สถานที่ท่องเที่ยว

วัดพระธาตุดอยพระฌาน ศาสนสถานกลางเมฆหมอก

วัดพระธาตุดอยพระฌาน ตั้งอยู่ที่ตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปาง วัดนี้ตั้งอยู่บนดอยสูง โอบล้อมไปด้วยป่าและขุนเขาน้อยใหญ่ มีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทัศนียภาพได้ถึง 3 อำเภอ ได้แก่ อำเภอแม่ทะ อำเภอเกาะคา และอำเภอเมืองลำปาง วัดมีพื้นที่ 2 ส่วน ได้แก่ ด้านล่างที่เป็นเขตสังฆาวาส และด้านบนยอดเขาที่ต้องขับรถขึ้นไปอีก 4 กิโลเมตร เป็นที่ตั้งของพระธาตุดอยพระฌาน และวิหาร วัดแห่งนี้เป็นวัดเก่าแก่ที่ถูกทิ้งร้างมาเป็นเวลานาน ทำให้สิ่งปลูกสร้างต่างๆ ในวัดผุพังไปตามกาลเวลา จนกระทั่งในปี 2555 ก็ได้รับการบูรณะและสร้างสิ่งก่อสร้างต่างๆ ขึ้น จนกลายเป็นวัดที่สวยงามและโดดเด่นวัดหนึ่งในจังหวัดลำปาง เมื่อขึ้นมาถึงด้านบนเราจะได้พบกับพระธาตุดอยพระฌาน ซึ่งมีลักษณะเป็นเจดีย์ทรงระฆังแบบล้านนา พระธาตุองค์นี้มีอายุกว่า 100 ปี อยู่คู่กับวัดมายาวนาน เป็นที่เคารพศรัทธาของคนในชุมชนและพื้นที่ใกล้เคียงเป็นอย่างมาก ทุกๆ ปี พุทธศาสนิกชนจะร่วมใจกันจัดงานประเพณีสรงน้ำพระธาตุ วัดพระธาตุดอยพระฌาน ในวันขึ้น 8 ค่ำ เดือน 7 ถัดมาทางด้านหน้าของพระธาตุจะเป็นวิหาร ซึ่งมีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบล้านนาร่วมสมัย ที่ผนังด้านหลังตกแต่งด้วยประติมากรรมนูนต่ำรูปต้นโพธิ์ที่งดงามและอ่อนช้อยมาก เดินอ้อมมาทางด้านหน้า เราก็จะพบกับทางขึ้นสู่วิหาร วิหารประดับประดาไปด้วยไม้แกะสลักสีทองอร่าม สวยงามตระการตามากๆ ภายในเป็นที่ประดิษฐานพระประธานนามว่า “สมเด็จพระพุทธสิกขีทศพลญาณ พิชิตมารวิกรม ปฐมสัมมาสัมโพธิญาณ ศรีพระฌานบรรพต” เป็นพระพุทธรูปปางสมาธิ ประทับอยู่ภายในซุ้มเรือนแก้ว หลังจากไหว้พระเสร็จแล้ว ออกมาด้านหน้าวิหาร เราก็จะได้เห็นทิวทัศน์อันสวยงาม จากมุมนี้เราสามารถชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอกได้ ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่สุดคือ 06.30 น. จะได้เห็นทั้งทะเลหมอกและแสงอาทิตย์ยามเช้าเลย ในช่วงหน้าฝนและหน้าหนาว อากาศจะเย็นสบาย เหมาะที่จะแวะเวียนไปชมพระอาทิตย์ขึ้นและสูดอากาศบริสุทธิ์ให้เต็มปอดจริงๆ วัดพระธาตุดอยพระฌานที่ตั้ง : ตำบลป่าตัน อำเภอแม่ทะ จังหวัดลำปางเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-17.00 น. การเดินทางจากอำเภอเมืองลำปาง ใช้ถนนสายลำปาง-แม่ทะ ถึงแยกบ้านฟ่อนให้เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 1036 เข้าสู่อำเภอแม่ทะ ถึงทางเข้าบ้านแม่ปุง-บ้านป่าตันให้เลี้ยวขวา ตรงไปเรื่อยๆ จนถึงแยกวัดป่าตันหลวงให้ตรงไป มีป้ายบอกทางเป็นระยะ ทางวัดอนุญาตให้ขับรถส่วนตัวขึ้นมาได้เฉพาะวันจันทร์-ศุกร์เท่านั้น เนื่องจากพื้นที่จำกัด ส่วนวันหยุดจะมีรถสองแถวให้บริการ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 24 กันยายน 2562

วัดพระธาตุดอยพระฌาน ศาสนสถานกลางเมฆหมอก อ่านเพิ่มเติม

คำมี สตูดิโอ : KUMMEE STUDIO

คำมี KUMMEE STUDIO : Ceramics pottery ที่ตั้ง : 1 ม.11 ต.แม่คำมี อ.เมือง จ.แพร่เปิดวันวันพฤหัสบดี-จันทร์ เวลา 10.00-16.00 น. (ปิดวันอังคาร-พุธ)โทร.085 867 9358พิกัด : https://goo.gl/maps/j5XBU5YH3GDdr1V3A คำมี สตูดิโอ เป็นสถานที่ที่รวบรวมผลงานการปั้นเซรามิกหลากหลายรูปแบบที่มีเอกลักษณ์ รูปร่างแปลกตาไม่เหมือนใคร และยังเป็นสตูดิโอสอนปั้นเซรามิกแห่งแรกของเมืองแพร่ ที่ให้คนทั่วไปได้มาเรียนรู้การปั้นดินและเพนท์งานเซรามิก ภายในคำมี เราจะเห็นเซรามิกรูปแบบต่างๆ ทั้งแก้ว ชาม จาน ตุ๊กตา เป็นต้น แบ่งเป็นโซนปั้นและโซนจำหน่ายเซรามิกสวยๆ ให้เราเลือกซื้อกลับบ้านได้ด้วย กิจกรรม Workshop สามารถเข้าไปทำกิจกรรมได้โดยไม่ต้องจองคิวล่วงหน้า ค่าบริการ– Workshop ปั้นดินดินดำ ก้อนละ 180 บาทดินขาว ก้อนละ 150 บาท – Workshop งานเพนท์มีภาชนะสำเร็จรูป เช่น แก้ว จาน ชาม ให้เลือกลงลาย ลงสี เพนท์เองได้ ราคาเริ่มต้นที่ 60 บาท ราคารวมค่าเคลือบและเผาเรียบร้อยแล้ว นอกจากจะได้เรียนรู้การปั้นเซรามิกแล้ว ที่คำมียังมีโซนคาเฟ่ด้วยนะ ภายใต้คอนเซ็ปต์ปั้นดินกินพิซซ่า ที่ห้ามพลาดเลยก็คือ พิซซ่าโฮมเมดจากเตาร้อนๆ และเมนูเครื่องดื่มที่ต้องมาลอง ปั้นดินไปกินพิซซ่าไป เพลินสุดๆ เลยค่ะ พิซซ่ารสชาติอร่อยถูกใจทุกเพศทุกวัยเลยล่ะ แป้งหนานุ่ม มีให้เลือกหลายหน้า ไม่ว่าจะเป็นฮาวายเอี้ยน ผักโขมชีส ครีมเห็ดคาโบนาร่า ฯลฯ ราคาเริ่มต้นถาดละ 200 บาทเท่านั้น ใครอยากได้สองหน้าใน 1 ถาดก็สามารถสั่งได้ด้วยนะ ใครชอบชีสเยอะๆ ก็สั่งเพิ่มชีสได้ ดีงามไปอีก workshop เพนท์จาน เราสามารถวาดลายและลงสีได้เองเลยนะ บอกเลยว่าสนุกมากๆ หากใครอยากหาสถานที่ทำกิจกรรมแบบนี้ ที่นี่ก็เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจไม่น้อยเลยค่ะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 11 พฤศจิกายน 2562

คำมี สตูดิโอ : KUMMEE STUDIO อ่านเพิ่มเติม

ด อ ย ผ า ห มี : เ ชี ย ง ร า ย

ดอยผาหมี ตั้งอยู่ในเขต อ.แม่สาย จ.เชียงราย ประชากรในชุมชนเป็นชาวอาข่าที่ประกอบอาชีพเกษตรกรรมเป็นหลัก ครั้งหนึ่ง พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศร มหาภูมิพลอดุลยเดชมหาราช บรมนาถบพิตร ได้เคยเสด็จพระราชดำเนินมาเยี่ยมเยือนประชาชน ณ ที่แห่งนี้ด้วย หมู่บ้านผาหมี เป็นหมู่บ้านที่มีทิวทัศน์สวยงามมาก มีโฮมสเตย์ราคาหลักร้อยแต่วิวหลักล้านให้บริการหลายแห่ง ซึ่งที่แอดไปพักก็คือ บูซอ โฮมสเตย์ บูซอ โฮมสเตย์ ให้บริการที่พักและลานกางเต็นท์ รวมทั้งยังมีเต็นท์ให้เช่าด้วย ลานกางเต็นท์แบ่งออกเป็น 2 ส่วน ได้แก่ส่วนที่ 1 บริเวณลานวัฒนธรรมของหมู่บ้าน อัตราค่าบริการเต็นท์ขนาด 2 คน ราคาหลังละ 350 บาทนำเต็นท์มาเอง เสียค่ากางเต็นท์ 200 บาท ที่นี่มีห้องน้ำและห้องอาบน้ำให้บริการ แต่ไม่มีอาหารเช้า โดยสามารถหาซื้อได้ที่บูซอ โฮมสเตย์ ซึ่งในตอนเช้านั้น แอดบอกเลยว่า อากาศดีมากกกก แค่ตื่นมานั่งมองดวงอาทิตย์ขึ้นก็ฟินจนบอกไม่ถูกแล้ว บริเวณลานวัฒนธรรมของหมู่บ้าน มีชิงช้าแบบอาข่าให้โล้ด้วย จุดกางเต็นท์ที่ลานวัฒนธรรมมีการแบ่งพื้นที่เป็นสัดส่วนชัดเจน และยังจำกัดจำนวนคน ทำให้ไม่แออัด ดังนั้นหากใครสนใจจะไปพัก ต้องโทรไปจองล่วงหน้านะ ส่วนที่ 2 บนดาดฟ้าของบูซอ โฮมสเตย์อัตราค่าบริการเต็นท์ขนาด 2 คน ราคาหลังละ 450 บาท (รวมอาหารเช้า) สามารถใช้ห้องน้ำ และห้องอาบน้ำของโฮมสเตย์ได้เลย วิวบนดาดฟ้าของบูซอ โฮมสเตย์ ก็สวยไม่แพ้กับที่ลานวัฒนธรรมเลยล่ะ นอกจากการมากางเต็นท์นอนแล้ว บนดอยผาหมียังมีร้านกาแฟหลายร้าน ให้เราไปนั่งจิบชากาแฟ ชมวิวชิลๆ ได้อีกด้วย หนาวนี้ใครที่นึกไม่ออกว่าจะไปเที่ยวไหน แอดแนะนำให้ลองไปดอยผาหมีดูนะ บูซอ โฮมสเตย์ที่ตั้ง : บ้านผาหมี ต.เวียงพางคำ อ.แม่สาย จ.เชียงราย พิกัด : https://goo.gl/maps/17qa9ZbAnFRPDmZcA การเดินทางจากตัวเมืองเชียงรายใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) มุ่งหน้าไปยัง ต.เวียงพางคำ ระยะทางประมาณ 58 กิโลเมตร จากนั้นให้สังเกตทางซ้ายมือ จะพบป้ายโรงเรียนเจ้าพ่อหลวงอุปถัมภ์ 5 และป้ายบอกทางไปยังหมู่บ้านผาหมี ให้เลี้ยวซ้ายตามป้าย ขับตรงเข้าไปอีกประมาณ 7 กิโลเมตร จะถึงหมู่บ้านผาหมี จากนั้น ขับรถขึ้นเขาไปอีกเล็กน้อย ทางค่อนข้างแคบและคดเคี้ยว ต้องใช้ความระมัดระวังในการขับขี่ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 6 พฤศจิกายน 2562

ด อ ย ผ า ห มี : เ ชี ย ง ร า ย อ่านเพิ่มเติม

แต่งไทยไปย้อนยุคที่ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 จังหวัดกาญจนบุรี

เมืองมัลลิกา เป็นเมืองย้อนยุคที่จำลองวิถีชีวิตชาวสยามบริเวณลุ่มน้ำเจ้าพระยา ในสมัยรัชกาลที่ 5 ร.ศ.124 ซึ่งเป็นปีที่มีการเปลี่ยนแปลงที่เด่นชัดที่สุดก็คือ การประกาศเลิกทาส เมื่อทาสได้เป็นไทก็ไม่ได้อยู่ภายใต้การควบคุมดูแลของเจ้าขุนมูลนายอีกต่อไป ต้องออกมาทำมาหากินด้วยตนเอง เกิดการปรับเปลี่ยนวิถีชีวิต กลายเป็นรากเหง้าที่สำคัญของคนไทยในปัจจุบัน นักท่องเที่ยวสามารถเช่าชุดไทยได้ที่จุดบริการเช่าชุดไทย หรือใครจะแต่งมาเองก็ได้เช่นกันค่ะ ภายในเมืองมัลลิกามีจุดที่น่าสนใจให้เราได้ชมมากมาย ไม่ว่าจะเป็นย่านการค้า สะพานหัน หอชมเมือง เรือนคหบดี เรือนเดี่ยว เรือนหมู่ เรือนแพ โรงครัว ลานมะลิ และห้องเล่าเรื่อง ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 พ่อค้าแม่ค้าที่เมืองมัลลิกาจะแต่งชุดไทยกันทุกร้านเลยค่ะ ภาษาที่ใช้จะลงท้ายด้วยขอรับและเจ้าค่ะ เพื่อให้เข้ากับบรรยากาศย้อนยุคจริงๆ ในย่านค้าขายภายในเมืองจะใช้ “เงินรู” เป็นสื่อกลางในการแลกเปลี่ยนสินค้าและบริการ ซึ่งเป็นเงินตราที่ใช้กันในสมัยโบราณทั้งสมัยสุโขทัยและอยุธยา นอกจากนี้ยังมีบริการ “รถลาก” หรือรถเจ๊ก ซึ่งเป็นรถที่ใช้คนลากไปรอบเมือง ราคา 50 บาท/เที่ยว จุดนี้เรียกว่า “สะพานหัน” เดิมสร้างเป็นสะพานไม้แผ่นเดียวพาดข้ามคลอง ปลายข้างหนึ่งตรึงแน่นกับที่ ส่วนอีกข้างไม่ตอกติด สำหรับจับหันไปมาเพื่อให้เรือแล่นผ่านได้ ต่อมาสมัยรัชกาลที่ 4 สร้างใหม่เป็นสะพานโครงเหล็กพื้นไม้ และในสมัยรัชกาลที่ 5 ได้เปลี่ยนทำเป็นสะพานไม้โค้งขนาดใหญ่ ที่สองฟากของสะพานมีห้องแถวเล็กๆ ให้ขายของ ส่วนตรงกลางเป็นทางเดิน แบบเดียวกับสะพานริอัลโต เมืองเวนิส และสะพานปองเตเวกคิโอ เมืองฟลอเรนซ์ ประเทศอิตาลี เดินข้ามสะพานหันก็มีพ่อค้าแม่ค้าขายของหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นผัก ผลไม้ ขนมโบราณ และข้าวของเครื่องใช้ต่างๆ ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 ผลไม้แห้งก็มี ผลไม้แช่อิ่มก็มา หากใครเดินมาถึงบริเวณเรือนไทย ก็จะเห็นว่าโดยรอบมีการจำลองการทำไร่ ทำนา ทำสวน ปลูกผัก สีข้าว ทอผ้า และจักสาน เพื่อแสดงถึงวิถีของชาวบ้านในสมัย ร.ศ.124 มีมุมให้ถ่ายรูปเพียบเลยค่ะ ชุดไทยสวยๆ กับเรือนไทยงามๆ เข้ากันสุดๆ  นอกจากนี้ที่นี่ยังให้บริการอาหารไทยโบราณแบบบุฟเฟ่ต์ มีทั้งอาหารกลางวันและอาหารเย็น สำหรับช่วงเย็นจะมีการแสดงนาฏศิลป์ด้วยนะคะ หากใครซื้อบัตรอาหารเย็นพร้อมชมการแสดง ก็จะได้เห็นบรรยากาศแบบนี้เลย **สำรองที่นั่งล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน** การแสดงมีทั้งหมด 6 ชุด นอกจากโขนแล้วยังมี รำกินรีร่อน ระบำศรีชัยสิงห์ กระบี่กระบอง รำซัดชาตรี และประทีปรัตนโกสินทร์ แผ่นดินมัลลิกา ซึ่งจะสลับสับเปลี่ยนกันไป สำหรับในภาพนี้เป็นการแสดงโขน ชุดทศกัณฐ์รบพระราม (ยกรบ) ค่ะ และที่เราเห็นสูงๆ นั่นคือหอชมเมืองค่ะ จำลองมาจากหอคอยในคุก ที่ใช้สำหรับตรวจตราป้องกันไม่ให้นักโทษหนีนั่นเอง เมืองมัลลิกาใช้หอคอยนี้เป็นหอชมเมือง ซึ่งสามารถมองเห็นทัศนียภาพโดยรอบที่สวยงาม เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 23 กันยายน 2562

แต่งไทยไปย้อนยุคที่ เมืองมัลลิกา ร.ศ.124 จังหวัดกาญจนบุรี อ่านเพิ่มเติม

ผาแดงหลวง ลำพูน

ผาแดงหลวง ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติแม่ปิง อำเภอลี้ จังหวัดลำพูน ผาแดงหลวง เป็นจุดชมวิวที่สวยงาม จากจุดนี้สามารถมองเห็นแม่น้ำกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา และภูเขาที่ทอดยาวสลับซับซ้อนได้แบบ 360 องศาเลยทีเดียว เมื่อมองจากมุมสูงจะเห็นหน้าผามีสีส้มอมแดง จึงเป็นที่มาของชื่อ “ผาแดงหลวง” นั่นเอง ทางอุทยานฯ เปิดให้ขึ้นไปยังจุดชมวิวผาแดงหลวงได้ในช่วงฤดูหนาวเพียงปีละครั้งเท่านั้น และหากใครอยากจะพักค้างแรม ทางอุทยานฯ อนุญาตให้พักค้างแรมเเค่บริเวณจุดกางเต็นท์ทุ่งกิ๊กเท่านั้น ไม่อนุญาตให้ไปพักข้างในหน่วยอื่น สำหรับการเดินทางมายังจุดชมวิวผาแดงหลวง จะต้องติดต่ออุทยานฯ ล่วงหน้า เพื่อจองคิวรถโฟร์วีลที่จะขึ้นไป โดยรถจะจอดส่งที่จุดจอดรถ จากนั้นเราต้องเดินต่อไปยังจุดชมวิวระยะทาง 1 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 45 นาที ไฮไลท์ที่สำคัญคือ การชมพระอาทิตย์ขึ้นยามเช้า ที่แสงอาทิตย์สีทองส่องแสงสะท้อนกับพื้นน้ำ ดูสวยงามมาก ไม่ไปเห็นกับตาไม่ได้แล้วนะแบบนี้ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 4 พฤศจิกายน 2562

ผาแดงหลวง ลำพูน อ่านเพิ่มเติม

6 ที่เที่ยววันหยุดสุดหรรษา ลั้นลาทั้งครอบครัว

Siam Amazing Park มาเริ่มกันที่แรก “สยามอะเมซิ่งพาร์ค” หรือชื่อเดิมคือ “สวนสยาม” ที่เรารู้จักกันนั่นเอง ที่นี่เป็นทั้งสวนสนุกและสวนน้ำที่ใหญ่ที่สุดในไทยเลยทีเดียว ภายในมีทะเลเทียมขนาดใหญ่ ซึ่งเป็นที่มาของฉายา “ทะเลกรุงเทพ” นอกจากนี้ทะเลเทียมของที่นี่ยังได้รับการรับรองจากกินเนสบุ๊คว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดในโลกด้วย บอกเลยว่าไม่ว่าจะเด็กหรือผู้ใหญ่ก็ต้องชื่นชอบแน่ๆ แถมยังสามารถมาเที่ยวได้ทุกโอกาสเลยล่ะ ราคาบัตรผู้ใหญ่ 900 บาทเด็ก (สูงไม่ถึง 130 เซนติเมตร) 150 บาทผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป เข้าฟรี เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 18.00 น.โทร. 02 919 7200, 02 105 4294พิกัด : https://goo.gl/maps/X6po8B9g5mY3cvTH6 SEALIFE Bangkok Ocean World อยากท่องโลกใต้ทะเลต้องมาที่นี่เลย มีกิจกรรมสนุกๆ ให้ทำมากมาย ทั้งเดินชมภายในอุโมงค์ยักษ์ใต้ท้องทะเล สัมผัสประสบการณ์ใกล้ชิดระหว่างคนกับฉลาม ฯลฯ เรียกได้ว่าเป็นการเปิดโลกแห่งการผจญภัยเลยก็ว่าได้ นับเป็นสถานที่ที่เหมาะสำหรับเด็กจริงๆ ได้ทั้งความรู้และความเพลิดเพลินเลย ราคาบัตรผู้ใหญ่ 440 บาทเด็ก อายุ 3 – 11 ปี 315 บาท เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 20.00 น.โทร. 02 687 2000พิกัด : https://goo.gl/maps/1JHA2teonxVqp19T9 ท้องฟ้าจำลอง จ.กรุงเทพฯ ศูนย์วิทยาศาสตร์เพื่อการศึกษา หรือที่รู้จักกันดีในชื่อ ท้องฟ้าจำลองกรุงเทพ ภายในแบ่งเป็นโซนนิทรรศการและโซนท้องฟ้าจำลอง อยากชมโซนไหนซื้อตั๋วได้เลย หากใครยังไม่เคยมา แอดบอกเลยว่าสมควรแก่การมาชมเป็นอย่างยิ่ง เด็กๆ ต้องชอบแน่นอน ได้ทั้งความรู้ แรงบันดาลใจ ความคิดสร้างสรรค์ ผ่านกิจกรรมสนุกๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีของเล่น ของที่ระลึกเกี่ยวกับวิทยาศาสตร์จำหน่ายด้วยนะ ราคาบัตรนิทรรศการ ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาทท้องฟ้าจำลอง ผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 20 บาท รอบการแสดงวันอังคาร 10.00 / 11.00 / 15.00 น.วันพุธ – ศุกร์ 11.00 / 15.00 น.วันเสาร์ – อาทิตย์ 10.00 / 11.00 / 13.00 / 14.00 / 15.00 / 16.00 น. เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 16.30 น.(ปิดวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์)โทร. 02 391 0544, 02 392 1773พิกัด : https://g.page/bkkplanetarium?share หุบเขาไดโนเสาร์ สวนนงนุช จ.ชลบุรี หุบเขาไดโนเสาร์ สวนนงนุช สถานที่ที่รวบรวมไดโนเสาร์ยักษ์สัตว์โลกล้านปี กว่า 90 สายพันธุ์ มาที่นี่เราจะได้ผจญภัยไปในโลกไดโนเสาร์!! รับรองว่าเด็กๆ เที่ยวเล่นได้ทั้งวันไม่เบื่อเลยค่ะ ภายในสวนนงนุชไม่ได้มีแค่หุบเขาไดโนเสาร์เท่านั้น แต่ยังมีสวนสวยอีกมากมายที่ต้องห้ามพลาด โดยราคาบัตรเข้าชมรวมทุกอย่างไว้ในราคาเดียวแล้ว ดีงามสุดๆ ราคาบัตร (ราคารวมเข้าชมทุกสวนและหุบเขาไดโนเสาร์)ผู้ใหญ่ 200 บาทเด็ก (สูงไม่ถึง 150 เซนติเมตร) เข้าฟรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น.โทร. 038 238 061พิกัด : https://goo.gl/maps/48mLquJ33dpA4Yw86 Montreux cafe’ and farm จ.นครนายก เปลี่ยนแนวมาเที่ยวสไตล์ฟาร์มๆ กันบ้าง กับมองเทรอส์ คาเฟ่ & ฟาร์ม ซึ่งภายในแบ่งออกเป็นสองส่วนคือ ส่วนคาเฟ่และฟาร์ม ส่วนของฟาร์มจะมีกิจกรรมต่างๆ ให้ทำ เช่น สาธิตการทำไข่เค็มจากดินสอพอง ซึ่งเหมาะสำหรับพาเด็กๆ มาเรียนรู้ภูมิปัญญาการถนอมอาหารแบบไทยๆ การพายเรือ ให้อาหารปลา เรียนรู้การปลูกพืชสวนครัว นอกจากนี้ยังมีมีมุมถ่ายรูปชิคๆ เก๋ๆ เพียบ ท่ามกลางบรรยากาศท้องทุ่ง เพลิดเพลินกันได้แบบยาวๆ เปิดวันอังคาร – อาทิตย์ เวลา 09.00 – 19.00 น.(ปิดวันจันทร์)โทร. 087 979 7341พิกัด : https://goo.gl/maps/SoLWp2cqeCw99sZE8 Kidzania Bangkok คิดส์ซาเนีย กรุงเทพ เป็นศูนย์การเรียนรู้และความบันเทิงสำหรับเด็ก ที่เด็กๆ สามารถมาทดลองประกอบอาชีพที่ชอบได้ เรียกได้ว่าเป็นการสานฝันของเด็กๆ ที่จะได้ทำอาชีพที่หลากหลายไม่ว่าจะเป็น นักบิน หมอ นักแสดง นักดับเพลิง ตำรวจ นักข่าว ฯลฯ ได้เต็มเติมทุกความฝันเเละจินตนาการเลยทีเดียว ราคาบัตรวันธรรมดาเด็กอายุต่ำกว่า 2 ขวบ เข้าฟรีเด็กอายุ 2 – 3 ขวบ 490 บาทเด็กอายุ 4 – 14 ขวบ 780

6 ที่เที่ยววันหยุดสุดหรรษา ลั้นลาทั้งครอบครัว อ่านเพิ่มเติม

เชียงคาน เที่ยวยาวๆ เช้ายันค่ำ จ.เลย

เชียงคาน เที่ยวยาวๆ เช้ายันค่ำ ตักบาตรข้าวเหนียวที่ถนนชายโขงชิมข้าวปุ้นน้ำแจ่ว ร้านป้าบัวหวานปั่นจักรยานที่ถนนริมโขงจุดชมวิววัดภูช้างน้อยแก่งคุดคู้มะพร้าวแก้ว ของดีเชียงคานร้าน Cafe de Riverหาดนางคอยร้านนิยมไทยชมพระอาทิตย์ตกเดินเล่นถนนคนเดินเชียงคาน  ตักบาตรข้าวเหนียวที่ถนนชายโขง มาเชียงคานแล้วต้องไม่พลาดที่จะมาตักบาตรข้าวเหนียว เพราะเป็นประเพณีที่ชาวเมืองเชียงคานทำกันมาอย่างยาวนาน.วิธีการตักบาตรข้าวเหนียวแบบที่สืบทอดกันมาแต่โบราณคือ หยิบข้าวเหนียวขึ้นมาให้พอดีคำโดยไม่ต้องปั้นเป็นก้อน จากนั้นใส่ลงไปในบาตร ซึ่งจะใส่เฉพาะข้าวเท่านั้น ไม่นิยมใส่กับข้าวลงไปด้วย หลังจากที่พระบิณฑบาตเสร็จแล้ว ชาวบ้านถึงจะนำกับข้าวที่ทำเสร็จใหม่ๆ เดินตามไปจัด “จังหัน” ต่อที่วัด ซึ่งก็คือการตักอาหารใส่ถ้วยเล็กๆ แล้วนำไปวางบนถาดกลมคล้ายๆ กับขันโตกทางภาคเหนือ แยกไว้เป็นสำรับเพื่อให้พระแต่ละรูปได้ฉันนั่นเอง.แต่ปัจจุบัน เพื่อความสะดวก นักท่องเที่ยวสามารถใส่ข้าวเหนียวและกับข้าวลงในบาตรพร้อมกันได้เลย  เวลาที่เหมาะสมในการมาตักบาตรข้าวเหนียวคือ 06.00-07.30 น. ชิมข้าวปุ้นน้ำแจ่ว ร้านป้าบัวหวาน หนึ่งในอาหารจานเด็ดที่ต้องลองเมื่อมาถึงเชียงคานก็คือ ข้าวปุ้นน้ำแจ่ว ซึ่งเป็นซุปกระดูกหมูใส่ขนมจีนและเครื่องในต่างๆ เวลาทานต้องปรุงรสด้วยมะนาว และน้ำแจ่ว (พริกสดตำ) ไม่งั้นจะไม่ครบรสนะจ๊ะ.สำหรับข้าวปุ้นน้ำแจ่วของร้านป้าบัวหวาน น้ำซุปมีความกลมกล่อม เครื่องในสะอาด ไม่มีกลิ่นเหม็น ถ้าอยากรู้ว่าอร่อยขนาดไหนต้องมาลองชิมนะคะ. ปั่นจักรยานชมวิวริมฝั่งโขง กิจกรรมยอดฮิตที่ต้องทำเมื่อมาถึงเชียงคานก็คือ ปั่นจักรยานชิลๆ ริมน้ำโขง เส้นทางปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำโขง มีจุดเริ่มต้นจากถนนคนเดินเชียงคาน ยาวไปจนถึงแก่งคุดคู้ บอกเลยว่าชมวิวแม่น้ำโขงได้อย่างจุใจ.การเช่าจักรยานก็ง่ายมาก เพราะสามารถเช่าได้จากร้านค้าและที่พักหลายแห่งบนถนนคนเดิน  ระหว่างเส้นทางปั่นจักรยานเลียบแม่น้ำโขง จะมีจุดชมวิวและลานกิจกรรม แอดเจอพี่คนนี้แต่งชุดผีตาโขนอยู่ เห็นแล้วอดใจไม่ไหวต้องขอถ่ายรูปด้วยซะหน่อย เพราะผีตาโขนถือเป็นสัญลักษณ์ของจังหวัดเลยก็ว่าได้ อะๆ ให้ทายว่าคนไหนคือแอด  จุดชมวิววัดภูช้างน้อย วัดภูช้างน้อยเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเชียงคาน สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2500 บนยอดภูประดิษฐานพระพุทธศากยมุณี ศรีเชียงคาน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “พระใหญ่”  วัดภูช้างน้อยมีจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นเมืองเชียงคาน แม่น้ำโขง ฝั่งลาว และยังชมพระอาทิตย์ตกได้อีกด้วย ถือเป็นจุดชมวิวที่เดินทางง่าย เพราะอยู่ใกล้ตัวเมืองเชียงคาน ปั่นจักรยานมาก็ยังได้ วัดภูช้างน้อยที่ตั้ง : หลังบิ๊กซี สาขาเชียงคาน ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลยพิกัด : https://goo.gl/maps/DW8HYWJwxRyiRuXx9 แก่งคุดคู้ แก่งคุดคู้ เป็นแก่งหินใหญ่ขวางอยู่กลางลำน้ำบริเวณช่วงโค้งของแม่น้ำโขง ทำให้เกิดกระแสน้ำเชี่ยวไหลผ่านแก่ง ช่วงเวลาที่เหมาะสมในการชมแก่งคุดคู้คือ ประมาณเดือนกุมภาพันธ์ถึงเดือนพฤษภาคม ซึ่งเป็นเวลาที่น้ำแห้ง มองเห็นเกาะแก่งต่างๆ ได้ชัดเจน.บริเวณนี้มีบริการให้เช่าเรือยนต์ล่องแม่น้ำโขงทั้งฝั่งไทยและฝั่ง สปป.ลาว ใช้เวลาไป-กลับประมาณ 1 ชั่วโมง ราคาเที่ยวละ 800 บาท ชมรมเรือนำเที่ยวไทย-สปป.ลาว โทร. 081 137 6051, 062 197 0269, 092 885 3975 บริเวณแก่งคุดคู้ มีทั้งสวนสาธารณะ หอชมวิว ลานกิจกรรม ร้านค้า และอาคารนิทรรศการที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับจังหวัดเลย นักท่องเที่ยวสามารถมาชมแก่งคุดคู้ และนั่งพักผ่อนหย่อนใจได้ตลอดทั้งวัน.แก่งคุดคู้พิกัด : https://goo.gl/maps/UqC5jx9ZddWqNXiL8 มะพร้าวแก้ว ของขึ้นชื่อเมืองเชียงคาน ถ้าใครเดินทางไปเที่ยวแก่งคุดคู้ จะเห็นร้านขายมะพร้าวแก้วตั้งเรียงราย เลือกไม่ถูกเลยว่าจะซื้อร้านไหนดี .ครั้งนี้แอดจะพาไปที่ร้านมะพร้าวแก้วแม่นุกูล ซึ่งเป็นสมาชิกของกลุ่มสตรีมะพร้าวแก้วบ้านน้อย ที่ผลิตมะพร้าวแก้วมาอย่างยาวนาน ตั้งแต่ พ.ศ.2536 เลยทีเดียว.มะพร้าวที่ใช้เป็นมะพร้าวน้ำหอมคุณภาพดีจากจังหวัดสมุทรสงคราม ทำให้มะพร้าวแก้วของร้านนิ่ม ไม่แข็งและแห้งจนเกินไป.กลุ่มสตรีมะพร้าวแก้วบ้านน้อย (แม่นุกูล)ที่ตั้ง : หมู่ 4 ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลยพิกัด : https://goo.gl/maps/rM8DwEKnae62EuyY7เปิดทุกวัน 08.00-18.00 น.โทร. 042 821 938, 082 835 4976 ร้าน Cafe de River.ร้าน Cafe de River ตั้งอยู่ภายในโรงแรมเชียงคานริเวอร์เมาท์เทน เป็นร้านกาแฟน่ารัก เหมาะสำหรับนั่งชิล จิบกาแฟ พร้อมชมวิวริมแม่น้ำโขงไปด้วย ที่ตั้ง : 451 หมู่ 1 ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลยเปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.โทร. 061 453 6954 ที่นี่มีทั้งอาหารคาวหวานไว้บริการ มีเมนูแนะนำเช่น พิซซ่าแป้งบางกรอบ ไข่กระทะ ฮันนี่โทสต์ วาฟเฟิลไอศกรีม และเครื่องดื่ม ชา กาแฟ ต่างๆ.รสชาติอาหารจัดว่าดีเลยทีเดียว ยิ่งมานั่งทานริมแม่น้ำโขงแบบนี้ยิ่งฟิน หาดนางคอย ชายหาดน้ำจืดแห่งเดียวของเชียงคาน ว่ากันว่าชื่อหาดนางคอยนั้นมีที่มาจาก เรื่องราวของสาวไทยที่พบรักกับหนุ่มลาวและใช้ชีวิตอยู่ด้วยกัน ทั้งสองทำอาชีพประมง หาปลาในแม่น้ำโขง โดยฝ่ายชายต้องเดินทางไปยังฝั่งลาวเพื่อหาปลา นานๆ ทีจึงจะได้กลับมา ซึ่งฝ่ายหญิงก็จะมาคอยฝ่ายชายที่หาดแห่งนี้เสมอ จนตรอมใจเสียชีวิตในที่สุด. ชายหาดน้ำจืดริมน้ำโขงแห่งนี้ อยู่ห่างจากตัวเมืองประมาณ 14 กิโลเมตร เป็นสถานที่คลายร้อนอีกแห่งหนึ่งของเมืองเชียงคาน มีแพร้านอาหารให้บริการด้วยนะ.ที่ตั้ง : หมู่ 5 บ้านหาดแห่ ต.ปากตม อ.เชียงคาน จ.เลยพิกัด : https://goo.gl/maps/uJrxvZorbEXhFp3i7 ร้านนิยมไทย ร้านทำผ้านวมฝ้ายเก่าแก่ของอำเภอเชียงคาน ที่เปิดมานานกว่า 3 รุ่น วิธีการทำผ้านวมของร้านเป็นแบบแฮนด์เมด ใช้ฝ้ายบริสุทธิ์ โดย 1 ผืน ใช้เวลาทำประมาณ 2 ชั่วโมง.ใครมาเที่ยวเชียงคาน ต้องไม่พลาดที่จะซื้อผ้านวมฝ้ายจากร้านนิยมไทย จะซื้อกลับไปใช้เองหรือนำไปเป็นของฝากก็ดีไม่แพ้กัน.ที่ตั้ง : ถ.ชายโขง อ.เชียงคาน จ.เลยเปิดทุกวัน เวลา 07.00-22.00 น.โทร. 042 821 246, 093 380 1325 ชมพระอาทิตย์ตกยามเย็น บรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่เชียงคานเป็นอะไรที่โรแมนติกมาก เพราะเราจะได้เห็นทั้งวิวแมน้ำโขง เทือกเขาสลับซับซ้อน และท้องฟ้าสีทองสวยงามยามอาทิตย์ลับขอบฟ้า  ชม ชิม ชอปที่ถนนคนเดินเชียงคาน ปิดท้าย 1 วันฟินๆ ของเราด้วยการเดินเล่นที่ถนนคนเดินเชียงคาน ความจริงแล้วถนนคนเดินเปิดตั้งแต่เช้า แต่ตอนเย็นร้านค้าต่างๆ จะเปิดกันคึกคักมากกว่า.ที่นี่มีทั้งร้านอาหารเด็ดๆ ร้านเสื้อผ้า และร้านของฝากน่าซื้อมากมาย ทำเอาเงินในกระเป๋าตังค์แอดสั่นเลยทีเดียว คราวนี้ต้องกินแหลก ชอปกระจายแน่นอน .แอดบอกเลยว่า สถานที่ท่องเที่ยวในเชียงคานยังมีอีกหลายแห่งที่รอให้ทุกคนไปสัมผัสความงามอยู่.ฉะนั้นอย่ารอช้า ว่างเมื่อไหร่ก็…ไปเลย เพราะเชียงคานเที่ยวได้เช้ายันค่ำจริงๆ  เผยแพร่ใน Facebook : TAT

เชียงคาน เที่ยวยาวๆ เช้ายันค่ำ จ.เลย อ่านเพิ่มเติม

เกาะหมาก 2 วัน 1 คืน Slow Life … Low Carbon

วันที่ 1 การเดินทางไปเกาะหมากสามารถทำได้หลายวิธี -นั่งรถโดยสารประจำทางหรือรถตู้ เส้นทางกรุงเทพฯ-แหลมงอบ จากสถานีขนส่งเอกมัยหรือสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง -ขับรถยนต์ส่วนตัวไปยังท่าเรือแหลมงอบ จังหวัดตราด สามารถจอดรถไว้ที่ท่าเรือได้ ค่าบริการคันละประมาณ 50 บาท/คืนท่าเรือแหลมงอบ : https://goo.gl/maps/wenQwGjxasTaE2rq7 -เดินทางโดยเครื่องบิน สายการบิน Bangkok Airways ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถสองแถวต่อมายังท่าเรือแหลมงอบ เมื่อมาถึงท่าเรือแหลมงอบแล้ว เราก็นั่งสปีดโบ๊ทต่อไปยังเกาะหมาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45-60 นาที โดยปกตินักท่องเที่ยวมักจะซื้อแพ็กเกจทัวร์จากรีสอร์ท ซึ่งรวมที่พักและการเดินทางไว้แล้ว แต่หากเพื่อนๆ ไม่ได้จองตั๋วมาล่วงหน้า ก็สามารถดูเที่ยวเรือและซื้อตั๋วที่ท่าเรือนี้ได้เลย แอดแนะนำว่าควรซื้อแบบไป-กลับไว้เลยนะคะ เพื่อความสะดวกและป้องกันเรือเต็มในวันกลับ และที่สำคัญอย่าลืมโทรแจ้งกับที่พักด้วย เมื่อถึงเกาะหมากแล้วทางที่พักจะได้ส่งคนมารับที่ท่าเรือค่ะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.kohmakboat.in.th/ เย้ ถึงเกาะหมากแล้ว ถ้ามากันหลายคน แอดแนะนำให้เช่ารถไฟฟ้าเลย แต่ต้องจองล่วงหน้านะ เพราะรถมีแค่คันเดียว ส่วนใครที่อยากปั่นจักรยาน หรือขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว บนเกาะก็มีร้านให้เช่าอยู่หลายจุดด้วยกัน สามารถไปเช่าได้ด้วยตัวเองหรือให้ทางที่พักช่วยประสานให้ก็ได้ค่ะ แอดเลือกพักที่ “Naivacha Tent เกาะหมาก” Naivasha เป็นชื่อเมืองหนึ่งในประเทศเคนยา ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณอ้น เจ้าของที่พักชอบมาก จนนำมาตั้งเป็นชื่อที่พักสุดชิล ที่มีจุดเด่นอยู่ที่เต็นท์ติดแอร์ท่ามกลางธรรมชาติและหาดสวยๆ ของทะเลเกาะหมาก.Naivacha Tent เกาะหมากโทร. 081 443 1294 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.facebook.com/Onnkohmak/http://www.naivacha-aodaengkohmak.com/ ไฮไลท์ของเกาะหมากคือ “Low Carbon” ซึ่งทุกคนบนเกาะต่างร่วมมือร่วมใจช่วยกันลดขยะจากพลาสติก และใช้ของที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีก แม้แต่ในที่พักเองก็มีถุงผ้าให้ยืมใช้ระหว่างอยู่บนเกาะด้วยค่ะ บริเวณใกล้ๆ ทางเข้าที่พักมี “พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่คุณอ้นได้ดัดแปลงบ้านเก่าของครอบครัว มาจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ รวมทั้งประวัติความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวเกาะในอดีต หากวันไหนเพื่อนๆ โชคดี ได้เจอกับคุณอ้นละก็ แอดรับรองเลยว่าเพื่อนๆ จะได้ทราบประวัติความเป็นมาของเกาะหมาก ผ่านคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในทุกช่วงเหตุการณ์แบบคุณอ้นกันอย่างจุใจแน่นอน.พิพิธภัณฑ์เกาะหมากเปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/WdSMFkCk9te9aCte8 หลังจากซึมซับบรรยากาศของอดีตกันแล้ว เราก็ไปที่ “Blue Pearl Bar” ภายใน Cococape Resort ซึ่งเป็นจุดที่เราจะขึ้นเรือไปเกาะขามกัน แม้จะเป็นช่วง Low Season แต่ที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวมาไม่น้อยเลย แอดแนะนำว่าระหว่างรอเรือ ลองไปนั่งชิลในบาร์ดูก็ดีนะ เมนูยอดนิยมของที่นี่มีทั้ง “กล้วยปั่น” และ “แตงโมปั่น” ซึ่งแก้ว หลอด และอุปกรณ์ทุกอย่างเป็นแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อช่วยลดขยะบนเกาะด้วยค่ะ สำหรับการข้ามเรือไปเกาะขามนั้น เพื่อนๆ สามารถติดต่อผ่านที่พักที่เพื่อนๆ พักได้เลยนะคะ ซึ่งเค้าจะพามาขึ้นเรือที่นี่ค่ะ เอาล่ะ เรือพร้อม คนพร้อม ก็ลงเรือกันเลย.Cococape Resortโทร. 081 937 9024พิกัด : https://goo.gl/maps/wgqY1QDDp2S6U6QV6 เกาะขาม อยู่ห่างจากจุดที่เราขึ้นเรือราวๆ 1.6 กิโลเมตร ตอนแอดไปใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ ที่นี่เก็บค่าขึ้นเกาะคนละ 200 บาทด้วย ซึ่งสามารถเอาบัตรไปแลกเครื่องดื่มบนเกาะได้ค่ะ เกาะขามนี่สวยจริงๆ เลย น้ำใส หาดทรายขาว แถมยังนุ่มละเอียดสบายเท้า สำหรับใครที่อยากจะพายเรือเล่น ก็สามารถเช่าเรือได้ที่ศาลาหน้าเกาะเลยค่ะ มาเที่ยวช่วง Low Season ก็ดีไปอย่าง คนไม่พลุกพล่าน เล่นน้ำ ถ่ายรูปได้สบายใจ แอดปลื้มมากกก แต่ต้องระวังอย่าเล่นเพลินจนลืมเวลานะคะ เพราะเกาะจะปิดตอน 16.00 น. ค่ะ เล่นน้ำได้สักพัก เราก็กลับมายัง Blue Pearl Bar เกาะหมาก เพื่อดำน้ำตื้นและรอดูพระอาทิตย์ตก บริเวณนี้มีฝูงปลาอยู่เพียบเลย แถมน้ำก็ใสมากด้วยค่ะ นั่งดูพระอาทิตย์ตกพร้อมกับฟังเพลงชิลๆ ไปด้วย มันฟินแบบนี้นี่เอง วันที่ 2 อากาศบนเกาะตอนเช้าสดชื่นมาก แอดรีบทานอาหารเช้าแล้วไปที่ “Roja Studio of Art” สตูดิโอจำหน่ายผ้ามัดย้อมและของฝากเก๋ๆ ที่นี่เพื่อนๆ สามารถทำผ้ามัดย้อมด้วยตัวเองได้ ทั้งผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ และเสื้อ โดยสีที่ใช้นั้นล้วนทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นครามหรือกาบมะพร้าวเผา นอกจากนี้ก็ยังมีการคิดค้นสีสันใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ เรียกได้ว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยค่ะ ค่าใช้จ่ายในการทำผ้ามัดย้อมคนละ 1,000 บาท (รวมอาหารว่าง) เสร็จแล้วนำกลับบ้านได้เลย หรือหากใครไม่มีเวลา ก็สามารถซื้อผ้าพันคอหรือเสื้อผ้าแบบที่ย้อมสำเร็จแล้วกลับไปได้ค่ะ.Roja Studio of artโทร. 085 447 4028พิกัด : https://goo.gl/maps/QXcZv8x3UNYyw8AA7 หากเพื่อนๆ เป็นสายบู๊ และไม่ถนัดสายอาร์ต แอดขอแนะนำที่นี่เลย สนามมวย “Phoenix Muay Thai Gym Koh Mak” มาลองออกกำลังเบาๆ สักชั่วโมง หรือจะลงเรียนมวยไทยคลาสเล็กๆ ก่อนกลับก็สนุกดีค่ะ มีเทรนเนอร์คอยดูแลตลอดด้วย.Phoenix Muay Thai Gym Koh Makโทร. 081 711 1428พิกัด : https://goo.gl/maps/HP1sbc4LBcSrf9fF6 หรือใครสนใจที่จะสำรวจเกาะ ก็สามารถขับรถเที่ยวได้ มีหลายจุดที่วิวสวยมาก แต่ที่สำคัญอย่าเที่ยวเพลินจนลืมเผื่อเวลากลับไปขึ้นเรือนะคะ .แอดขึ้นเรือรอบ 11.30 น. ที่อ่าวนิด เมื่อมาถึงแล้วเราต้องยื่นตั๋วให้แก่พนักงานที่ท่าเรือก่อน จากนั้นเค้าจะให้บัตรคิวมา ซึ่งในบัตรคิวจะระบุหมายเลขเรือที่เราจะได้นั่งนั่นเอง รอบนี้ใช้เวลาแค่ 45 นาที ก็ถึงท่าเรือแหลมงอบแล้วค่ะ กลับมาถึงฝั่ง แอดก็หิวขึ้นมาทันที ต้องหาอะไรทานซะหน่อยแล้ว เรามากันที่นี่เลย หนึ่งในร้านที่มีคนบอกแอดว่า มาจังหวัดตราดต้องห้ามพลาด ก็คือร้าน “ก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท” ร้านเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดาร้านนี้ เมนูเด็ดคือ “ข้าวพริกเกลือ” และ “ก๋วยเตี๋ยวปู” ใครที่มาอาจจะต้องรอหน่อยนะคะ เพราะลูกค้าเค้าเยอะจริงๆ แต่รับรองว่าไม่ผิดหวัง เพราะอาหารที่นี่จานใหญ่

เกาะหมาก 2 วัน 1 คืน Slow Life … Low Carbon อ่านเพิ่มเติม

บ้านไทดำ จ.เลย

เกร็ดความรู้ :.ชาวไทดำได้อพยพเข้ามายังประเทศไทยในสมัยรัชกาลที่ 5 ราว พ.ศ.2425 โดยตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บ้านนาป่าหนาด จังหวัดเลย ซึ่งชาวไทดำที่อพยพเข้ามานั้นส่วนใหญ่เป็นชนชั้นราชวงศ์แทบทั้งสิ้น.ปัจจุบันชุมชนบ้านนาป่าหนาดได้ก่อตั้งหมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำขึ้น เพื่อเป็นแหล่งเรียนรู้ด้านวัฒนธรรมและวิถีชีวิต รวมทั้งประวัติความเป็นมาของชาวไทดำบ้านนาป่าหนาดนั่นเองค่ะ  เมื่อมาถึง “บ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำ” ณ บ้านนาป่าหนาด เพื่อนๆ จะได้พบกับบ้านไม้ยกพื้นสูงหลายหลังที่สร้างอยู่ใกล้เคียงกัน ซึ่งบริเวณใต้ถุนทำเป็นร้านขายสินค้าของชุมชน นอกจากนี้ยังมีลานอเนกประสงค์เพื่อใช้ทำกิจกรรมต่างๆ อีกด้วยค่ะ  มาเยือนบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำทั้งที ก็ต้องแต่งกายด้วยชุดไทดำและนั่งรถอีแต๊กชมหมู่บ้านสิคะ ถึงจะดูเก๋ไก๋ไม่เหมือนใคร .สำหรับการนั่งรถอีแต๊กชมรอบๆ หมู่บ้านนั้น จะใช้เวลาประมาณ 45-60 นาทีค่ะ ขึ้นอยู่กับเราว่าจะใช้เวลาแวะแต่ละจุดนานขนาดไหน ที่แรกที่รถอีแต๊กพาเรามาแวะก็คือ “ศูนย์วัฒนธรรมชาวไทดำ” ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นแหล่งให้ความรู้เกี่ยวกับชาวไทดำเลยก็ว่าได้ เพราะเราจะได้ทราบประวัติความเป็นมา ได้เห็นรูปแบบบ้านเรือน และสิ่งของเครื่องใช้ต่างๆ ของชาวไทดำ .นอกจากนี้ก็ยังมีการทอผ้าฝ้ายและขายสินค้าของชุมชนอีกด้วยค่ะ ไม่ว่าจะเป็นตุ้มนกตุ้มหนู หรือเสื้อผ้าของชาวไทดำ เป็นต้น.ปล.ในช่วงเดือนกรกฎาคมถึงสิงหาคม ที่นี่อาจจะดูไม่ค่อยคึกคักมากนัก เพราะว่าชาวบ้านไปทำนากันนั่นเองค่ะ  ที่ต่อมาคือ “แหล่งผลิตสบู่สมุนไพรลอคำ” ซึ่งสบู่ของที่นี่ล้วนทำมาจากสมุนไพรที่ปลูกกันในครัวเรือน เช่น มะกรูด มะขาม ขมิ้น และน้ำนมข้าว เป็นต้น.สรรพคุณของสบู่แต่ละชนิดจะแตกต่างกันไปขึ้นอยู่กับวัตถุดิบที่ใช้ แต่บอกเลยว่าเพื่อนๆ ควรซื้อติดไม้ติดมือกลับบ้าน เพราะนอกจากจะเป็นการช่วยอุดหนุนสินค้าชุมชน ทำให้ชุมชนมีรายได้แล้ว เรายังได้ผิวพรรณที่ดีปลอดจากสารเคมีอีกด้วยค่ะ  หลังจากนั้นเราก็จะไปต่อกันที่ “กลุ่มสตรีทอผ้าฝ้ายไทดำ” ซึ่งจะมีการสาธิตการทอผ้าฝ้าย รวมไปถึงมีของที่ระลึกของชุมชนจำหน่ายอีกด้วย ทั้งผ้าฝ้าย กระเป๋าสาน และอื่นๆ อีกมากมาย นั่งรถอีแต๊กชมชุมชนกันเสร็จแล้ว ก็ถึงเวลา “ป๊าบข้าวไทดำ” กันแล้วค่ะ .ป๊าบข้าวไทดำ ก็คือการกินอาหารไทดำนั่นเองค่ะ ซึ่งเมนูที่แอดเลือกชิมในวันนี้ก็คือ ต้มส้มปลานิล แจ่วตาแดง ผักลวก ซั้วไก่ (แกงไก่สมุนไพร) ไข่เจียว และส้มตำนั่นเองค่ะ  หลังจากอิ่มหนำสำราญกับการลิ้มลองอาหารพื้นบ้านไทดำแล้ว เราก็มาทำกิจกรรมที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำอย่างการทำ “ตุ้มนกตุ้มหนู” กันต่อเลยดีกว่าค่ะ.ตุ้มนกตุ้มหนู เปรียบเสมือนเครื่องรางของชาวไทดำที่ช่วยปัดเป่าสิ่งที่ไม่ดีและนำโชคดีมาให้นั่นเองค่ะ ตุ้มนกตุ้มหนูมีหลายรูปแบบ แต่ที่แอดเลือกทำในวันนี้ก็คือ รูปหัวใจค่ะ เพราะทำง่ายที่สุดแล้ว  หากเพื่อนๆ คนไหนสนใจอยากลองมาสัมผัสวิถีชีวิตของชาวไทดำแบบแอด แนะนำให้ติดต่อเจ้าหน้าที่หรือผู้ดูแลบ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำล่วงหน้านะคะ .เพราะกิจกรรมของที่นี่มีให้เลือกค่อนข้างเยอะและบางอย่างมีค่าใช้จ่าย  ทางเจ้าหน้าที่จะได้จัดเตรียมและกำหนดตารางทำกิจกรรมไว้ให้เรานั่นเองค่ะ.บ้านพิพิธภัณฑ์ไทดำที่ตั้ง : 20/2 หมู่ 12 บ้านนาป่าหนาด ตำบลเขาแก้ว อำเภอเชียงคาน จังหวัดเลยเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.เข้าชมฟรี‼โทร. 083 332 2828, 084 925 0771พิกัด : https://goo.gl/maps/yJK22WbwiHvKM9zFA เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 21 สิงหาคม 2562

บ้านไทดำ จ.เลย อ่านเพิ่มเติม

ล่องเรือชมสวน เลียบคลองมหาสวัสดิ์ @นครปฐม

คลองมหาสวัสดิ์เป็นคลองที่ขุดขึ้นในสมัยรัชกาลที่ 4 เพื่อใช้เป็นเส้นทางเสด็จพระราชดำเนินมานมัสการองค์พระปฐมเจดีย์ มีความยาวประมาณ 28 กิโลเมตร.คลองนี้ไหลผ่านเขตตลิ่งชัน กรุงเทพฯ อำเภอบางกรวย จังหวัดนนทบุรี อำเภอพุทธมณฑล และอำเภอนครชัยศรี จังหวัดนครปฐม ก่อนจะไปนั่งเรือชมสวน เราแวะทานก๋วยเตี๋ยวที่ร้าน “เกรส อาก๋ง 100 ปี” เป็นร้านขายก๋วยเตี๋ยวต้มยำสูตรโบราณ ที่ขายมาตั้งแต่รุ่นคุณปู่คุณย่า จุดนี้เป็นจุดที่เราจะมาขึ้นเรือชมสวนกันระหว่างรอเรือ เพื่อนๆ จะมานั่งชิลให้อาหารปลาริมน้ำแบบเราก็ได้นะ เรือมาแล้วจ้าาา  เพื่อนๆ สามารถมาล่องเรือชมสวนที่คลองมหาสวัสดิ์ได้ทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. แต่วันเสาร์-อาทิตย์ บรรยากาศจะคึกคักกว่าวันธรรมดา เรือ 1 ลำ นั่งได้ 6 คน ราคาไป-กลับ ลำละ 350 บาท.จุดขึ้นเรือท่องเที่ยวเลียบคลองมหาสวัสดิ์– ชุมชนบ้านศาลาดิน– ร้านเกรส ก๋วยเตี๋ยวต้มยำโบราณ 100 ปี จุดแวะที่ 1 นาบัวลุงแจ่ม นาบัวลุงแจ่มมีพื้นที่กว่า 15 ไร่ มาถึงที่นี่ต้องไม่พลาดทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น พายเรือเก็บดอกบัว ทดลองพับกลีบดอกบัว ดื่มชาที่ทำจากเกสรดอกบัว  ที่นี่ปลูกดอกบัว 2 สายพันธุ์ คือ – บัวหลวงชมพูซ้อน (บัวฉัตรชมพู หรือสัตตบงกช) มีลักษณะเป็นดอกใหญ่ ดอกตูมเป็นรูปไข่ทรงป้อม กลีบดอกสีชมพู – บัวหลวงขาวซ้อน (บัวฉัตรขาว หรือสัตตบุตย์) มีลักษณะเหมือนดอกบัวหลวงชมพูซ้อน แต่มีสีขาว นาบัวลุงแจ่มมีคาเฟ่ด้วยนะ เปิดให้บริการเฉพาะวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-17.00 น..นาบัวลุงแจ่มที่ตั้ง 61 หมู่ 3 ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมโทร. 087 828 1892 จุดแวะที่ 2 ทำข้าวตังโบราณที่ชุมชนบ้านศาลาดิน ก่อนอื่น ต้องขอเล่าที่มาของชื่อบ้านศาลาดินกันสักนิดในสมัยที่มีการขุดคลองมหาสวัสดิ์ พระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ ให้สร้างศาลาริมคลองทั้งหมด 7 ศาลา เช่น ศาลากลาง ศาลายา ศาลาธรรมสพน์ ศาลาดิน ฯลฯ จึงเป็นที่มาของชื่อบ้านศาลาดินในปัจจุบันนั่นเอง.กลับมาที่ข้าวตังกันดีกว่า ข้าวตังของบ้านศาลาดินอร่อยขึ้นชื่อ จนได้เป็นสินค้า OTOP 5 ดาวของชุมชน เพราะมีข้าวตังแบบที่ทำจากข้าวกล้องและข้าวไรซ์เบอร์รี ดีต่อสุขภาพ แถมน้ำซอสที่เอาไว้ทานกับข้าวตังก็อร่อยจนหยุดทานไม่ได้เลย ขั้นตอนการทำข้าวตังไม่ยากอย่างที่คิด เอากลับไปทำเองที่บ้านก็ยังได้ ขั้นแรก นำข้าวที่หุงแล้วมาปั้นเป็นก้อน แล้วกดให้แบน จากนั้นนำแม่พิมพ์มากดให้เป็นรูปต่างๆ ขั้นต่อมา นำข้าวไปตากแดด จนข้าวแห้งและแข็งตัว ตากแดดเสร็จแล้ว ก็จะได้ข้าวหน้าตาแบบนี้ สามารถเก็บใส่กล่องไว้ได้หลายเดือน อยากทานเมื่อไหร่ก็แค่นำมาทอดค่ะ ตั้งกระทะ รอให้น้ำมันเดือด แล้วเอาข้าวตังลงไปทอดได้เลย ว้าววว ข้าวตังทอดใหม่ๆ น่าทานสุดๆ จากนั้นนำซอสรสเด็ดมาทาลงบนข้าวตัง แล้วโรยหน้าด้วยหมูหยองและงา แค่นี้ก็เรียบร้อย บอกเลยว่าอร่อยมาก หยุดทานไม่ได้เลย ถ้าใครอยากได้ไปทานต่อที่บ้าน ที่นี่ก็มีขายนะ ทั้งข้าวตังหน้าหมูหยอง และข้าวตังหน้าธัญพืช.นอกจากข้าวตัง ที่บ้านศาลาดินก็มีตลาดน้ำด้วยนะ เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.00-18.00 น..บ้านศาลาดินที่ตั้ง : 58/2 หมู่ 3 บ้านศาลาดิน ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมโทร. 081 498 6340, 034 297099 จุดแวะที่ 3 บ้านฟักข้าวขนิษฐา เมื่อมาถึงบ้านฟักข้าว ทุกคนจะได้สัมผัสกับความร่มรื่นของสวนฟักข้าว ได้ฟัง “แหล่ฟักข้าว” จากคุณยายบำรุง พินิจกุล เจ้าของบ้าน และได้ชิมก๋วยเตี๋ยวเย็นตาโฟซอสฟักข้าว ซึ่งเป็นอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ ประโยชน์ของผลฟักข้าว คือ มีสารต้านอนุมูลอิสระ ลดความเสี่ยงของการเกิดโรคหลอดเลือดหัวใจ ตรงเยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงสดมีคุณค่าทางโภชนาการสูง มีเบตาแคโรทีนมากกว่าแครอท 10 เท่า และมีสารไลโคพีน มากกว่ามะเขือเทศถึง 12 เท่า ซึ่งสารไลโคพีนนี้ยังช่วยลดความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งได้อีกด้วย จุดเด่นอีกอย่างหนึ่งของบ้านฟักข้าวคือ ผลิตภัณฑ์แปรรูปจากฟักข้าว โดยจะใช้เยื่อหุ้มเมล็ดสีแดงสดและเนื้อฟักข้าวไปแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ต่างๆ เช่น หมี่กรอบฟักข้าว น้ำฟักข้าว สบู่ และโลชั่น เป็นต้น.บ้านฟักข้าวขนิษฐาที่ตั้ง : 31/7 หมู่ 3 ต.มหาสวัสดิ์ อ.พุทธมณฑล จ.นครนครปฐมโทร. 081 902 4516 จุดแวะที่ 4 สวนผลไม้ลุงบุญเลิศ ภายในสวนผลไม้ลุงบุญเลิศมีกิจกรรมให้ความรู้เกี่ยวกับการทำเกษตรแบบผสมผสาน และที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การนั่งรถอีแต๊กชมสวน ที่คุณลุงจะพาเพื่อนๆ ซิ่งไปชมสวนผลไม้ ค่าบริการรถอีแต๊กชมสวน ราคา 100 บาท นั่งได้ 10 คน.นอกจากนี้ ยังจะได้ชิมผลไม้ตามฤดูกาลที่เก็บสดๆ จากสวน ไม่ว่าจะเป็น กระท้อน ส้มโอ มะม่วง มะพร้าว และขนุน.ขอบคุณรูปภาพจาก facebook สวนคุณลุงบุญเลิศ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตร เลียบคลองมหาสวัสดิ์ ก่อนกลับอย่าลืมแวะซื้อของฝากขึ้นชื่ออย่างกล้วยหอมทอด 7 รส มะม่วงกวน น้ำตาลมะพร้าว กะปิ น้ำลูกยอ ชาเกสรดอกบัว และเมี่ยงคำดอกบัวหลวง.สวนผลไม้ลุงบุญเลิศที่ตั้ง : 97 หมู่ 1 ต.ศาลายา อ.พุทธมณฑล จ.นครปฐมโทร. 089 057 1432 จุดแวะที่ 5 ฟาร์มกล้วยไม้คุณสร้อย ฟาร์มกล้วยไม้พื้นที่กว่า 16 ไร่แห่งนี้รวบรวมดอกกล้วยไม้สวยๆ ไว้หลายสายพันธุ์

ล่องเรือชมสวน เลียบคลองมหาสวัสดิ์ @นครปฐม อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top