สถานที่ท่องเที่ยว

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา วันหยุดยาวในช่วงวันแม่แห่งชาตินี้ ถ้าใครอยากพาคุณแม่ไปเที่ยวย้อนวัยหวาน ให้เหมือนสมัยยังสาวอีกครั้ง เส้นทางสมุทรปราการและฉะเชิงเทรา ก็เป็นอีกหนึ่งเส้นทางที่น่าสนใจ มีสถานที่ท่องเที่ยวหลายแห่งที่จะสร้างความสุขให้กับเหล่าแม่ๆ ของพวกเราได้อย่างแน่นอน… ว่าแล้ว ก็ชวนคุณแม่ใส่กระโปรงบาน แต่งชุดลายดอก แล้วออกไปเที่ยวด้วยกัน !!     . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . วันที่ 1  พาคุณแม่ไปลัลลาที่บางกะเจ้า จังหวัดสมุทรปราการ บางกะเจ้า เป็นพื้นที่ที่มีรูปร่างคล้ายกระเพาะหมู ตั้งอยู่บริเวณโค้งน้ำของแม่น้ำเจ้าพระยา มีพื้นที่ครอบคลุม 6 ตำบลของ อ.พระประแดง จ.สมุทรปราการ ได้แก่ ต.บางกะเจ้า บางน้ำผึ้ง บางกอบัว บางกระสอบ บางยอ และ ทรงคะนอง โดยบางกะเจ้าได้รับการขนานนามว่าเป็น ปอดกลางเมืองที่ดีที่สุดในเอเชีย ช่วงสายๆ พาคุณแม่ไปปั่นจักรยาน สูดโอโซนที่สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ ที่นี่บรรยากาศร่มรื่นมากเพราะแวดล้อมไปด้วยต้นไม้นานาพันธุ์ หลังจากปั่นจักรยานเสร็จ ก็น่าจะหิวกันแล้ว ช่วงเที่ยงพาคุณแม่ไปเดินเล่นพร้อมหาของอร่อยทานที่ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ที่อยู่ไม่ไกลจากสวนสาธารณะฯ ที่ตลาดน้ำมีทั้งของกิน ของเล่น สินค้าโอทอปให้เลือกเต็มไปหมด ต้องถูกใจคุณแม่สายชอปอย่างแน่นอน แถมมีร้านอาหาร ร้านกาแฟที่มีบรรยากาศแนววินเทจให้คุณแม่ไปถ่ายรูปสไตล์ย้อนยุคได้ด้วย สวนสาธารณะศรีนครเขื่อนขันธ์ เปิดทุกวัน 06.00 – 19.00 น. ตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง เปิดบริการเฉพาะวันเสาร์ – อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ที่ติดกับวันเสาร์ – อาทิตย์ เวลา 08.00 – 16.00 น. โทร. 092 229 3594 การเดินทาง รถยนต์ส่วนตัว ใช้ทางด่วนบางนา-ดาวคะนอง ลงที่ถนนสุขสวัสดิ์(พระประแดง) ขับมาจนถึงสามแยกพระประแดง-สุขสวัสดิ์ (ขวามือเป็นโรงหนังเมเจอร์ฮอลิวูด ซ้ายมือเป็นบริษัทกิฟฟารีน) เลี้ยวซ้ายมาทางที่ว่าการอำเภอพระประแดงมาเกือบสุดทางบังคับเข้าสู่ถนนเพชรหึงษ์ ตรงไปตามทางประมาณ 5 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวขวาเข้าซอยเพชรหึงษ์ 26 (มีป้ายบอกทางเข้าตลาดน้ำ) เข้าไปประมาณ 700 เมตร จะเจอวัดบางน้ำผึ้งใน ตลาดน้ำบางน้ำผึ้งจะอยู่บริเวณเดียวกับวัด สามารถจอดรถได้ที่ อบต.บางน้ำผึ้ง หรือสถานีอนามัยบางนา . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .  อยากพาคุณแม่ไปเที่ยวต่างจังหวัดไกลๆ แต่เวลาไม่เอื้ออำนวย ไม่ใช่ปัญหา แค่มาที่เมืองโบราณก็เหมือนได้ไปเที่ยวทั่วประเทศแล้วค่ะ เพราะที่นี่จำลองสถาปัตยกรรมทั้งวัด วัง อันงดงามไว้ในที่เดียว ที่ตั้ง : 296/1 หมุ่ 7 ต.บางปูใหม่ อ.เมือง จ.สมุทรปราการ พิกัด : https://goo.gl/maps/wN5MdFfy4kL2 เปิดทุกวัน เวลา 09.00 -19.00 น. โทร 02 323 4094 อัตราค่าเข้าชม สำหรับคนไทย ตั้งแต่เวลา 09.00 – 16.00 น.  ผู้ใหญ่ ราคา 350 บาท เด็ก 6 – 14 ปี ราคา 175 บาท ตั้งแต่เวลา 16.00 น. เป็นต้นไปลด 50% (ราคานี้รวมรถรางและ ปั่นจักรยาน) การเดินทาง จากตลาดน้ำบางน้ำผึ้ง ใช้ถนนเพชรหึงษ์ไปออกถนนวงแหวนอุตสาหกรรม กลับรถเพื่อข้ามสะพานภูมิพล 2 ลงจากสะพาน เลี้ยวซ้ายเข้าถนนปู่เจ้าสมิงพราย ตรงไปเรื่อยๆ จะเจอถนนสุขุมวิท ให้เลี้ยวขวา แล้ววิ่งเส้นถนนสุขุมวิทไปเรื่อยๆ ระยะทางประมาณ 13

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรปราการ – ฉะเชิงเทรา อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี

วันหยุดช่วงวันแม่ที่กำลังจะถึงนี้ หากเพื่อนๆ คนไหนอยากพาคุณแม่ไปเที่ยว แต่ไม่รู้ว่าจะไปที่ไหนดี เส้นทางนครราชสีมา-สระบุรี เป็นหนึ่งเส้นทางที่แอดอยากแนะนำให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ไปเที่ยวย้อนวัยหวานกันค่ะ เพราะในทริปนี้คุณแม่จะได้มีโอกาสสัมผัสกับสถานที่และบรรยากาศเก่าๆ ที่คุ้นเคย ซึ่งแอดเชื่อว่าในระยะเวลา 3 วัน 2 คืนนี้ คุณแม่ของเพื่อนๆ จะมีภาพความประทับใจและเรื่องเล่ามากมายกลับไปอวดข้างบ้านแน่นอน!!! วันแรก วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม พาคุณแม่ไปเที่ยวทั้งทีเราก็ควรเริ่มต้นทริปดีๆ ด้วยการพาท่านไปไหว้พระเพื่อเป็นฤกษ์งามยามดีในการเดินทางกันสักหน่อยนะคะ และนอกจากนี้การไหว้พระยังถือเป็นสิริมงคลแก่ตนเองและครอบครัวอีกด้วย วัดที่แอดจะแนะนำก็คือ “วัดเทพพิทักษ์ปุณณาราม” ซึ่งมีลักษณะเด่นคือมีพระพุทธรูปปางประทานพรสีขาวขนาดใหญ่ชื่อว่า “พระพุทธสกลสีมามงคล” ชาวบ้านใหญ่มักเรียกกันว่าหลวงพ่อขาว หรือหลวงพ่อใหญ่ค่ะ ซึ่งหลวงพ่อขาวองค์นี้เป็นพระพุทธรูปองค์ใหญ่ตั้งเด่นอยู่บนเขาสามารถมองเห็นได้แต่ไกล ถ้าเพื่อนๆ มีโอกาสเดินทางไปเขาใหญ่ แอดแนะนำว่าไม่ควรพลาดเด็ดขาด!!! ที่อยู่: 9 หมู่ 9 ต.กลางดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 081 294 3982 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 16.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/6v2gsUPM7b92 บ้านไม้ชายน้ำ หลังจากไหว้พระขอพรกันเสร็จแล้ว ก็ได้เวลาพาคุณแม่ไปย้อนเวลาหาอดีตกันที่ “บ้านไม้ชายน้ำ” ค่ะ ที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้มีบรรยากาศและการตกแต่งแบบย้อนยุค ทำให้เรารู้สึกเหมือนย้อนเวลาไปอยู่ในสมัยก่อน มีมุมถ่ายภาพสวยๆ มากมาย นอกจากนี้ยังมีพิพิธภัณฑ์บ้านไม้ชายน้ำที่เป็นแหล่งรวบรวมและจัดแสดงของโบราณไว้ให้ได้ชมกันด้วยค่ะ ค่าเข้าชมเพียงท่านละ 50 บาทเท่านั้น แถมยังสามารถนำบัตรผ่านประตูไปแลกชาและกาแฟด้านในได้ด้วยนะคะ ที่สำคัญที่บ้านไม้ชายน้ำแห่งนี้ยังมีอาหารไทยรสชาติแบบไทยแท้ๆ ไว้คอยให้บริการมากมายค่ะ ที่อยู่: 21 ถ.มิตรภาพ ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30320 เบอร์โทรศัพท์: 044 314 236, 081 660 2826 เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 10.00 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/Yxw5rv7tBLL2 ฟาร์มโชคชัย เมื่อนึกถึงวันเวลาเก่าๆ แอดเชื่อว่าหลายๆ คนต้องนึกถึงยุคคาวบอยแน่นอนค่ะ แต่น้อยคนนักจะรู้จักวิถีแห่งคาวบอยที่แท้จริง การเป็นคาวบอยนั้นไม่ใช่แค่บู๊ยิงปืนกันสนั่นเมือง แต่จริงๆ แล้วคาวบอยเค้าใช้ชีวิตอย่างเรียบง่ายด้วยการรับจ้างเลี้ยงสัตว์และต้อนวัวค่ะ ถ้าพูดถึงสถานที่สวยงามสไตล์คาวบอยต้องยกให้ที่ “ฟาร์มโชคชัย” เลยค่ะ เพราะที่นี่มีการแสดงวิถีคาวบอย การต้อนแกะและกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย รับรองว่าถ้าเพื่อนๆ พาคุณแม่มาเที่ยวที่นี่ จะได้รับความสนุกสนานและความอิ่มเอมใจจนหุบยิ้มไม่ได้เลยล่ะค่ะ นอกจากนี้แอดขอแอบกระซิบว่าสเต็กของที่นี่อร่อยมากเลย อยากให้เพื่อนๆ พาคุณแม่ลองไปทานดูค่ะ^^ ที่อยู่: 169 หมู่ 2 ถ.มิตรภาพ ต.หนองน้ำแดง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 935 504-5, 089 949 4631, 098 513 8857 เวลาเปิด-ปิด: เปิดให้ชมเป็นรอบ วันเสาร์-วันอาทิตย์และวันหยุดนักขัตฤกษ์ เวลา 09.00 – 15.00 น. วันอังคาร – ศุกร์ เวลา 10.00 และ 14.00 น. ค่าเข้าชม: ผู้ใหญ่ ราคา 300 บาท เด็กสูง 90-140 เซนติเมตร ราคา 150 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/KuQAVM7gVmr ดี โอลด์ เล้ง หลังจากเดินทางทำกิจกรรมกันมาทั้งวันแล้ว ก็ถึงเวลาทานอาหารเย็นและพักผ่อนกันแล้วค่ะ แอดขอแนะนำ “ดี โอลด์ เล้ง” เพราะมีทั้งที่พักและร้านอาหารไว้คอยให้บริการรวมอยู่ในที่เดียวค่ะ ที่นี่ตกแต่งในบรรยากาศแบบย้อนยุคโดยประยุกต์นำเอาของเก่าของสะสมมาประดับประดา ทำให้รู้สึกเหมือนหลุดไปอยู่ในยุคเก่าๆ แถมห้องพักก็มีเอกลักษณ์โดดเด่นไม่เหมือนใคร ชวนให้รู้สึกน่าค้นหาและพาให้เราหลงใหลไปในบรรยากาศของอดีตค่ะ^^ ที่อยู่: 299/12-14 หมู่  18 ต.ปากช่อง อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 082 234 7206 ราคาที่พัก: 900 – 1,200 บาท/ห้อง เวลาเปิด-ปิด: เปิดทุกวัน เวลา 11.30 – 14.30 น. และเวลา 17.30 – 22.00 น. พิกัด: https://goo.gl/maps/PFWDqYMoi162 วันที่สอง น้ำตกเหวสุวัต เช้าวันนี้แอดแนะนำให้พาคุณแม่ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กันที่เขาใหญ่กันค่ะ เขาใหญ่มีสถานที่ท่องเที่ยวสวยงามมากมาย แอดเชื่อว่าสมัยสาวๆ คุณแม่หลายๆ ท่านต้องเคยมาเที่ยวที่เขาใหญ่และมีความทรงจำที่ดีเกี่ยวกับเขาใหญ่แน่นอนค่ะ สำหรับการเริ่มต้นทริปในวันที่สองนี้เราจะไปเที่ยวกันที่ “น้ำตกเหวสุวัต” ค่ะ น้ำตกแห่งนี้เป็นน้ำตกที่มีชื่อเสียงในอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่ มีจุดชมวิวบริเวณหน้าผาและด้านล่างของน้ำตก น้ำตกเหวสุวัตมีลักษณะเป็นสายน้ำไหลตกลงมาจากหน้าผาสูง บริเวณด้านล่างเป็นแอ่งน้ำและลำธาร สามารถลงเล่นน้ำได้ บรรยากาศโดยรอบร่มรื่นเหมาะสำหรับการถ่ายรูปและพักผ่อนมากๆ เลยค่ะ ที่อยู่: 9 ต.หมูสี อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: ศูนย์บริการนักท่องเที่ยว 086 092 6527 เวลาเปิด-ปิด: 07.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม: ชาวไทย ผูใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาท ชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 400 บาท เด็ก 200 บาท พิกัด: https://goo.gl/maps/V2i6HfdkhSQ2 ครัวกำปั่นเขาใหญ่ เที่ยงนี้แอดแนะนำให้ไปฝากท้องที่ “ร้านครัวกำปั่นเขาใหญ่” ค่ะ เป็นร้านที่ขึ้นชื่อร้านหนึ่งที่เมื่อมาเขาใหญ่ต้องไม่พลาด บรรยากาศภายในร้านตกแต่งในรูปแบบบ้านทรงไทยสวยงาม บรรยากาศสบายๆ ไม่แออัด และที่สำคัญคืออาหารอร่อยมาก แอดการันตี!!! ที่อยู่: 94-94/1 หมู่ 6 ต.หมูสี อ,ปากช่อง จ.นครราชสีมา 30130 เบอร์โทรศัพท์: 044 929 949, 093 514

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางโคราช – สระบุรี อ่านเพิ่มเติม

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรสงคราม

จ.สมุทรสงคราม หรืออีกชื่อก็คือ เมืองแม่กลอง เป็นเมืองที่เต็มไปด้วยทรัพยากรทางธรรมชาติ มั่งคั่งไปด้วยวัฒนธรรม เป็นเมืองที่ผู้คนยังคงดำรงวิถีชีวิตแนบชิดกับแม่น้ำและธรรมชาติ เหมือนที่บรรพบุรุษเคยเป็นมา ซึ่งถ้าจะพาคุณแม่ไปเที่ยว ย้อนรำลึกวัยหวาน จ.สมุทรสงคราม ก็เป็นอีกหนึ่งตัวเลือกที่น่าสนใจไม่เบาเลยล่ะ แอดมีเส้นทางมาแนะนำ กับเส้นทาง สิงหาพาแม่เที่ยว ย้อนวัยหวานที่ สมุทรสงคราม 2 วัน 1 คืน มาเป็นแนวทาง ให้ลองเที่ยวตามกันดู ——————————————————– วันที่ 1 ทานอาหารเช้า ชมวิถีชีวิตชาวบ้านที่ ตลาดน้ำท่าคา ตลาดน้ำท่าคาแห่งนี้ เป็นตลาดน้ำที่ยังคงความเป็นธรรมชาติของวิถีชีวิตชาวบ้าน ที่มีอาชีพทำสวน ปลูกผักผลไม้ต่างๆ ชาวบ้านจะพายเรือและนำผลผลิตต่างๆ มาขายหรือแลกเปลี่ยนกัน เราสามารถซื้อกลับไปให้คุณแม่ทำกับข้าวให้ทานได้หลายมื้อเลยล่ะ ถ้าใครที่ยังไม่ได้ทานข้าวเช้าไปจากบ้าน ก็มาฝากท้องที่นี่ได้เลย เพราะมีอาหารทั้งคาวและหวานให้เราได้เลือกทาน พ่อค้าแม่ค้าจะนั่งขายอยู่ในเรือ จอดเทียบท่าให้เราไปเลือกซื้อเลือกชิม เหมือนสมัยโบราณ ราคาก็ไม่แพงด้วย เปิดทุกวันเสาร์-อาทิตย์ วันข้างขึ้นและแรม 2 ค่ำ 7 ค่ำ และ 12 ค่ำ ตั้งแต่เวลาประมาณ 07.00 – 14.00 น. การเดินทาง ใช้ทางหลวงหมายเลข 325 (สมุทรสงคราม-บางแพ) เมื่อถึงกิโลเมตรที่ 32 (เลยทางแยกเข้าวัดเกาะแก้วไปเล็กน้อย) จะมีทางแยกขวาไปอีก 7 กิโลเมตร พิกัด : https://goo.gl/maps/A8PjiE1mi3T2 สักการะหลวงพ่อดำ ชมโบสถ์ปรกโพธิ์ที่ วัดบางกุ้ง เดินทางมาทำบุญกันที่วัดบางกุ้ง ซึ่งเป็นที่ตั้งของโบสถ์ปรกโพธิ์ ที่ดำรงอยู่ด้วยการค้ำยันแห่งรากไม้อันแข็งแรง ชาวไทยนิยมเดินทางมานมัสการหลวงพ่อพุทธนิลมณี หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า “หลวงพ่อดำ” พระพุทธรูปเก่าแก่สมัยอยุธยา ที่ประดิษฐานอยู่ในโบสถ์ มีความเชื่อว่าหากมาสักการะบูชา บารมีของท่านจะช่วยปกปักรักษาคุ้มครองให้ผู้ที่มากราบไหว้ร่มเย็นเหมือนอยู่ใต้ร่มโพธิ์ร่มไทร แคล้วคลาด ปราศจากอันตราย และมีชัยต่ออุปสรรคทั้งปวง  เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.30 น. การเดินทาง จากตลาดน้ำท่าคา ใช้ทางหลวงหมายเลข 5018 เจอสี่แยกแรกให้เลี้ยวขวาไปตามทางหลวงหมายเลข 3011 จนถึงถนนใหญ่ (บางแพ-สมุทรสงคราม) ให้เลี้ยวซ้าย แล้วไปกลับรถตรงจุดกลับรถ ขับมาอีก 300 เมตร เจอทางแยก ให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปตามถนน เมื่อข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลองมาแล้วให้เลี้ยวซ้าย ขับตรงไปเรื่อยๆ วัดบางกุ้งจะอยู่ทางขวามือ พิกัด : https://goo.gl/maps/WTq7KhHD4ZH2 เดินชมไม้ในวรรณคดี ชมเรือนไทยที่สวยงาม และพิพิธภัณฑ์ไทย ที่ อุทยาน ร.2 เรือนหมู่ทรงไทยงามสง่า คือเสน่ห์แรกที่เชิญชวนทุกคนให้เข้าไปสัมผัส “อุทยาน ร.2” ภายในเต็มไปด้วยพื้นที่อันร่มรื่น และมีการจัดภูมิทัศน์ที่สวยงาม สามารถพาคุณแม่เดินชมได้อย่างเพลินเพลิน ไฮไลท์ที่น่าชมอยู่ที่พิพิธภัณฑ์พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย ที่เป็นอาคารทรงไทย 4 หลัง แบ่งออกเป็นส่วนต่าง ๆ จัดแสดงโบราณวัตถุสมัยรัตนโกสินทร์ที่สะท้อนชีวิตความเป็นอยู่ การดำรงชีวิต และศิลปวัฒนธรรมของชาวไทยสมัยก่อน นอกจากนี้ภายนอกยังมีโรงละครกลางแจ้งและสวนพฤกษชาติ อันเป็นสวนพันธุ์ไม้ในวรรณคดีนานาชนิด เปิดทุกวัน วันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 17.00 น. วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 19.30 น. ค่าเข้าชมผู้ใหญ่ 30 บาท เด็ก 10 บาท โทร. 034 750 666, 034 750 376 การเดินทาง จากวัดบางกุ้ง ให้เลี้ยวซ้ายกลับไปข้ามสะพานข้ามแม่น้ำแม่กลอง ลงจากสะพานแล้วเลี้ยวขวา ขับตรงตามถนนมาเรื่อยๆ อุทยาน ร.2 จะอยู่ทางซ้ายมือ พิกัด : https://goo.gl/maps/AUgW8WsASGp ปิดท้ายวันกันที่ ตลาดน้ำอัมพวา ตลาดน้ำอัมพวาเป็นตลาดน้ำยามเย็น ด้วยเสน่ห์ของชุมชนริมน้ำและวิถีชีวิตของผู้คน รวมไปถึงอัธยาศัยไมตรีของพ่อค้าแม่ขาย ทำให้ตลาดแห่งนี้ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติเสมอมา มีอาหารเลือกซื้อเลือกทานกันอย่างหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นขนมไทย ก๋วยเตี๋ยว หอยทอด ผัดไทย ฯลฯ และยังมีสินค้ามากมายหลายอย่างให้เลือกซื้อเลือกชิมไม่แพ้กัน มีทั้งร้านอาหาร ร้านกาแฟ ร้านขายสินค้าทำมือ (handmade) สินค้าท้องถิ่นไอเดียเก๋ๆ จะนั่งรับประทานอาหารพร้อมชมบรรยากาศของตลาดน้ำในยามค่ำคืน หรือล่องเรือชมวิถีชีวิตริมน้ำ และชมหิ่งห้อยยามค่ำคืนก็ได้ ถือเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ต้องห้ามพลาด เมื่อมาเยือนตลาดน้ำอัมพวาเลยล่ะ เปิดวันศุกร์-อาทิตย์ – วันศุกร์ ตั้งแต่เวลา 16.00 – 22.00 น. – วันเสาร์-อาทิตย์ ตั้งแต่เวลา 12.00 – 22.00 น. การเดินทาง ตลาดน้ำอยู่ใกล้กับอุทยานฯ ร.2 เดินเท้าประมาณ 10 นาที หรือขับรถไปประมาณ 500 เมตร พิกัด : https://goo.gl/maps/LnuxCjFyqtN2 วันที่ 2 แวะดื่มกาแฟยามเช้า ริมแม่น้ำแม่กลองที่ตลาดน้ำบางน้อย เช้านี้ พาคุณแม่ไปนั่งดื่มกาแฟ ทานอาหารเบาๆ ชมวิวแม่น้ำกันที่ตลาดน้ำบางน้อย ซึ่งในอดีตเคยเป็นย่านการค้าทางน้ำที่สำคัญในลุ่มน้ำแม่กลอง ในปัจจุบันแม้จะเงียบเหงาลงไปบ้าง แต่ตลาดน้ำบางน้อยก็ยังคงรักษาความเป็นอยู่และวิถีชีวิตริมน้ำแบบดั้งเดิมเอาไว้ ท่ามกลางวิถีชีวิตริมน้ำแบบดั้งเดิม ก็มีสิ่งใหม่ๆ ที่เปลี่ยนแปลงไปตามยุคสมัย อย่างร้าน Eighty Four Cofee สุดชิคร้านนี้ ฝั่งตรงข้ามของร้านจะเป็นวิวโค้งแม่น้ำแม่กลองพอดี นั่งดื่มกาแฟชิลล์ๆ รับลมเย็นๆ ดื่มด่ำบรรยากาศสบายๆ ชมวิวริมน้ำ ฟินอย่าบอกใครเลยล่ะ ถัดไปไม่ไกลกัน มีร้านกาแฟชื่อว่า กาแฟบางน้อย ตกแต่งร้านได้เก๋ไก๋สไตล์ศิลปิน ใครที่ชื่นชอบงานศิลปะ สามารถมาเดินชมผลงานของพี่เจ้าของร้านได้เพลินๆ เลย เครื่องดื่มก็มีให้เลือกหลากหลาย ที่ไปแล้วต้องชิมเลยก็คือ 1. ฟ้าละมุน – น้ำอัญชันนมสด รสชาตินุ่มนวลละมุนลิ้น 2. สี่แผ่นดิน – น้ำแดงมะนาวโซดา

สิงหาพาแม่เที่ยว…ย้อนวัยหวาน เส้นทางสมุทรสงคราม อ่านเพิ่มเติม

น่าน..เนิบ..เนิบ (๒)

วัดภูมินทร์ เดิมชื่อว่า “วัดพรหมมินทร์” ตั้งชื่อตามเจ้าเจตบุตรพรหมมินทร์ เจ้าผู้ครองนครน่าน ซึ่งได้โปรดให้สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2139 หลังจากที่ขึ้นครองนครน่านได้ 6 ปี ต่อมาชื่อวัดถูกเรียกกันจนเพี้ยนกลายเป็น “วัดภูมินทร์” มาจนถึงปัจจุบัน สิ่งที่น่าสนใจของวัดนี้คือ “พระอุโบสถจตุรมุข” เป็นสถาปัตยกรรมที่มีเอกลักษณ์เฉพาะ โดยรวมเอาโบสถ์ วิหาร และเจดีย์ ไว้ในอาคารเดียวกัน เป็นการจำลองแผนภูมิจักรวาลตามความเชื่อแห่งพุทธศาสนา มีพระประธานจตุรทิศปางมารวิชัย 4 องค์ หันหน้าออกสู่ประตูทั้ง 4 ทิศ ประดิษฐานอยู่ภายใน และมีนาคสะดุ้งขนาดใหญ่แห่แหนพระอุโบสถเทินไว้กลางลำตัว ที่เปรียบเสมือนการอุ้มชูพระพุทธศาสนาให้คงอยู่สืบไป เชื่อกันว่า หากใครจะไปกราบขอพรพระจตุรทิศ ให้พยายามสังเกตหน้าองค์พระ 1 ในทั้งสี่ทิศ ซึ่งจะมีอยู่เพียงทิศเดียวเท่านั้น ที่หน้าองค์พระประธานจะมีลักษณะยิ้มแย้มมากกว่าทั้ง 3 ทิศที่เหลือ ให้กราบขอพรยังทิศนั้นแล้วจะได้สมปรารถนา วัดนี้เคยได้พิมพ์อยู่บนธนบัตรราคา 1 บาท ซึ่งเป็นธนบัตรในแบบ 5 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 10 กันยายน พ.ศ. 2485 ด้านหน้าเป็นพระบรมสาทิสลักษณ์ของรัชกาลที่ 8 และมีโบสถ์วัดภูมินทร์อยู่ทางด้านซ้ายของธนบัตร ภาพจิตกรรมฝาผนัง (ฮูปแต้ม) ในวัดภูมินทร์ที่โด่งดังมากคือ ภาพ “กระซิบรักบันลือโลก” หรือ ภาพ “ปู่ม่าน ย่าม่าน” ซึ่งเป็นคำเรียกผู้ชายผู้หญิงชาวไทลื้อสมัยโบราณ ในลักษณะกระซิบสนทนากัน ภาพนี้ มีการใช้สีแดง ฟ้าดำ น้ำตาลเข้มเป็นปื้นใหญ่ ๆ คล้ายภาพสมัยใหม่ ภาพธรรมเนียมการอยู่ข่วง ของชาวไทลื้อ พ่อแม่ จะอนุญาตให้หนุ่มสาวพบปะกันที่ชานบ้านในเวลาค่ำ ขณะหญิงสาวกำลังปั่นฝ้าย หรือ “อยู่ข่วง” หากสาวเจ้าตกลงปลงใจด้วยก็จะจัดพิธีแต่งงาน หรือที่เรียกว่า “เอาคำ ไปป่องกั๋น” หรือเป็นทองแผ่นเดียวกัน ภาพการค้าขายแลกเปลี่ยนในชุมชน ภาพชาวพื้นเมือง ซึ่งอาจเป็นชาวเขา “เป๊อะ” ของป่าบนศรีษะ เพื่อนำมาแลกเปลี่ยนกับคนเมือง ภาพชีวิตความเป็นอยู่ของคนเมืองน่าน หญิงสาวกำลังทอผ้าด้วยกี่พื้นเมือง นอกเรือนมีชานเล็ก ๆ ตั้งหม้อน้ำดินเผาที่เรียกว่า “ร้านน้ำ” ชายหนุ่มไว้ผมทรงหลักแจวหรือทรงมหาดไทย แสดงให้เห็นอิทธิพลตะวันตกที่เข้ามาผสมผสานในวิถีพื้นเมืองน่าน วัดภูมินทร์ เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. มีสถานที่น่าสนใจใกล้เคียงคือพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติน่านและวัดพระธาตุช้างค้ำวรวิหาร GPS : 18°46’28.8″N 100°46’17.7″E

น่าน..เนิบ..เนิบ (๒) อ่านเพิ่มเติม

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND

1. เกาะนางยวน สุราษฎร์ธานี ที่อยู่ : เกาะนางยวน ตำบลเกาะเต่า อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี 2. เกาะไก่ เกาะหม้อ เกาะทับ เกาะปอดะ จังหวัดกระบี่ 3.เกาะมันใน ระยอง ที่ตั้ง : ตำบลกร่ำ อำเภอแกลง จังหวัดระยอง 4.หาดมังกร หรือสันหลังมังกร เกาะกวาง เกาะปูเลาอูบี และเกาะปูเลาตีกอ  ที่ตั้ง: เกาะกวาง หมู่ 1 ตำบลตันหยงโป อำเภอเมือง จังหวัดสตูล 5.หาดแม่หาด เกาะพะงัน  ที่ตั้ง : บ้านโฉลกหลำ ตำบลเกาะพะงัน อำเภอเกาะพะงัน จังหวัดสุราษฎร์ธานี

มหัศจรรย์ยามน้ำลด…UNSEEN THAILAND อ่านเพิ่มเติม

5 ร้านเด็ดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาอุทัยฯ

มาเที่ยวเมืองอุทัยฯทั้งที..นอกจากที่เที่ยวจะเยอะแล้วของกินอร่อยก็มากมี มาที่นี่ไม่ต้องทำอะไรมากมายให้เหนื่อย นอกจากตระเวนกินตั้งแต่เหยียบย่างถึงถิ่นอุทัยฯจนเข้านอน สำหรับ 5 ร้านเด็ดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาอุทัยฯ จะมีร้านไหนบ้างนั้นตามมาชิมด้วยกันเลยจ้าาา เข้าเมืองอุทัยฯมาแป๊บนึงเลี้ยวซ้ายเข้าเกาะเพโท เอ้ย เทโพ ร้านนี้เลย “ป้าสำราญ” ร้านหาไม่ยาก (ถ้าไม่ขับเลยนะ) ไปตามพิกัดนี้ https://goo.gl/maps/D9PGRsNNM7J2 โทร. สั่งจองอาหารกันได้ที่ 056 980 085  ร้านเปิดทุกวัน 10 โมงเช้าถึง 2 ทุ่ม เมนูเด็ดของป้าสำราญ ได้แก่ สารพัดเมนูปลาแม่น้ำ เช่น ปลาแรด ปลาคัง ปลาเนื้ออ่อน จะเอามาต้มยำทำแกงรสแซ่บตลอดจนทอดกระเทียมได้หมด และใครชอบผัดผักแนะนำคือ ผัดถั่วสูตรผู้ว่าฯ เมนูเด็ด ต้มยำปลา ร้านป้าสำราญ เข้ามาใจกลางเมืองแวะชิมขนมปังสังขยาร้าน “ไพพรรณ” ขนมปังร้อนๆ หอมกรุ่นจากเตาไส้สังขยาสีส้มเนียนละเอียดหวานกำลังพอดี อ้อ ร้านนี้ขนมปังสังขยาเค้ามีแต่ไส้สีส้มนะสีอื่นไม่ทำ เป็นความแนวเฉพาะตัว ไปถึงร้านถ้าไม่ได้สั่งก็ไม่ได้กินนะ ต้อง preorder เอาเบอร์โทรศัพท์ไปไว้ก่อนเลย 056 511 660 พิกัดร้านhttps://goo.gl/maps/qcvrZhTH5pK2 แต่ไปถึงร้านแล้วก็สั่งเลยเถอะไม่ต้องโทรมาทีหลัง รีบหน่อยนะ เพราะร้านปิดประมาณ 5 โมงเย็นแต่ว่าเปิดแต่เช้าตรู่ 7 โมงเช้า สั่งวันนี้รับขนมพรุ่งนี้ แต่เราโทรมาสั่งไว้แล้วตั้งแต่อยู่เมืองกรุง (มีวิสัยทัศน์สุดๆ เฉพาะเรื่องกิน) รับขนมไว้แล้วไปตระเวนกันต่อ อากาศร้อนๆ แบบนี้แวะรับขนมปังเย็นราดน้ำแดงชุ่มฉ่ำชื่นใจไม่แพ้บิงซูกันที่ร้าน “กาแฟบ้านจงรัก” ร้านนี้นอกจากจะมีทั้งสารพัดชา กาแฟ กับขนมปังรสละมุนแล้ว ภายในร้านยังตกแต่งได้น่ารักน่าเดิน อาคารตัวร้านเป็นบ้านไม้ชั้นสองตกแต่งเป็นพิพิธภัณฑ์ของเก็บของสะสมสมัยโบราณนานมาลองขึ้นไปเที่ยวชมถ่ายรูปดูได้ แต่อย่าลืมรีบลงมากินขนมปังเย็นด้วยล่ะเดี๋ยวละลายหมดก็จะพบแต่ความวังเวง ร้านกาแฟบ้านจงรัก กินหวานแล้ววนกลับไปที่ของแซ่บๆ ช่วยเผาผลาญกันดีกว่า ไม่ต้องออกกำลัง แต่ใช้การกินเอา (เนอะๆ) ว่าแล้วก็แวะที่ร้าน “บ่าวต้อมหนองคาย” เมนูห้ามพลาดนี้ได้แก่ ตำไทยไข่เค็ม ตำหอยแครง ตำถาด ไก่ย่างสไตล์ อิสานบ้านเฮา แซ่บแค่ไหนเอาเป็นว่าถ้าไปเที่ยงต้องโทรจองโต๊ะนะ เมมเบอร์กันไว้เลยจะได้ไม่พลาด 080 695 9526 ร้านอยู่ตรงข้ามหมู่บ้านแพนด้าทางไปวัดท่าซุง ร้านบ่าวต้อมหนองคาย ตระเวนกินจนค่ำมืดแล้ว ก่อนนอนตบท้ายด้วยอาหารเบาๆแบบข้าวต้มรอบดึกกันที่ “เจ๊ดาปลาลวก” ข้าวต้มที่ไม่ได้มีแต่ข้าวต้มแต่มีสารพัดเมนูชวนน้ำลายสอสั่งจานแรกแล้วต้องสั่งซ้ำ ได้แก่ หมูกรอบทอดน้ำปลา ปลาแรดลวกจิ้ม ปลาแรดทอดกระเทียม ต้มยำแห้ง ต้มยำแห้งรวมมิตร ร้านนี้เปิดห้าโมงเย็นถึงประมาณสี่ทุ่ม เอาเบอร์ไปเมมไว้ 056 571 409 แต่โทรไปเจ้าของจะมีเวลารับหรือเปล่าก็ไม่รู้นะเพราะขายดีมาก ลูกค้านั่งกินกันยังกับแจกฟรี สนใจไปตามพิกัดนี้เลย https://goo.gl/maps/1tL589Xrwnz ร้านเจ๊ดาปลาลวก กินกันจนเพลียคงต้องขออำลาไปพักร่างและกระเพาะ ใครสนใจตามมาๆ อุทัยฯเมืองใกล้กรุง มีดีทั้งของกินและที่เที่ยวกับการเดินทางที่แสนจะสะดวกสบายนะเธอ ถ้าไม่มาบอกเลยว่า..พลาดอย่างแร๊งงง

5 ร้านเด็ดที่พลาดไม่ได้เมื่อมาอุทัยฯ อ่านเพิ่มเติม

ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกด

สุดสัปดาห์นี้ไปเที่ยวที่ไหนดีนะ…ถ้ายังคิดไม่ออก พวกเราทีมเพื่อนร่วมทางอยากจะชวนเกาะกระแสละครดัง บุพเพสันนิวาส และพาออเจ้าทั้งหลายไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกดที่จังหวัดใกล้ๆอย่างพระนครศรีอยุธยากันเถิด สถานที่แรกที่เราจะไปกันคือ วัดใหญ่ชัยมงคล สิ่งที่น่าสนใจของวัดใหญ่ชัยมงคลคือเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ในสมัยกรุงศรีอยุธยา รวมไปถึงสถาปัตยกรรมที่โดดเด่น เจดีย์ชัยมงคล เจดีย์ที่สูงที่สุดในอยุธยาเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะอันยิ่งใหญ่ที่สมเด็จพระนเรศวรมหาราชทรงรบชนะมังกะยอชวาพระมหาอุปราชของหงษาวดี ด้านหลังวัดมีตำหนักสมเด็จพระนเรศวรมหาราช ให้ผู้ที่ศรัทธาเข้ามากราบไหว้ นอกจากนี้ บริเวณรอบๆ ยังมีสวนหย่อมที่สวยงามให้พักผ่อนอีกด้วย วัดใหญ่ชัยมงคล เปิดทุกวัน 08.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทยไม่เสียค่าเช้าชม ชาวต่างชาติ 20 บาท หลังจากนั้นเราจะไปต่อกันที่ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ซึ่งอยู่ไม่ไกลกับวัดใหญ่ชัยมงคล ที่นี่เราสามารถมองเห็นป้อมเพชรซึ่งอยู่อีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำเจ้าพระยาได้ วัดพนัญเชิงวรวิหาร ก่อสร้างก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา มีชื่อเสียงในเรื่องของหลวงพ่อโตหรือเจ้าพ่อซำปอกงที่พุทธศาสนิกชนทั้งชาวไทยและชาวจีนต่างให้ความเคารพนับถือมานาน สำหรับที่ต่อไป ทางเข้าอาจลึกลับไปสักนิด แต่บรรยากาศคุ้มค่าที่จะมา พิพิธภัณฑ์บ้านฮอลันดาตั้งอยู่ในซอยคานเรือ ริมแม่น้ำเจ้าพระยา อาคารสไตล์ยุโรป 2 ชั้น สีสันสดใสสะดุดตา ชั้นล่างเป็นคาเฟ่และร้านจำหน่ายของที่ระลึก ชั้นบนเป็นพิพิธภัณฑ์ความสัมพันธ์ไทย-ฮอลันดา ซึ่งทำออกมาได้น่าสนใจเลยทีเดียว หากใครสนใจประวัติศาสตร์และอยากมานั่งเล่นดื่มด่ำบรรยากาศแบบชาวดัชต์ สามารถมาที่บ้านฮอลันดาได้ อยู่ไม่ไกลจากวัดพนัญเชิงวรวิหาร เปิดทุกวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00 – 17.00 น. ค่าเข้าชม 50 บาท เดินเที่ยวมาเหนื่อยๆ แวะทานอาหารกลางวันกันเถอะ ทางเราขอแนะนำร้านผักหวาน ที่นี่มีอาหารหลายประเภทให้เลือกทาน ทั้งอาหารไทยและอาหารฝรั่ง เช่น ส้มตำ หอยทอด ผัดไท สลัดกุ้งทอด สเต็ก และเมนูขึ้นชื่อของร้านคือ ก๋วยเตี๋ยวผักหวาน  ใครที่สนใจมาลองลิ้มชิมรสอาหารที่ร้านผักหวาน สามารถมาได้ทุกวัน ร้านตั้งอยู่หน้าวัดสุวรรณดาราม เปิดเวลา 08.00 – 19.00น. cr.รูปภาพจาก facebook ร้านบ้านผักหวาน กินคาวแล้วไม่กินหวาน มันจะรู้สึกเหมือนขาดอะไรไป ต้องปิดท้ายมื้อเที่ยงด้วยขนมแสนอร่อยที่ ร้านบ้านข้าวหนม คาเฟ่ข้าวหนมไทยโบราณ ขายขนมไทยและเครื่องดื่มต่างๆ มีทั้งทำเอง และรับจากร้านในพื้นที่อยุธยา ภายในร้านตกแต่งสไตล์เรโทรนิดๆ จุดเด่นของร้านคือ ร้านกาแฟแบบอนุรักษ์นิยมที่นำเอาขนมไทยแบบต่างๆ มาผสมผสานกันได้อย่างลงตัว  บ้านข้าวหนม ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง เปิดทุกวัน เวลา 09.00 – 19.00 น. cr. facebook ร้านบ้านข้าวหนม หนังท้องตึง หนังตายังหย่อนไม่ได้นะจ๊ะ เราต้องไปเที่ยวกันต่อ เราไปต่อกันเลยที่ วัดมหาธาตุ หากพูดถึงวัดนี้เราจะต้องนึกถึงความมหัศจรรย์ของเศียรพระพุทธรูปกว่าร้อยปีที่อยู่ในต้นไม้ ซึ่งพลาดไม่ได้ที่จะต้องไปถ่ายรูป วัดราชบูรณะ อยู่ไม่ไกลจากวัดมหาธาตุ เราสามารถเดินไปถึงได้ จุดเด่นของวัดคือ ปรางค์ประธานที่มีขนาดสูงใหญ่ ก่อด้วยอิฐบนฐานสี่เหลี่ยม ด้านในพระปรางค์สามารถเดินลงไปชมจิตรกรรมฝาผนังและชมกรุสมบัติในสมัยอยุธยาได้อีกด้วย เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 08.30–16.30 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 30 บาท ปิดท้ายการเที่ยวในวันที่ 1 ด้วยวัดไชยวัฒนาราม เชื่อกันว่าสร้างขึ้นโดยสมเด็จพระเจ้าปราสาททอง ในปี พ.ศ.2173 เพื่ออุทิศพระราชกุศลถวายพระราชมารดา แต่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพทรงสันนิษฐานว่าวัดนี้สร้างขึ้นเพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งชัยชนะเหนือนครละแวกโดยจำลองแบบมาจากปราสาทนครวัด ซึ่งจุดเด่นที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธานและเมรุทิศ เมรุรายที่อยู่ล้อมรอบนั้นเอง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างประเทศ 50 บาท หลังจากเที่ยวกันมาทั้งวัน ต้องหาอะไรฟินๆทานสักหน่อย พูดถึงอยุธยา ก็ต้องนึกถึงกุ้งเผาเป็นอันดับแรก ร้านแพกรุงเก่าเป็นร้านที่ตอบโจทย์เป็นอย่างมาก เพราะเป็นร้านเก่าแก่ มีอาหารหลายหลายประเภท โดยเฉพาะกุ้งเผาที่มีหลายขนาด ทานกับน้ำจิ้มซีฟู้ดถือว่าเด็ด พลาดไม่ได้จริงๆ ร้านแพกรุงเก่า ตั้งอยู่บนถนนอู่ทอง เปิดทุกวัน 10.00-21.00 น. ที่พักสำหรับทริปนี้ เราพักที่ Riverview Place บรรยากาศดี อยู่ติดริมแม่น้ำเจ้าพระยา วันที่ 2  เช้านี้ตักบาตรยามเช้า บนถนนอู่ทอง ได้ซึมซับบรรยากาศของชาวบ้านด้วยนะออเจ้า หลังจากตักบาตรช่วงเช้ากันแล้ว เริ่มที่ วิหารมงคลบพิตร นมัสการพระมงคลบพิตร พระพุทธรูปปางมารวิชัย หนึ่งในพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์ของพระนครศรีอยุธยาและเป็นที่นิยมของนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติ บริเวณรอบๆมีร้านขายของฝากขนาดใหญ่ด้วย หากใครได้ติดตามละครบุพเพสันนิวาสก็จะได้เห็นว่ามีฉากวิหารมงคลบพิตรให้ได้ชมกันด้วย ฉะนั้นไม่พลาดที่จะไปกันนะคะ เยี่ยมชมวัดพระศรีสรรเพชญ์ วัดที่อยู่ในเขตพระราชวังหลวง เหมือนกับวัดพระศรีรัตนศาสดารามในกรุงเทพฯ มีเจดีย์ทรงระฆัง 3 องค์ที่งดงาม เป็นสัญลักษณ์ของวัดพระศรีสรรเพชญ์ ระหว่างเจดีย์แต่ละองค์มีมณฑปก่อคั่นไว้ สามารถเที่ยวชมวัดได้ทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. มาต่อกันที่ วัดพุทไธศวรรย์ ฝั่งตรงข้ามของเกาะเมือง เป็นพระอารามหลวงที่ยังคงสภาพดี ข้าจึงพาออเจ้าทั้งหลายมาชมความงดงามของวัด ซึ่งสร้างขึ้นในบริเวณที่ประทับเดิมของสมเด็จพระเจ้าอู่ทอง เรียกว่า ตำหนักเวียงเหล็ก หรือ เวียงเล็ก สิ่งที่น่าสนใจคือ ปรางค์ประธาน ที่มีศิลปะแบบขอม นอกจากนี้ยังมีพระอุโบสถ หมู่พระเจดีย์สิบสององค์ และวิหารพระนอนให้ชมกันอีกด้วย เที่ยวกันมาสักพักแล้วได้เวลาหาอะไรรองท้อง เราจึงไปกันที่ตลาดน้ำวัดท่าการ้อง มาที่นี่แล้วเราจะได้ทั้งเที่ยวในวัดและสามารถเลือกซื้อของกิน มีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน เปิดบริการทุกวัน เวลา 08.00 – 17.00 น. ก่อนจะกลับบ้านเราต้องมีของติดไม้ติดมือกลับไปเป็นของฝากกันหน่อย ของฝากขึ้นชื่อของอยุธยาก็จะต้องไม่พลาด “โรตีสายไหม” ซึ่งมีให้เลือกหลากหลายเป็นสิบๆร้าน แหล่งจำหน่ายอยู่บริเวณฝั่งตรงข้ามโรงพยาบาลพระนครศรีอยุธยา หรือริมถนนอู่ทอง  cr. facebook ร้านโรตีสายไหมอาบีดีน

ไปเที่ยว 2 วัน 1 คืน ตามหาแม่นายการะเกด อ่านเพิ่มเติม

พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง สุชาติ ทรัพย์สิน

พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง สุชาติ ทรัพย์สิน ตั้งอยู่ถนนศรีธรรมโศกซอย 3 อ.เมือง จ.นครศรีธรรมราช ภายในจัดแสดงรูปหนังตะลุงโบราณในภาคใต้อายุมากกว่า 100 ปี รวมถึงรูปหนังตะลุงในภูมิภาคต่างๆและรูปหนังตะลุงนานาชาติก่อตั้งขึ้นโดยนายสุชาติ ทรัพย์สิน ศิลปินแห่งชาติสาขาศิลปะการแสดง (การแสดงพื้นบ้าน) พ.ศ.2549 เป็นพิพิธภัณฑ์หนังตะลุง เก็บรักษาไว้เพื่อให้คนรุ่นหลังได้ศึกษา นอกจากนี้มีห้องจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้พื้นบ้านภาคใต้มีเวทีสาธิตเชิดหนังตะลุงอย่างครบวงจร การสาธิตการแกะตัวหนังตะลุงและสินค้าที่ระลึกตัวหนังตะลุง ซึ่งพิพิธภัณฑ์ฯแห่งนี้ ได้รับรางวัลอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยถึง 2 รางวัล ได้แก่ รางวัลดีเด่นประเภทแหล่งท่องเที่ยววัฒนธรรมและโบราณสถานปีพ.ศ.2539 และรางวัลยอดเยี่ยม ประเภทแหล่งท่องเที่ยวนันทนาการเพื่อการเรียนรู้ปี พ.ศ.2553 ตัวละครในหนังตะลุง ต้นแบบจะมาจากเรื่องรามเกียรติ์ มีทั้งเทวดา พระ นาง รวมถึงตัวตลกที่เป็นตัวชูโรงและเป็นสีสีนที่ขาดไม่ได้ของหนังตะลุง สร้างความประทับใจให้ผู้ชมได้เป็นอย่างดี ด้านล่างของอาคารจะมีการสาธิตและจำหน่ายหนังตะลุงหลากหลายรูปแบบ การแกะหนังต้องใช้ความละเอียดและความใจเย็น เป็นมรดกทางวัฒนธรรมที่สืบทอดกันมาเป็นรุ่นๆ หนังตะลุงที่แกะและลงสีเรียบร้อยร้อย สามารถซื้อเป็นของฝาก ของที่ระลึกกลับบ้านได้เลย ใครสนใจมาเที่ยวชมสอบถามเพิ่มเติมได้ที่เบอร์ 075 346 394

พิพิธภัณฑ์หนังตะลุง สุชาติ ทรัพย์สิน อ่านเพิ่มเติม

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์

พื้นที่ชุ่มน้ำ…พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ 1. พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกาตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ 3.พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม  ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคนอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 4. พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่  ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 5. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 6. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส  ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ สุไหงโก-ลกและสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 7. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง – ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง  ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกาอำเภอปะเหลียน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง  8. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์-ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ที่ตั้ง: อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 9. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 11.พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ที่ตั้ง : อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 12.พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 13. พื้นที่ชุ่มน้ำเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช  ที่ตั้ง : อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 14. หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรีและอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

สีสันตะวันออก เมืองเกาะในฝัน

สีสันตะวันออก เมืองเกาะในฝัน 1. เกาะช้าง  เกาะที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตราด และอันดับ 2 ของไทย จุดเด่นคือ เกาะช้างมีสิ่งอำนวยความสะดวก และทั้งที่พักร้านอาหารมากที่สุด นอกจากนั้นยังมีแพขนานยนต์ ที่สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลข้ามไปใช้สัญจรบนเกาะได้อีกด้วย 2. เกาะกูด มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในจังหวัดตราด บรรยากาศบนเกาะค่อนข้างเงียบสงบ น้ำใสมาก…ใสไม่แพ้กับทะเลฝั่งอันดามันเลย พื้นที่บนเกาะส่วนใหญ่ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติไว้ได้ดี มีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ไฮไลท์อยู่ที่การพายเรือคายัคจากที่พัก ผ่านพื้นที่ป่าชายเลน 2 ข้างทาง เพื่อไปเที่ยวที่น้ำตกคลองเจ้า บรรกาศเหมือนได้ผจญภัยในป่ายังไงยังงั้น 3. เกาะขาม  ได้รับฉายาไข่มุกมรกตแห่งทะเลตราด เพราะน้ำทะเลที่นี่ใสมากๆ และมีสีมรกต เอกลักษณ์ของที่นี้คือหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามชายหาด และมีแนวสันทรายที่ทอดยาวไปในทะเลเหมือนทะเลแหวก ด้านทิศตะวันออกของเกาะยังมีแนวปะการังที่สวยงาม เหมาะแก่การดำน้ำอีกด้วย 4. เกาะหมาก ที่นี่มีการจัดการสิ่งแวดล้อม Low Carbon Destination เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซล การคัดแยกขยะเพื่อการกำจัดอย่างยั่งยืน การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การเชื่อมโยงวิถีชีวิตชุมชนกับการท่องเที่ยว มีการใช้วัตถุดิบบนเกาะมาเป็นเมนูอาหาร เช่น การใช้ปลาทะเลที่หาได้จากเรือประมงของชาวบ้าน แทนการนั่งเรือออกไปซื้อปลายอดนิยมจากบนฝั่งมาขายให้นักท่องเที่ยว มีการปลูกผักสลัด ผักสวนครัว ไว้รับประทานเองด้วย นอกจากบรรยากาศชายหาดของเกาะหมากแล้ว กิจกรรมการปั่นจักรยานบนเกาะแห่งนี้ ถือได้ว่าไม่ควรพลาด เพราะเส้นทางที่ไม่ยากนัก จะพาลัดเลาะไปตามชุมชน ร้านค้า ชายหาด ป่าเขาน้อยใหญ่ ผ่านสวนมะพร้าว สลับเนิน นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์เกาะหมาก ภายในจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชีวิตและข้าวของเครื่องใช้ของชาวเกาะหมากในอดีต โดยพิพิธภัณฑ์ฯ จะเปิดทุกวันเวลา 10.30 – 17.00 น. 5.เกาะรัง  เป็นหนึ่งในเกาะที่อยู่รวมกันเป็นแอ่ง นอกจากเกาะรัง ในบริเวณใกล้เคียงยังมี เกาะกระ เกาะเทียน เกาะยักษ์ และเกาะสามพี่น้อง สำหรับใครที่ชอบดำน้ำตื้น พวกเราแนะนำต้องที่นี่เลย หมู่เกาะรังเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และยังไม่ถูกรบกวนจากนักท่องเที่ยวมากนัก บนเกาะแห่งนี้ไม่มีโรงแรมรีสอร์ท แต่มีที่พักของทางอุทยานที่สามารถกางเต็นท์ได้ หรือจะพักที่เกาะใกล้เคียงแล้วซื้อทัวร์มาลงดำน้ำที่นี่ก็ได้เช่นกัน 6.เกาะหวาย เกาะเล็กๆ ที่ความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กับเกาะอื่นๆในตราดเลย เกาะหวายเป็นจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกที่สวยงาม สามารถพบเห็นสัตว์ทะเลและปะการังหลากชนิด ทั้งปะการังก้อน ปะการังเขากวาง ปะการังพุ่ม  นอกจากนี้เกาะหวายยังเป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์การเรียนรู้ ICEF ที่จัดทำโครงการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลหลากหลายโครงการ เช่น โครงการปลูกปะการัง โครงการปล่อยเต่าทะเล และโครงการอนุบาลสัตว์น้ำหายาก 7. เกาะยักษ์ น่าจะเป็นเกาะที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวน้อยที่สุดด้วย เกาะยักษ์ไม่มีพื้นที่ชายหาดให้เดินเล่น โดยเกาะจะแบ่งเป็น 2 เกาะ คือ เกาะยักษ์ใหญ่และยักษ์เล็ก ส่วนเรื่องความสวยงามก็ปล่อยให้ภาพเล่าเรื่องแทนแล้วกันนะครับ 8. เกาะกระดาด เกาะกระดาดมีลักษณะเฉพาะตัวที่ค่อนข้างแปลกจากเกาะอื่นๆทั่วไป เนื่องจากพื้นที่มีลักษณะที่แบนราบเหมือนกับกระดาด ไม่มีเนินเขาเหมือนหรือหน้าผาเลย ไฮไลท์ของที่นี่คือ การนั่งรถแทร๊คเตอร์ของชาวบ้านวนรอบเกาะไปชมฝูงกวางป่านับร้อยตัวในบรรยากาศ “ซาฟารีกลางทะเล”

สีสันตะวันออก เมืองเกาะในฝัน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top