เพชรบูรณ์

เพชรบูรณ์

4 จุด บนเขาค้อ จิบกาแฟ…แลสายหมอก

4 จุด บนเขาค้อ จิบกาแฟ…แลสายหมอก Bud Café เป็นคาเฟ่ที่รวบรวมเรื่องราวความลับของชาวม้งเอาไว้ ซึ่งความลับที่ว่านั้นก็คือ ภายในร้านได้จัดเป็นแกลอรี่ม้งที่มีข้าวของเครื่องใช้ เครื่องแต่งกายต่างๆ ของชาวม้งที่ใช้กันในชีวิตประจำวัน ให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเยี่ยมชม ในช่วงฤดูหนาวราวเดือนพฤศจิกายน เราสามารถมาสัมผัสบรรยากาศหนาวเย็นพร้อมกับชื่นชมไร่สตรอว์เบอร์รีและไร่องุ่นที่กำลังออกดอกออกผล บอกเลยว่าไม่มาไม่ได้แล้ว เพราะถือเป็นแลนด์มาร์คแห่งหนึงที่ควรแก่การเช็คอินเป็นอย่างมาก Pino Latte Resort&Café เป็นทั้งร้านกาแฟและที่พัก ที่เป็นที่รู้จักกันดีในหมู่นักท่องเที่ยวเลยก็ว่าได้ ทั้งดีไซน์และการตกแต่งที่ไม่เหมือนใครเป็นจุดดึงดูดให้หลายๆ คนแวะเวียนเข้าไปเช็คอินและถ่ายรูป  ซึ่งนอกเหนือจากดีไซน์แล้ว บรรยากาศบริเวณรอบๆ ร้านก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ผู้คนหลั่งไหลเข้ามาที่นี่ ขณะกำลังจิบกาแฟเราจะได้สัมผัสกับวิวหุบเขาเขียวขจีกว้างไกลสุดสายตา มองเห็นได้ถึงวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว และถ้าโชคดียังอาจได้เห็นทะเลหมอกอีกด้วย The Story Club เป็นร้านที่มีบริเวณหน้าร้านกว้างขวางและมีมุมหลากหลายให้ได้นั่งชิลกัน ภายในร้านตกแต่งสไตล์เท่ๆ ด้านหน้าร้านมีระเบียงไม้ที่ประดับไปด้วยพันธุ์ไม้นานาชนิดให้ได้ถ่ายรูปเก๋ๆ นอกจากนี้ยังมีอีกมุมที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนที่นี่ กับมุมดาดฟ้าที่สามารถมองเห็นวิวของทิวเขาหลังร้านได้ 180 องศาเลยก็ว่าได้ และยังสามารถสั่งเครื่องดื่มต่างๆ มานั่งรับลมเย็นๆ ได้อีกด้วย Jolly Cafe  และนี่คืออีกหนึ่งร้านอาหารและคาเฟ่ที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนเขาค้อ โดยส่วนตัวแล้วแอดมินเป็นคนชอบถ่ายรูปมาก ซึ่งร้านนี้ถือว่าตอบโจทย์คนที่ชอบถ่ายรูปเป็นที่สุดค่ะ การตกแต่งร้านที่ไม่เหมือนใคร สไตล์คันทรีๆ โทนสีขาว มีโรงนาและกระโจมอยู่ท่ามกลางทุ่งหญ้า ดูอบอุ่นสุดๆ มีมุมหลากหลายให้ได้แชะภาพชิคๆ ไปอัพเฟสอวดเพื่อนๆ กันมากมาย บรรยากาศร้านดีขนาดนี้ก็ต้องไม่พลาดที่จะสั่ง ชา กาแฟ ของทานเล่น หรือพิซซ่าที่เป็นซิกเนเจอร์ของทางร้านมาทานกันด้วยนะคะ

4 จุด บนเขาค้อ จิบกาแฟ…แลสายหมอก อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวหน้าฝน เพชรบูรณ์ – พิษณุโลก 3 วัน 2 คืน

ที่แรกเราออกจากกรุงเทพฯ พามาสูดไอดิน ฟินกับกลิ่นหมอกฝนกันที่อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง  อุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงมีพื้นที่ครอบคลุมหลายอำเภอใน 2 จังหวัด ได้แก่ อ.วังทอง อ.นครไทย อ.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก และ อ.เขาค้อ อ.วังโป่ง จ.เพชรบูรณ์  บริเวณอุทยานฯ มีกิจกรรมให้ทำเยอะแยะมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเดินป่าศึกษาธรรมชาติ ปั่นจักรยานเที่ยวทุ่งหญ้าสะวันนา ชมฝูงผีเสื้อป่า ชมแมงกะพรุนน้ำจืด (แมงกะพรุนน้ำจืดหาชมได้เฉพาะช่วงเดือนกุมภาพันธ์-เมษายน)  (ภาพถ่ายจากจุดชมวิวทุ่งแสลงหลวง) กิจกรรมปั่นจักรยานมีให้เลือก 2 แบบ คือ ปั่นจักรยานชมทุ่งหญ้าสะวันนา เส้นทางหนองแม่นา-ทุ่งนางพญา ระยะทาง 15 กิโลเมตร หรือถ้าใครชอบ slow life ก็สามารถปั่นจักรยานชมธรรมชาติในบริเวณอุทยานฯ ได้  อุทยานฯ มีจักรยานให้เช่า ราคาชั่วโมงละ 50 บาท และทั้งวัน 200 บาท กิจกรรมชมฝูงผีเสื้อป่า เพื่อนๆ จะต้องเช่าเรือของชาวบ้านชุมชนหนองแม่นาเพื่อออกไปชมที่เกาะกลางน้ำ โดยฝูงผีเสื้อนับร้อยๆ ตัวที่ลงมากินโป่งหรือแร่ธาตุในดิน จะมีให้ชมเยอะที่สุดในช่วงหน้าฝนนี้แหละ กลุ่มชุมชนหนองแม่นา โทร. 081 046 2166, 087 432 1714 (คุณสมพงศ์) ค่าเข้าชมอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวง ชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 300 บาท การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 ผ่านจังหวัดสระบุรี จากนั้นเข้าทางหลวงหมายเลข 21 จนถึงบ้านนางั่ว อำเภอหล่มสัก แล้วเลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 2258 ขึ้นเขาค้อ วิ่งผ่านพระตำหนักเขาค้อ ตรงไปจนถึงหน่วยจัดการอุทยานฯ ทุ่งแสลงหลวง ที่1 (หนองแม่นา) ใช้เวลาเดินทางประมาณ 6 โมง วันแรกเราตั้งเต็นท์พักแรมกันที่อุทยานฯ โดยอุทยานฯ มีที่พักและสิ่งอำนวยความสะดวกอยู่ 2 จุดคือ 1. บริเวณหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ หนองแม่นา – มีบ้านพัก 7 หลัง ราคา 2,100 – 5,000 บาท– เต็นท์ให้เช่า ราคา 285 บาท (พักได้ 3 คน) – หากนำเต็นท์มาเอง เสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ ราคา 30 บาท/คน/คืน  2. บริเวณที่ทำการอุทยานฯ – มีบ้านพัก 7 หลัง ราคา 1,000 – 5,000 บาท– เต็นท์ให้เช่า ราคา 285บาท (พักได้ 3 คน) – หากนำเต็นท์มาเอง เสียค่าพื้นที่กางเต็นท์ ราคา 30 บาท/คน/คืน เช้าวันที่สองพวกเราออกจากอุทยานแห่งชาติทุ่งแสลงหลวงกันตั้งแต่เช้า เพื่อไปชมทุ่งกะหล่ำปลีกันที่ภูทับเบิก แอดใช้ทางหลวงหมายเลข 12 วิ่งกลับมาที่แยกน้ำก้อ ระหว่างทางจะผ่านวัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว มุมนี้ช่วงหน้าฝนสวยจริงๆ ที่วัดพระธาตุผาซ่อนแก้ว เพื่อนๆ สามารถเข้าไปกราบสักการะพระบรมสารีริกธาตุที่ประดิษฐานอยู่ภายในเจดีย์เพื่อความเป็นสิริมงคล โดยต้องแต่งกายสุภาพเรียบร้อยให้เหมาะสมกับสถานที่ บริเวณรอบๆ เจดีย์ เต็มไปด้วยภาพปริศนาธรรมหลากหลายที่แฝงไปด้วยหลักคำสอนมากมายให้ได้ศึกษาเรียนรู้ บริเวณระเบียงทางเดินชั้นบนของเจดีย์สามารถมองเห็นวิวได้รอบทิศทาง รวมทั้งจะมองเห็นพระมหาวิหารพระพุทธเจ้า 5 พระองค์ที่มีสายหมอกพาดผ่านและทิวเขาอันสวยงามเป็นฉากหลัง  นอกจากนี้ เพื่อนๆ ยังสามารถเดินชมประติมากรรมต่างๆ ที่ตั้งอยู่ภายในบริเวณวัดได้ ซึ่งล้วนแล้วแต่มีความสวยงามไม่แพ้กัน  เปิดทุกวัน 08.00 – 17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/9dhiz3Z34V52 จากสี่แยกบ้านน้ำก้อ พวกเราเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2372 จากนั้นวิ่งตรงไปจนถึงแยกทับเบิก และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 2331 วิ่งตรงขึ้นภูทับเบิก ภูทับเบิกเป็นหมู่บ้านของชาวเขาเผ่าม้ง ที่เรียกได้ว่าเป็นไร่กะหล่ำปลีที่ใหญ่ที่สุดในโลก โดยที่นี่จะปลูกกะหล่ำปลีลดหลั่นเป็นแถวเป็นแนวตามสันดอย เวลาออกดอกมองไปจะดูสวยงามเหมือนดอกไม้ยักษ์สีเขียวเต็มพื้นที่ไปหมด นักท่องเที่ยวจึงนิยมมาชมแปลงกะหล่ำพร้อมทั้งถ่ายรูปสวยๆ เก็บไว้ไปโพสต์ให้ชาวโซเชียลได้รู้ว่า มาเยือนภูทับเบิกแล้ว  ฟ้าหลังฝนสวยงามเสมอ…ภาพนี้ถ่ายจากจุดชมวิวภูทับเบิก หลังจากจุดนี้พวกเราลงจากภูทับเบิกและมุ่งหน้าไปต่อกันที่อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า จังหวัดพิษณุโลก โดยวิ่งต่อจากภูทับเบิกไปทางจุดชมวิวภูแผงม้า ทางหลวงหมายเลข 2331 จนถึงที่ทำการอุทยานฯ เช้าวันที่ 3 (ภาพถ่ายจากจุดชมวิวทะเลหมอกลานหินปุ่ม) เมื่อวานจากภูทับเบิกเรามาถึงภูหินร่องกล้ากันในช่วงเย็น และค้างคืนกันที่อุทยานฯ  อุทยานแห่งชาติภูหินร่องกล้า เป็นอุทยานฯ ที่อยู่บนพื้นที่รอยต่อของ 3 จังหวัด ในอดีตนั้นเคยเป็นสมรภูมิรบอันยิ่งใหญ่ที่ถูกจารึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ไทยอย่างไม่มีวันลืมเลือน วันเวลาผ่านไปควันไฟแห่งสงครามจางหาย เหลือเพียงความสงบ ร่มรื่น และความสวยงามของธรรมชาติป่าเขา จุดที่นักท่องเที่ยวไปแล้วต้องห้ามพลาดก็คือ ลานหินปุ่ม ซึ่งใช้เวลาเดินเท้าจากลานจอดรถไปประมาณ 1.2 กิโลเมตร เป็นลานหินที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัวเพราะเต็มไปด้วยหินตะปุ่มตะป่ำเป็นบริเวณกว้างดูแปลกตา ซึ่งเกิดจากการสึกกร่อนของหินโดยธรรมชาติ จากจุดนี้เราสามารถมองเห็นทิวทัศน์ได้อย่างเต็มตาและสวยงาม จากลานหินปุ่ม พวกเราพามาชมร่องรอยประวัติศาสตร์เมื่อครั้งที่ภูหินร่องกล้าเคยเป็นฐานที่มั่นของการเผยแพร่ลัทธิคอมมิวนิสต์ที่ใหญ่และสำคัญที่สุดของภาคเหนือ เรียกกันว่า “โรงเรียนการเมืองการทหาร” อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ 6 กิโลเมตร  ที่นี่เคยใช้เป็นสถานที่ให้การศึกษาตามแนวทางของลัทธิคอมมิวนิสต์ มีบ้านพักฝ่ายพลเรือน ฝ่ายพลาธิการ และสถานพยาบาล กระจายตัวอยู่ใต้ร่มไม้แน่นทึบ ประมาณ 30 หลัง บริเวณใกล้เคียงยังมีสุสานทหาร และกังหันน้ำที่เป็นเครื่องทุ่นแรงในการตำข้าวโดยไม่ต้องใช้แรงงานคน ไว้ให้ชมและนึกถึงเรื่องราวในอดีตอีกด้วย ปิดท้ายกันด้วยความชุ่มฉ่ำ ช่วงฝนๆ แบบนี้ต้องไม่พลาดชมน้ำตกหมันแดง ความสวยงามที่ซ่อนอยู่ในป่าใหญ่ น้ำตกมีทั้งหมด 8 ชั้น แต่ละชั้นจะอยู่ใกล้ๆ กันและมีความสวยงามแตกต่างกันไป ระยะทางไป-กลับน้ำตกรวมแล้วประมาณ 7 กิโลเมตร ดูแล้วต้องฟิตร่างกายกันมากเลยล่ะค่ะ *การเข้าไปชมน้ำตกหมันแดงต้องมีเจ้าหน้าที่นำทางด้วยนะคะ*  นอกจากลุยป่ากันไปชมน้ำตกหมันแดงแล้ว ไฮไลท์อีกอย่างของที่นี่ก็คือ การชมดอกลิ้นมังกรนั่นเอง การชมดอกลิ้นมังกร จะต้องขึ้นไปที่น้ำตกหมันแดงชั้นที่ 5 ระยะทางประมาณ 1-3 กิโลเมตรจากจุดเริ่มต้น ใช้เวลาราว 1-2 ชั่วโมง

เที่ยวหน้าฝน เพชรบูรณ์ – พิษณุโลก 3 วัน 2 คืน อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top