สถานที่ท่องเที่ยว

เส้นทางท่องเที่ยวนครราชสีมา 2 วัน 1 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวนครราชสีมา 2 วัน 1 คืน . จังหวัดนครราชสีมา จังหวัดที่ใหญ่ที่สุดของประเทศไทย ที่นี่เป็นจุดหมายในการท่องเที่ยวของใครหลาย ๆ คน เพราะมีสถานที่ท่องเที่ยวหลากหลายสไตล์ เหมาะกับนักท่องเที่ยวทุกเพศทุกวัย . ทริปนี้แอดจะพาเที่ยวเมืองโคราชแบบรวบรัด 2 วัน 1 คืน ถึงจะเป็นทริปสั้น ๆ แต่รับรองว่าเพื่อน ๆ จะต้องอิ่มอกอิ่มใจแน่นอน . ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ . สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม Call Center 1672 IG : 1672travelbuddy Twitter : tat1672 Line : @tatcontactcenter WeChat : VisitThailand …………………………………………………………………………………………………… วันที่ 1– อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี– วัดศาลาลอย– จุดชมวิวกังหันลม โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา– วัดป่าภูหายหลง วันที่ 2– สวนกุหลาบกลางพนา– อุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ ………………………………………………………………………………………………….. วันที่ 1 อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2477 เพื่อเป็นอนุสรณ์ในวีรกรรมอันกล้าหาญของ “ย่าโม” อนุสาวรีย์ตั้งอยู่บนฐานสูง เหนือขึ้นไปเป็นประติมากรรมย่าโมในท่ายืน แต่งกายด้วยเครื่องยศพระราชทาน มือขวาถือดาบ ปลายจรดลงพื้น หล่อด้วยทองแดงรมดำ หันหน้าไปทางทิศตะวันตกซึ่งเป็นที่ตั้งของกรุงเทพมหานคร ท้าวสุรนารีมีนามเดิมว่า คุณหญิงโม เป็นภรรยาปลัดเมืองนครราชสีมา เมื่อ พ.ศ. 2369 เจ้าอนุวงศ์แห่งเวียงจันทน์ยกทัพเข้ายึดเมืองโคราช และกวาดต้อนผู้คนรวมถึงคุณหญิงโมไปด้วย คุณหญิงโมได้คิดอุบายหาทางช่วยเหลือชาวบ้านโดยถ่วงเวลารอให้กำลังมาสมทบ จากนั้นจึงได้ช่วยกันต่อสู้จนกองทัพแตกพ่ายและเลิกทัพกลับเวียงจันทน์ในที่สุด พระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัวจึงทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ สถาปนาคุณหญิงโมเป็น “ท้าวสุรนารี” …………………………………….. ด้านหลังอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีเป็นที่ตั้งของประตูชุมพล ซึ่งเป็นประตูเมืองที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เพื่อป้องกันการรุกรานของข้าศึก มีลักษณะเป็นประตูทรงไทย ศิลปะอยุธยา หลังคามุงด้วยกระเบื้องดินเผา เดิมประตูเมืองมีทั้งหมด 4 ประตู แต่ปัจจุบันเหลือประตูชุมพลเพียงแห่งเดียวที่ยังคงมีสภาพสมบูรณ์ ชาวโคราชเชื่อว่า หากลอดประตูชุมพล 1 ครั้ง จะได้กลับมาโคราชอีก ถ้าลอด 2 ครั้งจะได้ทำงานหรืออาศัยอยู่ที่โคราช แต่ถ้าลอดถึง 3 ครั้งจะได้แฟนเป็นคนโคราช.อนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีที่ตั้ง : ถ.ราชดำเนิน ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมาพิกัด : https://goo.gl/maps/K73AC538o2ow4eH19 …………………………………….. วัดศาลาลอย วัดแห่งนี้สร้างขึ้นราว พ.ศ. 2370 โดยท้าวสุรนารีและพระยาสุริยเดช ปลัดเมืองนครราชสีมา สามีของท่าน ชื่อวัดศาลาลอยนั้นมีที่มา… หลังจากรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ที่ทุ่งสัมฤทธิ์แล้ว ท้าวสุรนารีก็ยกทัพกลับเมืองนครราชสีมา ระหว่างที่แวะพักบริเวณท่าตะโก ท่านได้สั่งให้ทหารทำแพเป็นรูปศาลาลอยไปตามลำตะคอง เพื่อเสี่ยงทาย โดยตั้งจิตอธิษฐานว่า ถ้าแพรูปศาลานี้ลอยไปติดที่ไหน ก็จะสร้างวัดไว้เป็นอนุสรณ์ที่นั่น ปรากฎว่าแพลอยไปติด ณ ริมฝั่งขวาของลำตะคอง ซึ่งเป็นที่ตั้งของวัดศาลาลอยในปัจจุบัน …………………………………….. ภายในวัดมีสถานที่ที่น่าสนใจหลายแห่ง เช่น อุโบสถหลังเก่า อุโบสถหลังใหม่ และเจดีย์บรรจุอัฐิของย่าโม.อุโบสถหลังเก่า เป็นอุโบสถขนาดเล็ก ไม่มีการเจาะช่องหน้าต่าง และมีประตูเข้า-ออกทางด้านหน้าเพียงด้านเดียว หรือที่เรียกว่า ‘โบสถ์มหาอุด’ ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปปางมารวิชัยศิลปะล้านช้าง ที่ท้าวสุรนารีได้สร้างไว้เพื่อเป็นอนุสรณ์ในการรบชนะเจ้าอนุวงศ์ …………………………………….. อุโบสถหลังใหม่สร้างใน พ.ศ. 2510 ผลงานการออกแบบของ รศ. ดร.วิโรฒ ศรีสุโร เป็นศิลปะไทยประยุกต์ ที่ออกแบบเป็นรูปสำเภา และใช้กระเบื้องดินเผา ของดีจากตำบลด่านเกวียนมาประดับตกแต่ง อุโบสถหลังนี้ได้รับรางวัลดีเด่นแนวบุกเบิกอาคารทางศาสนา จากสมาคมสถาปนิกสยามในพระบรมราชูปถัมภ์ และรางวัลจากมูลนิธิเสฐียรโกเศศและนาคะประทีป ในปี พ.ศ. 2516 …………………………………….. ภายในประดิษฐานพระประธานนามว่า “พระพุทธประพัฒน์สุนทรธรรมพิศาล ศาลาลอยพิมาลวรสันติสุขมุนินทร์” เป็นพระพุทธรูปปูนปั้นสีขาวปางห้ามสมุทร …………………………………….. บริเวณหน้าอุโบสถหลังเก่ามีเจดีย์บรรจุอัฐิของย่าโม และอนุสาวรีย์ย่าโมที่จำลองมาจากของจริงที่บริเวณลานย่าโมด้วย.วัดศาลาลอยที่ตั้ง : ซอยท้าวสุระ 3 ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา จ.นครราชสีมาพิกัด : https://goo.gl/maps/8ovrHAT8AFYPxnrD6 …………………………………….. จุดชมวิวกังหันลม โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา อ่างพักน้ำตอนบน โรงไฟฟ้าลำตะคองชลภาวัฒนา ตั้งอยู่บนเขายายเที่ยง เป็นโรงไฟฟ้าใต้ดินแห่งแรกและแห่งเดียวของประเทศไทย …………………………………….. ไฮไลท์ของที่นี่คือ การปั่นจักรยานไปตามถนนรอบ อ่างพักน้ำเพื่อชมวิวเขื่อนลำตะคองและกังหันลมยักษ์ โดยสามารถเช่าจักรยานได้ที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ราคาชั่วโมงละ 40 บาท …………………………………….. ถ้าใครไม่ปั่นจักรยาน ก็สามารถเดินชมวิวไปเรื่อยๆ ได้ แอดแนะนำให้มาเที่ยวช่วงเช้าหรือบ่ายแก่ๆ เพราะแดดจะไม่ร้อนมากเท่าไหร่ …………………………………….. นอกจากนี้ บริเวณอ่างเก็บน้ำยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธสิริสัตตราช หรือหลวงพ่อเจ็ดกษัตริย์ พระพุทธรูปนาคปรกปางสมาธิ ซึ่งชาวบ้านเชื่อกันว่าสามารถบันดาลให้ฝนตกตามฤดูกาลได้.ที่ตั้ง : ต.คลองไผ่ อ.สีคิ้ว จ.นครราชสีมาเปิดทุกวัน เวลา 06.00-19.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/EcXiDwNUbYPCpFZz8โทร. 084 829 2365, 093 121 0208 …………………………………….. จากจุดชมวิวกังหันลม เราเดินทางต่อไปยังอำเภอปากช่อง ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมง.ที่สุดท้ายของวันแรก เราจะไปเที่ยวกันที่ วัดป่าภูหายหลง วัดป่าภูหายหลงตั้งอยู่บนภูเขาสูงท่ามกลางธรรมชาติอันเงียบสงบ ด้านบนยอดเขาเป็นที่ตั้งของอุโบสถ และเป็นจุดชมวิวที่สามารถชมวิวอำเภอปากช่องได้แบบ 360 องศา …………………………………….. ทิวทัศน์จากด้านบนเขา ชื่อวัดป่าภูหายหลง เป็นชื่อที่พระอาจารย์ประพันธ์ อนาวิโล อดีตเจ้าอาวาสเป็นผู้ตั้งขึ้น ซึ่งมีความหมายว่า ดินแดนแห่งความหลุดพ้นจากความหลงทั้งปวง.ที่ตั้ง : หมู่ 11 บ้านซับสำราญ ต.วังกะทะ อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมาเปิดทุกวัน เวลา 05.30-17.00 น.พิกัด

เส้นทางท่องเที่ยวนครราชสีมา 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

บาราย…บ่อน้ำโบราณคู่ปราสาทขอม

บาราย…บ่อน้ำโบราณคู่ปราสาทขอม.เคยสังเกตกันไหม เวลาไปเที่ยวตามปราสาทหินต่าง ๆ เรามักจะเห็นบ่อน้ำหรือสระน้ำลักษณะสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่เรียกว่า “บาราย” อยู่ด้วยเสมอ ซึ่งปราสาทหินและบารายที่เป็นศิลปะแบบขอมนี้ พบเห็นได้มากในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทยและประเทศกัมพูชา ผู้ที่สนใจศิลปะขอมอาจรู้คำตอบอยู่แล้วว่า บารายเหล่านี้มีบทบาทอย่างไร แต่สำหรับผู้ที่ยังสงสัยอยู่นั้น แอดมีข้อสรุปบทบาทและประโยชน์ของบารายสั้น ๆ พอเป็นเกร็ดความรู้ให้เพื่อน ๆ ได้พินิจปราสาทหินได้สนุกขึ้นมาฝาก 1.เรื่องคติความเชื่อบารายแต่ละแห่งอาจจะมีขนาดที่แตกต่างกัน แต่ทุกแห่งล้วนสัมพันธ์กับเรื่องคติความเชื่อ จากมุมมองความเชื่อในวัฒนธรรมเขมร สันนิษฐานว่า “บาราย” เป็นตัวแทนแห่งมหาสมุทร หรือทะเลสีทันดรที่ล้อมรอบแกนกลางของจักรวาล คือ เขาพระสุเมรุ 2.เรื่องการป้องกันน้ำท่วมบารายบางแห่งถูกสร้างเพื่อใช้ป้องกันน้ำท่วมในตัวเมือง และท่วมพื้นที่ทำนาในช่วงฤดูฝน โดยใช้บารายเป็นที่พักน้ำ จากนั้นค่อย ๆ ปล่อยสู่ทะเลสาบ 3.เรื่องการเพาะปลูกชุมชนโบราณส่วนใหญ่จะมีอาชีพเพาะปลูก ดังนั้นการสร้างบารายเพื่อกักเก็บน้ำไว้ใช้เพาะปลูกจึงจำเป็นอย่างมาก พื้นที่ในภาคตะวันออกเฉียงเหนือบางแห่งก็ยังแสดงให้เห็นว่าบารายได้ถูกนำมาใช้จริง เนื่องจากมีการวางแปลงนาเป็นตารางเชื่อมกับบาราย ตัวอย่างเช่นบารายเมืองต่ำ จังหวัดบุรีรัมย์ 4.เรื่องการอุปโภคบริโภคสันนิษฐานว่ามีการนำน้ำในบารายไปใช้เพื่อการอุปโภคบริโภค โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูแล้ง เนื่องจากพื้นที่บางแห่งไม่มีแหล่งน้ำ บารายหลายแห่งจึงถูกนำมาใช้สำรองน้ำไว้ใช้ในยามจำเป็น. ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ.สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมCall Center 1672IG : 1672travelbuddyTwitter : tat1672Line : @tatcontactcenterWeChat : VisitThailand

บาราย…บ่อน้ำโบราณคู่ปราสาทขอม อ่านเพิ่มเติม

#ภาพเก่าเล่าเรื่อง การโล้ชิงช้าของชาวอาข่า จังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2505

#ภาพเก่าเล่าเรื่อง การโล้ชิงช้าของชาวอาข่า จังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2505.โล้ชิงช้า เป็นประเพณีเก่าแก่ของชาวอาข่าซึ่งเป็นชาวไทยภูเขาที่อาศัยอยู่บนดอยในจังหวัดเชียงราย ที่สืบทอดมานานกว่า 2,700 ปี.ประเพณีนี้จัดขึ้นในช่วงที่ผลผลิตทางการเกษตรกำลังเติบโตงอกงาม เพื่อเป็นการฉลองความอุดมสมบูรณ์ของพืชพรรณที่พร้อมสำหรับการเก็บเกี่ยวไว้บริโภค.ในประเพณีนี้ผู้หญิงชาวอาข่าจะแต่งกายด้วยเสื้อผ้าสีสันสวยงามและสวมใส่เครื่องประดับต่างๆ ในปัจจุบันเราสามารถชมประเพณีโล้ชิงช้าได้ที่หมู่บ้านผาหมี อำเภอแม่สาย และดอยแม่สลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง โดยงานจะจัดขึ้นในช่วงปลายเดือนสิงหาคมถึงต้นเดือนกันยายนของทุกปี.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม – 081 952 2179 สมาคมอาข่า– 053 717 433 ททท. สำนักงานเชียงราย

#ภาพเก่าเล่าเรื่อง การโล้ชิงช้าของชาวอาข่า จังหวัดเชียงราย พ.ศ. 2505 อ่านเพิ่มเติม

นั่งเรือโต้ลม ชมถ้ำ ณ เขาขนาบน้ำ

เวลานึกถึงจังหวัดกระบี่ เชื่อว่าทุกคนเป็นต้องนึกถึงภาพทะเลสวย ๆ อย่างเกาะพีพี อ่าวมาหยา อ่าวไร่เลย์ขึ้นมาแน่ ๆ แต่คราวนี้แอดไม่ได้ชวนเที่ยวทะเลหรอกนะ เพราะแอดจะขอเปลี่ยนบรรยากาศด้วยการพาไปเที่ยวถ้ำ แถมยังเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ถือเป็นสัญลักษณ์ของเมืองกระบี่อีกด้วย นั่นคือ “เขาขนาบน้ำ” . ใครที่ยังไม่ทราบว่า เขาขนาบน้ำคืออะไร มีอะไรน่าสนใจ มาค่ะ ตามแอดมา . ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ . สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติม Call Center 1672 IG : 1672travelbuddy Twitter : tat1672 Line : @tatcontactcenter WeChat : VisitThailand ……………………………………………………………………………………………………………… เขาขนาบน้ำ คือ เขาสองลูกที่อยู่ใกล้กันมาก บริเวณระหว่างช่องเขาถูกคั่นด้วยแม่น้ำ ทำให้ดูราวกับว่าเขาทั้งสองกำลังขนาบแม่น้ำแห่งนี้อยู่ นี่จึงเป็นที่มาของชื่อ “เขาขนาบน้ำ” ………………………………………………………………………………………… การเดินทางไปชมธรรมชาติโดยรอบของเขาขนาบน้ำนั้น เราจะต้องนั่งเรือหัวโทงไป ค่าเรือลำละประมาณ 500 บาท (ราคาต่อรองกันได้) นั่งได้ 6-8 คน สามารถขึ้นได้ที่บริเวณลานปูดำ แอดแนะนำว่าให้ไปช่วงเย็นๆ นะคะ อากาศจะได้ไม่ร้อนมาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15-20 นาทีเท่านั้น ระหว่างทาง นอกจากจะได้ชมธรรมชาติของป่าโกงกางที่สมบูรณ์แล้ว เรายังได้อมยิ้มกับเจ้าลิงตัวเล็กตัวน้อยที่พากันมาห้อยโหนโชว์ตัวอยู่ที่บริเวณริมตลิ่งอีกด้วย เมื่อนั่งเรือมาถึงบริเวณเขาขนาบน้ำ เรายังต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 5-10 นาที เพื่อไปชมความงามภายในถ้ำ โดยปกติแล้วเราจะต้องเสียค่าเข้าชมคนละ 30 บาท แต่เนื่องจากช่วงนี้มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ทางเขาขนาบน้ำจึงให้เข้าชมฟรีค่ะ (ชั่วคราว) เมื่อเดินเข้าไปชมภายในถ้ำ แอดเชื่อว่าทุกคนคงต้องสะดุดตากับโครงกระดูกมนุษย์ที่มีขนาดใหญ่นี้แน่นอน และคงสงสัยว่านี่ใช่ของจริงหรือไม่.สิ่งที่เพื่อน ๆ กำลังเห็นอยู่นี้คือ ผลงานศิลปะของศิลปินชาวไต้หวัน Tu Wei-Cheng ชื่อ Giant Ruins ที่สร้างสรรค์ขึ้นมาเพื่อแสดงในงาน Thailand Biennale กระบี่ 2018 ที่ผ่านมา โดยมีแรงบันดาลใจมาจากตำนานเมืองที่เล่าสืบกันมาว่า มีพญายักษ์กับพญานาคเปิดศึกชิงเจ้าหญิงโฉมงามจนตัวตาย และศพทั้งคู่ได้กลายเป็นเขาหิน 2 ลูกที่ตั้งหันหลังชนกัน.ศิลปินจับตำนานนี้มาสร้างงานศิลปะ จำลองโครงกระดูกมนุษย์มีเขี้ยว ขนาดใหญ่กว่า 6.5 เมตร ถูกรัดด้วยโครงกระดูกงูยักษ์ บริเวณโดยรอบก็ยังจำลองเหมือนไซต์งานโบราณคดี จัดวางในถ้ำเขาขนาบน้ำ ซึ่งครั้งหนึ่งเคยขุดพบโครงกระดูกมนุษย์โบราณที่อาศัยอยู่ในถ้ำนี้จริง ๆ นับเป็นการเชื่อมโยงความเชื่อจากตำนานและเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ไว้ด้วยกัน ทำให้งานศิลปะนี้ทั้งน่าเชื่อและน่าเหลือเชื่อไปพร้อมกัน นอกจากจุดนี้ ยังมีการจัดแสดงอื่นๆ ที่น่าสนใจภายในถ้ำอีกมากมายที่รอเพื่อนๆ เข้าไปเยี่ยมชม หลังจากชมงานศิลปะ และความงามของหินงอกหินย้อยในถ้ำแล้ว เพื่อนๆ จะเห็นปล่องถ้ำขนาดใหญ่ ที่มีเชือกจัดเตรียมไว้ สำหรับคนที่ต้องการจะปีนขึ้นไปถ่ายรูปวิวพานอรามาที่บริเวณด้านบน แต่ขอบอกว่าทางค่อนข้างชันมาก ถ้ากำลังไม่ถึงไม่แนะนำให้ปีนเลย เพราะอาจเกิดอันตรายได้ค่ะ ถัดจากชมถ้ำ คุณลุงคนขับเรือก็พาเราไปแวะกระชังปลา เพื่อให้อาหารปลากันต่อค่ะ.แต่แอดแอบกลัวตอนให้อาหารปลานิดหน่อย เพราะว่าเจ้าปลาพวกนี้ตัวใหญ่มาก และจู่โจมงับเหยื่ออย่างรวดเร็ว ก็เลยทำให้เกิดอาการผวานิดหน่อย  ถึงตรงนี้ เพื่อนๆ คงรู้จักเขาขนาบน้ำกันขึ้นมาบ้างแล้ว ใครที่กำลังวางแพลนมาเที่ยวกระบี่ แอดขอชวนให้เติมเขาขนาบน้ำเข้าไปในลิสต์ด้วยอีกสักแห่งนะคะ

นั่งเรือโต้ลม ชมถ้ำ ณ เขาขนาบน้ำ อ่านเพิ่มเติม

รื่นรมย์บุรีรัมย์ 2 วัน 1 คืน

วันที่ 1– ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์– เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง– บุรีรัมย์ คาสเซิล– วัดป่าเขาน้อย.วันที่ 2– เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก– อุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง– ปราสาทหินเมืองต่ำ วันที่ 1ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์.เป็นศาลหลักเมืองที่มีความโดดเด่นมาก มองครั้งแรกก็รู้ว่าที่นี่คือบุรีรัมย์ เป็นการออกแบบจากกรมศิลปากรโดยนำปราสาทหินพนมรุ้งมาเป็นต้นแบบ เพื่อเชิดชูเอกลักษณ์ของจังหวัด ศาลหลักเมืองที่เราเห็นปัจจุบันเป็นหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมาทดแทนหลังเดิมที่ชำรุดทรุดโทรมไป ภายในประดิษฐานเสาหลักเมืองถึง 2 เสาด้วยกัน สันนิษฐานว่า เสาหลักเมืองต้นด้านหน้า (ต้นที่เอียง) เป็นเสาหลักเมืองต้นแรก ตั้งขึ้นเมื่อครั้งสร้างเมืองแปะ ราวสมัยกรุงธนบุรี ส่วนเสาหลักเมืองต้นด้านหลัง เป็นเสาหลักเมืองที่ตั้งขึ้นเมื่อครั้งถูกยกฐานะให้เป็นจังหวัดบุรีรัมย์ ในช่วงรัชกาลที่ 5 สมัยรัตนโกสินทร์.ทุกวัน จะมีชาวบุรีรัมย์และนักท่องเที่ยวต่างเมืองแวะเวียนมาสักการะบูชาศาลหลักเมืองกันอย่างต่อเนื่อง.ศาลหลักเมืองบุรีรัมย์ ที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/QsDwU59xTqhHyLXh8 เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง.จังหวัดบุรีรัมย์ มีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว 8 ลูก หนึ่งในนั้นคือ “ภูเขาไฟกระโดง” นี่แหละ.ภูเขาไฟกระโดง สูงจากระดับน้ำทะเล 265 เมตร เป็นภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว แต่ยังปรากฏปากปล่องภูเขาไฟที่เห็นได้ชัดเจน เป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีก ปัจจุบันมีสภาพเป็นแอ่งน้ำ.เดิมเขาลูกนี้ชื่อว่า “พนมกระดอง” คำว่า “พนม” เป็นภาษาเขมร แปลว่า ภูเขา ส่วน “กระดอง” ก็คือ กระดองเต่า รวมแล้วก็แปลว่า ภูเขาที่คล้ายกระดองเต่า หรือ ภูเขากระดอง และเพี้ยนเป็น ภูเขากระโดง ในเวลาต่อมา บนปากปล่องภูเขาไฟ มีสะพานชื่อว่า “สะพานแขวนลาวา” สามารถไปยืนถ่ายรูปสวย ๆ ด้านบน และยังสามารถชมปากปล่องภูเขาไฟได้อีกด้วย นอกจากนี้ บนภูเขาไฟกระโดงยังมีความน่าสนใจอื่น ๆอีก อันได้แก่ พระสุภัทรบพิตร ปราสาทเขากระโดง พระพุทธบาทจำลอง ฯลฯ รวมทั้งเป็นจุดชมวิวเมืองบุรีรัมย์ในมุมสูงที่สวยงามมาก ๆ จุดหนึ่งทีเดียว.ภูเขาไฟกระโดง สามารถขึ้นได้ 2 วิธีคือ โดยการเดินขึ้นบันได ที่เรียกว่า “บันไดนาคราช” จำนวน 297 ขั้น หรืออีกหนึ่งวิธีคือนำรถขึ้นไปจอดบริเวณจุดชมวิวด้านบนได้เลย.นอกจากนี้ ในทุกวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 5 ของทุกปี จะมีงานประเพณีขึ้นเขากระโดงอีกด้วย.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าภูเขาไฟกระโดง ที่ตั้ง : ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 044 637 349: https://goo.gl/maps/WeKzup9CEDeq51eG6 บุรีรัมย์ คาสเซิล.บุรีรัมย์ คาสเซิล เป็นแลนด์มาร์คแห่งใหม่ของจังหวัด ตั้งอยู่ระหว่าง สนามฟุตบอลช้างอารีนา และสนามแข่งรถช้าง อินเตอร์ เนชั่นแนล เซอร์กิต ภายในเป็นคอมมูนิตี้มอลล์ขนาดใหญ่ ออกแบบโดยอิงรูปแบบจากหมูบ้านที่ตั้งอยู่รายรอบปราสาทหินในอดีต กลางคอมมูนิตี้มอลล์ มีการสร้างปราสาทหินที่จำลองรูปแบบของปราสาทหินพนมรุ้งมาไว้ด้วย โดยในช่วงเย็นถึงค่ำ จะมีการเปิดไฟส่องสว่างรอบปราสาท สวยงามมากเลยล่ะ.บุรีรัมย์ คาสเซิลแบ่งพื้นที่ใช้สอยออกเป็นส่วนต่าง ๆ เช่น สวนสาธารณะ ร้านอาหาร ร้านจำหน่ายของที่ระลึก ฯลฯ รวมทั้งตลาดนัด “อินดี้ มาร์เก็ต” ที่เปิดให้ชิมและช้อปเฉพาะในวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.00-21.00 น..บุรีรัมย์ คาสเซิล ที่ตั้ง : ต.อิสาณ อ.เมือง จ.บุรีรัมย์ เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 10.00-21.00 น. ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 093 559 5588พิกัด : https://goo.gl/maps/WeKzup9CEDeq51eG6 วัดป่าเขาน้อย.วัดป่าเขาน้อย เป็นวัดป่ากรรมฐานสายหลวงปู่มั่น ภูริทัตโต พัฒนาขึ้นตามปณิธานของพระโพธิธรรมาจารย์เถร หรือหลวงปู่สุวัจน์ สุวโจ อดีตเจ้าอาวาสและวิปัสสนาจารย์ผู้เป็นที่เลื่อมใสของพุทธศาสนิกชน.เมื่อเข้ามาในบริเวณวัด สิ่งที่สะดุดตาที่สุดก็คือ พระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจนคุณานุสรณ์ เป็นเจดีย์ที่มีศิลปกรรมโดดเด่น งดงาม ใหญ่โต มีรูปทรงคล้ายปราสาทหิน ที่แสดงออกถึงศิลปวัฒนธรรมของอีสานใต้.ภายในพระบรมธาตุเจดีย์ศรีสุวจนคุณานุสรณ์ ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและอัฐิธาตุของหลวงปู่สุวัจน์.ในวันสำคัญทางศาสนา และในโอกาสสำคัญต่าง ๆ ประชาชน และผู้ที่มีจิตศรัทธานิยมเข้ามาบำเพ็ญวิปัสสนากรรมฐาน บำเพ็ญจิตตภาวนา ภายในวัดแห่งนี้อยู่เสมอ.วัดป่าเขาน้อย ที่ตั้ง : ต.เสม็ด อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/5N8MmZzicDB8sm4o6 วันที่ 2เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก เดิมเป็นแหล่งน้ำธรรมชาติ ต่อมาในปี พ.ศ. 2518 มีการทำคันกั้น จึงทำให้กลายเป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ จากสภาพพื้นที่ที่เป็นอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่ มีความร่มรื่นสมบูรณ์ ทำให้มีนกหลากหลายสายพันธุ์มาอาศัยอยู่ เช่น นกกระสา นกกระยาง เป็ดน้ำ ฯลฯ และที่สำคัญคือ ที่นี่ยังเป็นศูนย์อนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทยอีกด้วย.ในอดีตนกกระเรียนพันธุ์ไทยเคยสูญพันธุ์ไปจากธรรมชาติในประเทศไทย ต่อมาทางองค์การสวนสัตว์ ในพระบรมราชูปถัมภ์ กรมอุทยานแห่งชาติ สัตว์ป่า และพันธุ์พืช รวมถึงหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ได้ร่วมกันนำพ่อแม่นกกระเรียนพันธุ์ไทยที่หายาก มาเพาะในกรงเลี้ยง จากนั้นนำปล่อยสู่ธรรมชาติ โดยปล่อยครั้งแรกในปี พ.ศ. 2554 จนปัจจุบัน ได้ปล่อยนกคืนสู่ธรรมชาติแล้วนับร้อยตัว จากการเฝ้าติดตาม พบว่าบางส่วนของนกกระเรียนเหล่านี้สามารถใช้ชีวิตอยู่ในธรรมชาติได้ รวมทั้งพบว่ามีลูกนกกระเรียนเกิดในธรรมชาติมากกว่าสิบตัว อันเป็นสัญญาณดีที่แสดงให้เห็นว่า นกกระเรียนพันธุ์ไทยได้หวนคืนสู่ธรรมชาติอีกครั้งหลังจากที่เคยสูญพันธุ์ไปนานกว่า 50 ปีทีเดียว.ในบริเวณศูนย์อนุรักษ์นกกระเรียนพันธุ์ไทย จะมีจุดดูนก อุปกรณ์ดูนก และเอกสารข้อมูลเกี่ยวกับนกกระเรียนพันธุ์ไทยไว้ให้บริการ ซึ่งเวลาที่เหมาะกับการไปดูนกก็คือ 06.00 – 09.00 น. และ 15.00-18.00 น..นอกจากนี้ ในทุกวันจะมีผู้คนทั้งจากบุรีรัมย์และจังหวัดใกล้เคียง แวะเวียนมาปั่นจักรยาน เดิน วิ่ง ออกกำลังกาย นั่งเล่นพักผ่อนหย่อนใจภายในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มากอยู่เสมอ.เขตห้ามล่าสัตว์ป่าอ่างเก็บน้ำห้วยจระเข้มาก ที่ตั้ง : ต.บ้านบัว อ.เมือง จ.บุรีรัมย์เปิดให้บริการทุกวัน

รื่นรมย์บุรีรัมย์ 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม ปราสาทหินพิมาย

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จ.นครราชสีมา.อารยธรรมขอมเข้ามาในประเทศไทยตั้งแต่สมัยโบราณ และได้ทิ้งร่องรอยไว้หลายรูปแบบ หนึ่งในนั้นคือปราสาทหินในแถบอีสานใต้ ไม่ว่าจะเป็นที่จังหวัดนครราชสีมา บุรีรัมย์ สุรินทร์ และศรีสะเกษ .วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปย้อนรอยอารยธรรมขอมที่อุทยานประวัติศาสตร์พิมาย จังหวัดนครราชสีมา ที่นี่เพื่อน ๆ จะได้ดื่มด่ำกับประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจและความสวยงามของปราสาทหินอย่างแน่นอนค่ะ.ไปเที่ยวที่ไหนอย่าลืมสวมหน้ากากอนามัย และพกเจลล้างมือติดตัวไปด้วยนะ.สอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมCall Center 1672IG : 1672travelbuddyTwitter : tat1672Line : @tatcontactcenterWeChat : VisitThailand อุทยานประวัติศาสตร์พิมายที่ตั้ง : ต.ในเมือง อ.พิมาย จ.นครราชสีมาเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/YFFmQd7uDTA3m7e39โทร. 044 471 568.อุทยานประวัติศาสตร์พิมายมีโบราณสถานที่งดงาม นั่นก็คือ ปราสาทหินพิมาย ซึ่งเป็นปราสาทหินที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย คำว่า “พิมาย” น่าจะเป็นคำเดียวกันกับคำว่า “วิมายะ” ที่ปรากฎอยู่ในจารึกภาษาเขมรบนแผ่นหินกรอบประตูโคปุระระเบียงคดด้านหน้าของปราสาทหิน.ปราสาทหินพิมายเป็นพุทธสถานในลัทธิมหายานที่สร้างขึ้นในสมัยพระเจ้าสุริยวรมันที่ 1 หรือประมาณพุทธศตวรรษที่ 16 เรียกได้ว่าสร้างก่อนปราสาทนครวัดเสียอีก ตัวปราสาทมีรูปแบบศิลปกรรมขอมแบบบาปวน จึงเชื่อกันว่าหลังคาของปราสาทหินพิมายเป็นต้นแบบในการก่อสร้างปราสาทนครวัดนั้นเอง เมื่อเข้าไปในบริเวณปราสาทหิน จะพบกับพลับพลาเปลื้องเครื่องอยู่ทางด้านซ้ายมือ สันนิษฐานว่าอาคารหลังนี้น่าจะใช้เป็นที่พักเตรียมพระองค์สำหรับกษัตริย์หรือเจ้านายที่เสด็จมาประกอบพิธีกรรมทางศาสนา รวมถึงเป็นที่จัดของถวายต่าง ๆ เดินถัดมา จะพบสะพานนาคราช เป็นสะพานที่ทำด้วยหินทราย ราวสะพานเป็นรูปปั้นพญานาค 7 เศียร นอกจากนี้ยังมีรูปปั้นสิงห์ 2 ตัว ทำหน้าที่เปรียบเสมือนองครักษ์ที่คอยปกปักรักษาสถานที่แห่งนี้ เมื่อผ่านสะพานนาคราชและกำแพงชั้นนอกเข้ามาแล้ว จะเป็นส่วนของ “ชาลาทางเดิน” ซึ่งเป็นทางเดินที่เชื่อมต่อไปถึงระเบียงคดและกำแพงชั้นใน มีไว้สำหรับพระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์เท่านั้น.จากการขุดค้น พบเศษกระเบื้องมุงหลังคาดินเผาจำนวนมาก จึงสันนิษฐานว่าในสมัยก่อน ทางเดินนี้มีหลังคา และหลุม 4 หลุมที่อยู่ตรงชาลาทางเดิน มีไว้สำหรับระบายน้ำจากหลังคาของทางเดินนั่นเอง โคปุระที่สลักลวดลายสวยงาม และระเบียงคดที่ล้อมรอบปราสาทประธานและปรางค์สำคัญที่อยู่ใกล้กัน เมื่อเข้ามาบริเวณลานชั้นใน เราจะได้เห็นความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของปราสาทประธาน ซึ่งเป็นศูนย์กลางของศาสนาสถานแห่งนี้ โดยมีส่วนสำคัญ 2 ส่วนคือ มณฑปและเรือนธาตุ (องค์ปราสาท) มณฑปมีลักษณะเป็นห้องรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเชื่อมต่อกับองค์ปราสาท มีหน้าบันเป็นรูปสลักพระศิวนาฎราช องค์ปราสาทมีลักษณะเป็นอาคารสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม สลักลวดลายประดับตามส่วนต่าง ๆ เช่น หน้าบัน ทับหลัง และซุ้มหลังคา เป็นต้น ภายในมีห้องครรภคฤหะ ใช้ประกอบพิธีกรรมทางศาสนาและเป็นที่ประดิษฐานรูปเคารพที่สำคัญที่สุดของศาสนสถาน ซึ่งรูปเคารพดังกล่าวสูญหายไป ถูกแทนที่ด้วยพระพุทธรูปปางนาคปรก นอกจากปราสาทประธานที่สวยงามอลังการแล้ว ปรางค์พรหมทัตก็เป็นอีกหนึ่งโบราณสถานสำคัญที่ไม่ควรพลาดชม ปรางค์พรหมทัตตั้งอยู่ด้านหน้าของปราสาทประธาน สร้างด้วยศิลาแลง ภายในมีประติมากรรมจำลองของพระเจ้าชัยวรมันที่ 7 หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ท้าวพรหมทัต โดยองค์จริงจัดแสดงอยู่ที่พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติพิมาย

ย้อนรอย…อารยธรรมขอม ปราสาทหินพิมาย อ่านเพิ่มเติม

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง

วันนี้แอดมีตัวอย่างเส้นทาง “2 วัน 1 คืน สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง” มาฝาก เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสั้นๆ เหมาะสำหรับไปกับครอบครัว ซึ่งสถานที่ที่เลือกมาส่วนใหญ่เป็นสถานที่เปิด มีพื้นที่กว้างขวาง อากาศถ่ายเทสะดวก แต่ก็ต้องอย่าลืมที่จะ social distancing เว้นระยะห่างทางสังคม ปฏิบัติตัวตามวิถี New Normal ให้ชิน เพื่อเป็นการรักษาสุขอนามัยที่ดีของตนเองและผู้อื่นด้วย วันที่ 1– วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี– วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จ.สระบุรี– ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี– พระปรางค์สามยอด จ.ลพบุรี– วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี วันที่ 2– พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี– บ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ จ.ลพบุรี– ร้านกระเพรา & coffee จ.ลพบุรี เริ่มกันที่ วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่เชิงเขาปถวี (ปฐวี) ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี ตามประวัติไม่ปรากฏแต่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าราว พ.ศ.2163-2171 ภายหลังจากที่มีการค้นพบรอยพระพุทธบาทที่ อ.พระพุทธบาท แล้ว พระเจ้าทรงธรรมก็ได้มีรับสั่งให้ค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแห่ง และได้พบพระพุทธฉาย ณ ที่แห่งนี้ ในสมัยพระเจ้าเสือมีการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธฉายเอาไว้ ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา พระพุทธฉาย หรือรอยพระพุทธรูป มีลักษณะเป็นภาพสีแดงคล้ายพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีรอบพระวรกาย อยู่บริเวณเชิงเขาปถวี พระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ได้เคยเสด็จมานมัสการพระพุทธฉายแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมาที่นี่ และทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ณ บริเวณผาด้านทิศตะวันตกของมณฑปพระพุทธฉาย นอกจากนี้ยังมีพระนามาภิไธยของพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ ซึ่งยังคงปรากฏชัดเจนจนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากนั้นด้านบนยอดเขายังเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ 360 องศาเลย วัดพระพุทธฉายที่ตั้ง ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรีเปิดทุกวันวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 08.00-18.00 นพิกัด https://goo.gl/maps/fxRaGQCJEtLKNiVGA สถานที่ต่อมาคือ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2167 หลังจากที่ได้มีการค้นพบ “รอยพระพุทธบาทบนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี” ซึ่งพระเจ้าทรงธรรมทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่มีลวดลายมงคล 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ หลังจากนั้นก็ได้เสด็จมานมัสการเรื่อยมาจนกลายเป็นประเพณี และวัดพระพุทธบาทก็ได้รับการทำนุบำรุงตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ตามคติโบราณกล่าวไว้ว่า หากได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ครบ 7 ครั้ง จะได้ไปจุติยังสรวงสวรรค์ และแม้แต่ในชาติภพนี้ อานิสงส์ผลบุญก็จะส่งให้ชีวิตมีแต่ความสำเร็จสมหวังทุกประการ เทศกาลประเพณี– งานนมัสการรอยพระพุทธบาท จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือ ระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 3 และระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 4 – งานตักบาตรดอกไม้ จัดขึ้นในวันเข้าพรรษาของทุกปี ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารที่ตั้ง เขาสุวรรณบรรพต อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/DccHGR5T2nhuNDiW7  จากนั้นก็เข้าเมืองลพบุรีกัน มาลพบุรีทั้งทีถ้าไม่แวะไปศาลพระกาฬถือว่ามาไม่ถึงถิ่น เพราะที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี ศาลพระกาฬ เป็นเทวสถานขอมเก่าแก่ที่สร้างด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่บนฐานสูง ผู้คนจึงเรียกกันว่า “ศาลสูง” ภายในเป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬ ซึ่งมีลักษณะเป็นเทวรูปประทับยืน ทำด้วยศิลา สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึกแปดเหลี่ยมอักษรมอญโบราณอีกด้วย บริเวณโดยรอบศาลพระกาฬ เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าฝูงลิงน้อยใหญ่ ที่จะคอยเข้ามาทักทายและขออาหารจากนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ ศาลพระกาฬที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 05.30-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/SdxeVMFywrF2 ไปต่อกันที่ พระปรางค์สามยอด ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดเลยก็ว่าได้ มีลักษณะเป็นปราสาทศิลาแลงเรียงต่อกัน 3 องค์ ศิลปะขอมแบบบายน ด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีวิหารที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ปางสมาธิ พระปรางค์สามยอดถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี พระปรางค์สามยอดที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-18.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/TGwHQS4nrBz ปิดท้ายวันแรกกันที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี วัดนี้ไม่มีประวัติการสร้างแน่ชัด แต่นักวิชาการสันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ “ปรางค์ประธาน” ซึ่งนับเป็นปรางค์รุ่นแรกที่พัฒนามาจากปราสาทแบบขอม และยังเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในลพบุรีอีกด้วย “วิหารหลวง” สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นวิหารขนาดใหญ่ที่ผสมผสานศิลปะแบบไทยและตะวันตกเข้าด้วยกัน สังเกตได้จากหน้าต่างที่มีลักษณะโค้งแหลมแบบศิลปะโกธิค นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจดีย์และปรางค์หลากหลายรูปแบบซึ่งยังคงสภาพดีหลงเหลือให้ชมอยู่ ปรางค์ประธานองค์นี้ ยังได้รับการยกย่องจากสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ให้เป็น 1 ใน “8 จอมเจดีย์แห่งสยาม” อีกด้วย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-16.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/yu7cFNdweaE1eb3f6 วันที่ 2 เริ่มต้นกันที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ช่วงที่ละครบุพเพสันนิวาสกำลังมาแรงนั้น มีคนเดินทางมาตามรอยละครที่นี่กันเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดเกล้าฯ

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง อ่านเพิ่มเติม

ททท. เปิดตัวไลน์ TAT Contact Center

ททท. เปิดตัวไลน์ TAT Contact Center อีกหนึ่งช่องทางติดต่อสำหรับนักท่องเที่ยว เพื่อสอบถามข้อมูลการท่องเที่ยวแบบรวดเร็วทันใจ ทั้งภาษาไทยและภาษาอังกฤษ  นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวยังสามารถเลือกดูเมนูต่าง ๆ ได้แก่ สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำ ดาวน์โหลดE-Brochures ตรวจสอบรายชื่อผู้ประกอบการที่ได้รับมาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัย( SHA ) และโทรสอบถามข้อมูลกับเจ้าหน้าที่Call Center 1672 ตลอด 24 ชั่วโมง  ติดตามทุกความเคลื่อนไหวของข้อมูลข่าวสารและสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวได้ที่นี่ TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง on Line

ททท. เปิดตัวไลน์ TAT Contact Center อ่านเพิ่มเติม

ชีวิตธรรมดา Coffee House, Bistro & Bar

ร้านชีวิตธรรมดา เป็นบ้านไม้ 2 ชั้นสีขาว ริมแม่น้ำกก ที่ล้อมรอบไปด้วยต้นไม้นานาชนิด  ด้านในตกแต่งสไตล์วินเทจ ให้ความรู้สึกอบอุ่นเหมือนอยู่บ้าน มาร้านคอฟฟี่เฮ้าส์สไตล์อังกฤษทั้งที ก็ต้องสั่งเครื่องดื่มเก๋ๆ มาจิบชิลๆ สักหน่อย “กาแฟเย็นสูตรชีวิตธรรมดา” เมนูซิกเนเจอร์ที่นำกาแฟไปทำเป็นก้อนน้ำแข็ง เสิร์ฟมาพร้อมนมและน้ำเชื่อม ให้เราปรุงรสชาติหวานมันได้ตามชอบ เรียกว่าเป็นกิมมิคของทางร้านเลยก็ว่าได้ค่ะ9 อาหารของที่นี่เป็นแบบฟิวชั่น ที่ผสมผสานระหว่างอาหารไทยกับอาหารตะวันตก มีเมนูให้เลือกหลากหลาย เรามาประเดิมกันที่จานนี้ “ข้าวผัดสับปะรดนางแล” หนึ่งในอาหารขึ้นชื่อของทางร้านที่มาแล้วต้องลอง เพราะนอกจากจะเสิร์ฟมาอย่างอลังการในลูกสับปะรด และมีกุ้งชุบแป้งทอดตัวใหญ่โปะด้านบนแล้ว ยังมีสลัดผักแสนอร่อยให้ทานคู่กันอีกด้วย หากใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศมาทานอาหารตะวันตก แอดขอแนะนำ “Swedish Style Hash Pyttipanna” ซึ่งเป็นหนึ่งในเมนูยอดฮิตของร้าน ประกอบด้วยมันฝรั่ง เบคอน และแฮมที่หั่นเป็นชิ้นเล็กๆ ปรุงรสและคลุกเคล้าให้เข้ากัน ทอปด้วยไข่ดาว รสชาติจะอร่อยขนาดไหน ต้องไปลองด้วยตัวเองนะคะ  ทานของคาวแล้วก็ต้องตบท้ายด้วยของหวาน ถึงจะเรียกว่า อิ่มครบจบในที่เดียว “ชีสเค้กมะม่วง” จานนี้มีครบทุกรสชาติ ไม่ว่าจะเป็นความหวานละมุนของเนื้อเค้ก รสหวานอมเปรี้ยวของมะม่วง และรสเค็มผสมความกรุบกรอบของครัสต์ รวมกันแล้วจึงกลายเป็นความอร่อยที่ลงตัวสุดๆ เลยค่า สำหรับใครที่เป็นสายชา ทางร้านก็มีเครื่องดื่มประเภทชาให้เลือกดื่มนะคะ อย่าง “ชาเย็นโบราณ” แก้วนี้ รสชาติกลมกล่อม หวานมันกำลังดี นอกจากด้านในตัวบ้านแล้ว ภายในร้านก็ยังมีที่นั่งอีกหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นโซนในสวน หรือริมแม่น้ำกก บรรยากาศดีมากๆ เลยค่ะ ที่ตั้ง 179 หมู่ 2 ถ.ร่องเสือเต้น ซ.3 (ริมแม่น้ำกก) ต.ริมกก อ.เมือง จ.เชียงรายเปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น.โทร. 081 984 2925พิกัด : https://g.page/ChivitThammada?share

ชีวิตธรรมดา Coffee House, Bistro & Bar อ่านเพิ่มเติม

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ตั้งอยู่ในอำเภอศรีสัชนาลัย ซึ่งเดิมคือ “เมืองเชลียง” มีศูนย์กลางอยู่ที่บริเวณวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง ต่อมาได้มีการขยายเมืองไปทางทิศตะวันตก และเปลี่ยนชื่อเป็น “ศรีสัชนาลัย” อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยได้รับการประกาศให้เป็น “มรดกโลก” ร่วมกับอุทยานประวัติศาสตร์สุโขทัย และอุทยานประวัติศาสตร์กำแพงเพชร จากองค์การศึกษาวิทยาศาสตร์และวัฒนธรรมแห่งสหประชาชาติ (UNESCO) เมื่อวันที่ 12 ธันวาคม 2534 อุทยานฯ มีบริการรถรางนำชมโบราณสถานทั่วบริเวณ โดยรถจะจอดแวะ 3 จุดด้วยกันคือ วัดช้างล้อม วัดเจดีย์เจ็ดแถว และวัดนางพญา โดยคนขับรถจะเป็นวิทยากรคอยบรรยายให้ความรู้กับเราตลอดเส้นทาง ค่าบริการ : ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาทหรือเหมาคันละ 250 บาท เริ่มกันที่ วัดช้างล้อม เป็นวัดสำคัญที่ตั้งอยู่เกือบกึ่งกลางเมือง สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยพญาลิไท โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงระฆัง ที่ตั้งอยู่บนฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสขนาดใหญ่ซ้อนกันหลายฐาน ด้านหน้าเจดีย์มีบันไดขึ้นสู่ชั้นบนซึ่งเป็นลานประทักษิณ เหนือลานประทักษิณเป็นฐานสี่เหลี่ยมที่มีซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปปูนปั้นปางมารวิชัยด้านละ 5 ซุ้ม ที่ผนังด้านหลังพระพุทธรูปมีลวดลายปูนปั้นรูปต้นโพธิ์ประดับอยู่ด้วย ที่ฐานเจดีย์มีช้างปูนปั้นประดับโดยรอบ รวมทั้งหมด 39 เชือก ซึ่งลักษณะเด่นของช้างล้อมที่นี่คือ ช้างจะยืนเต็มตัวแยกออกจากผนัง และมีขนาดสูงใหญ่กว่าช้างจริง ต่างจากช้างล้อมที่อื่นๆ ที่ช้างจะโผล่พ้นผนังออกมาเพียงครึ่งตัวเท่านั้น นอกจากนี้ช้างที่มุมทั้ง 4 ยังมีขนาดใหญ่กว่าช้างที่ประดับที่ด้าน และเป็นช้างทรงเครื่อง คือมีการประดับลวดลายปูนปั้นที่คอ ต้นขา และข้อเท้า อย่างวิจิตรงดงาม ถัดมาคือ วัดเจดีย์เจ็ดแถว วัดแห่งนี้ตั้งอยู่ด้านหน้าวัดช้างล้อม เป็นวัดที่โดดเด่นอีกแห่งหนึ่งของอุทยานฯ เพราะมีเจดีย์หลากหลายรูปแบบเรียงรายกันถึง 33 องค์ โบราณสถานที่สำคัญคือ เจดีย์ประธานทรงยอดดอกบัวตูม หรือทรงพุ่มข้าวบิณฑ์ ซึ่งเป็นเจดีย์ที่เป็นเอกลักษณ์ของสุโขทัย  ด้านหลังเจดีย์ประธานมีเจดีย์รายองค์หนึ่งที่น่าสนใจคือ เป็นมณฑปยอดเจดีย์ หรือเจดีย์ทรงปราสาทยอด ที่มีทางเข้าด้านหน้า ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปยืนปูนปั้น และมีจิตรกรรมเป็นภาพอดีตพระพุทธเจ้า ซึ่งปัจจุบันลบเลือนมากแล้ว ส่วนด้านหลังของเจดีย์ในส่วนเรือนธาตุทำเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูปนาคปรกที่สวยงาม สาเหตุที่วัดนี้ได้ชื่อว่าวัดเจดีย์เจ็ดแถวนั้น ก็เนื่องจากภายในวัดมีเจดีย์จำนวนมากเรียงรายกันหลายแถว สมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าเจดีย์รายเหล่านี้เป็นที่ประดิษฐานพระอัฐิของพระราชวงศ์สุโขทัย ปิดท้ายกันที่ วัดนางพญา วัดแห่งนี้โดดเด่นที่ลวดลายปูนปั้นประดับผนังด้านนอกของวิหาร ซึ่งปัจจุบันเหลืออยู่เพียงด้านเดียว จึงมีการสร้างหลังคาคลุมเพื่อป้องกันแดดฝน วิหารหลังนี้ไม่มีหน้าต่าง แต่ใช้เทคนิคการเจาะผนังเป็นช่อง เพื่อให้แสงลอดเข้าไปภายใน แบบที่นิยมกันในสมัยอยุธยาตอนต้น ลวดลายปูนปั้นที่ยังคงหลงเหลืออยู่ได้แก่ รูปกึ่งมนุษย์กึ่งวานรกำลังวิ่ง รูปเทพนม และลายพันธุ์พฤกษาต่างๆ เจดีย์ประธานของวัดเป็นเจดีย์ทรงระฆังฐานสูง ด้านหน้ามีบันไดขึ้นไปยังซุ้ม ซึ่งภายในเป็นคูหาที่มีแกนอยู่ตรงกลาง แกนดังกล่าวมีร่องรอยว่าเคยเป็นซุ้มประดิษฐานพระพุทธรูป 4 ด้าน นอกจากทั้ง 3 จุดที่แอดแนะนำไปแล้วนั้น ภายในอุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย ก็ยังมีโบราณสถานที่น่าสนใจอีกหลายแห่ง เช่น วัดเขาสุวรรณคีรี วัดเขาพนมเพลิง ฯลฯ รวมทั้งโบราณสถานที่อยู่นอกกำแพงเมืองศรีสัชนาลัย หรือในเขตเมืองเชลียง อย่างวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เชลียง และวัดชมชื่น เป็นต้น อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัยอัตราค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาทที่ตั้ง อ.ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัยโทร 055 950 714, 061 268 6383เปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/QdbJ9pW2FP42

อุทยานประวัติศาสตร์ศรีสัชนาลัย จ.สุโขทัย อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top