สถานที่ท่องเที่ยว

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 3

ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ใส่ใจธรรมชาติ เรียนรู้การเกษตร อินเทรนด์กับร้านต้นไม้ เอนกายพักผ่อนโฮมสเตย์ริมคลอง ชิมของอร่อยที่ตลาดริมน้ำ อิ่มหนำกับเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่คาเฟ่ดอกไม้ในสวน หากขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ราว 40 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ จังหวัดปทุมธานี หนึ่งในห้าจังหวัดปริมณฑลที่ตั้งอยู่ชิดติดขอบเมืองกรุง บนพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ความศิวิไลซ์ได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปทุมธานีกลายเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาทาง เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื้นที่สีเขียว เรือกสวนไร่นาของชาวบ้านอันหนาแน่นไปด้วย พืชผักผลไม้นานาชนิด และวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลอง ที่สัมผัสได้ถึงท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ฉายให้เห็นเสน่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งผสานความเป็นเมืองและความเป็นชนบทเอาไว้ได้อย่างสมดุล สำหรับสายเที่ยวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชื่นชอบธรรมชาติด้วยแล้ว เราเชื่อว่าปทุมธานีมีสิ่งดี ๆ ให้คุณแอบหลงรัก เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 12 สถานที่ ดีต่อใจในจังหวัดปทุมธานี นอกจากจะได้ท่องเที่ยว อย่างสบายใจแล้ว ยังได้เก็บเกี่ยวความรู้มากมายระหว่างการเดินทางอีกด้วย จะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรืออยู่พักสัก 2 วัน 1 คืน ให้ชื่นมื่นหัวใจ ได้อ้อยอิ่งใช้ชีวิต ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็บอกได้เลยว่าเพลิดเพลินเกินคาดเลยทีเดียว หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับคลอง 15 เพลิดเพลินเดินจับจ่าย ต้นไม้ดอกไม้ไว้ตกแต่งบ้านเรียกว่าเป็นอาณาจักรของคนรักต้นไม้เลยก็ว่าได้ สำหรับเส้นทางสายดอกไม้ระยะทางยาวกว่า 8 กิโลเมตร ภายใน หมู่บ้านไม้ดอกไม้ประดับคลอง15 ตั้งอยู่บนถนนรังสิต-นครนายก ไปทางอำเภอธัญบุรี เขตติดต่อปทุมธานีและนครนายก ด้วยเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 900 ไร่ สองฝั่งถนนที่มุ่งตรงเข้าไปเรียงรายไปด้วยร้านรวงที่จำหน่ายพันธุ์ไม้นานาชนิด ทั้งไม้ดอก ไม้ประดับ พืชสวนครัว สมุนไพรไทย บอนไซ ไม้ถัก ไม้ล้อม ไม้หอม ไม้มงคล ฯลฯ ทั้งขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ ของครอบครัวชาวเกษตรกรกว่า 500 ครัวเรือน ให้คุณเดินเลือกอย่างจุใจ ซึ่งนับได้ว่าเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ที่ใหญ่ที่สุดในประเทศไทยเลยทีเดียว ส่วนคนชอบจัดสวนหรือตกแต่งบ้าน ที่นี่ก็มีร้านจำหน่ายอุปกรณ์ต่างๆ อาทิ ตุ๊กตาปูนปั้น ตุ๊กตาไม้แกะสลัก โต๊ะเก้าอี้ตั้งในสวน กระถาง ตะกร้า โมบาย รั้วระแนง ไปจนถึงน้ำตกและน้ำพุ เรียกได้ว่าครบจบในที่เดียว ก็ได้สวนสวยๆ มาไว้ที่บ้านเลย ที่ตั้ง: คลอง 15 ถ.รังสิต-นครนายก ต.บางปลากด อ.องค์รักษ์ จ.นครนายกวัน-เวลา: เปิดทุกวัน 8.00 – 18.00 น.ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 037-312-282, 037-312-284เว็บไซต์: https://flowermarketk15.makewebeasy.com ตลาดอิงน้ำสามโคก เดินเล่นชมวิถีชุมชนริมน้ำ ชิมของอร่อย ช้อปของฝากอะไรก็ตามที่มีความเก่า เรามักจะเห็นเสน่ห์ซุกซ่อนอยู่ ดังเช่นภาพบ้านไม้เรียงตัวเป็นแถวยาวริมแม่น้ำ คือ ชุมชนตลาดเก่าบางเตย ที่ยังคงคุ้นเคยกับการใช้ชีวิตอันเรียบง่ายเคียงคู่ไปกับสายน้ำ เพียงแค่เดินเข้าไปก็สัมผัสได้ถึงเสน่ห์ของวิถีชุมชนและผู้คนที่อาศัยอยู่ในตลาดเล็กๆ แห่งนี้ ร้านรวงต่างๆ ในตลาดอิงน้ำสามโคกส่วนใหญ่จะเปิดขายจากหน้าบ้านของตัวเอง มีทั้งของคาว ของหวาน ของกินเล่น อาทิ ผัดไทย หอยทอด ข้าวซอย ขนมตาล ขนมครก ขนมเบื้อง ทองม้วนสดไปจนถึงของกินที่หาทานได้ยาก อย่างเช่น ขนมจีนซาวน้ำ ข้าวแช่ หมี่กรอบโบราณสามรส ส่วนของกินแปลกใหม่น่าลองก็มี ก๋วยเตี๋ยวเรือกะลา ก๋วยเตี๋ยวปากหม้อ ข้าวหลามในลูกมะพร้าวอ่อน เป็นต้น เราเดินไปแวะชิมไปเรื่อยๆ ตามร้านค้าที่ตั้งอยู่ริมคลอง พ่อค้าแม่ค้ายิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยทักทายกันตลอดทาง พอข้ามสะพานมาอีกฝั่งคลองก็จะเจอคาเฟ่เล็กๆ แนวเรโทรย้อนยุค บรรยากาศสบายๆ น่าจะถูกใจคอกาแฟ มีร้านขายขนมไทยๆ ให้ลองลิ้มชิมรสอีกหลายอย่างมีร้านขายของเล่นเก่าๆ ขนมขบเคี้ยว ขนมกินเล่น สมัยเมื่อเรายังเป็นเด็ก ที่เดี๋ยวนี้แทบจะไม่มีให้เห็นตามร้านทั่วไปแล้วและนอกจากของกินอร่อยๆ ยังมีข้าวของเครื่องใช้ จานชามหม้อไห ปิ่นโตน่ารักๆ สไตล์วินเทจ ให้เลือกซื้อติดมือกลับบ้าน อีกด้วย ที่ตั้ง: ตั้งอยู่ใกล้กับวัดบางเตยนอก ซ.เทศบาล 2 หมู่ 9 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160วัน-เวลา: วันเสาร์-วันอาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ 7.00 – 16.00 น.ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 09-4149-2265เว็บไซต์: www.facebook.com/BangtoeiOldMarketOfficial กระท่อมลุงจรณ์ สวรรค์ของคนรักกระบองเพชร ไม่ว่าจะเป็นสายกรีนมือใหม่ หรือรุ่นใหญ่นักสะสม เป็นต้องรื่นรมย์เมื่อได้มาชมเหล่ากระบองเพชรหลากหลายสายพันธุ์ที่เปรียบได้ดั่งสวรรค์ของคนรักกระบองเพชรจริงๆ จากความหลงใหลในเสน่ห์ของแคคตัส จนกลายมาเป็นจุดเริ่มต้นของการสะสมเรื่อยมา ทั้งหาซื้อเองบ้าง เพาะพันธุ์เองบ้าง จนถึงวันนี้กว่า 40 ปีแล้วทำให้กระท่อมลุงจรณ์หนาแน่นไปด้วยแคคตัสกว่า 2,000 สายพันธุ์ ที่นำเข้ามาจากต่างประเทศก็มี เพาะพันธุ์ขึ้นมาใหม่เลยก็มี สนนราคาอยู่ที่หลักสิบไปจนถึงหลักแสนเลยทีเดียว โรงเรือนขนาดใหญ่แบบเปิดกว้างเรียงรายไปด้วยกระบองเพชร รูปทรงต่างๆ ขนาดเล็ก ขนาดใหญ่ มีดอก มีหนาม สีสันสดใส แตกต่างกันไปให้เหล่าสาวกเข้ามาเดินเลือกซื้อได้ตามชอบใจ ไม่ว่าจะเป็น ยิมโน แอสโตไฟตัม แมมมิลลาเลีย อากาเว่ ยูโฟเบีย ไปจนถึง หูกระต่าย ช้าง ดาวล้อมเดือน เป็นต้น พอเลือกเสร็จสรรพก็จัดใส่ถาดแล้วเอาไปให้เจ้าหน้าที่ เขาจะติดราคาให้ทราบตอนชำระเงิน ถ้าราคาแรงหรือแพงเกินรับไหว เลือกที่จะไม่รับก็ได้ไม่ว่ากัน นอกจากในโรงเรือนที่เปิดให้เข้าชมได้ทั่วไปแล้ว ยังมีในส่วนของห้องเรือนกระจกที่มีความพิเศษกว่า แต่ต้องโทร นัดล่วงหน้าถึงจะเข้าไปชมได้ ในระหว่างที่เราเดินดูไปด้วยถ่ายรูปไปด้วย ก็มีผู้คนแวะเวียนเข้ามาที่กระท่อมลุงจรณ์แห่งนี้ไม่ขาดสายเลย ทำให้เห็นว่าทุกวันนี้มีคนสนใจแคคตัสมากขึ้นเรื่อยๆ ด้วยความที่แคคตัสมีเสน่ห์ในตัวของมัน แต่ละสายพันธุ์ ก็ดูแลไม่เหมือนกัน เลี้ยงไม่ยากแต่ก็ไม่ง่าย จึงกลายเป็นความสนุกและความท้าทายของคนเลี้ยง ที่ตั้ง: 81/6 ม.2 ซ.วัดสิงห์ ต.สามโคก อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160วัน-เวลา: ร้านหยุดทุกวันพุธ 8.00 – 17.00 น. (ควรโทรนัดล่วงหน้า)ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 08-68525-6874เว็บไซต์: www.uncle-chorn.com 

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 3 อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 2

ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ใส่ใจธรรมชาติ เรียนรู้การเกษตร อินเทรนด์กับร้านต้นไม้ เอนกายพักผ่อนโฮมสเตย์ริมคลอง ชิมของอร่อยที่ตลาดริมน้ำ อิ่มหนำกับเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่คาเฟ่ดอกไม้ในสวน หากขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ราว 40 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ จังหวัดปทุมธานี หนึ่งในห้าจังหวัดปริมณฑลที่ตั้งอยู่ชิดติดขอบเมืองกรุง บนพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ความศิวิไลซ์ได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปทุมธานีกลายเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาทาง เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื้นที่สีเขียว เรือกสวนไร่นาของชาวบ้านอันหนาแน่นไปด้วย พืชผักผลไม้นานาชนิด และวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลอง ที่สัมผัสได้ถึงท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ฉายให้เห็นเสน่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งผสานความเป็นเมืองและความเป็นชนบทเอาไว้ได้อย่างสมดุล สำหรับสายเที่ยวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชื่นชอบธรรมชาติด้วยแล้ว เราเชื่อว่าปทุมธานีมีสิ่งดี ๆ ให้คุณแอบหลงรัก เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 12 สถานที่ ดีต่อใจในจังหวัดปทุมธานี นอกจากจะได้ท่องเที่ยว อย่างสบายใจแล้ว ยังได้เก็บเกี่ยวความรู้มากมายระหว่างการเดินทางอีกด้วย จะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรืออยู่พักสัก 2 วัน 1 คืน ให้ชื่นมื่นหัวใจ ได้อ้อยอิ่งใช้ชีวิต ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็บอกได้เลยว่าเพลิดเพลินเกินคาดเลยทีเดียว ฟาร์มลุงแดง เมลอน & ผักสลัด เที่ยว ชม ชิม เมลอนและผักสดจากฟาร์ม แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรอินทรีย์ จากความที่เป็นคนชอบกินเมลอน แต่สมัยก่อนนั้นหาซื้อยากและมีราคาค่อนข้างแพง จึงทำให้ลุงแดง เกษตรกรเจ้าของฟาร์มลุงแดง เมลอน & ผักสลัดแห่งนี้ ริเริ่มที่จะปลูกเมลอนเอง โดยค่อยๆ ศึกษาหาความรู้ด้วยตนเอง ล้มลุกคลุกคลานลองผิดลองถูก และพัฒนามาเรื่อยๆ จนประสบความสำเร็จได้อย่างเช่นทุกวันนี้ จากเนื้อที่ทั้งหมด 8 ไร่ ครึ่งหนึ่งถูกขุดเป็นบ่อลึกเพื่อเก็บกักน้ำไว้ใช้เอง เพราะการใช้น้ำจากภายนอกหรือจากคลองชลประทาน อาจมีสารปนเปื้อนเข้ามาทำให้พืชผักเสียหายได้ ด้วยความที่เป็นเกษตรอินทรีย์จึงต้องให้ความสำคัญเรื่องสารพิษตกค้าง หรือสารเคมีปนเปื้อนเป็นพิเศษ ดังนั้น เราจึงมั่นใจได้ว่า ผัก ผลไม้ ของที่นี่สะอาด ปลอดภัย ไร้สารพิษ ปัจจุบันฟาร์มลุงแดงมีโรงเรือนปลูกเมลอน 10 หลัง ผักสลัด 2 หลัง มะเขือเทศ 1 หลัง และมัลเบอร์รี่ที่ปลูกไว้เป็นรั้วล้อมรอบอยู่ด้านนอก ทั้งหมดนี้สามารถเข้ามาเยี่ยมชม เก็บพืชผัก ผลไม้ได้เอง รวมไปถึงฟาร์มไก่ ก็มาเก็บไข่ไก่สดๆ ได้ด้วย มาถึงฟาร์มทั้งทีต้องมีการพิสูจน์ความสดใหม่ของวัตถุดิบจากในฟาร์ม ด้วยการรับประทานอาหารอร่อยๆ ที่คาเฟ่ มีเมนูให้เลือกมากมาย ทั้งอาหารคาว อาหารหวาน และเครื่องดื่ม เราสั่งสลัดกุ้งทอดที่มีผักสลัดอย่างกรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค เก็บสดๆ มาจากโรงเรือน กรอบอร่อยเข้ากันได้ดีกับน้ำสลัดและกุ้งทอด ตามมาด้วยส้มตำผลไม้ที่มีพระเอกเป็นเมลอนสีทอง เนื้อสีส้ม ฟูกรอบ หวานฉ่ำ ตัดรสด้วยน้ำส้มตำเปรี้ยวๆ เผ็ดๆ บอกเลยว่าฟินกินแล้วเพลินมากๆ ส่วนของหวานนั้นเราเลือกเป็นเมลอนฮันนี่โทสต์ ขนมปังอุ่นๆ กรอบนอกนุ่มใน อบอวลด้วยกลิ่นเนย ทอปด้วยไอศกรีมวนิลา เสิร์ฟมาพร้อมกับเนื้อเมลอนลูกกลมๆ เพิ่มน้ำผึ้งมาให้สำหรับคนชอบหวาน อร่อยแบบไม่รู้จะอธิบายยังไง เอาเป็นว่ากินหมดตอนไหนไม่รู้ตัวเลยแหละ ปิดท้ายด้วยเครื่องดื่มที่พลาดไม่ได้อีกเช่นกัน เมลอนสดปั่น หวานหอมชื่นใจสุดๆ หลังจากอิ่มท้องแล้วก็ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ให้ทำอีกเยอะเลย ไม่ว่าจะเป็น เล่นจักรยานปั่นน้ำ พายเรือไทย ให้อาหารน้องไก่อ้วนและไก่ญี่ปุ่นเล่นชิงช้าสูงที่ต้นไม้ใหญ่ท้ายฟาร์ม พร้อมถ่ายรูปวิวนา อย่าลืมหอบหิ้วเมลอนสดๆ กลับบ้านสักลูกสองลูก ที่ตั้ง: 26/4 หมู่ 7 ซ.เฉลิมพระเกียรติ 2 ต.คลองเจ็ด อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120วัน-เวลา: วันพุธ-วันอาทิตย์ (หยุดวันจันทร์และวันอังคาร) 9.00 – 18.30 น.ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 08-1989-5906เว็บไซต์: ฟาร์มลุงแดง Melon Farm & Cafe ปทุมธานี วัดปัญญานันทาราม ชมเจดีย์พุทธคยาจำลองจากอินเดีย สถาปัตยกรรมแห่งธรรม ความโดดเด่นที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางพื้นที่อันกว้างใหญ่ คือ เจดีย์พุทธคยาสีเทาอันสง่างาม ที่จำลองแบบมาจากประเทศอินเดีย เพียงแค่เห็นก็สะดุดใจในความสวยงาม แปลกตา ด้านหน้ามีบ่อน้ำสี่เหลี่ยมตั้งอยู่ตรงกลาง สองข้าง ทางเดินเป็นต้นไม่ใหญ่ มีบันไดทางขึ้นไปยังเจดีย์ด้านบน ก่อนจะเข้าสู่องค์เจดีย์มีรูปหล่อของหลวงพ่อปัญญานันทภิกขุ อดีตเจ้าอาวาสวัดชลประทานรังสฤษฏ์ ผู้ก่อตั้งวัดปัญญานันทารามแห่งนี้ ประดิษฐานอยู่ด้านหน้าให้ประชาชนที่แวะเวียนมาได้กราบไหว้ ส่วนด้านในก็มีพระประทานองค์ใหญ่ให้เข้าไปกราบไหว้ด้วยเช่นกัน อีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่ คือ ภาพปริศนาธรรม 3 มิติ จัดแสดงอยู่ด้านล่างเจดีย์พุทธคยา ซึ่งเรียกว่า ชั้นพุทธบารมี โดยแต่ละภาพต่างก็มีความหมายที่แฝงไปด้วยคติธรรมสอนใจในเรื่องของอริยสัจ 4 มีทั้งหมด 29 ภาพ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการช่วยให้เกิดความเพลิดเพลิน สนุกสนานในการศึกษาหลักธรรมคำสอนนั่นเอง ความพิเศษของวัดแห่งนี้ที่เราสังเกตเห็นอีกอย่าง ก็คือ อุโบสถของวัดที่ไม่มีรูปลักษณ์ความเป็นอุโบสถอย่างวัดทั่วไปไม่มีช่อฟ้าใบระกา รวมถึงไม่มีการปิดทององค์พระ หรือฝังลูกนิมิต แต่สร้างอุโบสถขึ้นในรูปแบบของตัวอาคารที่มุ่งเน้นไปทางพุทธสถาปัตย์ ซึ่งออกแบบโดยสถาปนิกมืออาชีพ ผศ.ประชา แสงสายัณห์ อาจารย์ประจำคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ดีไซน์รูปแบบอาคารอุโบสถให้เรียบง่าย ภายใต้กรอบแนวทาง 3 ป. ของพระปัญญานันทมุนี เจ้าอาวาส คือ “ประหยัด ประโยชน์ และประยุกต์เข้ากับยุคสมัย” นอกจากนี้ ที่นี่ยังโด่งดังในเรื่องของการปฏิบัติธรรม โดยมีกิจกรรมให้พุทธศาสนิกชนได้เข้าร่วม อย่างเช่น การบวชเนกขัมมะ ทุกวันเสาร์-อาทิตย์ หรือวันสำคัญทางศาสนา.ที่ตั้ง: 1 หมู่ 10 ต.คลองหก อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120วัน-เวลา: วันจันทร์-วันอาทิตย์ 8.00 – 16.00 น.ค่าเข้าชม: ไม่เสียค่าเข้าชมโทร: 0-2904-6107 , 08-6461-8353เว็บไซต์: www.watpanya.org บ้านตานิด : Baan Ta Nid River Lodge’n Art Camp ลิ้มรสอาหารไทยโบราณ

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 2 อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 1

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ท่องเที่ยวสไตล์ใหม่ ใส่ใจธรรมชาติ เรียนรู้การเกษตร อินเทรนด์กับร้านต้นไม้ เอนกายพักผ่อนโฮมสเตย์ริมคลอง ชิมของอร่อยที่ตลาดริมน้ำ อิ่มหนำกับเบเกอรี่และเครื่องดื่มที่คาเฟ่ดอกไม้ในสวน หากขับรถมุ่งหน้าไปทางทิศเหนือของกรุงเทพมหานคร ราว 40 กว่ากิโลเมตร ใช้เวลาเพียงไม่ถึงหนึ่งชั่วโมง ก็เข้าสู่ จังหวัดปทุมธานี หนึ่งในห้าจังหวัดปริมณฑลที่ตั้งอยู่ชิดติดขอบเมืองกรุง บนพื้นที่ราบลุ่มริมแม่น้ำเจ้าพระยา แม้ความศิวิไลซ์ได้หลั่งไหลเข้าสู่พื้นที่อย่างต่อเนื่อง จนทำให้ปทุมธานีกลายเป็นศูนย์กลางด้านการศึกษา วิจัย และพัฒนาทาง เทคโนโลยีและอุตสาหกรรม แต่ในขณะเดียวกันก็ยังคงอุดมสมบูรณ์ไปด้วยพื้นที่สีเขียว เรือกสวนไร่นาของชาวบ้านอันหนาแน่นไปด้วย พืชผักผลไม้นานาชนิด และวิถีชีวิตของชุมชนริมฝั่งคลอง ที่สัมผัสได้ถึงท่วงทำนองของการดำเนินชีวิตอันเรียบง่าย ฉายให้เห็นเสน่ห์ที่ซุกซ่อนอยู่ในจังหวัดเล็กๆ แห่งนี้ ซึ่งผสานความเป็นเมืองและความเป็นชนบทเอาไว้ได้อย่างสมดุล สำหรับสายเที่ยวรุ่นใหม่ที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชื่นชอบธรรมชาติด้วยแล้ว เราเชื่อว่าปทุมธานีมีสิ่งดี ๆ ให้คุณแอบหลงรัก เราจึงอยากชวนคุณมาทำความรู้จักกับ 12 สถานที่ ดีต่อใจในจังหวัดปทุมธานี นอกจากจะได้ท่องเที่ยว อย่างสบายใจแล้ว ยังได้เก็บเกี่ยวความรู้มากมายระหว่างการเดินทางอีกด้วย จะเที่ยวแบบเช้าไปเย็นกลับ หรืออยู่พักสัก 2 วัน 1 คืน ให้ชื่นมื่นหัวใจ ได้อ้อยอิ่งใช้ชีวิต ใกล้ชิดกับธรรมชาติ ก็บอกได้เลยว่าเพลิดเพลินเกินคาดเลยทีเดียว ชวนคุณหวนคืนสู่ธรรมชาติ ในบรรยากาศเหมือนกลับบ้าน สัมผัสความสุขที่หาไม่ได้ในเมืองกรุง ณ บ้านพันไม้ คาเฟ่ แอนด์ ฟาร์ม ริมคลองบางเตย ในอำเภอสามโคก จังหวัดปทุมธานี ที่สามารถแวะเวียนมาเยี่ยมชมได้เฉพาะวันหยุดเท่านั้นด้วยคอนเซปต์ของที่นี่คือ “บ้าน” ซึ่งอาศัยอยู่จริง ในวันจันทร์ถึงวันศุกร์จึงเป็นที่พักของครอบครัว แต่จะเปิดต้อนรับแขกเพียง 2 วัน คือ เสาร์และอาทิตย์ ตามแนวคิดของคุณโก้เจ้าของร้าน ที่ตั้งใจอยากจะทำบ้านให้มีรายได้ สามารถหาเงินเลี้ยงตัวมันเองได้ แต่ในขณะเดียวกันก็ต้องทำให้เป็นธุรกิจที่มีความสุข อยู่บ้านแล้วก็มีความสุข ได้ใช้ชีวิตใกล้ชิดกับธรรมชาติจึงเกิดเป็น “บ้าน1000ไม้ Café and Farm” แห่งนี้ บนเนื้อที่ทั้งหมดกว่า 3 ไร่ ภายในบ้าน ถูกจัดสรรปันส่วนให้เป็นบ่อน้ำ 30 % นาข้าว 30% ทำเกษตรแบบผสมผสาน เช่น การปลูกไม้ผล ปลูกผัก เลี้ยงสัตว์ 30 % และอีก 10% คือบ้านอยู่อาศัย ดังนั้น ในวันหยุดที่บ้านหลังนี้เปิดต้อนรับแขก ที่มาเยือน ก็เสมือนได้มาเรียนรู้การเกษตร ตามรอยในหลวงรัชกาลที่ 9 ซึ่งคุณโก้ ได้น้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง และเกษตรทฤษฎีใหม่มาปรับใช้ในชีวิตจริง สำหรับเด็กๆ แล้วที่นี่น่าจะเป็นอาณาจักรแห่งความสุข เพราะมีกิจกรรมให้ทำมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ระบายสี พายเรือ ทำเสื้อมัดย้อม เล่นทราย เก็บไข่เป็ดไข่ไก่ ทำไข่เค็ม ดำนา ทำสวน ปลูกผักไฮโดร โปนิกส์ ฯลฯ เรียกได้ว่า เป็นการเปิดโลกแห่งจินตนาการและเรียนรู้ผ่านวิถีธรรมชาติ ที่สามารถมาเที่ยวได้ทั้งเด็ก ทั้งผู้ใหญ่ หรือมาแบบทั้งครอบครัว ด้วยความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่ ภายใต้ร่มเงาของต้นจามจุรียักษ์ ก็มีคาเฟ่ให้นั่งพักจิบกาแฟ และเครื่องดื่มเย็นๆ ทานอาหารอร่อยๆ ที่ใช้วัตถุดิบจากในฟาร์ม ชิมขนมโบราณอย่างบ้าบิ่น หรือจะนั่งอ่านหนังสือรับลมเย็นๆ บนบ้านต้นไม้ก็ได้ ที่ศาลาริมแม่น้ำก็ดี ระหว่างรอเด็กๆ ทำกิจกรรมก็ชิลๆ กันได้ทั้งวันเลยทีเดียว.ที่ตั้ง: 48/8 ม. 6 ต.บางเตย อ.สามโคก จ.ปทุมธานี 12160วัน-เวลา: วันเสาร์-วันอาทิตย์ (และวันหยุดต่อเนื่อง) 10.00 – 17.00 น.ค่าเข้าชม : ไม่เสียค่าเข้าชมโทร. 091 998 2466เว็บไซต์: www.facebook.com/บ้าน๑,๐๐๐ไม้cafe’&farm  Wisdom Farm: จิบกาแฟท่ามกลางบรรยากาศแปลงนาอินทรีย์ สัมผัสเสน่ห์แห่งวิถีชีวิตเกษตร เราเดินเลี้ยวลดไปบนสะพานไม้ไผ่ที่คดเคี้ยวทอดตัวยาวไปตามแปลงนาสีเขียวสด สองฝั่งทางเดินเป็นสระบัวและแปลงนาสาธิตเกษตรทฤษฎีใหม่ พื้นที่แห่งนี้เป็นอีกหนึ่งโซนเปิดใหม่ ตั้งอยู่ในพิพิธภัณฑ์การเกษตรเฉลิมพระเกียรติ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวนี่เอง ชื่อว่าโซน Wisdom Farm แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรภายใต้คอนเซปต์ สืบสาน รักษา ต่อยอด ศาสตร์ของพระราชาปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง โดยแบ่งออกเป็นฐานการเรียนรู้สัตว์ในวิถีเกษตร หากเดินไปจนสุดสะพานไม้จะพบกับลานชมสัตว์ที่สามารถให้อาหารเหล่าน้องวัว น้องควาย น้องแพะ น้องหมูแคระได้ด้วย หลังจากนั้น เราแวะชมแปลงเกษตรการปลูกพืชแบบผสมผสานที่อยู่ไม่ไกลกัน ถัดไปอีกนิดเป็นโซนเรือนไทย 4 ภาค ที่จำลองวิถีชีวิตความเป็นอยู่ของชาวบ้าน ทั้งภาคเหนือ ภาคกลาง ภาคอีสาน และภาคใต้ สัมผัสเสน่ห์ของวิถีเกษตรไทย ที่สะท้อนความเชื่อ วิถีชีวิต และประเพณี โดยจะมีกิจกรรม work shop ของแต่ละภาคให้เราทำด้วย นอกจากนี้ ยังมีโซนบ้านดิน บ้านฟางที่จำลองการสร้างที่พักอาศัยตามวิถีชีวิตของเกษตรกรที่อยู่อย่างเรียบง่ายใกล้ชิดกับธรรมชาติ แล้วยังสามารถเข้าไปชมเรือขุดคลองสมัยรัชกาลที่ 5 ตื่นตา ตื่นใจกับเครื่องบินที่ใช้ทำฝนหลวงได้อีกด้วย อีกหนึ่งความพิเศษที่เป็นไฮไลท์ของโซนนี้เลย ก็คือ Wisdom Café ร้านกาแฟเกษตรอินทรีย์ริมทุ่งนา ที่เราอยากชวน คุณมานั่งพักจิบกาแฟคุณภาพดี หรือเครื่องดื่มเย็นๆ ให้ผ่อนคลาย ถ่ายรูปสวยๆ ท่ามกลางบรรยากาศแปลงนาอินทรีย์ เมนูแนะนำของที่นี่ คือ น้ำส้มคั้นสดใหม่ ดื่มแล้วชื่นใจ ไร้สารพิษ ดีต่อสุขภาพ เราแอบเห็นหนึ่งเมนูที่ใครมาก็ต้องสั่ง ชาเขียวโกโก้หน้าตาน่ากิน ฟินแบบทูอินวันในแก้วเดียว ในส่วนของตัวร้านสร้างด้วยโครงไม้ไผ่ขนาดเล็กแบบโอเพ่นแอร์ มีระเบียงไม้ยื่นออกมาสำหรับเป็นที่นั่งชมวิว หรือจะนั่งข้างนอกร้านก็มีแคร่ไม้ไผ่ ได้ฟีลกลิ่นอายริมทุ่งนาจริงๆ สำหรับ ใครที่ชอบแบบตื่นเต้นนิดๆ ก็มีเปลตาข่ายที่ยื่นออกไปในสระบัว สามารถลงไปนั่ง ไปนอน ถ่ายรูปเก๋ ๆ ลงโซเชียลอวด เพื่อนๆ ก็ดีต่อใจไม่แพ้กัน ที่ตั้ง: หมู่ที่ 13 ถ.พหลโยธิน ต.คลองหนึ่ง อ.คลองหลวง จ.ปทุมธานี 12120วัน-เวลา: วันอังคาร-วันอาทิตย์ (ปิดทุกวันจันทร์และวันหยุดนักขัตฤกษ์) 9.00 –

เที่ยวแบบสายกรีนที่ปทุมธานี ตอนที่ 1 อ่านเพิ่มเติม

ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง

ภาพคลองโอ่งอ่างย่านสะพานเหล็กในความคิดของเพื่อน ๆ เป็นยังไงกันบ้าง ? ถ้ายังคิดว่าเป็นย่านขาย CD เถื่อน หรือยังนึกถึงภาพสะพานข้ามคลองแคบ ๆ โทรม ๆ แออัดล่ะก็ ลืมภาพนั้นไปได้เลย เพราะปัจจุบันคลองโอ่งอ่างอัพเกรดแล้ว ทางกรุงเทพมหานครได้ปรับปรุงภูมิทัศน์ใหม่ ขยับขยายย้ายร้านค้าเดิมที่ตั้งปิดคลองทั้งหมดออกไป ฟื้นฟูพื้นที่ให้เป็นระเบียบสวยงาม ทำความสะอาดคลองจนน้ำเริ่มใส รวมทั้งมีการจัดทำ Street Art สวย ๆ เกือบตลอดแนวคลอง กลายเป็นสถานที่เดินเล่นพักผ่อนหย่อนใจให้กับชุมชนและนักท่องเที่ยว ทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์ จะมีกิจกรรมพิเศษคือ “ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง” อีกด้วย ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง ครอบคลุมพื้นที่ 5 สะพาน (สะพานดำรงสถิต หรือสะพานเหล็ก สะพานภาณุพันธุ์ สะพานหัน สะพานบพิตรพิมุข และสะพานโอสถานนท์) เดินเล่นได้ทั้งสองฟากคลอง โดยโซนสะพานหันจะคึกคักที่สุด ส่วนการเดินทาง แอดแนะนำให้ใช้ MRT เพราะง่ายที่สุด สะดวกที่สุด จาก MRT สถานีสามยอด (ทางออก 1) เดินไม่ถึง 100 เมตรก็ถึงสะพานดำรงสถิตแล้ว เพื่อน ๆ จะได้เห็น Street Art ยาวไปทั้งสองฟากของคลองโอ่งอ่าง สวย ๆ ทั้งนั้น สองฝั่งคลองโอ่งอ่างคือย่านการค้าสำเพ็งและพาหุรัด Street Art ที่นี่จึงมีทั้งภาพวิถีชีวิตของชาวไทย ชาวจีน ชาวแขก ดูไปยิ้มไป ถ่ายรูปกันสนุกเลยทีเดียว จริงอยู่ที่ถนนคนเดินจะเปิดตอน 16.00 น. แต่แอดแนะนำให้มาประมาณ 17.00 น. เพราะเป็นช่วงแดดร่มลมตก ร้านค้าพร้อมเปิดร้านขายแล้วนั่นเอง มีผลงานของคุณ โอ๋ ฟูตอง อาร์ทิสต์สาวสุดเก๋ ด้วยนะ คลองโอ่งอ่าง เปิดทุกวันศุกร์ เสาร์ อาทิตย์เวลา 16.00 – 22.00 น.การเดินทาง : รถไฟฟ้าใต้ดิน MRT สถานีสามยอด | ทางออก 1 เดินเล่นมาถึงช่วงสะพานหัน ก็รู้สึกหิวขึ้นมานิด ๆ อดใจไม่ไหวที่จะเข้าไปที่ร้าน “เจ๊บ๊วย 60 ปี สะพานหัน” แอดสั่ง ก๋วยจั๊บและปอเปี๊ยะสดเพิ่มเนื้อปู มาลองชิมดู บอกเลยว่าต้องลอง อร่อยมาก โดยเฉพาะปอเปี๊ยะสด ห้ามพลาดเลยนะ!!!.ที่ตั้ง 22 ซอย วานิช 1 แขวง จักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวันจันทร์-พฤหัสบดี 09.30 น. -17.00 น. / ศุกร์-อาทิตย์ 09.30 น. -19.30 น.โทร. 09 4664 4656 อิ่มท้องแล้วก็ไปเดินเล่นกันต่อ เดินไปไม่ไกล ก็เจอตรอก AMA Café/ AMA Hostel ป้ายใหญ่โตสะดุดตา เดินเลี้ยวเข้าไปปุ๊บก็เจอโคมแดงแขวนตกแต่ง ชวนให้ตื่นตาตื่นใจ เดินต่ออีกไม่กี่ก้าว ก็จะพบกับ AMA Café อยู่ทางด้านขวา ที่นี่เคยเป็นบ้านจีนโบราณอายุนับร้อยปี ก่อนจะรีโนเวทให้เป็นคาเฟ่และโฮสเทลในสไตล์จีนร่วมสมัย สำหรับขาจรแบบแอด จะอยู่ได้แค่ชั้นล่างที่เป็นโซนคาเฟ่ เลือกสั่งได้ตรงเคาน์เตอร์เลย เครื่องดื่มรสชาติดีใช้ได้เลย ทั้งกาแฟ โกโก้ ชาไทย เหมาะกับการนั่งพักสุด ๆ ที่ตั้ง 191 ซอยสะพานหัน ถนน จักรวรรดิ แขวง จักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวัน 09.00 น. -17.30 น.โทร. 08 5867 7888 ไหน ๆ ย่านนี้ก็มีทั้งวัฒนธรรมจีนและอินเดียผสมผสานกันอยู่ แล้วเราจะพลาดอาหารอินเดียไปได้ไง เดินข้ามสะพานตามแอดมาฝั่งตรงข้ามกัน เราจะไปที่ร้าน Tony’s Restaurant ร้านนี้เป็นร้านอาหารอินเดียแนว Street Food ราคาเป็นมิตร รสชาติแบบ Home Cook ใครสนใจลองก็เข้ามาเลย เมนูที่แอดสั่งวันนี้ คือ แกงไก่มาซาลา แป้งโรตี และ Lassi (เครื่องดื่มที่ทำจากโยเกิร์ต) ซึ่งแอดสั่งแบบหวานมา รสชาติดื่มง่ายกว่าหลายร้านที่แอดเคยดื่มมาก่อน ประทับใจมากทีเดียว ที่ตั้ง 64/1 ซอย ริมคลองโอ่งอ่าง แขวง วังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร 10200เปิดทุกวัน 11.00 น. -22.00 น. ระหว่างเดินเล่น อย่าลืมมองพื้นนะ มี “ฝาท่อลายศิลป์” สวย ๆ เก๋ ๆ รอให้เพื่อน ๆ ค้นหาอยู่ด้วย ก่อนกลับบ้าน แอดจะพาไปแวะร้าน Ing Teahouse ร้านชานมไข่มุกและขนมไต้หวันอีกสักร้าน มีเมนูให้เลือกสั่งเยอะแยะ เครื่องดื่มอื่นที่ไม่ใช่ชาหรือกาแฟก็มีนะ แอดเลยสั่ง Mojito มาดื่มเพิ่มความสดชื่น ที่ตั้ง 136 ถนน จักรวรรดิ แขวง จักรวรรดิ์ เขตสัมพันธวงศ์ กรุงเทพมหานคร 10100เปิดทุกวันศุกร์-อาทิตย์ 10.00 น. – 21.00 น.โทร. 08

ถนนคนเดินคลองโอ่งอ่าง อ่านเพิ่มเติม

เดินชิลล์…ชมย่านเก่าแก่ จากนานาถึงทรงวาด

ว่างหนึ่งวันแต่ไม่อยากออกนอกเมือง งั้นมาเที่ยวกลางเมืองก็แล้วกัน วันนี้แอดจะชวนไปเดินชิลล์…ชมย่านเก่าแก่ของกรุงเทพฯ นั่นก็คือเยาวราชค่ะ ถึงแม้จะเป็นสถานที่เดิม แต่แอดมาได้มาดีไม่มีเบื่อ เพราะแต่ละจุดก็มีเรื่องราวใหม่ ๆ ร้านใหม่ ๆ เกิดขึ้นเสมอ คราวนี้แอดจะพาไปเดินเล่นที่ซอยนานากับถนนทรงวาดกันค่ะ เป็นย่านที่ครบจบทุกอย่าง ทั้งเดินเที่ยว ตะลุยกิน ชมวิถีชีวิตคนในชุมชน ได้สัมผัสบรรยากาศวัฒนธรรม ที่สำคัญการเดินทางก็แสนจะง่ายอีกด้วย 1.The Mustang Blu Cafe & Restaurant2.Wallflowers Cafe3.Nahim Cafe4.103 Bed and Brews5.เฮงยอดผัก กินไม่รู้อิ่ม6.Baan 2459 Heritage Hotel7.หนูรี่ไอศกรีมเกาลัด เกล็ดหิมะ8.มัสยิดหลวงโกชา อิศหาก9.Woodbrook Bangkok10.เอฟ.วี (F.V)11.ขนมจีบอาเหลียง12.ตึกแขก ถนนทรงวาด13.ก๋วยจั๊บอ้วนโภชนา (หน้าโรงหนัง) สาขา 214.ปาเฮ่าเถียนมี่ พุดดิ้ง ย่านนานา ซอยนานา ตั้งอยู่บริเวณถนนไมตรีจิตต์ ไม่ไกลจาก MRT สถานีหัวลำโพงมากนัก เดินออกทางออกที่ 1 เราก็จะเจอถนนกรุงเกษม เดินข้ามไฟแดงก็จะพบกับถนนไมตรีจิตต์แล้วล่ะ ระหว่างก้าวเดินหันขวาไปจากตรงนี้จะเป็นสถานีรถไฟหัวลำโพงที่มองไกล ๆ ก็ยังสวยงามและคลาสสิกอยู่เสมอ เมื่อได้กลิ่นสมุนไพร ยาจีนเข้าจมูกเมื่อไหร่ แสดงว่าเราอยู่ในย่านนานาแล้วล่ะ ย่านนี้แต่เดิมมีร้านขายยาจีนหลายร้าน ก่อนจะเปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย บ้านเก่าหลายหลังกลายเป็นร้านอาหาร คาเฟ่ บาร์ลับนั่งดื่มชิลล์ยามค่ำคืน เพิ่มสีสันแปลกใหม่ให้ย่านนานาคึกคักต่างจากเยาวราชจุดอื่น เอาล่ะ ไปเดินเล่นกันดีกว่า ในย่านนานา เรายังได้เห็นอาคารเก่าสวยคลาสสิคอยู่หลายอาคารเลย และที่สะดุดตาแอดที่สุดก็คือ The Mustang Blu Cafe & Restaurant ตึกเก่าวินเทจอายุกว่าร้อยปี น่าสนใจไม่ใช่น้อยเลย ดึงดูดสายตาแบบนี้ต้องเก็บภาพสักหน่อย The Mustang Blu เป็นทั้งที่พักและคาเฟ่ ได้ยินว่าด้านในตกแต่งสวยมาก คงโครงสร้างของตึกสไตล์โคโลเนียลไว้เหมือนเดิม บรรยากาศมีความดิบ และจัดจ้านในสไตล์คิวบา ไว้โอกาสหน้าแอดจะพาชมด้านในนะคะ เปิดทุกวัน เวลา 12.00 – 21.00 น. (ปิดวันพุธ)โทร. 06 2293 6191 ขอบคุณรูปภาพจากเพจ The Mustang Blu Wallflowers Cafe เป็นร้านดังในย่านนานาที่หลายคนน่าจะได้เห็นรูปอยู่บ่อย ๆ หน้าร้านเต็มไปด้วยต้นไม้ ดอกไม้ และไม้เลื้อยหลากหลายชนิด ตัดกับโครงสร้างตึกและการตกแต่งแบบย้อนยุค คุมด้วยโทนสีน้ำตาลและดำ ดูดีเลยทีเดียว มาร้านนี้เสมือนเราได้มานั่งจิบกาแฟในสวนทำนองนั้น บอกเลยว่าเป็นคาเฟ่ที่สามารถเก็บภาพได้ทุกมุมเลย นอกจากความโดดเด่นของร้าน เมนูก็มีเอกลักษณ์ไม่แพ้ใคร ไม่ว่าจะเป็นเครื่องดื่ม เบเกอรี เค้กโฮมเมดที่ตกแต่งด้วยดอกไม้จนเป็นซิกเนเจอร์ แอดสั่ง เค้กแครอท เนื้อเค้กนุ่มฟู ท็อปด้วยดอกไม้หน้าตาดูดีเลยทีเดียว เครื่องดื่มก็มีทั้ง Coffee / Non-Coffee / Sparking มีให้เลือกหลากหลายเลยค่ะ ที่ตั้ง 31-33 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-พฤหัสบดี เวลา 11.00-18.30 / วันศุกร์-อาทิตย์ เวลา 11.00-21.00 น.โทร. 09 0993 8653 Nahim Cafe ร้านนี้อ่านว่า นะฮิม คาเฟ่ค่ะ ตั้งอยู่ตรงข้ามกับร้าน Wallflowers เลย หาไม่ยาก บอกเลยว่าร้านนี้เน้นแจกความสดใสสุด ๆ ร้านน่ารักมาก (ก.ไก่ล้านตัว) แค่เห็นหน้าร้านก็ทำให้รู้สึกว่าต้องเข้าไปแล้วล่ะ ในร้านตกแต่งในสไตล์แฮนด์คราฟท์ ทั้งโต๊ะ เก้าอี้ ชั้นนั่ง ขั้นบันได ผนังที่มีลายเส้นของตัวการ์ตูน นอกจากร้านจะน่ารักแล้ว เมนูแต่ละเมนูก็น่ารักมาก ๆ ไม่ว่าจะเป็นโดนัท โทสต์ เครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย คาเฟ่เล็ก ๆ นี้ดูแปลกตาต่างจากร้านอื่นในบริเวณเดียวกัน เป็นความน่ารักท่ามกลางความคลาสสิกของตึกเก่าย่านนานาที่แอดชอบมากเลยทีเดียว ที่ตั้ง 78-104 ซอยนานา แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 11.00-21.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 09.00-21.00 น. (ปิดวันพุธ)โทร. 06 5946 8892 103 Bed and Brews เดินไปสักพักแอดก็สะดุดตากับตึกเก่าบริเวณหัวมุมซอยนานา นี่คือ “103 Bed and Brews” โฮสเทลและคาเฟ่ที่นำอาคารเก่ามาปรับปรุง โดยยังคงกลิ่นอายจีนย้อนยุคที่อบอุ่นเอาไว้ ประตูไม้บานเฟี้ยมสีน้ำตาลเข้มตัดกับสีอ่อนของตัวตึก ผสมผสานการตกแต่งในสไตล์จีน ชั้นล่างเป็นคาเฟ่ ส่วนชั้นสองเป็นโฮสเทล ใครอยากเปลี่ยนบรรยากาศ เปลี่ยนที่นอนเล่นมาลองดูกันค่ะ เปิดทุกวัน เวลา 09.00-22.00 น. เฮงยอดผัก กินไม่รู้อิ่ม ถึงคราวของคาวกันบ้าง เฮงยอดผัก เป็นร้านราดหน้าชื่อดัง สาขานี้อยู่ปากซอยนานา ขายมานานกว่า 30 ปี มีสโลแกนว่า กินไม่รู้อิ่ม แบบนี้ก็ต้องขอลองซะหน่อย เมนูมีหลากหลายมากค่ะ ทั้งราดหน้าหมี่กรอบ เส้นใหญ่ เส้นหมี่ ผัดซีอิ๊วก็มี แอดสั่งราดหน้าหมี่กรอบใส่ไข่ ทางร้านบอกต้องลองใส่ไข่แล้วจะติดใจ พอได้ลองชิมก็เป็นอย่างที่ว่าเลยค่ะ น้ำเข้มข้น หมูนุ่มละลายในปาก แทบไม่ต้องปรุงเลยล่ะ.ที่ตั้ง 221-227 ซอยนานา ถนนพระราม 4 แขวงป้อมปราบ เขตป้อมปราบศัตรูพ่าย กรุงเทพฯเปิดทุกวัน เวลา 09.00-19.00 น.โทร. 02 222 2648 ย่านทรงวาด ทรงวาดเป็นถนนเส้นเล็ก ๆ ขนานกับถนนเยาวราช เป็นย่านเก่าแก่ที่ยังมีอาคารเก่าอายุร้อยปีหลงเหลือให้ชื่นชม มีศาลเจ้า

เดินชิลล์…ชมย่านเก่าแก่ จากนานาถึงทรงวาด อ่านเพิ่มเติม

อุดรธานี..เมืองนี้ม่วนหลาย 2 วัน 1 คืน

วันที่ 1หนองประจักษ์กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอกตลาดผ้าบ้านนาข่าส้มตำเจ๊ไก่Dose Factory วันที่ 2ทะเลบัวแดงวัดสันติวนารามพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ บ้านเชียงStreet Art บ้านเชียง วันที่ 1 จุดแรกแอดจะพาเพื่อน ๆ ไปยังสถานที่ยอดนิยมของอุดรธานี ใครมาเที่ยวที่นี่ก็ต้องมาแวะถ่ายรูปกับเป็ดเหลืองกลางบึงหนองประจักษ์กันแทบทุกคน ที่นี่เป็นสวนสาธารณะใจกลางเมือง ตั้งชื่อเพื่อเป็นเกียรติประวัติแก่พลตรีพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมหลวงประจักษ์ศิลปาคม ผู้ก่อตั้งเมืองอุดรธานี.หนองประจักษ์มีหลายมุมให้เราได้เก็บภาพสวย ๆ ทั้งสะพานแขวน และสวนดอกไม้ รวมทั้งภาพการออกมาพักผ่อนหย่อนใจ และออกกำลังกายของชาวเมืองอุดรธานี.ที่ตั้ง : ถนนเพาะนิยม ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานี ผ้าย้อมสีกลีบบัว กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก ถัดมาแอดจะพามาชมมหัศจรรย์บัวแดงสู่ผ้าทอที่ กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอก นักท่องเที่ยวสามารถมาทำกิจกรรมย้อมผ้าได้ แต่เดิมกลุ่มทอผ้าบ้านโนนกอกก็มีอาชีพทอผ้าอยู่แล้ว ต่อมาได้พัฒนาต่อยอดด้วยการนำก้านและกลีบของดอกบัวแดงมาใช้เป็นสีย้อมเส้นฝ้าย ในการย้อมสี จะใช้ส่วนของดอกบัวและก้านบัวหรือสายบัวมาต้มเพื่อให้เกิดสี สีที่ได้นั้นสวยงามและติดทนนาน การต้มจะใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง ดอกบัวเมื่อผ่านการต้มแล้ว สีที่ได้จะออกมาเป็นสีทอง ส่วนก้านบัวหลังจากต้มจะออกเป็นสีเงิน ลวดลายการทอส่วนใหญ่จะมาจากเรื่องราวเกี่ยวกับวัฒนธรรมและวิถีชีวิตของคนในพื้นที่ ใครอยากมาทำกิจกรรมย้อมผ้า สามารถติดต่อล่วงหน้าได้เลย กลุ่มทอผ้าโบราณบ้านโนนกอกที่ตั้ง : 63 หมู่ 18 บ้านโนนกอก ตำบลหนองนาคำ อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีโทร. 09 3547 8255, 06 1942 8808เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/efpC6uc93VS2AmLt8เว็บไซต์ : www.nairobroo.com/shopping/silk-of-baan-non-kok/ ตลาดผ้านาข่า จังหวัดอุดรธานีขึ้นชื่อเรื่องงานหัตถกรรมโดยเฉพาะผ้าขิด แอดเลยจะพาเพื่อน ๆ ไปชอปปิ้งผ้าขิดที่ตลาดผ้าบ้านนาข่า ที่นี่ได้รับเลือกให้เป็นหมู่บ้านเศรษฐกิจพอเพียงเฉลิมพระเกียรติ และหมู่บ้าน OTOP ท่องเที่ยวของจังหวัดอุดรธานี.ตลาดผ้าบ้านนาข่าเป็นแหล่งรวมสินค้าหัตถรรมพื้นบ้าน มีทั้งผ้าหมี่ขิด ผ้าไหมลายขิด ซึ่งมีลวดลายสวยงาม มีความมัน วาว และนูน อันเป็นเอกลักษณ์หนึ่งของจังหวัดอุดรธานี นอกจากนี้ ยังจำหน่ายสินค้าอื่น ๆ เช่น เสื้อผ้าฝ้าย หมอนอิง กระเป๋า ผ้าพันคอ เพื่อน ๆ เลือกช้อปกันได้ในราคาไม่ล้มละลาย .ที่ตั้ง : ตำบลบ้านขาว อำเภอเมืองอุดรธานี จังหวัดอุดรธานีโทร. 08 5013 1060, 08 7230 0300 (กลุ่มตลาดผ้านาข่า)เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/fbcubE5XZmaE1nnY8 ร้านส้มตำเจ๊ไก่ มาดูร้านอร่อยเด็ดกันบ้าง ส้มตำเจ๊ไก่ ถูกปากทั้งชาวเมืองอุดรและนักท่องเที่ยว ว่ากันว่าร้านนี้แซ่บนัว ถึงใจ แอดเองก็ไม่ยอมพลาด แต่ขอบอกว่าอย่าไปใกล้มื้ออาหาร เพราะอาจจะต้องรอคิวนานสักหน่อย.เมนูห้ามพลาดที่ทางร้านแนะนำมีเยอะมาก ไม่ว่าจะเป็นเมนูส้มตำต่าง ๆ ตำกุ้งสด ตำหอยแครง ตำโคตรมั่ว รวมทั้งเมนูแซ่บอื่น ๆ อย่างต้มแซ่บกระดูกอ่อน แกงหน่อไม้ หอยต้ม เป็นต้น .ส้มตำเจ๊ไก่ อุดรธานีมี 2 สาขาสาขา 1ที่ตั้ง : 230/28 ซอยศาลเจ้าแม่ทับทิม ถนนอัศวมิตร ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีเปิดทุกวัน 10.00-16.00 น.โทร. 08 7373 2128 สาขา 2ที่ตั้ง : 167/16 ถนนนเรศวร ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.โทร. 08 6239 2244 . ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ ส้มตำเจ๊ไก่อุดรธานี สาขา 1 Dose Facetory แซ่บกับส้มตำเจ๊ไก่แล้ว อย่าเพิ่งรีบอิ่มกันนะ เพราะแอดจะพามาต่อที่ร้าน Dose Factory ร้านนี้ดัดแปลงมาจากโรงงานเก่า ตกแต่งแบบ Loft ดูเท่ ๆ ถูกใจทั้งวัยรุ่น วัยเก๋า.อาหารเป็นสไตล์ฟิวชั่น มีทั้งไทยและอิตาเลียนให้เลือก เห็นแล้วหิวอีกรอบ ส่วนกาแฟก็เป็นกาแฟพิเศษจากโรงคั่วของร้านเอง ปิดท้ายกับขนมหวานที่น่ากินไปทุกเมนู ว่ากันว่าใครไปอุดรธานีก็ต้องแวะไปร้านนี้สักมื้อ.ที่ตั้ง : 112/1 ถนนนเรศวร ตำบลหมากแข้ง อำเภอเมือง จังหวัดอุดรธานีเปิดทุกวัน เวลา 10.00-21.00 น.โทร. 09 8661 4642พิกัด : https://g.page/dosefactory?share . ขอขอบคุณรูปภาพจากเพจ Dose Factory วันที่ 2 ทะเลบัวแดงเช้านี้เราจะไปชมอีกหนึ่งไฮไลท์ นั่นคือ ทะเลบัวแดง บึงหนองหานกุมภวาปี ใครไปถึงอุดรธานีจะต้องห้ามพลาด ที่นี่เราจะได้เห็นบัวแดงที่ออกดอกบานสะพรั่งเต็มบึงหนองหานสุดลูกหูลูกตา นี่เองเป็นที่มาของคำว่า “ทะเลบัวแดง” บึงหนองหานเป็นทะเลสาบน้ำจืดขนาดใหญ่ อุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชน้ำ พันธุ์ปลา พันธุ์นกนานาชนิด และเป็นจุดที่ยังพอจะได้เห็นวิถีการทำประมงพื้นบ้านอีกด้วย ช่วงเวลาที่เหมาะกับการชมทะเลบัวแดงของปีคือ ช่วงฤดูหนาวระหว่างเดือนธันวาคม-กุมภาพันธ์ ดอกบัวแดงจะบานสวยงามที่สุด หากอยากชมดอกบัวแดงอย่างใกล้ชิด สามารถใช้บริการเรือพาเที่ยวชมได้ เรือนี้เป็นเรือของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนรอบบึงหนองหาน ให้บริการอยู่ที่ท่าเรือบ้านเดียม แนะนำให้ล่องเรือในตอนเช้า ช่วงเวลา 06.00-11.00 น. เนื่องจากเป็นช่วงเวลาที่ดอกบัวจะบานสวยเต็มที่ และสภาพอากาศก็ยังไม่ร้อนมากด้วยค่ะกลุ่มเรือบริการท่องเที่ยว ท่าเรือบ้านเดียมโทร. 08 1964 5420, 08 9395 0871– เรือพาเที่ยว (รอบใหญ่) ใช้เวลา 90 นาที ราคา 500 บาท/ลำ นั่งได้ไม่เกิน 10 คน– เรือพาเที่ยว (รอบเล็ก) ใช้เวลา 45 นาที ราคา 300 บาท/ลำ นั่งได้ไม่เกิน

อุดรธานี..เมืองนี้ม่วนหลาย 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

เพชรบูรณ์ 2 วัน 1 คืน ชมดอกไม้ รับลมหนาว

วันนี้แอดมีเส้นทางท่องเที่ยวจังหวัดเพชรบูรณ์ 2 วัน 1 คืนมาฝาก เพื่อน ๆ ทริปนี้แอดรับรองว่าได้ภาพงาม ๆ กลับไปอวดชาวแก๊งค์แน่นอน  วันที่ 1จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะจุดชมทะเลหมอกเขาค้อพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก วันที่ 2ไร่ G.B. ทุ่งกังหันลมไร่ B.N.The Blue Sky Gardenวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว วันที่ 1 สำหรับที่แรก แอดจะพามาที่จุดชมวิวเขาตะเคียนโง๊ะ ห่างจากอำเภอเขาค้อประมาณ 13 กิโลเมตร ตั้งอยู่ริมถนนทางหลวงหมายเลข 2258 เป็นจุดชมวิวแบบ 360 องศา นักท่องเที่ยวมักจะมากางเต็นท์เพื่อรอชมทะเลหมอกยามเช้า.ในอดีตบริเวณเขาตะเคียนโง๊ะเป็นฐานที่มั่นของฝ่ายคอมมิวนิสต์ เป็นสมรภูมิรบแห่งหนึ่งในเขาค้อ ปัจจุบันกลายเป็นจุดชมพระอาทิตย์ขึ้น และชมทะเลหมอก จากจุดนี้ เราสามารถมองออกไปเห็นเขาปู่ เขาย่า เขาค้อ และทุ่งแสลงหลวงได้อีกด้วย.แม้ที่นี่จะมีการบริการที่พัก จุดกางเต้นท์ แต่แอดขอแนะนำผู้มาพักค้างให้เตรียมเสบียงอาหารมาเอง.ที่ตั้ง : ตำบลหนองแม่นา อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์ จุดชมวิวชมวิวทะเลหมอก เขาค้อ จุดต่อไปคือจุดชมทะเลหมอกเขาค้อ ห่างจากเขาตะเคียนโง๊ะประมาณ 16 กิโลเมตร เส้นทางเป็นถนนไหล่เขา ต้องระมัดระวังในการเดินทางด้วย เขาไม่ง้อมาเขาค้อดีกว่า วลีนี้คงเคยได้ยินกันอยู่บ่อย ๆ ที่นี่เป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นทะเลหมอกและวิวพระอาทิตย์ตกที่สวยงาม และยังเป็นจุดแรก ๆ ที่นักท่องเที่ยวนึกถึง และจัดให้อยู่ในลิสต์ที่ต้องมาเช็คอินอากาศที่เขาค้อจะเย็นตลอดทั้งปี แต่ในช่วงฤดูหนาวจะมีหมอกหนาและเยอะกว่าค่ะ นักท่องเที่ยวสามารถมาเที่ยวได้ตลอดค่ะ.ที่ตั้ง : ต.เขาค้อ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์ พระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก ห่างจากที่ว่าการอำเภอเขาค้อไปทางทิศเหนือประมาณ 2 กิโลเมตร ริมทางหลวงหมายเลข 2196 เราจะพบกับพระบรมธาตุเจดีย์กาญจนาภิเษก เป็นเจดีย์ที่มีสถาปัตยกรรมผสมผสานระหว่างสุโขทัย และรัตนโกสินทร์ประยุกต์ ภายในเจดีย์ประดิษฐานพระพุทธรูป ส่วนยอดเจดีย์บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ พระอัฐธาตุของพระพุทธเจ้า ที่อัญเชิญมาจากประเทศศรีลังกา โดยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 9 พระราชทานให้กับประชาชนในพื้นที่ หลังจากยุติการสู้รบกับคอมมิวนิสต์ในประเทศไทย.ที่ตั้ง : หมู่ 4 ตำบลเขาค้อ บ้านกองเนียม อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. วันที่ 2 ไร่ GB ทุ่งกังหันลม เช้านี้เราจะไปชมวิวทุ่งกังหันลมที่ไร่ GB ซึ่งห่างจากเจดีย์กาญจนาภิเษกไปประมาณ 8 กิโลเมตร จากไร่ GB เราจะสามารถมองเห็นทุ่งกังหันลมของเขาค้อได้อย่างชัดเจนที่สุด กังหันลมเหล่านี้คือแหล่งผลิตพลังงานสะอาด โดยใช้พลังลม ดำเนินงานโดย บริษัท เด็มโก้ จำกัด อยู่นอกเขตไร่ GB ส่วนไฮไลต์ในไร่ GB คือสวนดอกไม้หลากหลายสายพันธุ์ เช่น ดอกเวอร์บีน่า ดอกฮอลลี่ฮ็อค ดอกดาวเรืองฝรั่งเศส เป็นต้น สวยงามเหมาะกับการถ่ายรูปมาก ๆ ภายในไร่ GB ไม่มีบริการที่พัก แต่มีบริการร้านอาหารพื้นบ้าน ร้านกาแฟ ชาร้อน ชานมไข่มุก เป็นต้น.ที่ตั้ง : หมู่บ้านเพชรดำ ต.ทุ่งสมอ อ.เขาค้อ จ.เพชรบูรณ์เปิดทุกวัน เวลา 08.00-18.00 น.โทร. 064 304 8222ค่าเข้าชม 10 บาท/คน ไร่ B.N. ถัดมาเราจะไปตะลุยชมทุ่งดอกไม้ที่ไร่ B.N.กัน ขับรถจากไร่ GB ไปประมาณ 14 กิโลเมตร ก็จะถึงไร่ B.N. ที่นี่เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ได้รับความนิยมมากว่า 50 ปี จำหน่ายผัก ผลไม้ ทั้งสดและแปรรูป รวมทั้งดอกไม้สวย ๆ ด้วย ที่นี่มีสวนดอกไม้ให้เลือกชม 2 โซน คือ ไร่ B.N. และ The Front by B.N. Farm สามารถเดินถึงกันได้ประมาณ 600 เมตร ที่ตั้ง : ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.โทร. 056 750 419 The Blue Sky Garden ออกจากไร่ B.N. เราไปกันต่อที่ The Blue Sky Garden ห่างจากไร่ B.N. ประมาณ 6 กิโลเมตร ที่นี่เป็นสวนอังกฤษขนาดกว่า 10 ไร่ แบ่งเป็น 4 โซนหลัก ๆ มีจุดถ่ายรูปมากกว่า 20 จุด มีทั้งโซนสวนดอกไม้นานาพันธุ์ โซนทุ่งวงกต มีหอคอยสำหรับชมวิวโดยรอบด้วยนะ.นอกจากนี้ ยังมีโซนลานกิจกรรมสำหรับจัดงานอีเวนท์ และโซนกระท่อมน้อยกลางสวน ที่เป็นร้านกาแฟสำหรับนั่งจิบเครื่องดื่มพร้อมชมวิวพระอาทิตย์ตกไปด้วย หรือถ้าเพื่อน ๆ อยากเปลี่ยนบรรยากาศ ด้วยการถือตะกร้าปิกนิกมานั่งอ่านหนังสือ จิบเครื่องดื่มกลางสวนเก๋ ๆ ทางร้านก็มีให้บริการ แต่แอดขอแนะนำให้โทรจองล่วงหน้านะคะ ราคาชุดละ 499 บาท ประกอบด้วยเครื่องดื่ม 3 ชนิด พร้อมด้วยผลไม้ และแซนด์วิช (1 ชุดสำหรับ 2 คน).ที่ตั้ง : เดอะ บลูสกาย รีสอร์ท เขาค้อ ตำบลแคมป์สน อำเภอเขาค้อ จังหวัดเพชรบูรณ์เปิดทุกวัน

เพชรบูรณ์ 2 วัน 1 คืน ชมดอกไม้ รับลมหนาว อ่านเพิ่มเติม

ชิล เที่ยว เจ้าพระยา

สำหรับสายชิล การได้ไปเที่ยวถ่ายรูป นั่งจิบกาแฟ กินขนม ชมวิวริมแม่น้ำเจ้าพระยา ก็เป็นอะไรที่มันแสนจะผ่อนคลายแล้ว วันนี้แอดเลยจะมาแนะนำสถานที่ที่จะทำให้สายชิลได้ไปถ่ายรูปเล่น และได้รู้สึกผ่อนคลายที่ริมน้ำเจ้าพระยาในกรุงเทพฯ กันจ้า และถ้าอยากสนุกกันมากขึ้นก็ลองเดินทางกันทางน้ำดู อาจจะเป็นเรือด่วน หรือเรือข้ามฟากก็ได้ ได้ฟิลลิ่งแปลกใหม่กันไปอีกอย่างนะ ลองตามมาดูกัน แผนที่ เอาไว้ดูกันพอสังเขปจ้า.ร้านชิล ๆ แถวริมแม่น้ำเจ้าพระยาของเราวันนี้จะอยู่โซนระหว่างสะพานพระปกเกล้าและสะพานตากสินนะ เราอาจจะเลือกเริ่มต้นจากจุดแรกที่ตลาดน้อย สามารถนั่งเรือด่วนมาลงท่าสีพระยา แล้วก็เดินไปที่ตลาดน้อยได้ ที่แรกของเราก็คือ “Mother Roaster (ตลาดน้อย)”.Cafe ลึกลับในย่านตลาดน้อย ใครที่ไปตลาดน้อยบ่อย ๆ ในซอยตรอกศาลเจ้าโรงเกือก อาจจะคุ้นเคยกับประตูบานนี้ ที่ข้าง ๆ จะมีรูปวาดเด็ก ๆ อยู่ แต่ถ้าลองดูให้ดีก็จะรู้ว่า มันมีร้าน Cafe อยู่ข้างบนนะ ลองตามมาดูกันเลย เมื่อเข้ามาข้างในสิ่งแรกที่เห็น กองอะไหล่ล้อต่าง ๆ มากมายเลย มันจะใช่ Cafe มั้ยนะ หันมาทางซ้ายมีบันไดด้วย เดินขึ้นไปดูกัน อ่า เริ่มเห็นแสงสว่างกันแล้ว ก็ดูร่มรื่นอยู่นะ ต้องเข้าไปดูข้างในซะแล้ว ชัดเลยมันคือ Cafe.ที่ Mother Roaster เขาจะโดดเด่นด้วยรสชาติกาแฟคุณภาพดีจากเครื่อง ROK Presso ที่ดริปและคั่วเองจากฝีมือ Mother บาริสต้าสุดเท่ มุมนั่ง Slow Bar เอาไว้นั่งคุยกันได้นะ Mother บาริสต้าสุดเท่ของเรา ที่ลงมือคั่วเมล็ดกาแฟด้วยตัวเอง  ที่นี่เหมาะกับคอกาแฟเลย มีเมล็ดกาแฟหลายแบบให้ได้เลือกลิ้มรสกันเลย  ของตกแต่งก็น่ารัก ๆ มีพร็อพไว้ถ่ายรูปกันสบายเลย มุมนั่งชิลเขาก็มีเยอะ แสงก็ดี ถ่ายรูปสวย ๆ กันได้นะ Cafe ต่อไป “บ้านริมน้ำตลาดน้อย”.Cafe นี้อยู่ติดริมแม่น้ำเลยจ้า เดินต่อมาจากซอยศาลเจ้าโรงเกือก เมื่อผ่านศาลเจ้าโรงเกือกแล้ว ทางริมซ้ายมือริมแม่น้ำ เราก็จะเห็น Cafe สุดชิลนี้ ลองเข้าไปดูข้างในกัน ที่นั่งริมแม่น้ำนี้ เอาไว้นั่งชิล ๆ ผ่อนคลายอารมณ์ กันได้เลย ช่วงเย็นใกล้พระอาทิตย์ตกก็น่าจะสวยน่าดู ข้างในร้านมีที่นั่งเยอะแยะเลย มุมนี้ กลางคืนคงสนุกนะเนี่ย ที่นั่งก็มีมุมให้ถ่ายรูปได้เยอะแยะ เครื่องดื่มเย็น ๆ เขาก็มีให้เลือกหลายแบบ กินแล้วก็ชื่นนนใจ ขนมนี่ก็หน้าตาน่ากิน  ขนมแบบไทย ๆ ก็มี ดูเข้าบรรยากาศกันไปอีกแบบ Cafe ต่อมา “1608 Cafe & Bistro”.Cafe สุดชิลริมแม่น้ำเจ้าพระยาอีกแล้ว หลังจากที่เราหลุดออกมาจากย่านตลาดน้อยแล้ว ตรงสุดทางซอยวานิช 2 เราก็จะเห็นวัดปทุมคงคมราชวรวิหาร ให้เราเดินออกมาที่ถนนทรงวาด เดินผ่านหน้าวัดไปเราจะเห็นป้อมตำรวจ ก็เดินเข้าไปในซอยนั้นเลยจ้า.ที่นี่จะมีคนจองที่นั่งเข้ามาล่วงหน้า ทางที่ดีลองสอบถามกับทางร้านก่อนนะ ช่วงนี้โควิดก็ไม่มีอะไรแน่นอน เขาอาจจะยังควบคุมพื้นที่อยู่ ติดต่อจากทางเพจเขาเลย.FB: Doo Nam 1608 ถ้านั่งเรือด่วนผ่านมา ก็จะเห็นวิวของร้านแบบนี้  เดินเข้ามาจากซอยป้อมตำรวจ ก็จะเห็นทางเข้าประมาณนี้ ข้างหน้าจะมีเศษเหล็กกองเอาไว้ ดูทางเข้ากันดีดี มีป้ายโปสเตอร์เล็ก ๆ แปะไว้ให้เห็นหน่อยนึง สังเกตกันดีดีนะ เมื่อเดินผ่านเศษเหล็กเข้ามาในซอยทางซ้ายมือเราก็จะเห็นหน้าร้าน ก็แหวกม่านเข้าไปเลย เคาน์เตอร์บาร์ในร้าน น้อง ๆ พนักงานก็จะคอยต้อนรับอยู่ ช่วงเย็น ก่อนพระอาทิตย์ตกลับขอบฟ้า เราก็จะได้แสงสวย ๆ สะท้อนกับริ้วแม่น้ำ มันก็น่าจะได้มุมถ่ายรูปดีดีหลายจุดเลย  มุมในร้านเขาก็ดูกันเองมาก มุมนี้ก็งานศิลปะ ใครอยากจะถ่ายรูปไว้เป็นความทรงจำก็ได้นะ มุมนั่ง Slow Bar.เครื่องดื่มเย็น ๆ กับบรรยากาศสุดชิลริมแม่น้ำ แสงก็สวยด้วย มันคือดี ไว้นั่งคุยกันได้นะ มุมนี้ก็ชิลไปอีกแบบ Cafe ต่อไป อยู่ติดกับศาลกวนอูเลย.“My Grandparent’s House บ้านอากงอาม่า”.แค่ชื่อก็ดูเป็นกันเองมาก Cafe นี้ เป็นบ้านไม้เรือนไทยที่ตั้งอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา ซึ่งสร้างขึ้นตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 7 เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์และเรื่องราวของต้นตระกูลจีน “ทังสมบัติ” ผู้ผลิตและจำหน่าย น้ำปลาตรารวงทอง มีใครเคยเห็นกันบ้างนะ.การเดินทางมาที่นี่ อาจจนั่งเรือข้ามฟากจากท่าราชวงศ์มายังท่าดินแดงแล้วต่อรถอีกที ใครจะเดินก็ไม่ว่ากัน หรือจะนั่งเรือด่วนมาลงที่ท่าสะพานพุทธ ขึ้นสวนลอยฟ้าเจ้าพระยา ข้ามฟากมา และแวะชมพิพิธภัณฑ์สวนสมเด็จย่าก่อน เหนื่อยก็ค่อยเข้ามานั่งพักหาอะไรกินกันที่นี่ได้ ถึงจะเปิดเป็น Cafe แต่ข้างในบ้านก็ดูเป็นกันเอง เหมือนนั่งอยู่ในบ้าน และยังมีร่องรอยเรื่องราวให้ได้ศึกษากันด้วย อาหารว่างและเครื่องดื่มที่นี่ก็จะเป็นแนวแบบคลาสสิก ที่ทำให้นึกถึงวิถีชีวิตผู้คนในสมัยก่อน อาหารว่างบางอย่าง ก็อาจจะหาทานได้ยากนะ อย่างเช่น “กุ้งโสร่ง” มีทั้งแบบไทยและแบบจีนเลย น้ำปลาตรา “รวงทอง” เคยเห็นกันมั้ย ปัจจุบันเขาก็ยังทำขายกันอยู่ พอออกมาจากนอกบ้านก็ยังมีมุมเก๋ ๆ ไว้ให้ถ่ายรูปกันได้  มุมจากตึกข้างบน ที่ยังเป็นสถาปัตยกรรมแบบโบราณ

ชิล เที่ยว เจ้าพระยา อ่านเพิ่มเติม

บ้านหนองเจ็ดหน่วย

อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นอีกหนึ่งจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบในการท่องเที่ยวแบบสัมผัสกับความหนาวและสัมผัสกับธรรมชาติ ที่นอกจากไปชมธรรมชาติของป่าสนที่สวยงามภายในศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ องค์การอุตสาหกรรมป่าไม้ (ออป.) แล้ว ยังมีแหล่งท่องเที่ยวอื่นๆที่น่าสนใจ  วันนี้แอดจะมาแนะนำชุมชนเล็กๆ ที่อยู่ไม่ไกลจากศูนย์พัฒนาโครงการหลวงวัดจันทร์ นั่นคือ “บ้านหนองเจ็ดหน่วย” ที่มีสถานที่และกิจกรรมที่น่าสนใจให้เป็นตัวเลือกสำหรับผู้ที่มาท่องเที่ยวกันจ้า  ชุมชนบ้านหนองเจ็ดหน่วย ชุมชนเล็กๆ ที่ตั้งอยู่ในตำบลบ้านจันทร์ อำเภอกัลยาณิวัฒนา จังหวัดเชียงใหม่ เป็นที่อยู่อาศัยของชาวปกาเกอะญอ ที่ใช้ชีวิตแบบเรียบง่าย เงียบสงบ พึ่งพาธรรมชาติในการประกอบอาชีพ ชุมชนนี้เป็นอีกหนึ่งจุดหมายที่ไม่ควรพลาดที่จะเข้าไปชมวิถีชีวิตของผู้คนในชุมชน นอกจากจะได้ไปสัมผัสกับการใช้ชีวิตอยู่กับธรรมชาติแล้ว ยังได้เรียนรู้การทำกิจกรรมต่างๆ ของชาวบ้านในชุมชน เช่น การย้อมผ้าฝ้ายที่ย้อมด้วยสีที่ทำมาจากวัตถุดิบที่มีอยู่ตามธรรมชาติในชุมชน เช่น สีฟ้าทำมาจากต้นห่อคอเด๊าะ (หรือผลจากต้นปิ้งขาว) สีเทาทำมาจากมะขามป้อมและขี้เถ้า สีส้มทำมาจากดอกคำแสด (หรือดอกคำเงาะ) รวมทั้งวิธีการปั่นฝ้าย การทอผ้าฝ้าย การปักผ้าฝ้าย การทำอาหารท้องถิ่นอย่างข้าวต้มมัด (ที่นี่เค้าจะเรียกว่าเมตอ) นอกจากนี้ที่นี่ยังมีโฮมสเตย์น่ารักๆ เจ้าของบ้านก็น่ารัก เป็นกันเอง ทำอาหารอร่อย ให้เราได้พักผ่อนและสัมผัสกับธรรมชาติได้อย่างเต็มที่ วัดจันทร์ วัดนี้ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของชุมชนในอำเภอกัลยาณิวัฒนา เป็นวัดที่มีอายุเก่าแก่กว่า 300 ปี ไฮไลท์ของวัดนี้คือวิหารที่เดิมตรงช่วงบนผนังด้านหน้าถูกทำเป็นช่องลมโปร่ง ต่อมาช่างชาวปกาเกอะญอจึงได้นำกระจกกรองแสงสีดำมาติดกันขโมยปีนเข้ามา ทำให้วิหารหลังนี้ดูคล้ายมีแว่นตาขนาดใหญ่สวมอยู่ จึงได้ฉายาว่า “วิหารแว่นตาดำ” หรือ “วิหารเรย์แบนด์” ที่มีความโดดเด่นแปลกตาเป็นเอกลักษณ์ไม่เหมือนใคร ร้าน Porwa Pizza & Drip Coffee ร้านพิซซ่าที่ทำในคอนเซ็ปต์พิซซ่าหน้าฤดูกาล เลือกใช้วัตถุดิบในช่วงเวลานั้นๆ มาทำหน้าพิซซ่า เช่น เห็ดเผาะ ลูกหม่อน อโวคาโด นักท่องเที่ยวที่ไปสามารถทำพิซซ่าเองได้ด้วย นอกจากพิซซ่าร้านนี้ยังมีเครื่องดื่มแสนอร่อย และของที่ระลึกน่ารักๆ ขายด้วยจ้า ขอบอกเลยว่าเจ้าของร้านใจดีมากๆ อีกอย่างถ้าใครชอบเที่ยวและยังชื่นชอบในการเล่นสเก็ตบอร์ดก็อยู่คุยกับเจ้าของร้านได้ยาวๆเลย เพราะพี่เค้าเป็นผู้ที่ชื่นชอบการเล่นสเก็ตบอร์ดมากๆ เลยจ้า

บ้านหนองเจ็ดหน่วย อ่านเพิ่มเติม

นั่งเรือชมความงามของธรรมชาติที่บ้านท่าดินแดง

ชุมชนบ้านท่าดินแดง ชุมชนที่น่าค้นหาแห่งหนึ่งของจังหวัดพังงา พื้นที่ส่วนใหญ่ติดกับทะเล มีป่าชายเลนและป่าโกงกางที่อุดมสมบูรณ์ มีลักษณะเป็นแหลมยื่นออกไปในทะเล เหมาะแก่การเที่ยวชมธรรมชาติมาก ๆ ขอบอกเลยว่ามีกิจกรรมให้ทำเยอะมาก .ทริปที่เราไปมาเป็นแบบ half-day trip โดยต้องโทรจองก่อนล่วงหน้า กิจกรรมเริ่มตั้งแต่เวลา 8.30 น. เริ่มด้วยการพายเรือแคนนูชมป่าชายเลนและป่าโกงกาง ป่าชายเลนที่นี้มีความเขียว ความชุ่มฉ่ำสุด ๆ ถ้าไปถูกช่วงจะได้เห็นต้นฝาดดอกแดงอีกด้วย (ชาวบ้านที่นี่เรียกว่าซากุระเมืองไทย) สวยงามมาก ๆ จากนั้นเราก็นั่งเรือหัวโทงหรือเรือหางยาวนั่นแหละไปยังเขาหน้ายักษ์ ชาวบ้านบอกว่าที่นี่มีตำนาน ใครอยากรู้ให้ลองมากันนะ ระหว่างที่เราเดินทางไปเขาหน้ายักษ์ เราจะได้ผ่านทุ่งเสม็ดขาว หรือทุ่งสะวันนาเมืองไทย ต้องไปช่วงประมาณธันวาคม จะได้เห็นทุ่งหญ้าสีเหลือง เเวะถ่ายรูปชิค ๆ กรุบกริบ เมื่อเราเดินทางมาถึงเขาหน้ายักษ์เเล้ว จะได้เจอกับหาดท้ายเมืองที่ยาวสุดลูกหูลูกตา แถมคลื่นที่นี่ก็สูงมาก ๆ สามารถลงเล่นน้ำได้ หลังจากที่เรากลับมาจากเขาหน้ายักษ์ กิจกรรมต่อไปคือการชมการสาธิตการร่อนเเร่ดีบุก ซึ่งจริง ๆ เเล้วบริเวณนี้เคยเป็นเหมืองแร่เก่า จึงทำให้ยังมีแร่ดีบุกหลงเรืออยู่ เเละปิดท้ายกิจกรรมด้วยการชมแปลงผักโฮโดรโปนิคส์ ชิมสลัดผักสด ๆ จากแปลง อร่อยมาก ๆ เสร็จสิ้นกิจกรรม 12.30 น. ถือว่าคุ้มสุด ๆ มาชุมชนเดียวได้ทำกิจกรรมถึง 5 กิจกรรมด้วยกัน พี่ ๆ ชาวบ้านที่มาดูแลก็น่ารักมากเลยนะ ขอบอก .ค่าใช้จ่ายในการทำกิจกรรม: คนละ 600 บาทผู้ประสานงานท่องเที่ยว: นายปฏิพัทธ์ วาหะรักษ์ (บังโหรน) โทร. 0844433539ที่อยู่: หมู่ 4 หมู่บ้านท่าดินแดงตำบลลำแก่น ต.ท้ายเหมือง อ.ท้ายเหมือง จ.พังงา กิจกรรมพายเรือแคนนูชมป่าชายเลนของชุมชน หาดท้ายเมืองที่สวยงามเเละยาวสุดลูกหูลูกตา เขาหน้ายักษ์ ที่มาของตำนานที่รอให้เพื่อน ๆ มาค้นหา การสาธิตการร่อนเเร่ดีบุก แปลงผักไฮโดรโปรนิคส์ที่สด สะอาด สามารถนำมาทำผักสลัดทานได้เลย 

นั่งเรือชมความงามของธรรมชาติที่บ้านท่าดินแดง อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top