขาจะใช้ดอกไม้สีเหลืองที่ชื่อดอกกู้ดในการให้สีเหลือง แต่ปัจจุบันเข้าใจว่าน่าจะปรับมาใช้ขมิ้น เหมือนกับข้าวหมกไก่.ในมุมของรสชาติที่ลองกิน เรารู้สึกว่ามันอร่อยและไม่เหมือนข้าวหมกตรงที่รสชาติของข้าวเหนียวที่ปรุงมาแบบติดเค็มนิดๆ กินกับเนื้อไก่ที่โปะมาให้แล้วเข้ากันดี จนแทบไม่ต้องปรุงหรือจิ้มอะไรเพิ่มเลยล่ะ เมนูที่ 7 – ข้าวแรมฟืน.เมนูสุดท้ายที่ต้องเก็บไว้เป็นไฮไลต์ คือข้าวแรมฟืน ซึ่งเป็นอาหารไทลื้อที่หาทานยากและเราทําการบ้านมานานแล้วว่าถ้ามาพะเยาจะต้องมาชิมให้ได้ เพราะที่ อ.เชียงคํา มีร้านดังอยู่เจ้าหนึ่งนั่นก็คือข้าวแรมฟืนปาจิ่ง ซึ่งขายมานานกว่า 60 ปี แต่พอถึงวันที่ได้มาเที่ยว เรากลับพบว่าร้านป้าจิ่งหยุดในช่วงที่เราไปพอดี เลยต้องปลอบใจตัวเองด้วยการลองกินข้าวแรมฟืนเวอร์ชั่นร้านในตลาดเทศบาล 1 แทน.ความไม่เหมือนใครของข้าวแรมฟืน คือส่วนผสมหลักที่เป็นแป้งก้อนๆ ทําจากแป้งที่เอาไปโม่และเคี่ยว หมักทิ้งไว้ข้ามคืนจนกลายเป็นก้อน แล้วเอามาหั่นเป็นสี่เหลี่ยมลูกเต๋าราดด้วยนํ้าที่คล้ายๆ นํ้ายําถึง 5 อย่าง ทั้งนํ้าเต้าหู้ยี้เคี่ยวนํ้าอ้อย นํ้าผักกาดดอง ตามด้วยนํ้าขิง ถั่วป่น และพริกแห้งตําที่คั่วจนหอม ชิมแล้วเหมือนได้กินก๋วยเตี๋ยวที่มีรสเปรี้ยวหวานเค็ม สดชื่นจนเข้าใจแล้วว่าทําไมถึงเป็นเมนูที่ชาวบ้านแถวนี้โปรดปรานกันมาอย่างยาวนาน ถึงแม้มาคราวนี้จะไม่ได้กินร้านดัง ก็ตั้งใจไว้ว่าถ้าได้กลับมาเที่ยวอีก ก็จะขอมาชิมฝีมือป้าจิ่งที่ร้านให้จงได้!  ปิดท้ายการรีวิว อ.เชียงคํา หลังจากที่ลงแต่รูปอาหารแบบไม่มีที่เที่ยวเลยสักนิด เลยขออวดภาพของฉันตอนพกพาอาหารพื้นถิ่นไปนั่งกินที่นํ้าตกภูซาง นํ้าตกยอดฮิตของผู้คนที่นี่ ฉันคิดว่าอาหารพื้นถิ่นนี่แหละคือเสน่ห์ของการท่องเที่ยวเมืองรองอย่างพะเยา โดยเฉพาะในอําเภอเล็กๆ ที่อาจจะไม่ได้มีแลนด์มาร์กดังๆ อย่างใครเขา เพราะฉันเชื่อว่าวัฒนธรรมอาหารที่แตกต่าง คือสะพานเชื่อมโยงตัวเราเข้ากับชุมชนที่เราไม่เคยรู้จักประสบการณ์การกินอาหารพื้นถิ่นของที่นี่ ทําให้ได้เห็นความน่ารักของชุมชน ความอุดมสมบูรณ์ของวัตถุดิบ ไปจนถึงวัฒนธรรมย่อยของกลุ่มชาติพันธุ์ที่ยังหลงเหลือ และทั้งหมดนี้คือรสชาติแปลกใหม่ที่การเดินทางมักมอบให้เราเสมอ

ชิม ‘เชียงคํา’ ทีละคําสองคํา ตอนที่ 2 อ่านเพิ่มเติม

ชิม ‘เชียงคํา’ ทีละคําสองคํา ตอนที่ 1

ทําความรู้จักพะเยา ผ่าน 12 เมนูของกิ๋นบ้านเฮาชื่อแปลก ถ้าขอสามคําทีแทนความประทับใจในการไปเที่ยวจังหวัดพะเยา สําหรับฉันคงจะไม่ได้มีคําว่ากว๊านพะเยาอยู่ในนั้น เพราะสามคํานั้นมันต้องเป็น แอ๊บอ่องออ หน่อยัดไส้ แกงกระด้าง! ใช่แล้วค่ะ นั่นคือบางส่วนของอาหารท้องถิ่นชื่อแปลกที่ฉันได้ชิมจากการไปเที่ยวพะเยาครั้งแรกในชีวิต โดยหมุดหมายที่เลือกไปพักคือ อ.เชียงคํา อําเภอที่ถือว่าดังเปนอันดับสองของ จ.พะเยา เหตุผลส่วนตัวก็คือแฟนของฉันมีบ้านเกิดอยู่ที่อําเภอนี้ มาเที่ยวทั้งทีเลยถือโอกาสทําความรู้จักพะเยาแบบอินไซต์ ผ่านอาหารถิ่นที่คนเชียงคําเขากินกันจริงๆ ว่าแล้วก็ตั้งเป้าหมายแน่วแน่ว่าจะตามแม่สามีไปเดินตลาดทุกวัน ตลาดเช้าบ้าง ตลาดเย็นบ้าง ถ้าเจออาหารหน้าตาไม่คุ้นหรือชื่อแปลกๆ จะซื้อมาลองกินให้หมด! เดินหาอาหารไทลื้อชื่อไม่คุ้น ที่กาดบ้านธาตุสบแวน ความพิเศษของเชียงคํา คือเป็นอําเภอที่ชาวไทลื้อหรือชาวสิบสองปันนาอพยพมาตั้งหลักแหล่งมาตั้งแต่ปลายรัชกาลที่ 1 โดยชาวชุมชนไทลื้อในเชียงคําได้อาศัยอยู่แถวบ้านหย่วนแห่งนี้และมีวัดพระธาตุสบแวนเป็นศูนย์รวมจิตใจ ดังนั้น ตลาดสดยามเย็นที่ตั้งอยู่ใกล้วัดพระธาตุสบแวนก็เลยเป็นแหล่งที่ยังมีอาหารไทลื้อแบบปรุงสําเร็จขายปะปนอยู่กับของกิ๋นจาวเหนือสไตล์คนเชียงคํา และที่สําคัญ แต่ละเมนูราคาเป็นมิตรมากๆ อยู่ที่ราวๆ ซาวบาท (หรือ 20 บาทถ้วน) เท่านั้นเอง หลังจากสนุกกับการอ่านและถามชื่อเมนูแปลกๆ เราก็คัดเลือกที่ชอบใจและชอบชื่อจากตลาดไทลื้อมาได้ 5 เมนูถ้วน เลยจัดแจงให้แม่ค้าจัดใส่ใบตองห่อกลับมาใส่จานกินที่บ้าน .เอาล่ะ ลองไปชิมกันว่ามันคืออะไร รสชาติเป็นยังไง แล้วชาวกรุงลูกคนจีนอย่างเราจะสู้ไหวหรือเปล่า เมนูที่ 1 – แอ๊บอ่องออ เมนูนี้เลือกมาชิมเพราะชื่อมันดูน่ารักบ้องแบ๊ว แต่ชีวิตจริงไม่แบ๊วอย่างชื่อ นิยามคําว่า ‘แอ๊บ’ ของคนเหนือ หมายถึงการเอาอาหารมาปรุงแล้วห่อใบตอง ก่อนจะนําไปปิ้งจนสุก พูดง่ายๆ ก็คืออาหารสไตล์ห่อหมก ตอนเดินตลาดที่นี่เราเจออาหารที่นําหน้าว่าแอ๊บเต็มไปหมดไม่ว่าจะเป็น แอ๊บปลานิล แอ๊บปลาดุก แอ๊บข้าวโพด แต่ที่พีกที่สุดคือแอ๊บอ่องออ เพราะมันคือแอ๊บที่ทำจากสมองหมู! จะชิมละนะ…อํ้า! คนที่คิดจะกินแอ๊บอ่องออ ด่านแรกที่ต้องผ่านไปให้ได้คือกลิ่นที่ค่อนข้างเฉพาะตัว เดาว่าน่าจะเป็นกลิ่นของสมองหมู แม้ว่าจะไม่ได้แรงขนาดที่โชยออกมาเตะจมูก แต่พอกินเข้าไปก็จะได้กลิ่นค่อนข้างชัดเจน แต่ถ้าคุณเป็นคนที่กินของขมอย่างพวกดีปลา ดีวัวได้อยู่แล้วก็น่าจะสบายมาก ซึ่งถ้าผ่านความยากไปได้แล้วก็จะได้เพลิดเพลินกับความอร่อยของมันที่ชาวบ้านที่นี่เขาชอบกัน นั่นก็คือรสชาติมันๆ ผสมความนัวจากเครื่องเทศ กินจิ้มกับข้าวเหนียวร้อนๆ ชาวบ้านเขาบอกว่าลําขนาด! สําหรับเรา ยอมรับว่าไม่ถนัดแนวนี้มาก แต่มาถึงที่นี่แล้วก็ต้องลองให้รู้จักและเข้าใจ ให้คะแนนความแปลกและหาทานยากไปเลยห้าดาว เมนูที่ 2 – นํ้าพริกนํ้าหน่อ นํ้าพริกนํ้าหน่อ คือเมนูนํ้าพริกพื้นบ้านเมืองเหนือที่หาทานได้ยากแล้ว จะยังหลงเหลืออยู่ในสังคมที่ยังมีความเป็นชนบท จึงถือว่าโชคดีมากที่เราได้เจอและได้ชิม ส่วนผสมหลักทําจากหน่อไม้ไผ่รวกดิบอ่อน (ซึ่งมีแค่ตอนหน้าฝนที่เราไปพอดี) เอาไปต้มแล้วขูดก่อนจะเอามาดองจนเกิดรสเปรี้ยว แล้วเคี่ยวกับพริกกระเทียมให้งวดจนกลายเป็นนํ้าพริกสีขาวๆ ที่มีเท็กซ์เจอร์ค่อนไปทางแห้งๆ สไตล์ขลุกขลิก ลองชิมแล้วรสชาติหนักไปทางเปรี้ยว เท็กซ์เจอร์หน่อไม้ดองมีความกรอบนิดๆ ซึ่งมีข้อดีคือพอเอาไปเคี่ยวแล้วก็แทบไม่เหลือกลิ่นดอง กลายเป็นความหอมหน่อยๆ แทน กินกับผักต้มหรือปลาเผาเราว่าเลิศ! เมนูที่ 3 – นํ้าพริกนํ้าผัก อีกหนึ่งนํ้าพริกทีเด็ดหากินยากที่ต่อยอดมาจาก ‘นํ้าผัก’ ซึ่งเป็นภูมิปัญญาการถนอมอาหารของชาวไทลื้อ โดยนํ้าผักนั้นเป็นการเอาผักสวนครัวหลายๆ อย่าง (ส่วนใหญ่เป็นผักกาดจ้อน ผักกาดเขียวปลี) มาสับหรือตําให้ละเอียดเป็นชิ้นเล็กๆ ก่อนจะเอามาดองด้วยนํ้า เกลือ และข้าวเหนียวเล็กน้อยจนได้ความเปรี้ยวที่ชอบ เอามากรองแล้วเคี่ยวไฟจนงวดแห้งจนคล้ายกากสีเขียวคลํ้า เก็บไว้ได้หลายเดือน เอามาโขลกกับพริกแห้ง เกลือ กระเทียม และมะแขว่น กลายเป็นนํ้าพริกนํ้าผักเอาไว้กินกับข้าวเหนียว ซึ่งพอชิมแล้วก็ยอมรับว่าเปรี้ยวกว่านํ้าพริกนํ้าหน่อซะอีก ถ้าไม่ใช่สายถนัดเปรี้ยวก็ไม่ควรกินเพียวๆ เลยล่ะ เมนูที่ 4 – น้ำพริกเห็ดด่าน.เห็ดด่าน หรือที่บางคนเรียกว่าเห็ดหล่ม เป็นเห็ดท้องถิ่น ทางภาคเหนือที่เก็บได้เฉพาะในฤดูฝน (โชคดีอีกแล้วเรา) เอามาจี่กับไฟแล้วหอมฉุย ปรุงอาหารได้หลายอย่าง แต่ที่นิยมกันมาก็คือเอามาทํานํ้าพริก โขลกกับพริกย่าง กะปิ หอมแดง กระเทียม หอมสุดๆ.ชิมแล้วขอให้คะแนนความอร่อยและกินง่ายไปเต็มร้อย เพราะรสชาติของนํ้าพริกเห็ดด่านที่ค่อนไปคล้ายๆ กับนํ้าพริกหนุ่ม อาหารเหนือที่เราคุ้นเคย (ส่วนผสมน่าจะคล้ายกัน) แต่เบิ้ลความอร่อยด้วยรสอูมามิของเห็ดที่เอาไปปิ้งหรือจี่กับไฟ ถือเป็นอาหารประจําฤดูฝนที่ลําขนาด! เมนูที่ 5 – คั่วหน่อ ตอนแรกก็เกือบจะเดินผ่านร้านนี้ไปมือเปล่า แต่พอได้ยินเสียงคุณป้ากําลังผัดๆ คั่วๆ และกลิ่นหอมอะไรไม่รู้ที่โชยมาจากเตา ก็ทําให้เราถอยกลับไปซื้อจนได้ ป้าบอกว่ากําลังคั่วหน่อไม้อยู่ ใกล้เสร็จแล้ว งั้นหนูขอห่อกลับเลยค่ะ เห็นหน้าตาคล้ายๆ ผัดหน่อไม้ตามร้านข้าวราดแกงในกรุงเทพฯ แต่คุณแม่สามีบอกว่า ไม่เหมือนจ้ะ เมนูนี้ก็อาหารพื้นเมืองเหมือนกันเจ้า พอได้ชิมแล้วก็เข้าใจว่ามันไม่เป็นเหมือนที่คิดจริงๆ แถมชอบกว่าด้วย เพราะมันเป็นการหน่อไม้ส้ม (ดอง) มาผัดเคี่ยวกับเครื่องแกงและหมูสับหรือหมูสามชั้น ไม่ได้เน้นรสเผ็ดจัดจ้านเหมือนตามร้านข้าวแกง แต่เน้นความหอม นัว กลมกล่อม และกินง่าย ถ้าเมนูอื่นๆ มันแปลกหรือกินยากไป แนะนําให้จานนี้เป็นคอมฟอร์ตฟู้ดประจํามื้อได้เลย  ผ่านมาแล้ว 5 เมนูชื่อแปลกของพะเยา เพื่อนๆ คนไหนคุ้นชื่อหรือเคยกินบ้างไหมคะ แอดขอชวนมาบอกต่อความอร่อยของเมนูเหล่านี้กัน สำหรับตอนต่อไป จะมีเมนูชื่อแปลกอะไรบ้าง ติดตามกันได้ในวันเสาร์หน้านะคะ

ชิม ‘เชียงคํา’ ทีละคําสองคํา ตอนที่ 1 อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 4

ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ใส่ใจธรรมชาติ เรียนรู้การเกษตร อินเทรนด์กับร้านต้นไม้ เอนกายพักผ่อนโฮมสเตย์ริมคลอง ชิมของอร่อยที่ตลาดริมน้ำ อิ่มหนำกับเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่คาเฟ่ดอกไม้ในสวน . หากขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ราว 40 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ จังหวัดปทุมธานี หนึ่งในห้าจังหวัดปริมณฑลที่ตั้งอยู่ชิดติดขอบเมืองกรุง บนพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ความศิวิไลซ์ได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปทุมธานีกลายเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาทาง เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื้นที่สีเขียว เรือกสวนไร่นาของชาวบ้านอันหนาแน่นไปด้วย พืชผักผลไม้นานาชนิด และวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลองที่สัมผัสได้ถึงท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ฉายให้เห็นเสน่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งผสานความเป็นเมืองและความเป็นชนบทเอาไว้ได้อย่างสมดุล . สำหรับสายเที่ยวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชื่นชอบธรรมชาติด้วยแล้ว เราเชื่อว่าปทุมธานีมีสิ่งดี ๆ ให้คุณแอบหลงรัก เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 12 สถานที่ ดีต่อใจในจังหวัดปทุมธานี นอกจากจะได้ท่องเที่ยว อย่างสบายใจแล้ว ยังได้เก็บเกี่ยวความรู้มากมายระหว่างการเดินทางอีกด้วย จะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรืออยู่พักสัก 2 วัน 1 คืน ให้ชื่นมื่นหัวใจ ได้อ้อยอิ่งใช้ชีวิต ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็บอกได้เลยว่าเพลิดเพลินเกินคาดเลยทีเดียว Florista Café and Eatery จิบชาท่ามกลางมวลหมู่ดอกไม้ในสวนสวยสไตล์อังกฤษเอาใจสาวๆ ที่ชื่นชอบดอกไม้ หลงใหลการนั่งคาเฟ่ ด้วยบรรยากาศสวนที่รายล้อมไปด้วยดอกไม้นานาชนิด ตัวร้านตกแต่งสไตล์อังกฤษ ตัวอาคารสร้างด้วยอิฐสีขาวหลังคาสีเทา มีห้องเล็กบนหลังคาสีฟ้าหม่น หน้าต่างเป็นกระจกบาน ใหญ่อยู่รอบตัวร้าน ด้านหน้ามีสนามหญ้าที่ตกแต่งด้วยน้ำพุ จัดวางด้วยรูปปั้นเจ้าหญิงน้อยๆ ไว้คอยต้อนรับลูกค้า เมื่อเข้ามาภายในร้าน เพดานที่สูงโปร่งกับตัวร้านที่กว้างขวางทำให้รู้สึกโล่งสบาย มีดอกไม้ประดับประดาเรียงรายอยู่บนชั้นวางกลางโถงร้านเลยทีเดียว มุมสุดฮิตที่ใครมาก็ต้องถ่ายรูปคือ กำแพงขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยดอกไม้ประดิษฐ์สีชมพูหวานละมุนละไม ส่วนโซนด้านนอกที่เป็นแบบโอเพ่นแอร์ ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบเหมาะสำหรับคนที่ชอบนั่งรับลมชิลๆ ในสวนกับต้นไม้เขียวๆ มีน้ำตกและธารน้ำไหลเล็กๆ ให้รู้สึกเย็นสบาย Florista Café and Eatery เป็นทั้งคาเฟ่และร้านอาหาร ที่มีเมนูให้เลือกมากมายหลากหลายเชื้อชาติ ทั้งอาหารไทย อาหารฝรั่ง อาหารญี่ปุ่น สไตล์ฟิวชั่น น่าทานไปหมดทุกอย่างเลย ทางเรานั้นเลือกเป็นของทานเล่นอย่าง ชีสบอลมันม่วงชีสเยิ้มๆ กับมันม่วงเนื้อเนียนนุ่มละมุนละลายในปาก ตามมาด้วย ซีซาร์สลัด เฟตตูชินี่ขี้เมาทะเล รสชาติจัดจ้านกำลังดีมีปลาหมึก หอยแมลงภู่ กุ้งตัวใหญ่เบิ้ม ตบท้ายด้วยเมนูของหวานอย่าง เค้กช็อกโกแลตลาวา นมสดเรนโบว์สีพาสเทลหวานอร่อย และลาเวนเดอร์มะนาวโซดาเปรี้ยวซ่าตัดเลี่ยนได้ดีเลยทีเดียว นอกจากนี้ยังมีเมนูอีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นข้าวผัดฟลอริสต้า ผัดไทยกุ้งสดห่อไข่ สปาเก็ตตี้คาโบนาร่า พิซซ่า เบอร์เกอร์ไก่เทอริยากิ ปูอัดวาซาบิ เกี๊ยวซ่า ให้เลือกสั่งได้ตามสไตล์ที่ชอบ อิ่มท้องกันแล้ว ก็ออกมาเดินย่อยด้วยการถ่ายรูปกันหน่อย เดินลึกเข้าไปด้านหลังร้านยังมีโซนใหม่สไตล์บาหลี ที่ตกแต่งแบบป่าๆ มีดอกหญ้า กระโจมฟาง ต้นกระบองเพชร ทางเดินสะพานไม้ไผ่ ส่วนไฮไลท์ที่พลาดไม่ได้เลย คือ ชิงช้ารังนกบาหลี ที่นี่จัดมุมถ่ายรูปสวยๆ ไว้เยอะมากๆ ไม่ว่าจะสายแชะ สายกิน สายคาเฟ่ สายดอกไม้ ก็แวะมาเที่ยวได้ไม่ผิดหวังแน่นอน ที่ตั้ง: 63/1 หมู่ 1 ถ.รังสิต-นครนายก คลอง 7 ต.ลำผักกูด อ.ธัญบุรี จ.ปทุมธานี 12110วัน-เวลา: เปิดทุกวัน 9.00 – 21.00 น.ค่าเข้าชม: อาหารราคาเริ่มต้นที่ 40 – 400 บาทโทร: 09-8879—3954เว็บไซต์: Florista Cafe And Eatery Prem Café in the garden ธรรมชาติช่วยเยียวยาร่างกายของมนุษย์ เพราะการมองสีเขียวจะช่วยให้เรารู้สึกผ่อนคลายหายเหนื่อย เปรมคาเฟ่ เป็นร้านที่ซ่อนตัวอยู่ในสวนป่า มีต้นไม้หลากหลายทั้งชนิดและสายพันธุ์ ด้วยความที่เจ้าของร้านเป็นนักออกแบบจัดสวนทำให้รักและเข้าใจในธรรมชาติของต้นไม้เป็นอย่างดี “เปรมคาเฟ่ อิน เดอะ การ์เด้น” แห่งนี้จึงมีเอกลักษณ์เฉพาะตัวในแบบของตัวเอง ความโดดเด่นที่ไม่เหมือนใครคือสไตล์เท่ๆ ของการจัดสวนแบบ Tropical Mexican ใช้ไม้มีหนามและพืชโซนร้อน ไม่แปลกใจเลยทำไมเราเห็นเจ้าต้นกระบองเพชรเทรกตัวอยู่ทั่วไป โดยเฉพาะต้นใหญ่ๆ ที่อยู่หน้าประตูทางเข้ารวมไปถึงต้นกล้วยและเฟิร์นหลากหลายสายพันธุ์ บรรยากาศตัวร้านเป็นบ้านสีขาวหลังเล็กๆ ภายในใช้สีสันสดใสอย่างสีฟ้าสด ปูพื้นด้วยกระเบื้องลายขาวสลับเขียว ตกแต่งด้วยถ้วยชามรามไหสไตล์เม็กซิกัน ด้านหน้าบ้านประดับด้วยกระถางต้นไม้สีบานเย็นจัดจ้านวางบนกระเบื้องลายขาวน้ำเงิน สร้างลูกเล่นโดยการใช้สีที่ตัดกัน หากเดินลึกเข้าไปด้านในสุดของร้านเป็นโซนริมน้ำ มีชุดโต๊ะเก้าอี้รายล้อมอยู่ทั่วบริเวณ มีชิงช้าให้นั่งเล่นแกว่งไกว รับลมเย็นจากแม่น้ำ มีต้นไม้ใหญ่ครึ้มช่วยให้ร่มรื่นมากๆ มีฟาร์มสัตว์เลี้ยงให้ชมด้วย อย่างน้องหมู น้องเป็ด น้องไก่ เป็นต้น อ้อ! ระหว่างทางที่เดินเข้าไปก่อนถึงริมน้ำมีจุดถ่ายรูปที่ถือว่าเป็นไฮไลท์เลยก็คือ ซุ้มประตูไม้เก่าๆ สีขาวอย่าลืมแวะถ่ายรูปกันนะ ในส่วนของเมนูอาหารที่นี่จะเน้นเป็นอาหารจานเดียวอย่าง ผัดมักกะโรนี สปาเกตตี ข้าวผัดพริกแกง ข้าวกะเพรา ราดหน้า สุกี้ หรือหากเป็นกับข้าวก็จะเป็นอาหารง่ายๆ อย่าง ต้มจืดเต้าหู้หมูสับ ผัดผักรวม ต้มยำน้ำข้นและน้ำใส เป็นต้น ส่วนเมนูขึ้นชื่อ คือ เสต็กที่อัดแน่นไปด้วยเครื่องเคียงทั้งผักและผลไม้ตามสไตล์เปรมคาเฟ่ ส่วนเครื่องดื่มมีทั้งชาไทย ชาเขียว ชาผลไม้ กาแฟ ช็อกโกแลต อิตาเลี่ยนโซดา น้ำผลไม้ปั่น และเบเกอร์รี่อย่าง เค้กมะพร้าว เค้กชาเขียว บลูเบอร์รี่ชีสเค้ก และอีกมากมายให้เลือกทาน ที่ตั้ง: 51/1 ม.6 ซ.วัดเสด็จ ต.สวนพริกไทย อ.เมืองปทุมธานี จ.ปทุมธานี 12000วัน-เวลา: วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 8.30 – 18.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขุตฤกษ์ เวลา 8.00 – 18.00 น.ค่าเข้าชม: อาหารราคาเริ่มต้นที่ 50 – 300 บาทโทร: 08-4563-9292, 09-4563-9924เว็บไซต์: www.facebook.com/Prem-Cafe-In-the-Garden

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 4 อ่านเพิ่มเติม

ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง

ภาพคลองโอ่งอ่างย่านสะพานเหล็กในความคิดของเพื่อน ๆ เป็นยังไงกันบ้าง ? ถ้ายังคิดว่าเป็นย่านขาย CD เถื่อน หรือยังนึกถึงภาพสะพานข้ามคลองแคบ ๆ โทรม ๆ แออัดล่ะก็ ลืมภาพนั้นไปได้เลย เพราะปัจจุบันคลองโอ่งอ่างอัพเกรดแล้ว ทางกรุงเทพมหานครได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ ขยับขยายย้ายร้านค้าเดิมที่ตั้งปิดคลองทั้งหมดออกไป ฟื้นฟูพื้นที่ให้เป็นระเบียบสวยงาม ทำความสะอาดคลองจนน้ำเริ่มใส รวมทั้งมีการจัดทำ Street Art สวย ๆ เกือบตลอดแนวคลอง กลายเป็นสถานที่เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจให้กับชุมชนและนักท่องเที่ยว ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะมีกิจกรรมพิเศษคือ “ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง” อีกด้วย ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง ครอบคลุมพื้นที่ 5 สะพาน (สะพานดำรงสถิต หรือสะพานเหล็ก สะพานภาณุพันธุ์ สะพานหัน สะพานบพิตรพิมุข และสะพานโอสถานนท์) เดินเล่นได้ทั้งสองฟากคลอง โดยโซนสะพานหันจะคึกคักที่สุด ส่วนการเดินทาง แอดแนะนำให้ใช้ MRT เพราะง่ายที่สุด สะดวกที่สุด จาก MRT สถานีสามยอด (ทางออก 1) เดินไม่ถึง 100 เมตรก็ถึงสะพานดำรงสถิตแล้ว เพื่อน ๆ จะได้เห็น Street Art ยาวไปทั้งสองฟากของคลองโอ่งอ่าง สวย ๆ ทั้งนั้น สองฝั่งคลองโอ่งอ่างคือย่านการค้าสำเพ็งและพาหุรัด Street Art ที่นี่จึงมีทั้งภาพวิถีชีวิตของชาวไทย ชาวจีน ชาวแขก ดูไปยิ้มไป ถ่ายรูปกันสนุกเลยทีเดียว จริงอยู่ที่ถนนคนเดินจะเปิดตอน 16.00 น. แต่แอดแนะนำให้มาประมาณ 17.00 น. เพราะเป็นช่วงแดดร่มลมตก ร้านค้าพร้อมเปิดร้านขายแล้วนั่นเอง มีผลงานของคุณ โอ๋ ฟูตอง อาร์ทิสต์สาวสุดเก๋ ด้วยนะ คลองโอ่งอ่าง เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เวลา 16.00 – 22.00 น.การเดินทาง : รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสามยอด | ทางออก 1 เดินเล่นมาถึงช่วงสะพานหัน ก็รู้สึกหิวขึ้นมานิด ๆ อดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปที่ร้าน “เจ๊บ๊วย 60 ปี สะพานหัน” แอดสั่ง ก๋วยจั๊บและปอเปี๊ยะสดเพิ่มเนื้อปู มาลองชิมดู บอกเลยว่าต้องลอง อร่อยมาก โดยเฉพาะปอเปี๊ยะสด ห้ามพลาดเลยนะ!!!.ที่ตั้ง 22 ซอย วานิช 1 แขวง จักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี 09.30 น. -17.00 น. / ศุกร์-อาทิตย์ 09.30 น. -19.30 น.โทร. 09 4664 4656 อิ่มท้องแล้วก็ไปเดินเล่นกันต่อ เดินไปไม่ไกล ก็เจอตรอก AMA Café/ AMA Hostel ป้ายใหญ่โตสะดุดตา เดินเลี้ยวเข้าไปปุ๊บก็เจอโคมแดงแขวนตกแต่ง ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ เดินต่ออีกไม่กี่ก้าว ก็จะพบกับ AMA Café อยู่ทางด้านขวา ที่นี่เคยเป็นบ้านจีนโบราณอายุนับร้อยปี ก่อนจะรีโนเวทให้เป็นคาเฟ่และโฮสเทลในสไตล์จีนร่วมสมัย สำหรับขาจรแบบแอด จะอยู่ได้แค่ชั้นล่างที่เป็นโซนคาเฟ่ เลือกสั่งได้ตรงเคาน์เตอร์เลย เครื่องดื่มรสชาติดีใช้ได้เลย ทั้งกาแฟ โกโก้ ชาไทย เหมาะกับการนั่งพักสุด ๆ ที่ตั้ง 191 ซอยสะพานหัน ถนน จักรวรรดิ แขวง จักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน 09.00 น. -17.30 น.โทร. 08 5867 7888 ไหน ๆ ย่านนี้ก็มีทั้งวัฒนธรรมจีนและอินเดียผสมผสานกันอยู่ แล้วเราจะพลาดอาหารอินเดียไปได้ไง เดินข้ามสะพานตามแอดมาฝั่งตรงข้ามกัน เราจะไปที่ร้าน Tony’s Restaurant ร้านนี้เป็นร้านอาหารอินเดียแนว Street Food ราคาเป็นมิตร รสชาติแบบ Home Cook ใครสนใจลองก็เข้ามาเลย เมนูที่แอดสั่งวันนี้ คือ แกงไก่มาซาลา แป้งโรตี และ Lassi (เครื่องดื่มที่ทำจากโยเกิร์ต) ซึ่งแอดสั่งแบบหวานมา รสชาติดื่มง่ายกว่าหลายร้านที่แอดเคยดื่มมาก่อน ประทับใจมากทีเดียว ที่ตั้ง 64/1 ซอย ริมคลองโอ่งอ่าง แขวง วังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200เปิดทุกวัน 11.00 น. -22.00 น. ระหว่างเดินเล่น อย่าลืมมองพื้นนะ มี “ฝาท่อลายศิลป์” สวย ๆ เก๋ ๆ รอให้เพื่อน ๆ ค้นหาอยู่ด้วย ก่อนกลับบ้าน แอดจะพาไปแวะร้าน Ing Teahouse ร้านชานมไข่มุกและขนมไต้หวันอีกสักร้าน มีเมนูให้เลือกสั่งเยอะแยะ เครื่องดื่มอื่นที่ไม่ใช่ชาหรือกาแฟก็มีนะ แอดเลยสั่ง Mojito มาดื่มเพิ่มความสดชื่น ที่ตั้ง 136 ถนน จักรวรรดิ แขวง จักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวันศุกร์-อาทิตย์ 10.00 น. – 21.00 น.โทร. 08

ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง อ่านเพิ่มเติม

เดินชิลล์…ชมย่านเก่าแก่ จากนานาถึงทรงวาด

ว่างหนึ่งวันแต่ไม่อยากออกนอกเมือง งั้นมาเที่ยวกลางเมืองก็แล้วกัน วันนี้แอดจะชวนไปเดินชิลล์…ชมย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ นั่นก็คือเยาวราชค่ะ ถึงแม้จะเป็นสถานที่เดิม แต่แอดมาได้มาดีไม่มีเบื่อ เพราะแต่ละจุดก็มีเรื่องราวใหม่ ๆ ร้านใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ คราวนี้แอดจะพาไปเดินเล่นที่ซอยนานากับถนนทรงวาดกันค่ะ เป็นย่านที่ครบจบทุกอย่าง ทั้งเดินเที่ยว ตะลุยกิน ชมวิถีชีวิตคนในชุมชน ได้สัมผัสบรรยากาศวัฒนธรรม ที่สำคัญการเดินทางก็แสนจะง่ายอีกด้วย 1.The Mustang Blu Cafe & Restaurant2.Wallflowers Cafe3.Nahim Cafe4.103 Bed and Brews5.เฮงยอดผัก กินไม่รู้อิ่ม6.Baan 2459 Heritage Hotel7.หนูรี่ไอศกรีมเกาลัด เกล็ดหิมะ8.มัสยิดหลวงโกชา อิศหาก9.Woodbrook Bangkok10.เอฟ.วี (F.V)11.ขนมจีบอาเหลียง12.ตึกแขก ถนนทรงวาด13.ก๋วยจั๊บอ้วนโภชนา (หน้าโรงหนัง) สาขา 214.ปาเฮ่าเถียนมี่ พุดดิ้ง ย่านนานา ซอยนานา ตั้งอยู่บริเวณถนนไมตรีจิตต์ ไม่ไกลจาก MRT สถานีหัวลำโพงมากนัก เดินออกทางออกที่ 1 เราก็จะเจอถนนกรุงเกษม เดินข้ามไฟแดงก็จะพบกับถนนไมตรีจิตต์แล้วล่ะ ระหว่างก้าวเดินหันขวาไปจากตรงนี้จะเป็นสถานีรถไฟหัวลำโพงที่มองไกล ๆ ก็ยังสวยงามและคลาสสิกอยู่เสมอ เมื่อได้กลิ่นสมุนไพร ยาจีนเข้าจมูกเมื่อไหร่ แสดงว่าเราอยู่ในย่านนานาแล้วล่ะ ย่านนี้แต่เดิมมีร้านขายยาจีนหลายร้าน ก่อนจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย บ้านเก่าหลายหลังกลายเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ลับนั่งดื่มชิลล์ยามค่ำคืน เพิ่มสีสันแปลกใหม่ให้ย่านนานาคึกคักต่างจากเยาวราชจุดอื่น เอาล่ะ ไปเดินเล่นกันดีกว่า ในย่านนานา เรายังได้เห็นอาคารเก่าสวยคลาสสิคอยู่หลายอาคารเลย และที่สะดุดตาแอดที่สุดก็คือ The Mustang Blu Cafe & Restaurant ตึกเก่าวินเทจอายุกว่าร้อยปี น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย ดึงดูดสายตาแบบนี้ต้องเก็บภาพสักหน่อย The Mustang Blu เป็นทั้งที่พักและคาเฟ่ ได้ยินว่าด้านในตกแต่งสวยมาก คงโครงสร้างของตึกสไตล์โคโลเนียลไว้เหมือนเดิม บรรยากาศมีความดิบ และจัดจ้านในสไตล์คิวบา ไว้โอกาสหน้าแอดจะพาชมด้านในนะคะ เปิดทุกวัน เวลา 12.00 – 21.00 น. (ปิดวันพุธ)โทร. 06 2293 6191 ขอบคุณรูปภาพจากเพจ The Mustang Blu Wallflowers Cafe เป็นร้านดังในย่านนานาที่หลายคนน่าจะได้เห็นรูปอยู่บ่อย ๆ หน้าร้านเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และไม้เลื้อยหลากหลายชนิด ตัดกับโครงสร้างตึกและการตกแต่งแบบย้อนยุค คุมด้วยโทนสีน้ำตาลและดำ ดูดีเลยทีเดียว มาร้านนี้เสมือนเราได้มานั่งจิบกาแฟในสวนทำนองนั้น บอกเลยว่าเป็นคาเฟ่ที่สามารถเก็บภาพได้ทุกมุมเลย นอกจากความโดดเด่นของร้าน เมนูก็มีเอกลักษณ์ไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม เบเกอรี เค้กโฮมเมดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้จนเป็นซิกเนเจอร์ แอดสั่ง เค้กแครอท เนื้อเค้กนุ่มฟู ท็อปด้วยดอกไม้หน้าตาดูดีเลยทีเดียว เครื่องดื่มก็มีทั้ง Coffee / Non-Coffee / Sparking มีให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ ที่ตั้ง 31-33 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 11.00-18.30 / วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-21.00 น.โทร. 09 0993 8653 Nahim Cafe ร้านนี้อ่านว่า นะฮิม คาเฟ่ค่ะ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้าน Wallflowers เลย หาไม่ยาก บอกเลยว่าร้านนี้เน้นแจกความสดใสสุด ๆ ร้านน่ารักมาก (ก.ไก่ล้านตัว) แค่เห็นหน้าร้านก็ทำให้รู้สึกว่าต้องเข้าไปแล้วล่ะ ในร้านตกแต่งในสไตล์แฮนด์คราฟท์ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นนั่ง ขั้นบันได ผนังที่มีลายเส้นของตัวการ์ตูน นอกจากร้านจะน่ารักแล้ว เมนูแต่ละเมนูก็น่ารักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นโดนัท โทสต์ เครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย คาเฟ่เล็ก ๆ นี้ดูแปลกตาต่างจากร้านอื่นในบริเวณเดียวกัน เป็นความน่ารักท่ามกลางความคลาสสิกของตึกเก่าย่านนานาที่แอดชอบมากเลยทีเดียว ที่ตั้ง 78-104 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-21.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-21.00 น. (ปิดวันพุธ)โทร. 06 5946 8892 103 Bed and Brews เดินไปสักพักแอดก็สะดุดตากับตึกเก่าบริเวณหัวมุมซอยนานา นี่คือ “103 Bed and Brews” โฮสเทลและคาเฟ่ที่นำอาคารเก่ามาปรับปรุง โดยยังคงกลิ่นอายจีนย้อนยุคที่อบอุ่นเอาไว้ ประตูไม้บานเฟี้ยมสีน้ำตาลเข้มตัดกับสีอ่อนของตัวตึก ผสมผสานการตกแต่งในสไตล์จีน ชั้นล่างเป็นคาเฟ่ ส่วนชั้นสองเป็นโฮสเทล ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนที่นอนเล่นมาลองดูกันค่ะ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น. เฮงยอดผัก กินไม่รู้อิ่ม ถึงคราวของคาวกันบ้าง เฮงยอดผัก เป็นร้านราดหน้าชื่อดัง สาขานี้อยู่ปากซอยนานา ขายมานานกว่า 30 ปี มีสโลแกนว่า กินไม่รู้อิ่ม แบบนี้ก็ต้องขอลองซะหน่อย เมนูมีหลากหลายมากค่ะ ทั้งราดหน้าหมี่กรอบ เส้นใหญ่ เส้นหมี่ ผัดซีอิ๊วก็มี แอดสั่งราดหน้าหมี่กรอบใส่ไข่ ทางร้านบอกต้องลองใส่ไข่แล้วจะติดใจ พอได้ลองชิมก็เป็นอย่างที่ว่าเลยค่ะ น้ำเข้มข้น หมูนุ่มละลายในปาก แทบไม่ต้องปรุงเลยล่ะ.ที่ตั้ง 221-227 ซอยนานา ถนนพระราม 4 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.โทร. 02 222 2648 ย่านทรงวาด ทรงวาดเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ขนานกับถนนเยาวราช เป็นย่านเก่าแก่ที่ยังมีอาคารเก่าอายุร้อยปีหลงเหลือให้ชื่นชม มีศาลเจ้า

เดินชิลล์…ชมย่านเก่าแก่ จากนานาถึงทรงวาด อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top