สถานที่ท่องเที่ยว

ปัว 2 วัน 1 คืน : ชิมโกโก้ ชมธรรมชาติ

วันที่ 1บ่อเกลือสินเธาว์จุดชมวิวดอยภูคา 1715Cocoa Valley วันที่ 2โรงเรียนชาวนาวังศิลาแลงวัดภูเก็ต วันที่ 1 ใครมาเที่ยวน่าน ก็ต้องไม่พลาดแวะอำเภอบ่อเกลือ ถือว่าเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวเลยล่ะ อำเภอบ่อเกลือเป็นที่ตั้งของบ่อเกลือโบราณอายุกว่า 800 ปี ซึ่งเป็นแหล่งผลิตเกลือสินเธาว์บนภูเขาแห่งเดียวในโลก ในอดีตที่นี่มีบ่อเกลือหลายบ่อ แต่ปัจจุบันเหลือเพียง 2 บ่อเท่านั้นคือ บ่อเหนือและบ่อใต้ ชาวบ้านที่นี่ยังคงต้มเกลือด้วยวิธีการแบบดั้งเดิมเพื่อใช้ในการบริโภค และมีการแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์เกี่ยวกับความงามจำหน่ายอีกด้วย. ที่ตั้ง : อำเภอบ่อเกลือ จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น. (เข้าชมฟรี)บ่อเกลือจะปิดช่วงประเพณีเข้าพรรษาช่วงเดือนกรกฏาคม-กันยายน และวันสงกรานต์ของทุกปีโทร. 087 176 2016 (กลุ่มที่นำเกลือไปแปรรูปเป็นเกลือสปา)พิกัด : https://goo.gl/maps/aaigsLsHJn2y3dwh8 จุดชมวิวดอยภูคา 1715 จุดชมวิวดอยภูคา ตั้งอยู่ริมถนนหมายเลข 1256 อยู่เลยทางเข้าอุทยานฯ ไปประมาณ 4 กม. เป็นจุดชมวิวที่มีนักท่องเที่ยวแวะชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยงาม รวมถึงทะเลหมอกด้วยนะ นับเป็นอีกแห่งที่สวยสุด ๆ ไม่แพ้ที่อื่น ๆ เลยล่ะ.ในช่วงเดือนมกราคม – กุมภาพันธ์ของทุกปี ดอกชมพูภูคาเริ่มทยอยบานสะพรั่งบริเวณอุทยานแห่งชาติดอยภูคา ซึ่งชมได้ปีละครั้งเท่านั้น หากมีโอกาสแวะไปชมกันนะ.ที่ตั้ง : ทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 1256 อำเภอปัว จังหวัดน่านพิกัด :  https://goo.gl/maps/Y4TcBDyTN4pwwAHB8 สาวกช็อกโกแลตไม่ควรพลาด เพราะเราจะได้เปิดประสบการณ์ใหม่จากสวนโกโก้แท้ ๆ ในประเทศไทยที่จังหวัดน่าน “Cocoa Valley” ที่นี่เปิดเป็นคาเฟ่ที่ใช้วัตถุดิบจากสวนและยังเป็นรีสอร์ทอีกด้วย เอาล่ะ…เดี๋ยวแอดพาทุกคนเข้าสวนไปเก็บผลโกโก้กันสด ๆ และลงมือทำช็อกโกแลตด้วยตัวเองกันค่ะ ก่อนอื่นเลย เจ้าหน้าที่จะอธิบายที่มาที่ไปของโกโก้และขั้นตอนการเก็บ ซึ่งโกโก้นั้นต้องใช้เวลาการปลูกกว่า 3 ปีเลยนะจึงจะสามารถเก็บผลผลิตมาใช้ได้ หลังจากนั้นเจ้าหน้าที่จะให้เราเก็บผลโกโก้สด ๆ จากต้นกับมือเลยล่ะ จากนั้นเจ้าหน้าที่จะใช้มีดหั่นลงไปตรงกลางของผลโกโก้และวนให้รอบจนขาดออกจากกันเพื่อเราดูเมล็ด แอดบอกเลยว่าเมล็ดโกโก้สีขาว ๆ นั้นสามารถกินได้ด้วยนะ มีรสชาติออกเปรี้ยว ๆ แถมยังมีประโยชน์ช่วยเรืองความจำอีกด้วย หลังจากเราเก็บผลโกโก้จากสวนแล้ว เจ้าหน้าที่จะพาเราไปดูวิธีการถัดไปคือ ต้องนำผลโกโก้ไปหมักและตากแห้ง จะเป็นหน้าตาแบบนี้เลย จากนั้นก็ฝัดเพื่อเอาฝุ่นออกและแยกเปลือกออกมา ซึ่งเปลือกยังสามารถนำไปบดเพื่อใช้ย้อมผ้าได้อีกด้วย ถึงเวลาที่เราสนุกกันละ ถึงเวลาทำช็อกโกแลตกันแล้วค่ะ โดยจะใช้โกโก้ที่ผ่านการแปรรูปแล้วมาผสมกับน้ำตาลโตนดเพื่อให้ได้รสหวาน ส่วนใครชอบแบบเข้มข้นก็ไม่ต้องผสมน้ำตาลเลยก็ได้ โกโก้ที่เจ้าหน้าที่ได้เตรียมไว้ ค่อนข้างมีอุณหภูมิสูง เราจึงต้องทำให้อุณหภูมิของโกโก้พอดีกับอุณหภูมิห้องเสียก่อน โดยการเทโกโก้ลงบนโต๊ะหินอ่อนปาดสลับไปมา จนรู้สึกว่าโกโก้เริ่มหนืด จากนั้นก็ตักใส่ชามและเทลงในกรวย แล้วก็บีบโกโก้ลงในเฟรมที่เตรียมไว้ ตกแต่งด้วยอัลมอนด์ ลูกเกดตามความชอบได้เลย  ตกแต่งหน้าตาช็อกโกแลตเรียบร้อยก็นำไปแช่เย็นประมาณ 5 นาที เราก็จะได้ช็อกโกแลตฝีมือตัวเองกลับบ้าน หากเพื่อน ๆ อยากมาทำกิจกรรมสามารถติดต่อจองล่วงหน้าได้ค่ะ.กิจกรรมใช้เวลา 45 นาที ราคาคนละ 350 บาท ที่ตั้ง : 339 หมู่ 8 ตำบลปัว อำเภอปัว จังหวัดน่านเปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.โทร. 063 791 1619พิกัด : https://goo.gl/maps/nB649qmGhBx วันที่ 2 โรงเรียนชาวนาที่นี่เปิดเป็นฟาร์มสเตย์ ตั้งอยู่กลางทุ่งนาบริเวณบ้านนาคำ ที่นี่เน้นวิถีธรรมชาติและได้สัมผัสวิถีชีวิตที่เรียบง่ายแต่ไม่ธรรมดา.นอกจากเป็นที่พักแล้ว โรงเรียนชาวนาก็ยังมีกิจกรรมให้ทำด้วยค่ะ ขึ้นอยู่กับฤดูกาล แต่บรรยากาศโดยรอบ โรงเรียนชาวนาเต็มไปด้วยทุ่งนา ถ้าไปในช่วงฤดูดำนา เพื่อน ๆ ก็จะได้เรียนดำนา หรือหากไปในช่วงที่กำลังรอการเก็บเกี่ยวช่วงเดือนพฤศจิกายนนี้ เพื่อน ๆ ก็สามารถได้เกี่ยวกันด้วยนะ สำหรับกิจกรรมต้องติดต่อล่วงหน้าไว้ด้วยนะคะ สำหรับผู้ที่ไม่ได้เข้าพักก็สามารถแวะมาถ่ายรูปกับวิวทุ่งนา โอบล้อมด้วยภูเขา สูดอากาศบริสุทธิ์กันให้เต็มปอด.ที่ตั้ง : โรงเรียนชาวนา 225 หมู่ 1 บ้านนาคำ ตำบลศิลาเพชร อำเภอปัว จังหวัดน่านที่พักราคา 600 – 4,000 บาท/หลัง (รวมอาหารเช้า)โทร. 089 999 7737พิกัด : https://goo.gl/maps/XN7gnfSfVZP2 วังศิลาแลง สำหรับใครที่มีโอกาสไปอำเภอปัว ก็อย่าลืมแวะมาชมความสวยงามของ วังศิลาแลง หรือเรียกกันว่าแกรนด์แคนยอนเมืองปัว.ที่นี่มีลักษณะเป็นซอกหินผาที่เกิดจากการกัดเซาะของลำน้ำกูนที่ไหลผ่านมาเป็นเวลานาน ประกอบด้วยวังน้ำและโตรกผาเป็นช่วง ๆ โดยมีวังน้ำประมาณ 7 วัง รวมระยะทางกว่า 400 เมตร การเดินทางเข้าไปสามารถเดินเท้าเข้าไปจากฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำลงไปได้เลย ประมาณ 15 นาทีก็ถึง แต่ระหว่างทางเดินต้องระมัดระวังกันด้วยนะ บางจุดจะค่อนข้างชันและแคบ.ไม่น่าเชื่อว่าซอกหินผาที่ดูธรรมดา แต่ความจริงนั้น เราจะได้พบกับธรรมชาติอันงดงามที่ซ่อนตัวอยู่อย่างลึกลับแบบนี้.ที่ตั้ง : บ้านหัวน้ำ หมู่ 5 ตำบลศิลาแลง อำเภอปัว จังหวัดน่าน (ติดกับฟาร์มเห็ดบ้านหัวน้ำ)พิกัด : https://goo.gl/maps/EpwqkebJsm62  วัดภูเก็ต วัดภูเก็ต ที่ไม่ใช่จังหวัดภูเก็ต แต่แท้จริงแล้วอยู่จังหวัดน่าน แค่ชื่อก็ถือว่าเป็นจุดน่าสนใจ ชื่อวัดมาจากการเรียกชื่อตามหมู่บ้านที่ชื่อว่า “หมู่บ้านเก็ต” และเนื่องจากเป็นวัดตั้งอยู่บนเนินเขาซึ่งทางเหนือ เรียกว่า “ดอย” หรือ “ภู” จึงมีชื่อว่า “วัดภูเก็ต” หมายถึง วัดบ้านเก็ตที่อยู่บนภู หรือ ดอย ไฮไลท์ของวัดนี้จะมีระเบียงชมวิวด้านหลังวัด ซึ่งจะติดกับทุ่งนาเขียวขจี โอบล้อมด้วยภูเขาของอุทยานแห่งชาติดอยภูคา สำหรับช่วงเดือนตุลาคม-พฤศจิกายน ทุ่งนาจะออกรวงสวยงามด้วยนะ.ที่ตั้ง : บ้านเก็ต หมู่ 2 ตำบลวรนคร อำเภอปัว จังหวัดน่านโทร. 084 046 9745 (เจ้าอาวาส)พิกัด : https://goo.gl/maps/WSPrL4bUdgT2

ปัว 2 วัน 1 คืน : ชิมโกโก้ ชมธรรมชาติ อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : สามเสน-เทเวศร์

ใครชอบเรื่องราวเกี่ยวกับเมืองเก่าและประวัติศาสตร์ ตามแอดมา แอดจะพาไปเดินซอกแซกตามตรอกซอกซอยแถวย่านสามเสน เทเวศร์ พาไปศาลเจ้า ไหว้พระ ไปย้อนอดีตดูความงดงามของโบสถ์คริสต์ และวัดเก่าแก่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา แถมเติมพลังกันที่ร้านอร่อยประจำย่านนี้ เรียกว่าวันเดียวได้ทั้ง ไทย จีน ฝรั่งเลยแหละ ศาลเจ้าแม่ทับทิม (จุ่ยป๋วยเนี้ย) ศาลเจ้าเก่าแก่ของชาวจีนไหหลำ องค์เจ้าแม่สลักจากขอนไม้ใหญ่ที่ลอยน้ำมา เป็นที่เลื่องลือถึงความศักดิ์สิทธิ์ มีทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติมาสักการะ ช่วงนี้ใครกำลังหาที่ยึดเหนี่ยวทางจิตใจ อยากจะประสบความสำเร็จในเรื่องต่าง ๆ ก็มาไหว้เจ้าแม่ทับทิมได้ ที่ตั้ง : 6 ถนนราชวิถี เขตดุสิต กรุงเทพมหานคร (เชิงสะพานซังฮี้)เปิดทุกวัน เวลา 07.00-19.00 น. ตลาดบ้านญวน เป็นตลาดเล็ก ๆ อยู่ในซอยสามเสน 13 ตอนเช้าชาวบ้านในละแวกนี้จะมาตั้งร้านขายของกันเต็มสองข้างทาง มีร้านอาหารเด็ด ๆ เช่น ร้านข้าวเหนียวหมูทอด ร้านปลากริมปลา และร้านกาแฟ น้ำชงหลายชนิด นอกจากนี้ตลาดบ้านญวนยังเป็นแหล่งที่มีร้านขายอาหารเวียดนามตั้งอยู่หลายร้านอีกด้วย.ที่ตั้ง : ซอยสามเสน 13 เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลาประมาณ 05.30-08.00 น.*วันอาทิตย์จะมีของขายเยอะที่สุด* วัดนักบุญแซงฟรังซัวซาเวียร์ หรือชื่อที่คุ้นหูคือวัดนักบุญฟรังซิสเซเวียร์ ในอดีตวัดแห่งนี้ถูกสร้างขึ้นเพื่อเป็นวัดชั่วคราวให้แก่ชาว “คริสตังญวน” ที่ลี้ภัยสงครามมาอาศัยอยู่บริเวณนี้ เดิมวัดสร้างด้วยไม้ไผ่ แต่อยู่ได้เพียงปีเดียวก็เกิดพายุใหญ่พัดทำลายวัดจนเสียหายเมื่อ พ.ศ.2380 พระคุณเจ้ากูรเวอซี ประมุขมิซซังกรุงสยามจึงได้ออกเงินให้สร้างวัดใหม่ เป็นอาคารไม้ และต่อมา คุณพ่อปิแอร์ เมาริส ยิบาร์ตา เจ้าอาวาสเห็นว่าวัดไม้มีขนาดเล็ก ไม่เพียงพอสำหรับคนทั่วไป จึงขอรับบริจาคและสร้างอาคารหลังใหม่ เป็นอาคารก่ออิฐถือปูนขนาดใหญ่ตามแบบสถาปัตยกรรมยุโรป ซึ่งใช้เวลาก่อสร้างนาน 10 ปี ที่ตั้ง : ซอยสามเสน 11 เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 07.00-17.00 น. วัดคอนเซ็ปชัญ เป็นวัดคริสต์นิกายโรมันคาทอลิกหลังแรกในย่านบางกอก สร้างตั้งแต่สมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช โดยพระองค์ได้พระราชทานที่ดินริมแม่น้ำเจ้าพระยาเหนือวัดสมอราย 1 แปลง ให้แก่พระสังฆราชหลุยส์ ลาโน เพื่อสร้างวัดแห่งนี้ พระสังฆราชลาโนได้ตั้งชื่อวัดว่า “คอนเซ็ปชัญ” ที่มีความหมายว่า “วัดแม่พระผู้ปฏิสนธินิรมน” โดยมีชาวโปรตุเกสกว่า 60 ครอบครัว เดินทางมาตั้งถิ่นฐานที่ชุมชนริมน้ำเจ้าพระยาย่านสามเสนแห่งนี้ด้วย นอกจากจะมีรูปปั้นพระแม่มารีในโบสถ์แล้ว บริเวณใกล้กับโบสถ์ ยังมีประติมากรรมรูปพระแม่มารีประดิษฐานอยู่ในถ้ำอีกด้วย แสดงให้เห็นว่าชุมชนแห่งนี้นับถือและศรัทธาท่านเป็นอย่างมาก.ที่ตั้ง : ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซอยมิตตคาม (ซอยสามเสน 11) เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพิกัด : https://goo.gl/maps/bLDTejHQGQB2การเข้าชมควรติดต่อขออนุญาตจากบาทหลวงผู้รับผิดชอบก่อนล่วงหน้า โทร. 02 243 2617 วัดราชาธิวาสราชวรวิหาร เดิมชื่อว่า “วัดสมอราย” เป็นวัดสำคัญที่ได้รับการบูรณะมาโดยตลอด ในสมัยรัชกาลที่ 4 ได้ทรงปฏิสังขรณ์ใหม่ และพระราชทานนามว่า “วัดราชาธิวาสวิหาร” มีความหมายว่า “วัดอันเป็นที่ประทับของพระราชา” เนื่องจากขณะทรงผนวชได้เคยเสด็จประทับที่วัดนี้นั่นเอง……………………………………………………………….พระอุโบสถออกแบบโดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ มีรูปทรงและลวดลายเลียนแบบสถาปัตยกรรมขอม ภายในแบ่งเป็น 3 ห้อง ห้องแรกเป็นโถงทางเข้า ห้องกลางเป็นห้องพิธีและประดิษฐานพระประธานคือ “พระสัมพุทธพรรณี(องค์จำลอง)” ส่วนห้องหลังสุด เป็นที่ประดิษฐานพระประธานองค์เดิมของวัดนามว่า “พระสัมพุทธวัฒโนภาส” จิตรกรรมฝาผนังภายในพระอุโบสถ เป็นเรื่องราวพระเวสสันดรชาดกทั้ง 13 กัณฑ์ ฝีพระหัตถ์ทรงร่างของสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัตติวงศ์ วาดและลงสีโดยนายคาร์โล ริโกลี จิตรกรชาวอิตาเลียนผู้มีชื่อเสียง ภายในวัดยังมีศาลาการเปรียญที่สร้างด้วยไม้สักทั้งหลัง โดยสมเด็จฯ เจ้าฟ้ากรมพระยานริศรานุวัดติวงศ์ ทรงให้สร้างเลียนแบบศาลาการเปรียญวัดใหญ่สุวรรณาราม จังหวัดเพชรบุรี ถือเป็นศาลาการเปรียญที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย .ที่ตั้ง : ซอยสามเสน 9 ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพิกัด : https://goo.gl/maps/s1gvobxNwRD2 วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร เป็นวัดเก่าแก่ เดิมชื่อว่า “วัดสมอแครง” ในสมัยรัชกาลที่ 4 ทรงรับเป็นพระอารามหลวง และพระราชทานนามใหม่ว่า “วัดเทวราชกุญชรวรวิหาร” ตามพระนามของพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้ากุญชร กรมพระพิทักษ์เทเวศร์ พระราชโอรสในรัชกาลที่ 2 ผู้ทรงบูรณะปฏิสังขรณ์วัด.ภายในพระอุโบสถ ประดิษฐานพระประธานที่ทำจากโลหะลงรักปิดทอง ปางมารวิชัย ศิลปะทวารวดี พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช พระราชทานนามว่า “พระพุทธเทวราชปฏิมากร”.พระอุโบสถ เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. มณฑปจตุรมุข สร้างครอบพระอุโบสถเก่าเมื่อ พ.ศ. 2536 ภายในประดิษฐาน “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปปางมารวิชัยที่เก่าแก่ตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา มณฑปจตุรมุขนี้ใช้เป็นสถานที่จัดแสดงพุทธศิลป์ต่างๆ เช่น พระพุทธรูปโบราณ พระพุทธบาทสมัยอยธุยา ฯลฯ.เปิดทุกวัน เวลา 9.00-17.00 น.  พิพิธภัณฑ์สักทองเป็นอาคารทรงปั้นหยาประยุกต์ 2 ชั้น สร้างด้วยไม้สักทองทั้งหลัง มีอายุประมาณ 479 ปี สร้างขึ้นเพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านพระพุทธศาสนา และอนุรักษ์มรดกศิลปวัฒนธรรมของชาติในด้านสถาปัตยกรรม ภายในจัดแสดงรูปปั้นหุ่นขี้ผึ้งเท่าพระองค์จริงของสมเด็จพระสังฆราชแห่งกรุงรัตนโกสินทร์ 19 พระองค์ และประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา.เปิดทุกวัน เวลา 10.00-17.00 น.……………………………………………………….วัดเทวราชกุญชรวรวิหารที่ตั้ง : 90 ถนนศรีอยุธยา เขตดุสิต กรุงเทพมหานครพิกัด : https://goo.gl/maps/VYXc7u8gsU72โทร. 02 281 2430  เดินมาเยอะแล้ว มาเติมพลังกันดีกว่า ร้านสี่เสาทะเลเดือดร้านนี้เด่นเรื่องก๋วยเตี๋ยวต้มยำรสแซ่บ ที่ยกทะเล มาไว้ในชามด้วย เรียกได้ว่าแซ่บจนทะเลเดือดเลยทีเดียว.ที่ตั้ง : สี่เสาเทเวศร์ ถนนสามเสน เขตดุสิต กรุงเทพมหานครเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 07.30-17.00 น. (หยุดวันอาทิตย์)โทร.02 628 6868, 083 642 2891  ที่ร้านมีเมนูแซ่บๆ ให้เลือกมากมายทั้ง ก๋วยเตี๋ยวต้มยำทะเล

Walking Bangkok : สามเสน-เทเวศร์ อ่านเพิ่มเติม

walking Bangkok : บางรัก-สีลม

วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ มาเดินเล่น ชิมอาหาร และชมตึกเก่าในย่านบางรัก ย่านเก่าแก่ที่เต็มไปด้วยอาหารอร่อย และวัฒนธรรมอันหลากหลาย ใครที่ยังไม่รู้ว่าวันหยุดจะไปไหนดี ก็มาเที่ยวตามแอดได้เลยนะ แอดพาทุกคนมาเริ่มกันที่ “ศาลเจ้าเจียวเองเบี้ยว” หรือเรียกอีกอย่างว่า “ศาลเจ้าบางรัก” ตั้งอยู่บริเวณใต้สะพานตากสิน ข้างสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานตากสิน หลังตลาดบางรักนี่เอง ศาลเจ้าแห่งนี้เป็นศาลเจ้าไหหลำที่มีอายุเก่าแก่กว่า 150 ปี สร้างขึ้นเพื่อระลึกถึงนักเดินทางชาวจีน 108 คน ที่ล่องเรือสำเภาเพื่อมาค้าขายที่นี่ แต่กลับถูกฆ่าตายที่เวียดนามเสียก่อนเพราะถูกเข้าใจผิดว่าเป็นโจรสลัด นับป็นศาลเจ้าที่เป็นที่นับถือของชาวจีนในแถบนี้ ผู้คนนิยมมาขอพรเรื่องความรัก ศาลเจ้าเจียวเองเบี้ยว ที่ตั้ง : ซ.เจริญกรุง 50 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. ขาหมูตรอกซุง เรามาต่อกันที่ “ร้านข้าวขาหมูตรอกซุง” ร้านขึ้นชื่อที่อยู่คู่บางรักมานานกว่า 40 ปี ข้าวขาหมูร้านนี้อร่อยสมคำร่ำลือจริงๆ น้ำพะโล้เข้มข้นแต่รสไม่จัดจ้านจนเกินไป กลมกล่อมกำลังดี ทานคู่กับผักกาดดองและน้ำส้มที่เผ็ดนิดๆ ยิ่งเพิ่มความอร่อยขึ้นไปอีก ถ้ายังไม่จุใจสามารถสั่งไข่พะโล้หรือไส้หมูมาเพิ่มได้ด้วย นอกจากขาหมู ก็ยังมีเมนูอื่นๆ อีก อย่างวันจันทร์และวันพุธจะมีแกงจืดมะระ ส่วนวันอังคารและวันพฤหัสบดีจะมีแกงจืดไชเท้า ซดกันให้คล่องคอไปเลย ที่ตั้ง : 106/5 ถ.เจริญเวียง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯ (ซอยตรงข้ามโรบินสันบางรัก)เปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 10.30-19.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. 02 235 4930 โหมงหวอ ร้านขายน้ำขมในตำนานของบางรัก ที่ขายมายาวนานกว่า 70 ปี มีน้ำขมให้เลือกทั้งขมมากและขมน้อย และยังมีน้ำสมุนไพรต่างๆ อีกมากมายให้เลือกดื่มด้วย ที่ตั้ง : 1441 ถ.เจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00–21.00 น. (ปิดวันอาทิตย์)โทร. 02 233 9263 แอดเคยดื่มน้ำขมมาแล้วครั้งนึง ฝาดและขมจนแอดตกใจ วันนี้ก็เลยจัดน้ำรากบัวและน้ำเก๊กฮวยมาลองชิมแทน น้ำรากบัวที่นี่รสหวานเบาๆ นุ่มๆ ดื่มแล้วรู้สึกสดชื่น น้ำเก๊กฮวยก็ไม่หวานมากเช่นกัน ที่สำคัญหอมด้วย ประจักษ์เป็ดย่าง อีกหนึ่งร้านเก่าแก่ของย่านบางรัก จากกิจการครอบครัวขนาด 1 คูหาที่เปิดมาตั้งแต่ พ.ศ.2452 จนถึงตอนนี้ก็เป็นเวลา 110 ปีแล้ว ปัจจุบันดำเนินการโดยทายาทรุ่นที่ 4 ที่ตั้ง : 1415 ถ.เจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 10.30-19.00 น.โทร. 02 234 3755 วันนี้แอดสั่ง 2 เมนูมาลองทาน คือ ข้าวหน้าเป็ด+หมูกรอบ และเกี๊ยวน้ำกุ้ง ข้าวหน้าเป็ด+หมูกรอบ เป็ดนุ่มอร่อยสมกับเป็นเมนูแนะนำ ไม่มีกลิ่นสาบ หนังกรอบ หอม ไม่มัน หมูกรอบก็กรอบกำลังดี มีรสเค็มนิดๆ เข้ากับน้ำซอสที่ราดได้ดี ส่วนเกี๊ยวน้ำกุ้ง น้ำซุปกลมกล่อม ซดได้เรื่อยๆ เกี๊ยวกุ้งก็อร่อย หอมกลิ่นน้ำมันงา วัดสวนพลู อิ่มแล้วก็มาเที่ยวกันต่อ แอดพามาที่ “วัดสวนพลู” ซึ่งไฮไลต์ของที่นี่ก็คือ หมู่กุฏิที่เป็นเรือนไม้ 2 ชั้น หลังคาทรงปั้นหยา ประดับส่วนต่างๆ ของอาคารด้วยไม้ฉลุลวดลายสวยงาม แบบที่เรียกว่า “ขนมปังขิง” นอกจากนี้ยังมี “ศาลพระโพธิสัตว์กวนอิม” ซึ่งเป็นศาลาทรงไทยตั้งอยู่กลางสระน้ำ ภายในประดิษฐานเจ้าแม่กวนอิม เป็นที่เคารพสักการะอย่างมาก มีผู้คนเข้ามาสักการะและเสี่ยงเซียมซีอยู่เสมอ ที่ตั้ง : 58/1 ซ.เจริญกรุง 42/1 แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯ (ใกล้โรงแรมแชงกรีลา)โทร. 02 234 4471 ปั้นลี่เบเกอรี่ เดินชิลๆ ต่อมาจนเกือบถึงแยกบางรัก จะพบกับ “ปั้นลี่เบเกอรี่” ร้านเบเกอรี่เจ้าดังขนาด 2 คูหา ที่เป็นตำนานร้านหนึ่งของย่านบางรัก เปิดขายมาตั้งแต่ พ.ศ.2498 ที่นี่มีขนมหลากหลายชนิดให้เลือก และยังมีมุมให้นั่งทานขนมที่บริเวณชั้นลอยด้วย จุดเด่นของที่นี่ก็คือ ขนมที่ทำสดใหม่ทุกวัน ไม่มีค้างคืน และไม่ใส่วัตถุกันเสีย รับรองว่าได้ของดีมีคุณภาพแน่นอน ที่ตั้ง : 1335 ถ.เจริญกรุง แขวงสีลม เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน– วันจันทร์-ศุกร์ เวลา 06.00-20.00 น.– วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 07.00-17.00 น.โทร. 02 233 5428 วันนี้แอดสั่งอเมริกาโน่ (ไม่หวาน) ชานมไข่มุก (หวานน้อย) เค้กมะพร้าว และบราวนี่มาทาน อเมริกาโน่ของที่นี่ใช้กาแฟอาราบิก้าจากเชียงใหม่ เมล็ดกาแฟที่ใช้เป็นแบบคั่วกลาง ทำให้รสชาติที่ได้ไม่เข้มมากนัก มีกลิ่นหอมติดลิ้น รสชาติโอเคเลย มาต่อกันที่ชานมไข่มุก แอดสั่งแบบหวานน้อยมา ก็หวานน้อยจริงๆ นะ แอดชอบมาก หอมน้ำตาลทรายแดง ไข่มุกสีเหลืองก็นุ่มหนึบหนับ ส่วนเค้กมะพร้าวและบราวนี่ก็อร่อย ดีงามตามท้องเรื่อง สมกับเป็นเบเกอรี่เจ้าดังจริงๆ ร้านอาหารมุสลิม ร้านนี้ตั้งอยู่ที่แยกบางรัก เปิดมาแล้วไม่ต่ำกว่า 70 ปี บรรยากาศเหมือนร้านอาหารหรือน้ำชาทางภาคใต้ ผนังสีเหลืองอ่อนลายกระเบื้องตัดกับสีฟ้าดูน่ารัก สามารถสั่งอาหารได้ทั้งจากเมนูและตู้หน้าร้าน รสชาติทานง่าย กลิ่นเครื่องเทศฉุนแต่ไม่เหม็น วัตถุดิบคัดมาแล้วเป็นอย่างดี ที่ตั้ง : 1354-1356 ถ.เจริญกรุง แขวงบางรัก เขตบางรัก กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 06.00-17.00 น.โทร. 02 234

walking Bangkok : บางรัก-สีลม อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : เยาวราช

“เยาวราช” เมื่อได้ยินคำๆ นี้ทีไรแอดก็อดนึกถึงวัฒนธรรมไทย – จีน และของกินแสนอร่อยไม่ได้เลย .ปกติแล้วเยาวราชจะเป็นสวรรค์ของเหล่าบรรดานักชิมยามราตรี แต่วันนี้แอดจะพาเพื่อนๆ ไปเดินลัดเลาะถ่ายรูป เช็คอิน และแวะชิมของอร่อยย่านเยาวราชในตอนกลางวันแบบ 1 Day Trip กันค่ะ วันนี้เราจะมาเริ่มต้นทริปด้วยการมาไหว้พระขอพรกันที่ “วัดไตรมิตรวิทยาราม” ค่ะ วัดนี้เป็นวัดที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเป็นจำนวนมาก โดดเด่นด้วยพระมหามณฑปเฉลิมพระเกียรติ 80 พรรษา ซึ่งเป็นสถาปัตยกรรมไทยประยุกต์ที่สวยงาม.ซึ่งกินเนสส์บุ๊คก็ได้บันทึกไว้ว่า “พระสุโขทัยไตรมิตร” หรือ “หลวงพ่อทองคำ” พระประธานภายในพระมหามณฑป เป็นพระพุทธรูปทองคำบริสุทธิ์ที่ใหญ่ที่สุดในโลกอีกด้วย ในแต่ละวันจึงมีผู้คนเดินทางมาเพื่อชมพระพุทธรูปองค์นี้ด้วยตาตนเองเป็นจำนวนมาก อีกสิ่งหนึ่งที่ไม่ควรพลาดชมเมื่อมาวัดไตรมิตรก็คือ “ศูนย์ประวัติศาสตร์เยาวราช” หรือ “พิพิธภัณฑ์วัดไตรมิตร” เพราะที่นี่จะทำให้เพื่อนๆ ได้รู้จักกับเยาวราชมากยิ่งขึ้น ผ่านการจัดแสดงตามห้องต่างๆ ค่ะ.ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100วัดเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น..พิพิธภัณฑ์เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ เวลา 08.00 – 17.00 น. (ปิดวันจันทร์) ออกจากวัดมา เพื่อนๆ ก็จะพบกับ “ซุ้มประตูเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา” ที่ชาวไทยเชื่อสายจีนร่วมกับหน่วยงานต่างๆ สร้างขึ้นเพื่อถวายเป็นพระราชกุศลเนื่องในวโรกาสที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 6 รอบ ใน พ.ศ.2542 .ปัจจุบันที่นี่ก็ได้กลายเป็นสัญลักษณ์ที่สวยงามของเยาวราช ซึ่งเพื่อนๆ สามารถมายืนขอพรรับพลัง รวมทั้งโพสต์ท่าถ่ายรูปชิคๆ ได้ค่ะ .ที่ตั้ง ถนนมิตรภาพไทย-จีน แขวงตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100 ตอนนี้ท้องเริ่มร้องครวญครางเพราะความหิวแล้ว แอดเลยแวะทานอาหารที่ “ร้านหลงโถว” ก่อนจะเดินทางต่อ ร้านนี้เป็นคาเฟ่เล็กๆ สไตล์จีนที่ตกแต่งอย่างเก๋ไก๋ เมนูที่มาถึงแล้วต้องห้ามพลาดเลยก็คือ– Chinese Breakfast ชุดข้าวต้มสุดคลาสสิก– Egg Lava Bun ซาลาเปาไส้ไข่ไหลที่จัดว่าเด็ดมากๆ– Lhong Tou Shumai เกี๊ยวสอดไส้หมูสับและกุยช่าย ทานคู่กับน้ำจิ้มรสเด็ดไม่เหมือนใคร– และสุดท้าย เกี๊ยวกุ้งทอดไส้แน่นจุใจ มีความกรอบนอกนุ่มใน แม้จะเป็นร้านเล็กๆ แต่ภายในมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบหลายโซนเลย ซึ่งโซนยอดฮิตก็คงหนีไม่พ้นชั้นลอย เพราะดูแปลกตาไม่เหมือนใคร.แอดแนะนำให้ไปก่อนเที่ยงนะคะ เพราะคนยังไม่เยอะมาก ถ้าไปหลังจากนั้นอาจจะต้องรอคิวนานเลยละค่ะ.ที่ตั้ง 538 ถนนเยาวราช แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 22.00 น.โทร 085 824 6934 จากนั้นเราก็เดินไปตามถนนเยาวราช ลัดเข้าถนนแปลงนามเพื่อไปยังวัดเล่งเน่ยยี่ ระหว่างทางก็แวะชิม “ขนมจีบแป๊ะเซี๊ย” ตำนานขนมจีบรสเด็ดย่านเยาวราช หน้า “วัดมงคลสมาคม” หรือ “วัดญวน” กันซะหน่อย ตอนที่แอดมาถึงมีคนกำลังต่อคิวรอซื้อขนมจีบอยู่เป็นจำนวนมาก แต่รอไม่นานความอร่อยก็เดินทางมาสู่ปลายลิ้น ขนมจีบขนาดพอดีคำ อิ่มกำลังดี และที่สำคัญคือน้ำจิ้มอร่อยมาก.ถ้าใครผ่านมาแถวนี้ อย่าลืมมาลองชิมกันดูนะคะ เพียงลูกละ 3 บาทเท่านั้น รับรองว่าคุ้มค่าแน่นอนค่ะ.ที่ตั้ง ถนนแปลงนาม แขวงสัมพันธวงศ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 11.00 – 19.00 น. หลังจากอิ่มหนำสำราญกับขนมจีบกันแล้ว เราก็เริ่มเดินเท้าต่อไปยัง “วัดมังกรกมลาวาส” หรือที่หลายๆ คนรู้จักกันในชื่อว่า “วัดเล่งเน่ยยี่” นั่นเอง วัดเล่งเน่ยยี่นับเป็นวัดที่มีสถาปัตยกรรมแบบจีนที่สวยงาม จุดเด่นของที่นี่คือการไหว้เทพเจ้าต่างๆ เพื่อขอพร และการแก้ปีชง สำหรับใครที่อยากมาแก้ชง แอดแนะนำที่นี่เลย เพราะเค้าว่ากันว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลยนะ ส่วนใครที่ไม่ได้ชงก็รอดื่มได้เลยค่ะ เอ๊ยไม่ใช่ค่ะ! ส่วนใครที่ไม่ได้เกิดตรงกับปีชงก็ยังสามารถมาไหว้เทพเจ้าต่างๆ เพื่อเสริมสิริมงคลได้นะคะ .ที่ตั้ง ถนนเจริญกรุง แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.00 น. สถานที่สุดท้ายของทริปวันนี้ แอดมาทำบุญที่ “ศาลเจ้าไต้ฮงกง” ซึ่งเป็นสถานที่ที่ผู้คนนิยมเดินทางมาทำบุญสะเดาะเคราะห์ด้วยการบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติ  ทุกวันนี้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมากต่อวัน และผู้เสียชีวิตบางรายก็ไม่มีญาติหรือแม้กระทั่งเงินทำศพให้กับตนเอง ดังนั้นหากเราอยากจะทำทาน การบริจาคโลงศพให้กับศพไร้ญาติก็เป็นอีกทางเลือกหนึ่งทีดีไม่น้อยเลยทีเดียวค่ะ.ที่ตั้ง ถนนพลับพลาไชย แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 20.00 น. เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 17 มกราคม 2562

Walking Bangkok : เยาวราช อ่านเพิ่มเติม

Walking Bangkok : วังหน้า – บางลำพู

สัมผัสเสน่ห์ย่านชุมชนเก่าแก่ ลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอย แวะไหว้พระ เดินเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์ ตามหาของอร่อยๆ ทานให้หนำใจ ที่ “ย่านวังหน้า – บางลำพู” .บอกเลยว่าเป็นเส้นทางที่เดินไม่เหนื่อย เข้าไปไหว้พระสงบจิตสงบใจ ถ้าใครกลัวแดดร้อนก็สามารถเข้าไปตากแอร์เย็นๆ ในพิพิธภัณฑ์ หรือจะหามุมนั่งเล่นพักผ่อนในร้านกาแฟก็ย่อมได้  สถานที่กิน ที่เที่ยว – ร้านปาท่องโก๋ คาเฟ่– วัดบวรนิเวศวิหาร– ร้าน ณ บวร– พิพิธบางลำพู– ร้านพัวกี่ เย็นตาโฟ– พิพิธภัณฑ์เหรียญ– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร– วัดมหาธาตุยุวราชรังสฤษฎิ์ราชวรมหาวิหาร– นิทรรศการเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว– ร้าน A pink rabbit + Bob ก่อนเริ่มทริป เราไปเติมพลังกันที่ร้าน “ปาท่องโก๋ คาเฟ่” กันก่อน ร้านเป็นตึกแถว 2 คูหา อยู่หัวมุมถนน ตรงข้ามวัดบวรนิเวศพอดี ภายในร้านไม่ได้มีแค่ปาท่องโก๋นะ แต่ยังมีเมนูหลากหลายให้เลือกทานเลย ทั้งเมนูของคาวและของหวานที่ใช้ปาท่องโก๋มาประยุกต์ เช่น ปาท่องโก๋หน้าไก่ ปาท่องโก๋ยำทรงเครื่อง และอีกมากมาย แอดทานแบบเบาๆ กับเมนูปาท่องโก๋ย่างพริกเผาหมูหยอง บอกเลยอร่อยมากๆ อิ่มกำลังพอดี ปาท่องโก๋ไม่อมน้ำมันด้วย อีกเมนูก็คือ ปาท่องโก๋ไอศกรีมวานิลลา เมนูนี้ก็เก๋ไม่แพ้กัน เพราะเป็นปาท่องโก๋ที่โปะด้วยไอศกรีม 1 สกู๊ปอยู่ด้านบน ไอศกรีมเป็นแบบโฮมเมด มีหลายรสชาติทั้งชาไทย กาแฟ วานิลลา และลิ้นจี่ น่าลองทุกรสเลย ปาท่องโก๋ คาเฟ่ที่ตั้ง : 246 ถนนพระสุเมรุ แขวงตลาดยอด เขตพระนคร กรุงเทพฯ (อยู่ตรงหัวมุมถนนพระสุเมรุตัดกับถนนสิบสามห้าง ตรงข้ามวัดบวรนิเวศ)เปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.โทร. 02 281 9754 หลังจากอิ่มท้องกันแล้ว ก็เดินข้ามถนนมาที่ “วัดบวรนิเวศวิหาร” วัดบวรนิเวศวิหารเป็นพระอารามหลวงชั้นเอก ชนิดราชวรวิหาร สร้างในสมัยรัชกาลที่ 3 ระหว่าง พ.ศ.2367-2375 โดยสมเด็จพระบวรราชเจ้ามหาศักดิพลเสพเป็นแม่กองก่อสร้าง ต่อมา พ.ศ.2379 รัชกาลที่ 3 ได้เชิญเสด็จเจ้าฟ้ามงกุฎซึ่งผนวชจำพรรษาอยู่ที่วัดราชาธิวาส มาจำพรรษาที่วัดนี้ โดยจัดขบวนแห่เหมือนอย่างพระมหาอุปราช แล้วพระราชทานนามวัดว่า “วัดบวรนิเวศวิหาร” พระอุโบสถ เป็นอาคารทรงตรีมุข หลังคามุงกระเบื้องเคลือบลูกฟูกแบบจีน หน้าบันประดับกระเบื้องเคลือบ ตรงกลางเป็นตราพระมหามงกุฏและพระแสงขรรค์ประดิษฐานเหนือพานแว่นฟ้า มีใบเสมาศิลาติดอยู่ที่ผนังด้านหน้า ภายในมีจิตรกรรมฝาผนังฝีมือขรัวอินโข่ง ซึ่งรัชกาลที่ 4 มีพระราชดำริให้เขียนขึ้นตั้งแต่เมื่อครั้งยังทรงผนวช ภายในประดิษฐานพระประธาน 2 องค์องค์หน้าคือ “พระพุทธชินสีห์” อัญเชิญมาจากวัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก องค์หลังคือ “พระสุวรรณเขต” หรือ หลวงพ่อโต อัญเชิญมาจากวัดสระตะพาน จ.เพชรบุรี ที่ฐานพุทธบัลลังก์ของพระพุทธชินสีห์ยังเป็นที่บรรจุพระบรมราชสรีรางคารของพระมหากษัตริย์ถึง 2 พระองค์ คือ รัชกาลที่ 6 และรัชกาลที่ 9 ด้วย เจดีย์ประธานของวัดสร้างสมัยรัชกาลที่ 4 มีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังขนาดใหญ่ หุ้มกระเบื้องสีทอง ภายในประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุ บนฐานทักษิณชั้นบน ด้านทิศตะวันออกของเจดีย์ มีซุ้มปรางค์ประดิษฐานพระบรมรูปรัชกาลที่ 4 องค์จำลอง ซึ่งหล่อขึ้นเมื่อ พ.ศ.2508 (ส่วนองค์จริงทำจากปูนปลาสเตอร์ ประดิษฐานอยู่ภายในตำหนักเพ็ชร)  เดินไปอีกนิดจะพบ “วิหารพระศาสดา” ซึ่งรัชกาลที่ 4 โปรดฯ ให้สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ.2402 แล้วเสร็จในสมัยรัชกาลที่ 5 ภายในวิหารแบ่งเป็น 2 ตอน ทิศตะวันออกประดิษฐาน “พระศาสดา” พระพุทธรูปสำริดปางมารวิชัย สมัยสุโขทัย เดิมประดิษฐานอยู่ที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.พิษณุโลก ทิศตะวันตกประดิษฐาน “พระไสยา” พระพุทธรูปสำริดลงรักปิดทองปางไสยาสน์ สมัยสุโขทัย ที่ฐานบรรจุพระอัฐิของสมเด็จพระมหาสมณเจ้า กรมพระยาวชิรญาณวโรรส ซึ่งทรงเป็นอดีตเจ้าอาวาสวัดบวรนิเวศวิหาร และสมเด็จพระสังฆราชพระองค์ที่ 10 แห่งกรุงรัตนโกสินทร์ ภายในวัดยังมีตำหนัก วิหาร และอาคารต่างๆ ที่สวยงามและน่าชมอยู่อีกมากเลยล่ะ วัดบวรนิเวศวิหาร ราชวรวิหารที่ตั้ง : ถนนพระสุเมรุ แขวงบวรนิเวศ เขตพระนคร กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 08.00-21.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/mKqHQMqkr7n หลังจากไว้พระ เดินชมวัดเรียบร้อยแล้ว แอดก็มานั่งพัก หาอะไรดื่มกันที่ร้าน “ณ บวร” ร้านกาแฟโมเดิร์นคลาสสิกประยุกต์ ตั้งอยู่ในตึกแถวโบราณ ริมถนนพระสุเมรุ ตรงข้ามวัดบวรนิเวศวิหาร คำว่า “ณ บวร” มีความหมายตามหลักภาษาไทย ดังนี้“ณ” หมายถึง ที่นี่“บวร” หมายถึง ประเสริฐ เลิศล้ำ แต่สำหรับร้านนี้ คำว่า “ณ บวร” ยังซ่อนความหมายและเจตนารมย์ของร้านเอาไว้ในตัวอักษรด้วย นั่นก็คือ “บ” คือ บ้าน สถานที่อบอุ่นผ่อนคลาย“ว” คือ วัด เขตของความสุข สงบ สบาย“ร” คือ ร้านกาแฟ อันหมายถึงศูนย์กลางเล็กๆ ของชุมชนที่พร้อมบริการเครื่องดื่ม ขนม และบริการที่ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี ภายในร้านตกแต่งอย่างเรียบง่ายและร่วมสมัย น่านั่งมากๆ เนื่องจากตอนนี้ยังเช้าอยู่ ร่างกายต้องการคาเฟอีน แอดเลยสั่ง คาราเมล แมคเคียโต้เย็น (Iced Caramel Macchiato) รสชาติเข้มข้น หอมคาราเมล ไม่หวานเกินไป ชอบมากกก อีกเมนูคือ ช็อกโกแลตร้อน (Hot Chocolate) เข้มข้นถึงใจมากๆ

Walking Bangkok : วังหน้า – บางลำพู อ่านเพิ่มเติม

ล่องแก่งอีแต๊ก กินข้าวริมน้ำตก ณ บ้านคีรีวงกต จ.อุดรธานี

หมู่บ้านคีรีวงกต ตั้งอยู่ในอำเภอนายูง อำเภอเหนือสุดของจังหวัดอุดรธานี เป็นหมู่บ้านท่ามกลางขุนเขาอันเขียวขจีของอุทยานแห่งชาติน้ำโสม-นายูง ที่เป็นต้นกำเนิดของน้ำตกห้วยพาง น้ำตกที่หล่อเลี้ยงทุกชีวิตในหมู่บ้านแห่งนี้ หมู่บ้านนี้เปิดเป็นสถานที่ท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ในแบบชุมชน ซึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเราจะได้รับประสบการณ์ฟินๆ กลับบ้านอย่างแน่นอน ฟินที่ 1 : ล่องแก่งอีแต๊ก เริ่มทริปด้วยการนั่งรถอีแต๊กชมบรรยากาศและความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติรอบๆ หมู่บ้าน ระหว่างทางจะได้เห็นวิถีชาวบ้านที่มีการทำการเกษตร ปลูกผัก ปลูกสตรอว์เบอร์รี เป็นต้น.จากนั้นเราจะนั่งรถอีแต๊กลุยห้วยน้ำฮวย เข้าสู่ป่าไปยังน้ำตกห้วยช้างพลาย งานนี้ต้องมีเปียกกันบ้างแหละ ฟินที่ 2 : ทานบุฟเฟ่ต์ริมน้ำตก ทริปนี้เราจะได้ทานอาหารแบบบ้านๆ ริมน้ำตก มีทั้งส้มตำรสแซ่บ ไก่ย่างรสเด็ด ปลาเผา แกงส้มปลาใส่ในกระบอกไม้ไผ่ พร้อมผลไม้ ขอบอกว่าอร่อยทุกเมนู วางช้อนไม่ลงเลย.และที่เก๋ไก๋สุดๆ คือภาชนะทุกอย่างทำจากใบตองและกระบอกไม้ไผ่ ไม่ว่าจะเป็นจาน ช้อน และแก้วน้ำ โอโห้ นี่แหละวิถีรักษ์โลกของแท้ ฟินที่ 3 : จิบกาแฟอาราบิก้า OTOP ของอำเภอนายูง อำเภอนายูงส่งเสริมให้เกษตรกรในพื้นที่ รวมถึงหมู่บ้านคีรีวงกต ปลูกกาแฟอาราบิก้าและพืชเมืองหนาว มีการก่อตั้งกลุ่มวิสาหกิจชุมชนกาแฟนายูงขึ้น มีโรงงานแปรรูปกาแฟที่ผลิตทั้งกาแฟอาราบิก้าและโรบัสต้าในรูปแบบกาแฟคั่วบด ใช้ชื่อแบรนด์ว่า “กาแฟนายูง Nayung’s Coffee” ฟินที่ 4 : บ้านพักกลางป่า ในหมู่บ้านมีที่พักแบบโฮมสเตย์และรีสอร์ทให้บริการ ตื่นมารับแดดยามเช้าและชมวิวภูเขาแบบใกล้ๆ ถ้าเป็นหน้าฝน-หน้าหนาว จะได้ขึ้นไปชมทะเลหมอกจากจุดชมวิวบนยอดเขาด้วยนะเจอแบบนี้ แอดฟินตายเลย………………………………………..ใครสนใจไปเที่ยวที่หมู่บ้านคีรีวงกต เขามีโปรแกรมมานำเสนอตามนี้นะจ๊ะ – ล่องแก่งอีแต๊กไป-กลับ ไม่รวมอาหารและน้ำดื่ม ราคาคันละ 500 บาท นั่งได้ 8 คน– ล่องแก่งอีแต๊ก รวมอาหารกลางวัน ราคา 300 บาทต่อคน– ล่องแก่งอีแต๊ก 2 วัน 1 คืน ราคา 900 บาทต่อคน รวมค่าที่พักแบบโฮมสเตย์ และอาหาร 3 มื้อ สอบถามเพิ่มเติมได้ที่ ผู้ใหญ่นรินทร์ (ผู้ใหญ่บ้านคีรีวงกต) โทร. 083 147 9004 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 มกราคม 2562

ล่องแก่งอีแต๊ก กินข้าวริมน้ำตก ณ บ้านคีรีวงกต จ.อุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

“หมู่บ้านอีต่อง” จ.กาญจนบุรี

หมู่บ้านอีต่อง เดิมเป็นเหมืองแร่ที่มีความเจริญรุ่งเรืองมากแห่งหนึ่งของประเทศไทย แต่ต่อมาได้ปิดตัวลงเนื่องจากสภาวะทางเศรษฐกิจ หมู่บ้านอีต่องถือเป็นหมู่บ้านที่อากาศดีและบริสุทธิ์ ซึ่งกำลังได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก และที่สำคัญยังมีอากาศเย็นตลอดทั้งปีอีกด้วยค่ะ ในยามเช้าเพื่อนๆ จะได้พบกับไอหมอกจางๆ ลอยตัดกับแสงแดด ณ บริเวณบ่อน้ำกลางหมู่บ้าน นับเป็นภาพบรรยากาศที่ติดตาตรึงใจสุดๆ เลยละค่ะ เมื่อเดินเล่นไปเรื่อยๆ เราก็จะได้พบกับมุมถ่ายรูปยอดฮิต ก็คือ ราวสะพานที่มีป้ายไม้มากมายห้อยไว้เต็มไปหมด.ป้ายไม้เหล่านี้เป็นป้ายที่ผู้มาเยือนได้เขียนข้อความต่างๆ และนำมาแขวนไว้ ไม่ว่าจะเป็นความประทับใจที่ได้เดินทางมาที่นี่ ชื่อของตัวเองและคนรัก หรือแม้กระทั่งขอพรก็ยังมี เมื่อมาถึงหมู่บ้านแห่งนี้ สิ่งหนึ่งที่พลาดไม่ได้เลยก็คือการไปชมพระอาทิตย์ตกดินที่จุดชมวิวเนินช้างศึก เพราะนอกจากความสวยงามของดวงอาทิตย์ที่กำลังอัสดงแล้ว เพื่อนๆ ยังจะได้ชมทิวทัศน์ของชายแดนไทย-พม่าอีกด้วยค่ะ ความวุ่นวายเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องพบเจอ หากเราจมอยู่กับปัญหาที่เกิดขึ้น นอกจากจะหาทางแก้ไขไม่ได้แล้วยังทำให้เกิดความเครียดอีกด้วย การได้ออกเดินทางท่องเที่ยว หลีกหนีความวุ่นวายไปสูดอากาศบริสุทธิ์ แม้ว่าจะไม่สามารถช่วยให้เราแก้ไขปัญหาต่างๆ ได้ แต่อย่างน้อยก็เป็นช่วงเวลาดีๆ ที่จะทำให้เราได้หยุดคิดพิจารณา และสุดท้ายเราอาจพบว่าปัญหาต่างๆ ไม่ได้ยากอย่างที่เราคิดก็เป็นได้… เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 29 มกราคม 2562

“หมู่บ้านอีต่อง” จ.กาญจนบุรี อ่านเพิ่มเติม

อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน : อโรคยาศาลโป่งคำราม

อโรคยาศาล โป่งคำราม เป็นสถานที่ท่องเที่ยวเพื่อสุขภาพอีกแห่งหนึ่งของจังหวัดตาก ที่เรียกได้ว่าเป็นออนเซ็นแห่งแม่กาษาเลยทีเดียว ซึ่งสิ่งที่แปลกใหม่และไม่เหมือนใครในประเทศไทยนั่นก็คือ การแช่ออนเซ็นในถังไม้โอ๊กแบบญี่ปุ่นนั่นเอง น้ำแร่โป่งคำราม มีจุดเด่นอยู่ตรงที่เป็นน้ำพุร้อนอุณหภูมิประมาณ 60 องศาเซลเซียส จากการวิจัยพบว่ามีแร่ธาตุที่ดีต่อสุขภาพ ปราศจากกรดและกลิ่นกำมะถันอีกด้วย ถังไม้โอ๊กถูกจัดวางอย่างเป็นระเบียบ น่าลงไปแช่มากๆ แต่ก่อนจะลงไปแช่ต้องอาบน้ำชำระร่างกายให้สะอาดก่อนนะคะ จากนั้นลงแช่น้ำแร่ประมาณ 15-20 นาที หากแช่นานกว่านั้นอาจทำให้ร่างกายอ่อนเพลียหรือเกิดการช็อคได้ หลังจากแช่น้ำแร่แล้วควรอาบน้ำเย็นอีกครั้งเพื่อกระชับรูขุมขน ก็เป็นอันเสร็จขั้นตอนของการแช่น้ำแร่แล้วล่ะค่ะ การแช่น้ำแร่จะช่วยผ่อนคลายความเมื่อยล้า และช่วยทำให้ระบบหมุนเวียนโลหิตในร่างกายดีขึ้น นอกจากนี้ยังสามารถรักษาโรคภัยไข้เจ็บบางอย่างได้ สำหรับผู้ที่ปวดเมื่อยตามร่างกายหรือเป็นตะคริวบ่อยๆ การแช่น้ำแร่เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ดีเลยล่ะ ที่นี่เค้าแยกโซนของผู้หญิงและผู้ชายอย่างชัดเจน ทั้งห้องเปลี่ยนผ้า ห้องน้ำ และโซนแช่น้ำแร่ แช่กันได้สบายใจ ไม่ต้องกลัวเขินเลย  ที่ตั้ง : 346 หมู่ 6 บ้านน้ำดิบ ตำบลแม่กาษา อำเภอแม่สอด จังหวัดตากเปิดทุกวันเวลา 06.00 – 20.00 น.โทร. 098 286 8899พิกัด : https://goo.gl/maps/H56vJ2pHzL82 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 30 มกราคม 2562

อาบน้ำแร่ แช่น้ำร้อน : อโรคยาศาลโป่งคำราม อ่านเพิ่มเติม

วัดหนองบัว : กระจกสะท้อนวัฒนธรรม

วัดแห่งนี้เป็นอีกหนึ่งวัดที่มีชื่อเสียงของ จ.น่าน เนื่องจากมีภาพจิตรกรรมฝาผนังที่งดงาม ซึ่งสันนิษฐานว่าศิลปินผู้สร้างสรรค์ผลงานก็คือเจ้าของภาพจิตรกรรมฝาผนังวัดภูมินทร์อันโด่งดังนั่นเองค่ะ เมื่อเพื่อนๆ มาถึงวัดหนองบัว สิ่งแรกที่จะได้พบก็คือ คุณตาคุณยายกำลังนั่งเล่นดนตรีพื้นบ้านกันอย่างสนุกสนาน เพื่อคอยต้อนรับนักท่องเที่ยว ณ บริเวณทางเข้าวัด ซึ่งเพื่อนๆ สามารถร่วมสมทบทุนวงดนตรีพื้นบ้าน ผู้สูงอายุบ้านหนองบัวได้ค่ะ วัดหนองบัวเป็นวัดเก่าแก่ประจำหมู่บ้านหนองบัว ภายในประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัยและพระพุทธรูปล้านนาองค์เล็กอีกหลายองค์ นอกจากนี้ยังมีภาพจิตรกรรมฝาผนังภาพที่สวยงามและหาชมได้ยากอีกด้วย โดยผู้วาดก็คือจิตรกรชาวไทลื้อที่ชื่อ หนานบัวผัน ซึ่งเป็นเจ้าของผลงานภาพปู่ม่านย่าม่านอันเลื่องชื่อที่วัดภูมินทร์นั่นเองค่ะ นี่คือภาพจิตรกรรมฝาผนังของวัดหนองบัวที่ยังคงหลงเหลืออยู่ เพื่อนๆ จะเห็นได้ว่าลวดลายต่างๆ ที่ยังอยู่นั้นมีความสวยงามเพียงใด แม้บางภาพอาจจะดูเลือนรางจางลงไปตามกาลเวลาบ้างแล้วก็ตาม นอกจากความสวยงามของวัดและภาพจิตรกรรมฝาผนังแล้ว ที่วัดแห่งนี้ยังมี “ศูนย์บูรณาการวัฒนธรรมไทยสายใยชุมชน” อีกด้วยค่ะ ซึ่งศูนย์แห่งนี้ก็เปรียบเสมือนศูนย์รวมของชุมชน เพราะเมื่อว่างจากงานที่ทำอยู่ ชาวบ้านก็จะมาช่วยกันปั่นฝ้าย ทอผ้า เพื่อสืบสานวัฒนธรรมอันดีงามของท้องถิ่น และเป็นการเสริมสร้างความสามัคคีในชุมชนอีกด้วยค่ะ เพื่อนๆ สามารถมาลองรีดเมล็ดฝ้ายและปั่นฝ้ายด้วยตนเองได้ด้วยนะคะ โดยจะมีคุณยายอยู่ใกล้ๆ คอยช่วยสอนอยู่ค่ะ วัดหนองบัวที่ตั้ง : บ้านหนองบัว ต.ป่าคา อ.ท่าวังผา จ.น่านพิกัด : https://goo.gl/maps/JfsMr49cJgR2 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 31 มกราคม 2562

วัดหนองบัว : กระจกสะท้อนวัฒนธรรม อ่านเพิ่มเติม

A day in Chainat : 1 วัน ตะลอนเที่ยวชัยนาท

1 วันในชัยนาท จะไปเที่ยวที่ไหนได้บ้าง ตามไปดูกันเลย สถานีตำรวจภูธรอำเภอสรรพยา (โรงพักเก่าสรรพยา) เป็นอาคารที่สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 มีอายุกว่า 100 ปี นับเป็นโรงพักที่เก่าแก่ที่สุดในประเทศไทย และยังได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปสถาปัตยกรรมดีเด่น ประจำปี 2561 ประเภทอาคารสถาบันและอาคารสาธารณะ จากสมาคมสถาปนิกสยามอีกด้วย ปัจจุบันได้รับการปรับปรุงให้เป็นพิพิธภัณฑ์ ภายในจัดแสดงเรื่องราวประวัติศาสตร์ท้องถิ่นของอำเภอสรรพยา.ที่ตั้ง : หมู่ 4 ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/QUZj82MKeXN2เปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. ก๋วยเตี๋ยวโบราณ สูตรแต้จิ๋ว มาเที่ยวอำเภอสรรพยาต้องห้ามพลาดบะหมี่ป้าโหนก ร้านตั้งอยู่ย่านตลาดโรงพักเก่าสรรพยา คนในพื้นที่มักเรียกกันติดปากว่าก๋วยเตี๋ยวป้าโหนก ร้านนี้เปิดมายาวนานกว่า 70 ปี ซึ่งป้าโหนกเป็นรุ่นที่ 2 ต่อจากคุณพ่อ ทีเด็ดอยู่ตรงเส้นบะหมี่ที่ทำเองวันต่อวัน และเป็นสูตรเฉพาะของครอบครัว ที่สำคัญไม่ใส่สีและสารกันบูดด้วย.ที่ตั้ง : ย่านตลาดโรงพักเก่า ต.สรรพยา อ.สรรพยา จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/v2bLugZQtw92เปิดทุกวัน เวลา 10.00-16.00 น. ชุมชนตลาดเก่าสรรพยา ถ้าใครอยากมาเดินเล่นย้อนอดีตหรือถ่ายรูปกับบ้านเรือนเก่าๆ และสตรีทอาร์ตสวยๆ ต้องมาที่นี่เลย  ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน บริเวณชุมชนแห่งนี้จะมีการจัดงาน “โรงพักเก่าสรรพยา Night Market” เป็นถนนคนเดินยามค่ำคืน มีสินค้าและของดีจากชุมชนมาขายมากมาย ตลาดเปิดทุกเสาร์-อาทิตย์ต้นเดือน เวลา 15.00-21.00 น. มาถึงตลาดโรงพักเก่าสรรพยาทั้งที ต้องมาชิมของดีของอำเภอสรรพยา เช่น ต้มปลาร้าหัวตาล เม็ดขนุนจาวตาล และขนมหน้างากุยหลี เป็นต้น วัดสรรพยาวัฒนาราม เป็นวัดที่สร้างขึ้นตั้งแต่สมัยอยุธยา ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ หลวงพ่อสำเร็จ พระพุทธรูปองค์ใหญ่ที่ประดิษฐานอยู่อย่างโดดเด่นบริเวณหน้าวัด เป็นพระพุทธรูปที่ชาวบ้านร่วมแรงร่วมใจกันสร้างเสร็จภายใน 1 วัน โดยการนำเอาพระพุทธรูปองค์เล็กๆ จำนวน 175,000 องค์ มาติดบริเวณผิวขององค์พระโดยรอบ ชาวบ้านจึงเชื่อกันว่า การได้มากราบหลวงพ่อสำเร็จ 1 ครั้ง เท่ากับได้รับพรจากพระนับแสนองค์เลยทีเดียว ด้านนอกของวิหารน้อยมีประติมากรรมปูนปั้น “พระฉาย” ซึ่งเป็นตอนหนึ่งในพุทธประวัติ ที่พระพุทธเจ้าได้ประทับเงาของพระองค์ลงบนหน้าผาเพื่อให้ผู้คนได้มาเคารพบูชา ภายในวิหารน้อยมีพระพุทธรูปปางกราบพระบรมศพที่หาชมได้ยาก ชาวบ้านนิยมมาขอพรเกี่ยวกับสุขภาพ ให้หายจากอาการเจ็บป่วยหรือให้ร่างกายแข็งแรง.ที่ตั้ง : อ.สรรพยา จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/fkH6h4yGYSoเปิดทุกวัน เวลา 08.00-16.00 น. เรียนรู้วิธีการทำน้ำตาลโตนด อำเภอสรรคบุรี เป็นพื้นที่ที่มีการปลูกต้นตาลเป็นจำนวนมาก โดยเฉพาะตำบลห้วยกรดและตำบลบางขุด จึงมีการนำน้ำตาลสดมาแปรรูปเป็นน้ำตาลโตนด.เราสามารถเข้าไปดูวิธีการทำน้ำตาลโตนดได้ที่ชุมชน โดยการทำน้ำตาลโตนดจะมีช่วงเดือนมกราคม-พฤษภาคม หากใครต้องการไปเรียนรู้วิถีชุมชน วิถีคนทำตาล สามารถไปได้ที่ ศูนย์การเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงอนุรักษ์ตาลโตนดที่ตั้ง : หมู่ 9 ต.ห้วยกรด อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาทเทศบาลตำบลห้วยกรด โทร.056 945 088-9 ขนมหน้าควายลุย.ขนมชื่อแปลกที่หาทานได้เฉพาะจังหวัดชัยนาทเท่านั้น ขนมชนิดนี้เกิดจากการที่ชาวบ้านในชุมชนนำวัตถุดิบที่หาได้ง่ายๆ ใกล้ตัว อย่างถั่วเขียวและเผือกที่ปลูกไว้ รวมทั้งน้ำตาลโตนดที่เป็นของขึ้นชื่ออำเภอห้วยกรด มาทำเป็นขนม.วิธีการทำคือ นำถั่วเขียวและเผือกไปนึ่งให้สุก ใส่กะทิสด แล้วกวนให้เข้ากัน จากนั้นใส่น้ำตาลโตนด และกวนให้เป็นเนื้อเดียวกัน เมื่อเสร็จแล้วเนื้อจะเหนียวข้นเหมือนกับโคลนที่ถูกควายลุยนั่นเอง เวลารับประทานก็ตักใส่บนข้าวเหนียวมูนร้อนๆ ที่ราดด้วยกะทิ รสชาติหวานมันเค็มกำลังดี มีเนื้อเผือกนุ่มๆ อร่อยละมุนลิ้นสุดๆ.ขนมหน้าควายลุย หาทานได้ที่ ตลาดนัดชุมชนวัดมหาธาตุ อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาท เปิดวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/3a9Pv7fPpqp วัดมหาธาตุ หรือ วัดหัวเมือง เป็นวัดเก่าแก่ของอำเภอสรรคบุรี โบราณสถานที่น่าสนใจและมีความสำคัญทางประวัติศาสตร์ ได้แก่ พระปรางค์ยอดกลีบมะเฟือง มีลักษณะเป็นปรางค์ทรงสูงชะลูด ส่วนยอดคล้ายกลีบมะเฟือง นิยมสร้างในสมัยอู่ทอง พระพุทธรูปสำคัญภายในวัดได้แก่ หลวงพ่อใหญ่ ที่มีอายุกว่า 700 ปี หลวงพ่อทองดำ พระพุทธสรรค์สิทธิ และหลวงพ่อหลักเมือง หรือหลวงพ่อหมอ พระพุทธรูปเหล่านี้ล้วนมีความเก่าแก่ เชื่อกันว่าสร้างขึ้นราวสมัยอยุธยาตอนต้น.ที่ตั้ง : ถนนเลียบแม่น้ำน้อย ต.แพรกศรีราชา อ.สรรคบุรี จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/dV3vMbjd2pP2 วัดทรงเสวย เดิมชื่อ “วัดหนองแค” เมื่อ พ.ศ.2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวได้เสด็จฯ ตรวจสอบลำน้ำเก่าทางเรือ ทรงแวะพักเสวยพระกระยาหารที่วัดนี้ และได้พระราชทานนามว่า “วัดเสวย” ชาวบ้านเห็นเป็นราชาศัพท์ จึงเพิ่มคำว่า “ทรง” เข้าไปด้วย กลายเป็นวัด “ทรงเสวย” ภายในวัดมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ พระพุทธสุวรรณชัยมหามุนี (หลวงพ่อทองคำ) ประดิษฐานอยู่ภายในพระอุโบสถ นับถือกันว่าเป็นพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ สร้างในสมัยรัชกาลที่ 5 สิ่งของเนื่องในงานพระศพของพระองค์เจ้าอุรุพงศ์รัชสมโภช พระราชโอรสในรัชกาลที่ 5 ซึ่งรัชกาลที่ 5 ได้พระราชทานไว้ให้แก่วัด ได้แก่ บาตร ปิ่นโต และป้านน้ำชา เป็นต้น ที่ตั้ง : บ้านหนองแค เลขที่ 63 หมู่ 1 ต.หนองน้อย อ. วัดสิงห์ จ.ชัยนาทพิกัด : https://goo.gl/maps/xUhgF2auXk12 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 31 มกราคม 2562

A day in Chainat : 1 วัน ตะลอนเที่ยวชัยนาท อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top