บึงกาฬ

บึงกาฬ

ดารานาคี เสน่ห์ผ้าทอแห่งลุ่มน้ำโขง

เมื่อพูดถึงจังหวัดบึงกาฬ ภาพแรกที่เรามักจะนึกถึงก็คือ ธรรมชาติที่สวยงาม อย่างหินสามวาฬ ภูทอก น้ำตกถ้ำพระ และถ้ำนาคา แต่นอกจากธรรมชาติที่สวยงามแล้ว จังหวัดบึงกาฬยังขึ้นชื่อเรื่องผ้าทอด้วย วันนี้แอดมินจะพาทุกคนไปทำความรู้จักกับกลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ ที่โดดเด่นเรื่องการทอผ้าขาวม้า และเป็นแหล่งกำเนิดของ “ผ้าขาวม้าดารานาคี”.ผ้าขาวม้าดารานาคีคืออะไร จะซ่อนเรื่องราวอะไรไว้บ้าง ถ้าอยากรู้ ตามแอดมาเลยค่ะ.กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อที่ตั้ง: 91 หมู่ 2 ต.หอคำ อ.เมืองบึงกาฬ จ.บึงกาฬเปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.โทร. 095 664 7134, 091 061 2024พิกัด: https://goo.gl/maps/zcx4aiEvwTLkt2rY6 ………………………………………………………………………….. จากผ้าขาวม้าย้อมสีเคมีในวันนั้น สู่ผ้าขาวม้าดารานาคีในวันนี้ กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ ก่อตั้งโดยคุณยายแว่น และคุณตาไล คำพุทธา เป็นกลุ่มทอผ้าดั้งเดิมของชุมชน ผ้าขาวม้าของทางกลุ่มจะเป็นลายสี่เหลี่ยมจัตุรัสทั้งผืน และย้อมด้วยสีเคมีซึ่งทำให้ผ้าแข็งกระด้าง เมื่อยุคสมัยเปลี่ยนไป ผ้าขาวม้าแบบนี้ได้รับความนิยมน้อยลง สมาชิกหลายคนจึงเลิกทอผ้าและหันไปทำอาชีพอื่นแทน แต่ถึงอย่างนั้น ก็ยังมีคนรุ่นใหม่อย่าง คุณแยม-สุพัตรา แสงกองมี เข้ามารับช่วงต่อ โดยเปลี่ยนจากการย้อมผ้าด้วยสีเคมี เป็นสีธรรมชาติและหมักโคลนจากแม่น้ำโขง สิ่งที่จุดประกายความคิดนี้ มาจากภูมิปัญญาของคนเฒ่าคนแก่ในหมู่บ้านที่เล่าให้ฟังถึงวิธีการย้อมผ้าสมัยโบราณ ที่จะนำฝ้ายไปต้มกับน้ำเปลือกไม้แล้วค่อยนำไปหมักโคลนคุณแยมจึงนำภูมิปัญญานี้มาปรับใช้ โดยนำพืชที่หาได้ในท้องถิ่นอย่าง ผลหมากค้อเขียว เปลือกต้นชมพู่ป่า และเปลือกต้นคูนราชพฤกษ์มาย้อมผ้า และใช้โคลนจากแม่น้ำโขงมาหมักให้ผ้านุ่มและสีติดทนยิ่งขึ้น จนกลายเป็นคำขวัญของกลุ่มที่ว่า … – ผลไม้พันปี (หมากค้อเขียว-การมีอายุยืนยาว)– นารีสีสวย (ชมพู่ป่า-มีเสน่ห์ดึงดูดใจ)– รวยได้รวยดี (ต้นคูนราชพฤกษ์-ความร่ำรวย มั่งคั่ง) – นาคีหมักโคลน (โคลนจากสะดือแม่น้ำโขง) ทำไมต้อง ดารานาคี คำว่า ดารานาคี เป็นการนำคำสองคำมารวมกัน ดารา เป็นชื่อคุณพ่อของคุณแยม และเป็นการเปรียบผ้าขาวม้าว่าเหมือนดวงดาว ส่วนคำว่า นาคี สื่อถึงความเชื่อเกี่ยวกับพญานาค เพราะโคลนที่ใช้หมักนำมาจากแม่น้ำโขง กรรมวิธีการย้อมสีธรรมชาตินั้นต้องใช้ความพิถีพิถันมากกว่าการย้อมสีเคมี แต่ผลลัพธ์ที่ได้ถือว่าคุ้มค่า.มาดูวิธีการทำผ้าขาวม้าดารานาคีกันดีกว่าค่ะ เริ่มจากนำเปลือกไม้ทั้ง 3 ชนิด ไปต้มรวมกันเป็นเวลา 12 ชั่วโมง สีที่ได้จะเป็นสีดำ แต่ไม่ดำสนิท จากนั้นนำฝ้ายลงไปย้อมและทิ้งไว้จนหายร้อน จากนั้นนำฝ้ายไปหมักโคลนแม่น้ำโขงเพื่อให้นุ่มและสีติดทน โคลนที่ใช้เป็นโคลนธรรมชาติ อยู่ใกล้ชุมชน โคลนบริเวณนี้อยู่ในจุดที่เกิดบั้งไฟพญานาค ตามความเชื่อของชาวบ้าน และยังเป็นเส้นทางสัญจรของสัตว์ป่า โคลนจากจุดนี้มีความอุดมสมบูรณ์ และให้สีที่แตกต่างจากโคลนในบริเวณอื่น ทำให้กลายเป็นเอกลักษณ์ของผ้าดารานาคี เมื่อย้อมและหมักโคลนเสร็จแล้ว สีของฝ้ายจะออกมาเป็นสีเทา หลังจากนั้นก็นำไปทอเป็นผืนได้ นอกจากหมากค้อเขียว เปลือกต้นชมพู่ป่า และเปลือกต้นคูนราชพฤกษ์แล้ว ทางกลุ่มยังนำเปลือกต้นหมากมาย้อมเป็นสีน้ำตาล เพื่อสร้างสีสันและลายผ้าใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นโดยเวลาทอเป็นลายตารางแบบไม่เท่ากัน ถือเป็นเอกลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของผ้าขาวม้าดารานาคี อ่านมาถึงตรงนี้จะรู้เลยว่า กว่าจะได้ผ้าสักผืนไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเพื่อน ๆ มีโอกาสไปเที่ยวที่กลุ่มทอผ้าฝ้ายพื้นเมืองบ้านสะง้อ อย่าลืมอุดหนุนสินค้าจากชุมชนกันนะคะ มีทั้งผ้าขาวม้าลายที่เป็นเอกลักษณ์กว่า 12 ลาย เช่น ลายผู้ว่า ลายน้ำไหล ลายสองฝั่งโขง และลายปทุมทิพย์ เป็นต้น นอกจากนี้ยังมีเสื้อ กางเกง หมวก และพวงกุญแจรูปน้องปลาวาฬ (หินสามวาฬ) สุดน่ารักให้เลือกชอปด้วย ใครชอบเสื้อผ้าสีเอิร์ธโทน ต้องมีเสียทรัพย์กันแน่นอน

ดารานาคี เสน่ห์ผ้าทอแห่งลุ่มน้ำโขง อ่านเพิ่มเติม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ : 14 พื้นที่ชุ่มน้ำที่ได้ขึ้นทะเบียนเป็นแรมซาร์ไซต์ (Ramsar Site) 1 พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน.พื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระหว่างประเทศแห่งแรกของประเทศไทย มีลักษณะเป็นพื้นที่พรุไม้เสม็ดขาว มีกก หญ้ากระจูด กระจูดหนู ขึ้นอยู่หนาแน่น ตั้งอยู่ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ซึ่งอยู่ทางตอนเหนือของทะเลสาบสงขลา .ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ.เป็นบึงน้ำจืดที่มีลักษณะแคบยาว เกิดจากลำห้วยหลายสายไหลมารวมกัน โดยน้ำในบึงจะไหลลงสู่แม่น้ำสงคราม ก่อนไหลออกแม่น้ำโขง ในพื้นที่มีเกาะกลางบึง ได้แก่ ดอนแก้ว ดอนสวรรค์ ดอนโพธิ์ ดอนน่อง และนอกจากนี้บนเกาะยังมีป่าดิบแล้งที่ค่อนข้างสมบูรณ์อีกด้วย.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา และตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ  3 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย.เป็นพื้นที่ส่วนหนึ่งของทะเลสาบเชียงแสน มีการสำรวจพบพันธุ์ไม้ในพื้นที่กว่า 185 ชนิด เช่น ผักบุ้ง บอน หญ้าไซ บัวหลวง กก เป็นต้น เป็นพืชต่างถิ่น 15 ชนิด เช่น กระถินยักษ์ หญ้าชน บัวบก และมะระขี้นก เป็นต้น.ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 4 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม-เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง-ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง .บริเวณนี้มีระบบนิเวศและความหลากหลายทางชีวภาพสูงมาก โดยสังคมพืชในพื้นที่ประกอบด้วย ป่าดิบชื้น ป่าชายหาด ป่าชายเลน และจัดเป็นแหล่งที่มีความอุดมสมบรูณ์ของหญ้าทะเลมากที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย นอกจากนี้ยังเป็นแหล่งหากินของพะยูน ซึ่งถือเป็นสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ของประเทศไทยอีกด้วย.ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกา อำเภอปะเหลียน และอำเภอกันตัง จังหวัดตรัง 5 พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ .กุดทิงเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของปลาน้ำจืดขนาดเล็กที่สำคัญหลายชนิด และยังพบปลาที่อยู่ในสถานะที่เสี่ยงต่อการถูกคุกคาม เช่น ปลายี่สก หรือปลาเอิน ฯลฯ นอกจากนี้กุดทิงยังเป็นที่อยู่อาศัยของกุ้งน้ำจืด 3 ชนิด คือ กุ้งฝอยเล็ก กุ้งฝอยใหญ่ และกุ้งฝอยแดงด้วย .ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 6 หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา.จุดเด่นของที่นี่คือแนวปะการังน้ำลึก ที่มีความหลากหลายของชนิดปะการังมากกว่าที่อื่น มีการสำรวจพบแนวปะการังที่เกาะสุรินทร์เหนือ เกาะสุรินทร์ใต้ เกาะรี เกาะไข่ เกาะกลาง เกาะเมี่ยง เกาะตารี และเกาะอื่นๆ โดยที่เกาะสุรินทร์มีแนวปะการังที่สมบูรณ์อยู่ที่อ่าวช่องขาด และอ่าวแม่บาย ปะการังที่พบมาก ได้แก่ ปะการังเขากวาง ปะการังโขด ปะการังดอกเห็ด ปะการังดอกกะหล่ำ ปะการังดาวใหญ่ และปะการังไฟ เป็นต้น.ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรี และอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา 7 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา .เป็นอ่าวตื้นที่ล้อมรอบด้วยป่าชายเลนขนาดใหญ่เนื้อที่กว่า 132,381 ไร่ โดยบริเวณอ่าวพังงาประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่ประมาณ 42 เกาะ เช่น เกาะเขาเต่า เกาะพระอาดเฒ่า เกาะมะพร้าว เกาะปันหยี เกาะเขาพิงกัน เป็นต้น ถ้าเพื่อนๆ ไปที่จุดชมวิวเสม็ดนางชี ก็จะสามารถมองเห็นพื้นที่บางส่วนของแนวป่าชายเลนและหมู่เกาะต่างๆ ได้อย่างชัดเจน.ที่ตั้ง : อำเภอเมือง และอำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 8 พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่ .มีพื่นที่ครอบคลุมตั้งแต่สุสานหอย 75 ล้านปี เขตผังเมืองกระบี่ ป่าชายเลนหาดเลน เขาขนาบน้ำ หาดทรายลำคลองน้อมใหญ่หน้าเมืองกระบี่ ไปจนถึงป่าชายเลนและหญ้าทะเลผืนใหญ่ในบริเวณเกาะศรีบอยา  ที่นี่เป็นแหล่งชุมนุมของนกอพยพที่สำคัญที่สุดแห่งหนึ่งในประเทศไทย พบนกอย่างน้อย 101 ชนิด เป็นนกประจำถิ่นอย่างน้อย 53 ชนิด เช่น นกยางเขียว นกนางนวลแกลบหงอนใหญ่ เหยี่ยวขาว เป็นต้น .ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 9 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี.หมู่เกาะอ่างทองประกอบด้วยเกาะต่างๆ ประมาณ 42 เกาะ ทั้งหมดเป็นเกาะขนาดเล็กและขนาดกลางตั้งอยู่เป็นกลุ่มเกาะกลางทะเล ส่วนใหญ่เป็นเขาหินปูนมีแนวหน้าผาสูงชันตั้งดิ่งจากพื้นที่น้ำทะเล นอกจากความอุดมสมบูรณ์ของโลกใต้ทะเลแล้ว ป่าไม้บนแนวเขาก็ค่อยข้างอุดมสมบูรณ์ มีสัตว์ป่าประจำถิ่นและนกอพยพกว่า 100 ชนิดเช่นกัน .ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10 พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม .ดอนหอยหลอดเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำชายฝั่งทะเล มีลักษณะเป็นดินที่เกิดจากการทับถมของตะกอนปากแม่น้ำและตะกอนน้ำทะเลบริเวณปากแม่น้ำกลอง ทำให้แผ่นดินขยายออกไปในทะเลประมาณ 8 กิโลเมตร.จุดเด่นของที่นี่คือหาดเลน เป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของหอยหลอด เอกลักษณ์สำคัญของพื้นที่ และยังมีหอยอีกหลายชนิดที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจในประเทศไทยและในภูมิภาค.ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคน อำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 11 พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส .พรุโต๊ะแดงเป็นป่าพรุผืนใหญ่ที่สุดของประเทศไทยที่ยังคงเหลืออยู่ มีคุณค่าต่อการศึกษาวิจัยและการท่องเที่ยว ท้องถิ่นและชุมชนได้ประโยชน์โดยตรงจากการเก็บของป่า เช่น หวาย หลุมพี น้ำผึ้ง เพื่อเป็นรายได้ของชุมชน ที่นี่มีความหลากหลายทางชีวภาพสูงทั้งพืชและสัตว์ มีการสำรวจพบสัตว์ใกล้สูญพันธุ์หลายชนิด เช่น นกตะกรุม นกฟินฟุท นกเปล้าใหญ่ เต่าหับ เต่าดำ ตะโขง และจระเข้น้ำเค็ม เป็นต้น.ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ อำเภอสุไหงโก-ลก และอำเภอสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 12 พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ .เพื่อนๆ หลายคนน่าจะเคยไปเที่ยวที่สามร้อยยอดกันมาบ้างแล้ว แต่รู้หรือไม่ว่าที่นี่ประกอบด้วยระบบนิเวศที่หลากหลายทั้งระบบนิเวศบก ป่าเขาหิน และระบบนิเวศพื้นที่ชุ่มน้ำได้แก่ บึงน้ำจืด ป่าชายเลน หาดโคลน และหาดทรายชายทะเล  โดยป่าชายเลนจะอยู่บริเวณปากคลอง ซึ่งมีพันธุ์ไม้ขึ้นอยู่เป็นแนวแคบๆ ตามชายคลองบริเวณทางออกทะเล เช่น แสมทะเล โกงกางใบใหญ่ โกงกางใบเล็ก ลำพู เหงือกปลาหมอดอกขาว หญ้าน้ำเค็ม ฯลฯ ส่วนบริเวณที่ลุ่มน้ำกร่อยจะมีสังคมพืชทนเค็ม

Wetland ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์

พื้นที่ชุ่มน้ำ…พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ 1. พื้นที่ชุ่มน้ำพรุควนขี้เสียน ที่ตั้ง: เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จังหวัดพัทลุง 2. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบ้านต้อง ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกาตำบลบึงโขงหลง ตำบลโพธิ์หมากแข้ง อำเภอบึงโขงหลง จังหวัดบึงกาฬ 3.พื้นที่ชุ่มน้ำดอนหอยหลอด จังหวัดสมุทรสงคราม  ที่ตั้ง: อยู่ในพื้นที่ตำบลบางจะเกร็ง ตำบลแหลมใหญ่ ตำบลบางแก้ว และตำบลคลองโคนอำเภอเมือง จังหวัดสมุทรสงคราม 4. พื้นที่ชุ่มน้ำปากแม่น้ำกระบี่ จังหวัดกระบี่  ที่ตั้ง: อำเภอเมือง จังหวัดกระบี่ 5. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตห้ามล่าสัตว์ป่าหนองบงคาย จังหวัดเชียงราย ที่ตั้ง: ตำบลโยนก และตำบลป่าสัก อำเภอเชียงแสน จังหวัดเชียงราย 6. พื้นที่ชุ่มน้ำเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าเฉลิมพระเกียรติสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ ( พรุโต๊ะแดง ) จังหวัดนราธิวาส  ที่ตั้ง: อำเภอตากใบ สุไหงโก-ลกและสุไหงปาดี จังหวัดนราธิวาส 7. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหาดเจ้าไหม – เขตห้ามล่าสัตว์ป่าหมู่เกาะลิบง – ปากน้ำตรัง จังหวัดตรัง  ที่ตั้ง: ตำบลนาเกลือ ตำบลลิบง ตำบลหาดสำราญ อำเภอสิเกาอำเภอปะเหลียน อำเภอกันตัง จังหวัดตรัง  8. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติแหลมสน-ปากคลองกะเปอร์-ปากแม่น้ำกระบุรี จังหวัดระนอง ที่ตั้ง: อำเภอกะเปอร์ จังหวัดระนอง และอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา 9. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะอ่างทอง จังหวัดสุราษฎร์ธานี ที่ตั้ง : ตำบลอ่างทอง อำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี 10. พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติอ่าวพังงา จังหวัดพังงา  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง อำเภอตะกั่วทุ่ง จังหวัดพังงา 11.พื้นที่ชุ่มน้ำอุทยานแห่งชาติเขาสามร้อยยอด จังหวัดประจวบคีรีขันธ์  ที่ตั้ง : อำเภอกุยบุรี จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ 12.พื้นที่ชุ่มน้ำกุดทิง จังหวัดบึงกาฬ  ที่ตั้ง : อำเภอเมือง จังหวัดบึงกาฬ 13. พื้นที่ชุ่มน้ำเกาะกระ จังหวัดนครศรีธรรมราช  ที่ตั้ง : อำเภอปากพนัง จังหวัดนครศรีธรรมราช 14. หมู่เกาะระ–เกาะพระทอง จังหวัดพังงา ที่ตั้ง : อำเภอคุระบุรีและอำเภอตะกั่วป่า จังหวัดพังงา

พื้นที่ชุ่มน้ำ พื้นที่ชีวิต : Wetlands ดินแดนมหัศจรรย์ อ่านเพิ่มเติม

ภูทอก บันไดไม้แห่งศรัทธาสู่ภูเขาแห่งธรรม

ภูทอก ตั้งอยู่ที่บ้านคำแคน ตำบลนาสะแบง อำเภอศรีวิไล จังหวัดบึงกาฬ เป็นภูเขาหินทรายที่สามารถมองเห็นได้จากระยะไกล เชิงภูทอกเป็นที่ตั้งของวัดเจติยาคีรีวิหาร (วัดภูทอก) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นการเดินเท้าขึ้นสู่ยอดภูทอก บันไดทางขึ้นภูทอกมี 7 ชั้น โดยแต่ละชั้นจะเป็นสะพานไม้สลับกับบันไดไม้เวียนรอบเขา ตลอดทางเดินจะผ่านป่า โขดหิน และบางช่วงทางเดินจะลัดเลาะเรียบริมหน้าผา ชวนให้รู้สึกตื่นเต้นหวาดเสียว การเดินบนสะพานไม้เลียบริมหน้าผา ควรเดินด้วยความระมัดระวัง ไม่วิ่งเล่นหรือยืนพิงระเบียงไม้ เพราะอาจเกิดอันตรายพลัดตกลงไปได้ แม้บางช่วงของทางเดินจะค่อนข้างหวาดเสียว แต่ทิวทัศน์สวยงามที่ได้ชมนั้นแสนจะคุ้มค่า มีลานหินริมหน้าผาสำหรับชมวิว มองลงไปจะเห็นเจดีย์พระอาจารย์จวน กุลเชฏโฐ ตั้งเด่นสง่าอยู่เบื้องล่าง นอกจากนี้ยังมองเห็นบ้านเรือนของชาวบ้านในเขตอำเภอศรีวิไล ซึ่งส่วนใหญ่มีอาชีพปลูกพืชไร่และยางพารา ไฮไลท์เด่นของภูทอก คือ พุทธวิหาร ซึ่งเป็นที่บรรจุพระบรมสารีริกธาตุ มีลักษณะแปลก คือ เป็นหินที่แยกตัวออกมาจากหินก้อนใหญ่ แต่ไม่ตกลงมา เพราะตั้งอยู่อย่างได้ฉากกับพื้นโลกพอดี คล้ายกับพระธาตุอินทร์แขวนที่พม่า ภูทอก เปิดให้ขึ้นไปชมทุกวัน และจะปิดในวันที่ 10-16 เมษายน ของทุกปี (ช่วงสงกรานต์) สำหรับการเดินทางจากตัวเมืองบึงกาฬ ใช้ทางหลวงหมายเลข 222 ถึงอำเภอศรีวิไล มีทางแยกซ้ายอีก 30 กิโลเมตร ผ่านบ้านอู่คำ บ้านนาสิงห์ บ้านสันทรายงาม บ้านแสงเจริญ สู่บ้านนาคำแคน ถึงภูทอก

ภูทอก บันไดไม้แห่งศรัทธาสู่ภูเขาแห่งธรรม อ่านเพิ่มเติม

สวนสนุกสไลเดอร์ สนามเด็กเล่นแดนอีสาน

“สวนสนุกสไลเดอร์ น้ำตกถ้ำพระ จ.บึงกาฬ สนามเด็กเล่นแดนอีสาน” เปิดทุกวัน เวลา 08.00-17.00 น.ที่ตั้ง : บ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬพิกัด : https://goo.gl/maps/dGaxQSxwKRJ2 น้ำตกถ้ำพระ ตั้งอยู่ที่บ้านถ้ำพระ ตำบลโสกก่าม อำเภอเซกา จังหวัดบึงกาฬ ภายในเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูวัว แต่อยู่ในความรับผิดชอบของหน่วยพิทักษ์ป่าถ้ำพระ ซึ่งเข้ามาดูแลและจัดการด้านการท่องเที่ยว เนื่องจากน้ำตกถ้ำพระเป็นน้ำตกที่อยู่ในป่า เพื่อนๆ จำเป็นจะต้องจอดรถไว้ที่ท่าเรือแล้วนั่งเรือรับจ้างของชาวบ้านเข้าไปค่ะ ซึ่งการนั่งเรือเข้าไปนี้ก็ถือว่าเป็นอีกหนึ่งไฮไลท์ของที่นี่เลยก็ว่าได้ ค่าเรือไป-กลับคนละ 20 บาท ใช้เวลาประมาณ 10 นาที จากนั้นเดินเท้าต่ออีกประมาณ 500 เมตร ระหว่างที่นั่งเรือเข้าไป เพื่อนๆ จะได้เห็นความเขียวขจีของพืชพรรณต่างๆ ที่ขึ้นรายล้อมอยู่ตลอดสองข้างทาง น้ำตกถ้ำพระเป็นน้ำตกขนาดใหญ่ มี 3 ชั้น จะมีน้ำมากในช่วงฤดูฝนเท่านั้น เมื่อเดินไปถึงเราจะพบกับน้ำตกชั้นแรก ซึ่งอยู่บริเวณด้านล่าง น้ำตกชั้นนี้น้ำจะค่อนข้างลึกเพราะก้นมีลักษณะเป็นแอ่ง วัยรุ่นจึงนิยมไปกระโดดน้ำเล่นกัน เหมาะสำหรับคนว่ายน้ำเป็นเท่านั้นนะคะ น้ำตกชั้นที่ 2 เป็นลำธารหลายสาย มีน้ำไหลแรง แต่เป็นแอ่งน้ำตื้น จึงมีนักท่องเที่ยวไปเล่นน้ำกันเป็นจำนวนมากทั้งเด็กและผู้ใหญ่ และไฮไลท์ของน้ำตกถ้ำพระก็อยู่ที่นี่ค่ะ “สไลเดอร์ธรรมชาติ” เป็นแนวร่องน้ำที่ไหลไปตามโขดหิน เราสามารถสไลด์ตัวลงมาตามร่องน้ำได้ และนี่เองเป็นที่มาของคำว่า “สวนสนุกจากธรรมชาติ” ค่ะ แต่การเล่นสไลเดอร์นี้ควรทำในช่วงที่น้ำไม่แรงมาก และต้องใช้ระมัดระวังอย่างมากเพื่อไม่ให้เกิดอุบัติเหตุค่ะ ในชั้นนี้เพื่อนๆ จะเห็นพระพุทธรูป 2 องค์ ประดิษฐานอยู่ตรงหน้าผาฝั่งตรงข้ามน้ำตก ซึ่งบริเวณดังกล่าวชาวบ้านเรียกกันว่า “ถ้ำพระ” เป็นที่มาของชื่อน้ำตกถ้ำพระนั่นเองค่ะ พระพุทธรูปนี้สร้างโดยพระอาจารย์มั่น ภูริทัตโต สามารถกราบไหว้ขอพรได้ มีคนแอบกระซิบมาว่าศักดิ์สิทธิ์มากๆ เลย หากแรงยังเหลือแอดแนะนำให้เดินขึ้นไปที่ชั้น 3 ค่ะ ซึ่งจะอยู่เหนือฝายขึ้นไป ที่ชั้นนี้เพื่อนๆ จะได้เห็นน้ำตกไหลจากหน้าผาลงสู่แอ่งน้ำเบื้องล่าง สวยงามมากๆ เลยค่ะ นักท่องเที่ยวนิยมมาถ่ายรูปตรงบริเวณนี้เป็นจำนวนมาก เพราะน้ำตกที่ตกลงมาจะมีละอองสีขาวนวล ตัดกับฉากหลังที่เป็นท้องฟ้าสดใสสีคราม เป็นภาพประทับใจที่ทุกคนอยากบันทึกไว้ในความทรงจำค่ะ  เดือนนี้มีวันหยุดติดต่อกันหลายวัน หากเพื่อนๆ คนไหนมีโอกาสไปเที่ยวที่ จ.บึงกาฬ แอดก็อยากจะฝากสถานที่ท่องเที่ยวแห่งนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจของเพื่อนๆ ด้วยนะคะ และนี่ก็คือความมหัศจรรย์ของธรรมชาติในช่วงหน้าฝน ที่รังสรรค์มาให้เราได้เชยชมกันค่ะ

สวนสนุกสไลเดอร์ สนามเด็กเล่นแดนอีสาน อ่านเพิ่มเติม

สะดือแม่น้ำโขง

แก่งอาฮง หรือ สะดือแม่น้ำโขง ตั้งอยู่บริเวณหน้าวัดอาฮงศิลาวาส ต.หอคำ อ.เมือง จ.บึงกาฬ ห่างจากตัวจังหวัดประมาณ 21 กิโลเมตร ว่ากันว่าเป็นจุดที่แม่น้ำโขงมีความลึกที่สุด ซึ่งไม่สามารถวัดระดับความลึกได้ ทั้งยังเป็นบริเวณที่น้ำไหลเชี่ยวกรากมาก โดยเฉพาะช่วงฤดูน้ำหลาก

สะดือแม่น้ำโขง อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top