พังงา

พังงา

5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น

คิดถึงทะเลกันไหม… แอดนั้นคิดถึงทะเลที่สุด คิดถึงน้ำทะเลใสๆ คิดถึงความสวยงามของแนวปะการัง คิดถึงฝูงปลาตัวเล็กตัวน้อยที่ว่ายล้อไปกับดอกไม้ทะเล ถ้าเพื่อน ๆ คิดถึงทะเล คิดถึงการดำน้ำตื้นเหมือนกัน แอดมีลิสต์ 5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้นมาฝาก 1.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์.หากพูดถึงปะการัง การดำน้ำตื้น และโลกใต้ทะเลที่สวยงามอันดับต้น ๆ ของประเทศไทย ต้องยกให้ “อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์” เป็นหนึ่งในลิสต์ เราสามารถไปเที่ยวแบบ One day trip เพื่อดำน้ำดูปะการังได้ แต่หากใครอยากใช้เวลาชิลล์ ๆ แบบไม่รีบร้อน ก็ค้างคืนได้ค่ะ บนอุทยานฯ มีศูนย์บริการสำหรับนักท่องเที่ยวและบ้านพัก.นักท่องเที่ยวขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือคุระบุรี ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.15 ชั่วโมง.เดือนน่าเที่ยว : เดือนพฤศจิกายนถึงเดือนเมษายน.ฤดูการท่องเที่ยวปิดเตั้งแต่วันที่ 16 พฤศจิกายน – 15 พฤษภาคม ของทุกปี.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงาโทร. 0 7647 2145 2.อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน.เกาะสิมิลันหรือเกาะแปด เป็นเกาะขนาดใหญ่ที่สุดของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน ขึ้นชื่อว่า มีน้ำทะเลที่ใสราวกระจกและหาดทรายขาวละเอียดที่สุดของเมืองไทย.สายดำน้ำห้ามพลาด เพราะที่นี่นับเป็นสวรรค์ของนักดำน้ำอีกแห่งเลยทีเดียว เพื่อน ๆ จะได้พบกับฝูงปลาหลากสีแวะเวียนว่ายมาทักทาย ปะการังที่สวยงาม และสัตวน้ำนานาชนิด เป็นหมู่เกาะที่อุดมสมบูรณ์มาก ๆ เลยทีเดียว.คำว่า “สิมิลัน” เป็นภาษายาวี แปลว่า เก้า ซึ่งหมายถึงเกาะทั้งเก้า ประกอบด้วย เกาะหูยง เกาะปายัง เกาะปาหยัน เกาะเมียง เกาะห้า เกาะปายู เกาะหัวกะโหลก(เกาะบอน) เกาะสิมิลัน(เกาะแปด) และเกาะบางู.นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือทับละมุ ใช้ระยะเวลาประมาณ 1.30 ชั่วโมง.เดือนน่าเที่ยว : ช่วงเดือนตุลาคมถึงเดือนพฤษภาคมในช่วง 1 พฤษภาคม – 31 ตุลาคมของทุกปี หมู่เกาะสิมิลันจะปิดเกาะเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ.บ้านทับละมุ ถนนเพชรเกษม ตำบลลำแก่น อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสิมิลัน โทร. 0 7642 1365 3.หมู่เกาะง่าม จังหวัดชุมพร.หมู่เกาะง่ามอยู่ในพื้นที่ของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร เป็นจุดที่สามารถดำได้ทั้งน้ำลึกและน้ำตื้น มีธรรมชาติที่สมบูรณ์มาก ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย จุดไฮไลท์ที่นักท่องเที่ยวนิยมมาดำน้ำกันคือที่เกาะง่ามน้อย เดือนน่าเที่ยว : เดือนพฤษภาคมถึงเดือนตุลาคม ซึ่งในช่วงนี้หากโชคดีอาจได้พบกับฉลามวาฬด้วยนะ.ตำบลหาดทรายรี อำเภอเมืองชุมพร จังหวัดชุมพรอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โทร. 0 7755 8144 4.เกาะหวาย จังหวัดตราด.ทะเลภาคตะวันออกก็สวยไม่แพ้ภาคใต้นะคะ เกาะหวาย ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง เป็นเกาะที่มีเเนวปะการังน้ำตื้นให้ดำดูได้อย่างเพลิดเพลิน และสวยงามไม่แพ้ที่ไหน ๆ รวมถึงมีสัตว์น้ำทะเลหายากต่าง ๆ ซึ่งไฮไลท์ที่ห้ามพลาด ก็คือปะการังสีน้ำเงินที่หายากนั่นเอง.สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเทียบเรือบ้านบางเบ้า ใช้ระยะเวลาประมาณ 40 นาที.เดือนน่าเที่ยว : ช่วงเดือนพฤศจิกายนถึงปลายเดือนเมษายน.ตำบลเกาะช้างใต้ อำเภอเกาะช้าง จังหวัดตราดททท. สำนักงานตราด โทร. 0 3959 7259-60 5.เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี.หากจะบอกว่า ทะเลสวย น้ำใส ปะการังดีก็ต้องไม่พลาดที่นี่ แถมใกล้กรุงเทพฯ ขับรถประมาณ 2 ชั่วโมงเราก็ได้ดำน้ำดูปะการังแล้ว.เกาะแสมสารอยู่ในการกำกับดูแลของพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติเกาะและทะเลไทย สามารถเที่ยวได้แบบ One day trip เท่านั้นไม่สามารถพักค้างได้ แต่แน่นอนว่าความอุดมสมบูรณ์ใต้ท้องทะเลก็สวยไม่แพ้ภาคใต้เลย นับว่าเป็นอีกแห่งที่เที่ยวงบหลักร้อย แต่ได้วิวหลักล้าน.สามารถขึ้นเรือที่ท่าเรือเขาหมาจอ ซื้อตั๋วได้ที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (ไม่มีบริการจองตั๋วล่วงหน้า) ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปยังเกาะแสมสารประมาณ 30 นาที.เดือนน่าเที่ยว : เที่ยวได้ทั้งปี.ตำบลช่องแสมสาร อำเภอสัตหีบ จังหวัดชลบุรีโทร. 038 432 475, 038 432 473

5 แหล่งดำน้ำดูปะการังน้ำตื้น อ่านเพิ่มเติม

สปาโคลนร้อน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกไคร : พังงา

ชุมชนบ้านโคกไคร หมู่บ้านเล็ก ๆ ในอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา มีเขาหมูกโครง (เขาจมูกคน) สัญลักษณ์ในพื้นที่ตั้งตระหง่าน และมีคลองมะรุ่ยไหลผ่านเป็นเขตแดนระหว่างอำเภอทับปุด จังหวัดพังงา กับอำเภอคลองท่อม จังหวัดกระบี่นั่นเอง . กิจกรรมท่องเที่ยวหลัก ๆ ของชุมชน คือ การทำสปาโคลนธรรมชาติซึ่งเป็นโคลนร้อนที่สะอาดบริสุทธิ์ รวมทั้งมีแร่ธาตุต่าง ๆ สามารถพอกได้ทั้งใบหน้าและลำตัวเลยค่ะ อ้อ!! สปาโคลนที่นี่ต้องนัดหมายล่วงหน้าเท่านั้นนะคะ ซึ่งในเดือนนึงเราสามารถทำสปาโคลนได้ไม่กี่วันเท่านั้น ขึ้นอยู่กับเวลาน้ำขึ้น-น้ำลง สามารถเช็คตารางปฏิทินในแต่ละเดือนกับทางชุมชนได้เลยค่ะ . อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญคือ การทำประมงพื้นบ้าน เมื่อเราเดินทางไปถึงหมู่บ้าน เราจะสังเกตเห็นกระชังเรียงรายบริเวณท่าเรือ มีตั้งแต่หอยตลับ ธนาคารปู และพระเอกของชุมชนนั่นก็คือ “หอยนางรม” ซึ่งที่นี่ถือว่าเป็นแหล่งเลี้ยงหอยนางรมที่สำคัญของประเทศเลยทีเดียว เราออกจากที่พักในอำเภอเมืองพังงากันตั้งแต่เช้า ให้ทันนัดหมายกับคุณสมพร (ประธานกลุ่มท่องเที่ยวบ้านโคกไคร) เพื่อลงเรือที่หมู่บ้านกันตอน 6 โมงเช้า ก่อนลงเรือเราได้ปฏิบัติตามมาตรการสาธารณสุข โดยมีการเช็คอุณหภูมิร่างกายและการแสกน QR Code ไทยชนะ เพื่อเช็คอินเข้าสู่ชุมชน พอฟ้าเริ่มสว่าง พวกก็เราลงเรือเพื่อไปยังจุดที่ทำสปาโคลนกัน ใช้เวลาเดินทางประมาณ 15 นาที ระหว่างทางได้ชมบรรยากาศ 2 ฝั่งคลองมะรุ่ย มีหมอกปกคลุม อากาศเย็นสบายมากกก และแล้วเราก็เดินทางมาถึงบริเวณหาดทรายร้อน ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่น้ำทะเลลดพอดี โดยมีบังอิ๊บ ไกด์ชุมชนเป็นวิทยากร.บังอิ๊บแนะนำให้เราถอดรองเท้าเดินสัมผัสพื้นทรายและหมักโคลนร้อนที่เท้า เพื่อให้รู้สึกผ่อนคลาย พร้อมกับเล่าว่าบริเวณนี้เป็นรอยเลื่อนคลองมะรุ่ย ซึ่งเป็นรอยเลื่อนของเปลือกโลกที่ยังคงปล่อยพลังงานอยู่ ทำให้มีความร้อนขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง และเราก็ได้มาซึ่งแฟชั่นรองเท้าบู๊ทแห่งบ้านโคกไคร หลังจากหมักโคลนที่เท้าให้ได้สัมผัสความร้อนกันแล้ว เราก็มาพอกตัวกันต่อค่ะ แต่โคลนที่ใช้พอกตัวจะเป็นคนละจุดกับที่เราหมักเท้าไปเมื่อสักครู่ค่ะ.โดยโคลนที่พอกตัวจะนำมาจากบ่อโคลน ที่อยู่ลึกลงไปประมาณ 1 เมตร มีความสะอาดบริสุทธิ์ หากเราต้องการเลือกพอกเฉพาะหน้า แขน หรือขา ก็สามารถแจ้งพี่เจ้าหน้าที่ได้ โดยทางชุมชนจะมีผ้าให้เปลี่ยนค่ะ พอกโคลนเสร็จแล้วเราก็มานั่งพักเพื่อให้โคลนแห้ง ระหว่างนั้นก็จิบชาใบขลู่ ซึ่งเป็นสมุนไพรขึ้นชื่อของที่นี่ และทานขนมที่ทางชุมชนบริการให้ถึงที่.พร้อมเพลิดเพลินกับบรรยากาศที่เงียบสงบ เป็นส่วนตัว เพราะมีกลุ่มเราแค่กลุ่มเดียว เรียกว่าการบริการของเจ้าหน้าที่ชุมชนที่นี่ ไม่แพ้โรงแรม 5 ดาวเลยค่ะ เสร็จจากการพอกโคลนแล้ว กิจกรรมของเราก็ยังไม่จบเพียงเท่านี้ค่ะ อย่างที่บอกไปว่าอาชีพดั้งเดิมของที่นี่คือประมงพื้นบ้าน ซึ่งหนึ่งในก็นั้นคือ หอยนางรม แน่นอนค่ะ!! เราก็ต้องไม่พลาดที่จะชิมหอยนางรมของที่นี่.โดยเค้ามีการสอนวิธีทานตามแบบฉบับบ้านโคกไครด้วย บอกเลยว่าสดและฟินมากกก!!! แอดให้คะแนน 10/10 ไม่หักเลยค่ะ อิอิ ก่อนกลับยังมีผลิตภัณฑ์ของชุมชนให้ได้เลือกซื้อ เช่น ชาใบขลู่ ที่เป็นสมุนไพรท้องถิ่น และสครับจากเปลือกหอยนางรม สามารถซื้อติดไม้ติดมือกลับไปฝากคนที่บ้าน เป็นการกระจายรายได้สู่ชุมชนด้วยน้า.บ้านโคกไครหมู่ที่ 1 ตำบลมะรุ่ย อำเภอทับปุด จังหวัดพังงาเช็คตารางวันที่และราคาทำกิจกรรมได้ที่คุณสมพร สาระการ (ประธานชุมชนบ้านโคกไคร) โทรศัพท์ 087 886 0465

สปาโคลนร้อน ชุมชนท่องเที่ยวบ้านโคกไคร : พังงา อ่านเพิ่มเติม

เส้นทางท่องเที่ยวพังงา 2 วัน 1 คืน

เส้นทางท่องเที่ยวพังงา 2 วัน 1 คืน วันที่ 1– สะพานไม้เก่า หาดเขาปิหลาย– วัดท่าไทร หรือ วัดเทสก์ธรรมนาวา– หาดเขาหลัก– Better Surf Thailand วันที่ 2– สะพานเหล็กโคกขนุน– เมืองเก่าตะกั่วป่า– ล่องเรือคลองสังเน่ห์ วันที่ 1.เริ่มกันที่ สะพานไม้เก่า หาดเขาปิหลาย.สะพานแห่งนี้ เดิมสร้างขึ้นเพื่อใช้สำหรับขนแร่ดีบุกจากแหล่งแร่ในทะเลมายังโรงแยกแร่บนฝั่ง ซึ่งสะพานแห่งนี้ถูกใช้งานมายาวนานกว่า 100 ปี เมื่อหมดยุคเหมืองแร่ สะพานแห่งนี้ก็ถูกปล่อยทิ้งร้างจนชำรุดทรุดโทรมลง และกลายมาเป็นจุดถ่ายรูปที่นักท่องเที่ยวและเหล่าช่างภาพต่างแวะเวียนมาอยู่เสมอ.สะพานไม้เก่า หาดเขาปิหลายที่ตั้ง ตำบลโคกกลอย อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน ที่ต่อมาเรามากันที่ วัดท่าไทร หรือ วัดเทสก์ธรรมนาวา.ในอดีตบริเวณนี้เรียกว่า “ป่าท่าไทร” เนื่องจากมีต้นไม้ขึ้นอยู่เต็มพื้นที่ และยังเคยเป็น “ป่าช้า” ที่ชาวบ้านในพื้นที่และละแวกใกล้เคียงนำศพมาเผาหรือฝัง.ภายหลังป่าท่าไทรได้รับการพัฒนาให้กลายเป็นวัด ชื่อว่า วัดท่าไทร และต่อมาเปลี่ยนเป็น วัดเทสก์ธรรมนาวา สิ่งที่น่าสนใจในวัดแห่งนี้ก็คือ อุโบสถที่สร้างจากไม้สัก ตกแต่งด้วยลวดลายแกะสลักอ่อนช้อยสวยงาม.โดยรูปแบบของอุโบสถนั้นถอดแบบมาจาก อุโบสถวัดอรัญวาสี อำเภอท่าบ่อ จังหวัดหนองคาย ผสมผสานกับการแกะสลักไม้จากช่างชาวเชียงใหม่ ภายในประดิษฐานพระประธานคือ พระพุทธรูปปางปฐมเทศนา แกะสลักจากหินหยกขาว มีขนาดหน้าตักกว้างประมาณ 55 นิ้ว สูงประมาณ 2.15 เมตร และพระพุทธปางต่าง ๆ ใกล้กับอุโบสถ มีชายหาดทอดยาว สามารถเดินเล่นรับลมทะเลได้ บริเวณชายหาดแห่งนี้ยังเป็นจุดที่เต่าทะเล มาวางไข่ในฤดูวางไข่อีกด้วย.วัดเทสก์ธรรมนาวาที่ตั้ง บ้านท่าแตง ตำบลนาเตย อำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น. ถัดมาที่ หาดเขาหลัก.หาดแห่งนี้เป็นสถานที่ท่องเที่ยวทางทะเลที่นักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติรู้จักและได้รับความนิยมเป็นอันดับต้น ๆ.บริเวณนี้มีหาดทรายกว้างและก้อนหินก้อนเรียงรายอยู่มากมาย ร่มรื่นด้วยต้นสน ต้นมะพร้าว บรรยากาศเงียบสงบ เหมาะสำหรับนั่งพักผ่อน.บริเวณริมชายหาดยังเป็นที่ตั้งของโรงแรมและรีสอร์ทหลายแห่งที่สร้างได้กลมกลืนกับบรรยากาศของชายทะเล.หาดเขาหลักอุทยานแห่งชาติเขาหลัก-ลำรู่ อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน อีกหนึ่งกิจกรรมที่ได้รับความนิยมในบริเวณหาดเขาหลักคือ การเล่นกิจกรรมโต้คลื่น.การเตรียมตัวก่อนเรียนโต้คลื่น1. ก่อนเรียนควรรับประทานอาหารและดื่มน้ำในปริมาณที่เหมาะสม เพื่อไม่ให้เกิดอาการจุกระหว่างเล่น2. สำหรับผู้เริ่มเรียน แนะนำให้ใส่ชุดว่ายน้ำแบบ Rash guard (ชุดว่ายน้ำแขนยาว) เพื่อลดการเสียดสีระหว่างร่างกายกับกระดานโต้คลื่น ไม่แนะนำให้ถอดเสื้อ หรือใส่ชุดว่ายน้ำแบบบิกินี่ (Bikini) เนื่องจากอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บได้3. สำหรับผู้เริ่มเล่น แนะนำให้ใช้กระดานโต้คลื่นแบบ Soft-top ซึ่งเป็นโฟมที่มีผิวนุ่ม เพื่อป้องกันการเกิดอุบัติเหตุ แต่สำหรับผู้ที่มีพื้นฐานแล้ว สามารถใช้กระดานแบบ Hard Board ที่ทำจาก Fiberglass PU หรือ Epoxy จะเป็นพื้นผิวสัมผัสที่แข็งกว่าได้4. ควรออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อให้ร่างกายแข็งแรง พร้อมสำหรับการเล่นโต้คลื่น ในครั้งนี้แอดใช้บริการของ Better Surf Thailand ราคาเริ่มต้นที่ 1,200 บาท ต่อคน.ราคานี้รวมการสอนทฤษฎีบนบก 30-45 นาที และลงเล่น Surf จริงในน้ำอีก 1 ชั่วโมง.สำหรับใครที่ไม่มีพื้นฐานในการเล่น Surf ก็สามารถลองเล่นได้ เพราะจะมีการสอนทฤษฎีก่อน และเมื่อลงเล่นจริงครูฝึกก็จะคอยประกบอยู่ข้าง ๆ ตลอดเลยล่ะ สำหรับผู้ที่เล่นเป็นหรือมีพื้นฐานแล้ว สามารถเช่ากระดานเล่นได้ ค่าเช่ากระดานชั่วโมงละ 300 บาท หรือเหมาจ่ายทั้งวัน 500 บาท.Better Surf Thailandที่ตั้ง Memories Beach ตำบลคึกคัก อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน เวลา 07.00-18.00 น.โทร. 082 424 9257Facebook: Better Surf ThailandLine : @Bettersurf หรือ กดที่นี่ http://bit.ly/2QAoEbSดูข้อมูลภาพกิจกรรมและวิดีโอได้ที่ www.bettersurfthailand.com วันที่ 2 เริ่มต้นที่ สะพานเหล็กโคกขนุน.สะพานเหล็กโคกขนุน หรือ สะพานเหล็กบุญสูง เป็นสะพานที่สร้างขึ้นเพื่อใช้เป็นเส้นทางให้ชาวบ้านสัญจรข้ามแม่น้ำตะกั่วป่าในสมัยทำเหมือง มีความยาวประมาณ 200 เมตร ตัวสะพานทำจากเหล็กของเรือขุดแร่ที่ไม่ได้ใช้การแล้ว ซึ่งเปิดให้รถจักรยานและรถจักรยานยนต์สัญจรไปมาได้เท่านั้น.ปัจจุบัน สะพานเหล็กแห่งนี้กลายเป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินที่นักท่องเที่ยวหรือผู้คนที่ผ่านไปมามักจะแวะถ่ายรูปอยู่เสมอ.สะพานเหล็กโคกขนุนตำบลบางนายสี อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน ไปต่อกันที่เมืองเก่าตะกั่วป่า.ย้อนวันวานอันงดงามของตะกั่วป่า ด้วยการเดินถ่ายรูปบนถนนศรีตะกั่วป่า ซึ่งเป็นถนนสายสำคัญตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน ถนนสายนี้ สะท้อนถึงความสวยงามในอดีตของเมืองตะกั่วป่าได้เป็นอย่างดี มีตึกเก่าเรียงรายอยู่อย่างสวยงาม มองไปตรงไหนก็ดูคลาสสิก ถ่ายรูปได้หลายมุมเลย นอกจากนั้นยังมี Street Art ให้เราไปถ่ายรูปด้วยนะ เมืองเก่าตะกั่วป่าถนนศรีตะกั่วป่า ตำบลตะกั่วป่า อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาเปิดทุกวัน ปิดท้ายกันที่ กิจกรรมล่องเรือคลองสังเน่ห์.ในอดีตคลองสังเน่ห์ เป็นเส้นทางสัญจรทางน้ำที่สามารถล่องไปได้จนถึงทะเลอันดามัน ปัจจุบัน คลองแห่งนี้กลายเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่กำลังได้รับความนิยม กิจกรรมหลักคือล่องเรือพายหรือเรือยนต์ขนาดเล็กไปชมลำคลอง ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง.ระหว่างทางจะพบอุโมงค์ต้นไทรขึ้นปกคลุมทั้งสองฝั่งคลอง ทัศนียภาพคล้ายกับลุ่มน้ำอะเมซอน จนหลาย ๆ คนเรียกที่นี่ว่า “ลิตเติ้ลอะเมซอน (Little Amazon)” กิจกรรมล่องเรือคลองสังเน่ห์ตำบลบางนายสี อำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงาค่าบริการ– เรือพาย ลำละ 500 บาท นั่งได้ 2 คน– เรือยนต์ ลำละ 700 บาท นั่งได้ 2 คนเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.โทร. 086 953 1789 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 12 สิงหาคม 2563

เส้นทางท่องเที่ยวพังงา 2 วัน 1 คืน อ่านเพิ่มเติม

บ้านท่าดินแดง จ.พังงา . ดินแดนแห่งทะเล และป่าเขา

“บ้านท่าดินแดง” ชุมชนเล็กๆ ในอำเภอท้ายเหมือง จังหวัดพังงา ซึ่งมีกิจกรรมให้ทำมากมาย คราวนี้แหละ เราจะได้สัมผัสทั้งบรรยากาศทะเล ภูเขา ป่าชายเลน และความน่ารักของชาวบ้านในชุมชน รับรองว่าฟินแน่นอน พายเรือคายัคชมป่าชายเลน ป่าชายเลนของบ้านท่าดินแดงมีระบบนิเวศที่อุดมสมบูรณ์มาก ระหว่างทางจะได้สัมผัสกับความสวยงามและร่มรื่นของป่าโกงกาง บอกเลยว่าบรรยากาศดีมากๆ ป่าชายเลนแห่งนี้เป็นที่อยู่ของสัตว์น้อยใหญ่หลายชนิด รวมทั้งปูทะเล ชาวบ้านจึงสามารถหาปูทะเลได้จากบริเวณนี้  ทุ่งหญ้าสะวันนา ทุ่งหญ้ากว้างใหญ่ ให้บรรยากาศเหมือนอยู่ในแอฟริกา ในช่วงหน้าร้อน ทุ่งหญ้าจะเป็นสีน้ำตาลทอง ส่วนช่วงหน้าฝน ทุ่งหญ้าจะเปลี่ยนเป็นสีเขียว ได้บรรยากาศสวยงามกันคนละแบบ ทุ่งหญ้าสะวันนาเป็นที่เจริญเติบโตของพืชหลายชนิด โดยเฉพาะต้นเสม็ดขาว ที่ลำต้นจะมีเยื่อบางๆ ลอกออกมาเป็นแผ่นได้ ซึ่งเปลือกของต้นเสม็ดขาวนั้นสามารถนำไปทำเป็นฝาบ้านหรือมุงหลังคาได้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยในการเก็บอุณหภูมิให้เย็นอยู่เสมอ ต้นเสม็ดขาวจะขยายพันธุ์โดยอาศัยความร้อน ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า หรือการเผา หาดเขาหน้ายักษ์ หาดแห่งนี้มีความยาวประมาณ 13 กิโลเมตร เป็นหาดที่ค่อนข้างสงบ ที่สำคัญทรายขาว และน้ำทะเลใสมากกกกกกกก นอกจากนี้ยังมีโขดหินรูปร่างสวยงามแปลกตาอยู่มากมาย.ทำไมถึงชื่อเขาหน้ายักษ์  ว่ากันว่า แต่ก่อนเขาด้านที่หันหน้าออกไปทางหมู่เกาะสิมิลัน มีหน้าผาที่มีรูปร่างเหมือนใบหน้ายักษ์ที่กำลังโกรธเกรี้ยวอยู่ ในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เรือรบของทหารญี่ปุ่นที่แล่นผ่านบริเวณนี้ได้จมลงโดยไม่มีสาเหตุหลายลำ ทหารญี่ปุ่นเชื่อว่าน่าจะเกิดจากอาถรรพ์ของหน้าผานี้ จึงใช้ปืนใหญ่ยิงทำลายหน้ายักษ์จนพังทลายลง กลายเป็นที่มาของชื่อเขาหน้ายักษ์ในที่สุด ที่นี่อุดมสมบูรณ์จริงๆ ในป่าชายเลนก็หาปูได้ พอมาที่ทะเล แม้จะเป็นบริเวณน้ำตื้นก็ยังสามารถหาปลาได้อย่างง่ายดาย ผักไฮโดรโปรนิกส์ หลังเกิดเหตุการณ์สึนามิ ทรัพยากรต่างๆ ได้รับความเสียหาย ดินไม่สามารถนำมาเพาะปลูกได้ ชาวบ้านจึงเปลี่ยนมาปลูกผักแบบไร้ดิน หรือไฮโดรโปรนิกส์แทน ปัจจุบันที่นี่ปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์ประมาณ 100 โรงเรือน และได้ก่อตั้งเป็นกลุ่มวิสาหกิจชุมชนปลูกผักบ้านท่าดินแดง ผักที่ปลูกมีทั้งผักกาดขาว คะน้า กวางตุ้ง และผักสลัด ทางกลุ่มฯ จะขายผลผลิตให้แก่ลูกค้าโดยตรง ไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ผักของที่นี่เขาส่งให้โรงแรมที่เขาหลักและภูเก็ต รวมไปถึงโรงพยาบาลที่อยู่ใกล้เคียงในพังงาด้วยนะ สุดยอด นอกจากการปลูกผักไฮโดรโปรนิกส์แล้ว ชาวบ้านยังเลี้ยงสัตว์หลายชนิดเพื่อบริโภคอีกด้วย เช่น ไก่ แพะ และปลาดุก โดยทั้งหมดเลี้ยงตามธรรมชาติ มิน่าล่ะ ไก่ไข่ถึงฟองใหญ่น่าทานมากๆ เหมืองแร่โบราณ สมัยก่อนชาวบ้านแถวนี้นิยมทำเหมืองแร่ดีบุกกันเยอะ แต่เมื่อหมดยุคเฟื่องฟูของการทำเหมือง ชาวบ้านหันมาทำการเกษตรแทน ทำให้เหมืองแร่ถูกปล่อยทิ้งร้าง เหลือเพียงรางแร่คอนกรีตคู่ ยาว 40 เมตร ไว้ให้เราได้เห็นร่องรอยของความรุ่งเรืองในอดีตเท่านั้น ถึงแม้ปัจจุบันที่นี่จะไม่มีการทำเหมืองแล้ว แต่ก็ยังมีการสาธิตวิธีการร่อนแร่ให้ชมอยู่นะ. . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . . .อ่านมาถึงตรงนี้ เพื่อนๆ เริ่มอยากไปเที่ยวบ้างแล้วละสิ งั้นก็หาวันว่าง แล้วไปเที่ยวบ้านท่าดินแดงกันเถอะ เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 22 มีนาคม 2562

บ้านท่าดินแดง จ.พังงา . ดินแดนแห่งทะเล และป่าเขา อ่านเพิ่มเติม

Amazing Phang Nga เกาะพระทอง สะวันนาแห่งแดนใต้

เกาะพระทอง ตั้งอยู่ในพื้นที่อำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา เป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดพังงาและใหญ่เป็นอันดับ 5 ของประเทศไทย พื้นที่บนเกาะพระทองส่วนใหญ่เป็นดินปนทราย มีความสวยงามและยังมีธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์อยู่มาก นักท่องเที่ยวสามารถมาพักผ่อนที่ The Moken Eco Village ซึ่งเป็นทั้งที่พักและยังมีกิจกรรมต่าง ๆ ให้ทำมากมาย เกาะพระทองจะมีช่วงเวลาปิดเกาะ คือช่วงปลายเดือนเมษายน-ตุลาคมของทุกปี สำหรับการเดินทางไปเกาะพระทอง เราสามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรือคุระบุรี ซึ่งเป็นท่าเรือข้ามไป The Moken Eco Village ที่อยู่ห่างจากฝั่ง 2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงโดยเรือหางยาวขนาดกลาง เรือจะจอดให้เราขึ้นเกาะได้สองฝั่งคือ ด้านหน้าหาดและหลังหาด.ค่าบริการเรือเรือหางยาว เที่ยวละ 1,500 บาท ใช้เวลาสักพักเราก็มาถึงเกาะพระทองกันแล้ว The Moken Eco Village เป็นที่พักแบบ Eco มีห้องพักประมาณ 20 ห้อง ไม่มีไฟฟ้าแต่จะใช้พลังงานสะอาดทั้งหมด (Solar Cells) ซึ่งจะหยุดการทำงานในเวลา 21.00 น. แต่สามารถใช้พลังงานที่สะสมต่อได้ตลอดคืน  บอกเลยว่าใช้ชีวิตกันแบบเรียล ๆ และสัมผัสธรรมชาติอย่างใกล้ชิดแบบนี้แหละ.ค่าบริการห้องพักราคาเริ่มต้นที่ 2,400 บาท/ห้อง**ราคาขึ้นอยู่กับฤดูกาล แนะนำให้สอบถามราคาโดยตรงกับที่พัก** ล้างหน้าล้างตากันสักหน่อยเพราะเจอลมทะเลมาเต็ม ๆ ช่วงเวลาก่อนพระอาทิตย์ตกดิน บรรยากาศเเดดร่มลมตกแบบนี้ พร้อมแล้วกับกิจกรรมแรกของพวกเรา รถพร้อมเราก็พร้อม ไปเยือนทุ่งหญ้าสะวันนาแห่งภาคใต้กันเลย  ไฮไลท์ของเรามาแล้ว ที่นี่ได้รับการขนานนามว่าเป็น “สะวันนาแห่งภาคใต้” เพราะมีทุ่งหญ้าสีเหลืองทองเตี้ย ๆ เรียกว่า หญ้าเสือหมอบ ขึ้นสลับกับต้นเสม็ดขาวที่ตั้งกระจายเป็นหย่อม ๆ จำนวนมาก อย่างกับอยู่ในป่าซาฟารีเลยล่ะ เป็นเอกลักษณ์ที่โดดเด่นและสวยงามของที่นี่ ซึ่งต้นอ่อนของหญ้าเสือหมอบนั้นก็เป็นอาหารหลักของกวางบนเกาะนั่นเอง ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะไปชมคือ ยามเช้าตรู่ หรือ ช่วงบ่ายแก่ ๆ หากโชคดีจะได้เห็นเหยี่ยวขาวและนกแก๊ก หรือนกเงือกพันธุ์เล็กที่สุดในประเทศไทยด้วยนะ ทุ่งสะวันนาบนเกาะพระทองจะเต็มไปด้วย “ต้นเสม็ดขาว” ที่ลำต้นจะมีเยื่อบาง ๆ ลอกออกมาเป็นแผ่น ๆ ได้ ซึ่งเปลือกของต้นเสม็ดขาวนั้นสามารถนำไปทำเป็นฝาบ้านหรือมุงหลังคาได้ เพราะมีคุณสมบัติช่วยในการเก็บอุณหภูมิให้เย็นอยู่เสมอ ต้นเสม็ดขาวจะขยายพันธุ์โดยอาศัยความร้อน ไม่ว่าจะเป็นไฟป่า หรือ การเผา นอกจากทุ่งหญ้าสะวันนาที่เราไปชมกันมาแล้ว เจ้าหน้าที่ยังพาเราเดินสำรวจและชมพืชพันธุ์เฉพาะถิ่นที่หายากอีกด้วย เช่น ดอกกระดุมเงิน ดอกสีขาวเล็ก ๆ ที่บานอยู่เต็มทุ่งไปหมดดอกศรนารายณ์ เป็นกล้วยไม้หายาก มีสีขาวแซมเหลือง ลักษณะเหมือนลูกศร ในพังงาสามารถพบได้ที่เกาะพระทองเท่านั้นหยาดน้ำค้างและหยดน้ำค้าง เป็นพืชกินแมลงมีทั้งสีเขียวและสีแดง น่ารักจุ๋มจิ๋ม บนเกาะพระทองนั้นไม่มีไฟฟ้า ไม่มีทีวี หรือสิ่งอำนวยความสะดวกมากมายนัก แต่กลับเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยมของนักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งแบบครอบครัวและคู่รักเลยค่ะ มีเตียงไม้เล็ก ๆ ให้นอนอาบเเดด หรือจะนั่งชิล ๆ ยามเย็นก็ฟินไปอีกแบบ ตะวันจะลับขอบฟ้า เราออกมาเดินรับลมริมหาดกันแบบชิล ๆ ซึมซับบรรยากาศนี้ไว้ ใครจะได้มาเที่ยวแบบนี้บ่อย ๆ ล่ะจริงมั้ย กิจกรรมยามดึกของเราในวันนี้ คือ การชมปูเสฉวน เรียกได้ว่าอลังการบ้านปูมากกก เราเดินตามเจ้าหน้าที่ไปยังจุดชมปูกันแบบมืดๆ เพราะปูเสฉวนจะออกหากินในตอนกลางคืน แต่แนะนำว่าให้เตรียมไฟฉายไปส่องปูด้วยนะคะ แอดเจอเพียบเลย มีทั้งตัวใหญ่ยักษ์ บ้างก็ตัวเล็ก อยู่กันเป็นฝูงเลยล่ะ ตื่นเต้น ๆ  เราใช้เวลาอยู่สักพักในการสำรวจหาเจ้าปู และถ้าโชคดีเราอาจจะได้เห็นฝูงกวางยามค่ำคืนด้วย เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 2 มกราคม 2562

Amazing Phang Nga เกาะพระทอง สะวันนาแห่งแดนใต้ อ่านเพิ่มเติม

5 เกาะสวย ดำน้ำดูปะการัง…สุดฟิน

เริ่มเข้าสู่ซีซั่นแห่งท้องทะเลกันแล้ว ช่วงนี้เหมาะแก่การไปเที่ยวทะเลแบบสุดๆ วันนี้แอดเลยจะมาแนะนำ 5 เกาะสวยทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ที่พร้อมให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกับความงดงาม และทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ ชมปะการัง เล่นน้ำทะเลใสๆ หรือเดินเล่นบนหาดทรายขาว หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา หมู่เกาะสุรินทร์เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามัน ตั้งอยู่ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ถือเป็นจุดดำน้ำดูปะการังยอดฮิต ที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์ที่สุดและโดดเด่นในเรื่องความสวยงามของท้องทะเลที่ไม่แพ้ที่ไหนเลยทีเดียว ช่วงเวลาเปิดเกาะ : 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคม ของทุกปี ค่าธรรมเนียมชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 300 บาท นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเรือโดยสารจากท่าเรือคุระบุรีไปยังหมู่เกาะสุรินทร์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง – 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือซื้อแพ็กเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ก็ได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โทร.076 472 145-6 เกาะทะลุ จังหวัดระยอง เกาะทะลุ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด มีความโดดเด่นในเรื่องของน้ำทะเลสีฟ้าใสและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่สวยงาม ไฮไลท์อยู่ที่จุดดำน้ำตื้นบริเวณเกาะทะลุ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นโพรง เราสามารถลงไปแหวกว่ายชมโลกใต้ทะเลที่มีปะการังและเหล่าปลาน้อยใหญ่ได้ ขอบอกว่าสวยไม่แพ้ทะเลใต้เลย การเดินทางไปยังจุดดำน้ำเกาะทะลุนั้น เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเหมาเรือจากเกาะเสม็ด ท่าเรือบ้านเพ หรือชายหาดอำเภอแกลง หรือซื้อแพ็กเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038 653 03ททท. สำนักงานระยอง โทร. 038 655 420-1 เกาะช้าง จังหวัดตราด เกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตราดและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทย ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีปะการังสวยที่สุดในบรรดาหมู่เกาะทางภาคตะวันออก เหมาะสำหรับการดำน้ำทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเลยล่ะ เกาะช้างสามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี แต่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม เป็นช่วงที่มีคลื่นลมน้อยที่สุด การเดินทางไปเกาะช้างหรือเกาะต่างๆ จึงค่อนข้างสะดวก บนเกาะช้างมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า นอกจากนั้นยังมีแพขนานยนต์ที่สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลข้ามไปใช้สัญจรบนเกาะได้อีกด้วย ค่าธรรมเนียมชาวไทย– วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท– วันศุกร์ – วันอาทิตย์ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท การเดินทางไปยังเกาะช้าง สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติหรือท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ เฟอร์รี่ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมท่าเรืออ่าวธรรมชาติ โทร. 039 555 188, 039 512 528, 081 943 5872ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ โทร. 039 538 196, 039 597 198, 086 056 9555 หมู่เกาะง่าม จังหวัดชุมพร หมู่เกาะง่าม ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ประกอบด้วยเกาะง่ามใหญ่ และเกาะง่ามน้อย ซึ่งมีทรัพยากรทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย เกาะง่ามใหญ่และเกาะง่ามน้อย นับเป็นแหล่งดำน้ำที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งทางฝั่งอ่าวไทย โดยดำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเลย ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เมษายนของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาเที่ยวชม แต่ถ้ามาในช่วงเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม เราก็อาจจะได้เห็นฉลามวาฬด้วยนะ สามารถติดต่อขึ้นเรือได้ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ซึ่งให้บริการเรือแบบเหมาลำ หรือจะใช้บริการของบริษัทสยามคาตามารันที่ให้บริการท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลชุมพรก็ได้ ค่าธรรมเนียมชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โทร. 077 558 144 (ในวันและเวลาราชการ) เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี เกาะแสมสารเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อำเภอสัตหีบ เป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยที่สวยไม่แพ้ฝั่งอันดามันเลยทีเดียว เกาะแสมสารสามารถมาเที่ยวแบบ One day trip ได้ และเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยมีหาดที่เปิดให้เที่ยวชมอยู่ 2 หาด คือ หาดเทียน และหาดลูกลม ซึ่งมีจุดดำน้ำที่สวยงาม มีปะการังหลากหลายสีสัน และหายทรายสีขาวนวล นอกจากนี้นี้ยังมีร้านขายขนมและเครื่องดื่มด้วย ซื้อตั๋วได้ที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (ไม่มีบริการจองตั๋วล่วงหน้า) ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปยังเกาะแสมสารประมาณ 30 นาที รอบเรือไปเกาะแสมสาร09.00 / 10.00 / 11.00 / 12.00 และ 13.00 น.รอบเรือเที่ยวกลับ11.30 / 12.30 / 13.30 / 15.30 และ 16.00 น. ค่าเรือบริการ (ไป-กลับ รวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 220 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 600 บาท เด็ก 600 บาท ค่าบริการกิจกรรมดำน้ำ คนละ 50

5 เกาะสวย ดำน้ำดูปะการัง…สุดฟิน อ่านเพิ่มเติม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ : 14 พื้นที่ชุ่มน้ำที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) 1 พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน.พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศแห่งแรกของประเทศไทย มีลักษณะเป็นพื้นที่พรุไม้เสม็ดขาว มีกก หญ้ากระจูด กระจูดหนู ขึ้นอยู่หนาแน่น ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบสงขลา .ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ.เป็นบึงน้ำจืดที่มีลักษณะแคบยาว เกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกัน โดยน้ำในบึงจะไหลลงสู่แม่น้ำสงคราม ก่อนไหลออกแม่น้ำโขง ในพื้นที่มีเกาะกลางบึง ได้แก่ ดอนแก้ว ดอนสวรรค์ ดอนโพธิ์ ดอนน่อง และนอกจากนี้บนเกาะยังมีป่าดิบแล้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์อีกด้วย.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา และตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ  3 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย.เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของทะเลสาบเชียงแสน มีการสำรวจพบพันธุ์ไม้ในพื้นที่กว่า 185 ชนิด เช่น ผักบุ้ง บอน หญ้าไซ บัวหลวง กก เป็นต้น เป็นพืชต่างถิ่น 15 ชนิด เช่น กระถินยักษ์ หญ้าชน บัวบก และมะระขี้นก เป็นต้น.ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 4 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง-ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง .บริเวณนี้มีระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก โดยสังคมพืชในพื้นที่ประกอบด้วย ป่าดิบชื้น ป่าชายหาด ป่าชายเลน และจัดเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบรูณ์ของหญ้าทะเลมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งหากินของพะยูน ซึ่งถือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยอีกด้วย.ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน และอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 5 พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ .กุดทิงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่สำคัญหลายชนิด และยังพบปลาที่อยู่ในสถานะที่เสี่ยงต่อการถูกคุกคาม เช่น ปลายี่สก หรือปลาเอิน ฯลฯ นอกจากนี้กุดทิงยังเป็นที่อยู่อาศัยของกุ้งน้ำจืด 3 ชนิด คือ กุ้งฝอยเล็ก กุ้งฝอยใหญ่ และกุ้งฝอยแดงด้วย .ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 6 หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา.จุดเด่นของที่นี่คือแนวปะการังน้ำลึก ที่มีความหลากหลายของชนิดปะการังมากกว่าที่อื่น มีการสำรวจพบแนวปะการังที่เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ เกาะกลาง เกาะเมี่ยง เกาะตารี และเกาะอื่นๆ โดยที่เกาะสุรินทร์มีแนวปะการังที่สมบูรณ์อยู่ที่อ่าวช่องขาด และอ่าวแม่บาย ปะการังที่พบมาก ได้แก่ ปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังดอกเห็ด ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังดาวใหญ่ และปะการังไฟ เป็นต้น.ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรี และอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา 7 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา .เป็นอ่าวตื้นที่ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 132,381 ไร่ โดยบริเวณอ่าวพังงาประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 42 เกาะ เช่น เกาะเขาเต่า เกาะพระอาดเฒ่า เกาะมะพร้าว เกาะปันหยี เกาะเขาพิงกัน เป็นต้น ถ้าเพื่อนๆ ไปที่จุดชมวิวเสม็ดนางชี ก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่บางส่วนของแนวป่าชายเลนและหมู่เกาะต่างๆ ได้อย่างชัดเจน.ที่ตั้ง : อำเภอเมือง และอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 8 พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่ .มีพื่นที่ครอบคลุมตั้งแต่สุสานหอย 75 ล้านปี เขตผังเมืองกระบี่ ป่าชายเลนหาดเลน เขาขนาบน้ำ หาดทรายลำคลองน้อมใหญ่หน้าเมืองกระบี่ ไปจนถึงป่าชายเลนและหญ้าทะเลผืนใหญ่ในบริเวณเกาะศรีบอยา  ที่นี่เป็นแหล่งชุมนุมของนกอพยพที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย พบนกอย่างน้อย 101 ชนิด เป็นนกประจำถิ่นอย่างน้อย 53 ชนิด เช่น นกยางเขียว นกนางนวลแกลบหงอนใหญ่ เหยี่ยวขาว เป็นต้น .ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 9 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี.หมู่เกาะอ่างทองประกอบด้วยเกาะต่างๆ ประมาณ 42 เกาะ ทั้งหมดเป็นเกาะขนาดเล็กและขนาดกลางตั้งอยู่เป็นกลุ่มเกาะกลางทะเล ส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนมีแนวหน้าผาสูงชันตั้งดิ่งจากพื้นที่น้ำทะเล นอกจากความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ทะเลแล้ว ป่าไม้บนแนวเขาก็ค่อยข้างอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าประจำถิ่นและนกอพยพกว่า 100 ชนิดเช่นกัน .ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10 พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม .ดอนหอยหลอดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเล มีลักษณะเป็นดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนปากแม่น้ำและตะกอนน้ำทะเลบริเวณปากแม่น้ำกลอง ทำให้แผ่นดินขยายออกไปในทะเลประมาณ 8 กิโลเมตร.จุดเด่นของที่นี่คือหาดเลน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยหลอด เอกลักษณ์สำคัญของพื้นที่ และยังมีหอยอีกหลายชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในประเทศไทยและในภูมิภาค.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 11 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส .พรุโต๊ะแดงเป็นป่าพรุผืนใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่ยังคงเหลืออยู่ มีคุณค่าต่อการศึกษาวิจัยและการท่องเที่ยว ท้องถิ่นและชุมชนได้ประโยชน์โดยตรงจากการเก็บของป่า เช่น หวาย หลุมพี น้ำผึ้ง เพื่อเป็นรายได้ของชุมชน ที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงทั้งพืชและสัตว์ มีการสำรวจพบสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น นกตะกรุม นกฟินฟุท นกเปล้าใหญ่ เต่าหับ เต่าดำ ตะโขง และจระเข้น้ำเค็ม เป็นต้น.ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 12 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ .เพื่อนๆ หลายคนน่าจะเคยไปเที่ยวที่สามร้อยยอดกันมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าที่นี่ประกอบด้วยระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งระบบนิเวศบก ป่าเขาหิน และระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำได้แก่ บึงน้ำจืด ป่าชายเลน หาดโคลน และหาดทรายชายทะเล  โดยป่าชายเลนจะอยู่บริเวณปากคลอง ซึ่งมีพันธุ์ไม้ขึ้นอยู่เป็นแนวแคบๆ ตามชายคลองบริเวณทางออกทะเล เช่น แสมทะเล โกงกางใบใหญ่ โกงกางใบเล็ก ลำพู เหงือกปลาหมอดอกขาว หญ้าน้ำเค็ม ฯลฯ ส่วนบริเวณที่ลุ่มน้ำกร่อยจะมีสังคมพืชทนเค็ม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา

1. เขาโปกโล้น ร่องเขานครชุม จ.พิษณุโลก เขาโปกโล้น ตั้งอยู่ที่ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นจุดชมวิวธรรมชาติและทะเลหมอก ระยะทางเดินขึ้นไปประมาณ 1-2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30-40 นาที ถ้าโชคดีในช่วงเช้าเราจะเห็นทะเลหมอก ซึ่งในฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกทุกวันเลยนะ แต่ถ้าไม่มีหมอก เราก็ถ่ายรูปกับเขาก็ได้ สวยเหมือนกัน ฮ่าๆ และตามเส้นทางเดินยังมีจุดสำคัญให้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นบ่อเสือตก น้ำบ่อศักดิ์สิทธิ์ และถ้ำผาปอง เป็นต้น  สำหรับที่พัก แอดแนะนำให้พักที่โฮมสเตย์ในอำเภอนครชุม เพราะเราจะต้องตื่นเช้า ประมาณ 05.00 น. เพื่อเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่เขาโปกโล้นกัน ราคาโฮมสเตย์ 450 บาท/คน มีอาหารให้ 2 มื้อ คือมื้อเย็นและมื้อเช้า  ถ้าหากพร้อมแล้วและสนใจพิชิตทะเลหมอกติดต่อ อบต.นครชุม โทร 055 009 808 การเดินทาง ไปตามเส้นทางพิษณุโลก-นครไทย จากนั้นขับรถไปที่ตำบลนครชุม ประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกประมาณ 100 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/qfZa5MPvr8Q2 2.จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูป ที่ไม่ว่าใครก็ต้องมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ท่ามกลางหุบเขาและวิวทะเลหมอกแบบนี้  นั่งถ่ายรูปสวยๆ กินบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มและอากาศบริสุทธิ์ เติมพลังกันให้เต็มที่ไปเลย บ้านจ่าโบ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอำเภอปายมากนัก ใช้เวลาเดินทางจากอำเภอปายประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าใครที่ไปเที่ยวปาย ก็อย่าลืมแวะไปด้วยนะครับผม การเดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนวิ่งตามทางหลวงหมายเลข 1095 ไปทางอำเภอปางมะผ้า จนถึงแยกจุดตรวจแม่ละนา ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1226 อีก 3.5 กิโลเมตร จะถึงจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่พิกัด : https://goo.gl/maps/yvUfLiyGYex 3.เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี หรือที่ใครๆ รู้จักกันดีว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” อันเป็นชื่อดั้งเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเขื่อนรัชชประภาในปัจจุบัน สำหรับเขื่อนรัชชประภานั้น มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ภายในทะเลสาบเหนือเขื่อนเต็มไปด้วยภูเขาหินปูนธรรมชาติที่มีรูปร่างต่างๆ แปลกตา สวยงามลงตัวราวกับบรรจงสร้างมาให้เราเข้าไปชมเลยล่ะ  ไปยืนถ่ายรูปที่หัวเรือ โพสท่าเก๋ๆ คู่กับภูเขาหินปูน เอามาไว้โพสต์อวดเพื่อนๆ ในโซเชียล กิจกรรมที่น่าสนใจ– นอนเล่นกลางแพชมวิวทะเลสาบ อ่านหนังสือเล่มโปรด ฟังเพลงเบา ๆ – ล่องเรือชมธรรมชาติเหนือเขื่อน ชมเขาสามเกลอ หนึ่งในไฮไลท์ของภูเขาหินปูนที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำ– พายเรือคายักหรือแคนู ซึ่งที่พักบางแห่งจะจัดไว้บริการนักท่องเที่ยว– ท่องถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 6 กิโลเมตร เป็นถ้ำใหญ่ที่มีธารน้ำไหล มีหินงอกหินย้อยที่งดงาม การเดินเที่ยวถ้ำจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง การเดินทางจากอำเภอเมืองฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 401 แยกเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขส.2 (เชี่ยวหลาน) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 60 ระยะทาง 14 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/kXnARbdFFuv 4.เสม็ดนางชี จ.พังงา มาพังงาทั้งที ถ้าไม่ได้ไปเสม็ดนางชีถือว่าพลาด ถ้ามีโอกาสแอดอยากจะแนะนำให้ขึ้นไปชมวิวสุดประทับใจ ถ่ายรูปคู่กับทิวทัศน์สวยๆ ที่นี่ซักครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปกางเต็นท์นอนค้างแรมเพื่อรอชมกลุ่มดาวเต็มท้องฟ้า และเมื่อเช้าวันใหม่อันสดใสมาถึง ทิวทัศน์ของตะวันขึ้นที่อ่าวพังงาก็จะติดตาตรึงใจเพื่อนๆ ไปอีกนาน ด้านบนมีร้านอาหาร มีเมนูทั้งอาหารคาวและอาหารหวานให้เราได้เลือกทานอย่างหลากหลาย  หรือจะชมแสงสุดท้ายยามเย็น พร้อมนั่งทานอาหารสุดอร่อย ดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติอันสวยงาม ขอบอกเลยว่าจะทำให้มื้ออาหารมื้อนี้ประทับใจไม่รู้ลืมเลยล่ะ การเดินทางจากตัวเมืองพังงา ใช้เส้นทางพังงา-โคกกลอย เข้าสู่อำเภอตะกั่วทุ่งไปยังบ้านท่าอยู่ สังเกตจะมีสะพานลอยอยู่ก่อนถึงทางเข้าบ้านท่าอยู่ และมีซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าไป ขับตรงไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/CFH2LK5vscQ2 5.ม่อนครูบาใส อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก ม่อนครูบาใส อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นจุดชมทะเลหมอกยามเช้า วิวภูเขา และพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่มองเห็นดาวได้ชัดเจนอีกด้วย สามารถถ่ายรูปสวยๆ กับวิวสุดอลังการเก็บไปชมได้ไม่มีเบื่อเลยล่ะ ข้างบนนี้สามารถกางเต็นท์นอนได้ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลย เพราะฉะนั้นต้องเตรียมอาหาร น้ำ และสิ่งของจำเป็นต่างๆ ขึ้นไปให้เรียบร้อยนะครับ การเดินทางแนะนำให้ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะช่วงนี้หน้าฝน ถนนอาจจะมีหลุมมีบ่ออยู่บ้าง และควรสอบถามกับทางอุทยานฯ ก่อนไปนะครับ ว่าเหมาะที่จะขึ้นไปเที่ยวหรือไม่ แต่ถ้าฝนไม่ตกติดต่อกันหลายวัน ก็สามารถขึ้นได้ครับผม การเดินทางจากตัวเมืองตาก ไปตามทางหลวงหมายเลข 105 (เส้นทางแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง) ระยะทางประมาณ 114 กิโลเมตร เลี้ยวขวาที่จุดตรวจแม่สลิด ซึ่งเป็นทางที่จะตัดไปสู่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางขึ้นเขาไปอีกประมาณ 11 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ (ทางขึ้นเขาเป็นทางลาดชัน รถบัสใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้)พิกัด : https://goo.gl/maps/5nbbC1GW7b42 6.ดอยหัวหมด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จ.ตาก ยอดเขาหัวโล้นที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้าและไม้ทนแล้ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น เป็นที่มาของชื่อ “ดอยหัวหมด” บ้างก็เรียกว่า “เขาหัวโล้น” ลักษณะเป็นภูเขาหินปูนทอดตัวเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน สามารถชมวิวได้รอบทิศ  ไฮไลท์เด่นของที่นี่คือ การชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกในยามเช้า ควรเดินทางมาถึงจุดชมวิวในช่วง 05.00-06.00 น.  ดอยหัวหมดเป็นเนินที่ไม่สูงมากและระยะทางเดินไม่ไกลมากนัก เดินกันได้ชิลๆ ถ่ายรูปกันได้เรื่อยๆ เลยล่ะ การเดินทาง จากตัวเมืองตาก ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 (ตาก-แม่สอด) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 96 เปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 (แม่สอด-อุ้มผาง) เข้าสู่อำเภออุ้มผาง มุ่งหน้าบ้านปะหละทะ บริเวณกิโลเมตรที่ 10-11 จะมีทางแยกซ้ายไปดอยหัวหมด ประมาณ 700 เมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/V1k4MoZt7FD2 7.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เมื่อมาถึงอำเภอเนินมะปรางกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การไปชมวิวภูเขาหินปูนล้านปี ที่บ้านมุง บอกเลยว่าภูเขาสวยอลังการมาก ถ่ายรูปออกมาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปในภาพยนตร์เรื่องอวตารกันเลยทีเดียว ถ้าจะให้ดีต้องลองนั่งรถอีแต๊กที่ชาวบ้านบริการ หรือนำจักรยานมาปั่นเองในช่วงยามเย็น จะได้สัมผัสบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกและธรรมชาติที่สวยงามบริเวณนั้น และยังสามารถรอชมฝูงค้างคาวนับล้านบินออกจากถ้ำไปหากิน ตอนเวลาประมาณ 18.00-19.00 น. ได้อีกด้วยนะ หากใครอยากลองนั่งรถอีแต๊กชมภูเขาหินปูนล้านปี ติดต่อได้ที่ คุณพิษณุชัย ทรงพุฒิ โทร.

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา อ่านเพิ่มเติม

5 ที่ล่องแก่งแดนใต้ การผจญภัยตะลุยหน้าฝน

ล่องแก่งน้ำตกโตนปริวรรต จ.พังงา หนึ่งในจังหวัดทางภาคใต้ฝั่งอันดามันอย่างพังงา ที่หลายคนอาจจะคิดถึงแค่การไปเที่ยวตามเกาะต่างๆ ชายหาดและทะเลที่สวยงาม แต่หารู้ไม่ว่าพังงายังมืผืนป่าใหญ่ที่เขียวขจี มีลำธารใสไหลเย็น อยู่ในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าโตนปริวรรต ต.สองแพรก อ.เมือง นี่เอง ซึ่งที่นี่ยังมีความสมบูรณ์ทางธรรมชาติและมีน้ำตกโตนปริวรรต เป็นต้นกำเนิดแหล่งน้ำคลองสองแพรก จุดเริ่มต้นความสนุกของเราในวันนี้ ที่นี่มีกิจกรรมล่องแก่งเรือยาง ที่นักผจญภัยทั้งหลายจะได้ตื่นเต้น ท้าท้าย และสนุกสนานไปกับกระแสน้ำอันเชี่ยวกราก ที่ไหลผ่านไปตามโขดหินเล็กใหญ่และแก่งขนาดต่างๆ รวมไปถึงยังมีป่าไม้อันร่มรื่นและสวยงามตลอดทั้งสองฝั่งด้วย ที่ตั้ง : ต.สองแพรก อ.เมือง จ.พังงาพิกัด : https://goo.gl/maps/G6reeg3nd222ติดต่อสอบถาม : ททท. สำนักงานพังงา โทร. 076 413 400-2 ล่องแก่งหนานมดแดง จ.พัทลุง หนึ่งในสถานที่ล่องแก่งในพัทลุงที่น้อยคนจะรู้จัก แต่สำหรับสายผจญภัยบอกเลยว่าไม่ควรพลาด ที่นี่นักผจญภัยจะได้ตื่นเต้นและสนุกสนานกับเกาะแก่งต่างๆ ที่มีมากมายกว่า 40 แก่ง ในระดับความยากง่ายที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้ยังจะได้สัมผัสธรรมชาติที่อุดมสมบูรณ์ตลอดสองฝั่งคลอง ทั้งความเขียวขจีของป่าไม้ ความสวยงามของดอกไม้นานาพันธุ์ รวมไปถึงสัตว์ประจำถิ่นชนิดต่างๆ ด้วย ที่นี่มีบริการห้องอบสมุนไพรไว้ให้ได้ผ่อนคลายความเหนื่อยล้าจากการล่องแก่ง และหากใครอยากพักค้างคืนที่นี่ก็มีบริการห้องพัก และลานกางเต็นท์ไว้บริการด้วย ที่ตั้ง : ม.1 ต.ลานข่อย อ.ป่าพะยอม จ.พัทลุงพิกัด : https://goo.gl/maps/GdGAg1mAFX22Website : www.nhanmoddang.com/index.htmติดต่อสอบถาม : -คุณโยธิน เขาไข่แก้ว โทร. 089 873 1464, 081 370 2123, 081 082 0206-ททท. สำนักงานนครศรีธรรมราช โทร. 075 346 515-6 ล่องแก่ง-ล่องแพ พะโต๊ะ จ.ชุมพร  เมื่อกล่าวถึงประตูสู่ภาคใต้ ก็ต้องนึกถึงจังหวัดชุมพร เมืองผ่านของใครหลายคน แต่ถ้าได้ลองแวะเวียนเข้าไปก็จะพบกับสถานที่ท่องเที่ยวที่สวยงามมากมาย สำหรับในหน้าฝนกิจกรรมที่เราไม่ควรพลาดของจังหวัดนี้ก็คือ การล่องแก่ง-ล่องแพ ที่อำเภอพะโต๊ะนั่นเอง ที่นี่นักผจญภัยจะได้ตื่นเต้นและสนุกสนานกับการล่องแก่งไปตามธารน้ำที่เย็นฉ่ำ ผ่านเกาะแก่งต่างๆ ที่มีความยากง่ายแตกต่างกัน ท่ามกลางบรรยากาศสองฝั่งแม่น้ำที่เต็มไปด้วยป่าเขาเขียวขจี  นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอื่นๆ อีก เช่น การเดินป่าชมต้นน้ำที่สามารถพักค้างแรมแบบแคมป์ปิ้งได้ โดยระหว่างทางเดินเราอาจจะได้เห็นสัตว์ป่านานาชนิด ไม่ว่าจะเป็นนกเงือก นกกระเต็น และค่างแว่นถิ่นใต้ เป็นต้น หรือจะนั่งช้างไปชมสวนผลไม้ที่เราสามารถชิมผลไม้สดๆ จากต้นได้ด้วย  ที่ตั้ง : ต.พะโต๊ะ อ.พะโต๊ะ จ.ชุมพรพิกัด : https://goo.gl/maps/LJz5W3kLZwpติดต่อสอบถาม :– เทศบาลตำบลพะโต๊ะ (บริการล่องเรือยาง) โทร. 077 539 072– ชมรมท่องเที่ยวเชิงนิเวศป่าต้นน้ำพะโต๊ะ โทร. 087 821 8700 ล่องแก่งคลองกลาย จ.นครศรีธรมราช คลองกลาย สายน้ำที่สำคัญของชุมชนบ้านพิตำ ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ มีต้นน้ำมาจากป่ากรุงชิง ในเขตอุทยานแห่งชาติเขานันและอุทยานแห่งชาติเขาหลวง นอกจากจะเป็นแหล่งน้ำที่สำคัญของชุมชนแล้ว ยังเป็นเส้นทางล่องแก่งสำหรับผู้ที่ชื่นชอบการผจญภัย ตลอดระยะทาง 2.5 กิโลเมตร จากปากคลองพิตำไปถึงลานหินดาน นักผจญภัยจะต้องเจอกับแก่งต่างๆ ที่มีความแรงของกระแสน้ำทีเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และยังมีความเขียวชอุ่มของป่าไม้สองข้างลำธาร ให้ความรู้สึกเพลิดเพลินและสดชื่นเมื่อได้มอง  หลังจากล่องแก่งเสร็จแล้ว ก็สามารถไปทำกิจกรรมอื่นๆ ต่อยังแหล่งท่องเที่ยวใกล้เคียงได้ ไม่ว่าจะเป็นชมความสวยงามในถ้ำหงษ์ หรือผ่อนคลายที่บ่อน้ำร้อนกรุงชิง  ที่ตั้ง : ม.3 ต.กรุงชิง อ.นบพิตำ จ.นครศรีธรรมราชพิกัด : https://goo.gl/maps/E524BcuqzVoติดต่อสอบถาม : -ล่องแก่งกรุงชิงกับชุมชนบ้านพิตำ โทร. 084 443 6867, 087 267 2787Facebook : www.facebook.com/KrungChingrafting/ ล่องแก่งคลองลำโลน จ.สตูล จากต้นน้ำเทือกเขาบรรทัด ไหลลงมาผ่านน้ำตกวังสายทองก่อนจะลงสู่คลองลำโลน สายน้ำหลักของบ้านวังนาใน ต.น้ำผุด อ.ละงู อีกหนึ่งสถานที่สำหรับผู้ที่ชอบความตื่นเต้นท้าทายของการล่องแก่ง โดยตลอดระยะทาง 8 กิโลเมตร นักผจญภัยจะได้พบแก่งน้อยใหญ่มากมายโดยมีความยากง่ายสลับกัน รวมไปถึงยังมีบรรยากาศทั้งสองฝั่งที่เต็มไปด้วยป่าเขาและพรรณไม้นานาชนิด ให้ความรู้สึกสดชื่น  ที่นี่ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ ไม่ว่าจะเป็นการชมความงามของถ้ำภูผาเพชร ถ้ำเจ็ดคต และน้ำตกวังสายทอง รวมไปถึงชมวิถีชีวิตของชาวบ้านริมน้ำและชนเผ่ามานิ ที่เรารู้จักกันในนาม ชนเผ่าเซมัง (ซาไก)  ที่ตั้ง : 230 หมู่ที่ 10 ต.น้ำผุด อ.ละงู จ.สตูลพิกัด : https://goo.gl/maps/qo9d6m5QX8T2ติดต่อสอบถาม : ชุมชนท่องเที่ยวบ้านวังนาใน โทร. 086 946 9229 (คุณไก่ เลชาชมรมฯ)ททท. สำนักงานหาดใหญ่ โทร. 074 231 055, 074 238 518, 074 243 747

5 ที่ล่องแก่งแดนใต้ การผจญภัยตะลุยหน้าฝน อ่านเพิ่มเติม

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์

พื้นที่ชุ่มน้ำ…พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ 1. พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกาตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ 3.พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม  ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคนอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 4. พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่  ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 5. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 6. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส  ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ สุไหงโก-ลกและสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 7. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง – ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง  ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกาอำเภอปะเหลียน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง  8. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์-ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ที่ตั้ง: อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 9. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 11.พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ที่ตั้ง : อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 12.พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 13. พื้นที่ชุ่มน้ำเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช  ที่ตั้ง : อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 14. หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรีและอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top