สถานที่ท่องเที่ยว

คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อไปเยี่ยมชมวัด

คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อไปเยี่ยมชมวัด.ในการไปเที่ยววัด ไม่ว่าจะเป็นวัดในกรุงเทพฯ หรือวัดต่างจังหวัด เพื่อน ๆ ควรศึกษาก่อนสักนิดว่าแต่ละวัดมีข้อห้ามหรือข้อควรปฏิบัติอะไรบ้าง เพื่อเตรียมตัวได้อย่างเหมาะสม  วันนี้แอดมินมีข้อปฏิบัติเบื้องต้นในการเยี่ยมชมวัดมาแนะนำเพื่อน ๆ ค่ะ 1. แต่งกายสุภาพเรียบร้อยเพื่อเป็นการให้เกียรติกับสถานที่ ควรสวมกางเกงขายาว กระโปรงคลุมเข่า ผู้หญิงไม่ควรใส่เสื้อสายเดี่ยว เกาะอก แขนกุด หรือเสื้อที่รัดรูปจนเกินไป. 2. ถอดรองเท้าก่อนเข้าอุโบสถวัดวางไว้ที่ชั้นวาง หรือจุดที่ทางวัดจัดเตรียมไว้ให้. 3. สำรวมกาย วาจา และใจเมื่อเข้าไปในวัดควรอยู่ในความสงบ ทำจิตใจให้ว่าง ไม่พูดคุยกันเสียงดังจนเกินไป. 4. ปิดเสียงโทรศัพท์มือถือเพื่อป้องกันไม่ให้เสียงโทรศัพท์ไปรบกวนผู้ที่มาทำบุญ นั่งสมาธิหรือสวดมนต์. 5. ถ่ายรูปกับพระพุทธรูปอย่างสำรวมถ้าต้องการถ่ายรูปกับพระพุทธรูป ควรโพสท่าที่สุภาพเรียบร้อย. 6. ไม่ควรถ่ายรูปผู้อื่นที่กำลังทำกิจกรรมทางศาสนาเนื่องจากการถ่ายรูปผู้อื่นโดยไม่ได้รับการอนุญาตถือเป็นการละเมิดความเป็นส่วนตัว. 7. ไม่ควรนั่งและปีนป่ายโบราณสถานภายในวัดโบราณสถานภายในวัดส่วนใหญ่มีความเก่าแก่ บางแห่งมีอายุนับร้อยปี ซึ่งทางวัดมักจะมีป้ายติดกำชับว่าห้ามปีนป่าย แต่ถึงจะไม่มีป้ายติด เราก็ไม่ควรขึ้นไปปีนป่าย นั่งเล่น เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหาย และยังถือเป็นการไม่ให้เกียรติสถานที่ตามความเชื่อของชาวพุทธอีกด้วย. 8. ไม่ควรนำสุราของมึนเมา สารเสพติด รวมถึงอุปกรณ์เล่นพนันทุกชนิดเข้าไปในวัด

คำแนะนำการปฏิบัติตัวเมื่อไปเยี่ยมชมวัด อ่านเพิ่มเติม

ด่านซ้าย-เชียงคาน 2 วัน 1 คืน

ไหน ๆ 2 วันที่ผ่านมา แอดก็มีเรื่องราวที่เกี่ยวข้องกับแม่น้ำโขงมานำเสนอเพื่อน ๆ แล้ว วันนี้แอดเลยอยากนำเสนอแหล่งท่องเที่ยวของจังหวัดหนึ่งริมฝั่งโขง และเป็นที่นิยมของคนหลายวัยมานำเสนอ นั่นก็คือจังหวัด “เลย” นั่นเอง . พูดถึง จ.เลย แอดมักจะนึกถึงความสงบ และมนต์เสน่ห์ทางวัฒนธรรมของท้องถิ่น ยิ่งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติยิ่งสวยงาม จึงทำให้เป็นจุดหมายที่นักท่องเที่ยวต่างนิยมมาเยี่ยมเยียน วันนี้แอดจะนำที่เที่ยวที่ไหนมานำเสนอบ้าง ตามไปอ่านกันเลย วันที่ 11. พระธาตุศรีสองรัก2. พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน วัดโพนชัย3. แก่งคุดคู้4. ถนนคนเดิน.วันที่ 25. ภูทอก6. หมู่บ้านวัฒนธรรมไทดำ วันที่1พระธาตุศรีสองรัก.สร้างขึ้นเพื่อเป็นสักขีพยานในการช่วยเหลือซึ่งกันและกันระหว่างกรุงศรีอยุธยาและกรุงศรีสัตนาคนหุต (เวียงจันทร์) เป็นเจดีย์ที่สร้างเพื่อถวายเป็นอุเทสิกเจดีย์ (เจดีย์ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้ศาสนา ไม่มีกำหนดว่าต้องเก็บรักษาสิ่งใด) ถือเป็นโบราณสถานที่สำคัญ เป็นสัญลักษณ์และตราประจำจังหวัดเลย ตั้งอยู่ริมฝั่งแม่น้ำหมัน เป็นวัดที่ไม่มีพระภิกษุพำนักอยู่.ตัวพระธาตุ มีลักษณะทางสถาปัตยกรรมแบบล้านช้าง ฐานเป็นสี่เหลี่ยมจัตุรัส ย่อมุมไม้สิบสอง ระฆังทรงบัวเหลี่ยม ตามแบบฉบับเจดีย์แถบลุ่มน้ำโขง และมีพระพุทธรูปปางนาคปรก ศิลปะทิเบตประดิษฐานอยู่อีกด้วย.ต.ด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลยเปิดทุกวัน เวลา 06.00 – 18.30 น. ทุกปีจะมีงานประเพณีสมโภชพระธาตุศรีสองรัก ในวันวิสาขบูชา วันเพ็ญ 15 ค่ำ เดือน 6 (พฤษภาคม) โดยชาวด่านซ้ายจะนำต้นผึ้งซึ่งทำมาจากโครงไม้ไผ่ กรุด้วยกาบกล้วย ประดับแผ่นเทียนและดอกไม้อย่างสวยงามมาถวายองค์พระธาตุ.สิ่งสำคัญที่ห้ามลืมเกี่ยวกับพระธาตึศรีสองรัก ก็คือ ห้ามมีสีแดง ไม่ว่าจะเป็นการแต่งกายด้วยชุดสีแดง การนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นบูชา เพราะองค์พระธาตุสร้างขึ้นเพื่อสัจจะและไมตรี สีแดงถือเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง วัดโพนชัย (พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน).พูดถึง จ.เลย สิ่งที่หลายคนมักจะนึกถึงก็คือ “ผีตาโขน” แอดเลยอยากพาเพื่อน ๆ มาที่ วัดโพนชัย ซึ่งเป็นแหล่งรวมประวัติความเป็นมา ภูมิปัญญา ภาษา ประเพณีวัฒนธรรม ความเชื่อของชาวด่านซ้าย และยังมี พิพิธภัณฑ์ผีตาโขน ซึ่งมีการจัดแสดงนิทรรศการเกี่ยวกับผีตาโขน มีภาพเกี่ยวกับงานเทศกาล ข้อมูลสำคัญต่าง ๆ รวมไปถึงจัดแสดงหุ่นจำลองใส่ชุดผีตาโขนไว้ด้วย.วัดโพนชัย ต.ด่านซ้าย อ.ด่านซ้าย จ.เลยเปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 17.00 น.โทร. 0 4289 1094 (กศน.ด่านซ้าย) นอกจากนี้ ทางพิพิธภัณฑ์ผีตาโขนยังมีกิจกรรมวาดลวดลายและลงสีบนหน้ากากผีตาโขนขนาดเล็ก ให้นักท่องเที่ยวได้สร้างผีตาโขนในแบบฉบับของตัวเอง และมีร้านจำหน่ายสินค้าที่ระลึกเกี่ยวกับผีตาโขนด้วย.ค่าใช้จ่ายในการวาดหน้ากากผีตาโขน ราคากลุ่มละประมาณ 200 บาท (ราคาจะแตกต่างกันไปตามจำนวนคน แนะนำให้โทรสอบถามล่วงหน้า) แก่งคุดคู้.มา จ.เลย ทั้งทีจะพลาดมา อ.เชียงคาน ได้ไง สถานที่ต่อมาที่แอดแนะนำก็คือ แก่งคุดคู้ เป็นแก่งหินใหญ่อยู่กลางน้ำบริเวณช่วงโค้งของแม่น้ำโขง ยิ่งช่วงเดือนกุมภาพันธ์-พฤษภาคม จะเป็นเวลาที่น้ำแห้ง มองเห็นเกาะแก่งต่าง ๆ ได้ชัดเจน.บริเวณแก่งคุดคู้ มีสวนสาธารณะ หอชมวิว ลานกิจกรรม ร้านค้า และอาคารนิทรรศการที่จัดแสดงเรื่องราวเกี่ยวกับ จ.เลย สามารถชมแก่งคุดคู้และนั่งพักผ่อนหย่อนใจได้ทั้งวัน.ต.เชียงคาน อ.เชียงคาน จ.เลย 42110โทร. 08 1137 6051, 06 2197 0269, 09 2885 3975 (ชมรมเรือนำเที่ยวไทย-สปป.ลาว) ปัจจุบัน นักท่องเที่ยวนิยมล่องเรือยนต์ชมแม่น้ำโขงสองฝั่งไทย-ลาวได้อีกด้วย โดยจะใช้เวลาไป-กลับ ราว ๆ 1 ชั่วโมง ราคาเหมาลำประมาณ 800 บาท ถนนคนเดินเชียงคาน.สถานที่ยอดฮิต ที่รวบรวมเสน่ห์ของเมืองเชียงคานเอาไว้ให้เพื่อน ๆ ได้สัมผัสมากมาย กิจกรรมยอดฮิตที่แอดอยากแนะนำก็คือ การปั่นจักรยานชมวิวริมฝั่งโขง มีเส้นทางปั่นจักรยานเลียบริมโขง สามารถชมวิวได้ยาว ๆ อย่างจุใจ จากถนนคนเดินเชียงคาน หากใครมีแรงเยอะสามารถปั่นยาวไปจนถึงแก่งคุดคู้ได้เลยทีเดียว ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร.ส่วนการเช่าจักรยานก็ง่ายแสนง่าย เพื่อน ๆ สามารถเช่าได้จากร้านค้าและที่พักหลายแห่งบนถนนคนเดิน นอกจากนี้ การชมพระอาทิตย์ตกยามเย็นก็ถือเป็นไฮไลท์ของการมาถนนคนเดินเชียงคาน บรรยากาศพระอาทิตย์ตกที่เชียงคานเป็นอะไรที่โรแมนติกสุด ๆ เพื่อน ๆ จะได้เห็นภาพแม่น้ำโขง ภูเขา และท้องฟ้าฉาบสีทอง อย่างที่เพื่อนแอดมักจะพูดบ่อย ๆ กับแอดเวลาเห็นวิวริมโขงแบบนี้ว่า “แม่น้ำโขง ท้องฟ้า พระอาทิตย์ เป็นของใครไม่รู้ ภูเขาตรงนู้นเป็นของคนลาว แต่วิวทั้งหมดที่เห็นเป็นของพวกเรา” ปิดท้ายวันกับการเดินชม ชิม ชอปที่ถนนคนเดินเชียงคาน ซึ่งจริง ๆ ถนนคนเดินเปิดตั้งแต่หัววันแล้ว แต่ตอนเย็นจะคึกคักกว่ามาก เพื่อน ๆ อาจจะคิดว่า ถนนคนเดินที่ไหนก็เหมือนกัน แต่ถนนคนเดินที่นี่มีเสน่ห์เฉพาะตัว ไม่รู้ว่าเพราะร้านอาหาร ร้านเสื้อผ้า ร้านของฝาก หรือผู้คน ที่พวกแอดต่างมาแล้วต้องพูดว่า หลงรักเลย ไปตาม ๆ กัน วันที่ 2.เริ่มต้นวันกับอีกกิจกรรมที่แอดแนะนำก็คือ ตักบาตรข้าวเหนียวที่ถนนชายโขง ซึ่งเป็นประเพณีที่ชาวเมืองเชียงคานทำกันมานานแล้ว ในปัจจุบัน เพื่อน ๆ สามารถใส่ข้าวเหนียวและกับข้าวลงในบาตรพร้อมกันได้เลยเพื่อความสะดวก.แต่ในอดีต วิธีการตักบาตรข้าวเหนียวที่ทำกันมาแต่โบราณ ก็คือ หยิบข้าวเหนียวขึ้นมาให้พอดีคำโดยไม่ต้องปั้นเป็นก้อน จากนั้นใส่ลงไปในบาตร ใส่เฉพาะข้าวเท่านั้นนะ ไม่นิยมใส่กับข้าวลงไป.ใครกลัวว่า พระท่านจะได้ฉันแค่ข้าวเหนียวเปล่า ๆ ไม่ต้องกังวลไป เพราะหลังจากที่พระบิณฑบาตเสร็จแล้ว ชาวบ้านถึงจะนำ “กับข้าว” ที่ทำเสร็จใหม่ ๆ เดินตามไปจัด “จังหัน” ที่วัด ซึ่งเป็นการตักอาหารใส่ถ้วยเล็กๆ แล้วนำไปวางบนถาดกลมคล้ายกับ “ขันโตก” ทางภาคเหนือ แยกไว้เป็นสำรับให้พระแต่ละรูปได้ฉันนั่นเอง.หากเพื่อน ๆ ต้องการตักบาตรข้าวเหนียว อาจต้องตื่นเช้าหน่อย เพราะเวลาที่เหมาะสมในการมาตักบาตรข้าวเหนียวคือ 05.30-07.00 น. แต่รับรองว่าอิ่มใจคุ้มกับการตื่นเช้าแน่นอน ภูทอก (เชียงคาน).หลังจากตักบาตรให้ใจอิ่มแล้ว แอดจะพาเพื่อน ๆ มาดูอะไรให้อิ่มตากันหน่อย

ด่านซ้าย-เชียงคาน 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

ไปเที่ยวกัน เที่ยวกันตัง(ตรัง) 2 วัน 1 คืน

พูดถึงจังหวัดตรัง เพื่อน ๆ ร้อยทั้งร้อยคงต้องคิดถึงทะเล ทะเล แล้วก็ทะเล แต่รู้ไหมว่า จังหวัดตรังยังมีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจไม่แพ้ทะเลอยู่ด้วย วันนี้แอดจะมาแนะนำให้รู้จัก นั่นก็คือ “กันตัง” . กันตัง เป็นอำเภอที่มีอาคารเก่าแก่กระจายอยู่ทั่วอำเภอ มีแหล่งท่องเที่ยวที่น่าสนใจหลายแห่ง นอกจากทะเลสวย ๆ ที่นักท่องเที่ยวปักหมุดตั้งใจมาเที่ยวแล้ว กันตังยังมีแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมให้ได้เข้าไปสัมผัสอีกด้วย . ในช่วงสถานการณ์โควิดที่ผ่านมาทำให้เพื่อน ๆ ยังไม่สามารถเดินทางท่องเที่ยวได้อย่างปกติ และเป็นโอกาสที่ธรรมชาติและแหล่งท่องเที่ยวต่าง ๆ ได้พักและฟื้นฟู รอให้เราออกเดินทางอีกครั้ง และเมื่อการเดินทางครั้งใหม่ของเราได้เริ่มขึ้น คุณจะพบว่าเที่ยวเมืองไทย Amazing ยิ่งกว่าเดิม วันที่ 1– สถานีรถไฟกันตัง– ต้นยางคาเฟ่– ล่องแพ กินปู ดูวิว โดย “วิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำราบ”.วันที่ 2– Matou Hostel & Cafe– เยี่ยมชม และทำกิจกรรมที่ “ชุมชนบ้านย่านซื่อ” สถานีรถไฟกันตัง.จุดนี้เป็นจุดที่ต้องมาเช็คอิน พลาดไม่ได้เลย “สถานีรถไฟกันตัง” เป็นสถานีรถไฟสถานีสุดท้ายบนเส้นทางรถไฟฝั่งอันดามัน เริ่มเปิดใช้ตั้งแต่วันที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2456 นับอายุก็กว่าร้อยปีแล้ว มีความสำคัญมากในสมัยนั้น เพราะเป็นศูนย์กลางการรับ-ส่งสินค้าระหว่างไทยกับสิงคโปร์ มาเลเซีย และอินโดนีเซีย โดยผ่านท่าเรือกันตัง ซึ่งอยู่เลยจากสถานีรถไฟไปประมาณ 500 เมตร ตัวอาคารเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวทรงปั้นหยาสีเหลืองมัสตาร์ดสลับน้ำตาล คงเอกลักษณ์เดิมตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 ที่สำคัญได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นโบราณสถานโดยกรมศิลปากรแล้ว ปัจจุบันสถานีรถไฟกันตังยังให้บริการเดินรถทุกวัน วันละ 1 เที่ยว โดยขบวนรถเร็วเที่ยวไป ออกจากสถานีกรุงเทพเวลา 18.30 น. และขบวนรถเที่ยวกลับ ออกจากสถานีกันตังเวลา 12.40 น. ใช้เวลาประมาณ 16-17 ชั่วโมง.สำหรับเพื่อน ๆ สายชิลล์ที่ไม่อยากนั่งเครื่องบิน ก็สามารถนั่งรถไฟมาลงที่นี่ได้เลย แต่อย่าลืมตรวจสอบเวลาเดินรถอีกครั้งก่อนเดินทางนะคะ.โทร. 075 251 015, 1690ที่ตั้ง ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ใกล้กับสถานีรถไฟ มีร้านกาแฟน่ารักน่าแวะชื่อ สถานีรัก Love Station ตัวร้านเป็นไม้ทาสีเหลือง ตกแต่งย้อนยุคคล้ายกับสถานีรถไฟกันตัง บรรยากาศชิลล์มาก สถานีรัก Love Stationเปิดทุกวัน เวลา 08.30-19.00 น.โทร. 081 979 6806ที่ตั้ง ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง ต้นยาง คาเฟ่ .แอดจะพาไปรับประทานอาหารเที่ยงที่ ต้นยางคาเฟ่ ร้านนี้อยู่ใกล้กับต้นยางพาราต้นแรกของเมืองไทย จุดท่องเที่ยวอีกจุดของกันตัง มีเมนูให้เลือกมากมายทั้งอาหารไทย-อีสาน สเต็ก ของหวาน และเครื่องดื่ม ร้านตกแต่งสไตล์โมเดิร์นลอฟต์ ผนังร้านโดดเด่นมากเพราะเป็นภาพวาดที่เล่าเรื่องราวของเมืองกันตัง.เปิดทุกวัน เวลา 09.00-20.00 น. (ครัวปิด 19.00 น.)โทร. 089 723 1733ที่ตั้ง 253/1 ถ.ตรังคภูมิ ตำบลกันตัง อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ Facebook ต้นยางคาเฟ่ @กันตัง ล่องแพ กินปู ดูวิว โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำราบ.จากอำเภอกันตังไปประมาณ 24 กิโลเมตร เรามุ่งหน้าไปที่ตำบลบางสัก ที่นี่มีกิจกรรมท่องเที่ยวที่น่าสนใจคือการล่องแพไปชมวิวเขาจมป่าและทะเลแหวก พร้อมทานอาหารทะเลกันบนแพ โดยวิสาหกิจชุมชนบ้านน้ำราบ.ที่นี่มีกิจกรรมให้เลือกทั้งแบบครึ่งวัน และแบบเต็มวัน สามารถเที่ยวได้ตลอดทั้งปี ที่สำคัญยังได้รับการรับรองมาตรฐานความปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) จากการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยอีกด้วย แอดเลือกกิจกรรมแบบครึ่งวัน คือ ล่องแพไปเที่ยวเขาจมป่า และทะเลแหวก โดยเราจะล่องแพผ่านป่าชายเลน ซึ่งมีพื้นที่ทั้งหมด 3,200 ไร่ ระหว่างทางจะพบกับต้นโกงกางและต้นแสมที่ขึ้นอย่างหนาแน่น แสดงให้เห็นความอุดมสมบูรณ์ของผืนป่าแถบนี้.โปรแกรมล่องแพท่องเที่ยว จะรับนักท่องเที่ยวตั้งแต่ 5 คนขึ้นไป ค่าใช้จ่ายเริ่มต้นคนละ 1,350 บาท หากไปกันหลายคนก็สามารถติดต่อสอบถามก่อนได้ เนื่องจากราคาจะแตกต่างกันไปตามจำนวนคน แต่ถ้าไปน้อยกว่า 5 คน แอดแนะนำให้ท่องเที่ยวด้วยเรือหัวโทงจะประหยัดค่าใช้จ่ายมากกว่า มาถึงจุดแรก พาเพื่อน ๆ เดินขึ้นไปยังจุดชมวิวเขาจมป่า ตรงนี้ใช้เวลาเดินขึ้นไปถึงจุดชมวิวประมาณ 20 นาที ระยะทาง 400 เมตร ถึงแม้จะเป็นระยะทางสั้น ๆ แต่ก็มีหลายจุดที่ค่อนข้างชัน เดินขึ้นอย่างระมัดระวังด้วยนะคะ.ด้านบนสุด สามารถชมวิวป่าชายเลนผืนใหญ่ เขียวชอุ่มสบายตา เห็นคลองที่คดเคี้ยวไปมาแบบ 360 องศา นอกจากนี้ยังเห็นวิวทะเลและเกาะมุกที่อยู่ไกล ๆ ได้อีกด้วย ลงจากยอดเขามาเหนื่อย ๆ เริ่มหิวก็ไม่ต้องห่วงเลย เพราะบนแพได้เตรียมอาหารรอไว้แล้ว มีอาหารทะเลหลายอย่าง โดยเฉพาะปูม้าตัวใหญ่ ๆ มีให้กินแบบจุใจเลยจ้า จุดเด่นของบ้านน้ำราบคือ การทำธนาคารปูม้า อาชีพหลักของชาวบ้านคือการทำประมงปูม้า นานวันเข้าก็พบว่าปริมาณปูม้าลดลงมาก ชาวบ้านจึงหาทางแก้ปัญหา เพื่อฟื้นฟูทรัพยากรปูม้าให้กลับสู่สมดุลย์ จึงเริ่มนำแม่ปูม้าที่มีไข่นอกกระดองมาเลี้ยง รอจนแม่ปูวางไข่ แล้วจึงนำลูกปูไปปล่อยบริเวณแหล่งแนวหญ้าทะเล เพื่อให้ลูกปูเจริญเติบโตในธรรมชาติต่อไป กิจกรรมนี้สามารถช่วยรักษาประชากรปูม้าได้ไม่น้อยเลย เพราะแม่ปูแต่ละตัวนั้นมีไข่ประมาณสามแสนฟอง แต่ถ้าตัวใหญ่จะมีไข่ถึงหนึ่งล้านฟองเลยทีเดียว.นอกจากนี้ชาวบ้านยังเพาะหญ้าทะเล เพื่อให้เป็นที่อยู่อาศัยของปูม้าและเป็นอาหารของพะยูน มีการอนุบาลม้าน้ำ และลูกปลาหมึกอีกด้วย หลังจากกินจนอิ่มแปล้แล้ว ก็ไปจุดที่สอง เพื่อชมทะเลแหวกที่มีขนาดกว้างเท่าสนามฟุตบอล ซึ่งการจะชมทะเลแหวกได้นั้นต้องรอช่วงน้ำลง ราว ๆ บ่ายโมงไปจนถึงช่วงเย็น ใครไปช่วงเย็น ๆ ก็ยังสามารถรอชมพระอาทิตย์ตกดินจากจุดนี้ได้อีกด้วย.สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ บังยูร 080 824 9468, พี่อู๊ด 087 277 8017ที่ตั้ง ท่ากะหยง หมู่ที่ 4 ตำบลบางสัก อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง.ขอบคุณรูปภาพจากเพจ facebook กลุ่มท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ชุมชนบ้านน้ำราบ คาเฟ่แห่งนี้ให้บริการของหวาน และเครื่องดื่ม

ไปเที่ยวกัน เที่ยวกันตัง(ตรัง) 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

มุกดาหาร 2 วัน 1 คืน

จังหวัดมุกดาหารเป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่อยู่ติดริมแม่น้ำโขง ครบเครื่องทั้งแหล่งท่องเที่ยวทางธรรมชาติ ชิลล์เล่นในเมือง อาหารรสอร่อย รวมถึงมีการท่องเที่ยวที่อิงกับความเชื่อท้องถิ่นที่ค่อนข้างน่าสนใจมากสำหรับแอด จะมีที่ไหนบ้าง ตามไปอ่านกัน วันที่ 11.ภูผาเทิบ.วันที่ 22.ห้าแยกมุกดาหาร3.วัดภูมโนรมย์4.ตลาดอินโดจีน5.แก่งกะเบา6.ศาลพ่อปู่อนันตนาคราช7.เรือนจอมเพชร8.สะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 2 วันที่1.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ.ภูผาเทิบอยู่ห่างจากอำเภอเมืองประมาณ 17 กิโลเมตร ถนนลาดยาง เดินทางสะดวก ช่วงที่แอดไป นักท่องเที่ยวไม่เยอะ แดดค่อนข้างแรงแม้จะเป็นช่วงเช้า ลักษณะทางภูมิศาสตร์ของที่นี่ ส่วนใหญ่จะเป็นภูเขาหินทรายลูกใหญ่สลับกับต้นไม้สูง.เมื่อถึงอุทยานแล้ว แนะนำให้ไปติดต่อที่ศูนย์ข้อมูลท่องเที่ยว จะมีเจ้าหน้าที่คอยนำชมอย่างเป็นมิตร ที่สำคัญมีร่มให้บริการด้วยนะ.อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบ บ้านคอนสาย ต.นาสีนวน อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหาร 49000เวลาทำการ 08:30-16:30 น. เปิดทุกวันโทร. 09 4289 2383, 0 4267 6474 ภายในอุทยานมีแหล่งท่องเที่ยวหลายจุด ถ้าจะเดินให้ครบ ต้องใช้เวลาเกือบทั้งวันเลยล่ะ ก่อนมาอย่าลืมเตรียมร่างกายและจิตใจให้พร้อมกันด้วย แต่ถ้ามีเวลาจำกัด ก็สามารถเลือกเดินเองได้เลยว่าจะไปถึงจุดไหน แหล่งท่องเที่ยวที่แอดจะแนะนำมีดังนี้.กลุ่มหินเทิบ (20 เมตร).กลุ่มหินเทิบ เป็นผลงานประติมากรรมจากการกัดเซาะของฝน น้ำ ลม และแสงแดด ทำให้เกิดเป็นหินรูปร่างแปลกตามากมาย หินบางก้อนดูคล้ายเครื่องบิน รองเท้าบู้ท มงกุฎ สิงโต จระเข้ก็มี ดูเพลิน ๆ แล้วแต่จินตนาการของแต่ละคน ลานมุจลินท์ (500 เมตร).เป็นลานหินขนาดใหญ่ หากเพื่อน ๆ มาในช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม จะได้เจอกับ ทุ่งดอกหญ้าของพืชขนาดเล็ก เช่น สร้อยสุวรรณา หยาดน้ำค้าง หนาวเดือนห้า ดาวรวมดวง และดุสิตา แต่ถ้ามาช่วงอื่น เพื่อน ๆ ก็จะเจอลานหินโล่ง ๆ มีหญ้าแซมนิด ๆ สวยไปอีกแบบ บริเวณกลางลานสามารถมองเห็นวิวแม่น้ำโขงได้ด้วยนะ ทุ่งดอกหญ้า (บานช่วงเดือนตุลาคมของทุกปี) ดอกทิพเกสรและดอกสร้อยสุวรรณา มีดอกมณีเทวา บานอยู่ในบริเวณเดียวกันด้วยนะ น้ำตกวังเดือนห้า (1000 เมตร) อยู่ทางด้านขวาของลานมุจลินทร์ เป็นน้ำตกขนาดเล็ก เกิดจากธารน้ำที่ไหลผ่านลานหินมุจลินท์ เป็นบ่อน้ำซับที่หล่อเลี้ยงพืชพันธุ์และสัตว์ป่าภายในอุทยาน ผาอูฐ (1000 เมตร) เป็นหน้าผาที่มีประติมากรรมหินรูปร่างคล้ายอูฐ เป็นจุดชมวิวที่ไม่เพียงมองเห็นผาผักหวาน และผาขี้หมูได้อย่างชัดเจนเท่านั้น แต่ยังสามารถมองเห็นภูถ้ำพระได้ในระยะไกลอีกด้วย น้ำตกภูถ้ำพระ (2000 เมตร) มีลักษณะเป็นหน้าผาสูง ในหน้าแล้งจะไม่มีน้ำ ด้านบนเป็นสถานที่ที่เรียกว่าภูถ้ำพระ มีตำนานเล่าว่าที่นี่เคยเป็นหมู่บ้านขอม ก่อนจะมีย้ายถิ่นหนีภัยธรรมชาติ ได้นำพระพุทธรูปที่นับถือไปเก็บไว้ที่ถ้ำแห่งนี้ ซึ่งมีทั้ง พระเงิน พระนาก พระทองคำ รวมไปถึงพระไม้จำนวนมาก น่าเสียดายที่ปัจจุบันพระพุทธรูปหายไปเยอะแล้ว เหลือแต่พระพุทธรูปที่แกะสลักด้วยไม้เท่านั้น ผาไทร (3,000 เมตร) เป็นหน้าผาสูง เป็นจุดชมวิวและชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยอีกจุดของภูผาเทิบ บริเวณทางลงหน้าผามีเพิงหินที่พิงกันอยู่ดูเป็นช่องแคบ สามารถเดินลอดผ่านได้จึงเรียกกันว่า “ถ้ำลอด” บริเวณนี้เป็นจุดที่ชาวบ้านเคยขุดพบเศษถ้วยชามและของโบราณ อัตราค่าบริการคนไทยผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาทชาวต่างชาติผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท.ค่าบริการพาหนะ/คันจักรยาน ฟรีจักรยานยนต์ 20 บาทรถยนต์ 4 ล้อ 30 บาทรถยนต์ 6 ล้อ 100 บาทรถยนต์ 6 ล้อขึ้นไป 200 บาท.*นักท่องเที่ยวชาวไทยลด 50 เปอร์เซ็นต์ วันจันทร์-วันศุกร์ ยกเว้นวันหยุดนักขัตฤกษ์**บริเวณทางเข้าอุทยานมีบ้านพัก ช่วงนี้ไม่อนุญาติให้พักในอุทยานเนื่องด้วยสถานการณ์โควิด-19 จนกว่าสถานการณ์จะดีขึ้น (สอบถามเมื่อ 20/01/64)***อุทยานแห่งชาติภูผาเทิบได้รับตรามาตรฐานท่องเที่ยวปลอดภัยด้านสุขอนามัย (SHA) จากกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) และกระทรวงสาธารณสุขโดยกรมควบคุมโรค กรมอนามัย กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ และหน่วยงานภาครัฐและเอกชนในอุตสาหกรรมท่องเที่ยว วันที่ 2.ห้าแยกมุกดาหาร.ที่นี่เป็นชุมชนชาวเวียดนามขนาดใหญ่ และเป็นตลาดอาหารเช้าที่ขึ้นชื่อของมุกดาหาร มีร้านอาหารที่ผสมผสานวัฒนธรรมอีสานและเวียดนามอยู่หลายร้าน ไม่ว่าจะเป็นข้าวเปียก ก๋วยจั๊บญวน ข้าวต้ม เลือดแปลง หมูยอ ไส้หมูลวกจิ้ม ฯลฯ โอย…หิว และแน่นอนกองทัพต้องเดินด้วยท้อง แอดเลยพาเพื่อน ๆ มาเริ่มต้นวันที่นี่ก่อน ที่ร้านข้าวเปียกห้าแยกนั่นเอง.ที่ตั้ง บริเวณห้าแยกชุมชนเวียดนาม ถ.พิทักษ์สันติราษฎร์ ต.ศรีบุญเรือง อ.เมือง จ.มุกดาหาร เวลาทำการ 6.00-10.30 น. หยุดทุกวันพุธโทร. 0 4261 2249 ข้าวเปียกที่นี่อร่อยสมคำร่ำลือจริง ๆ เส้นเหนียวนุ่ม น้ำซุปกลมกล่อมคล่องคอ หมูยอ ซี่โครงหมู นุ่มอร่อย เข้ากันไปหมด ที่สำคัญ ราคาถ้วยละ 20-30 บาทเท่านั้น (ใส่ไข่เพิ่ม 5 บาท) Simple Delicious มาก ๆ แต่ถ้ามาช้า ระวังปาท่องโก๋หมดนะ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ จ.มุกดาหาร.เมื่อวานเราเข้าป่าไปแล้ว วันนี้แอดขอเปลี่ยนแนว พาไปท่องเที่ยวที่อิงกับคติความเชื่อของชาวพื้นถิ่นกันบ้าง ซึ่งที่แรกของวันนี้ก็คือ วัดรอยพระพุทธบาทภูมโนรมย์ หรือที่เรียกกันสั้น ๆ ติดปากว่า ภูมโนรมย์ นั่นเอง.เมื่อมาถึงแล้ว เพื่อน ๆ ต้องจอดรถไว้ที่ลานจอดรถด้านล่างของวัด ตรวจอุณหภูมิ ผ่านจุดคัดกรอง แล้วใช้บริการรถสองแถวของทางวัดขึ้นไป มีรถออกตลอด ค่ารถบริจาคตามกำลังศรัทธาที่ตู้บริจาค (ปัจจุบันห้ามนำรถส่วนตัวขึ้นทุกกรณี).เหตุผลที่ต้องใช้บริการรถสองแถวของทางวัด เนื่องจากทางขึ้นเป็นภูเขาชัน มีโค้งหลายจุด รถสวนกันยาก จึงต้องใช้คนพื้นที่ขับ ซึ่งคนขับรถจะมี วอ. คอยติดต่อกัน เพื่อแจ้งว่าขับถึงจุดไหนแล้ว เพราะฉะนั้น ปลอดภัยหายห่วงงง.ที่ตั้ง หมู่ที่ 5 ต.ศรีบุญเรือง อ.เมืองมุกดาหาร จ.มุกดาหารเวลาทำการ 07.00

มุกดาหาร 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น

คิดถึงทะเลกันไหม… แอดนั้นคิดถึงทะเลที่สุด คิดถึงน้ำทะเลใสๆ คิดถึงความสวยงามของแนวปะการัง คิดถึงฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อยที่ว่ายล้อไปกับดอกไม้ทะเล ถ้าเพื่อน ๆ คิดถึงทะเล คิดถึงการดำน้ำตื้นเหมือนกัน แอดมีลิสต์ 5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นมาฝาก 1.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์.หากพูดถึงปะการัง การดำน้ำตื้น และโลกใต้ทะเลที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ต้องยกให้ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์” เป็นหนึ่งในลิสต์ เราสามารถไปเที่ยวแบบ One day trip เพื่อดำน้ำดูปะการังได้ แต่หากใครอยากใช้เวลาชิลล์ ๆ แบบไม่รีบร้อน ก็ค้างคืนได้ค่ะ บนอุทยานฯ มีศูนย์บริการสำหรับนักท่องเที่ยวและบ้านพัก.นักท่องเที่ยวขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือคุระบุรี ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง.เดือนน่าเที่ยว : เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน.ฤดูการท่องเที่ยวปิดเตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 พฤษภาคม ของทุกปี.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงาโทร. 0 7647 2145 2.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน.เกาะสิมิลันหรือเกาะแปด เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ขึ้นชื่อว่า มีน้ำทะเลที่ใสราวกระจกและหาดทรายขาวละเอียดที่สุดของเมืองไทย.สายดำน้ำห้ามพลาด เพราะที่นี่นับเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำอีกแห่งเลยทีเดียว เพื่อน ๆ จะได้พบกับฝูงปลาหลากสีแวะเวียนว่ายมาทักทาย ปะการังที่สวยงาม และสัตวน้ำนานาชนิด เป็นหมู่เกาะที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ เลยทีเดียว.คำว่า “สิมิลัน” เป็นภาษายาวี แปลว่า เก้า ซึ่งหมายถึงเกาะทั้งเก้า ประกอบด้วย เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมียง เกาะห้า เกาะปายู เกาะหัวกะโหลก(เกาะบอน) เกาะสิมิลัน(เกาะแปด) และเกาะบางู.นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือทับละมุ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง.เดือนน่าเที่ยว : ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมในช่วง 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคมของทุกปี หมู่เกาะสิมิลันจะปิดเกาะเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ.บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทร. 0 7642 1365 3.หมู่เกาะง่าม จังหวัดชุมพร.หมู่เกาะง่ามอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นจุดที่สามารถดำได้ทั้งน้ำลึกและน้ำตื้น มีธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย จุดไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันคือที่เกาะง่ามน้อย เดือนน่าเที่ยว : เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ซึ่งในช่วงนี้หากโชคดีอาจได้พบกับฉลามวาฬด้วยนะ.ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพรอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โทร. 0 7755 8144 4.เกาะหวาย จังหวัดตราด.ทะเลภาคตะวันออกก็สวยไม่แพ้ภาคใต้นะคะ เกาะหวาย ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เป็นเกาะที่มีเเนวปะการังน้ำตื้นให้ดำดูได้อย่างเพลิดเพลิน และสวยงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ รวมถึงมีสัตว์น้ำทะเลหายากต่าง ๆ ซึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาด ก็คือปะการังสีน้ำเงินที่หายากนั่นเอง.สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเทียบเรือบ้านบางเบ้า ใช้ระยะเวลาประมาณ 40 นาที.เดือนน่าเที่ยว : ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน.ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราดททท. สำนักงานตราด โทร. 0 3959 7259-60 5.เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี.หากจะบอกว่า ทะเลสวย น้ำใส ปะการังดีก็ต้องไม่พลาดที่นี่ แถมใกล้กรุงเทพฯ ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็ได้ดำน้ำดูปะการังแล้ว.เกาะแสมสารอยู่ในการกำกับดูแลของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเกาะและทะเลไทย สามารถเที่ยวได้แบบ One day trip เท่านั้นไม่สามารถพักค้างได้ แต่แน่นอนว่าความอุดมสมบูรณ์ใต้ท้องทะเลก็สวยไม่แพ้ภาคใต้เลย นับว่าเป็นอีกแห่งที่เที่ยวงบหลักร้อย แต่ได้วิวหลักล้าน.สามารถขึ้นเรือที่ท่าเรือเขาหมาจอ ซื้อตั๋วได้ที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (ไม่มีบริการจองตั๋วล่วงหน้า) ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปยังเกาะแสมสารประมาณ 30 นาที.เดือนน่าเที่ยว : เที่ยวได้ทั้งปี.ตำบลช่องแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีโทร. 038 432 475, 038 432 473

5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวอีสัน…ไปอีสาน

จังหวัดหนองคายเป็นอีกหนึ่งเมืองรองที่มีสถานที่ท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม และประเพณีของไทย-ลาวอยู่มาก แต่ถึงอย่างนั้น สถานที่ท่องเที่ยวทางธรรมชาติก็สวยงามไม่แพ้กัน จนแอดอยากแนะนำให้เพื่อน ๆ ได้ลองไปสัมผัสด้วยตัวเองสักครั้ง การเดินทางขึ้นไปที่ภูห้วยอีสันไม่สามารถใช้รถยนต์ส่วนตัวขึ้นไปได้ เพราะว่าทางขึ้นสูงและชันมาก เพื่อน ๆ สามารถใช้บริการรถอีแต๊กได้ โดยจุดบริการรถอีแต๊กจะอยู่ที่อบต.บ้านม่วง และมีค่าบริการคนละ 60 บาท (ไป-กลับ) .ในการชมพระอาทิตย์ขึ้นและทะเลหมอก แนะนำให้มาขึ้นรถอีแต๊กเวลาประมาณ 05.00 น. เพราะระยะทางจากจุดขึ้นรถไปถึงภูห้วยอีสัน ใช้เวลาประมาณ 45-50 นาที ภูห้วยอีสัน เป็นจุดชมวิวเล็ก ๆ บนเขา สามารถมองเห็นลำน้ำโขง และภูเขาขนาดใหญ่ของฝั่งไทยและฝั่งลาว นอกจากนี้ ยังเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้นที่สวยที่สุดของจังหวัดหนองคาย นอกจากจะได้ชมพระอาทิตย์ขึ้นแล้ว ไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือการมาชมทะเลหมอก ซึ่งสามารถชมได้ในช่วงฤดูหนาว.แอดเดินทางไปช่วงเดือนปลายเดือนมิถุนายนที่ผ่านมา บนภูอากาศดีมาก มีหมอกให้ชมบ้างเล็กน้อย ซึ่งก็ถือว่าไม่เสียเที่ยวที่ได้มาชมวิวสวย ๆ บนภูแห่งนี้ ห่างจากลานชมวิวออกไปไม่ไกล จะมีจุดชมวิวอีกจุดหนึ่ง ซึ่งมีสะพานไม้ยื่นออกไปจากหน้าผา.เพื่อน ๆ สามารถมองเห็นวิวที่กว้างกว่าลานด้านล่างได้จากจุดนี้ และยังเป็นจุดที่มองเห็นพระอาทิตย์ขึ้นได้ใกล้ที่สุดอีกด้วย สำหรับใครที่ชอบท้าทายความสูง แอดขอชวนให้มาเล่นชิงช้าตรงนี้เลย.แอดลองเล่นแล้ว ทั้งสนุกและได้เห็นวิวในมุมที่ต่างจากการดูวิวแบบทั่วไปแน่นอน  หากเพื่อน ๆ จะเดินทางไปในช่วงหน้าฝน แนะนำว่าให้เช็คสภาพอากาศก่อน เพราะถ้าในวันนั้นฝนตก จะงดให้บริการรถขึ้นไปบนภูห้วยอีสัน . ภูห้วยอีสัน .ตำบลบ้านม่วง อำเภอสังคม จังหวัดหนองคายเปิดให้บริการทุกวัน เวลา 04.00 น.โทร. 0 4241 4871, 09 6068 2362, 08 7219 5500

เที่ยวอีสัน…ไปอีสาน อ่านเพิ่มเติม

สปาโคลนร้อน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกไคร : พังงา

ชุมชนบ้านโคกไคร หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา มีเขาหมูกโครง (เขาจมูกคน) สัญลักษณ์ในพื้นที่ตั้งตระหง่าน และมีคลองมะรุ่ยไหลผ่านเป็นเขตแดนระหว่างอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา กับอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่นั่นเอง . กิจกรรมท่องเที่ยวหลัก ๆ ของชุมชน คือ การทำสปาโคลนธรรมชาติซึ่งเป็นโคลนร้อนที่สะอาดบริสุทธิ์ รวมทั้งมีแร่ธาตุต่าง ๆ สามารถพอกได้ทั้งใบหน้าและลำตัวเลยค่ะ อ้อ!! สปาโคลนที่นี่ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ ซึ่งในเดือนนึงเราสามารถทำสปาโคลนได้ไม่กี่วันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง สามารถเช็คตารางปฏิทินในแต่ละเดือนกับทางชุมชนได้เลยค่ะ . อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ การทำประมงพื้นบ้าน เมื่อเราเดินทางไปถึงหมู่บ้าน เราจะสังเกตเห็นกระชังเรียงรายบริเวณท่าเรือ มีตั้งแต่หอยตลับ ธนาคารปู และพระเอกของชุมชนนั่นก็คือ “หอยนางรม” ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งเลี้ยงหอยนางรมที่สำคัญของประเทศเลยทีเดียว เราออกจากที่พักในอำเภอเมืองพังงากันตั้งแต่เช้า ให้ทันนัดหมายกับคุณสมพร (ประธานกลุ่มท่องเที่ยวบ้านโคกไคร) เพื่อลงเรือที่หมู่บ้านกันตอน 6 โมงเช้า ก่อนลงเรือเราได้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข โดยมีการเช็คอุณหภูมิร่างกายและการแสกน QR Code ไทยชนะ เพื่อเช็คอินเข้าสู่ชุมชน พอฟ้าเริ่มสว่าง พวกก็เราลงเรือเพื่อไปยังจุดที่ทำสปาโคลนกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ระหว่างทางได้ชมบรรยากาศ 2 ฝั่งคลองมะรุ่ย มีหมอกปกคลุม อากาศเย็นสบายมากกก และแล้วเราก็เดินทางมาถึงบริเวณหาดทรายร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลลดพอดี โดยมีบังอิ๊บ ไกด์ชุมชนเป็นวิทยากร.บังอิ๊บแนะนำให้เราถอดรองเท้าเดินสัมผัสพื้นทรายและหมักโคลนร้อนที่เท้า เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย พร้อมกับเล่าว่าบริเวณนี้เป็นรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ซึ่งเป็นรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ยังคงปล่อยพลังงานอยู่ ทำให้มีความร้อนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และเราก็ได้มาซึ่งแฟชั่นรองเท้าบู๊ทแห่งบ้านโคกไคร หลังจากหมักโคลนที่เท้าให้ได้สัมผัสความร้อนกันแล้ว เราก็มาพอกตัวกันต่อค่ะ แต่โคลนที่ใช้พอกตัวจะเป็นคนละจุดกับที่เราหมักเท้าไปเมื่อสักครู่ค่ะ.โดยโคลนที่พอกตัวจะนำมาจากบ่อโคลน ที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 1 เมตร มีความสะอาดบริสุทธิ์ หากเราต้องการเลือกพอกเฉพาะหน้า แขน หรือขา ก็สามารถแจ้งพี่เจ้าหน้าที่ได้ โดยทางชุมชนจะมีผ้าให้เปลี่ยนค่ะ พอกโคลนเสร็จแล้วเราก็มานั่งพักเพื่อให้โคลนแห้ง ระหว่างนั้นก็จิบชาใบขลู่ ซึ่งเป็นสมุนไพรขึ้นชื่อของที่นี่ และทานขนมที่ทางชุมชนบริการให้ถึงที่.พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว เพราะมีกลุ่มเราแค่กลุ่มเดียว เรียกว่าการบริการของเจ้าหน้าที่ชุมชนที่นี่ ไม่แพ้โรงแรม 5 ดาวเลยค่ะ เสร็จจากการพอกโคลนแล้ว กิจกรรมของเราก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ค่ะ อย่างที่บอกไปว่าอาชีพดั้งเดิมของที่นี่คือประมงพื้นบ้าน ซึ่งหนึ่งในก็นั้นคือ หอยนางรม แน่นอนค่ะ!! เราก็ต้องไม่พลาดที่จะชิมหอยนางรมของที่นี่.โดยเค้ามีการสอนวิธีทานตามแบบฉบับบ้านโคกไครด้วย บอกเลยว่าสดและฟินมากกก!!! แอดให้คะแนน 10/10 ไม่หักเลยค่ะ อิอิ ก่อนกลับยังมีผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้ได้เลือกซื้อ เช่น ชาใบขลู่ ที่เป็นสมุนไพรท้องถิ่น และสครับจากเปลือกหอยนางรม สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วยน้า.บ้านโคกไครหมู่ที่ 1 ตำบลมะรุ่ย อำเภอทับปุด จังหวัดพังงาเช็คตารางวันที่และราคาทำกิจกรรมได้ที่คุณสมพร สาระการ (ประธานชุมชนบ้านโคกไคร) โทรศัพท์ 087 886 0465

สปาโคลนร้อน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกไคร : พังงา อ่านเพิ่มเติม

1 วัน @ ตลาดน้อย

ว่างหนึ่งวันไปไหนดี? คำถามนี้ยากพอ ๆ กับวันนี้กินอะไรดีเลยใช่ไหมล่ะ? . วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปเดินเล่นที่ “ตลาดน้อย” ย่านการค้าและชุมชนจีนเก่าแก่ริมฝั่งแม่น้ำเจ้าพระยา ปัจจุบันย่านนี้ยังคงความเก๋าสมกับเป็นย่านที่รุ่งเรืองในอดีต แถมตอนนี้ยังมีความเก๋ของภาพสตรีทอาร์ตที่ซ่อนอยู่มากมาย ยิ่งใครชอบถ่ายภาพด้วยกล้องฟิล์ม หรือชอบถ่ายรูปแนว Street Art ล่ะก็ รับรองต้องถูกใจแน่นอน ที่สำคัญเดินทางง่ายด้วย เหมาะจะเป็นทริปหนึ่งวันเป็นอย่างยิ่ง #TravelLikeaLocal 1 วัน @ ตลาดน้อย  1.เป็ดตุ๋นเจ้าท่า2.ศาลเจ้าโรงเกือก3.โซวเฮงไถ่4.ศาลเจ้าโจวซือกง5.ขาหมูแช่เย็น6.ธนาคารไทยพาณิชย์7.โบสถ์กาลหว่าร์ . การเดินทางไปตลาดน้อย (ซอยเจริญกรุง 22).1.รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT ลงสถานีหัวลำโพงจากนั้น ต่อรถแท็กซี่, ตุ๊กๆ มาที่ซอยเจริญกรุง 222.รถไฟฟ้า BTS สถานีวงเวียนใหญ่ จากนั้นต่อรถสาธารณะมาที่ ซอยเจริญกรุง 223.รถประจำทาง สาย 1 , 35 ,75 ลงตลาดน้อย สาย 36, 93 ลงสี่พระยา เดินมาอีกนิด.ไม่แนะนำให้นำรถส่วนตัวมาเพราะค่อนข้างหาที่จอดรถยาก  แอดเริ่มต้นทริปที่ซอยเจริญกรุง 22 หากเพื่อน ๆ ไม่อยากเดิน สามารถเช่าจักรยานได้ที่ร้าน lofitel 22 ตรงหน้าปากซอยเลย แต่วันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ เดินนะ เพราะแต่ละจุดที่แอดจะพาไปไม่ไกลกัน แถมระหว่างทางยังมีจุดให้ถ่ายรูปเต็มไปหมด รับรองว่า เดินเพลินแน่ ๆ.ภายในซอย เป็นซอยค่อนข้างเล็ก แต่เพราะความเล็กนั่นแหละที่ทำให้แอดรู้สึกเชื่อมโยงกับบรรยากาศในอดีตได้ไม่ยาก แม้บางตึกจะมีการรีโนเวทใหม่ก็ตาม แต่ตลอดสองฝั่งส่วนใหญ่ก็ยังคงเป็นตึกแถวเก่าแก่เรียงรายไปตลอดทาง ดู ๆ ไปเหมือนเข้าไปอยู่ในละครแนวพีเรียตเลยล่ะ เป็ดตุ๋นเจ้าท่า.เริ่มต้นที่แรกด้วยร้านดังประจำย่านนี้ “เป็ดตุ่นเจ้าท่า” ร้านนี้เปิดขายมากว่า 40ปีแล้ว บอกได้เลยว่าร้านนี้เด็ดจริง น้ำซุปกลมกล่อม เนื้อเป็ดนุ่มไม่เหนียว เครื่องในสะอาดไม่มีกลิ่น ชอบมาก ๆ ร้านนี้มีทั้งเมนูเส้นและเมนูข้าว แต่ที่ถูกใจแอดที่สุดเห็นจะเป็น “ก๋วยเตี๋ยวแห้งเส้นเป๊าะ”(เหมือนเส้นหมี่ แต่ใหญ่กว่า) อร่อยเต็มปากเต็มคำจนอยากให้เพื่อน ๆ ได้มาลองบ้างจริง ๆ . ที่ตั้ง: ตลาดน้อย ซอยวานิช2 (ซอยกรมเจ้าท่า) แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 8.30-15.00น. (หยุดวันอาทิตย์)โทร. 0 2233 2541 กินอิ่มแล้ว เราจะเดินไปเที่ยวต่อที่ฝั่งตรงข้าม นั่นคือ “ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก” ในตรอกนี้มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเยอะมาก ไม่ใช่แค่งานที่จัดแสดงให้ดูนะที่สวย แสงและเงาตามกำแพงก็สวยไม่แพ้กัน แนะนำเลยว่าห้ามพลาด ศาลเจ้าโรงเกือก.เดินจนสุดทางก็จะเจอศาลเจ้าโรงเกือก (ศาลเจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุง) ที่นี่อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา เป็นศาลเจ้าเก่าแก่ที่มีมาแต่สมัยรัชกาลที่ 5 จนปัจจุบันก็ยังสวยอยู่ แอดว่ายิ่งเวลาผ่านไปความเก่าแก่ที่เพิ่มขึ้นก็ยิ่งเป็นการเพิ่มเสน่ห์ มีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปและเดินชมอยู่ไม่น้อยเลย คนดูแลที่นี่บอกว่า เริ่มจากพ่อค้าชาวจีนฮากกา (จีนแคะ) ได้เชิญองค์เจ้าพ่อฮ้อนหว่องกุงจากเมืองจีนมาประดิษฐานไว้เมื่อกว่า 100 ปีที่แล้ว ก่อนที่จะสร้างเป็นศาลเจ้าอย่างที่เห็นในปัจจุบัน ยิ่งในวันตรุษจีนจะคึกคักเป็นพิเศษ จะมีการตั้งโต๊ะไหว้เทพเจ้าไฉ่ซิงเอี๊ยะ (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) ใครสนใจจะมาไหว้ก็ซื้อของไหว้รวมไปถึงเครื่องกระดาษต่าง ๆ มาไหว้ได้เลย.ที่ตั้ง: ตรอกศาลเจ้าโรงเกือก ซอยวานิช 2 ตลาดน้อย แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 7.00 – 17.00 น. โซวเฮงไถ่ (ร้านกาแฟ+โรงเรียนสอนดำน้ำ).เดินตามทางมาไม่ไกล ก็จะเจอกับบ้านโซวเฮงไถ่ (บ้านนี้มีชื่อเรียกหลายชื่อ คนแถวนี้เรียก บ้านดวงตะวัน นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่มักเรียกว่าบ้านจีนโบราณ บ้านเก๋งโบราณ) ที่นี่จะเป็นบ้านจีนสไตล์โบราณ มีผังเป็นรูปตัวยู ถ้าพูดด้วยภาษาปัจจุบันก็คือ จะมีคอร์ตยาร์ต (COURTYARD) กลางบ้านเป็นสระ เอาไว้ดำน้ำ (ลูกชายเจ้าของบ้านชอบดำน้ำมาก จึงสร้างสระว่ายน้ำไว้กลางบ้าน และเปิดเป็นโรงเรียนสอนดำน้ำ) แล้วเก๋งจีนที่นี่ก็มีอายุเก่าแก่กว่า 200 ปีเลย สวยข้ามกาลเวลาจริง ๆ หลังจากสั่งเครื่องดื่มแล้ว เพื่อน ๆ สามารถขึ้นไปเดินชมบนตัวบ้านได้เลย แอดอดรู้สึกตื่นเต้นไม่ได้ เพราะข้าวของทุกอย่างเป็นของเก่าจริง ๆ และสวยมาก ๆ เหมือนฉากในหนังเลยล่ะ ที่สำคัญคือ ควรเดินด้วยความระมัดระวังและสำรวมกันด้วยนะ เพราะที่นี่ยังคงเป็นบ้านที่อยู่อาศัยของเจ้าของบ้าน บริเวณไหนเป็นพื้นที่ส่วนตัวหรือห้ามเข้า ก็ปฏิบัติตามกันกฏด้วยน้าาา.ที่ตั้ง: ซอย วานิช 2 แขวง ตลาดน้อย เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานครเปิดทุกวัน เวลา 9.00-17.00น. (หยุดวันจันทร์)โทร. 08 0218 7000  ถัดจากบ้านโซวเฮงไถ่เล็กน้อยก็จะเจอจุดมหาชนนิยมถ่ายรูปอีกแล้ว นั่นก็คือ รถเต่าสีส้มนั่นเอง รถคันนี้ จอดอยู่ริมกำแพงอิฐเก่าเกือบสุดซอย เอาจริง ๆ แอดอดคิดไม่ได้ว่าใครกันที่เป็นคนขับรถเต่าสีส้มแบบนี้บนท้องถนนในอดีต ต้องเป็นคนจ๊าบแน่เลย…ว่าไหม? ใครเป็นทาสแมว เตรียมใจไว้เลย ระหว่างทางมีน้องงงอยู่เต็มไปหมด ไม่รู้จะชมตึกหรือชมแมวก่อนดี ศาลเจ้าโจวซือกง.เผลอแป๊บเดียวก็เดินมาถึง ศาลเจ้าโจวซือกง ที่นี่เป็นศาลเจ้าที่เก่าแก่และสำคัญที่สุดของชาวจีนฮกเกี้ยนที่อาศัยอยู่ในประเทศไทย (สร้างขึ้นตั้งแต่ พ.ศ.2347) ด้านในศาลเป็นที่ประดิษฐานของพระเซ่งจุ๊ยจ้อซือ และเทพเจ้าอื่น ๆ ที่ชาวจีนนับถือ เช่น พระไทจื่อเอี๋ย เจ้าพ่อกวนอู เจ้าพ่อเสือ และสามสิบหกเทพเจ้า ด้านหน้าของที่นี่เป็นแม่น้ำเจ้าพระยา อากาศดีมากเลย ขอบอก อ๊ะ ๆ อย่าลืมแวะไปขอพรกับสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกศาลที่อยู่ริมน้ำนะ ภายในจะประดิษฐานเจ้าแม่ทับทิม ไฉซิ้งเอี้ย (เทพเจ้าแห่งโชคลาภ) และไต่เซี้ยฮุกโจ้ว (เห้งเจีย) ได้ข่าวว่ามีคนมาขอเรื่องการงานแล้วสำเร็จตามใจหวังกันเยอะเลย ศาลเจ้าแห่งนี้นอกจากการเป็นศูนย์รวมจิตใจของชาวจีนแล้ว ยังมีคุณค่าทางศิลปกรรม สถาปัตยกรรมอีกด้วย ทั้งรูปแบบศิลปะลายปูนปั้น และการวางผังอาคาร ยังคงรักษารูปแบบสมัยราชวงศ์ชิงไว้อย่างเด่นชัด ปัจจุบันอยู่ภายใต้การดูแลของสมาคมฮกเกี้ยนแห่งประเทศไทย แอดประทับใจลายปูนปั้นมาก สวยมากจริง ๆ.ที่ตั้ง:

1 วัน @ ตลาดน้อย อ่านเพิ่มเติม

ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร

ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ตั้งอยู่บริเวณหาดทรายรี สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์สถานของพลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ องค์บิดาของทหารเรือไทย หรือที่ผู้คนเรียกกันว่า “เสด็จเตี่ย” ผู้ซึ่งเป็นที่เคารพศรัทธาของเหล่าทหารเรือ รวมทั้งประชาชนทั่วไป.อนุสรณ์สถานประกอบด้วยศาลหลังเก่าอยู่ทางด้านล่าง ใกล้กับเรือรบหลวงชุมพร ซึ่งเป็นที่ตั้งของพระตำหนักที่พระองค์สิ้นพระชนม์ และศาลหลังใหม่ที่สร้างขึ้นบนเนินเขา โดยจำลองให้เป็นเรือรบหลวงพระร่วงและมีศาลตั้งอยู่บนเรือ บริเวณนี้เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์ของหาดทรายรีที่เป็นเวิ้งสวยงาม พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตรอุดมศักดิ์ พระราชโอรสในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวกับเจ้าจอมมารดาโหมด ประสูติเมื่อวันที่ 19 ธันวาคม 2423 เป็นเจ้านายพระองค์แรกที่ได้เสด็จไปทรงศึกษาวิชาการทหารเรือยังต่างประเทศ โดยหลังจากสำเร็จการศึกษาจากประเทศอังกฤษแล้ว ได้ทรงกลับมาวางรากฐานและพัฒนาปรับปรุงกิจการทหารเรือสยามให้เจริญก้าวหน้า.ในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฏเกล้าเจ้าอยู่หัวนั้น ได้ทรงศึกษาวิชาแพทย์แผนโบราณอย่างจริงจัง จนสามารถรักษาโรคได้ จึงทรงรับรักษาผู้ป่วยในนาม “หมอพร” โดยไม่คิดค่าใช้จ่ายใด ๆ.ภายหลังได้ทรงกลับเข้ารับราชการอีกครั้ง และทรงเจริญก้าวหน้าในหน้าที่การงานเรื่อยมา จนได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่งเสนาบดีกระทรวงทหารเรือ แต่หลังจากกราบบังคมลาเพื่อมาประทับรักษาพระองค์ ณ หาดทรายรี พระองค์ก็ประชวรด้วยพระโรคไข้หวัดใหญ่และสิ้นพระชนม์ที่พระตำหนักบริเวณหาดทรายรี เมื่อวันที่ 19 พฤษภาคม 2466  สำหรับวันนี้แอดจะพาเพื่อน ๆ ไปชมศาลหลังใหม่กัน ซึ่งศาลหลังนี้ดูเผิน ๆ ก็เหมือนตั้งอยู่บนพื้นดินธรรมดา แต่ที่จริงแล้วบริเวณนี้คือเรือรบหลวงพระร่วงจำลอง โดยหัวเรือจะอยู่ด้านหน้าของศาล มีการสร้างปืนใหญ่และเสากระโดงเรือไว้ด้วย.ซึ่งจากสถานการณ์ไวรัสโควิด 19 ในปัจจุบัน ก่อนที่นักท่องเที่ยวจะเข้ามาสักการะภายในศาลก็ต้องผ่านการลงทะเบียนและตรวจวัดอุณหภูมิร่างกายที่เต็นท์ด้านหน้าก่อน  หลังจากผ่านการตรวจเรียบร้อยแล้ว เราก็เข้ามาด้านในกัน โดยก่อนที่จะเข้าไปสักการะพระรูปของกรมหลวงชุมพรฯ ด้านในศาล ทางด้านหน้าก็จะเป็นจุดให้เรานำเครื่องสักการะมาถวาย ซึ่งมีทั้งดอกกุหลาบแดง พวงมาลัยดอกมะลิ หมากพลู และยังสามารถจุดประทัดถวายได้ด้วย ซึ่งตอนแอดไป ก็ได้ยินเสียงจุดประทัดแก้บนอยู่ตลอดเวลาเลย  ซึ่งช่วงนี้ทางศาลฯ ไม่อนุญาตให้เรานำดอกกุหลาบมาสักการะเอง เพื่อเป็นการหลีกเลี่ยงการสัมผัส โดยนักท่องเที่ยวสามารถซื้อพานกุหลาบที่ทางศาลฯ จำหน่ายมาถวายได้ ราคาพานละ 50 บาท  บริเวณหัวเรือซึ่งหันหน้าออกสู่ทะเล เป็นจุดที่เราสามารถชมทิวทัศน์ของหาดทรายรีได้อย่างสวยงาม ถึงแม้แดดจะแรงไปนิด แต่ก็มีลมเย็น ๆ ช่วยคลายร้อนอยู่ตลอดเวลาเลย . ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ หาดทรายรี ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพรเปิดทุกวัน เวลา 06.30-19.00 น.

ศาลกรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ จ.ชุมพร อ่านเพิ่มเติม

ส่องสถาปัตยกรรมตะวันตกย่านบางรัก

ย่านบางรักถือเป็นย่านที่เต็มไปด้วยความหลากหลายทางเชื้อชาติ เห็นได้จากอาคารบ้านเรือน ที่มีทั้งวัด โบสถ์ และมัสยิด ครั้งนี้แอดจะพาไปทำความรู้จักตึกเก่าสไตล์ตะวันตกสวย ๆ ในย่านนี้ มีหลายอาคารเลยที่ตกทอดจากอดีตมาถึงปัจจุบัน อายุกว่าร้อยปี ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสไปเดินเที่ยวแถวบางรัก แอดเชื่อว่าเกร็ดความรู้เล็ก ๆ น้อย ๆ นี้จะทำให้เดินเที่ยวได้สนุกยิ่งขึ้นแน่นอน . ทำไมย่านบางรักมีสถาปัตยกรรมตะวันตกอยู่หลายแห่ง คำตอบของคำถามนี้คงต้องย้อนกลับไปเมื่อหลายร้อยปีที่แล้ว ชาวตะวันตกเดินทางเข้ามาในประเทศไทยเพื่อทำการค้ากับชาวสยาม ซึ่งในสมัยรัชกาลที่ 4 และ 5 เป็นช่วงที่มีชาวตะวันตก เช่น ชาวโปรตุเกส อังกฤษ ฝรั่งเศส และเนเธอร์แลนด์ เข้ามาทำธุรกิจและตั้งรกรากอยู่มากที่สุด ทำให้มีการสร้างตึกสไตล์ตะวันตกอยู่หลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นบ้านพัก อาคารสำนักงาน โรงเรียน โบสถ์ โรงแรม ฯลฯ พร้อมกับในช่วงรัชกาลที่ 4 มีการตัดถนนเจริญกรุง มีการจัดผังเมืองใหม่ และจัดสรรพื้นที่ให้ชาวต่างชาติอยู่ร่วมกับชนชาติอื่น ๆ อย่างเหมาะสม เรียกได้ว่าบริเวณนี้เป็นชุมชนชาวตะวันตกย่อม ๆ เลยก็ว่าได้ ………………………………………………………………………………………………………… สถาปัตกรรมตะวันตกอันโดดเด่นย่านบางรัก มีดังนี้ 1. สถานทูตโปรตุเกส ถือเป็นสถานทูตแห่งแรกของประเทศไทย ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 30 หรือซอยกัปตันบุช สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 2 จุดเด่นคือสำนักงานสุดโมเดิร์นของสถานทูตที่ดัดแปลงมาจากโกดังเก็บสินค้า บ้านพักท่านทูตที่เป็นอาคารทรงโคโลเนียลแบบโปรตุเกสอายุประมาณ 150 ปี และงานสตรีทอาร์ตเท่ ๆ บนกำแพงหน้าสถานทูต ซึ่งเป็นผลงานของ วีลส์ (Vhils) ศิลปินชาวโปรตุเกส พิกัด: https://goo.gl/maps/xzbnqhazrqyqJ8VB6 ขอบคุณรูปภาพจาก สถานทูตโปรตุเกส 2. บ้านเลขที่ 1 ตั้งอยู่เยื้องกับสถานทูตโปรตุเกส สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 ได้รับอิทธิพลจากศิลปะตะวันตก มีสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค เคยเป็นที่ทำการของ “กรมพระคลังข้างที่” หรือสำนักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์ในปัจจุบัน เคยเป็นที่ทำการของบริษัทสุราฝรั่งเศส รวมถึงเคยเป็นที่ตั้งของ “โรงเรียนอาชีพช่างกล” โรงเรียนอาชีวศึกษาแห่งแรกของประเทศไทย ซึ่งปัจจุบันคือสถาบันเทคโนโลยีปทุมวัน พิกัด: https://goo.gl/maps/GDiGm3HBUTyFtSw58 3. อาสนวิหารอัสสัมชัญ สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 2 เป็นอาสนวิหาร (สถานที่ที่พระสังฆราชประทับอยู่) แห่งแรกของประเทศไทย เดิมโบสถ์อัสสัมชัญเป็นโบสถ์แบบกอธิค แต่ในช่วงรัชกาลที่ 6 มีการบูรณะโบสถ์ใหม่ให้เป็นทรงโรมาเนสก์แบบที่เห็นในปัจจุบัน พิกัด: https://goo.gl/maps/GdjSCBtWEZ9719UA6 4. ตึกเก่า บริษัทอีสต์ เอเชียติก ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 40 สร้างขึ้นสมัยปลายรัชกาลที่ 5 เป็นที่ทำการและเป็นโกดังเก็บสินค้าของบริษัท East Asiatic Company ที่ก่อตั้งโดย ฮานส์ นีล แอนเดอร์สัน นักเดินเรือและนักธุรกิจชาวเดนมาร์ก จุดเด่นของอาคารคือ ตราสัญลักษณ์สมอเรือด้านหน้าตึก และสัญลักษณ์ของเทพเมอคิวรี เทพแห่งการค้าขาย ตามความเชื่อของกรีก-โรมัน พิกัด: https://goo.gl/maps/mJnPApEUREbuMjje6 5. โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล เดิมคือ โรงแรมโอเรียนเต็ล เป็นโรงแรมแห่งแรกของประเทศไทย สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 4 ก่อตั้งโดยนายทหารชาวเดนมาร์ก 2 คน ที่เข้ามาอาศัยอยู่ในเมืองไทย อาคารที่โดดเด่นที่สุดคือ อาคารออเธอร์ส วิง (Author’s Wing) เป็นสถาปัตกรรมแบบนีโอคลาสสิคที่สวยสะดุดตา และได้รับรางวัล อนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม ในปี พ.ศ. 2545 พิกัด: https://g.page/MandarinOrientalBangkok?share ขอบคุณรูปภาพจาก โรงแรมแมนดาริน โอเรียนเต็ล 6. ห้าง O.P. Place สร้างขึ้นปลายรัชกาลที่ 5 เดิมชื่อห้างสิงโต มีเจ้าของเป็นชาวเยอรมัน ตัวอาคารมีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนิโอคลาสสิคผสมศิลปะไทย ได้รับรางวัลอนุรักษ์สถาปัตยกรรมดีเด่น จากสมาคมสถาปนิกสยาม เมื่อปี พ.ศ. 2525 ร้านค้าส่วนใหญ่ขายงานศิลปะ เครื่องประดับ โบราณวัตถุ และของตกแต่งบ้าน พิกัด: https://goo.gl/maps/8qbh7wKPD5XPhVz78 ขอบคุณรูปภาพจาก ห้าง O.P. Place …………………………………………………………………………………………….. 7. อาคารศุลกสถาน หรือโรงภาษีร้อยชักสาม ตั้งอยู่ในซอยเจริญกรุง 36 สร้างขึ้นสมัยรัชกาลที่ 5 เป็นสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค ออกแบบโดยโยอาคิม กราสซี สถาปนิกชาวอิตาลี ที่นี่เป็นที่ทำการเก็บภาษีสินค้าขาเข้าและขาออก นอกจากนี้ยังเคยเป็นสถานที่จัดงานเลี้ยงสังสรรค์ของเชื้อพระวงศ์และชาวต่างชาติ และเป็นส่วนหนึ่งของงานสมโภชเมื่อครั้งพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จนิวัติพระนครหลังจากเสด็จประพาสยุโรปครั้งแรก ภายหลังถูกปรับเป็นที่ทำการของสถานีตำรวจดับเพลิงบางรักยาวนานกว่า 60 ปี ก่อนจะย้ายออกไป ปัจจุบันอยู่ระหว่างการบูรณะซ่อมแซม คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จในปี พ.ศ.2568 พิกัด: https://goo.gl/maps/f9XeHBSWQQDb4Qsa8 8. อาคารไปรษณีย์กลาง อาคารที่เราเห็นกันในปัจจุบัน เป็นอาคารหลังใหม่ที่สร้างขึ้นมาแทนอาคารไปรษณีย์กลางหลังเก่า สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2478 มีรูปแบบสถาปัตยกรรมแบบนีโอคลาสสิค เน้นความเรียบและสมัยใหม่ ลักษณะอาคารเป็นรูปตัวที โดดเด่นด้วยลายอิฐบนตัวอาคาร และมีประติมากรรมปูนปั้นลอยตัว ครุฑยุดแตรงอน อยู่ที่มุมตึกด้านบน พิกัด: https://goo.gl/maps/AUC4U1K5cnkDuJWu5

ส่องสถาปัตยกรรมตะวันตกย่านบางรัก อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top