สถานที่ท่องเที่ยว

ลองมอง…มุมใหม่ : บุรีรัมย์

ลองมอง…มุมใหม่ : บุรีรัมย์ แอดจะพาไปมองมุมใหม่กันที่ไหนบ้าง ตามมาเลย เริ่มกันที่ สถานีรถไฟ จังหวัดบุรีรัมย์ หลายคนอาจจะสงสัยว่าสถานีรถไฟมีอะไรให้เที่ยว? จริงๆ ก็ไม่มี ฮ่าๆๆ แต่เราก็ทำให้มันมีอะไรสิ ด้วยการไปยืนถ่ายรูปกับป้ายชื่อสถานีจังหวัดนั้นๆ เก๋ๆ เท่ๆ โพสต์ลงโซเชียล บอกเพื่อนให้รู้ว่าเรามาถึงบุรีรัมย์แล้ว หรือจะเป็นรางรถไฟ มุมสุดคลาสสิกที่เหล่าบัณฑิตทั้งหลายมักจะมาถ่ายรูปชุดครุยกันในช่วงรับปริญญา พิกัด : https://goo.gl/maps/5FRZrhvQozF2 แฟนเพจคนไหนเคยถ่ายรูปกับสถานีรถไฟ มาสารภาพด้วยการโพสต์รูปให้แอดดูเดี๋ยวนี้เลยนะ นิวยอร์กซิตีมีสะพานบรูคลินทอดข้ามแม่น้ำอีสต์ บุรีรัมย์ซิตีก็มีสะพานแขวนลาวาทอดข้ามปากปล่องภูเขาไฟเหมือนกันนะจ๊ะ ธรรมดาที่ไหนล่ะ สะพานแขวนแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า “สะพานแขวนลาวา” ตั้งอยู่ที่วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง ใน อ.เมืองบุรีรัมย์นั่นเอง ลองไปยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปสวยๆ เท่ๆ กับสะพาน มีฉากหลังเป็นวิวปากปล่องภูเขาไฟ เก๋ไก๋ไม่เหมือนใครเลยนะจะบอกให้ พิกัด : https://goo.gl/maps/aCU54YvohaT2 ใครเคยไปมาแล้วบ้าง เอารูปมาโชว์หน่อย ว่าจะสวยสู้สะพานบรูคลินได้หรือเปล่า ที่ถัดมาก็คือที่ วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน หรือวัดระหาน ภายในวัดประดิษฐานพระมหาธาตุรัตนเจดีย์ เป็นปูชนียสถานที่ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แต่!! ที่นี่ยังมีจุดเด่นอีกอย่างที่วัดแห่งอื่นไม่มี ที่อื่นอาจจะมีน้องหมาน้องแมว แต่ที่นี่มีนกยูงสุดสวยอยู่เป็นจำนวนมาก!! นอกจากจะได้ทำบุญแล้ว ยังได้เห็นเจ้านกยูงสวยๆ เดินไปเดินมาอวดโฉมให้เราดูด้วยนะ พิกัด : https://goo.gl/maps/jB4h3igFmc92 ใครเคยไปมาแล้ว มีรูปสวยๆ เก๋ๆ เอามาแบ่งกันชมได้นะครับผม มาต่อกันที่ปราสาทหินเมืองต่ำ  ปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยภาพสลักที่งดงามมากมาย ลองนึกภาพเราแต่งชุดไทยสวยๆ หรืออาจจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่นาคีที่สง่างาม เดินเฉิดฉายถ่ายรูปในปราสาทแห่งนี้ รูปคงจะออกมางดงามอลังการ ไม่แพ้กับโบราณสถานอื่นๆ ที่เค้านิยมไปถ่ายรูปกันแน่นอน พิกัด : https://goo.gl/maps/QhVhN6seBto ถ้าเมืองอยุธยามีแม่หญิงการะเกด แล้วเมืองบุรีรัมย์ล่ะ มีแม่หญิงงามสู้แม่หญิงการะเกดได้หรือไม่ ข้าอยากชมนัก ผู้ใดมีรูปถ่ายที่ปราสาทหินเมืองต่ำสวยๆ แบ่งปันให้ชมกันได้หนา รอดูตะวันลับฟ้า ส่งท้ายวันกันที่ปราสาทหินพนมรุ้ง หลายๆ คนอาจจะรอชมปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ลอดทะลุ 15 ช่องประตู ซึ่งใน 1 ปีจะเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งเท่านั้น แต่วันนี้แอดอยากจะบอกว่า ไม่ต้องรอช่วงปรากฎการณ์นั้น เราก็มีรูปสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน อย่างรูปนี้ รอถ่ายตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ให้เงาของปราสาทบดบังดวงอาทิตย์ทีคล้อยลงต่ำ แล้วเราก็จะได้รูปปราสาทหินที่ดูลึกลับเต็มไปด้วยมนต์ขลัง แบบนี้เลย รูปนี้ถ่ายตอนประมาณ 17.30 น. ซึ่งถ่ายเสร็จปุ๊บก็ต้องรีบกลับ เพราะปราสาทจะปิดตอน 18.00 น. ฮ่าๆๆๆ พิกัด : https://goo.gl/maps/1EDAwwvaFr62 อ่ะ ไหน ใครมีรูปปราสาทหินที่สวย ล้ำ ไม่ซ้ำใคร แอดขอชมหน่อยจะได้ไหมครับ!

ลองมอง…มุมใหม่ : บุรีรัมย์ อ่านเพิ่มเติม

ตลาดอยุธยาไนท์มาร์เก็ต

เกร็ดความรู้ :  ในสมัยอยุธยาพิกัดเดิมตรงนี้ก็คือ “ตลาดผ้าเหลือง” ซึ่งขายเครื่องสังฆภัณฑ์ ผ้าไตรจีวร เครื่องทองเหลือง เป็นต้น ดังที่ปรากฏอยู่ในละครเรื่อง “บุพเพสันนิวาส” นั่นเองค่ะ มาเยือน จ.อยุธยา ทั้งทีเราต้องไม่พลาดที่จะทานกุ้งเผาอยุธยานะคะ เพราะกุ้งเผาอยุธยานั้นสด เนื้อแน่น หวานอร่อย แถมยังมีมันกุ้งเยิ้มๆ ด้วย ถ้าได้ทานพร้อมกับน้ำจิ้มซีฟู๊ดรสแซ่บ แอดรับรองว่าเพื่อนๆ จะติดใจ (บรรยายเองแอดยังแอบน้ำลายไหลเลย) เรามาต่อกันที่เมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสแซ่บ ที่เด็ดถึงทรวงดวงฤทัยกันค่ะ ดูจากรูปเพื่อนๆ ก็คงจะเดาได้ว่ารสชาติต้องเข้มข้นแน่ๆ แต่แอดบอกเลยว่าของจริงเข้มข้นกว่าในรูปเยอะค่ะ ยิ่งเมนูก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเลที่ใส่กุ้งและปลาหมึกตัวโตๆ พร้อมไข่ต้มยางมะตูม พอได้ลองทานแล้วฟินสุดๆ เลยค่ะ กุ้งอบวุ้นเส้นเป็นอีกหนึ่งเมนูที่แอดแนะนำเลยค่ะ ที่อื่นอาจจะใช้กุ้งตัวเล็กทำให้เราฟินไม่สุด แต่ที่นี่นอกจากวุ้นเส้นที่มีรสชาติกลมกล่อมไปด้วยเครื่องเทศต่างๆ แล้ว ยังให้กุ้งตัวใหญ่อีกด้วยค่ะ แถมน้ำจิ้มซีฟู๊ดยังแซ่บ ซี๊ด จี๊ดสะใจอย่าบอกใครเชี่ยว พักเรื่องกุ้ง แล้วมาต่อกันที่ไก่บ้างนะคะ ไก่ทอดของที่นี่ทำเอาแอดไม่สามารถเดินผ่านไปโดยที่ไม่แวะไม่ได้เลย เพราะกลิ่นของไก่ทอดช่างหอมอบอวล เย้ายวนใจสุดๆ มีความกรอบนอกนุ่มในเมื่อได้ลองทาน แถมไก่ทอดของที่นี่ยังมีหลายสูตรให้เลือกชิมอีกด้วย สำหรับข้าวคลุกกะปิของที่นี่ก็มากไปด้วยเครื่องเคียงต่างๆ ครบตามต้นตำรับของข้าวคลุกกะปิอย่างแน่นอน แถมแม่ค้ายังน่ารัก ใจดี และเป็นกันเองอีกด้วยค่ะ สำหรับข้าวน้ำพริกกะปิและปลาทูของร้านนี้ ทำเอาแอดท้องร้องเลยทีเดียวค่ะ เพราะมีปลาทูตัวโต มากไปด้วยผักต้มนานาชนิด อีกทั้งน้ำพริกกะปิก็ยังเรียกน้ำย่อยของแอดอีกด้วย ขนมไหมฟ้าหรือขนมหนวดมังกร เป็นขนมมงคลของคนจีนค่ะ ทำมาจากน้ำผึ้งที่นำมากวนผสมกับแป้งข้าวเจ้า แป้งข้าวโพด แป้งข้าวเหนียว และแป้งข้าวโอ๊ตค่ะ นำมานวดดึงๆ ยืดๆ จนกลายเป็นเส้นฝอยเล็กๆ จากกนั้นนำมาห่อไส้ ซึ่งมีทั้งเม็ดมะม่วงหิมพานต์ ถั่ว และงาขาวค่ะ เคล็ดลับในการทาน สามารถทานได้ทั้งแบบปกติและแบบแช่เย็นค่ะ ถ้าทานตอนเสร็จใหม่ๆ ขนมจะยังนุ่มๆ เมื่อกัดลงไปจะสามารถยืดได้เหมือนชีสเลยล่ะค่ะ ส่วนถ้านำไปแช่ตู้เย็น ขนมก็จะแข็งขึ้นนิดนึง ทำให้ทานง่ายขึ้น อร่อยไปอีกแบบค่ะ ใครที่ชื่นชอบทุเรียน ที่นี่ไม่ได้มีทุเรียนขาย แต่มีลอดช่องเส้นทุเรียนที่จะมายั่วยวนเหล่าบรรดาคอทุเรียนให้ได้ซื้อกลับไปทานกันค่ะ ไอศครีมวาฟเฟิลของที่นี่มีไอศกรีมหลายหลายรสให้เราได้เลือกชิมกันค่ะ แต่ที่แอดไปชิมมาคือรสกะทิและสตรอว์เบอร์รีค่ะ รสกะทิได้ความหวานมันของกะทิแบบสุดๆ เพราะไม่ผสมนม ส่วนรสสตรอว์เบอร์รีก็หวานอมเปรี้ยวนิดๆ เรียกได้ว่าอร่อยกำลังดีเลยล่ะค่ะ ส่วนวาฟเฟิลก็กรอบนอกนุ่มในแอดอยากให้ลองไปทานกันดูนะคะ ไข่ปลาทอดเป็นอาหารที่พบเห็นได้ตามตลาดทั่วไปในภาคใต้ค่ะ แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นเมนูสุดฮิตที่ใครๆ ต่างก็อยากลิ้มลอง ไข่ปลาที่ใช้นั้นคือไข่ปลาตะเพียนที่นำมาปรุงรสชาติ แล้วนำมาทอดเป็นชิ้นเล็กๆ ลักษณะคล้ายขนมบ้าบิ่น ทานคู่กับน้ำจิ้มซีฟู้ด ถ้าเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากลองชิม ก็ไปกันได้ที่ตลาดแห่งนี้เลยค่า แค่เห็นแพ็กเกจก็ดูน่าสนใจแล้วใช่มั้ยละคะ ที่เพื่อนๆ เห็นอยู่นั้นคือก๋วยเตี๋ยวลุยสวนที่นำมาใส่เข่งปลาทูขาย เป็นการสร้างมูลค่าและเพิ่มความน่าสนใจมากยิ่งขึ้น แต่แอดขอบอกว่าก๋วยเตี๋ยวลุยสวนของที่นี่ไม่ได้มีแค่รูปลักษณ์ที่น่าทานอย่างเดียวนะคะ เพราะยังมีความอร่อยซ่อนอยู่ด้วย พักเรื่องกิน แล้วมาชมอีกหนึ่งไฮไลท์ของตลาดแห่งนี้กันดีกว่าค่ะ จุดนี้เรียกถือเป็นมุมมหาชนเลยก็ว่าได้ ใครๆ ที่มาเที่ยวต่างก็จะต้องถ่ายรูปมุมนี้กลับไปอวดเพื่อนๆ กันค่ะ เพราะตรงนี้คือท่าน้ำบ้านหมื่นสุนทรเทวา ที่สร้างจำลองมาจากละครเรื่องบุพเพสันนิวาส ประหนึ่งว่าตนเองเป็นแม่หญิงการะเกด ที่มานั่งรอคุณพี่หมื่นกลับเรือน แอบกระซิบว่ามุมนี้ตอนกลางคืนสวยสุดๆ ล่ะค่ะ ^^ นอกจากเมนูอาหารคาวหวานที่แอดนำมาเสิร์ฟเรียกน้ำย่อยของเพื่อนๆ แล้ว ที่นี่ยังมีอีกหลายเมนูที่แอดอยากให้ลองไปทานกันดูค่ะ เพราะถ้านำมาเล่าให้ฟังกันหมด เพื่อนๆ ก็จะไม่ตื่นเต้นน่ะสิคะ อิอิ ตลาดอยุธยาไนท์มาร์เก็ต เป็นตลาดย้อนยุคยามค่ำคืนที่แสนพิเศษค่ะ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศ แสงไฟสวยงามที่ประดับตกแต่ง และอาหารมากมายหลายชนิด มันช่างทำให้เรารู้สึกเพลิดเพลินสุดๆ เลยค่ะ มาเที่ยวกันเยอะๆ นะคะ

ตลาดอยุธยาไนท์มาร์เก็ต อ่านเพิ่มเติม

อุทัยทริป : 10 จุดห้ามพลาดเมืองอุทัยธานี

อุทัยทริป : 10 จุดห้ามพลาดเมืองอุทัยธานี 1. ชุมชนเรือนแพ แม่น้ำสะแกกรัง.มนต์เสน่ห์บนสายน้ำสะแกกรัง สะท้อนวิถีชีวิตชาวอุทัยธานี ที่ยังคงความเรียบง่ายไม่เปลี่ยนแปลง…ไม่ว่าจะมีโอกาสมาอุทัยกี่รอบก็แล้วแต่ การล่องเรือเที่ยวชมชุมชนเรือนแพบนแม่น้ำสะแกกรัง ก็เป็นหนึ่งในโปรแกรมหลักที่แอดไม่เคยพลาด หรือถ้าใครไม่สะดวกล่องเรือ ก็สามารถยืนชมบรรยากาศชุมชนเรือนแพได้ตลอดสองฟากฝั่งริมแม่น้ำสะแกกรัง.สมัยก่อนเวลาพ่อค้าล่องเรือผ่านมาถึงแม่น้ำสายนี้ จะเห็นต้นสะแกที่ออกดอกเล็กๆ ชูช่อยาวสีเขียวอมเหลือง ห้อยระย้าลงมาตามริมฝั่งน้ำ ถึงแม้ว่าวันนี้ดอกสะแกอาจไม่ค่อยมีให้เห็นกันเยอะเหมือนสมัยก่อน แต่เรายังคงสัมผัสได้ถึงมนต์เสน่ห์ของแม่น้ำสะแกกรังผ่านเรือนแพไม้ไผ่ ที่ตั้งอยู่เรียงรายไปตามลำน้ำ.พิกัด : https://goo.gl/maps/U4JX8cp7hLu ค่าบริการกิจกรรมล่องเรือ.– บริการเรือหางยาวมีหลังคา ล่องแม่น้ำสะแกกรัง นั่งได้ 10-12 คน ล่องเรือภายในเขตเทศบาล ราคา 250 บาท หากไปถึงวัดท่าซุงราคาประมาณ 800 บาท– สำหรับเรือขนาดใหญ่ นั่งได้ 40 คน ราคาเหมาประมาณ 4,000 บาท (ไม่รวมอาหารเย็น) 2. วัดอุโปสถาราม (วัดโบสถ์) วัดเก่าแก่คู่บ้านคู่เมือง อีกหนึ่งมนต์เสน่ห์ริมน้ำสะแกกรัง ที่อยู่คู่กับวิถีชีวิตชาวอุทัยธานีมาหลายร้อยปี ด้วยความโดดเด่นด้านสถาปัตยกรรม ไม่ว่าจะเป็น “มณฑปแปดเหลี่ยม” ศิลปะผสมระหว่างไทย จีน และตะวันตก “เจดีย์สามสมัย” เจดีย์ 3 องค์ ทีมีลักษณะทางสถาปัตยกรรมที่แตกต่างกัน โดยมีทั้งเจดีย์หกเหลี่ยมแบบอยุธยา เจดีย์ย่อมุมไม้สิบสองแบบรัตนโกสินทร์ และเจดีย์ทรงลอมฟางแบบสุโขทัย  พิกัด : https://goo.gl/maps/ktPxicCU3wy นอกจากนี้ทั้งด้านในและด้านนอกพระอุโบสถและพระวิหาร ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังเรื่องพุทธประวัติ เริ่มตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน ที่วาดโดยฝีมือของช่างหลวงในสมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น อีกหนึ่งศิลปะล้ำค่าที่บอกเล่าความผูกพันของชาวบ้านกับพระพุทธศาสนาได้เป็นอย่างดี 3. วัดสังกัสรัตนคีรี หากขับรถเข้ามาจากทางหลวงหมายเลข 32 เข้าเมืองอุทัยธานี ยังไม่ทันถึงตัวเมืองดีเราจะเห็นยอดเจดีย์ของวัดสังกัสรัตนคีรีตั้งโดดเด่นเป็นสง่ามาแต่ไกล นอกจากการมากราบสักการะ “พระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์” พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองอุทัยธานีที่ประดิษฐานอยู่ภายในวิหารแล้ว อีกหนึ่งเสน่ห์ของวัดแห่งนี้ก็คือ งานประเพณีตักบาตรเทโว ในวันแรม 1 ค่ำเดือน 11 ของทุกปี ประเพณีสำคัญของจังหวัดที่มีชื่อเสียงมายาวนาน กับภาพของพระสงฆ์ราว 500 รูป เดินลงบันไดจากยอดเขาสะแกกรังมารับบิณฑบาตร ซึ่งมีพุทธศาสนิกชนรอใส่บาตรอยู่ที่ลานวัดทางด้านล่าง พิกัด : https://goo.gl/maps/axEb5Ra2PhT2 ภาพจากจุดชมวิววัดสังกัสรัตนคีรี 4. วัดจันทาราม (วัดท่าซุง).อีกหนึ่งวัดที่เป็นเหมือนแลนด์มาร์คสำคัญของอุทัยธานี มาเที่ยววัดท่าซุงต้องไม่พลาดชมวิหารแก้ว ที่ประดิษฐานพระพุทธชินราชจำลอง ตามกำแพง เสา และเพดานวิหารประดับด้วยแก้วที่สะท้อนแสงไฟระยิบระยับ เป็นภาพที่สวยงามแปลกตาไม่เหมือนใคร.พิกัด : https://goo.gl/maps/92Xm48JffMQ2 ความอลังการของปราสาททองคำก็เป็นไฮไลท์อีกอย่างหนึ่งของวัดนี้ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลแด่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ในวาระที่ทรงครองสิริราชสมบัติครบ 50 ปี 5. เกาะเทโพ.หนึ่งในเส้นทางในฝันของนักปั่นบนหลังอาน ที่อยากจะนำสองล้อคู่ใจมาปั่นลัดเลาะรอบเกาะ ท่ามกลางบรรยากาศสุดสดชื่น ผ่านเส้นทางทุ่งนา ไร่สวนส้มโอ .เกาะเทโพเป็นเกาะขนาดใหญ่ที่ล้อมรอบด้วยแม่น้ำสองสายคือ แม่น้ำสะแกกรัง และแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันทางจังหวัดยังได้จัดทำเส้นทางจักรยานปั่นเที่ยวตัวเมืองและเกาะเทโพ เพื่อเป็นการช่วยลดมลภาวะ และยังเปิดโอกาสให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตของชุมชนต่างๆ บนเกาะได้อย่างใกล้ชิดอีกด้วย  พิกัด : https://goo.gl/maps/rcCwPhhaCx32 6. บ้านจงรัก.ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์ที่รวบรวมข้าวของเครื่องใช้แบบโบราณ ไล่ไปตั้งแต่ของเล่น ของใช้ภายในบ้าน เครื่องครัว ไปจนถึงอาวุธยุทโธปกรณ์ต่างๆ ในสมัยโบราณ ซึ่งล้วนเป็นของสะสมของบรรพบุรุษมาตั้งแต่รุ่นปู่ย่าตายาย ตัวพิพิธภัณฑ์เป็นบ้านไม้สองชั้น ชั้นล่างทำเป็นคาเฟ่ร่วมสมัย มีทั้งชา กาแฟสด ขนมหวานต่างๆ รวมไปถึงน้ำสมุนโพรโฮมเมดสูตรโบราณด้วย.สำหรับใครที่ชอบสะสมของเก่า ถ้ามาเที่ยวอุทัยธานีอย่าลืมแวะมาเยี่ยมชม เข้ามาพูดคุยแลกเปลี่ยนความทรงจำในอดีตกันได้ที่นี่ “บ้านจงรัก” .เปิดเฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และจันทร์ เวลา 07.30 – 17.00 น. (พิพิธภัณฑ์ เปิดเวลา 09.00 น.).พิกัด : https://goo.gl/maps/qJeAh35aiVP2 7. บ้านนกเขา.ห้องแถวโบราณขนาดหนึ่งคูหาแห่งนี้ เป็นอีกหนึ่งพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นที่รวบรวมของเก่าของสะสมมากมาย ส่วนใหญ่จะเป็นภาพถ่ายในอดีต เช่น ภาพถ่ายโรงฝิ่น ซึ่งการสูบฝิ่นเคยเป็นวิถีชีวิตของชาวไทยเชื้อสายจีนในสมัยก่อน รวมไปถึงข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ของชาวอุทัยธานี.พิกัด : https://goo.gl/maps/nGFC7Dbu7LR2 8. ถนนคนเดินตรอกโรงยา (ตลาดเก่าบ้านสะแกกรัง).ภาพของตรอกโรงยาในอดีต ก่อน พ.ศ.2500 ที่เคยเป็นแหล่งซื้อขายและสูบฝิ่นกันอย่างเสรี ค่อยๆ ซบเซาลง และเลือนหายไปจากความทรงจำของผู้คน หลังจากการประกาศให้ฝิ่นกลายเป็นสารเสพติดที่ผิดกฎหมาย.ในปัจจุบันตรอกโรงยาถูกปลุกขึ้นมาจากความทรงจำอีกครั้งในรูปแบบของถนนคนเดินใจกลางเมืองอุทัยธานี ที่มีของให้เลือกชอปเลือกชิมกันหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นอาหารคาวหวาน อาหารถิ่น ของกินเล่นต่างๆ แต่ในอีกมุมหนึ่ง ความเจริญรุ่งเรืองของตรอกโรงยาในอดีต ก็ยังคงปรากฎร่องรอยผ่านบ้านไม้เก่าๆ ที่ได้รับการปรับเปลี่ยนมาเป็นร้านค้าต่างๆ .พิกัด : https://goo.gl/maps/8YpFcos8tt42 9. หุบป่าตาด.ออกนอกตัวเมืองมาหลงป่าดงดิบ เดินเข้าสู่ยุคดึกดำบรรพ์กันที่ หุบป่าตาด อำเภอลานสัก จังหวัดอุทัยธานี.ทางเข้าหุบเป็นถ้ำมืดสนิทต้องใช้ไฟฉายส่องทาง แต่ระยะทางไม่ไกลมากนัก เมื่อเดินลอดผ่านเข้ามาภายในหุบมีสภาพเป็นป่าดงดิบ ที่อากาศเย็นและชื้น พื้นที่ส่วนใหญ่เต็มไปด้วยต้นตาด พืชยุคดึกดำบรรพ์ ที่อยู่ในตระกูลเดียวกับต้นปาล์ม มีใบเป็นแฉก ชอบขึ้นในพื้นที่ป่าดงดิบหนาทึบ.เดินเข้าไปเกือบสุดเส้นทางจะพบกับถ้ำอีกหนึ่งถ้ำ มีลักษณะเป็นโถงแบบเปิดโล่ง ตรงจุดนี้ถ้าอยากถ่ายภาพให้สวย ช่วงเวลาที่ดีที่สุดคือระหว่าง 11.00-13.00 น. ซึ่งแสงจะส่องลงมายังหุบป่าตาดมากที่สุด (เพื่อนๆ สามารถเข้าชมหุบป่าตาดได้ทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น.).หุบป่าตาดสามารถเที่ยวชมได้ตลอดทั้งปี แต่ถ้ามาช่วงเดือนสิงหาคม-พฤศจิกายน จะมีโอกาสได้เห็นกิ้งกือมังกรสีชมพู สัตว์ป่าดึกดำบรรพ์ ซึ่งพบได้ที่นี่เพียงที่เดียวในประเทศไทยเท่านั้น.พิกัด : https://goo.gl/maps/xzhcfradnt22 10. เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง.หนึ่งในผืนป่ามรดกโลกของพวกเรา ที่มีความอุดมสมบูรณ์และมีความหลากหลายทางชีวภาพ เนื่องจากที่นี่ประกอบไปด้วยป่าถึง 5 ใน 7 ชนิด ที่พบในเขตร้อนชื้น ได้แก่ ป่าดิบแล้ง ป่าดิบเขา ป่าทุ่งหญ้า ป่าเบญจพรรณ และป่าเต็งรัง ก่อให้เกิดความหลากหลายของพืขพันธุ์และสัตว์ต่างๆ บางชนิดเป็นสัตว์หายากที่ใกล้จะสูญพันธุ์ เช่น ควายป่า เลียงผา เสือดาว หมาใน ไก่ป่า นกยูงไทย และยังมีแมลงต่าง ๆ อีกมากมาย . พิกัด : https://goo.gl/maps/3a6R2BaPyBQ2 ถึงแม้ว่าเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้งจะไม่ใช่แหล่งท่องเที่ยวที่เปิดให้เข้าชมทั่วไป เนื่องจากอยู่ในเขตอนุรักษ์ที่มีความเปราะบาง แต่ก็มีการกำหนดจุดผ่อนปรนให้ประชาชนสามารถเข้าไปศึกษาและชมธรรมชาติได้ ดังนี้.– บริเวณสำนักงานเขตฯ อำเภอลานสัก ซึ่งมีกิจกรรมเดินป่าตามรอยเส้นทางของเสือ และอนุสรณ์สถาน “สืบ นาคะเสถียร” – บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าไซเบอร์ อำเภอห้วยคต ซึ่งมีกิจกรรมตั้งแคมป์ริมน้ำตกไซเบอร์ – บริเวณหน่วยพิทักษ์ป่าห้วยแม่ดี อำเภอบ้านไร่ มีกิจกรรมตั้งแคมป์ตามโครงการห้องรับรองแขกห้วยขาแข้ง และมีเส้นทางศึกษาธรรมชาติไว้รองรับ.เนื่องจากไม่ใช่สถานที่ท่องเที่ยวทั่วไป ดังนั้นการเดินทางไปศึกษาธรรมชาติในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง จึงต้องติดต่อขออนุญาตเสียก่อน โดยสามารถยื่นคำขอได้ที่เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าห้วยขาแข้ง ล่วงหน้าอย่างน้อย 30 วัน

อุทัยทริป : 10 จุดห้ามพลาดเมืองอุทัยธานี อ่านเพิ่มเติม

อยู่แพ…อยู่อุทัย

อยู่แพ…อยู่อุทัย มีกฎ กติกา มารยาทด้วยนะ อ่านตรงนี้กันก่อน แผนที่ ตื่นมาอีกทีก็เช้าวันเสาร์ละ (พอดีมีประตูโดเรมอน) เราออกเดินทางกันดีกว่า 200 กว่าโลเท่านั้น หลับตาแป๊บเดียวก็ถึง พอเข้าตัวเมืองอุทัยก็ปักหมุดตามนี้เลยhttps://goo.gl/maps/NurEsb2Fewy ที่พักอยู่ใกล้วัดถ้าหาไม่เจอก็นอนวัดนะจ๊ะ (อ่ะล้อเล่น) ยังไงก็หาเจออยู่แล้วเพราะมีป้ายบอกชัดเจนและพี่กู(เกิ้ล) ไม่หลอกเรา พอถึงก็จอดรถไว้บนตลิ่งแล้วเดินลงไปเพราะที่พักเป็นแพซึ่งจะต้องอยู่ในน้ำ (ถูกมั้ย)  ถึงแล้วแพของเรา (เป็นของเราในวันนี้) มีความน่ารักกิ๊บเก๋จนอยากจะนอนไปอีก 5 คืน อยากบอกว่าถ้าไม่บอกจะไม่รู้เลยว่าเราเดินอยู่บนแพเพราะนิ่งมากไม่โคลงเคลงให้เวียนหัวเวียนหน้า เดินออกไปหน้าแพกินบรรยากาศกันหน่อย มองไปฝั่งตรงข้ามเป็นแพเพื่อนบ้านโบกมือทักทายไปมา เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะไปเยี่ยมเยียนนะ ที่นี่นอกจากมานอนแพชิลล์แล้วยังมีเรือล่องแม่น้ำสะแกกรังสนใจจับจองก็บอกได้กับพี่ฐาหรือน้องที่ประจำแพเลย เรือเป็นเรือหางยาวมีหลังคา ชุมชนเขาร่วมกันจัดให้ นั่งได้ 6- 7 คนต่อลำ ใช้เวลาเที่ยว 45 นาทีพรุ่งนี้เรานัดเรือไว้ละตอนเจ็ดโมงเช้าแดดจะได้ไม่แรงมาก แล้วพอล่องเสร็จชั่วโมงกว่าๆ ก็จะกลับมากินข้าวเช้าได้พอดี (ดูดีมีวิสัยทัศน์ แต่จริงๆ คือกลัวตัวเองหิว) คืนนี้นอนนี่นะ ท่ามกลางบรรยากาศสวยงามสงบเงียบของแม่น้ำสะแกกรังยามค่ำคืนพระจันทร์เต็มดวง ยังไงก็หลับฝันดี วันที่ 2  7 โมงเช้าวันนี้ เรานัดลุงคนขับเรือไว้จะไปล่องเรือเที่ยวแม่น้ำกัน ลุงมาตามเวลาเป๊ะ ก่อนเรือออกลุงคือ คนขับเรือ แต่พอเรือออกเท่านั้นล่ะ ลุงคือ all in one ตั้งกะขับเรือไปพร้อมๆ กับบรรยายที่เที่ยวและปล่อยมุกที่ขำมั่งไม่ขำมั่ง ลุงพาเราล่องเรือผ่านบ้านเศรษฐีเมืองอุทัย บ้านสมเด็จพระเทพฯ หมู่เรือนแพริมน้ำ รีสอร์ทต่างๆ อะไรเป็นของใครมาแต่ไหน ลุงช่างสรรหามาเล่าได้ไม่จบสิ้นจนอยากจะมอบโล่ให้ลุง ขากลับก่อนถึง “อยู่แพ” ลุงแวะให้ขึ้นไปเที่ยววัดอุโปสถาราม หรือวัดโบสถ์ วัดโบสถ์ มีจุดถ่ายรูปที่ห้ามพลาดคือ ภาพเขียนจิตรกรรมฝาผนังในวิหารที่มีมาตั้งแต่สมัยรัตนโกสินทร์ตอนต้น บาตรฝาประดับมุกที่ได้รับพระราชทานจากรัชกาลที่ 5 มณฑป 8 เหลี่ยม ลักษณะผสมตะวันตก และแพโบสถ์น้ำที่ตั้งอยู่หน้าวัดสร้างขึ้นเพื่อรับเสด็จรัชกาลที่ 5 เมื่อปี พ.ศ. 2449 เราวนเวียนถ่ายรูปอยู่ในวัดร่วม 20 นาที นึกได้ว่ายังไม่ได้กินข้าวเช้าก็พาลหมดแรงลงซะงั้นจึงเดินโดยพร้อมเพรียงมาขึ้นเรือโดยที่ลุงไม่ต้องไปตามให้เหนื่อย จุดแวะพัก Rc สุดท้ายก่อนจบทัวร์เรือลุงยังแวะแพป้าเพื่อนบ้านฝั่งตรงข้ามเยื้องกับแพพักของเราที่โบกมือทักทายกันเมื่อวานเพื่อให้เราชอปปิง ช่างเป็นการจัดทัวร์ที่มืออาชีพจริงๆ พาเที่ยวแล้วตบท้ายด้วยการพาชอปปิงให้ฟินได้อีก สิ่งของบนแพของคุณป้าที่ลุงพาไปชอปนั้น สอบถามได้ความว่านางล้วนทำเอง เช่น น้ำพริก ปลาย่าง ขิงดอง มะตูมแห้ง เยอะแยะจนเราสงสัยว่าแกเอาเวลาที่ไหนมาทำเนี่ย ป้าก็บอกว่านี่ก็ทำเลี้ยงคนป่วยที่นอนในแพน่ะล่ะ ฟังแล้ววิญญาณนางฟ้าก็มาทันที ซื้อสิ รออะไร ซื้อเสร็จก็กลับแพไปรับ breakfast กันซะที Breakfast ที่นี่มีความเก๋ไม่เลิกไม่รา ชนะทุก ABF เพราะเป็นข้าวหมูกรอบ หมูแดง ข้าวมันไก่เจ้าอร่อยของเมืองอุทัยใส่ห่อใบตองมารอไว้ มีท้องเท่าไรก็ใส่เข้าไปไม่ต้องแย่งกันเพราะเค้าเตรียมไว้เกินจำนวนคนเข้าพักอยู่แล้ว แถมด้วยกาแฟโอวัลตินชงกันตามสบายใจชอบ  อิ่มหนำสำราญแล้วก็ถึงเวลาต้องจากจร แม้ว่าอยากจะนอนต่ออีกซักคืนด้วยบรรยากาศแสนสบาย แต่ด้วยมนุษย์เงินเดือน (น้อย) อย่างเราก็ควรจะกลับมาเพื่อทำงานที่เรารักต่อ (เหรอ) แล้ววันไหนอยากชาร์จแบตให้ตัวเองอีกก็ค่อยแพ็คกระเป๋าเดินทางกันอีกทีเนอะ

อยู่แพ…อยู่อุทัย อ่านเพิ่มเติม

ไก่ย่างไม้มะดัน ของอร่อยห้วยทับทัน ต้องห้ามพลาด!!!

ไก่ย่างไม้มะดัน #ของอร่อยห้วยทับทัน ต้องห้ามพลาด!!! ถ้าเราเดินทางไปทางอีสานใต้ โดยใช้ทางหลวงหมายเลข 226 เมื่อถึงบริเวณอำเภอห้วยทับทัน เราจะพบกับร้านไก่ย่างไม้มะดันเรียงรายอยู่ริมทางมากมาย มีให้เลือกซื้อเลือกชิมมากกว่า 50 ร้านเลยทีเดียว บางคนอาจมีคำถามว่า ทำไมต้องเป็นไม้มะดัน ? ที่มานั้นก็เนื่องมาจาก บริเวณริมลำน้ำห้วยทับทันมีต้นมะดันป่าจำนวนมาก ซึ่งคุณสมบัติพิเศษของไม้มะดันก็คือ มีความเหนียว ไม่ฉีกขาดง่าย ทนร้อน ทนไฟ และเมื่อนำไปทำไม้หนีบไก่สำหรับย่างนั้น จะทำให้มีกลิ่นหอมและมีรสชาติเฉพาะตัวกว่าไม้ไผ่ซึ่งหาได้ยากในบริเวณนี้ จึงทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของไก่ย่างที่นี่ไปนั่นเอง ไก่ที่นำมาย่างนั้นจะใช้ไก่ลูกผสมหรือไก่สามสายพันธุ์ ที่สำนักงานปศุสัตว์จังหวัดศรีสะเกษ กรมปศุสัตว์ นำแม่พันธุ์มาส่งเสริมให้เกษตรกรเลี้ยง ขยายพันธุ์ และนำมาแปรรูปเป็นไก่ย่าง ไก่ย่างที่ย่างสุกแล้ว เนื้อไก่จะแน่นมันน้อย ได้รสเปรี้ยวเล็กๆ ของไม้มะดัน จิ้มน้ำจิ้มสูตรเฉพาะ ทานคู่กับข้าวเหนียวร้อนๆ อร่อยฟินเฟร่อออออออ ราคาไก่ย่างแต่ละไม้ ขึ้นอยู่กับขนาดของไก่ เริ่มต้นที่ 25 บาท ถึงประมาณ 120 บาทต่อไม้ หาซื้อทานได้ที่ บริเวณอำเภอห้วยทับทัน ริมทางหลวงหมายเลข 226 (สุรินทร์ – ศรีสะเกษ) หรือบริเวณหน้าสถานีรถไฟห้วยทับทัน ร้านส่วนใหญ่จะเปิดขายตั้งแต่เช้าตรู่ ถึงตอนค่ำๆ เลย  ถ้าใครมีโอกาสผ่านไปแถวนั้น อย่าลืมแวะชิมความอร่อยของไก่ย่างไม้มะดันกันด้วยนะครับผม ^^ พิกัด : https://goo.gl/maps/BF2iMJ8BQvk

ไก่ย่างไม้มะดัน ของอร่อยห้วยทับทัน ต้องห้ามพลาด!!! อ่านเพิ่มเติม

ชมนก ชมดอกไม้ ดูควายน้ำ ที่พัทลุง

ชมนก ชมดอกไม้ ดูควายน้ำ ที่พัทลุง ก่อนลงเรือ ก็มาเดินเล่นชมบรรยากาศรอบๆ มองเห็นวิวทะเลน้อยไกลสุดลูกหูลูกตา ถ่ายรูปกันซักพัก ก็ถึงเวลาลงเรือกันแล้วค่ะ ล่องเรือมาเรื่อยๆ ก็เจอกับนกๆ แต่เราไม่นกค่ะ เพราะสิ่งที่เราเห็นคือดอกบัวสีชมพูบานสะพรั่ง สวยงามมากเลย ถึงกับต้องบอกให้พี่คนขับเรือแวะจอดถ่ายรูปขอเซลฟี่กับดอกบัวอัพเป็นรูปโปรไฟล์ซักรูปนึงค่ะ นั่งเรือบรรยากาศสบายๆ ซักพักก็มีเสียงดังจากด้านหน้าเรือตะโกนมา เฮ้ย!! ควาย ควายทั้งนั้นเลย ด้วยความที่ตกใจเลยหันไปมอง สอบถามกับพี่คนขับเรือ ก็บอกว่าเป็นควายของชาวบ้านที่เลี้ยงไว้ ทั่วๆ ไปก็เรียกว่าควายน้ำ พอเวลาน้ำลด ควายจะลงมาเล็มหญ้า หรือสายบัว เป็นแหล่งอาหารธรรมชาตินั่นเอง ปิดท้ายกันด้วยภาพแสงยามเย็น สวยไม่แพ้ที่อื่นเลย … เชิญชวนให้เดินทางมาชมบรรยากาศสวยๆ แห่งนี้ค่ะ พัทลุงถึงแม้ว่าจะเป็นเมืองเล็กๆ แต่ก็แฝงไปด้วยความสมบูรณ์ของธรรมชาติ และมิตรภาพที่ดีของผู้คนที่นี่จริงๆค่ะ

ชมนก ชมดอกไม้ ดูควายน้ำ ที่พัทลุง อ่านเพิ่มเติม

ปราจีนบุรี

ปราจีนบุรี เมืองมรดกโลก ท่องเที่ยวทางธรรมชาติ แหล่งโบราณสถานเมืองทวารวดี วัดแก้วพิจิตร (พระอารามหลวง) ตั้งอยู่ถนนแก้วพิจิตร อำเภอเมือง เป็นวัดเก่าแก่ริมแม่น้ำ ปราจีนบุรี อายุร้อยกว่าปี อยู่ริมแม่น้ำปราจีนบุรีหรือแม่น้ำบางปะกง ความโดดเด่นชองวัดอยู่ที่พระอุโบสถหลังที่เจ้าพระยาอภัยภูเบศรสร้างทดแทนหลังเก่าที่ชำรุด โดยนำสถาปัตยกรรมของ ไทย จีน เขมร และยุโรป มาผสมผสานให้กลมกลืนกัน และที่เด่นสุดคือ พระอภัยวงศ์ พระประธานภายในอุโบสถเป็นพระพุทธรูปประทับขัดสมาธิเพชร ยกพระหัตถ์ทั้งสองข้างระดับบั้นพระองค์ (ปางประทานอภัย) โดยเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ได้รับพระราชทานนามจากพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวว่า หลวงพ่ออภัยวงศ์ หรือ หลวงพ่ออภัย เพื่อเป็นเกียรติแก่ท่านเจ้าพระยาอภัยภูเบศรผู้สร้าง ด้วยพระอัฉริยภาพของเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ท่านได้สร้างปริศนาธรรมแทรกไว้ตามที่ต่าง ๆ เช่น นาฬิกาที่ไม่ยอมเที่ยงอยู่ที่ซุ้มประตูเรือนแก้ว สร้างปริศนาด้านการปกครอง เช่น รูปสิงห์โตตัวผู้เพียงตัวเดียวไว้ที่บานหน้าต่าง ด้านหน้าพระอุโบสถมี อาคารเรียนหนังสือไทย นักธรรมบาลีเป็นอาคารคอนกรีต รูปสถูปโดม ศิลปะกรีกหรือโรมันอยู่หลังหนึ่ง นอกจากนั้นภายในวัดแก้วพิจิตรยังมีหอพระไตรปิฎกและศาลาตรีมุข ก่อนเดินทางไปชื่นชมธรรมชาติ แวะชมเรื่องราวประวัติศาสตร์ในอดีตต่อที่ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ปราจีนบุรี ตั้งอยู่บริเวณด้านหลังของศาลากลางจังหวัดปราจีนบุรี ก่อตั้งขึ้นเพื่อเป็นศูนย์รวมของโบราณวัตถุในภูมิภาคตะวันออกและจังหวัดใกล้เคียง อาทิ ปราจีนบุรี สระแก้ว นครนายก ฉะเชิงเทรา ชลบุรี จันทบุรี ตราดและระยอง เน้นการจัดแสดงเมืองศรีมโหสถเป็นสำคัญ ภายในแบ่งออกเป็น ๒ ชั้น ชั้นล่าง จัดแสดงประวัติศาสตร์โบราณคดีเมืองปราจีนบุรี โบราณคดีเมืองนครนายกและนิทรรศการพิเศษ ชั้นบน จัดแสดงศิลปะโบราณคดีในประเทศไทย โบราณคดีก่อนประวัติศาสตร์ในภาคตะวันออก โบราณคดีใต้น้ำรวมทั้งเครื่องถ้วยสังคโลกที่พบใต้ทะเลจากบริเวณเกาะคราม จังหวัดชลบุรี และนิทรรศการชั่วคราว โบราณวัตถุส่วนใหญ่ของที่นี่ได้มาจากเมืองโบราณสมัยทวารวดี อาทิ พระพุทธรูป เทวรูปเคารพในศาสนาฮินดู ศิวลึงค์ ทับหลัง เครื่องใช้สำริด จัดแสดงศิลปะสมัยต่าง ๆ ตั้งแต่สมัยก่อนประวัติศาสตร์ต่อเนื่องจนถึงสมัยรัตนโกสินทร์ช่วงสมัยรัชกาลที่ ๕ เพื่อประโยชน์ในการศึกษาเปรียบเทียบ นอกจากนั้นยังจัดสถานที่ส่วนหนึ่งสำหรับนิทรรศการชั่วคราวในโอกาสต่าง ๆ ด้วย หากใครเคยชมละครย้อนยุคเรื่องวนิดา ต้องไม่พลาดแวะเที่ยวชม ตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร เป็นตึกสองชั้นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป สมัยเรอเนสซองส์ อยู่ภายในพื้นที่โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ถนนปราจีนอนุสรณ์ ไปตามเส้นทางหลวงหมายเลข ๓๐๖๙ ห่างจากตัวเมืองประมาณ ๒.๕ กิโลเมตร ปัจจุบันเป็น พิพิธภัณฑ์การแพทย์แผนไทยอภัยภูเบศร เป็นที่รวบรวมจัดแสดงตำราไทย สมุดข่อย หนังสือและตำรายา หินบดยาในอดีตสมัยทวารวดี สมุนไพรไทย การแพทย์แผนไทย การแพทย์พื้นบ้านของจังหวัดปราจีนบุรี อีกทั้งยังเป็นแหล่งการศึกษา ค้นคว้า วิจัยและเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับวิถีชีวิตของคนท้องถิ่น ที่เกี่ยวข้องกับสมุนไพรและการแพทย์ของท้องถิ่น ประวัติตึกเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ตำนานหมอหลวง การแพทย์แผนไทย แพทย์พื้นบ้านและตัวอย่างเครื่องมือเครื่องใช้ทางการแพทย์แผนไทย เช่น ตู้ยา หินฝนยา หินชนวน มีดหมอ สำหรับ โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร ซึ่งอยู่ใกล้เคียงเป็นโรงพยาบาลนำร่องเรื่องการแพทย์แผนไทย ผลงาน “โครงการทัวร์สุขภาพโรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร” ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวครั้งที่ ๔ ประจำปี ๒๕๔๖ รางวัลดีเด่นประเภทโครงการส่งเสริมและพัฒนาการท่องเที่ยว โดยใช้สมุนไพรบำบัดยารักษาโรค มีการนวด อบ ประคบและฝังเข็ม แปรรูปสมุนไพรไทยเป็นเวชภัณฑ์และเครื่องสำอาง และยังมีร้านจำหน่ายผลิตภัณฑ์จากสมุนไพรในราคาย่อมเยาชั้นล่างของโรงพยาบาล เปิดทุกวัน ดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.abhaiherb.com หลังจากไหว้พระ ชมศิลปวัฒนธรรมแล้ว ก็ออกเดินทางมุ่งหน้าสู่อุทยานแห่งชาติทับลาน ตั้งอยู่ในอำเภอนาดี อุทยานนี้ เป็นอุทยานแห่งชาติที่มีเนื้อที่ใหญ่เป็นอันดับสองของประเทศ และมีพื้นที่ครอบคลุม 2 จังหวัด ได้แก่ นครราชสีมาและปราจีนบุรี บริเวณที่ทำการอุทยานฯ เป็นป่าลานที่ขึ้นเองตามธรรมชาติแห่งสุดท้ายของประเทศไทย มีต้นตาลเป็นพันธุ์ไม้ดึกดำบรรพ์ใบใหญ่เป็นรูปพัดคล้ายใบลาน จะออกดอกเมื่อต้นมีอายุ ๒๐ ปีขึ้นไป ช่วงฤดูออกดอกในราวเดือนเมษายนถึงเดือนมิถุนายน ดอกมีสีเหลืองสดสวยงามมาก หลังออกดอกแล้วต้นลานนั้นจะตายไป อุทยานแห่งชาติทับลานมีน้ำตกต่างๆ ให้แวะชม เช่น น้ำตกทับลานหรือน้ำตกเหวนกกก อยู่ห่างจากบ้านทับลานประมาณ ๗ กิโลเมตร เดินเท้าอีกประมาณ ๑ กิโลเมตร จึงจะถึงตัวน้ำตก เป็นน้ำตกขนาดใหญ่ที่สวยงาม มีความสูง ๒๐ เมตร มีน้ำไหลเฉพาะในช่วงฤดูฝนเท่านั้น หรือจะแวะอ่างเก็บน้ำทับลาน อยู่ห่างจากบ้านทับลานประมาณ ๑ กิโลเมตร เป็นอ่างเก็บน้ำที่สวยงามล้อมรอบไปด้วยภูเขา อากาศเย็นสบายเหมาะแก่การพักผ่อนหย่อนใจในวันสบายๆ

ปราจีนบุรี อ่านเพิ่มเติม

บุญบั้งไฟ ยโสธร…สีสันมันส์สุด

เที่ยวงานบุญบั้งไฟ สีสันมันส์สุดที่ยโสธร ยังนึกถึงปีที่แล้วที่เราและแก๊งค์เพื่อนไปรอชมขบวนแห่กันถึงขอบถนนแบบริงไซด์ นอกจากการตกแต่งขบวนบั้งไฟที่งัดเอาไอเดียสุดบรรเจิดมาตกแต่งบั้งไฟแล้ว ผู้เข้าร่วมขบวนแห่ก็ต้องจัดเต็มไม่แพ้กัน ทั้งนางรำ คนถือป้าย ขบวนวงดนตรีที่เล่นเพลงเซิ้งแบบมันหยด สร้างบรรยายกาศงานได้ม่วนคัก ทั้งชาวยโสธร นักท่องเที่ยว ผู้เฒ่าผู้แก่ก็ต้องขอเซิ้งกันลืมแก่ ขนาดคนหนุ่มสาวอย่างพวกเรายังต้องยอมแพ้กันเลยล่ะ ขบวนแห่บั้งไฟ และวันต่อมาจะเป็นไฮไลท์คือการแข่งจุดบั้งไฟ ใครขึ้นสูงและนานที่สุดชนะ นี่ก็ลุ้นกันตัวโก่งเพราะมันเป็นศึกแห่งศักดิ์ศรี ฮาๆๆ แต่ไม่เป็นไร ใครแพ้ปีนี้ ปีหน้าก็มาแข่งกันใหม่ บั้งไฟนี้ถือว่าเป็นเทคโนโลยีการทำจรวดของไทยเลยนะ แต่วัตถุประสงค์ดั้งเดิมจริง ๆ เค้าจุดขึ้นเพื่อบูชาพญาแถนเทพที่ดูแลให้ฝนตกตามฤดูกาล จะจัดขึ้นในช่วงก่อนเข้าฤดูฝนตามตำนานความเชื่อของชาวอีสาน เรียกว่ามางานเดียวจะได้สัมผัสทั้งความสนุก วัฒนธรรม ความเชื่อ วิถีชีวิตจิตวิญญาณของชาวอีสานอย่างแท้ทรู ถ้าอยากลองสัมผัสบรรยากาศม่วนซื่นที่บรรยายเท่าไหร่ก็คงไม่เหมือนได้ไปเที่ยวเอง และถ้าใครเบื่อที่เที่ยวเดิมๆ ลองออกไปสัมผัสวิถีชีวิตผู้คนแบบได้อารมณ์ความมันส์ของงานประเพณีพื้นบ้านชาวอีสาน เตรียมตัวกันให้พร้อม ปีนี้เค้าจัดกันในวันที่ 12-13 พฤษภาคม 2561 ที่สวนสาธารณะพญาแถน ในอำเภอเมืองยโสธร วันเสาร์จะเป็นการประกวดขบวนแห่บั้งไฟ ส่วนวันอาทิตย์เป็นการแข่งจุดบั้งไฟ 

บุญบั้งไฟ ยโสธร…สีสันมันส์สุด อ่านเพิ่มเติม

ป่าโมก

“เที่ยวหลากหลายที่จังหวัดอ่างทอง” มีหลายจังหวัดที่คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นเพียงจังหวัดผ่านทาง โดยไม่รู้ว่าทุกที่มีอะไรน่าสนใจมากมายกว่าที่คิด โดยเฉพาะการเข้าไปเที่ยวและมีผู้รู้ในท้องถิ่น บอกเล่าเรื่องราวของสถานที่นั้น ๆ ทำให้การท่องเที่ยวแต่ละครั้งคุ้มค่าและประทับใจ จดจำ เช่นที่จังหวัดอ่างทอง ซึ่งมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายที่น่าสนใจ และไม่ควรพลาดสามารถเที่ยวกันแบบสบาย ๆ ไม่วุ่นวายเร่งร้อน จะนำไปรู้จักอำเภอป่าโมก ซึ่งเป็น สถานที่ผลิตตุ๊กตาชาววังด้วยฝีมือชาวท้องถิ่นของอำเภอนี้ …เที่ยวอำเภอป่าโมก ที่บ้านบางเสด็จ เดิมชื่อบ้านวัดตาล และมีการเปลี่ยนชื่อตำบลจากการที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่ตำบลนี้ …เริ่มต้นการเที่ยวกันที่ วัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดสมัยอยุธยา และบริเวณนี้เป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ และสมเด็จพระเอกาทศรถพระอนุชา มีพลับพลาที่ประทับกลางสระน้ำ พระเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ และจัดแสดงโบราณวัตถุ นอกจากนี้ พระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โปรดเกล้าฯ ให้จิตรกรส่วนพระองค์และนักเรียนในโครงการศิลปาชีพเขียนขึ้นเป็นเรื่องพระมหาชนก รวมทั้งมีภาพฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทรงวาดภาพผลมะม่วงไว้ด้วย …เที่ยวอำเภอป่าโมก ที่บ้านบางเสด็จ เดิมชื่อบ้านวัดตาล และมีการเปลี่ยนชื่อตำบลจากการที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่ตำบลนี้ …เริ่มต้นการเที่ยวกันที่ วัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดสมัยอยุธยา และบริเวณนี้เป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ และสมเด็จพระเอกาทศรถพระอนุชา มีพลับพลาที่ประทับกลางสระน้ำ พระเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ และจัดแสดงโบราณวัตถุ นอกจากนี้ พระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โปรดเกล้าฯ ให้จิตรกรส่วนพระองค์และนักเรียนในโครงการศิลปาชีพเขียนขึ้นเป็นเรื่องพระมหาชนก รวมทั้งมีภาพฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทรงวาดภาพผลมะม่วงไว้ด้วย …เที่ยวอำเภอป่าโมก ที่บ้านบางเสด็จ เดิมชื่อบ้านวัดตาล และมีการเปลี่ยนชื่อตำบลจากการที่ พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาที่ตำบลนี้ …เริ่มต้นการเที่ยวกันที่ วัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ อยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นวัดสมัยอยุธยา และบริเวณนี้เป็นเส้นทางเดินทัพของสมเด็จพระนเรศวรมหาราช จึงมีพระบรมราชานุสาวรีย์ของพระองค์ และสมเด็จพระเอกาทศรถพระอนุชา มีพลับพลาที่ประทับกลางสระน้ำ พระเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูปโบราณ และจัดแสดงโบราณวัตถุ นอกจากนี้ พระอุโบสถ มีภาพจิตรกรรมฝาผนัง ซึ่งสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ทรงเป็นองค์อุปถัมภ์โปรดเกล้าฯ ให้จิตรกรส่วนพระองค์และนักเรียนในโครงการศิลปาชีพเขียนขึ้นเป็นเรื่องพระมหาชนก รวมทั้งมีภาพฝีพระหัตถ์ของพระองค์ทรงวาดภาพผลมะม่วงไว้ด้วย “ตุ๊กตาชาววังบางเสด็จ”…เดิมการปั้นตุ๊กตาชาววังเกิดขึ้นช่วงปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โดยกลุ่มข้าหลวงชาววังปั้นตุ๊กตาเล่นกัน เมื่อข้าหลวงบางรายออกจากวังมามีครอบครัว จึงริเริ่มทำขาย…ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ อยู่ด้านหลังวัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ ศูนย์แห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์นี้ขึ้นเพื่อให้เป็นรายได้เสริมแก่ชาวบ้านในถิ่นนี้ ศูนย์ตุ๊กตาชาววังฯ อยู่ในอาคารไม้ทรงไทยสวยงาม ขื่อ คุ้มสุวรรณภูมิ ภายในจัดแสดงนิทรรศการและสาธิตการปั้นตุ๊กตาชาววังจากดินเหนียว เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ ตุ๊กตาชาววังเหล่านี้ถูกปั้นในลักษณะราวบอกเล่าถึงวิถีวัฒนธรรมประเพณีไทย มีสีสันสดใส เช่น การละเล่นของเด็กไทย วงมโหรีปี่พาทย์ สุภาษิตคำพังเพย จำหน่ายในราคาย่อมเยา ตุ๊กตาชาววังที่นี่เป็นสินค้า OTOP ของจังหวัดอ่างทอง และเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่ส่งขายทั่วโลก …ศูนย์ตุ๊กตาชาววังฯ เปิดทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. นอกจากภายในศูนย์ สามารถเดินเที่ยวชมการปั้นตุ๊กตาได้ที่บ้านชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง “ตุ๊กตาชาววังบางเสด็จ”…เดิมการปั้นตุ๊กตาชาววังเกิดขึ้นช่วงปลายสมัยพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๕ โดยกลุ่มข้าหลวงชาววังปั้นตุ๊กตาเล่นกัน เมื่อข้าหลวงบางรายออกจากวังมามีครอบครัว จึงริเริ่มทำขาย…ศูนย์ตุ๊กตาชาววังบ้านบางเสด็จ อยู่ด้านหลังวัดท่าสุทธาวาส ตำบลบ้านบางเสด็จ ศูนย์แห่งนี้เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช รัชกาลที่ ๙ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ เสด็จพระราชดำเนินมาพระราชทานความช่วยเหลือราษฎรที่ประสบอุทกภัย เมื่อปี พ.ศ. ๒๕๑๘ และสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์พระบรมราชินีนาถ ทรงมีพระราชดำริให้จัดตั้งศูนย์นี้ขึ้นเพื่อให้เป็นรายได้เสริมแก่ชาวบ้านในถิ่นนี้ ศูนย์ตุ๊กตาชาววังฯ อยู่ในอาคารไม้ทรงไทยสวยงาม ขื่อ คุ้มสุวรรณภูมิ ภายในจัดแสดงนิทรรศการและสาธิตการปั้นตุ๊กตาชาววังจากดินเหนียว เป็นแหล่งเรียนรู้เชิงสร้างสรรค์ ตุ๊กตาชาววังเหล่านี้ถูกปั้นในลักษณะราวบอกเล่าถึงวิถีวัฒนธรรมประเพณีไทย มีสีสันสดใส เช่น การละเล่นของเด็กไทย วงมโหรีปี่พาทย์ สุภาษิตคำพังเพย จำหน่ายในราคาย่อมเยา ตุ๊กตาชาววังที่นี่เป็นสินค้า OTOP ของจังหวัดอ่างทอง และเป็นงานศิลปหัตถกรรมที่ส่งขายทั่วโลก …ศูนย์ตุ๊กตาชาววังฯ เปิดทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น. นอกจากภายในศูนย์ สามารถเดินเที่ยวชมการปั้นตุ๊กตาได้ที่บ้านชาวบ้านบริเวณใกล้เคียง

ป่าโมก อ่านเพิ่มเติม

งานเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน ครั้งที่ 13

หนังใหญ่วัดขนอน ราชบุรี กลุ่มผู้สานต่อลมหายใจ การแสดงหนังใหญ่ที่วัดขนอน ร่วมกันสืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมการแสดงหนังใหญ่ โดยนักแสดงผู้เชิด ผู้เขียนบท ผู้พากย์บท และนักดนตรีไทยทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนวัดขนอน ซึ่งมีรุ่นพี่และคุณครูผู้ฝึกสอนเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาและร่วมแสดงด้วย ปัจจุบันวัดขนอนมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาตัวหนังใหญ่ไว้อยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งหมดยังคงอยู่ในสภาพดี ถึงแม้ว่าแต่ละตัวจะมีอายุกว่า 100 ปีแล้วก็ตาม พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่แห่งนี้เป็นโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเห็นคุณค่าในการแสดงศิลปะหนังใหญ่ โดยทรงมีพระราชดำริให้ทางวัดช่วยกันอนุรักษ์ตัวหนังใหญ่ และสืบทอดมรดกเหล่านี้เอาไว้ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-17.00 น. หนังใหญ่เป็นศิลปะการแสดงโดยใช้ตัวหนังขนาดใหญ่ที่ทำมาจากหนังวัวหรือหนังควายดิบตากแห้ง จากนั้นนำไปขึงลงในกรอบให้ตึง แล้วฉลุแผ่นหนังเป็นรูปตัวละครต่างๆ มีไม้ผูกทาบตัวหนังไว้ทั้งสองข้าง เพื่อทำให้ตัวหนังตั้งตรงไม่งอ และทำเป็นด้ามจับสำหรับเชิดในการแสดง ฉากหลังใช้ผ้าขาวคาดเป็นจอ ส่วนด้านหลังจอจะก่อกองไฟไว้ แสงจากกองไฟด้านหลังจะส่องผ่านตัวหนังทำให้เห็นลวดลายที่ฉลุเป็นตัวละครต่างๆ ส่วนคนเชิดจะรำและทำท่าทางประกอบกับอารมณ์ของตัวละครในแต่ละฉาก ตามจังหวะดนตรีและบทพากย์ หนังใหญ่เป็นการแสดงที่รวบรวมศิลปะไว้ด้วยกันถึง 5 ประเภท คือ 1. ด้านหัตถศิลป์ การแกะตัวหนังที่ผู้แกะต้องฝึกฝนจนชำนาญในการแกะลายบนแผ่นหนังเป็นตัวละครและฉากต่างๆได้อย่างเหมาะสม 2. ด้านนาฏศิลป์ ผู้เชิดเปรียบเหมือนกับผู้สร้างชีวิตให้กับตัวหนัง ทักษะด้านนาฏศิลป์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เชิดต้องรู้จักดนตรีไทยและผ่านการฝึกฝนท่าทางในการเดิน การเต้น การโยกตัว การเชิดตัวหนังให้เข้ากับจังหวะของดนตรีและเรื่องราวตามบทพากย์ เพื่อเร้าอารมณ์ผู้ชมให้คล้อยตามไปกับการแสดงในแต่ละฉาก 3. ด้านวรรณศิลป์ เป็นบทพากย์ประกอบการแสดง โดยบทพากย์จะมีทั้งในส่วนที่เป็นบทเล่าเรื่อง บทพูดของตัวละครแต่ละตัว และบทสนทนาในแต่ละฉาก 4. ด้านวาทศิลป์ คือน้ำเสียงของผู้พากย์ ที่จะแสดงถึงอารมณ์ของตัวละครในแต่ละฉาก น้ำเสียงของผู้พากย์จะสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี 5. ด้านดุริยางคศิลป์ คือดนตรีประกอบการแสดง  หนังใหญ่ถือเป็นต้นแบบของการแสดงโขน ซึ่งการแสดงโขนได้การพากย์ การขับร้อง และการรำมาจากหนังใหญ่ แต่โขนจะพัฒนาให้คนแสดงแต่งตัวใส่ชุด ใส่หัวโขนเป็นตัวละครต่างๆ และเพิ่มฉากการต่อสู้โดยใช้ศิลปะการต่อสู้แบบกระบี่กระบองเข้ามาประกอบการแสดงด้วย ในส่วนของการแสดงเชิดหนังใหญ่ ทางวัดจะจัดแสดงทุกวันเสาร์ เวลา 10.00-11.00 น.

งานเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน ครั้งที่ 13 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top