สถานที่ท่องเที่ยว

ล่องแพพะโต๊ะ ผจญไพรไปกับสายน้ำเชี่ยว

ล่องแพพะโต๊ะ ผจญไพรไปกับสายน้ำเชี่ยว อำเภอพะโต๊ะของชุมพรเป็นพื้นที่ ธรรมชาติซึ่งได้ชื่อว่าดินแดนแห่งภูผาเขียว หมอกปก น้ำตกงาม มองไปทางไหนก็เห็น แต่ผืนป่าห่มปกทิวเขาสลับซับซ้อน จนเป็น บ่อเกิดของสายน้ำฉ่ำเย็นหลากหลายสาย จึงเป็นแหล่งที่จัดกิจกรรมล่องแพมานาน หลายสิบปี  โดยในอดีตเป็นการล่องแพ ไม้ไผ่ ทุกวันนี้เปลี่ยนเป็นแพท่อพลาสติก เพื่อการอนุรักษ์ธรรมชาติ ทว่าความสนุก ตื่นเต้นของการล่องแพกลางสายน้ำเชี่ยว และความงามของพงไพรสองฟากฝั่งยังคง มีอยู่เต็มร้อย “การล่องแพพะโต๊ะ” ใช้เวลา ประมาณ 2-3 ชั่วโมง ผ่านแก่งระดับความ แรง 1-3 ซึ่งถือว่าสนุก ไม่อันตราย สำหรับการมาล่องแพพะโต๊ะ นักท่องเที่ยวอาจเลือกพักแบบโฮมสเตย์ซึ่งอาศัยอยู่กินกับชาวบ้าน หรือพักกับรีสอร์ทเอกชนก็ได้แล้ว ใช้บริการล่องแพของบริษัทเอกชนที่ให้บริการในอำเภอพะโต๊ ค่าล่องแพประมาณคนละ 450-500 บาทรวมอาหาร มื้อ ใช้เวลาล่องแพประมาณ 2-3 ชั่วโมง สอบถามเพิ่มเติมที่ – เทศบาลตำบลพะโต๊ะ บริการล่องเรือยาง โทร. 0 7753 9072– ชมรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าต้นน้ำพะโต๊ะ โทร. 08 7821 8700-ที่ทำการปกครองอำเภอพะโต๊ะ จังหวัดชุมพร โทร 0 7753 9040, 0 7753 9240, 08 1979 1448, 08 2326 3688, 08 5472 8300

ล่องแพพะโต๊ะ ผจญไพรไปกับสายน้ำเชี่ยว อ่านเพิ่มเติม

รวม 7 ที่เที่ยวเด็ดๆของหนองบัวลำภู

พูดถึงหนองบัวลำภู..คุณคิดถึงอะไร? ถ้าคุณเป็นอีกคนที่อยากลองเปิดประสบการณ์ใหม่ๆ ลองไปเที่ยวสถานที่ใหม่ๆ จังหวัดใหม่ๆ ลองมาเที่ยวหนองบัวลำภูดูไหม! บางทีคุณอาจหลงเสน่ห์เมืองนี้ก็ได้ แอดมินรวม 7 ที่เที่ยวเด็ดๆของหนองบัวลำภูมาให้ดูกัน อยากรู้ว่ามีที่ไหนบ้างต้องตามมาๆ 1.อุทยานแห่งชาติภูเก้า-ภูพานคำ  พื้นที่ครอบคลุมริมทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ จังหวัดขอนแก่น เชิงเขาภูพานคำ เขตอำเภอโนนสัง จังหวัดหนองบัวลำภู มีจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจ 2 แห่ง คือ ภูเก้าและภูพานคำ  ภูพานคำ เป็นทิวเขาด้านตะวันออกของลุ่มน้ำพอง และเป็นส่วนหนึ่งของเทือกเขาภูพาน ตอนบนมีทัศนียภาพที่สวยงามของทะเลสาบเหนือเขื่อนอุบลรัตน์ นักท่องเที่ยวสามารถพักแรมโดยกางเต็นท์เต็นท์ บ้านพักอุทยานฯหรือพักบริเวณศาลาพักแรมของกรมประชาสงเคราะห์บริเวณทะเลสาบท้ายเขื่อนอุบลรัตน์ ภูพานคำนี้เป็นแหล่งเพาะพันธุ์ปลาและเป็นแหล่งตกปลาที่มีชื่อเสียงของจังหวัด  ส่วนภูเก้า ประกอบด้วยภูเขา 9 ลูก คือ ภูฝาง ภูขุมปูน ภูหัน ภูเมย ภูค้อหม้อ ภูชั้น ภูเพราะ ภูลวก และภูวัด ทั้ง 9 ลูกนี้มีความสลับซับซ้อนมาก ประกอบด้วยป่าไม้ สัตว์ป่านานาชนิด ถ้ำ น้ำตก ลานหินลาด และหินลักษณะแปลกๆ มีภาพแกะสลักของมนุษย์ยุคก่อนประวัติศาสตร์ มีศาลาบนยอดหินที่เรียกว่าหอสวรรค์ สามารถชมวิวได้ นอกจากนี้ยังมีวัดพระพุทธบาทภูเก้า ซึ่งปรากฏรอยเท้าคนและสุนัขขนาดใหญ่สลักบนหินอันเกี่ยวโยงกับนิทานพื้นบ้านเรื่อง พระสุพรหมวิโมขากับหมาเก้าหาง 2.อ่างเก็บน้ำห้วยวังผา ตั้งอยู่หมู่ที่ 5 บ้านไทยนิยม ต.วังทอง อ.นาวัง แยกจากทางหลวงหมายเลข 210 หนองบัวลำภู-เลย ถึงหลัก กม.34 เลี้ยวซ้าย (มุ่งหน้าไปทางจังหวัดเลย) เข้าไปประมาณ 3 ก.ม. จะพบเห็นอ่างน้ำขนาดใหญ่ ซึ่งมีทัศนียภาพที่งดงามมีภูเขาล้อมรอบมองเห็นดอกไม้เบ่งบานตามสันอ่าง ฝูงนกจำนวนมากที่บินมาอาศัยที่ภูชำน้อย เหมาะแก่การล่องแพชมนก ชมไม้ และทิวทัศน์ ปัจจุบันมีเรือนแพให้บริการแก่นักท่องเที่ยวกว่า 60 เรือน พร้อมด้วยอาหารและเครื่องดื่มครบครัน สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมติดต่อ อบต.วังทอง โทร. 042 315 865 3.วัดถ้ำกลองเพล  ตั้งอยู่ในเขตอำเภอเมือง เป็นวัดป่าที่มีชื่อเสียงของจังหวัดหนองบัวลำภู มีพื้นที่ขนาดใหญ่เต็มไปด้วยธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ มีหน้าผาที่มองเห็นวิวทิวทัศน์ที่สวยงาม ภายในถ้ำเคยเป็นสถานที่ปฏิบัติธรรมของพระอาจารย์หลวงปู่ขาวอนาลโย ปี 2526 มีการสร้างพิพิธภัณฑ์อัฐบริขารของหลวงปู่ขาวให้พุทธศาสนิกชนทั่วไปสักการะ การเดินทางจากตัวเมืองตามทางหลวงหมายเลข 210 (เส้นหนองบัวลำภู-อุดรธานี) ไปประมาณ 15 กิโลเมตร 4.ถ้ำผาเจาะ  ตั้งอยู่หมู่ที่ 2 บ้านผาเจาะ ต.เทพคีรี อ.นาวง จ.หนองบัวลำภู เป็นถ้ำที่มีลักษณะเหมือนถูกเจาะหน้าผา แต่จริงๆ แล้วเกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ เมื่อขึ้นไปด้านบนแล้วจะสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์บริเวณบ้านผาเจาะและอำเภอนาวังได้ บนยอดถ้ำผาเจาะมีองค์พระองค์ใหญ่ประดิษฐานอยู่เพื่อให้ผู้คนได้กราบไหว้บูชา ภายในถ้ำเข้าไปชมด้วยความลำบากเนื่องจากภายในถ้ำเป็นหุบเหว ตามตำนานเล่ากันว่า ในสมัยที่สร้างพระธาตุพนมมียักษ์กุมภัณฑ์ตนหนึ่งเตรียมสิ่งของใส่ตะกร้าไว้มากมายเพื่อจะมาบรรจุในพระธาตุพนม แต่ระหว่างทางได้พบกับยักษ์อีกตนที่ผาเจาะแห่งนี้ยักษ์ตนนั้นแจ้งว่า พระธาตุพนมสร้างเสร็จแล้ว ยักษ์กุมภัณฑ์เสียใจมากจึงทิ้งตะกร้าไว้ที่นี่ก็เลยกลายเป็นผาเจาะ การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 210 (อุดรธานี-นาวัง) ห่างจากตัวเมืองหนองบัวลำภูประมาณ 40 กิโลเมตร พอถึงบ้านผาเจาะให้แยกซ้ายเข้าไปวัดพุทธบรรพตประมาน 500 เมตร 5.สิมไม้วัดเจริญทรงธรรม  ตั้งอยู่บ้านดอนปอ ตำบลหนองบัวใต้ อำเภอศรีบุญเรือง เป็นสิมที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง รูปร่างกะทัดรัด ขนาดกว้างและยาวไล่เลี่ยกัน หลังคาสูงโปร่งทำให้บรรยากาศภายในเย็นสบาย มีลวดลายแกะสลักไม้สวยงามทั้งบนหลังคาและหน้าจั่วที่แกะสลักเป็นรูปพญาครุฑ การเดินทางมาสิมไม้วัดเจริญทรงธรรม ใช้เส้นทางหนองบัวลำภู-สร้างเสี่ยน ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 30 กิโลเมตร 6.ถ้ำเอราวัณ  ตั้งอยู่บ้านผาอินแปลง ต.วังทอง อ.นาวัง และรอยต่อของ อ.วังสะพุง จ.เลย ตั้งอยู่บนเขาที่มีลักษณะเป็นหินแข็งที่มีกระจายอยู่ทั่วไป ซึ่งถ้ามองจากที่ไกลๆจะเห็นมีลักษณะเหมือนช้างกำลังหมอบ เป็นถ้ำขนาดใหญ่มีบันไดเรียงคดโค้งไปมา จากเชิงเขาเบื้องล่างขึ้นสู่ปากถ้ำกว่า 600 ขั้น มีพระพุทธรูปขนาดใหญ่ อยู่บริเวณปากถ้ำ มองเห็นได้เด่นชัดจากระยะไกล ภายในถ้ำเป็นห้องโถงขนาดใหญ่ ที่เป็นสถานที่แห่งตำนานนิยายพื้นบ้านเรื่อง “นางผมหอม” มีหินงอกหินย้อยสวยงาม หลวงพ่อพระพุทธชัยศรีมุนีศรีโลกนาถอันเป็นพระพุทธรูปศักดิ์คู่บ้านคู่เมือง หรือจะเป็นบันไดสวรรค์ซึ่งเป็นบันไดที่จะพบตอนเดินขึ้นไปยังถ้ำ 621 ชั้นที่ลัดเลาะเลี้ยวไปตามไหล่เขาพร้อมศาลาพักชมวิวทั้งหมด 3 แห่งตลอดเส้นทางนั้น อีกทั้งยังมีกองหินวงเป็นรูปร่างคล้ายเจดีย์โดยมีเรื่องเล่าต่อๆกันมาเป็นความเชื่อว่าถ้าหากใช้หินมาก่อเป็นรูปเจดีย์ 9 ชั้นแล้วจะนำความโชคดีมาให้ เมื่อได้ขึ้นมาที่บริเวณบนหลังคาถ้ำก็จะได้พบกับปล่องดาว 3 ปล่องที่แสงสว่างสามารถส่องลอดเข้ามาถึงได้ เมื่อเดินต่อมาเรื่อยๆก็จะพบกับหินรูปพญาช้างนั่งคุกเข่าซึ่งมีเรื่องเล่าสืบต่อถึงที่มาว่าพญาช้างได้ตรอมใจตายและสาปตัวเองให้เป็นหิน นอกจากนี้ยังมีหินรูปทรงต่างๆอีกมากมาย อาทิ หินนางผมหอม เห็ดหิน อ่างหิน เป็นต้น 7.วัดถ้ำสุวรรณคูหา  หรือชาวในพื้นที่เรียกว่า “วัดถ้ำ” เป็นโบราณสถานที่สำคัญทางประวัติศาสตร์และทางโบราณคดีของจังหวัด วัดตั้งอยู่บริเวณภูเขาลูกหนึ่งภายในมีถ้ำน้อยใหญ่หลายถ้ำ ถ้ำที่สำคัญได้แก่ ถ้ำใหญ่ ถ้ำแจ้ง ถ้ำมือและถ้ำแก้ว เวลาเข้าถ้ำจะต้องผ่านถ้ำใหญ่ก่อนเสมอและใช้เป็นวิหารของวัด มีพระพุทธรูปปูนปั้นต่างๆ ประดิษฐานอยู่จำนวนหลายองค์ ที่สำคัญคือ พระพุทธไสยาสน์ ขนาดยาว 7 วา 2 ศอก มีพระปรมาภิไธยย่อของพระเจ้าแผ่นดินและพระราชวงศ์หลายพระองค์ รวมถึงโบราณวัตถุและรูปพระเจ้าไชยเชษฐาแห่งเมืองเวียงจันทน์ด้วย สำหรับผู้ที่สนใจต้องการเข้าเยี่ยมชมสามารถติดต่อสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมไปยัง วัดถ้ำสุวรรณคูหา บ้านคูหาพัฒนา หมู่ที่ 7 ต.นาสี อ.สุวรรณคูหา เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.30 – 16.30 น.

รวม 7 ที่เที่ยวเด็ดๆของหนองบัวลำภู อ่านเพิ่มเติม

ถ้ำมอง…มองถ้ำ! @ถ้ำเลสเตโกดอน

การเข้าชมภายในถ้ำต้องติดต่อล่วงหน้าที่ อบต.ทุ่งหว้า ที่เบอร์ 084-858-5100 ก่อนนะคะ เนื่องจากต้องเช็คระดับน้ำขึ้น-น้ำลงในแต่ละวัน ซึ่งบางวันก็อาจจะเข้าได้ช่วงเช้า หรือช่วงเย็น แต่วันที่เราไปคือช่วงบ่ายค่ะ ถือว่าวันนั้นมีนักท่องเที่ยวเยอะพอสมควร การเข้าชมถ้ำต้องนั่งเรือยางเข้าไป ระยะทางในถ้ำประมาณ 3-4 กิโลเมตร ใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมง ถือว่าเป็น 3 ชั่วโมงที่ตื่นตา ตื่นใจ เพราะจะเห็นหินงอก หินย้อยรูปทรงต่างๆ และก็ซากฟอสซิลด้วยค่ะการเตรียมตัวก่อนเข้าถ้ำ-ใส่เสื้อผ้าและรองเท้าที่พร้อมเปียก เพราะบางช่วงเป็นน้ำตื้น มีสลับเดิน เปลี่ยนอิริยาบท แก้เมื่อยกันบ้างค่ะ-อุปกรณ์กล้อง/เครื่องมือสื่อสาร ต้องมีถุงกันเปียกด้วยนะคะ (เอาแบบกันน้ำเข้า ไม่ใช่กันน้ำออกนะคะ อิอิ)-ทางเจ้าหน้าที่จะเตรียมไฟฉาย หมวกกันกระแทกและชูชีพให้ควรสวมใส่ชูชีพตลอดระยะเวลาการเข้าชมเพื่อความปลอดภัย เพราะที่นี่จะเน้นความปลอดภัยของนักท่องเที่ยวเป็นหลัก-ถ้ํานี้ไม่เหมาะสําหรับเด็กเล็กนะคะ เพราะข้างในมืดมาก และบางช่วงถ้าน้ําขึ้น ระดับน้ําจะสูงพอสมควรค่ะ นักท่องเที่ยวทุกๆคณะ พร้อมเพรียงกันปากทางเข้าถ้ำ เพื่อเตรียมตัว โดยมีเจ้าหน้าที่นัดแนะการปฏิบัติตัวระหว่างการเข้าชม เรือลำหนึ่งจะนั่งได้ 2 คน มีเจ้าหน้าพายเรือให้ทุกลําค่ะ แล้วก็จะมีเจ้าหน้าที่เล่าถึงประวัติความเป็นมาของถ้ำนี้ ได้รู้อะไรใหม่ๆ เยอะมากค่ะ เริ่มเข้าถ้ำแล้วค่ะ มันมืดมาก ปิดไฟแล้วมองไม่เห็นอะไรเลยจริง ๆ “อันดวงตาของฉันมันมืดมิด” แล้วเพลงนี้ก็ลอยมา ~~ แต่อากาศในถ้ำนี้ถือว่าไม่ร้อน เย็นสบายค่ะ อากาศถ่ายเทได้สะดวก ระหว่างทางเราก็จะเจอหินงอก หินย้อยรูปแบบที่สวยงามแตกต่างกัน แล้วแต่จินตนาการของแต่ละคน แต่ละจุดเจ้าหน้าที่หยุดเรือให้พวกเราได้ถ่ายรูปเป็นที่ระลึกกันค่ะ บรรยากาศระหว่างทาง สู่ความเว้งว้างอันไกลโพ้น ช่วงแรกๆอาจจะพอมีเปลี่ยนอิริยาบทให้ได้ลุกเดินบ้างแต่ช่วงหลังๆ นี่นั่งกันยาวๆเลยค่ะ นั่งไปซักพักเราก็เริ่มรู้สึกมีอะไรบางอย่าง ที่ขาของเรา อ่อ!! เหน็บกินนั่นเองค่ะ ฮ่าๆๆ และแล้วเราก็ได้เห็นแสงสว่างที่ปลายอุโมง แต่เดี๋ยวก่อนค่ะ เรายังไม่ได้ขึ้นเรือตรงนี้ มีจุดนึงที่เจ้าหน้าที่จะพาไปชมกัน แท่นแท๊น!! และนี่ก็คือฟอสซิล นอติลอยด์เป็นสัตว์น้ำดึกดำบรรพ์จำพวกเดียวกับปลาหมึกโบราณ ที่พบในผนังถ้ำแห่งนี้ ถึงแล้วค่ะ ทางออกของเรา ก่อนเข้าถ้ำเจ้าหน้าที่ ได้ตั้งชื่อเรียกว่า ตามหาหัวใจที่ปลายอุโมงค์ เพราะปลายถ้ำคล้ายรูปหัวใจ ก็เป็นสตอรี่เล็กๆของถ้ำนี้ได้ค่ะ (มองเห็นเป็นหัวใจมั้ยคะ) ออกจากถ้ำปุ๊บ ยังค่ะการเดินทางของเรายังไม่จบ หลังจากออกมาสู่โลกภาพนอก เราก็ นั่งเรือกันต่อผ่านป่าโกงกาง คล้ายๆป่าอเมซอน บรรยากาศเงียบและสดชื่นมากๆค่ะ ปิดท้ายกันด้วยนี้ค่ะ แอบถ่ายเจ้าหน้าท่านนี้ที่ให้ความรู้คำแนะนำนักท่องเที่ยวในเดินทางครั้งนี้ อีกทั้งเป็นตากล้องถ่ายรูปหมู่ให้กลุ่มเราด้วยค่ะ …  จากเรือพายเราก็เปลี่ยนมาเป็นเรือหัวโทง ขึ้นบกที่ท่าเรือท่าอ้อย เป็นอันสิ้นสุดการผจญภัยในครั้งนี้

ถ้ำมอง…มองถ้ำ! @ถ้ำเลสเตโกดอน อ่านเพิ่มเติม

วันหยุดสุดชิวที่…Terrace Dontum

วันนี้แอดมินขอแนะนำร้านอาหารในจังหวัดนครปฐม ขับรถไม่เกิน 1 ชั่วโมงก็ไปถึงแล้ว Terrace Dontum Cafe & Restaurant เป็นร้านอาหารสไตล์โฮมเมด บรรยากาศร่มรื่น เหมือนเป็น “โอเอซิสแห่งนครปฐม” ภายในร้านร่มรื่นเต็มไปด้วยต้นไม้นานาชนิด มีน้ำตกเล็กๆและบ่อปลาคาร์ฟ ทำให้บรรยากาศภายในร้านดูเย็นสดชื่นมากยิ่งขึ้น การตกแต่งร้านเป็นสไตล์เรียบง่าย เน้นไปทางวินเทจ มีมุมให้นั่งเล่นและถ่ายรูปเก๋ๆ เมนูอาหารสไตล์ฟิวชั่นของทางร้านมีทั้งไทยและเทศ ที่ปรุงอย่างพิถีพิถันเพื่อให้รสชาติถูกปากคนไทยมากที่สุด เมนูที่ทางร้านกระซิบมาว่าอยากให้ลูกค้าได้ลองชิมคือ สเต็กกระพงยำส้มโอ ที่นำส้มโอ ผลไม้ประจำจังหวัดนครปฐมมาทำเป็นเมนูอาหารฟิวชั่นได้อย่างลงตัว กินคาวแล้วต้องปิดท้ายด้วยของหวานค่ะ เดี๋ยวจะไม่ครบสูตร ทางร้านมีเมนูของหวานให้เลือกแบบละลานตา แต่ขนมซิกเนเจอร์ของทางร้านคือ โรลมะพร้าว โรลเนื้อเค้กนุ่ม คลุมด้วยครีมสดสีขาว สอดไส้มะพร้าวอ่อน ที่คุณแม่ของเจ้าของร้านเคี้ยวเองกับมือ ถ้าใครอิ่มจากของคาวมาแล้ว และมาถึงร้านช่วงบ่ายๆ สามารถมานั่งดื่มด่ำธรรมชาติ พร้อมจิบชาไปด้วยก็ดีไม่ใช่น้อย เพราะทางร้านมีชุดน้ำชาพร้อมขนมให้บริการ แต่ถ้าอยากได้อะไรคลายร้อน ต้องจัดเมนูเครื่องดื่มเย็นๆไปเลย ไม่ว่าจะเป็น สมูทตี้ ชา หรือกาแฟต่างๆ ที่ทางร้านตั้งใจคัดสรรวัตถุดิบที่ดีที่สุดมาให้ลูกค้า Terrace Dontum ตั้งอยู่ที่ หมู่ 1 (สี่แยกทุ่งพิชัย) ตำบลห้วยพระ อำเภอดอนตูม จังหวัดนครปฐมเปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 20.00 น.ใครสงสัยเรื่องการเดินทางดูตามแผนที่นี้ได้เลยค่ะ หรือสอบถามได้ที่เบอร์ 085 677 7727 ให้ Terrace Dontum เป็นอีกตัวเลือกของการพักผ่อนในวันหยุดของทุกคนนะคะ

วันหยุดสุดชิวที่…Terrace Dontum อ่านเพิ่มเติม

5 เมนูแซ่บ! กินได้ที่เมืองจันท์

5 เมนูแซ่บ! กินได้ที่เมืองจันท์ จันทบุรี เมืองติดชายทะเล นอกจากอาหารทะเลที่สดใหม่ที่หากินได้ในราคาไม่แรงเหมือนเมืองท่องเที่ยวอื่นๆแล้ว เมืองจันท์ยังมีอาหารแซ่บๆ ที่อยากจะแนะนำออเจ้าให้ไปลองลิ้มชิมรสกัน ร้านแรกที่จะพามาชิม คือ จันทรโภชนา มาที่เมนูแรก “แกงหมูขิงแห้ง”  แม้จะใช้ชื่อว่า “แกง” แต่ไม่มีน้ำแกงนะ พอเจอของจริงกลับเป็นหมูสับผัดเครื่องแกงแต่ไม่มันเยิ้ม รสชาติเผ็ด ร้อน แซ่บ ควันออกหูมีส่วนผสมของขิงและพริกไทยอ่อนช่วยลดน้ำหนัก (ควรกินไป 5 จาน) ขับลมดีเลิศ สนใจไปชมแนะนำให้ไปที่ “จันทรโภชนา” ร้านเก่าแก่คู่เมืองจันมากว่า 50 ปี พิกัดhttps://goo.gl/maps/CxwqTvzDhhA2 เมนูแซ่บถัดมา “ตำผักกูด” ไม่ใช่ ยำ แต่เอาผักกูดมา ตำ ไม่ต้องกลัวว่าผักจะชอกช้ำเพราะเค้าตำกำลังเหมาะ รสชาติของผักกูดผสมผสานด้วยกุ้งสดหวานชิ้นพอดีคำบวกกับน้ำมะนาว จากมะนาวสดที่ใส่มาเต็มแบบไม่หวงของทำให้อาหารจานนี้มีรสชาติแซ่บหอมมะนาว กินชาตินี้ฟินไปถึงชาติหน้าสนใจไปตามหาความฟินกันที่นี่เลย “ร้านส้มตำเจ๊เก๋อ” พิกัด https://goo.gl/maps/gNKEpPrCG4S2 เวลาไปเมืองจันท์ แอดมินอยากจะแนะนำ ออเจ้าว่าตอนเย็นๆ ให้ไปเดินตลาดน้ำพุเพื่อสรรหาของกินกันให้อิ่มหนำสำราญ เพราะแอดไปมาแล้วพบเจอของเด็ด นั่นคือ “ข้าวคลุกพริกเกลือ” เจ้าอร่อยที่ร้าน“ก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิก” พิกัดhttps://goo.gl/maps/XrTMqxC8yGy  ข้าวสวยคลุกด้วยน้ำจิ้มซีฟู้ด (คนจันเค้าเรียกพริกเกลือ) ผสมผสานด้วยกุ้งลวกตัวใหญ่ หมูชิ้นพอดีคำ ปลาหมึกสดเด้งๆ บวกด้วยไข่ต้มไข่แดงสีจัด จากนี้ตามไปกินกันได้ที่ตลาดน้ำพุช่วงเย็นๆ ประมาณ 4-5 โมง ออกมาหาของแซ่บนอกเมืองกันบ้างมุ่งหน้าไปทาง อ.ท่าใหม่ หาก๋วยเตี๋ยวกั้งต้มยำแซ่บๆ กินกัน เมืองนี้เค้าอยู่ริมเลกั้งสดหายห่วง ก๋วยเตี๋ยวกั้งชามนี้ไม่ได้มีแต่กั้งแต่ยังมีน้องกุ้งมาแจมด้วยเรียกว่าสั่ง 1 ได้ 2 แถมมะนาวมาให้บีบเองให้ฟินไม่ต้องพึ่งพามะนาวขวด สนใจฟินมาที่ “ร้านก๋วยเตี๋ยวมังกร” อยู่ อ.ท่าใหม่ พิกัดนี้เลยhttps://goo.gl/maps/ntXCkqvdeBn กระเถิบต่อจากท่าใหม่มาชมวิวกันแถวเนินนางพญาเส้นทางจักยานแสนสวย ขี่จักรยานเหนื่อยๆ หิวโซแล้วแวะกินหมึกย่างโดนๆ ได้ที่รถเข็นป้าจูหมึกแดดเดียว อยู่ใกล้ๆ ทางขึ้นจุดชมวิวเนินนางพญา หมึกขาวๆ ย่างหอมๆ รสแซ่บจิ๊ดจ๊าด สดเด้งดึ๋ง สนใจมาลองชิม จอดตรงนี้เลยนะ https://goo.gl/maps/nZsYH9o8pdt แซ่บกันไปครบ 5 ที่แล้ว แอดมินขออำลาไปหา (ของ) กิน ที่อื่นๆ มานำเสนอต่อในคราวหน้านะจ๊ะ

5 เมนูแซ่บ! กินได้ที่เมืองจันท์ อ่านเพิ่มเติม

เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย 2561

เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย 2561 วันที่ 23-25 มีนาคม 2561 ณ โรงเรียนนายสิบทหารบก อำเภอหัวหิน จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ กิจกรรมภายในงาน – ชมว่าวหลากหลายชนิดจากทั่วทุกภูมิภาคของโลกมากกว่า 10 ประเทศ อาทิ อิตาลี สวิตเซอร์แลนด์ เยอรมัน ฝรั่งเศส ญี่ปุ่น มาเลเซีย สิงคโปร์ จีน ไต้หวัน นิวซีแลนด์ เป็นต้น พิเศษกับว่าวซุปเปอร์ฮีโร่ ว่าวคาร์แรคเตอร์ในหนังการ์ตูน ว่าวรูปทรงเลขาคณิต ที่มีสีสันสวยงาม – ชมการแสดง Revolution kite แปรอักษรประกอบดนตรี – Stunt Kite ที่บินด้วยความเร็วสูง โชว์ทักษะการบินขั้นสูงระดับ Champion จากประเทศญี่ปุ่น – ชมการแสดงว่าวประกอบแสงเสียง (Night Fly) ในยามค่ำคืน – ชมการต่อสู้ความเป็นเอกลักษณ์ของว่าวไทย จุฬา-ปักเป้า ประกอบดนตรี – Kite Exhibition นิทรรศการที่เล่าเรื่องราวว่าวไทยแบบสนุกๆ ให้ได้รู้ภูมิปัญญาไทย ***ศิลปะว่าวสนุกและกิจกรรม DIY (Kite Art Fun)*** – กิจกรรมภาพว่าว..เราวาด (Kite kid paint) กิจกรรมเรียนรู้การทำว่าวด้วยตัวเอง การวาดภาพระบายสีภาพบนว่าว – Boomerang Workshop เรียนรู้การทำบูมเมอแรง และวิธีการร่อนบูมเมอแรงให้หมุนกลับมาหาตัว – Wind Garden กิจกรรมประดิษฐ์สวนศิลป์ โดยใช้ว่าวและวัสดุต่างๆ ที่เคลื่อนไหวได้ด้วยลม ทำให้เกิดเสียง เช่น กังหัน โมบาย กระดิ่ง ฯลฯ และชมการตกแต่ง wind garden ระดับมืออาชีพ – Family Fun Kite พื้นที่สำหรับครอบครัวให้ได้เล่นว่าวอย่างสนุกสนาน – Ring side Kite Tour กิจกรรมที่ให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมว่าวในสนามได้อย่างใกล้ชิด และถ่ายรูปนักบินว่าวระดับโลก ***Food Truck & Music*** อิ่มอร่อยกับเมนู Signature ของหัวหิน จาก Food Truck ช็อปสินค้า OTOP จากชุมชน พร้อมฟังเพลงสบายๆ ผ่อนคลาย สไตล์หัวหิน ***ตลาดว่าว (Kite Weekend Market)*** ตลาดนัดว่าวที่ใหญ่ที่สุด มีว่าวหลากหลายชนิดมาจำหน่ายในราคาถูกและสามารถนำมาเล่นในสนามได้

เทศกาลว่าวนานาชาติประเทศไทย 2561 อ่านเพิ่มเติม

เกาะหมู…ที่ไม่มีหมู

เกาะสุกร อำเภอปะเหลียน จังหวัดตรัง ชายหาดนิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว ความน่ารักของชุมชนที่นี่ คือ การดึงวิถีชีวิตดั้งเดิม “การซอนา” (ลงแขก) กลับมาพัฒนาชีวิตและความเป็นอยู่อีกครั้ง ทำให้ช่วยลดปัญหาค่าแรง ค่าปุ๋ย ค่าพันธ์พืช ฯลฯ ขอบคุณภาพจาก Facebook Page : เสือขู่คำราม สัณห์พานิชกิจ ชุมชนที่นี่ปลูกข้าวกินเอง ทำปุ๋ยหมัก เกษตรอินทรีย์ ฯลฯ ความยั่งยืนหลายอย่างกำลังตามมาเพราะเกิดจากการเรียนรู้จากการทำโครงการต่างๆแบบพึ่งพาตนเอง ขอบคุณภาพจาก Facebook Page : เสือขู่คำราม สัณห์พานิชกิจ ถ้าอยากจะเที่ยวไทยเท่แบบน้องนาย นภัทร ก็ต้องลงให้ลึก ลองให้รู้ เพราะดูอย่างเดียวมันไม่มันส์!!! ฝูงควายน้ำ ที่มีชื่อเสียงมากของเกาะสุกรคือการปลูกแตงโมนี่แหละ โดยจะมีมากในช่วงเดือนมีนาคม-เมษายน ของทุกปี ชาวบ้านกำลังช่วยกับเตรียมจัดส่ง ส่วนพวกเราก็กำลังช่วยกันชิม ^^ ที่ห้ามพลาดด้วยประการทั้งปวง…คือการทำ D.I.Y. เพ้นท์ผ้าบาติก เพื่อเป็นของที่ระลึกหรือของฝากเก๋ๆแบบฉบับ Do it yourself ปิดท้ายด้วยวิวพาโนราม่า แบบ 360 องศา สุดลูกหูลูกตา

เกาะหมู…ที่ไม่มีหมู อ่านเพิ่มเติม

2 วัน 1 คืน จากละโว้ สู่ลพบุรี

2 วัน 1 คืน จาก “ละโว้” สู่ “ลพบุรี” Day 1– พระนารายณ์ราชนิเวศน์– ร้านก๋วยเตี๋ยวล้วน– วัลลภาฟาร์มสเตย์– ร้านมัดหมี่อาหารไทย Day 2– ร้านตี๋ลูกชิ้น– วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ลพบุรี– ตลาดบ้านดินมดแดง– พระที่นั่งไกรสรสีหราช การเดินทางไป ลพบุรี จากกรุงเทพมีให้เลือกหลายวิธีรถยนต์ส่วนตัว จากกรุงเทพฯ ไปตามถนนพหลโยธิน เส้นทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรี อำเภอพระพุทธบาท เข้าสู่ จังหวัดลพบุรี ระยะทางประมาณ 153 กิโลเมตร  รถตู้ สามารถไปขึ้นที่สถานีขนส่งหมอชิต 2 ถนนกำแพงเพชร 2 ทุกวัน วันละหลายเที่ยว  รถไฟ มีบริการรถไฟออกจากสถานีรถไฟกรุงเทพ (หัวลำโพง) ไปยังจังหวัดลพบุรีทุกวัน สามารถสอบถามข้อมูลการเดินทางและราคาตั๋วโดยสารของการรถไฟแห่งประเทศไทยได้ที่หมายเลขโทรศัพท์ 1690 ทุกวัน ตลอด 24 ชั่วโมง เอาล่ะ ไฮไลท์สำคัญของทริปนี้คือ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ (พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์) เนื่องจากละครบุพเพสันนิวาสที่กำลังมาแรงอยู่ในตอนนี้ มีการกล่าวถึงแผ่นดินสมัยสมเด็จพระนารายณ์ แอดมินเลยจะพาไปเยี่ยมชมพระราชวังของท่านกัน สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดเกล้าฯ ให้สร้างพระราชวังแห่งนี้ขึ้น เมื่อ พ.ศ. 2207 ต่อมาได้รับการบูรณะและสร้างพระที่นั่งเพิ่มเติมในสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าอยู่หัว รัชกาลที่ 4 และพระราชทานนามว่า “พระนารายณ์ราชนิเวศน์ “ เป็นพระราชวังที่มีลักษณะสถาปัตยกรรมแบบไทยผสมตะวันตก ปัจจุบัน พระที่นั่งพิมานมงกุฎ พระที่นั่งจันทรพิศาล และหมู่ตึกพระประเทียบบางหลังใช้เป็นอาคารจัดแสดงของพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ภายในพระนารายณ์ราชนิเวศน์ ประกอบด้วยโบราณสถานสำคัญๆ เช่น พระที่นั่งดุสิตสวรรค์ธัญมหาปราสาท ตึกพระเจ้าเหา อาคารสิบสองท้องพระคลัง ฯลฯ สามารถเข้าไปศึกษาและถ่ายภาพสวยๆ กันได้จ้ะ  แต่ที่สำคัญ เราต้องระลึกไว้เสมอว่า สถานที่แห่งนี้เคยเป็นที่ประทับของพระเจ้าแผ่นดินในอดีต ต้องสำรวม ไม่แสดงกริยาไม่เหมาะสมนะทุกคน พระนารายณ์ราชนิเวศน์ เปิดวันพุธ-อาทิตย์ ตั้งแต่ 8.30-16.30 หยุดวันจันทร์-อังคาร วันหยุดนักขัตฤกษ์ และวันหยุดชดเชยค่าเข้าชม คนไทย 30 บาท พระภิกษุ สามเณร นักเรียน นักศึกษาในเครื่องแบบและผู้สูงอายุ 60 ปีขึ้นไป ไม่เก็บค่าเข้าชม พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ ภายในห้องจัดแสดงพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ เศียรพระพุทธรูปทรงเครื่องสำริด สมัยอยุธยาตอนกลาง พุทธศตวรรษที่ 21-22 พบที่วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ อำเภอเมือง จังหวัดลพบุรี ร้านก๋วยเตี๋ยวล้วน อร่อย”ล้วนๆ” ไม่มีอย่างอื่นผสมเดินเที่ยวในพระนารายณ์ราชนิเวศน์มาสักพัก เหลือบมองดูนาฬิกาอีกทีก็เป็นเวลาเที่ยงแล้ว ไปทานก๋วยเตี๋ยวกันดีกว่า อยากทานก๋วยเตี๋ยวร้านดังของลพบุรี ก็ต้องไปร้าน “ล้วน”ร้านล้วน ตั้งอยู่ที่วนเวียนสระแก้ว หน้าบขส.ลพบุรีเปิดทุกวัน 10.30 – 23.00 น. ร้านล้วนขายก๋วยเตี๋ยวลูกชิ้นเนื้อ ลูกชิ้นหมู เนื้อสด เนื้อเปื่อย ซึ่งต้องบอกเลยว่าเด็ด เพราะน้ำซุปกลมกล่อม ลูกชิ้นเนื้อเด้งๆ ตับนุ่มๆ ที่สำคัญเนื้อเปื่อย เปื่อยสมชื่อ นุ่มกำลังดี ส่วนอาหารทานเล่นของทางร้านคือ ลูกชิ้นปิ้ง ที่แตกต่างจากร้านอื่น ตรงที่ทาซอสที่มีส่วนผสมของสมุนไพรต่างๆ ทำให้ลูกชิ้นหอมน่ารับประทาน ยิ่งทานกับน้ำจิ้มรสเผ็ดหวาน ยิ่งอร่อยเข้าไปอีก วัลลภาฟาร์มสเตย์อิ่มเอิมกับ อาหารมื้อเที่ยงแล้ว อยากไปหาที่นั่งสบายๆ พักเรื่องประวัติศาสตร์ไว้ก่อน ออกนอกเมืองไปที่ วัลลภาฟาร์มสเตย์ แหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ตั้งอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า ทุ่งนาเขียวๆ สูดอากาศบริสุทธิ์ สดชื่นๆ มีกิจกรรมหลากหลายให้ทำ เช่น ขี่ม้า นั่งรถอีแต๋นชมทุ่ง ทำไข่เค็มดินสอพอง การสาธิตการทำนา เก็บไข่ไก่จากฟาร์ม การปั้นดิน การทำสบู่แบบง่ายๆ หรือจะนั่งรถม้าไปไหว้พระที่วัดใกล้ๆก็ยังได้ ภายในยังมีร้านอาหาร โซนเครื่องดื่ม และเค้กชนิดต่างๆ ให้ได้แวะมาทานได้ทุกวัน วัลลภา ฟาร์มสเตย์ เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00-20.00 น.  ส่วนของที่พัก มีโซนริมน้ำ ริมทุ่ง และห้องพักสำหรับหมู่คณะที่รองรับได้สูงสุด 6 คน ในราคากันเอง  สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม โทร. 082 717 5633facebook: วัลลภาฟาร์ม ร้านมัดหมี่เมื่อทำกิจกรรมที่ท้องทุ่งนามาแล้ว เย็นนี้มาลองทานอาหารไทยพวนบ้างดีกว่า ร้านมัดหมี่ ร้านเก่าแก่ของเมืองลพบุรี มีเมนูอาหารพื้นบ้านตามแบบฉบับไทยพวน เมนูเด็ดของร้านมีหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็น แกงคั่วเห็ดเผาะ ปลาร้าสับ ปลาส้มทอด ปูหลน ปลาส้มฟักทอดเนื้อแน่น เปรี้ยวกำลังพอดี ทานคู่กับเครื่องเคียงที่ให้มายิ่งอร่อยกลมกล่อม ร้านมัดหมี่ ตั้งอยู่ที่ถนนพระศรีมโหสถ ใกล้กับพระบรมราชานุสาวรีย์สมเด็จพระนารายณ์มหาราชเปิดทุกวัน 10.00 – 14.00 น. และ 17.00 – 22.00 น แกงคั่วหอยขมเห็ดเผาะ รสชาติกลมกล่อม เผ็ดกำลังดี เข้ากันกับความมันและเนื้อแน่นๆของเห็ดเผาะ เห็นหน้าตาสีดำๆแบบนี้ เห็ดเผาะมีสรรพคุณมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ช่วยบำรุงร่างกาย รักษาอาการช้ำใน ลดอาการบวมหรืออักเสบ และแก้ร้อนใน เมื่อทานอาหารเย็นเสร็จ เข้าที่พัก พักเก็บแรงไปเที่ยวต่อวันถัดไป  ตี๋ลูกชิ้น หลังจากนอนหลับเต็มอิ่ม แต่ท้องนั้นดันหิว หาอะไรรองท้องก่อนไปเที่ยวกันต่อดีกว่า แถวๆ สถานีขนส่งลพบุรี กับ “ร้านตี๋ลูกชิ้น”  ร้านเปิดตั้งแต่เช้าทุกวันเวลา 06.00-16.00 น. มีเมนูข้าวมันไก่ ข้าวขาหมู แต่ทีเด็ดอยู่ที่ลูกชิ้น ที่ทั้งหอม ทั้งเด้ง และนุ่มมาก หรือจะลองสั่งเกาเหลาลูกชิ้นล้วนสักชาม ที่น้ำชุบหวานน้ำต้มกระดูกหมู กลมกล่อมกำลังพอดี กินกับข้าวมันไก่

2 วัน 1 คืน จากละโว้ สู่ลพบุรี อ่านเพิ่มเติม

อีสานแซ่บนัว ร้านเด็ดอุดรธานี

อีสานแซ่บนัว ร้านเด็ดอุดรธานี 5 ร้านเด็ด ตามรอยป้าย “ของดี จังหวัดอุดรธานี” ที่รับรองโดย หอการค้าจังหวัดอุดรธานี ตามไปโลดดด อาหารสด สะอาด แซ่บอีหลี แน่นอนเด้ออออออ ร้านส้มตำเจ๊ไก่ ร้านส้มตำเจ๊ไก่ เปิดให้บริการมากว่า 5 ปีแล้ว ปัจจุบันมีสาขาเพิ่มที่กรุงเทพฯและจังหวัดนครนายก ส่วนที่จังหวัดอุดรธานีมี 2 สาขา คือ สาขา 1 ถนนอัศวมิตร (ตรงข้ามคอร์ดแบดมินตันตรีเลิศ) , สาขา 2 ถนนนเรศวร จุดเด่นของร้านคือ ความสะอาดของร้าน ความสะอาดของวัตถุดิบที่ใช้ปรุงอาหาร ปลาร้าสุกต้มเอง สำหรับเมนูเด่นประจำร้าน คือ ส้มตำ ซึ่งมีสารพัดตำมากกว่า 20 เมนู นอกจากนี้ยังมีเมนูอาหารอีสานอื่นๆให้เลือกทานตามใจชอบที่ตั้งร้าน 230/28 ถ.ข้างอำเภอ ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี โทรศัพท์ 083-0767067 ขอบคุณภาพจาก : facebook ส้มตำเจ๊ไก่ ร้านหมูยอแม่อ้วน เปิดบริการตั้งแต่ปี 2516 โดยใช้สูตรเก่าแก่ของคุณแม่ ซึ่งปัจจุบันเป็นการสืบทอดรุ่นที่ 2 ทางร้านจำหน่ายหมูยอ ซึ่งมีให้เลือกทั้งแบบหนัง แบบธรรมดา หมูยอแผ่น ไส้กรอกหมู แหนมหมูใบมะยม เส้นข้าวเปียก ใบเมี่ยง น้ำพริก แจ่วบอง ลูกหยี หมูหยอง กุนเชียง แหนมซี่โครง เป็นต้น แค่เห็นรายชื่ออาหารก็เลือกไม่ถูกแล้วว่าจะซื้ออะไรกลับบ้านดี น่าทานไปหมด ที่ตั้งร้าน 17/2 ถ.สร้างหลวง ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดให้บริการทุกวัน ตั้งแต่เวลา 05.00-19.00 น. โทร.042 221 873,092 142 7411 ขอบคุณภาพจาก หอการค้าจังหวัดอุดรธานี ร้านลาบหนวด เป็นร้านอาหารอีสานดั้งเดิม เปิดให้บริการมาตั้งแต่รุ่นคุณพ่อกว่า 30 ปีมีเมนูเด่นมากมาย หลายประเภท ทั้ง ประเภทสุก ดิบ ต้ม ย่าง ลวก ทอด เมนูของร้านเห็นแล้วก็ทำเอาหิว ไม่ว่าจะเป็น ลาบน้ำตก ตับหวาน ก้อยสับ ต้มแซ่บ เสื้อร้องไห้ย่าง เนื้อแดดเดียว คอหมูย่าง ยิ่งได้ทานคู่กับข้าวเหนียว หรือข้าวสวยร้อนๆ และน้ำจิ้มรสแซ่บ คงจะฟินไม่ใช่น้อย ที่ตั้ง 35/1 ถ.ศรีชมชื่น อ.เมือง จ.อุดรธานีเปิดวันจันทร์-เสาร์ เวลา 08.00 -15.00 น.โทร. 042 328 172, 084 540 5694 ขอบคุณภาพจาก หอการค้าจังหวัดอุดรธานี ก๋วยเตี๋ยวรถไฟ ร้านก๋วยเตี๋ยวรถไฟเกิดมาจากครอบครัวที่อาศัยอยู่ในชุมชนรถไฟ และมีความชื่นชอบในการทำอาหาร สูตรอาหารภายในร้านมาจากสูตรอาหารที่ทำทานกันเองในครอบครัว จุดเด่นคือ การนำหม้อไฟมาประยุกต์ใช้กับเมนูก๋วยเตี๋ยว ซึ่งถือเป็นเจ้าแรกของเมืองอุดรธานี มีเมนูหลากหลายให้เลือกทานทั้ง เนื้อวัว เนื้อหมู ก๋วยเตี๋ยวน้ำใส น้ำตก ต้มยำก็มี เครื่องดื่มและของหวานก็สั่งได้ ถือว่าครบครันจริงๆ ที่ตั้งร้าน 278/10 ถ.อดุลยเดช ซอย 5 ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดทุกวัน 09.00 -15.30 น.โทร.084 481 4016 ขอบคุณภาพจาก หอการค้าจังหวัดอุดรธานี ร้านก๋วยเตี๋ยวรถไฟ ขอบคุณภาพจาก หอการค้าจังหวัดอุดรธานี The Zixgar Club ชื่อร้าน The Zixgar Club มีแรงบันดาลใจมาจากคุณพ่อ ซึ่งชอบสูบซิกก้า และเป็นต้นแบบของความขยัน ซื่อสัตย์ จึงนำมาตั้งชื่อร้าน ส่วนการออกแบบร้าน เป็นแนวคลาสสิคกึ่งวินเทจ ทางร้านมีทั้งอาหารคาว หวาน และเครื่องดื่มหลายชนิด เมนูเด่นของร้าน มีหลายเมนู เช่น ต้มยำหม้อไฟ หรือ ต้มยำจิ๊กโก๋ รสชาติจัดจ้าน อัดแน่นด้วยเครื่องต้มยำต่างๆ, เบอเกอร์ซิกก้า และสปาเกตตี้ซอสไก่ ส่วนขนมหวานก็อร่อยไม่แพ้กัน ที่เป็นจุดเด่นได้แก่ เค้กไร้แป้ง และเบเกอรี่ต่างๆ สายชิค สายฮิปต้องห้ามพลาดร้านนี้เด็ดขาด ที่ตั้งร้าน 89/10 ถ.ศรีชมชื่น หลังโรงเรียนอุดรพิทยานุกูล ต.หมากแข้ง อ.เมือง จ.อุดรธานี เปิดวันอังคาร-วันอาทิตย์ เวลา 09.00 -21.00น.โทรศัพท์ 085 383 4819 ต้มยำหม้อไฟซี่โครงหมู รสชาติกลมกล่อม เผ็ดกำลังดี ของหวานและเครื่องดื่มก็เด็ดไม่แพ้กัน กับเมนูของหวาน The Zixgar banoffee topping ด้วย ไอศกรีมวนิลา รสชาติหวานหอม ส่วนเครื่องดื่มเป็น espresso เย็น และ Chocolate Brownie Milkshake ที่เข้มข้น บราวนี่เหนียวหนึบหนับ อร่อยจนอยากสั่งอีกแก้ว 10 10 10 ไปเลยค่ะ

อีสานแซ่บนัว ร้านเด็ดอุดรธานี อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวตามรอยละครบุพเพสันนิวาส..บ้านวิชาเยนทร์!

บ้านวิชาเยนทร์ หรือบ้านหลวงรับราชทูต สร้างขึ้นเพื่อใช้ต้อนรับคณะทูตจากประเทศฝรั่งเศสชุดแรกที่เข้ามายังกรุงศรีอยุธยา เมื่อ พ.ศ.2228 ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระนารายณ์มหาราช และเป็นเรือนหอของท้าวทองกีบม้ากับเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ (คอนสแตนติน ฟอลคอน) สมุหนายกชาวกรีก –ในละครยังมียศเป็นหลวงสุรสาคร คอนสแตนติน ฟอลคอน คือชื่อเดิมเมื่อครั้งท่านเข้ามารับราชการในรัชสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ต่อมาได้รับการแต่งตั้งให้เป็น “เจ้าพระยาวิชาเยนทร์” และได้รับพระราชทานที่พักอาศัยให้อยู่ทางด้านทิศตะวันตกของบ้านหลวงรับราชทูต จึงเป็นที่มาของชื่อบ้านวิชาเยนทร์นั่นเอง ในปัจจุบันบ้านวิชาเยนทร์เหลือเพียงซากปรักหักพัง ภายในยังมองเห็นโครงสร้างที่แบ่งได้เป็นสามส่วนคือ ส่วนทิศตะวันตก ส่วนกลาง และส่วนทางทิศตะวันออก ส่วนทิศตะวันตก สันนิษฐานว่าเป็นบ้านพักของเจ้าพระยาวิชาเยนทร์และท้าวทองกีบม้า เป็นกลุ่มอาคาร ได้แก่ ตึก 2 ชั้นหลังใหญ่ ก่อด้วยอิฐ และอาคารชั้นเดียว แคบยาว ซุ้มประตูทางเข้าเป็นรูปโค้งครึ่งวงกลม ส่วนกลาง สันนิษฐานว่าเป็นหอระฆังและโบสถ์ในศาสนาคริสต์ ซึ่งถือเป็นโบสถ์หลังแรกของโลกที่ตกแต่งแบบโบสถ์ในศาสนาพุทธ ผสมผสานกับสถาปัตยกรรมยุโรปยุคเรอเนซองส์ ส่วนทิศตะวันออก สันนิษฐานว่าเป็นบ้านพักรับรองเหล่าคณะทูต ประกอบด้วย กลุ่มอาคารใหญ่ 2 ชั้น มีบันไดเป็นรูปครึ่งวงกลมเป็นสถาปัตยกรรมแบบยุโรป หน้าต่างและซุ้มประตูเป็นศิลปะแบบเรอเนซองส์ อีกส่วนที่น่าสนใจคือ โรงอบขนมของท้าวทองกีบม้า ตั้งอยู่ด้านหลังข้างต้นโพธิ์ใหญ่ เป็นอาคารขนาดกะทัดรัด ท้าวทองกีบม้าใช้สำหรับทำขนม บ้านวิชาเยนทร์ ตั้งอยู่ริมถนนวิชาเยนทร์ อ.เมือง จ.ลพบุรี เปิดบริการวันพุธ-วันอาทิตย์ (ปิดวันจันทร์-อังคาร) ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น ค่าเข้าชม คนไทย 10 บาท สาวกละครบุพเพสันนิวาสต้องห้ามพลาดนะออเจ้า!

เที่ยวตามรอยละครบุพเพสันนิวาส..บ้านวิชาเยนทร์! อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top