บุรีรัมย์

บุรีรัมย์

ลองมอง…มุมใหม่ : บุรีรัมย์

ลองมอง…มุมใหม่ : บุรีรัมย์ แอดจะพาไปมองมุมใหม่กันที่ไหนบ้าง ตามมาเลย เริ่มกันที่ สถานีรถไฟ จังหวัดบุรีรัมย์ หลายคนอาจจะสงสัยว่าสถานีรถไฟมีอะไรให้เที่ยว? จริงๆ ก็ไม่มี ฮ่าๆๆ แต่เราก็ทำให้มันมีอะไรสิ ด้วยการไปยืนถ่ายรูปกับป้ายชื่อสถานีจังหวัดนั้นๆ เก๋ๆ เท่ๆ โพสต์ลงโซเชียล บอกเพื่อนให้รู้ว่าเรามาถึงบุรีรัมย์แล้ว หรือจะเป็นรางรถไฟ มุมสุดคลาสสิกที่เหล่าบัณฑิตทั้งหลายมักจะมาถ่ายรูปชุดครุยกันในช่วงรับปริญญา พิกัด : https://goo.gl/maps/5FRZrhvQozF2 แฟนเพจคนไหนเคยถ่ายรูปกับสถานีรถไฟ มาสารภาพด้วยการโพสต์รูปให้แอดดูเดี๋ยวนี้เลยนะ นิวยอร์กซิตีมีสะพานบรูคลินทอดข้ามแม่น้ำอีสต์ บุรีรัมย์ซิตีก็มีสะพานแขวนลาวาทอดข้ามปากปล่องภูเขาไฟเหมือนกันนะจ๊ะ ธรรมดาที่ไหนล่ะ สะพานแขวนแห่งนี้มีชื่อเรียกว่า “สะพานแขวนลาวา” ตั้งอยู่ที่วนอุทยานภูเขาไฟกระโดง ใน อ.เมืองบุรีรัมย์นั่นเอง ลองไปยืนโพสต์ท่าถ่ายรูปสวยๆ เท่ๆ กับสะพาน มีฉากหลังเป็นวิวปากปล่องภูเขาไฟ เก๋ไก๋ไม่เหมือนใครเลยนะจะบอกให้ พิกัด : https://goo.gl/maps/aCU54YvohaT2 ใครเคยไปมาแล้วบ้าง เอารูปมาโชว์หน่อย ว่าจะสวยสู้สะพานบรูคลินได้หรือเปล่า ที่ถัดมาก็คือที่ วัดเกาะแก้วธุดงคสถาน หรือวัดระหาน ภายในวัดประดิษฐานพระมหาธาตุรัตนเจดีย์ เป็นปูชนียสถานที่ระลึกถึงองค์สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า  แต่!! ที่นี่ยังมีจุดเด่นอีกอย่างที่วัดแห่งอื่นไม่มี ที่อื่นอาจจะมีน้องหมาน้องแมว แต่ที่นี่มีนกยูงสุดสวยอยู่เป็นจำนวนมาก!! นอกจากจะได้ทำบุญแล้ว ยังได้เห็นเจ้านกยูงสวยๆ เดินไปเดินมาอวดโฉมให้เราดูด้วยนะ พิกัด : https://goo.gl/maps/jB4h3igFmc92 ใครเคยไปมาแล้ว มีรูปสวยๆ เก๋ๆ เอามาแบ่งกันชมได้นะครับผม มาต่อกันที่ปราสาทหินเมืองต่ำ  ปราสาทแห่งนี้เต็มไปด้วยภาพสลักที่งดงามมากมาย ลองนึกภาพเราแต่งชุดไทยสวยๆ หรืออาจจะจินตนาการว่าตัวเองเป็นเจ้าแม่นาคีที่สง่างาม เดินเฉิดฉายถ่ายรูปในปราสาทแห่งนี้ รูปคงจะออกมางดงามอลังการ ไม่แพ้กับโบราณสถานอื่นๆ ที่เค้านิยมไปถ่ายรูปกันแน่นอน พิกัด : https://goo.gl/maps/QhVhN6seBto ถ้าเมืองอยุธยามีแม่หญิงการะเกด แล้วเมืองบุรีรัมย์ล่ะ มีแม่หญิงงามสู้แม่หญิงการะเกดได้หรือไม่ ข้าอยากชมนัก ผู้ใดมีรูปถ่ายที่ปราสาทหินเมืองต่ำสวยๆ แบ่งปันให้ชมกันได้หนา รอดูตะวันลับฟ้า ส่งท้ายวันกันที่ปราสาทหินพนมรุ้ง หลายๆ คนอาจจะรอชมปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ลอดทะลุ 15 ช่องประตู ซึ่งใน 1 ปีจะเกิดขึ้นเพียง 4 ครั้งเท่านั้น แต่วันนี้แอดอยากจะบอกว่า ไม่ต้องรอช่วงปรากฎการณ์นั้น เราก็มีรูปสวยๆ ไปอวดเพื่อนๆ ได้เหมือนกัน อย่างรูปนี้ รอถ่ายตอนที่พระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า ให้เงาของปราสาทบดบังดวงอาทิตย์ทีคล้อยลงต่ำ แล้วเราก็จะได้รูปปราสาทหินที่ดูลึกลับเต็มไปด้วยมนต์ขลัง แบบนี้เลย รูปนี้ถ่ายตอนประมาณ 17.30 น. ซึ่งถ่ายเสร็จปุ๊บก็ต้องรีบกลับ เพราะปราสาทจะปิดตอน 18.00 น. ฮ่าๆๆๆ พิกัด : https://goo.gl/maps/1EDAwwvaFr62 อ่ะ ไหน ใครมีรูปปราสาทหินที่สวย ล้ำ ไม่ซ้ำใคร แอดขอชมหน่อยจะได้ไหมครับ!

ลองมอง…มุมใหม่ : บุรีรัมย์ อ่านเพิ่มเติม

ปราสาทหินพนมรุ้ง อลังการศิลปะขอมในดินแดนสยาม

ปราสาทหินพนมรุ้ง ตั้งอยู่ที่บ้านตาเป็ก ตำบลตาเป็ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ จังหวัดบุรีรัมย์ คำว่า “พนมรุ้ง” หรือ “วนํรุง” เป็นภาษาเขมร แปลว่า “ภูเขาใหญ่” เป็นโบราณสถานที่ตั้งอยู่บนยอดภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้ว มีความสูงประมาณ 350 เมตร จากระดับน้ำทะเลปานกลาง ปราสาทหินพนมรุ้งเป็นเทวสถานในศาสนาฮินดู ลัทธิไศวนิกาย มีการบูรณะก่อสร้างต่อเนื่องกันมาหลายสมัย ตั้งแต่พุทธศตวรรษที่ 15 ถึงพุทธศตวรรษที่ 17 และในพุทธศตวรรษที่ 18 พระเจ้าชัยวรมันที่ 7 แห่งอาณาจักรขอม ซึ่งได้หันมานับถือพุทธศาสนาลัทธิมหายาน เทวสถานแห่งนี้จึงได้รับการดัดแปลงเป็นศาสนสถานในพุทธศาสนาในช่วงนั้น จากทางเข้าปราสาท จะเป็นทางเดินซึ่งมีเสานางเรียงปักอยู่ที่ขอบทางทั้งสองข้างเป็นระยะ ๆ ทอดไปสู่สะพานนาคราช ซึ่งเปรียบเสมือนจุดเชื่อมต่อระหว่างดินแดนแห่งมนุษย์และสวรรค์ ถัดเข้ามาคือ สะพานนาคราชหน้าประตูกลางของระเบียงคด ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่จะผ่านเข้าสู่ลานชั้นในของปราสาท ปราสาทประธานมีแผนผังเป็นรูปสี่เหลี่ยมจัตุรัสย่อมุม มีห้องโถงรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้าเชื่อมอยู่ด้านหน้า จุดเด่นของปราสาทประธาน คือ หน้าบันซึ่งสลักเป็นรูปศิวนาฏราช และทับหลังสลักเป็นรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ หน้าบันรูปศิวนาฏราช (พระศิวะทรงฟ้อนรำ) ทับหลังรูปนารายณ์บรรทมสินธุ์ (พระนารายณ์บรรทมตะแคงขวาเหนือพระยาอนันตนาคราช)  ภายในปราสาทประธานเป็นห้องโถงเรียกว่า ห้องครรภคฤหะ ประดิษฐานรูปเคารพสำคัญที่สุดของปราสาท คือ ศิวลึงค์ ซึ่งแทนองค์พระศิวะ แต่เป็นที่น่าเสียดายว่าประติมากรรมชิ้นนี้ได้สูญหายไป เหลือเพียงแต่ท่อโสมสูตร คือร่องน้ำมนต์ที่ใช้รับน้ำสรงจากการสักการะศิวลึงค์เท่านั้น ในวันที่ 3-5 เมษายน และ 8-10 กันยายน ของทุกปี จะเกิดปรากฎการณ์ธรรมชาติ ดวงอาทิตย์ขึ้นส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บานของปราสาทหินพนมรุ้ง และในช่วงวันที่ 6-8 มีนาคม และ 6-8 ตุลาคม ของทุกปี ดวงอาทิตย์ก็จะตกส่องแสงลอดประตูทั้ง 15 บาน เช่นกัน มีความเชื่อกันว่าปรากฏการณ์ดวงอาทิตย์ลอดผ่านประตูนี้เป็นปรากฏการณ์อันศักดิ์สิทธิ์ เชื่อกันว่าเป็นการเสริมพลังชีวิตและความเป็นสิริมงคลของผู้ที่พบเห็น กรมศิลปากรได้ซ่อมแซมและบูรณะปราสาทหินพนมรุ้ง โดยวิธีอนัสติโลซิส (ANASTYLOSIS) คือ รื้อของเดิมลงมา แล้วทำรหัสไว้ จากนั้นทำฐานใหม่ให้แข็งแรง แล้วนำชิ้นส่วนทั้งหมดกลับไปก่อใหม่ที่เดิม ปราสาทหินพนมรุ้ง เปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท สอบถามข้อมูลได้ที่ สำนักงานอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง โทร. 0 4466 6251-2 การเดินทางมายังปราสาทหินพนมรุ้ง : จากตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 218 (บุรีรัมย์-นางรอง) ระยะทาง 50 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 24 ไปอีก 14 กิโลเมตร จนถึงบ้านตะโก จากนั้นเลี้ยวขวาสู่ทางหลวงหมายเลข 2177 ทางไปบ้านตาเป็ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ตรงไปอีก 12 กิโลเมตร ถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ระยะทางจากตัวเมืองบุรีรัมย์ ประมาณ 63 กิโลเมตร

ปราสาทหินพนมรุ้ง อลังการศิลปะขอมในดินแดนสยาม อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำสิริมงคลแห่งชีวิต

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ เพื่อสิริมงคลแห่งชีวิตชีวิตเป็นเรื่องละเอียดอ่อน มีเรื่องราวซับซ้อนมากมาย ทุกคนล้วนอยากมีชีวิตที่รุ่งเรือง มีบารมีที่แข็งแรง เพราะนั่นคือความมั่นคงของชีวิต ช่วงปีใหม่ไทยแบบนี้ แอดมินเลยอยากแนะนำให้ทุกท่าน เดินทางไปเข้าวัดทำบุญ กราบสักการะขอพรจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เพื่อความเป็นสิริมงคลแห่งชีวิตสืบไป แฟนเพจท่านไหนเคยไปสถานที่ใดแล้วประสบผลดังใจหวัง มาคอมเม้นต์ใต้ภาพ บอกต่อกับเพื่อนๆได้เลยนะ อยากไปทำบุญกับใคร กด Like กด Share กด Tag แล้วไปทำบุญกันน ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ 108 เส้นทางออมบุญ จัดทำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเดินทางครั้งต่อไป อย่าลืมให้เราเป็น “เพื่อนร่วมทาง” ไปกับคุณสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1672 วัดพระปฐมเจดีย์ นครปฐม การนมัสการพระปฐมเจดีย์ถือเป็นสิริมงคลและได้อานิสงส์อย่างมาก เนื่องจากเป็นที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุของพระพุทธเจ้า  นอกจากนี้ชาวนครปฐมยังเชื่อกันว่า พระร่วงโรจนฤทธิ์นั้นมีความศักดิ์สิทธิ์ยิ่งนัก หากใครอธิษฐานขอพรมักจะได้รับสิ่งนั้นสมดังปรารถนาในทุกประการ ศาลหลักเมือง กรุงเทพ เชื่อกันว่า ผู้ใดได้มาขอพรอันศักดิ์สิทธิ์จากศาลหลักเมืองนี้แล้ว เปรียบประดุจได้เสริมหลักความมั่นคงให้กับชีวิตเหมือนตัดเคราะห์ ต่อดวงชะตา จะมีแต่ความสงบสุข ส่งเสริมวาสนาบารมี ประสบความสำเร็จในสัมมาอาชีพจนถึงหลักชัยในชีวิต  เปิดให้สักการะทุกวัน ตั้งแต่ 8.00-17.00 น. วัดป่าเลไลยก์ สุพรรณบุรี เชื่อกันว่าหากได้มานมัสการหลวงพ่อโต วัดป่าเลไลยก์แห่งนี้ จะทำให้ชีวิตมีแต่สิริมงคล เกิดความสุขกาย สบายใจ ชีวิตมีแต่เจริญความรุ่งเรืองยิ่งขึ้น วัดพระสิงห์วรมหาวิหาร เชียงใหม่ พระธาตุเจดีย์วัดพระสิงห์ถือเป็นพระธาตุประจำวันเกิดของผู้ที่เกิดปีมะโรง (งูใหญ่) หากได้มานมัสการอย่างน้อยสักครั้งหนึ่งแล้ว จะเป็นมงคลสูงสุดทำให้อายุมั่นขวัญยืน มีความเจริญรุ่งเรืองตลอดไป นอกจากนี้ยังเป็นที่ประดิษฐานพระพุทธรูปศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองที่เป็นที่เคารพอันได้แก่ พระพุทธสิหิงค์หรือพระสิงห์พุทธรูปที่มีความงดงามตามแบบศิลปะสกุลช่างเชียงแสน วัดพระธาตุช่อแฮ แพร่ พระธาตุแห่งนี้เป็นพระธาตุประจำปีเกิดของผู้ที่เกิดปีขาล (เสือ) ว่ากันว่าหากนำผ้าแพรเนื้อดีมาถวายองค์พระธาตุช่อแฮจะทำให้ชีวิตมีแต่ความผาสุก มีความรุ่งเรืองในชีวิต หน้าที่การงานและคุ้มครองป้องกันภัยจากศัตรู สำหรับบุคคลทั่วไปเชื่อว่าการสวดบูชาพระธาตุจะช่วยดลบันดาลให้มีชีวิตที่ดีขึ้น วัดจันทาราม (วัดท่าซุง) อุทัยธานี ที่วัดท่าซุงมีผู้คนจำนวนมากนิยมมานมัสการพระพุทธชินราชจำลองในวิหารแก้ว พระจุฬามณี และกราบสักการะสรีรสังขารของหลวงพ่อฤๅษีลิงดำซึ่งได้มรณภาพไปตั้งแต่ พ.ศ.2535 เพื่อความเป็นสิริมงคล  นอกจากนี้วัดท่าซุงยังมีชื่อเรื่องยันต์เกราะเพชรที่เชื่อว่าช่วยให้แคล้วคลาดปลอดภัยและป้องกันไสยศาสตร์ได้ วัดป่าเขาน้อย บุรีรัมย์ ผู้ที่มายังวัดป่าเขาน้อยสามารถนมัสการพระเจดีย์ศรีสุวจคุณานุสรณ์ที่ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุและอัฐิธาตุของหลวงปู่สุวัจน์เพื่อความเป็นสิริมงคล นอกจากนั้นยังสามารถปฏิบัติสมาธิ บำเพ็ญจิตตภาวนา เพื่อเป็นการเพิ่มพูนบารมี บุญกุศลราศี สัมมาปฏิบัติ ให้จิตใจมีอำนาจ มีสติและปัญญา วัดพระมหาธาตุวรมหาวิหาร นครศรีธรรมราช การได้มาสักการพระบรมธาตุเจดีย์ที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุแห่งองค์พระสัมมาสัมมาพุทธเจ้านั้นถือเป็นมงคลสูงสุด มีอานิสงส์ให้ชีวิตมีแต่ความสุข ก้าวหน้า และประสบความสำเร็จในการดำรงชีพทุกด้าน นอกจากนี้ผู้ที่ศรัทธาในองค์จตุคามรามเทพยังนิยมมาสักการะเทวรูปท้าวขัตตุคามและท้าวรามเทพในวิหารทรงม้าด้วย เชื่อกันว่าบารมีของท่านนั้นมีอานุภาพดุจพระอาทิตย์และพระจันทร์ที่ขจัดความมืดมัวในโลก ผู้ที่กราบไหว้ขอพรท่านมักได้สมปรารถนา มีโชคลาภ วัดพระบรมธาตุไชยาราชวรวิหาร สุราษฎร์ธานี เชื่อกันว่าหากได้มาสักการะองค์พระบรมธาตุไชยา ซึ่งบรรจุพระบรมสารีริกธาตุนั้น ถือเป็นสิริมงคลสูงสุด ช่วยให้มีความเจริญรุ่งเรืองและแคล้วคลาดปราศจากอันตราย 

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำสิริมงคลแห่งชีวิต อ่านเพิ่มเติม

เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา

“เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา”.บุรีรัมย์…จากเมืองเล็กๆ ที่มีประวัติศาสตร์อันยาวนานหลายพันปี ปัจจุบันกลับกลายเป็นจังหวัดที่มีความโดดเด่น และน่าสนใจในทุกๆ ด้าน ไม่ว่าจะเป็นดินแดนภูเขาไฟเมืองไทย แหล่งรวมอารยธรรมขอมโบราณ มีงานศิลปหัตถกรรมลือเลื่องคือผ้าไหมและผ้ามัดหมี่นาโพธิ์ และปัจจุบันยังมีสนามกีฬาที่ได้รับความนิยมอย่างสนามฟุตบอลและสนามแข่งรถ ซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากนักท่องเที่ยว ที่มักจะแวะเวียนไปถ่ายรูปคู่กับป้ายสนามเป็นที่ระลึกอยู่เสมอ.ถ้าใครที่ไปบุรีรัมย์แล้วไม่รู้จะเริ่มเที่ยวที่ไหนก่อนดี ลองเที่ยวตามคำขวัญดูสิ แอดว่าเราจะได้สัมผัสจังหวัดนั้นๆ ได้อย่างลึกซึ้งเลยล่ะ วันนี้เราไปเที่ยวตามคำขวัญจังหวัดบุรีรัมย์กัน!  “เมืองปราสาทหิน” ในอดีตจังหวัดบุรีรัมย์เคยเป็นส่วนหนึ่งของเส้นทางคมนาคมสู่เมืองพระนครที่เป็นศูนย์กลางของอาณาจักรขอม จึงทำให้มีการสร้างปราสาทขอมน้อย-ใหญ่ มากมายในบริเวณจังหวัดบุรีรัมย์แห่งนี้ ปราสาทหินพนมรุ้ง เป็นทั้งสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญและเป็นเอกลักษณ์ของจังหวัด เพราะความสวยงามและความยิ่งใหญ่อลังการของสถาปัตยกรรมที่ตั้งตระหง่านอยู่บนภูเขาไฟที่ดับสนิท ทำให้ปราสาทหินแห่งนี้มีชื่อเสียงและเป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง ปราสาทหินพนมรุ้งเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น. ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท ชาวต่างชาติ 100 บาท  การเดินทางจากตัวจังหวัดบุรีรัมย์ ใช้ทางหลวงหมายเลข 218 (บุรีรัมย์-นางรอง) ระยะทาง 50 กิโลเมตร และเลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 24 ไปอีก 14 กิโลเมตร จนถึงบ้านตะโก จากนั้นเลี้ยวขวาสู่ทางหลวงหมายเลข 2177 ทางไปบ้านตาเป็ก อำเภอเฉลิมพระเกียรติ ตรงไปอีก 12 กิโลเมตร ถึงอุทยานประวัติศาสตร์พนมรุ้ง ระยะทางจากตัวเมืองบุรีรัมย์ประมาณ 63 กิโลเมตร พิกัด : https://goo.gl/maps/VPfJTzKcP8F2 “ถิ่นภูเขาไฟ” บุรีรัมย์ คือ แผ่นดินมหัศจรรย์เชิงธรณีวิทยาโบราณ เพราะมีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วอยู่ไม่น้อยกว่า 8 ลูก หนึ่งในนั้นคือ “ภูเขาไฟกระโดง” ใน อ.เมืองบุรีรัมย์นั่นเอง ปัจจุบันเป็นภูเขาสูง 256 เมตรปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง นับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ใครมาเมืองนี้ต้องแวะเที่ยวให้ได้ บนเขากระโดงยังมีสิ่งที่น่าสนใจ ได้แก่ รอยพระพุทธบาทจำลอง พระสุภัทรบพิตร พระพุทธรูปขนาดใหญ่ซึ่งเป็นที่เคารพสักการะของคนในท้องถิ่น ยังมีสะพานแขวน และจุดขึ้นไปชมทิวทัศน์ของตัวเมืองบุรีรัมย์ด้วยนะ วนอุทยานภูเขาไฟกระโดงเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00น.ไม่เสียค่าเข้าชม สามารถนำรถขึ้นไปถึงจุดชมวิวและพระสุภัทรบพิตรด้านบน และมีทางเดินขึ้นเป็นบันไดด้วย ประมาณ 290 ขั้น การเดินทาง จากจังหวัดบุรีรัมย์ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 (บุรีรัมย์-ประโคนชัย) ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าวนอุทยานฯพิกัด : https://goo.gl/maps/UrRuL5sxH862 “ผ้าไหมสวย” จังหวัดบุรีรัมย์มีผ้าไหมลวดลายสวยงามหลายแบบ แต่ที่เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายคือ ผ้าไหมซิ่นตีนแดงและผ้าฝ้ายภูเขาไฟ ภูอัคนี  ผ้าซิ่นตีนไหมแดง เป็นผ้าไหมเอกลักษณ์ท้องถิ่นของชาวอำเภอพุทไธสงและอำเภอนาโพธิ์ ที่สืบทอดมาเป็นเวลา 200 กว่าปี ตามแบบผ้าซิ่นลาว คือ ทอด้วยไหมทั้งผืน หัวซิ่นและตีนซิ่นเป็นสีแดงสด  ส่วนผ้าฝ้ายภูเขาไฟ ภูอัคนี เป็นผ้าฝ้ายย้อมดินภูเขาไฟของชุมชนบ้านเจริญสุข อำเภอเฉลิมพระเกียรติ โดยนำดินภูเขาไฟอังคารมาย้อม เป็นสีน้ำตาลอ่อนและน้ำตาลแดง เนื้อผ้านุ่ม เบา เย็นสบายและสีคงทน หากใครสนใจที่จะเข้าไปชมกระบวนการทำผ้าไหม สามารถเข้าไปชมได้ที่ กลุ่มสตรีทอผ้าไหม หมู่บ้านเจริญสุข (ผ้าฝ้ายภูเขาไฟ) นอกจากนั้นยังสามารถเลือกซื้อสิ้นค้าต่างๆ ไปเป็นของฝาก ของที่ระลึกได้อีกด้วย กลุ่มสตรีทอผ้าไหม หมู่บ้านเจริญสุข เปิดให้เข้าชมทุกวันตั้งแต่เวลา 8.30 – 16.30 น.โทร. 044 686 157 การเดินทางวิ่งตามถนน หมายเลข 24 (โชคชัย – เดชอุดม) เลี้ยวถนนหมายเลข 2117 ขับต่อไปประมาณ 7 กิโลเมตร จากนั้นเลี้ยวซ้าย ขับต่อประมาณ 2.9 กิโลเมตร จะถึงกลุ่มสตรีทอผ้าไหม หมู่บ้านเจริญสุข พิกัด : https://goo.gl/maps/1J9sbtkDcTK2 “รวยวัฒนธรรม” จังหวัดแห่งนี้ได้ผสมผสานความเป็นชุมชนดั้งเดิม ที่เต็มเปี่ยมไปด้วยวัฒนธรรมประเพณีอันดีงามที่สืบทอดกันมาเป็นเวลายาวนาน และความทันสมัยของเทคโนโลยีกิจกรรมกีฬาสมัยใหม่ เข้ากันได้อย่างลงตัว ซึ่งกิจกรรมหรือประเพณีต่างๆ ของจังหวัดบุรีรัมย์นั้นก็มีมากมาย เช่น งานประเพณีขึ้นเขาพนมรุ้ง งานประเพณีขึ้นเขากระโดง งานประเพณีกวนข้าวทิพย์และตักบาตรเทโว งานกาชาดและงานประจำปีจังหวัดบุรีรัมย์ งานเทศกาลนมัสการพระเจ้าใหญ่วัดหงส์ งานมหกรรมว่าวอีสาน งานข้าวมะลิหอม ปลาจ่อมกุ้ง ชมทุ่งนกประโคนชัย ฯลฯ ส่วนกิจกรรมกีฬาก็มีให้ได้ร่วมชม ร่วมสนุกกันแทบจะตลอดทั้งปีเลยล่ะ “เลิศล้ำเมืองกีฬา”วลีนี้ได้ถูกเพิ่มเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคำขวัญ และประกาศใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ.2561 ที่ผ่านมานี่เอง จังหวัดบุรีรัมย์ในปัจจุบัน เป็นเมืองกีฬา หรือ sport city ที่มีเอกลักษณ์โดดเด่นในระดับประเทศ  มีสนามช้างอารีนา (เดิมคือ สนามฟุตบอลไอโมบาย สเตเดียม) สนามฟุตบอลขนาดมาตรฐานระดับสากลของสโมสรฟุตบอลบุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ออกแบบโดยการนำเทคโนโลยีและความทันสมัยของสโมสรฟุตบอลเชลซีกับเลสเตอร์ ซิตี้ จากอังกฤษ มาประยุกต์ให้เข้ากับสภาพอากาศของเมืองไทย สามารถจุผู้ชมได้ 32,600 คน พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกและระบบความปลอดภัยที่ทันสมัย และยังปรับปรุงภูมิทัศน์รอบสนามให้เป็นสวนสาธารณะขนาดใหญ่เพื่อให้ประชาชนพักผ่อนและออกกำลังกายอีกด้วยพิกัด : https://goo.gl/maps/gNTmJKzQCQ12 และสนามช้าง อินเตอร์เนชั่นแนล เซอร์กิต เป็นสนามมอเตอร์สปอร์ตมาตรฐานโลก บนพื้นที่กว่า 1,000 ไร่ มีระยะห่างต่อรอบยาวกว่า 4 กิโลเมตร จำนวน 12 โค้ง เป็นสนามเดียวในไทยที่ได้รับรองมาตรฐานระดับ FIA Grade 1 และ FIM Grade A และเป็นสนามเดียวในโลกที่ผู้ชมบนแกรนด์สแตนด์สามารถมองเห็นภาพการแข่งขันได้ทุกโค้งสนามเลยทีเดียว ภายในสนามยังมีโรงแรมระดับห้าดาว ซึ่งจุดเด่นที่สุดของโรงแรมแห่งนี้ คือ สามารถมองเห็นพื้นที่สนามแข่งขันทั้งหมดได้จากห้องพักเลยพิกัด : https://goo.gl/maps/usw3irSHa6A2

เมืองปราสาทหิน ถิ่นภูเขาไฟ ผ้าไหมสวย รวยวัฒนธรรม เลิศล้ำเมืองกีฬา อ่านเพิ่มเติม

บ้านสนวนนอก … วิถีชุมชนเขมรเซาะกราวแห่งบุรีรัมย์

บ้านสนวนนอก…วิถีชุมชนเขมรเซาะกราวแห่งบุรีรัมย์ อ.ห้วยราช จ.บุรีรัมย์ “ขนมตดหมา” ขนมจากภูมิปัญญามีเพียงแห่งเดียวในไทย ใช้วัตถุดิบจากต้นเครือตดหมา ซึ่งเป็นไม้เถาเลื้อยมีกลิ่นฉุน โดยใช้รากเครือตดหมามาผสมกับแป้งข้าวเหนียว น้ำตาลทรายแดง และมะพร้าวทึนทึกขูด คลุกเคล้าให้เข้ากัน ห่อใส่ใบตอง แล้วนำไปปิ้งให้สุกจนหอม “กระดึง” กระดึงหรือกระดิ่ง คืออุปกรณ์ที่ใช้สวมใส่คอสัตว์เลี้ยง เช่น วัว กระบือ ที่บ้านสนวนนอกมีการนำเศษไม้มาทำกระดึงเพื่อจำหน่ายเป็นรายได้ และได้ประยุกต์ให้มีขนาด รูปทรง สีสันหลากหลาย เพื่อใช้เป็นของที่ระลึกอีกด้วย หากมาเที่ยวชมเป็นหมู่คณะและแจ้งทางหมู่บ้านล่วงหน้า จะมีโอกาสได้ชมการแสดง “รำตรด” อันสนุกสนานของชาวบ้านที่นี่ พิธีบายศรีสู่ขวัญ ซึ่งเป็นธรรมเนียมปฏบัติของชาวบ้าน ในการต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง “รถกระสวยอวกาศ” ลักษณะคล้ายรถรางบริการนักท่องเที่ยวนำชมรอบหมู่บ้าน หรือท่านใดจะเลือกเดินเล่นซึมซับบรรยากาศด้วยตนเองก็ได้ตามสะดวก บ้านสนวนนอกโดดเด่นเรื่องการทอผ้าไหมหางกระรอก มาเที่ยวที่นี่จะได้ชมและเรียนรู้กระบวนการทำผ้าไหม ทุกขั้นตอน ลวดลายของผ้าไหมและผ้าขาวม้าหางกระรอก ลายเอกลักษณ์ของหมู่บ้าน บ้านแต่ละหลังจะทอผ้าและขายกันที่บ้าน และมีศูนย์จำหน่ายอยู่ปากทางเข้าหมู่บ้าน รับรองว่ามาเที่ยวที่นี่ต้องได้ผ้าผืนงามกลับบ้านไปกันคนละชิ้น ผลิตภัณฑ์ไม้แกะสลักและสิ่งประดิษฐ์จากกะลามะพร้าว ก็เป็นอีกหัตถกรรมหนึ่งที่ขึ้นชื่อของหมู่บ้านสนวนนอก สำหรับใครที่อยากซึมซับและท่องเที่ยวแบบ Slow Life แนะนำให้นอนค้างคืนแบบโฮมสเตย์กับชาวบ้านที่นี่ ราคาย่อมเยาเพียงคนละ 350 บาท เท่านั้น มิตรไมตรีของผู้คน วัฒนธรรมและประเพณีอันดีงาม วิถีความเป็นอยู่ที่เรียบง่าย และอากาศอันบริสุทธิ์ สามารถพบเจอและสัมผัสได้ ณ บ้านสนวนนอก แห่งนี้

บ้านสนวนนอก … วิถีชุมชนเขมรเซาะกราวแห่งบุรีรัมย์ อ่านเพิ่มเติม

ภูเขาไฟกระโดง ปล่องภูเขาไฟ 9 แสนปี

บุรีรัมย์ คือ แผ่นดินมหัศจรรย์เชิงธรณีวิทยาโบราณ เพราะมีภูเขาไฟที่ดับสนิทแล้วอยู่ไม่น้อยกว่า 8 ลูก หนึ่งในนั้นคือ “ภูเขาไฟกระโดง” ใน อ.เมืองบุรีรัมย์นั่นเอง ปัจจุบันเป็นภูเขาสูง 256 เมตรปกคลุมด้วยป่าเต็งรัง นับเป็นอีกหนึ่งแลนด์มาร์คที่ใครมาเมืองนี้ต้องแวะเที่ยวให้ได้ ด้านบนจะมี พระสุภัทรบพิตร ซึ่งเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ประดิษฐานอยู่บนเขากระโดง เป็นพระพุทธรูปก่ออิฐฉาบปูนขนาดใหญ่ สร้างขึ้นเมื่อ พ.ศ. 2512 โดยผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์ในขณะนั้น ร่วมกับพ่อค้าประชาชนและผู้มีจิตศรัทธาซึ่งเลื่อมใสในความคิดและโครงการต่างๆ ของหลวงพ่อบุญมา ปัญญาปโชโต อดีตเจ้าอาวาสวัดเขากระโดง ได้ร่วมกันจัดสร้างขึ้นบริเวณยอดเขากระโดง เพื่อให้เป็นที่สักการะบูชาของพุทธศาสนิกชนทั่วไป ภายในเศียรของพระสุภัทรบพิตรได้บรรจุพระธาตุไว้อีกด้วย หากเดินทางไป อย่าลืมที่จะไหว้ขอพรเพื่อเป็นสิริมงคลด้วยนะ มาถึงไฮไลท์สำคัญ นั่นก็คือ “ปากปล่องภูเขาไฟกระโดง” ที่มีอายุประมาณ 3 แสนถึง 9 แสนปี  ซากปากปล่องเป็นรูปพระจันทร์ครึ่งซีก ยอดเนินเขาเป็นขอบปล่องด้านทิศใต้เรียกว่า เขาใหญ่ ส่วนยอดเนินเป็นขอบปล่องด้านทิศเหนือเรียกว่า เขาน้อย หรือ เขากระโดง ส่วนบริเวณที่เป็นขอบปล่องปะทุคือ บริเวณที่เป็นหุบเขา ซึ่งมีเส้นทางเดินชมรอบปล่องและมีสะพานแขวนให้ยืนชมจากมุมสูงได้อย่างชัดเจน และยิ่งเดินทางไปช่วงหน้าฝน บริเวณปากปล่องจะเป็นแอ่งน้ำจะทำให้เห็นรูปร่างของปล่องภูเขาไฟชัดเจนยิ่งขึ้น สะพานที่นี่มีชื่อสุดเก๋ก็คือ “สะพานแขวนลาวา” สามารถเดินเพื่อไปชมปากปล่องภูเขาไฟได้อย่างชัดเจน  วิวสะพานแขวนสุดคลาสสิค ถ่ายรูปออกมาชิคๆ เก๋ๆ ก็ได้เหมือนกันนะ อยากจะแนะนำให้ไปเที่ยวในวันธรรมดา เพราะคนจะไม่เยอะ สามารถถ่ายรูปได้อย่างจุใจเลย มุมนี้จะเห็นทั้งสะพานแขวนลาวา และ ปากปล่องภูเขาไฟอย่างชัดเจน อีกหนึ่งจุดก็คือ ปราสาทเขากระโดงและพระพุทธบาทจำลอง เป็นศาสนสถาน สร้างขึ้นก่อนสมัยสุโขทัย เดิมเป็นปรางค์หินทราย ก่อบนฐานศิลาแลงองค์เดียวโดดๆ มีช่องทางเข้า 4 ด้าน ต่อมาหินพังหรือถูกรื้อลงมา มีผู้นำหินมาเรียงขึ้นมาใหม่ แต่ไม่ตรงตามรูปแบบเดิม ในสมัยรัตนโกสินทร์ ตระกูลสิงหเสนีได้ประดิษฐานพระพุทธบาทจำลองไว้ในองค์ปรางค์ แล้วสร้างมณฑปครอบทับไว้ ใกล้กันยังมี อ่างเก็บน้ำเขากระโดง (อ่างเก็บน้ำวุฒิสวัสดิ์) อยู่ด้านเหนือของภูเขากระโดง บริเวณหน้าที่ทำการวนอุทยานภูเขาไฟกระโดง เนื้อที่ประมาณ 40 ไร่ เป็นแหล่งอาศัยของเหล่านกน้ำประจำถิ่นและนกอพยพหนีหนาว รอบอ่างจะอุดมไปด้วยพันธุ์ไม้เต็ง-รังนานาชนิด จุดนั่งชมวิวเหมาะสำหรับเป็นสถานที่พักผ่อนหย่อนใจ กางเต็นท์พักแรมและศึกษาธรรมชาติอีกด้วย วนอุทยานภูเขาไฟกระโดงเปิดให้เข้าชมทุกวัน เวลา 06.00-18.00น. โดยไม่เสียค่าเข้าชม สามารถนำรถขึ้นไปถึงจุดชมวิวและพระสุภัทรบพิตรด้านบน และมีทางเดินขึ้นเป็นบันไดด้วย ประมาณ 290 ขั้น การเดินทาง เส้นทางจากจังหวัดบุรีรัมย์ ไปตามทางหลวงแผ่นดินหมายเลข 219 (บุรีรัมย์-ประโคนชัย) ระยะทางประมาณ 6 กิโลเมตร แล้วเลี้ยวซ้าย เข้าวนอุทยานฯพิกัด : https://goo.gl/maps/UrRuL5sxH862 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมททท. สำนักงานสุรินทร์ ดูแล จ.สุรินทร์ และ จ.บุรีรัมย์ โทร 044 514 447-8วนอุทยานเขากระโดง โทร. 044 637 349

ภูเขาไฟกระโดง ปล่องภูเขาไฟ 9 แสนปี อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top