สถานที่ท่องเที่ยว

หนาวนี้ที่ภูผายล…สกลนคร

หนาวนี้ที่ภูผายล…สกลนคร . ช่วงนี้อากาศกำลังดี หากใครอยากไปสัมผัสลมหนาวท่ามกลางป่าเขา แอดขอแนะนำภาคอีสานแถบเทือกเขาภูพานค่ะ นั่นคือ อุทยานแห่งชาติภูผายล อำเภอเต่างอย จังหวัดสกลนคร เราจะได้กางเต็นท์ดูดาว โต้ลมหนาวแบบชิล ๆ . แอดบอกเลยว่าใครไปแล้ว จะต้องติดใจบรรยากาศของที่นี่อย่างแน่นอน อุทยานแห่งชาติภูผายล เดิมเรียกว่าอุทยานแห่งชาติห้วยหวด เกิดขึ้นจากการสร้างเขื่อนชลประทานตามพระราชดำริของในหลวงรัชกาลที่ 9 บริเวณนี้เป็นที่ราบสูงสลับกับเทือกเขาหินทราย ล้อมรอบด้วยภูเขาสูงชัน และเป็นต้นน้ำของแม่น้ำสำคัญหลายสาย.เนื่องจากอุทยานแห่งชาติถภูผายลอยู่ในพื้นที่ราบสูง จึงมีอากาศเย็นตลอดปี หากไปในช่วงฤดูหนาว เพื่อน ๆ จะได้สัมผัสอากาศหนาว และไอหมอกที่ลอยเหนืออ่างเก็บน้ำ.ค่าธรรมเนียมชาวไทย ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาทเต็นท์ เปิดให้เข้ากางเต็นท์ทุกวัน เข้าได้ไม่เกิน 18.00 น.ค่าสถานที่กางเต็นท์ (กรณีนำเต็นท์ไปเอง) หลังละ 30 บาทเช่าเต็นท์ หลังละ 225 บาทบ้านพักอุทยานฯ หลังละ 1,800 บาท พักได้ 6 คนโทร. 083 835 9096 ภายในอุทยานฯ มีสิ่งอำนวยความสะดวกครบครัน ทั้งบ้านพักอุทยานฯ และลานกางเต็นท์ นักท่องเที่ยวนิยมมาพักแรมโต้ลมหนาวกัน แอดบอกเลยว่าชิลสุด ๆ ไม่ว่าจะมากับแก๊งค์เพื่อนหรือครอบครัว ร้านค้าจะเป็นร้านสวัสดิการ ยังไม่มีร้านอาหารเปิดบริการมากนัก แอดแนะนำให้เตรียมอาหาร เครื่องดื่มเข้ามาเอง แต่อย่าลืมช่วยกันรักษาความสะอาด และรักษากฎระเบียบของอุทยานฯ กันด้วยนะคะ สถานที่ท่องเที่ยวแนะนำภายในอุทยานฯ คือ อ่างเก็บน้ำห้วยหวด อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานแห่งชาติประมาณ 700 เมตร รถยนต์สามารถเข้าถึง หรือจะเดินเท้าเข้าไปก็ได้เช่นกัน บริเวณนี้เป็นอ่างเก็บน้ำ และเป็นจุดชมวิว โดยเฉพาะยามพระอาทิตย์ตก สะท้อนกับสายน้ำยามเย็น เรียกได้ว่าเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเลยล่ะ.นอกจากนี้ สามารถติดต่อเช่าเรือแคนู พายเล่นในอ่างเก็บน้ำได้ด้วยนะ แต่ต้องระมัดระวัง ทำตามกฎระเบียบเพื่อความปลอดภัยของตัวเองนะคะ.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ : อุทยานแห่งชาติภูผายล – Phu Pha Yon National Park  เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 18 ธันวาคม 2563

หนาวนี้ที่ภูผายล…สกลนคร อ่านเพิ่มเติม

สวนหลวง ร.9

เพื่อน ๆ ชอบเที่ยวสวนดอกไม้กันไหม? . ถ้าชอบล่ะก็ ตามมาเลย เพราะวันนี้แอดจะชวนเพื่อน ๆ ไปเที่ยวสวนพฤษศาสตร์กลางกรุงอย่าง ”สวนหลวง ร.9” ซึ่งเมื่อปลายปีที่ผ่านมา ได้จัดงานประจำปี “งานพรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร. 9” ไป ใครที่พลาดโอกาสไม่ต้องเสียดาย เพราะแอดจะบอกว่า สวนหลวง ร.9 เที่ยวได้ทุกวัน ไม่ต้องรอให้มีงานก็สวยเหมือนจัดงานอยู่ตลอดเวลา สวนหลวง ร.9 เป็นสวนสาธารณะและสวนพฤกษศาสตร์ที่ใหญ่ที่สุดในกรุงเทพฯ มีพื้นที่ทั้งหมด 500 ไร่ เกิดจากกลุ่มบุคคลและส่วนราชการต่าง ๆ ร่วมกันบริจาคก่อสร้างขึ้นเพื่อน้อมเกล้า ฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 เนื่องในโอกาสทรงเจริญพระชนมพรรษาครบ 5 รอบ เมื่อวันที่ 5 ธันวาคม 2530.ภายในสวนหลวง ร.9 รวบรวมพันธุ์ไม้ไว้หลากหลายสายพันธุ์ มีทั้งของไทยและต่างชาติ ไม้หายาก รวมถึงสมุนไพรต่าง ๆ นอกจากนี้ ยังมีพื้นที่ที่จัดเป็นสวนสวย ๆ ให้ชาวกรุงเทพฯ และนักท่องเที่ยวได้มาพักผ่อนและชื่นชม  เนื่องจากสวนหลวง ร.9 มีพื้นที่ใหญ่มาก จึงมีการแบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 3 ส่วนใหญ่ ๆ คือ สถานรัชมงคล สวนกิจการ และลานพฤกษพรรณ ซึ่งแต่ละโซนเป็นยังไง ตามไปดูกันเลย 1.สถานรัชมงคล ประกอบด้วย.– อุทยานมหาราช มีสวนราชพฤกษ์และสระน้ำพุ 3 สระ ตกแต่งสวยงามด้วยดอกไม้มากมาย– หอรัชมงคล เป็นอาคารศิลปะไทยประยุกต์หลังคาสีทองทรง 9 เหลี่ยม ภายในเป็นห้องกระจก 9 ห้อง จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับพระราชประวัติ พระราชกรณียกิจ และสิ่งของส่วนพระองค์ของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9– สวนนานาชาติ รวมสวนหลายสัญชาติทั้งจากโลกตะวันออกและตะวันตก คือ สวนจีน สวนญี่ปุ่น สวนสเปน สวนอังกฤษ สวนฝรั่งเศส สวนอิตาลี และยังมีอาคารจิโอเดสิคโดม ที่มีการแสดงพันธุ์ไม้ทนแล้งเช่น พันธุ์ไม้ทะเลทราย ไม้อวบน้ำต่าง ๆ จากทั้งในและต่างประเทศ– สวนรมณีย์ พื้นที่ประมาณ 50 ไร่ ออกแบบโดยเลียนแบบธรรมชาติจากหลายภูมิภาคในประเทศไทย เหมือนกับได้จำลองสวนหิน น้ำตก ลำธารมาไว้กลางเมือง– ศาลาพุฒ-จันทน์ ศาลาไม้สักทองที่ปลูกพันธุ์ไม้หอมไว้โดยรอบ– อาคารถกลพระเกียรติ เป็นอาคารสำหรับจัดสัมมนาและจัดงานเลี้ยง จุคนได้ประมาณ 100 คน บรมราชินีนาถบุปผาลัย เป็นประติมากรรมเฉลิมพระเกียรติประดับภาพพิมพ์ที่จำลองพระราชกรณียกิจของสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง 2. สวนกิจการ ประกอบด้วย.– สวนน้ำ พื้นที่ประมาณ 40 ไร่ จำลองพื้นที่ให้คล้ายกับทุ่งพรุตามธรรมชาติ เพื่อไว้ศึกษาสัตว์น้ำและพรรณไม้– สนามราษฎร์และศูนย์กีฬา เป็นสนามขนาดใหญ่พื้นที่ 70 ไร่ มีเวทีกลางแจ้งและศาลาไว้สำหรับจัดกิจกรรม เป็นบริเวณที่ใช้จัดงานพรรณไม้งามอร่ามสวนหลวง ร.9 และตลาดนัดต้นไม้ บริเวณศูนย์กีฬามีสระว่ายน้ำและสนามเทนนิส ไว้สำหรับบริการประชาชน– กระโจมแตร ศาลาแบบเรอเนซองส์ ทรงเรขาคณิต หลายคนมาใช้เป็นสถานที่จัดงานแต่งงาน– สวนไม้ผลเมืองร้อน สวนนี้รวบรวมไม้ผลเมืองร้อนไว้กว่า 50 ชนิด เพื่อการศึกษาเรียนรู้– สวนกล้วย เป็นสวนที่รวบรวมพันธุ์กล้วยที่มีถิ่นกำเนิดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้กว่า 50 สายพันธุ์– สวนกำแพงหิน เป็นสวนที่ปลูกไม้ดอกตามซอกหิน มีทั้งไม้พุ่มและไม้ดอกล้มลุก ปลูกผลัดเปลี่ยนกันไปตลอดทั้งปี 3. ลานพฤกษพรรณ.มีพื้นที่ประมาณ 150 ไร่ รวบรวมพรรณไม้ไว้มากกว่า 3,300 ชนิด โดยปลูกตามหลักอนุกรมวิธานและนิเวศวิทยา เพื่อประโยชน์ทางการศึกษาและส่งเสริมการอนุรักษ์ ซึ่งประกอบไปด้วย.– หอพฤกษศาสตร์ เป็นอาคารพิพิธภัณฑ์พืชที่รวบรวมพรรณไม้แห้ง พรรณไม้ดอง จัดแสดงแบบเป็นหมวดหมู่ เพื่อให้เป็นแหล่งเรียนรู้ รวมทั้งยังมีห้องสมุดทางด้านพฤกษศาสตร์สำหรับผู้ที่สนใจได้ค้นคว้าเพิ่มเติมอีกด้วย– สวนมไหสวรรย์ไม้ดัดไทย เป็นสวนที่รวบรวมไม้ดัดและเขามอต่าง ๆ เช่น ตะโก ข่อย มะขาม โมก ซึ่งศิลปะการทำไม้ดัดมีมาตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาตอนปลายแล้ว ถือเป็นการศึกษาประวัติศาสตร์ไปด้วย– สวนกล (เขาวงกต) เป็นสวนที่ปลูกต้นข่อยโดยตัดแต่งให้มีลักษณะเป็นกำแพง มีแนวทางเดินซับซ้อน เพื่อความสนุกและตื่นเต้นในการค้นหาทางออกนั่นเอง– เรือนเฟิร์นและกล้วยไม้ เป็นพื้นที่ปลูกเฟิร์นและกล้วยไม้ชนิดต่าง ๆ ทั้งพันธุ์พื้นบ้าน และพันธุ์หายาก รวมถึงพันธุ์จากต่างประเทศมากกว่า 100 ชนิด– สวนสมุนไพรเฉลิมพระเกียรติ มีพื้นที่ประมาณ 6 ไร่ มีสมุนไพรกว่า 400 ชนิด โดยแยกเป็นกลุ่ม เช่น กลุ่มสมุนไพรตามคุณสมบัติการรักษาโรค กลุ่มสมุนไพรถอนพิษ เป็นต้น– พืชวงศ์หญ้า หญ้าหลายชนิดเป็นพืชเศรษฐกิจ เช่น ข้าว ข้าวโพด ข้าวฟ่าง อ้อย ฯลฯ รวมถึงพืชที่ใช้ในการจักสาน และพืชที่ช่วยอนุรักษ์ธรรมชาติ เช่น หญ้าแฝก ตระไคร้หอม เดือย ฯลฯ– สวนบัวเบญจพรรณ รวบรวมบัวไว้มากมายกว่า 200 สายพันธุ์ เช่น บัวหลวง บัวสาย รวมถึงพันธุ์หายากจากต่างประเทศ และยังมีบัวลูกผสมที่มาจากนักผสมพันธุ์บัวของไทยอีกด้วย– อาคารแสดงพรรณไม้ในร่ม เป็นอาคารหลังคากระจกพรางแสงที่ปลูกพันธุ์ไม้ที่ชอบความชื้นและแสงรำไร มีทั้งพันธุ์ไม้หายาก และพันธุ์ไม้ป่าดิบชื้น มากกว่า 500 ชนิด  พลับพลายอด เป็นศาลากลางน้ำ ที่จำลองแบบมาจากพระที่นั่งไอศวรรย์ทิพยอาสน์ พระราชวังบางประอิน บริเวณสระน้ำจะปลูกบัวสุทธาสิโนบลและมีพรรณไม้น้ำชนิดต่าง ๆ ไว้โดยรอบ กิจกรรมและค่าบริการต่าง ๆ.– เก็บค่าผ่านประตูตั้งแต่เวลา 09.00-17.00 น. คนละ 10 บาท– ค่าจอดรถมอเตอร์ไซค์ 5

สวนหลวง ร.9 อ่านเพิ่มเติม

1 Day Trip ไหว้พระขอพร ต้อนรับปีใหม่

เคยสงสัยไหมว่า…ทำไมถึงต้องทำบุญ 9 วัด? . การทำบุญไหว้พระ 9 วัดนั้นเริ่มขึ้นจากการจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวเชิงศาสนา และได้รับความนิยมอย่างมากมาจนถึงปัจจุบัน บวกกับคติความเชื่อของคนไทย เลข 9 ถือว่าเป็นเลขมงคล เป็นตัวเลขที่พ้องเสียงกับคำว่า “ก้าว” หมายถึงก้าวหน้า จึงมีการนำเสนอเส้นทางไหว้พระ 9 วัดใน 1 วันขึ้นมา . ความจริงแล้ว การทำบุญไหว้พระจะทำกี่วัดก็ได้ ขึ้นอยู่กับความสบายใจ ขอแค่เราได้รับความสุขและประสบการณ์ดี ๆ จากการทำบุญไหว้พระก็พอ สำหรับแอดเอง นี่เป็นเรื่องที่น่าสนใจและอยากลองทำดูสักครั้ง . เรื่องความเชื่อถือเป็นวิจารณญาณส่วนบุคคลนะคะ เนื่องจากแต่ละวัดอยู่ใกล้กัน เดินทางสะดวก แอดจึงเลือกเดินทางด้วยขนส่งสาธารณะ แต่หากจะขับรถไปเอง แอดต้องบอกก่อนว่าบางวัดไม่มีที่จอดรถ เพื่อน ๆ อาจจะต้องไปหาที่จอดรถในละแวกนั้นแทน เส้นทางไหว้พระ 9 วัด พร้อมจุดเช็คอิน ถ่ายรูป ร้านอาหารอร่อย ๆ.– โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า– วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร– เสาชิงช้า– วัดพระศรีรัตนศาสดาราม– วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร– วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร– วัดกัลยาณมิตรวรมหาวิหาร– ร้านอาหารต้นมะกอก– วัดระฆังโฆสิตารามวรมหาวิหาร– วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร– วัดบวรนิเวศราชวรวิหาร– วัดสระเกศราชวรมหาวิหาร สำหรับทริปวันนี้ แอดจะพาไปหลายที่ แนะนำว่าให้เริ่มออกเดินทางกันตั้งแต่เช้านะคะ แต่ก่อนอื่นแอดจะพาไปหาอะไรเบา ๆ รองท้องกันก่อน.โกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ณ เสาชิงช้า .ร้านเก่าแก่คู่พระนครอายุอานามกว่า 60 ปี มีต้นกำเนิดมาจากร้านโชห่วย ก่อนจะกลายมาเป็นร้านกาแฟ เฮี้ยะไถ่กี่ในปัจจุบันมีหลายสาขา ซึ่งร้านที่แอดพาไปนั้นเป็นสาขาแรก.เปิดทุกวัน 07.00-20.00 น.โทร. 02 629 0646, 091 979 1498ที่ตั้ง ถนนศิริพงษ์ แขวงสำราญราษฎร์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ร้านนี้มีอาหารหลากหลายเมนูให้เลือก ทั้งของว่างทานเล่นและเมนูอาหารเช้า ไม่ว่าจะเป็นไข่กระทะ สเต็กหมู สเต็กปลา ข้าวต้ม ข้าวปลาแซลมอน ขนมปังปิ้ง โรตี ฯลฯ  ความโดดเด่นของร้านคือเครื่องดื่มสไตล์โบราณที่ผสมผสานความร่วมสมัย มีทั้งชา กาแฟ นมเย็น โอเลี้ยง ให้เลือกดื่มได้ตามใจชอบ เติมพลังยามเช้ากันแล้ว เรามาเริ่มต้นเดินทางกันเลย วัดแรกอยู่ไม่ไกลจากร้านโกปี๊เฮี้ยะไถ่กี่ ออกจากร้านแล้วเลี้ยวซ้าย เดินมาเพียง 300 เมตรเท่านั้น.วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร.วัดสุทัศนเทพวรารามราชวรมหาวิหาร หรือที่เรียกกันติดปากว่า “วัดสุทัศน์” เป็นวัดที่ใช้เวลาในการก่อสร้างยาวนานถึง 3 รัชกาลทีเดียวกว่าจะเสร็จสมบูรณ์.ความน่าสนใจของวัดนี้คือ “พระศรีศากยมุนี (หลวงพ่อโต)” ที่อัญเชิญมาจากพระวิหารหลวงวัดมหาธาตุ จ.สุโขทัย เป็นพระพุทธรูปปางมารวิชัยแบบหล่อสำริดที่นับว่ามีขนาดใหญ่ที่สุดของไทย วัดสุทัศน์เป็นวัดที่ไม่มีเจดีย์เหมือนวัดอื่นๆ เพราะมีสัตตมหาสถานเป็นอุเทสิกเจดีย์ (สถานที่สำคัญ 7 แห่งที่พระพุทธเจ้าเสด็จประทับเสวยวิมุตติสุขหลังตรัสรู้).ความเชื่อ : หากมาสักการะที่นี่ จะช่วยให้มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีเสน่ห์แก่บุคคลทั่วไป.เปิดทุกวัน 08.00-16.00 น.โทร. 02 222 6932, 02 222 9635ที่ตั้ง ถนนบำรุงเมือง แขวงวัดราชบพิตร เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาวัดนี้ คือ แวะไปถ่ายรูป “เสาชิงช้า” แลนด์มาร์กขนาดใหญ่หน้าวัด วัดต่อมา แอดจะพาเพื่อน ๆ มาไหว้พระที่.วัดพระศรีรัตนศาสดาราม.พระอารามหลวง ณ ใจกลางเกาะรัตนโกสินทร์ เป็นวัดที่รู้จักกันดีในชื่อ “วัดพระแก้ว” ภายในพระอุโบสถประดิษฐาน “พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากร” (พระแก้วมรกต) เป็นวัดหลวงที่ไม่มีพระจำพรรษา และยังเป็นวัดสำคัญที่พระมหากษัตริย์และพระบรมวงศานุวงศ์เสด็จมาประกอบพระราชพิธีสำคัญนับตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ความเชื่อ : หากมาสักการะพระแก้วมรกตด้วยดอกบัวคู่และธูปเทียนแล้ว ชีวิตจะมีแต่ความรุ่งเรือง มั่งคั่งด้วยทรัพย์สมบัติ เงินทองไหลมาเทมาไม่ขาดสาย.จากวัดสุทัศน์มาวัดพระแก้ว เพื่อนๆ สามารถเดินทางได้หลายวิธี จะเดินหรือใช้บริการ MRT ก็ได้ แต่ถ้าอยากประหยัดเวลา แนะนำให้นั่งรถประจำทางสาย 12 จากหน้าวัดสุทัศน์ไปที่ลงป้ายบริเวณใกล้เคียงกับวัดพระแก้วได้เลย .เปิดทุกวัน เวลา 08.30-15.30 น.โทร. 02 623 5500 ต่อ 3100, 02 224 3290ที่ตั้ง ถนนหน้าพระลาน แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร ออกจากวัดพระแก้วแล้ว เราไปต่อที่.วัดพระเชตุพนวิมลมังคลารามราชวรมหาวิหาร (วัดโพธิ์).“วัดโพธิ์” เป็นวัดเก่าแก่ประจำรัชกาลที่ 1 ซึ่งต่อมาในสมัยพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 3 โปรดเกล้าฯ ให้บูรณะวัดโพธิ์ใหม่ทั้งหมด มีการนำศิลปะจีนมาผสมผสานในการสร้างพระอารามครั้งนี้ด้วย สังเกตได้ตั้งแต่เดินเข้าวัดมา ไม่ว่าจะเป็นซุ้มประตู หน้าบัน เก๋งจีน รวมถึงตุ๊กตาอับเฉาที่สำคัญวัดโพธิ์ยังมีชื่อเสียงในเรื่องการนวดแผนไทยเพื่อสุขภาพ และบำบัดอาการเจ็บป่วย เป็นที่รู้จักของทั้งคนไทยและชาวต่างชาติอีกด้วย ไฮไลท์สำคัญของวัดนี้คือ “พระพุทธไสยาสน์” หรือ “พระนอน” ซึ่งใหญ่เป็นอันดับสามของประเทศ นับเป็นพระนอนที่งดงามองค์หนึ่งของไทย.ความเชื่อ : เชื่อว่าหากได้มานมัสการที่นี่ จะทำให้อยู่ดีกินดี มีความร่มเย็นเป็นสุข ดุจอยู่ใต้ร่มโพธิ์นั่นเอง.เปิดทุกวัน เวลา 08.30-17.30 น.โทร. 02 226 0335, 02 226 0369ที่ตั้ง ถนนสนามไชย แขวงพระบรมมหาราชวัง เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร วัดต่อไป แอดจะพาเพื่อน ๆ นั่งเรือจากท่าเตียน ข้ามฟากไปยังฝั่งธนฯ กันบ้าง.วัดอรุณราชวรารามราชวรมหาวิหาร.วัดอรุณฯ หรือวัดแจ้ง สร้างมาตั้งแต่สมัยอยุธยา เป็นวัดสำคัญในสมัยกรุงธนบุรี เมื่อสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชทรงสร้างพระราชวัง โดยเอาป้อมวิชัยประสิทธิ์ฝั่งตะวันตกเป็นที่ตั้ง แล้วขยายเขตพระราชฐาน วัดแจ้งจึงกลายเป็นวัดในพระราชวังเช่นเดียวกับวัดพระศรีสรรเพชญ์ในสมัยอยุธยา และวัดพระศรีรัตนศาสดารามในสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ความโดดเด่นของวัดนี้ก็คือพระปรางค์องค์ใหญ่ที่ตั้งเด่นเป็นสง่าอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในพระอุโบสถประดิษฐานพระประธานปางมารวิชัย “พระพุทธธรรมมิศรราชโลกธาตุดิลก” และกล่าวกันว่า พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย รัชกาลที่ 2 ทรงปั้นพระพักตร์ด้วยพระองค์เองอีกด้วย.ความเชื่อ : หากใครได้มาไหว้พระในวัดนี้ จะมีชีวิตรุ่งโรจน์ทุกวันคืน.เปิดทุกวัน

1 Day Trip ไหว้พระขอพร ต้อนรับปีใหม่ อ่านเพิ่มเติม

ท่องโลกใต้น้ำ ชมท้องทะเล 4 อควาเรียม ภาคตะวันออก

ใครกำลังมองหาที่เที่ยวใกล้กรุง แอดอยากชวนให้ไปชมโลกใต้น้ำกับ 4 อควาเรียมของภาคตะวัน ออก ถึงแม้จะไม่ได้สัมผัสท้องทะเล แต่เราจะได้เห็นสิ่งมีชีวิตจากท้องทะเลอย่างใกล้ชิด ได้ทั้งความสนุก ความสวยงามของทะเลและความรู้เน้น ๆ แถมไม่ไกลจากรุงเทพฯ อีกด้วย Underwater World พัทยา จังหวัดชลบุรี.สถานที่ถัดมา หากใครมาเที่ยวพัทยา ต้องไม่พลาด Underwater World จังหวัดชลบุรี เปิดบริการมานานกว่า 10 ปี ที่นี่เป็นพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำ เป็นอีกสถานที่จัดแสดงสิ่งมีชีวิตใต้น้ำที่รวบรวมไว้ทั้งปลาน้ำจืดและสัตว์แปลกหลายพันธุ์.ที่นี่มีหลายโซน ไม่ว่าจะเป็นโซน Touch Pool โซนปะการัง โซนปลาฉลามปละปลากระเบน เป็นต้น ใครมา Underwater World ห้ามพลาดชม “กระเบนนก” พี่ใหญ่ใจดีประจำอุโมงค์ อีกทั้งยังมีการแสดงให้อาหารปลาให้ชมด้วยนะ ราคาบัตร ผู้ใหญ่ 250 บาท / เด็ก ราคา 150 บาท เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.30 น. โทร. 0 3875 6878 , 08 1575 1006พิกัด : https://goo.gl/maps/5CUZmVSiSE27knup6 สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำระยอง (Rayong Aquarium) จังหวัดระยอง.Aquarium เมืองระยองเป็นสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำของระยองที่ให้นักท่องเที่ยวทุกวัยได้เข้าไปศึกษา เดินดู ปลาทะเลหลากหลายสายพันธุ์อย่างใกล้ชิด อควาเรียมที่นี่มีไฮไลท์คือเดินลอดอุโมงค์แก้วได้บรรยากาศอยู่โลกใต้ทะเลที่มีปลาขนาดใหญ่ลอยอยู่เหนือหัว ตื่นเต้นกันสุด ๆ ถ้าหากถ่ายรูปน้องปลาในอควาเรี่ยมทุกที่ ห้ามใช้แฟลตเด็ดขาด เพราะมันจะเป็นอันตรายแก่น้องปลา และรูปไม่ค่อยสวยนะคะ ราคาบัตร ผู้ใหญ่ 30 บาท / เด็ก 10 บาทเปิดวันพุธ-ศุกร์ เวลา 10.00-16.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 10.00-17.00 น. (ปิดวันจันทร์-อังคาร)โทร. 0 3865 3741พิกัด : https://goo.gl/maps/XXnuW7mRccmJnd3TA พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน จังหวัดชลบุรี.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสนหรือสถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา.พิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำบางแสน เป็นอีกที่ที่แอดอยากแนะนำเพราะที่นี่มีไฮไลท์ห้ามพลาดคือ แมงกระพรุนเรืองแสงและตู้ปลาปลาขนาดใหญ่ที่มีสัตว์ใต้น้ำไว้ให้เราชมอย่างตื่นตาตื่นใจเลยทีเดียว . ราคาบัตร ผู้ใหญ่ 80 บาท / เด็ก 40 บาท เปิดทุกวัน เวลา 09.00-16.00 น. โทร. 0 3839 1672-3 พิกัด : https://goo.gl/maps/hw5c2Dw4N7tyBzZW8 คุ้งกระเบน อควาเรียม จังหวัดจันทบุรี.สถานที่สุดท้ายไปกันที่จังหวัดจันทบุรี แอดเชื่อว่าเพื่อน ๆ ต้องคุ้นชื่อกันเป็นอย่างดีนั่นคือ คุ้งกระเบน อควาเรียม ตั้งอยู่ในโครงการศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนริมชายหาดแหลมเสด็จด้วยนะ.นี่นี่จัดแสดงสัตว์น้ำและปลาหลากหลายชนิด เป็นปลาที่พบได้ในบริเวณอ่าวคุ้งกระเบน ทะเลเจ้าหลาว และแหลมเสด็จ เช่น ปลาฉลามเสือดาว ปลาฉลามครีบดำ ปลากระพงขาว ปลากะพงแดง ปลาโรนันที่ใกล้สูญพันธุ์ ปลานีโม่ ปลาโฉมงาม ปลาปักเป้า ฯลฯ. เข้าชมฟรี เปิดวันอังคาร-วันศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. / วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30- 17.30 น. (ปิดวันจันทร์)พิกัด : https://goo.gl/maps/saAt651UZqHdNPPE7

ท่องโลกใต้น้ำ ชมท้องทะเล 4 อควาเรียม ภาคตะวันออก อ่านเพิ่มเติม

เยือนวัดเก่า ไหว้พระนอน

เวลาเดินทางท่องเที่ยวไปจังหวัดต่าง ๆ มีหลายคนที่มักจะปักหมุดจุดไหว้พระไว้อย่างน้อยหนึ่งวัด เพื่อเป็นสิริมงคลในทริปนั้น ๆ แอดก็เป็นคนหนึ่งด้วยเหมือนกัน รอบนี้เราไปอ่างทอง-สิงห์บุรี สองเมืองเก่าที่จะหันซ้ายหรือหันขวาก็มีวัดวาอารามเต็มไปหมด แถมคำขวัญของทั้งสองจังหวัด ยังเชิญชวนให้ไปกราบพระนอนอีกด้วย . แอดเลยรวบรวม 7 วัดที่มีพระพุทธรูปปางไสยาสน์ หรือพระนอนของทั้ง 2 จังหวัดนี้มาให้ดูกันว่ามีที่ไหนบ้าง จังหวัดอ่างทอง วัดราชปักษีวัดท้ายย่านวัดขุนอินทประมูลวัดป่าโมกวรวิหารวัดสุวรรณเสวริยาราม.จังหวัดสิงห์บุรี วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหารวัดจำปาทอง จังหวัดอ่างทอง.วัดราชปักษี (วัดนก) .วัดนี้ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ภายในวัด ประดิษฐานพระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่สันนิษฐานว่าเป็นพระพุทธรูปเก่าสมัยอยุธยา องค์พระเดิมนั้นชำรุดทรุดโทรมอย่างมาก แต่ในปัจจุบันได้รับการบูรณะขึ้นมาใหม่แล้ว นอกจากนี้ ยังมีพระพุทธรูปเก่าแก่กว่า 400 ปี “พระรอดวชิรโมลี” ที่สร้างสมัยพระเจ้าทรงธรรม ในราว พ.ศ. 2163 ประดิษฐานอยู่ที่วัดนี้ด้วย.เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00-18.00 น.ที่ตั้ง: ตําบลโพสะ อําาเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทองพิกัด https://goo.gl/maps/EZoRwXzXAwmaZagS9  วัดท้ายย่าน . วัดท้ายย่านเป็นวัดเก่าแก่ ภายในวิหารมีพระนอน หรือ “พระพุทธไสยาสน์ปุนญญาภา” ขนาดใหญ่ มีความยาว 18 วา 9 นิ้ว สูง 9 เมตร องค์พระห่อหุ้มด้วยผ้าไหมทอง สวยงามมาก.นอกจากนี้ ภายในวิหารยังมีรูปหล่อหลวงพ่อรอด อายุกว่า 100 ปี เป็นรูปหล่อโบราณลงรักดําทั้งองค์ เนื้อปูนเก่า และรูปหล่อหลวงพ่อลาภคู่กัน เป็นเนื้อปูนแต่มีรอยแตกอยู่บ้าง ซึ่งชาวอ่างทองให้ความเคารพเป็นอย่างมาก เพราะเป็นเกจิดังอันดับต้น ๆ ของจังหวัด ซึ่งวัดท้ายย่านแห่งนี้มีเกจิดังและชื่อเป็นมงคลทั้ง 4 องค์คือ หลวงปู่รอด หลวงพ่อลาภ หลวงพ่อบุญ และหลวงพ่อทาน ประดิษฐานอยู่ในวิหารเพื่อให้ประชาชนได้สักการบูชา.นอกจากนี้ ในอำเภอเมืองอ่างทองยังมีวัดพระนอนอีกแห่งหนึ่งก็คือ วัดสุวรรณเสวริยาราม หากเพื่อน ๆ มีโอกาสได้เดินทางไปกราบไหว้พระนอนที่วัดแห่งนี้ อย่าลืมเอารูปมาฝากกันด้วยนะคะ .เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00-18.00 น.ที่ตั้ง: ตำบลศาลาแดง อําเภอเมืองอ่างทอง จังหวัดอ่างทองพิกัด https://goo.gl/maps/PcBx3LrZSfLpJteJ7 พระพุทธไสยาสน์องค์ใหญ่ที่วัดขุนอินทประมูลมีนามว่า “พระศรีเมือง” เป็นพระพุทธไสยาสน์ที่มีขนาดใหญ่และยาวเป็นอันดับสองของไทย มีความยาวถึง 50 เมตร (25 วา) เดิมประดิษฐานอยู่ในวิหาร แต่ต่อมาวิหารโดนไฟไหม้หักพังไป เหลือเพียงองค์พระอยู่กลางแจ้งมาจนถึงทุกวันนี้.นอกจากนี้ ภายในวัดยังมีซากโบราณสถานวิหารหลวงพ่อขาว ที่เหลือเพียงฐาน ผนังบางส่วน และองค์พระพุทธรูป และในศาลาเอนกประสงค์ มีศาลรูปปั้นขุนอินทประมูลและโครงกระดูกมนุษย์นิรนาม ที่พบตั้งแต่ปี พ.ศ. 2541.ปัจจุบัน วัดขุนอินทประมูล เป็นวัดที่ชาวอ่างทองรวมทั้งผู้คนต่างถิ่นให้ความเคารพศรัทธามากราบไหว้ ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลกันเป็นจำนวนมาก เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00-18.00 น.ที่ตั้ง: ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง จังหวัดอ่างทองพิกัด: https://goo.gl/maps/51WtbLXA67YNnWbq7 วัดป่าโมกวรวิหาร . พระพุทธไสยาสน์ วัดป่าโมก มีพุทธลักษณ์ที่งดงามมาก องค์พระเป็นปูนปั้นปิดทอง พระเศียรหนุนพระเขนยทรงกระบอก 3 ใบ มีความยาวประมาณ 24 เมตร เล่ากันว่า พระพุทธรูปองค์นี้ลอยน้ำมาและจมอยู่หน้าวัด ราษฎรได้บวงสรวงแล้วช่วยกันลากขึ้นมาประดิษฐานไว้ที่ริมฝั่งแม่น้ำ.ในพระราชพงศาวดาร กล่าวว่า ก่อนที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชจะยกทัพไปรบกับพระมหาอุปราช พระองค์ได้เสด็จฯ มาชุมนุมพลและถวายสักการบูชาพระพุทธรูปองค์นี้.เปิดทุกวันตั้งแต่ 07.00-18.00 น.ที่ตั้ง: ตำบลป่าโมก อําาเภอเมืองป่าโมก จังหวัดอ่างทองพิกัด https://goo.gl/maps/PxNY5XxyJnAg9x3u6  จังหวัดสิงห์บุรี วัดพระนอนจักรสีห์วรวิหาร . พระนอนจักรสีห์เป็นพระคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดสิงห์บุรี เป็นพระพุทธรูปปางไสยาส์ขนาดใหญ่ มีความยาว 47 เมตร 42 เซนติเมตร มีพุทธลักษณะตามแบบศิลปะสุโขทัยที่งดงามมากควรค่าแก่การไปชม.ด้านหน้าวิหารมีต้นสาละลังกาขนาดใหญ่อยู่หลายต้น ต้นสาละนี้เป็นต้นไม้สำคัญในพระพุทธศาสนา ชาวบ้านเชื่อว่าหากได้อธิษฐานและปรบมือใต้ต้นสาละแล้วดอกสาละร่วงลงมา คำอธิษฐานนั้นจะประสบผลตามที่หวังไว้.โทร. 036 520 251, 036 543 415เปิดทุกวันตั้งแต่ 06.00-17.00 น.ที่ตั้ง: ตำบลจักรสีห์ อำเภอเมืองสิงห์บุรี จังหวัดสิงห์บุรีพิกัด: https://goo.gl/maps/PgV8KpyUoD7CK9Tx วัดจำปาทอง . ที่นี่เดิมเป็นวัดร้างชื่อ “วัดแม่ทอง” จนเมื่อมีพระธุดงค์รูปหนึ่งมาปักกลดจำพรรษา ก่อนจะเข้ามาบูรณะวัดขึ้นใหม่ และเปลี่ยนชื่อวัดเป็น “วัดจำปาทอง” เพื่อให้พ้องกับบ้านจำปาทองซึ่งเป็นชุมชนใกล้วัด.ภายในวัด ประดิษฐานพระนอนองค์ใหญ่ สีทองอร่าม สร้างขึ้นตามศิลปะสมัยรัตนโกสินทร์ นอกจากนี้ ที่นี่ยังเป็นที่เก็บรักษาเรือพระที่นั่งของสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เมื่อครั้งเสด็จประพาสล่องแม่น้ำน้อย ลักษณะเป็นเรือมาดเก๋ง ประเภทเรือแจว ชื่อว่า “เรือจำปาทองสิงห์บุรี”.โทร. 036 595 433เปิดทุกวันตั้งแต่ 08.00-16.30 น.ที่ตั้ง: ตำบลโพประจักษ์ อำเภอท่าช้าง จังหวัดสิงห์บุรีพิกัด: https://goo.gl/maps/1CE5VzdYCoJQ7kpJ9 

เยือนวัดเก่า ไหว้พระนอน อ่านเพิ่มเติม

ช่างทำกลองระดับโลก หมู่บ้านกลองเอกราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง

เพื่อน ๆ ที่เป็นสายดนตรี ต้องรู้จักและเข้าใจความสำคัญของกลองแน่ ๆ ว่า กลองนั้นเป็นผู้คุมจังหวะ ทำให้เครื่องดนตรีทั้งวงผสมผสานกันได้อย่างไพเราะ เสียงและคุณภาพของกลองจึงเป็นเรื่องสำคัญมาก วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปรู้จักแหล่งผลิตกลองที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย ว่ากันว่ากลองจากวงดนตรีเกินครึ่งประเทศก็ถือกำเนิดที่นี่.หมู่บ้านกลองเอกราช จ.อ่างทอง เป็นหมู่บ้านที่มีชื่อเสียงในการผลิตกลอง ทั้งกลองสั้นและกลองยาว เช่น ตะโพน กลองทัด กลองโทน รำมะนา กลองรำวง กลองเพล รวมถึงกลองของเล่นเด็กและของที่ระลึก โดยกลองของที่นี่ ทำจากไม้ฉำฉาเพราะเป็นไม้เนื้ออ่อนที่สามารถขุดเนื้อไม้ได้ง่าย เพื่อน ๆ สามารถชมกรรมวิธีการทำกลองตั้งแต่เริ่มกลึงท่อนไม้ ไปจนถึงการฝังหมุด และการขึงหนังวัวทำหน้ากลอง หากผ่านหน้าบ้านกำนันหงษ์ฟ้า จะได้เห็นกลองที่ยาวที่สุดในโลกตั้งอยู่ หน้ากลองกว้าง 36 นิ้ว 92 เซ็นติเมตร ยาว 7.6 เมตร ทำจากไม้ก้ามปูต่อกันถึง 6 ท่อน.กว่า 40 ครัวเรือนของหมู่บ้านล้วนเป็นช่างทำกลองผู้เชี่ยวชาญ เพราะสำหรับหมู่บ้านทำกลองเอกราช กลองคือวิถีชีวิต และมรดกทางภูมิปัญญาที่ตกทอดมาแต่บรรพบุรุษ ที่นี่จึงเหมือนพิพิธภัณฑ์มีชีวิต ที่ผู้มาเยือนสามารถเรียนรู้เรื่องราว วิธีการทำกลอง ตลอดจนความรู้เกี่ยวกับพิธีกรรมและประเพณีต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับกลองได้อย่างเพลิดเพลิน.ไม่เพียงกลองสัญชาติไทยเท่านั้น แม้แต่กลองนานาชาติ ช่างกลองที่นี่ก็สามารถทำขึ้นมาได้อย่างประณีต และมีคุณภาพ ไม่ว่าจะเป็นกลองไทโกะ (ประเทศญี่ปุ่น) , กลองจังโกชุม (ประเทศเกาหลี) , กลองเซมเบ้ (กลองของประเทศแอฟริกา) ฯลฯ สามารถส่งออกไปยังประเทศต่าง ๆ ได้อย่างน่าภาคภูมิใจ.ที่ตั้ง : 63/4 หมู่ที่6 ตำบล เอกราช อำเภอ ป่าโมก จังหวัด อ่างทอง 14130 โทร. 0 3566 1508, 08 9090 4013, 0 3566 1875 เปิดบริการทุกวันเวลา 08.30-17.30 น. (ไม่เว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์)

ช่างทำกลองระดับโลก หมู่บ้านกลองเอกราช อ.ป่าโมก จ.อ่างทอง อ่านเพิ่มเติม

ของดีสิงห์บุรี…ปลาช่อนแม่ลา

พูดถึงของฝากขึ้นชื่อประจำถิ่น ไม่ว่าจะเป็นของกินของใช้ นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่อดใจไม่ไหวหรอกเหมือนแอดนี่ละค่ะ ไปเที่ยวไหนก็ต้องสอยติดไม้ติดมือกลับมาเสมอ . วันนี้แอดมีของดีจังหวัดสิงห์บุรีมาแนะนำ นั่นคือ ปลาช่อนแม่ลา . แม่ลา คือชื่อแม่น้ำซึ่งอยู่ระหว่างแม่น้ำเจ้าพระยากับแม่น้ำน้อยในเขตจังหวัดสิงห์บุรี แม่น้ำแม่ลามีความอุดมสมบูรณ์อย่างยิ่ง ดินก้นลำน้ำเป็นโคลนตม เหมาะสมกับธรรมชาติของปลาช่อนยิ่งนัก . ปลาช่อนแม่ลานั้นมีลักษณะเฉพาะ ไม่เหมือนปลาช่อนที่อื่น คือจะมีครีบหู หรือครีบอกสีชมพู หางมน ลำตัวอ้วน หัวหลิม และมีรสชาติดีกว่าปลาช่อนจากแหล่งอื่น ๆ ตอนนี้ปลาช่อนแม่ลากำลังขึ้นทะเบียน GI (Geographical Indications) เพื่อเป็นสิ่งบ่งชี้ทางภูมิศาสตร์และแสดงถึงความเป็นอัตลักษณ์ของจังหวัดสิงห์บุรี . ปัจจุบัน มีการนำปลาช่อนแม่ลามาประกอบอาหาร แปรรูป รวมทั้งพัฒนาต่อยอดให้มีรูปแบบที่แปลกใหม่เพิ่มขึ้น ไม่ว่าจะเป็น ปลาช่อนแดดเดียว น้ำพริกเผาปลาช่อน เค้กปลาช่อน ไอศกรีมกะทิปลาช่อน คุกกี้ปลาช่อน และข้าวเกรียบปลาช่อน เป็นต้น . ได้ยินแบบนี้ อยากลองขึ้นมาเลยใช่ไหม อย่ารอช้า จดจำพิกัดร้านของฝากที่แอดเอามาฝากนี้ไว้ มีโอกาสแล้ว จะได้ไปช้อปกันค่ะ 1.เกษราเบเกอรี่ เปิดทุกวัน เวลา 07.00-21.00 น. โทร. 09 5639 9779 พิกัด : https://goo.gl/maps/jv3c3JcyooAMJ6YEA 2.แม่ลา กาหลง เปิดทุกวัน เวลา 08.00-19.00 น. โทร. 08 6552 4562 พิกัด : https://goo.gl/maps/JKoexr9fUDMc24MZ6 3.ร้านอรวรรณปลาช่อนแม่ลา สิงห์บุรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. โทร. 08 9744 2523 พิกัด : https://goo.gl/maps/qMppbG1mEmVc9jgN8 4.ร้านแม่วันเพ็ญสิงห์บุรี ปลาช่อนแดดเดียว เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น. โทร. 08 9540 8647 พิกัด : https://goo.gl/maps/9kWJTUFm6947gf4TA

ของดีสิงห์บุรี…ปลาช่อนแม่ลา อ่านเพิ่มเติม

นครสวรรค์…สวรรค์ใกล้กรุง

นครสวรรค์ เป็นจังหวัดที่ได้ชื่อว่าเป็นประตูสู่ภาคเหนือ หลายคนเคยผ่านแต่ไม่เคยแวะ ถ้าเพื่อน ๆ เป็นคนหนึ่งในนั้น มาค่ะ…มาทำความรู้จักนครสวรรค์กัน . แอดจะพาไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ไหว้พระคู่บ้านคู่เมือง เดินเล่นที่ชุมแสง อำเภอเล็กๆริมน้ำน่าน ล่องเรือชมนก และทำน้ำตาลกันสด ๆ รับรองว่าทริปนี้เหมือนสวรรค์ใกล้กรุงของจริงเลยล่ะ . ในอดีต นครสวรรค์หรือปากน้ำโพ เป็นเมืองที่คึกคักมาก เพราะเป็นศูนย์กลางการค้าขายที่สำคัญระหว่างภาคกลางและภาคเหนือ โดยเฉพาะข้าวและไม้สัก มีแม่น้ำสำคัญจากภาคเหนือไหลผ่าน และยังเป็นต้นกำเนิดของแม่น้ำเจ้าพระยา การคมนาคมขนส่งสะดวกทั้งทางน้ำ ทางเกวียน และทางรถไฟ ก่อนจะค่อย ๆ ซบเซาลงเมื่อมีการตัดถนน นครสวรรค์จึงไม่ได้เป็นศูนย์กลางเช่นในอดีต . ด้วยบรรยากาศการค้าที่คึกคักในยุคนั้น จึงทำให้มีชาวจีนหลั่งไหลเข้ามาทำมาหากินมากมาย และมีส่วนช่วยสร้างเศรษฐกิจของนครสวรรค์ให้เจริญรุ่งเรือง พร้อมกับการลงหลักปักฐาน เหล่าชาวจีนก็ได้ปรับตัวเพื่อให้เข้ากับประเพณีและวัฒนธรรมของไทย ขณะเดียวกันก็ยังรักษาธรรมเนียมประเพณีของชาวจีนเองเอาไว้ จะเห็นได้จากประเพณีจีนที่ยังคงสืบทอดมาจนถึงทุกวันนี้อย่างประเพณีแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ปากน้ำโพ และเทศกาลตรุษจีนที่ขึ้นชื่อว่าอลังการควรค่าแก่การไปชมสักครั้ง วันที่ 11.วัดคีรีวงศ์2.เกาะญวณ3.ตลาดชุมแสง4.บ้านเกยไชย5.ตลาดท่าเรือคลองคาง วันที่ 26.บึงบอระเพ็ด7.อาคารแสดงพันธุ์ปลา8.ศาลเจ้าพ่อเทพารักษ์-เจ้าแม่ทับทิม9..ทุ่งปอเทือง ไร่ธรรมชัย วันที่ 1ทริปนี้แอดเริ่มเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาขับรถประมาณ 3 ชั่วโมงครึ่งก็ถึงจังหวัดนครสวรรค์.วัดคีรีวงศ์จุดแรก แอดจะพาไปไหว้พระเพื่อความเป็นสิริมงคลกันก่อนที่วัดคีรีวงศ์ บนเขาดาวดึงส์ วัดนี้เป็นปูชนียสถานสำคัญที่ชาวนครสวรรค์ให้ความเคารพนับถืออย่างมาก สิ่งที่โดดเด่นก็คือ พระจุฬามณีเจดีย์ เป็นเจดีย์ขนาดใหญ่ตั้งอยู่บนยอดเขา มี 4 ชั้น ชั้นแรกเป็นที่จุดธูปบูชา ชั้นที่สองมีรูปหล่อของพระเกจิอาจารย์ชื่อดัง รวมถึงรอยพระพุทธบาทจำลองไว้ให้ประชาชนได้กราบสักการะและปิดทอง.จากนั้นเดินขึ้นสู่ชั้นที่สาม ซึ่งประดิษฐานพระพุทธรูปจำลองที่สำคัญของเมืองไทยไว้ให้ประชาชนได้กราบไหว้บูชา อันได้แก่ พระพุทธมหามณีรัตนปฏิมากรจำลอง (พระแก้วมรกต) พระพุทธชินราชจำลอง พระพุทธโสธรจำลอง ฯลฯ รวมทั้งสามารถมองเห็นวิวเมืองสวย ๆ ได้อีกด้วย แต่ถ้าอยากเห็นวิวเมืองนครสวรรค์แบบเต็มตา ต้องเดินต่อไปที่ชั้นสี่ ซึ่งมีจุดชมวิวแบบพานอรามา 360 องศา.ที่ตั้ง. ถนนมาตุลี ตำบลปากน้ำโพ อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.โทร. 056 221 633, 056 222 009พิกัด. https://goo.gl/maps/bEtmcptQvNjWN3gi8 ออกจากวัดคีรีวงศ์ เราไปกันต่อที่ เกาะญวน เกาะเล็ก ๆ ที่ได้มาตั้งถิ่นฐานอยู่ที่บริเวณจุดเริ่มต้นของแม่น้ำเจ้าพระยา จุดเด่นอยู่ที่คลองเล็ก ๆ มีระยะทางยาวประมาณ 1 กิโลเมตร ทางเทศบาลได้ปรับภูมิทัศน์คลองระบายน้ำที่ผ่านเครื่องบำบัดน้ำเสียก่อนปล่อยลงแม่น้ำเจ้าพระยา ให้กลายเป็นพื้นที่ที่ดูสวยงามราวกับทางเดินเล่นในปารีสหรือโซลเลยทีเดียว ปัจจุบันบริเวณคลองเกาะญวนเปิดให้เป็นพื้นที่พักผ่อนออกกำลังกายหรือมาเที่ยวชมได้ นอกจากนี้ยังจะปรับปรุงคุณภาพของน้ำและเริ่มเพาะพันธุ์ปลาเพื่อความสนใจและมีเสน่ห์. พิักัด. https://goo.gl/maps/noB2KMyHCyHWYBCg7 ตลาดเก่าชุมแสง.จากอำเภอเมือง เราเดินทางต่อไปที่อำเภอชุมแสง ซึ่งห่างออกไปประมาณ 40 กิโลเมตร ไปสัมผัสวิถีชีวิตชุมชนที่ชื่อว่า “ชุมแสง” ชุมชนเล็ก ๆ เงียบสงบตั้งอยู่เลียบทางรถไฟสถานีชุมแสง ซึ่งเป็นสถานีสุดท้ายของจังหวัดนครสวรรค์ก่อนเข้าเขตจังหวัดพิจิตร เมื่อเดินเลียบทางรถไฟมาเรื่อย ๆ จะเจอตลาดเก่าร้อยปี เป็นจุดที่ห้ามพลาดเพราะใครมาชุมแสงก็ต้องมาถ่ายรูปเช็คอินตรงนี้ เราจะได้สัมผัสบรรยากาศชุมชนริมแม่น้ำน่าน และเสน่ห์ของอาคารบ้านไม้เก่า อายุกว่า 100 ปีสุดคลาสสิค แม้ปัจจุบันความคึกคักจะน้อยลงกว่าสมัยก่อนแต่ก็ไม่ถึงเงียบเหงา แอดเดินตามตรอกออกตามซอยยังคงเห็นคุณย่า คุณยายขายของกันสารพัดทำให้ดูมีชีวิตชีวามาก ๆ เลยค่ะ มาถึงชุมแสงก็ต้องมาตามรอยละครกรงกรรมสักหน่อย แอดจะพาไปแวะเช็คอินที่บ้านแม่ย้อย หรือที่คุ้นชื่อกันว่า อัศวรุ่งเรืองพานิช เป็นบ้านไม้เก่าสองชั้น อยู่ไม่ไกลจากตลาดเก่า ใครชื่นชอบละครเรื่องนี้ก็ตามมาถ่ายรูปกับบ้านหลังนี้ได้.พิกัด. https://goo.gl/maps/eKMjQRr7fCBh4v3d9 ถัดมาอีกหน่อยจะเจอ ชุมแสง แกลเลอรี่ ภายในจัดแสดงรูปภาพและของเก่าวินเทจที่หาดูได้ยาก.พิกัด. https://goo.gl/maps/bgxQGDAwfr8qByxJ6 ส่วนด้านหน้าจะมีกราฟิตี้ลายหน้ากากอยู่บนกำแพงบ้าน เก๋ๆชิคๆแบบนี้ก็ต้องมีภาพกลับไปอวดเพื่อน ๆ แล้วล่ะ.พิกัด. https://goo.gl/maps/bgxQGDAwfr8qByxJ6 ออกจากแกลเลอรี่ เดินมาเรื่อย ๆ ก็จะเจอศาลเจ้าพ่อเจ้าแม่ชุมแสง เป็นศาลเจ้าที่อยู่คู่ชุมชนชุมแสงมานาน อยู่ติดกับปากคลองจระเข้เผือก ชาวชุมแสงจึงเรียกขานกันว่า ศาลเจ้าพ่อคลองจระเข้เผือก ศาลนี้สร้างขึ้นด้วยความศรัทธาของชาวจีนที่อาศัยอยู่ในตลาดชุมแสง และในทุก ๆ ปีจะมีงานแห่เจ้าพ่อ-เจ้าแม่ชุมแสง ซึ่งเป็นเทศกาลสำคัญที่ปฏิบัติสืบต่อกันมานาน.พิกัด. https://goo.gl/maps/XBH7RUGtkwz4Gns28 ว่ากันว่า มาชุมแสงต้องลิ้มลองซาหริ่มรถเข็นเจ้าดังที่อยู่ใกล้ ๆ สถานีรถไฟชุมแสง เพื่อน ๆ สามารถเลือกได้ความชอบเลยค่ะ ทั้งหอมทั้งอร่อย แถมราคาไม่แพงอีกด้วย เริ่มต้นที่ 10 บาท พิกัด. https://goo.gl/maps/QY6YbGVhFnyEQf2r5 บ้านปากคลองเกยไชย.จากตลาดเก่าชุมแสงไปประมาณ 7 กิโลเมตร เราจะไปบ้านเกยไชย ดูวิธีการทำน้ำตาลสด ๆ กัน บ้านเกยไชย มีต้นตาลเป็นจำนวนมาก ชาวบ้านที่นี่จึงรู้จักวิธีการทำน้ำตาลโตลด น้ำตาลสด และอื่น ๆ เป็นอย่างดี ไม่เพียงเพื่อใช้ในชีวิตประจำวัน แต่ยังแปรรูปเป็นสินค้าวางขายด้วย ที่นี่ได้รับการส่งเสริมให้เป็นหมู่บ้านท่องเที่ยวชุมชน เพราะมีความโดดเด่นเรื่องวิถีชีวิตท้องถิ่น นักท่องเที่ยวสามารถมาชมการสาธิตขึ้นเก็บตาล การผลิตน้ำตาลสด การทำน้ำตาลโตนด การทำขนมตาล การทำอาหารจากตาล และการทำไอศกรีมตาล  ต้นตาลที่สามารถให้น้ำตาลได้นั้นจะต้องมีอายุถึง 20 ปี ตาลที่ได้มาจะมีสีเหลืองนวลและหวานหอม เหมาะกับการนำไปทำขนมซึ่งจะให้ความหวานอร่อยได้ดีกว่าขนมที่ทำด้วยน้ำตาลทราย หากใครอยากจะมาเรียนรู้การทำน้ำตาลสด แอดแนะนำให้ติดต่อล่วงหน้านะคะ ตาลจะมีตลอดปี แต่ช่วงระหว่างเดือนมกราคม-กรกฎาคม จะมีตาลเยอะที่สุด บ้านปากคลองเกยไชย ที่ตั้ง. ตำบลเกยไชย อำเภอชุมแสง จังหวัดนครสวรรค์เปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.โทร. 08 1067 9646, 08 1786 7716พิกัด. https://goo.gl/maps/rvmFGuiqv79yUHpu9 เย็นนี้แอดขอพากลับมาที่อำเภอเมืองนะคะ มาเดินเล่นกันที่ตลาดท่าเรือคลองคาง ริมแม่น้ำปิง.ตลาดท่าเรือคลองคางเป็นตลาดต้องชม มีของขายมากมายทั้งของคาวและของหวาน แอดบอกเลยว่ายามเย็นที่นี่บรรยากาศดีมาก ๆ ค่ะ เราสามารถนั่งชิล รับลมเย็น ๆ ริมน้ำได้อย่างสบายอารมณ์ เพราะทางตลาดมีโซนนั่งกินริมน้ำให้สำหรับนักท่องเที่ยว รวมไปถึงมุมถ่ายรูปสวย ๆ.ที่ตั้ง. ตำบลบึงเสนาท อำเภอเมือง จังหวัดนครสวรรค์เปิดวันเสาร์และอาทิตย์ เวลา 15.00-21.00 น.โทร. 08 9643 9237พิกัด. https://goo.gl/maps/bKohoH97HvuHFesx8 วันที่ 2บึงบอระเพ็ด.เช้านี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปล่องเรือดูนกกันที่บึงบอระเพ็ด แอดเชื่อว่าหลาย ๆ คนต้องเคยได้ยินชื่อเสียงของที่นี่แน่ ๆ

นครสวรรค์…สวรรค์ใกล้กรุง อ่านเพิ่มเติม

พาสาน แลนด์มาร์กดีไซน์เก๋ริมน้ำนครสวรรค์

“พาสาน” เกิดจากความร่วมมือระหว่างเทศบาลนครสวรรค์ ประชาชน และบริษัทสถาปนิกเอกชน เพื่อให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สามารถกระตุ้นเศรษฐกิจท้องถิ่น เป็นแหล่งเรียนรู้ให้ผู้คนได้ศึกษาและทำความเข้าใจสายน้ำสำคัญของประเทศ รวมทั้งเป็นพื้นที่สาธารณะให้คนท้องถิ่นได้ใช้ประโยชน์ . ที่ตั้ง: แหลมเกาะยม ต ปากน้ำโพ อ.เมือง นครสวรรค์ 60000เปิดทุกวัน เวลา 06.00-20.00 น.โทร. 0 5622 1811 ททท.สำนักงานสครสวรรค์ คำว่า “พาสาน” เป็นคำที่คิดขึ้นมาใหม่ แผลงมาจาก “ผสาน” ซึ่งหมายถึงการเชื่อมต่อกัน คำว่า “พาสาน” ในที่นี้จึงแปลว่า การพาคนเข้ามาเชื่อมต่อกับสถานที่และสภาพแวดล้อม เพื่อให้เกิดการผสมผสานกันอย่างลงตัว เช่นเดียวกับการรวมตัวกันของแม่น้ำสายหลัก จนเกิดเป็นแม่น้ำเจ้าพระยานั่นเอง อย่างที่ทราบกัน ว่าแม่น้ำเจ้าพระยาเป็นแม่น้ำที่เกิดจากการรวมกันของแม่น้ำ 4 สาย คือ ปิง วัง ยม น่าน (แม่น้ำปิงจะไหลมารวมกับแม่น้ำวัง และแม่น้ำยมไหลมารวมกับแม่น้ำน่าน) โดยแม่น้ำปิงและแม่น้ำน่านจะไหลมารวมบริเวณปากน้ำโพ หรือที่เรียกกันว่า “ต้นแม่น้ำเจ้าพระยา” ซึ่งอยู่ตรง “พาสาน” พอดี.** แม่น้ำปิงจะมีสีค่อนข้างเขียว ส่วนแม่น้ำน่านสีจะออกแดง เมื่อไหลมารวมกัน จึงทำให้เกิดปรากฎการณ์แม่น้ำสองสีขึ้นอย่างชัดเจน เนื่องจาก “พาสาน” ตั้งอยู่บริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยา รูปแบบของอาคารจึงมีโครงสร้างที่โค้งและลื่นไหล เหมือนกับสายน้ำที่กำลังเคลื่อนไหว สื่อถึงการรวมตัวกันของแม่น้ำสายหลักทั้ง 4 สาย ที่ผสานกันเป็น 2 สาย และรวมเป็นหนึ่งในที่สุด โดยนักท่องเที่ยวจะเที่ยวชมได้ทั้ง ลานประดิษฐานองค์เจ้าแม่กวนอิม ลานกิจกรรม สวนริมแม่น้ำ แพท่าน้ำ ส่วนแสดงนิทรรศการ (มีการหมุนเวียนเรื่อย ๆ ) ห้องประชุม สำนักงานและจุดชมวิวบนชั้นดาดฟ้า ช่วงเวลาไฮไลท์ที่แอดชอบมากคือ ช่วงเย็นๆ ได้มาเดินเล่นชมช่วงพระอาทิตย์ตก บอกเลยว่าบรรยากาศดีมาก ๆ อยากให้เพื่อน ๆ ได้มาสัมผัสด้วยตัวเอง.การเดินทางทางบก: ขับรถข้ามสะพานป้อมหนึ่ง (สะพานนิมมานรดี) แล้วเลี้ยวขวา ตรงไป พอเจอสามแยกให้เลี้ยวขวา ก็จะเจอกับทางเข้าพาสาน.ทางน้ำ: สามารถขึ้นเรือข้ามฟากได้ที่บริเวณต้นแม่น้ำเจ้าพระยา ถนนริมเขื่อน อำเภอเมืองนครสวรรค์ ค่าเรือไป-กลับคนละ 30 บาท ถ้าเพื่อน ๆ มีเวลา แอดแนะนำให้ไปทางน้ำ เพราะจะได้สัมผัสกับความงดงามของต้นแม่น้ำเจ้าพระยา และวิถีชีวิตของผู้คนริมนํ้าอย่างใกล้ชิด

พาสาน แลนด์มาร์กดีไซน์เก๋ริมน้ำนครสวรรค์ อ่านเพิ่มเติม

นครสวรรค์…สวรรค์ความอร่อย

ถ้าเอ่ยถึงของอร่อยนครสวรรค์ ใคร ๆ คงนึกถึงขนมโมจิ แต่ที่จริงแล้ว นครสวรรค์มีของอร่อยขึ้นชื่อให้ลิ้มลองมากมายกว่านั้น ไปดูกันว่าแอดเลือกอะไรมาฝาก . แต่เชื่อเถอะ แม้ว่าเมนูเหล่านี้จะมีให้กินทั่วไทย แต่จะฟินเท่ากับไปกินถึงถิ่นได้ยังไงกัน จริงไหม ลูกชิ้นปลากราย.เรียกว่าเป็นเมนูขึ้นชื่อแห่งปากน้ำโพเลยก็ว่าได้ ด้วยภูมิประเทศที่มีลำน้ำสี่สาย ปิง วัง ยม น่าน ไหลมาบรรจบกัน เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา อันเป็นแหล่งรวมปลาน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ที่สุดของไทย โดยเฉพาะปลากรายที่มีอยู่ชุกชุม ประกอบกับภูมิปัญญาท้องถิ่นและการประกอบอาหารของคนไทยเชื้อสายจีนแห่งเมืองปากน้ำโพ จึงได้นำเอาเนื้อปลากรายมาแปรรูปเป็นลูกชิ้นปลากราย.จุดเด่นลูกชิ้นปลากรายที่นี่ คือใช้เนื้อปลากรายแท้ 100% เพื่อความเหนียวนุ่ม และอร่อยน่ากิน แกงนอกหม้อ.เมนูนี้เป็นอาหารถิ่นที่ชาวนครสวรรค์คุ้นเคยกันเป็นอย่างดี แต่คนต่างถิ่นอย่างเรา ๆ คงสงสัยกันอยู่ว่า ทำไมถึงชื่อแกงนอกหม้อ แล้วเขาทำกันยังไง.แกงนอกหม้อของนครสวรรค์โดดเด่นไม่เหมือนแกงอื่น เพราะเป็นแกงกะทิที่ใส่เครื่องเทศ เครื่องเทศที่ใช้ก็คือ ลูกจันทน์เทศ ลูกกระวาน โป๊ยกั้ก ยี่หร่า และเม็ดผักชี นำมาคั่วแล้วโขลกรวมกับหอม กระเทียม และพริกแห้ง เวลาผัดเครื่องแกง กลิ่นเครื่องเทศจะหอมฟุ้งเป็นเอกลักษณ์.ขั้นตอนการทำก็ต่างจากแกงทั่วไป หลังจากทำเครื่องแกงแล้ว ก็จะรวนเนื้อหมู หรือเนื้อไก่ให้สุกแล้วตักขึ้นพัก จากนั้นก็ตั้งไฟเคี่ยวกะทิให้แตกมันแล้วพักไว้ ตอนปรุงจะเริ่มจากผัดเครื่องแกงกับเนื้อที่รวนไว้จนสุก แล้วค่อยเทกะทิที่เคี่ยวไว้ลงไป ปรุงรสให้กลมกล่อมด้วยน้ำปลา น้ำมะนาว และน้ำกระเทียมดอง เป็นอันเสร็จ.คำว่า “แกงนอกหม้อ” หมายถึงการแยกปรุงส่วนเนื้อและเครื่องแกงให้สุกไปทีละอย่าง แล้วค่อยนำทุกอย่างที่สุกแล้วมาแกงรวมกันอีกทีนั่นเอง ขอบคุณรูปภาพจาก Steve Cafe & Cuisine Dhevet Branch https://www.facebook.com/stevecafeandcuisine/ .แอบบอกใบ้ให้นิดนึง ร้านนี้เป็นร้านในกรุงเทพฯ ที่มีทั้งหมด 3 สาขา ได้แก่ สาขาเทเวศร์ สาขาพระรามหกและสาขาผ่านฟ้า ใครอดใจไม่ไหวก็ไปทานที่ร้านนี้กันได้เลย เมนูไหลบัว.นอกจากอาหารถิ่นอย่างแกงนอกหม้อและลูกชิ้นปลากรายแล้ว ยังมีวัตถุดิบท้องถิ่นอีกอย่างหนึ่งที่นิยมนำมาประกอบอาหาร นั่นคือ “ไหลบัว”.“ไหลบัว” คือหน่ออ่อนของบัวหลวง ในบึงบอระเพ็ดซึ่งเป็นบึงน้ำจืดที่อุดมสมบูรณ์ด้วยไม้น้ำต่าง ๆ รวมทั้งบัวหลวง ชาวบ้านจึงนำวัตถุดิบที่มีอยู่แล้วและเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติมาใช้ให้เกิดประโยชน์ สร้างมูลค่า และเป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชน.เมนูที่นิยมนำไหลบัวมาทำอาหารถิ่นของนครสวรรค์ได้แก่ ยำไหลบัว ก๋วยเตี๋ยวไหลบัว ขนมโมจินครสวรรค์.ขนมขึ้นชื่อของนครสวรรค์ที่บอกเลยว่า ใครไปเที่ยวก็ต้องได้ติดไม้ติดมือกลับมาบ้างล่ะ.แท้จริงแล้วเป็นขนมเปี๊ยะที่มีการดัดแปลงตามแบบขนมโมจิ และปรับรสชาติให้ถูกปากคนไทย นับว่าเป็นต้นตำรับโมจิแห่งแรกของไทยเลยทีเดียว.โมจิของญี่ปุ่น คือขนมที่ทำจากข้าวเป็นส่วนผสมหลัก โดยผ่านกรรมวิธีการตำให้เหนียวนุ่ม มีรูปแบบและรสชาติที่หลากหลายกันไป ส่วนของขนมโมจินครสวรรค์จะมีหน้าตาและรสชาติคล้าย ๆ กับขนมเปี๊ยะนมข้น ที่มีรสหวาน มีไส้หลายแบบ ไม่ว่าจะเป็น ไส้ถั่ว ไส้มะพร้าว ไข่เค็ม เป็นต้น.ขอบคุณรูปภาพจาก  โมจิวัฒนพร ของฝากนครสวรรค์ ขนมข้าวโปง.ขนมข้าวโปงเป็นขนมไทยโบราณที่น้อยคนจะรู้จัก เดิมทีเป็นขนมที่ชาวนานิยมทำในประเพณีรับขวัญข้าว ทำจากแป้งข้าวเหนียว นำมานึ่ง เนื้อสัมผัสเหนียว นุ่ม กลิ่นหอม มีรสหวานนำ เค็มนิด ๆ นำมาห่อไส้ถั่วแล้วคลุกงาดำป่นหยาบ.ฟังดูแล้วก็ดูเหมือนขนมไทยทั่วไป แต่ในปัจจุบันนับว่าเป็นขนมที่หากินได้ยากมาก ๆ ถ้ามีโอกาสได้ไปนครสวรรค์ แอดขอแนะนำให้ไปลองสักครั้ง

นครสวรรค์…สวรรค์ความอร่อย อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top