ตราด

ตราด

เกาะเหลายา จ.ตราด

หากใครกำลังมองหาสถานที่ท่องเที่ยวสวยๆ บรรยากาศเงียบสงบ และผู้คนไม่ค่อยพลุกพล่าน แอดขอแนะนำที่นี่เลยจ้า เกาะเหลายา.เกาะเหลายา ตั้งอยู่ที่ จ.ตราด นับได้ว่าเป็นอีกเกาะหนึ่งที่มีธรรมชาติสวยงามแบบสุดๆ ไม่ว่าจะเป็นน้ำทะเล หาดทราย หรือแม้กระทั่งภูเขา .และเพราะความสวยที่ธรรมชาติให้มานี้ ที่นี่จึงได้สมญานามว่า “เพชรเม็ดงามแห่งทะเลตะวันออก” นั่นเอง.สำหรับเพื่อนๆ ที่สนใจจะมาเที่ยวที่นี่จะต้องซื้อแพ็กเกจทัวร์เท่านั้นนะคะ ซึ่งจะมี 2 แบบคือ.แพ็กเกจแบบ 2 วัน 1 คืน (รวมอาหาร 3 มื้อ)▪ ราคาสำหรับ 2 คน/ห้อง คนละ 4,000 บาท ▪ ราคาสำหรับ 3-4 คน/ห้อง คนละ 3,500 บาท แพ็กเกจแบบ 3 วัน 2 คืน (รวมอาหาร 6 มื้อ)▪ ราคาสำหรับ 2 คน/ห้อง คนละ 7,500 บาท ▪ ราคาสำหรับ 3-4 คน/ห้อง คนละ 6,000 บาท.***ปล.โดยปกติจะไม่มีการรับนักท่องเที่ยวแบบ Walk in จะรับตั้งแต่ 30 คนขึ้นไป ซึ่งในกรณีที่เดินทางไม่ถึง 30 คน จะเป็นการจอยกรุ๊ปกับนักท่องเที่ยวกลุ่มอื่นๆ ค่ะ การเดินทาง .สำหรับเพื่อนๆ ที่ซื้อแพ็กเกจทัวร์แล้ว จะต้องเดินทางไปพร้อมกันที่ “ท่าเรือกรมหลวงชุมพร” เพื่อขึ้นเรือไปยังเกาะเหลายา ซึ่งในแต่ละวันจะมีเพียงรอบเดียวเท่านั้นคือ เวลา 09.00 น. โดยเราจะใช้เวลาเดินทางประมาณ 2 ชั่วโมง.ส่วนเที่ยวกลับเรือจะออกจากเกาะเวลาประมาณ 10.00 น. มีรอบเดียวเหมือนกันค่ะ การมาเที่ยวที่เกาะเหลายา สำหรับแอดดูคล้ายกับการติดเกาะอยู่เหมือนกันนะคะ .เนื่องจากเราจะต้องค้างคืนเท่านั้น ไม่สามารถเดินทางแบบไปเช้าเย็นกลับได้เหมือนเกาะอื่นๆ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องดีเพราะเราจะได้ใช้เวลาในการดื่มด่ำกับธรรมชาติและพักผ่อนได้อย่างเต็มที่เลย  สำหรับเกาะเหลายานั้นประกอบไปด้วย 3 เกาะย่อยด้วยกัน คือ เกาะเหลายาใน เกาะเหลายากลาง และเกาะเหลายานอก.ซึ่งจากเกาะเหลายาในเพื่อนๆ สามารถเดินข้ามไปยังเกาะเหลายากลางได้ด้วยนะคะ โดยใช้สะพานไม้เป็นทางเชื่อม และต้องบอกเลยว่านี่ถือเป็นไฮไลท์ที่ห้ามพลาดเมื่อมาเยือนเกาะเหลายาเลยทีเดียวค่ะ  ซึ่งนอกจากการชื่นชมธรรมชาติที่สวยงามบริเวณรอบๆ เกาะแล้ว เพื่อนๆ ยังสามารถไปดำน้ำเพื่อทักทายเจ้าปลาตัวน้อย และเหล่าปะการังที่สวยงามบริเวณเกาะหวายได้อีกด้วย.ปล.ค่าทำกิจกรรมรวมอยู่ในแพ็กเกจแล้วค่ะ ในส่วนของที่พักนั้น บนเกาะแห่งนี้มีเพียงแห่งเดียวก็คือ “Laoya Coco Island” ซึ่งการตกแต่งห้องพักของที่นี่นั้นจะเป็นแบบเรียบง่ายในสไตล์ร่วมสมัย อีกทั้งยังมีสิ่งอำนวยความสะดวกแบบครบครัน.ขอบคุณรูปสวยๆ จากเพจ Laoya Coco Island หากเพื่อนๆ ไม่ชอบนอนอาบแดด แต่อยากชมธรรมชาติสวยๆ น้ำทะเลใสๆ ในช่วงกลางวันก็สามารถนั่งชมจากตรงระเบียงที่พักได้ด้วยนะคะ.ขอบคุณรูปสวยๆ จากเพจ Laoya Coco Island และนี่ก็คืออีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวที่แอดอยากจะชวนเพื่อนๆ ให้ลองออกมาสัมผัสกับความสวยงามกัน ซึ่งรับรองเลยว่านี่จะเป็นการติดเกาะ ที่ทุกคนจะต้องติดใจอย่างแน่นอน… เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 26 กันยายน 2562

เกาะเหลายา จ.ตราด อ่านเพิ่มเติม

เกาะหมาก 2 วัน 1 คืน Slow Life … Low Carbon

วันที่ 1 การเดินทางไปเกาะหมากสามารถทำได้หลายวิธี -นั่งรถโดยสารประจำทางหรือรถตู้ เส้นทางกรุงเทพฯ-แหลมงอบ จากสถานีขนส่งเอกมัยหรือสถานีขนส่งหมอชิตใหม่ ใช้เวลาเดินทางประมาณ 4 ชั่วโมง -ขับรถยนต์ส่วนตัวไปยังท่าเรือแหลมงอบ จังหวัดตราด สามารถจอดรถไว้ที่ท่าเรือได้ ค่าบริการคันละประมาณ 50 บาท/คืนท่าเรือแหลมงอบ : https://goo.gl/maps/wenQwGjxasTaE2rq7 -เดินทางโดยเครื่องบิน สายการบิน Bangkok Airways ใช้เวลาเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิประมาณ 1 ชั่วโมง จากนั้นนั่งรถสองแถวต่อมายังท่าเรือแหลมงอบ เมื่อมาถึงท่าเรือแหลมงอบแล้ว เราก็นั่งสปีดโบ๊ทต่อไปยังเกาะหมาก ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45-60 นาที โดยปกตินักท่องเที่ยวมักจะซื้อแพ็กเกจทัวร์จากรีสอร์ท ซึ่งรวมที่พักและการเดินทางไว้แล้ว แต่หากเพื่อนๆ ไม่ได้จองตั๋วมาล่วงหน้า ก็สามารถดูเที่ยวเรือและซื้อตั๋วที่ท่าเรือนี้ได้เลย แอดแนะนำว่าควรซื้อแบบไป-กลับไว้เลยนะคะ เพื่อความสะดวกและป้องกันเรือเต็มในวันกลับ และที่สำคัญอย่าลืมโทรแจ้งกับที่พักด้วย เมื่อถึงเกาะหมากแล้วทางที่พักจะได้ส่งคนมารับที่ท่าเรือค่ะ ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.kohmakboat.in.th/ เย้ ถึงเกาะหมากแล้ว ถ้ามากันหลายคน แอดแนะนำให้เช่ารถไฟฟ้าเลย แต่ต้องจองล่วงหน้านะ เพราะรถมีแค่คันเดียว ส่วนใครที่อยากปั่นจักรยาน หรือขี่มอเตอร์ไซค์เที่ยว บนเกาะก็มีร้านให้เช่าอยู่หลายจุดด้วยกัน สามารถไปเช่าได้ด้วยตัวเองหรือให้ทางที่พักช่วยประสานให้ก็ได้ค่ะ แอดเลือกพักที่ “Naivacha Tent เกาะหมาก” Naivasha เป็นชื่อเมืองหนึ่งในประเทศเคนยา ซึ่งเป็นสถานที่ที่คุณอ้น เจ้าของที่พักชอบมาก จนนำมาตั้งเป็นชื่อที่พักสุดชิล ที่มีจุดเด่นอยู่ที่เต็นท์ติดแอร์ท่ามกลางธรรมชาติและหาดสวยๆ ของทะเลเกาะหมาก.Naivacha Tent เกาะหมากโทร. 081 443 1294 ดูรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่https://www.facebook.com/Onnkohmak/http://www.naivacha-aodaengkohmak.com/ ไฮไลท์ของเกาะหมากคือ “Low Carbon” ซึ่งทุกคนบนเกาะต่างร่วมมือร่วมใจช่วยกันลดขยะจากพลาสติก และใช้ของที่สามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้อีก แม้แต่ในที่พักเองก็มีถุงผ้าให้ยืมใช้ระหว่างอยู่บนเกาะด้วยค่ะ บริเวณใกล้ๆ ทางเข้าที่พักมี “พิพิธภัณฑ์เกาะหมาก” ซึ่งเป็นพิพิธภัณฑ์เอกชนที่คุณอ้นได้ดัดแปลงบ้านเก่าของครอบครัว มาจัดแสดงข้าวของเครื่องใช้เก่าๆ รวมทั้งประวัติความเป็นมาและวิถีชีวิตของชาวเกาะในอดีต หากวันไหนเพื่อนๆ โชคดี ได้เจอกับคุณอ้นละก็ แอดรับรองเลยว่าเพื่อนๆ จะได้ทราบประวัติความเป็นมาของเกาะหมาก ผ่านคำบอกเล่าของผู้ที่อยู่ในทุกช่วงเหตุการณ์แบบคุณอ้นกันอย่างจุใจแน่นอน.พิพิธภัณฑ์เกาะหมากเปิดทุกวัน เวลา 09.00-17.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/WdSMFkCk9te9aCte8 หลังจากซึมซับบรรยากาศของอดีตกันแล้ว เราก็ไปที่ “Blue Pearl Bar” ภายใน Cococape Resort ซึ่งเป็นจุดที่เราจะขึ้นเรือไปเกาะขามกัน แม้จะเป็นช่วง Low Season แต่ที่นี่ก็มีนักท่องเที่ยวมาไม่น้อยเลย แอดแนะนำว่าระหว่างรอเรือ ลองไปนั่งชิลในบาร์ดูก็ดีนะ เมนูยอดนิยมของที่นี่มีทั้ง “กล้วยปั่น” และ “แตงโมปั่น” ซึ่งแก้ว หลอด และอุปกรณ์ทุกอย่างเป็นแบบนำกลับมาใช้ใหม่ได้ เพื่อช่วยลดขยะบนเกาะด้วยค่ะ สำหรับการข้ามเรือไปเกาะขามนั้น เพื่อนๆ สามารถติดต่อผ่านที่พักที่เพื่อนๆ พักได้เลยนะคะ ซึ่งเค้าจะพามาขึ้นเรือที่นี่ค่ะ เอาล่ะ เรือพร้อม คนพร้อม ก็ลงเรือกันเลย.Cococape Resortโทร. 081 937 9024พิกัด : https://goo.gl/maps/wgqY1QDDp2S6U6QV6 เกาะขาม อยู่ห่างจากจุดที่เราขึ้นเรือราวๆ 1.6 กิโลเมตร ตอนแอดไปใช้เวลาประมาณ 10 นาที ก็ถึงแล้วค่ะ ที่นี่เก็บค่าขึ้นเกาะคนละ 200 บาทด้วย ซึ่งสามารถเอาบัตรไปแลกเครื่องดื่มบนเกาะได้ค่ะ เกาะขามนี่สวยจริงๆ เลย น้ำใส หาดทรายขาว แถมยังนุ่มละเอียดสบายเท้า สำหรับใครที่อยากจะพายเรือเล่น ก็สามารถเช่าเรือได้ที่ศาลาหน้าเกาะเลยค่ะ มาเที่ยวช่วง Low Season ก็ดีไปอย่าง คนไม่พลุกพล่าน เล่นน้ำ ถ่ายรูปได้สบายใจ แอดปลื้มมากกก แต่ต้องระวังอย่าเล่นเพลินจนลืมเวลานะคะ เพราะเกาะจะปิดตอน 16.00 น. ค่ะ เล่นน้ำได้สักพัก เราก็กลับมายัง Blue Pearl Bar เกาะหมาก เพื่อดำน้ำตื้นและรอดูพระอาทิตย์ตก บริเวณนี้มีฝูงปลาอยู่เพียบเลย แถมน้ำก็ใสมากด้วยค่ะ นั่งดูพระอาทิตย์ตกพร้อมกับฟังเพลงชิลๆ ไปด้วย มันฟินแบบนี้นี่เอง วันที่ 2 อากาศบนเกาะตอนเช้าสดชื่นมาก แอดรีบทานอาหารเช้าแล้วไปที่ “Roja Studio of Art” สตูดิโอจำหน่ายผ้ามัดย้อมและของฝากเก๋ๆ ที่นี่เพื่อนๆ สามารถทำผ้ามัดย้อมด้วยตัวเองได้ ทั้งผ้าเช็ดหน้า ผ้าพันคอ และเสื้อ โดยสีที่ใช้นั้นล้วนทำมาจากวัสดุธรรมชาติ ไม่ว่าจะเป็นครามหรือกาบมะพร้าวเผา นอกจากนี้ก็ยังมีการคิดค้นสีสันใหม่ๆ ออกมาอยู่เสมอ เรียกได้ว่าปลอดภัยต่อผู้ใช้และยังเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอีกด้วยค่ะ ค่าใช้จ่ายในการทำผ้ามัดย้อมคนละ 1,000 บาท (รวมอาหารว่าง) เสร็จแล้วนำกลับบ้านได้เลย หรือหากใครไม่มีเวลา ก็สามารถซื้อผ้าพันคอหรือเสื้อผ้าแบบที่ย้อมสำเร็จแล้วกลับไปได้ค่ะ.Roja Studio of artโทร. 085 447 4028พิกัด : https://goo.gl/maps/QXcZv8x3UNYyw8AA7 หากเพื่อนๆ เป็นสายบู๊ และไม่ถนัดสายอาร์ต แอดขอแนะนำที่นี่เลย สนามมวย “Phoenix Muay Thai Gym Koh Mak” มาลองออกกำลังเบาๆ สักชั่วโมง หรือจะลงเรียนมวยไทยคลาสเล็กๆ ก่อนกลับก็สนุกดีค่ะ มีเทรนเนอร์คอยดูแลตลอดด้วย.Phoenix Muay Thai Gym Koh Makโทร. 081 711 1428พิกัด : https://goo.gl/maps/HP1sbc4LBcSrf9fF6 หรือใครสนใจที่จะสำรวจเกาะ ก็สามารถขับรถเที่ยวได้ มีหลายจุดที่วิวสวยมาก แต่ที่สำคัญอย่าเที่ยวเพลินจนลืมเผื่อเวลากลับไปขึ้นเรือนะคะ .แอดขึ้นเรือรอบ 11.30 น. ที่อ่าวนิด เมื่อมาถึงแล้วเราต้องยื่นตั๋วให้แก่พนักงานที่ท่าเรือก่อน จากนั้นเค้าจะให้บัตรคิวมา ซึ่งในบัตรคิวจะระบุหมายเลขเรือที่เราจะได้นั่งนั่นเอง รอบนี้ใช้เวลาแค่ 45 นาที ก็ถึงท่าเรือแหลมงอบแล้วค่ะ กลับมาถึงฝั่ง แอดก็หิวขึ้นมาทันที ต้องหาอะไรทานซะหน่อยแล้ว เรามากันที่นี่เลย หนึ่งในร้านที่มีคนบอกแอดว่า มาจังหวัดตราดต้องห้ามพลาด ก็คือร้าน “ก๋วยเตี๋ยวปูสุขุมวิท” ร้านเล็กๆ ที่ไม่ธรรมดาร้านนี้ เมนูเด็ดคือ “ข้าวพริกเกลือ” และ “ก๋วยเตี๋ยวปู” ใครที่มาอาจจะต้องรอหน่อยนะคะ เพราะลูกค้าเค้าเยอะจริงๆ แต่รับรองว่าไม่ผิดหวัง เพราะอาหารที่นี่จานใหญ่

เกาะหมาก 2 วัน 1 คืน Slow Life … Low Carbon อ่านเพิ่มเติม

4 ที่เที่ยวทางทะเล ใน 4 จังหวัดฝั่งทะเลตะวันออก

4 ที่เที่ยวทางทะเล ใน 4 จังหวัดฝั่งทะเลตะวันออก วันที่ 8 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันทะเลโลก หรือ World Ocean Day ซึ่งก่อตั้งขึ้นเพื่อกระตุ้นจิตสำนึกให้ผู้คนหันมาใส่ใจ และร่วมกันอนุรักษ์ท้องทะเลให้คงความสวยงามและยั่งยืนตลอดไป เนื่องในวันทะเลโลก แอดเลยจะชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวทะเลใน 4 จังหวัดภาคตะวันออกของไทย ที่รับรองว่าสวยไม่แพ้ที่ไหนๆ แน่นอน  ประเทศไทยของเราก็ได้ชื่อว่ามีท้องทะเลที่สวยงาม ฉะนั้นเวลาไปเที่ยว ก็ต้องช่วยกันอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ และรักษาความสะอาดด้วยนะ 1.เกาะหวาย จ.ตราด เกาะหวาย ตั้งอยู่ในอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง อ.เกาะช้าง จ.ตราด เป็นเกาะที่มีเเนวปะการังน้ำตื้นให้ดำดูได้อย่างเพลิดเพลิน และสวยงามไม่แพ้ที่ไหนๆ คอนเซ็ปต์ของเกาะนี้ตามที่คนเรือบอกก็คือ คุณจะ Shopping Sleeping หรือ Swimming ก็ Up to you  บนเกาะมีหาดทรายสีขาวทอดยาว มีร้านขายของที่ระลึก ร้านขายอาหารและเครื่องดื่มให้เลือกซื้อมากมาย รวมทั้งมีสะพานท่าเทียบเรือทอดยาวไปในทะเล สามารถไปโพสต์ท่าถ่ายภาพสวยๆ และทำกิจกรรมต่างๆ ได้อีกมากมาย สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ททท. สำนักงานตราด โทร. 039 597 259-60 2.เกาะทะลุ จ.ระยอง เกาะทะลุ ตั้งอยู่ในเขตอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด จ.ระยอง ห่างจากเกาะเสม็ดประะมาณ 12 กิโลเมตร ที่นี่โดดเด่นในเรื่องของน้ำทะเลสีฟ้าใส ผืนทรายที่ขาวเนียนละเอียด และสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่สวยงาม การเดินทางไปยังเกาะทะลุนั้นไม่มีเรือโดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเหมาเรือจากเกาะเสม็ด ท่าเรือบ้านเพ หรือชายหาดอำเภอแกลง หรือซื้อแพคเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038 653 03ททท. สำนักงานระยอง โทร. 038 655 420-1 3.เกาะขาม จ.ชลบุรี เกาะขาม ตั้งอยู่ที่ ต.แสมสาร อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี ภายใต้การควบคุมดูแลของสำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 ซึ่งก่อนหน้านี้เปิดให้เที่ยวชมได้เฉพาะวันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์เท่านั้น แต่ตอนนี้เค้าเปิดให้นักท่องเที่ยวเข้าไปชมความงดงามใต้ท้องทะเลของเกาะขามได้ทุกวันแล้วนะ บนเกาะมีกิจกรรมให้นักท่องเที่ยวได้ทำมากมาย เช่น ดำน้ำตื้นชมปะการังและฝูงปลา นั่งเรือท้องกระจกชมโลกใต้ทะเล เดินเท้าและปีนป่ายขึ้นไปยังจุดชมวิวบนยอดเขา เดินตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติที่เจ้าหน้าที่จัดไว้ให้ ฯลฯ ใครที่สนใจไปเที่ยวเกาะขามต้องโทรจองล่วงหน้านะ จองตั๋วได้ที่สำนักงานกิจการท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม ทัพเรือภาคที่ 1 อ.สัตหีบ จ.ชลบุรีโทร. 033 124 848, 093 397 1342 สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ททท. สำนักงานพัทยา (ชลบุรี) โทร. 038 427 667 4.หาดแหลมสิงห์ จ.จันทบุรี หาดแหลมสิงห์ ตั้งอยู่ที่ ต.ปากน้ำแหลมสิงห์ อ.แหลมสิงห์ จ.จันทบุรี เป็นสถานที่ที่มีบรรยากาศเป็นส่วนตัว ร่มรื่นไปด้วยทิวสนที่เรียงรายไปตามแนวของชายหาด บริเวณริมหาดมีที่นั่งพักผ่อน พร้อมทั้งสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ มากมาย ที่นี่จึงเป็นสถานที่พักผ่อนยอดนิยม ที่ไม่ว่าจะเป็นคนในพื้นที่หรือคนต่างถิ่นต่างก็แวะเวียนเข้ามาพักผ่อนอยู่เสมอ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ททท. สำนักงานจันทบุรี โทร. 039 480 220 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 8 มิถุนายน 2562

4 ที่เที่ยวทางทะเล ใน 4 จังหวัดฝั่งทะเลตะวันออก อ่านเพิ่มเติม

หมู่เกาะรัง จุดดำน้ำสุดฟินแห่งท้องทะเลตราด

หมู่เกาะรัง สวรรค์แห่งท้องทะเลตราด ตั้งอยู่ระหว่างเกาะช้างและเกาะกูด ประกอบไปด้วยเกาะน้อยใหญ่หลายเกาะ เช่น เกาะยักษ์ เกาะโล้น เกาะหวาย เกาะมะปริง ฯลฯ โดยเกาะทั้งหมดอยู่ในความดูแลของอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้าง.หมู่เกาะรังเป็นแหล่งปะการังที่สมบูรณ์และสวยงามที่สุดแห่งท้องทะเลตราด นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่จะมาดำน้ำตื้น ชมปะการังหลากหลายสีสัน และฝูงปลามากมายแหวกว่ายไปมา  การเดินทางมาท่องเที่ยวหมู่เกาะรังนั้น สามารถซื้อแพ็กเกจนำเที่ยวแบบ One Day ได้จากบริษัททัวร์บนเกาะช้าง เกาะหมาก และเกาะกูด ซึ่งมีหลายบริษัทให้เลือกค่ะ หรือจะติดต่อผ่านที่พักก็ได้เช่นกัน.จากเกาะช้างสามารถเดินทางไปยังเกาะรังได้โดยขึ้นเรือที่ท่าเรืออ่าวบางเบ้า ซึ่งเรือจะมี 2 แบบ ได้แก่สปีดโบ๊ท ราคาคนละ 900-1,200 บาท ใช้เวลาประมาณ 30 นาทีเรือไม้ 2 ชั้น ราคาคนละ 600-700 บาท ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สำหรับใครที่อยากจะพักค้างคืน บอกไว้ก่อนว่าที่เกาะรังไม่มีรีสอร์ทหรือโฮมสเตย์นะคะ ทางเลือกที่ดีที่สุดก็คือพักบนเกาะช้าง เกาะกูด หรือเกาะหมาก แล้วค่อยนั่งเรือต่อมาเที่ยวที่หมู่เกาะรังค่ะ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะช้างโทร. 039 555 080, 039 510 927-8 เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 20 พฤษภาคม 2562

หมู่เกาะรัง จุดดำน้ำสุดฟินแห่งท้องทะเลตราด อ่านเพิ่มเติม

เกาะกูด Feel Good

ช่วงนี้ทะเลทางฝั่งภาคตะวันออกกำลังสวย แอดเลยอยากจะชวนเพื่อนๆ ไปเที่ยวเกาะกูดกัน ที่นี่เงียบสงบ มีธรรมชาติที่สวยงาม และน้ำทะเลใสสุดๆ เหมาะแก่การไปพักผ่อนมากๆ เอาล่ะ เราไปชมความสวยงามของเกาะกูดกันเลยดีกว่า เกาะกูด ตั้งอยู่ในอ่าวไทย ห่างจากตัวเมืองตราด 80 กิโลเมตร ถือเป็นเกาะที่อยู่ไกลจากตัวเมืองตราดที่สุด.การเดินทางสามารถขึ้นเรือโดยสารได้ที่ท่าเรือแหลมศอก ไปยังท่าเรืออ่าวสลัด เกาะกูด ใช้เวลาเดินทางประมาณ 45 นาที – 1 ชั่วโมง 15 นาที (ขึ้นอยู่กับประเภทเรือ).เวลาเดินเรือ ขาไป จากท่าเรือแหลมศอก-ท่าเรืออ่าวสลัด– รอบ 10.45 น. เรือบุญศิริ / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที– รอบ 12.30 น. เรือปริ๊นเซส / ราคาคนละ 350 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที– รอบ 12.45 น. เรือซุปเปอร์เจท / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 45 นาที– รอบ 13.00 น. เรือเอ็กซ์เพรส / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที– รอบ 14.20 น. เรือบุญศิริ / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที ขากลับ จากท่าเรืออ่าวสลัด-ท่าเรือแหลมศอก– รอบ 09.00 น. เรือบุญศิริ / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที– รอบ 10.00 น. เรือปริ๊นเซส / ราคาคนละ 350 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 45 นาที– รอบ 10.00 น. เรือเอ็กซ์เพรส / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 20 นาที– รอบ 11.00 น. เรือซุปเปอร์เจท / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 45 นาที– รอบ 12.00 น. เรือบุญศิริ / ราคาคนละ 500 บาท / ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง 15 นาที เกาะกูดขึ้นชื่อเรื่องน้ำทะเลที่ใสเป็นประกาย และมีหาดสวยๆ หลายหาด เช่น หาดคลองเจ้า หาดง่ามโข่ หาดคลองระหาน อ่าวบางเบ้า และอ่าวยายกี๋ เป็นต้น จนได้รับฉายาว่า ทะเลอันดามันแห่งภาคตะวันออก นอกจากการนอนชิลๆ ริมหาดให้คลื่นซัดเล่นแล้ว กิจกรรมที่เป็นที่นิยมคือ การพายเรือคายัค และพายแพดเดิ้ลบอร์ด เป็นกิจกรรมสนุกๆ ที่จะทำให้เราได้ซึมซับบรรยากาศสวยๆ ของทะเล.การดำน้ำก็เป็นอีกกิจกรรมยอดฮิตของที่นี่ ซึ่งจุดที่นักท่องเที่ยวนิยมไปดำน้ำดูปะการังก็คือ บริเวณเกาะแรด และหมู่เกาะรัง (เกาะยักษ์เล็ก เกาะรัง เกาะยักษ์ใหญ่) เพราะเป็นจุดที่มีปะการังสวย และมีปลาหลายชนิด บอกเลยว่าฟินแน่นอน ถ้าใครอยากได้บรรยากาศร่มรื่น ลองเปลี่ยนจากพายเรือคายัคในทะเล มาพายที่คลองเจ้ากันดูสิ บริเวณนี้เราสามารถพายเรือเที่ยวชมป่าชายเลน และชมวิถีชีวิตชาวบ้านริมคลองได้ด้วยนะ ที่นี่นอกจากจะมีทะเลสวยๆ แล้ว ก็ยังมีน้ำตกคลองเจ้า ที่สวยไม่แพ้กัน.น้ำตกคลองเจ้ามีน้ำตลอดทั้งปี แต่ถ้าให้ดี แนะนำไปช่วงเดือนตุลาคม-ธันวาคม เพราะจะมีน้ำเยอะ กระโดดเล่นน้ำสนุกแบบในรูปเลยล่ะค่ะ มาเที่ยวเกาะกูดแล้ว ก็อย่าลืมรอชมพระอาทิตย์ตกที่ริมชายหาดกันนะคะ สวยจนละสายตาไม่ได้เลยล่ะ มาเที่ยวเกาะกูดไม่ต้องกังวลเรื่องที่พัก เพราะมีให้เลือกหลายที่เลย แต่แอดขอแนะนำที่พักเด็ดๆ วิวสวยๆ สัก 5 ที่แล้วกัน 1. Rest Sea Resortพิกัด : https://goo.gl/maps/7soKF2ii2nBeVcYC8ราคา 2,200 – 6,200 บาทโทร. 090 897 8844https://www.facebook.com/restseakohkood/ 2. Koh Kood Paradise Beach Resortพิกัด : https://goo.gl/maps/kkU4DSpv4Cqjs2v88ราคา 3,300 – 5,800 บาทโทร. 082 448 8448https://www.facebook.com/KohKoodParadiseBeach/ 3. To The Sea Resortพิกัด : https://goo.gl/maps/9rGDHqT9kmjxrnuGAราคา 2,600 –

เกาะกูด Feel Good อ่านเพิ่มเติม

อ่าวตะเภา : ตราด

เกาะกูด ตั้งอยู่ในจังหวัดตราด เป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวเป็นจำนวนมาก เกาะกูดเป็นเกาะที่มีอ่าวเล็กอ่าวน้อยเต็มไปหมด หนึ่งในนั้นก็คืออ่าวตะเภา ซึ่งเป็นอ่าวที่มีหาดทรายสวยงามอีกแห่งหนึ่งของเกาะ มีความยาวประมาณ 400 เมตร อ่าวตะเภา เป็นมุมที่เงียบสงบแห่งหนึ่งของเกาะกูด หากเพื่อนๆ อยากจะมานั่งรับลมเย็นๆ แบบปลีกวิเวก แอดก็ขอแนะนำที่นี่เลยค่ะ ไฮไลท์อย่างหนึ่งของการมาอ่าวตะเภา นอกจากจะเพื่อชมความสวยงามของทะเลและหาดทรายแล้ว ที่นี่ยังเป็นสถานที่ท่องเที่ยวที่เหมาะสำหรับชมพระอาทิตย์ตกด้วยนะคะ ว่ากันว่าเป็นจุดชมพระอาทิตย์ตกที่สวยที่สุดบนเกาะกูดเลยทีเดียว  ถ้าเพื่อนๆ มาเที่ยวเกาะกูด ก็อย่าลืมแวะมาชมอ่าวตะเภากันนะคะ  อ่าวตะเภา เกาะกูด ตำบลเกาะกูด อำเภอเกาะกูด จังหวัดตราดพิกัด : https://goo.gl/maps/Jw9uNYxMUK3mxSki8

อ่าวตะเภา : ตราด อ่านเพิ่มเติม

5 เกาะสวย ดำน้ำดูปะการัง…สุดฟิน

เริ่มเข้าสู่ซีซั่นแห่งท้องทะเลกันแล้ว ช่วงนี้เหมาะแก่การไปเที่ยวทะเลแบบสุดๆ วันนี้แอดเลยจะมาแนะนำ 5 เกาะสวยทั้งฝั่งอันดามันและอ่าวไทย ที่พร้อมให้ทุกคนได้ไปสัมผัสกับความงดงาม และทำกิจกรรมต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นว่ายน้ำ ชมปะการัง เล่นน้ำทะเลใสๆ หรือเดินเล่นบนหาดทรายขาว หมู่เกาะสุรินทร์ จังหวัดพังงา หมู่เกาะสุรินทร์เป็นหมู่เกาะในทะเลอันดามัน ตั้งอยู่ในอำเภอคุระบุรี จังหวัดพังงา ถือเป็นจุดดำน้ำดูปะการังยอดฮิต ที่มีแนวปะการังน้ำตื้นที่สมบูรณ์ที่สุดและโดดเด่นในเรื่องความสวยงามของท้องทะเลที่ไม่แพ้ที่ไหนเลยทีเดียว ช่วงเวลาเปิดเกาะ : 15 ตุลาคม – 15 พฤษภาคม ของทุกปี ค่าธรรมเนียมชาวไทย ผู้ใหญ่ 100 บาท เด็ก 50 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 500 บาท เด็ก 300 บาท นักท่องเที่ยวสามารถใช้บริการเรือโดยสารจากท่าเรือคุระบุรีไปยังหมู่เกาะสุรินทร์ ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง – 2 ชั่วโมงครึ่ง หรือซื้อแพ็กเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ก็ได้ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะสุรินทร์ โทร.076 472 145-6 เกาะทะลุ จังหวัดระยอง เกาะทะลุ เป็นส่วนหนึ่งของอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด มีความโดดเด่นในเรื่องของน้ำทะเลสีฟ้าใสและสิ่งมีชีวิตใต้ท้องทะเลที่สวยงาม ไฮไลท์อยู่ที่จุดดำน้ำตื้นบริเวณเกาะทะลุ ที่เกิดจากการกัดเซาะของน้ำทะเลจนเกิดเป็นโพรง เราสามารถลงไปแหวกว่ายชมโลกใต้ทะเลที่มีปะการังและเหล่าปลาน้อยใหญ่ได้ ขอบอกว่าสวยไม่แพ้ทะเลใต้เลย การเดินทางไปยังจุดดำน้ำเกาะทะลุนั้น เนื่องจากไม่มีเรือโดยสารให้บริการ นักท่องเที่ยวจึงต้องเหมาเรือจากเกาะเสม็ด ท่าเรือบ้านเพ หรือชายหาดอำเภอแกลง หรือซื้อแพ็กเกจดำน้ำจากบริษัททัวร์ สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติเขาแหลมหญ้า-หมู่เกาะเสม็ด โทร. 038 653 03ททท. สำนักงานระยอง โทร. 038 655 420-1 เกาะช้าง จังหวัดตราด เกาะช้างเป็นเกาะที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตราดและใหญ่เป็นอันดับ 2 ของไทย ที่นี่ได้ชื่อว่าเป็นเกาะที่มีปะการังสวยที่สุดในบรรดาหมู่เกาะทางภาคตะวันออก เหมาะสำหรับการดำน้ำทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเลยล่ะ เกาะช้างสามารถมาเที่ยวได้ทั้งปี แต่ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – พฤษภาคม เป็นช่วงที่มีคลื่นลมน้อยที่สุด การเดินทางไปเกาะช้างหรือเกาะต่างๆ จึงค่อนข้างสะดวก บนเกาะช้างมีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งที่พัก ร้านอาหาร ร้านค้า นอกจากนั้นยังมีแพขนานยนต์ที่สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลข้ามไปใช้สัญจรบนเกาะได้อีกด้วย ค่าธรรมเนียมชาวไทย– วันจันทร์ – วันพฤหัสบดี ผู้ใหญ่ 20 บาท เด็ก 10 บาท– วันศุกร์ – วันอาทิตย์ ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท การเดินทางไปยังเกาะช้าง สามารถขึ้นเรือได้ที่ท่าเรืออ่าวธรรมชาติหรือท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ เฟอร์รี่ ใช้เวลาประมาณ 45 นาที สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมท่าเรืออ่าวธรรมชาติ โทร. 039 555 188, 039 512 528, 081 943 5872ท่าเรือเซ็นเตอร์พอยท์ โทร. 039 538 196, 039 597 198, 086 056 9555 หมู่เกาะง่าม จังหวัดชุมพร หมู่เกาะง่าม ตั้งอยู่ในพื้นที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ประกอบด้วยเกาะง่ามใหญ่ และเกาะง่ามน้อย ซึ่งมีทรัพยากรทางธรรมชาติอันอุดมสมบูรณ์ ทั้งปะการัง ดอกไม้ทะเล และฝูงปลามากมาย เกาะง่ามใหญ่และเกาะง่ามน้อย นับเป็นแหล่งดำน้ำที่ได้รับความนิยมแห่งหนึ่งทางฝั่งอ่าวไทย โดยดำได้ทั้งน้ำตื้นและน้ำลึกเลย ระหว่างเดือนพฤศจิกายน – เมษายนของทุกปี เป็นช่วงเวลาที่เหมาะแก่การมาเที่ยวชม แต่ถ้ามาในช่วงเดือนพฤษภาคม – ตุลาคม เราก็อาจจะได้เห็นฉลามวาฬด้วยนะ สามารถติดต่อขึ้นเรือได้ที่อุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร ซึ่งให้บริการเรือแบบเหมาลำ หรือจะใช้บริการของบริษัทสยามคาตามารันที่ให้บริการท่องเที่ยวหมู่เกาะทะเลชุมพรก็ได้ ค่าธรรมเนียมชาวไทย ผู้ใหญ่ 40 บาท เด็ก 20 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 200 บาท เด็ก 100 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมอุทยานแห่งชาติหมู่เกาะชุมพร โทร. 077 558 144 (ในวันและเวลาราชการ) เกาะแสมสาร จังหวัดชลบุรี เกาะแสมสารเป็นส่วนหนึ่งของโครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริ สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี อำเภอสัตหีบ เป็นทะเลฝั่งอ่าวไทยที่สวยไม่แพ้ฝั่งอันดามันเลยทีเดียว เกาะแสมสารสามารถมาเที่ยวแบบ One day trip ได้ และเที่ยวได้ตลอดทั้งปี โดยมีหาดที่เปิดให้เที่ยวชมอยู่ 2 หาด คือ หาดเทียน และหาดลูกลม ซึ่งมีจุดดำน้ำที่สวยงาม มีปะการังหลากหลายสีสัน และหายทรายสีขาวนวล นอกจากนี้นี้ยังมีร้านขายขนมและเครื่องดื่มด้วย ซื้อตั๋วได้ที่อาคารต้อนรับพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย (ไม่มีบริการจองตั๋วล่วงหน้า) ใช้เวลาเดินทางจากฝั่งไปยังเกาะแสมสารประมาณ 30 นาที รอบเรือไปเกาะแสมสาร09.00 / 10.00 / 11.00 / 12.00 และ 13.00 น.รอบเรือเที่ยวกลับ11.30 / 12.30 / 13.30 / 15.30 และ 16.00 น. ค่าเรือบริการ (ไป-กลับ รวมค่าเข้าชมพิพิธภัณฑ์ธรรมชาติวิทยาเกาะและทะเลไทย)ชาวไทย ผู้ใหญ่ 300 บาท เด็ก 220 บาทชาวต่างชาติ ผู้ใหญ่ 600 บาท เด็ก 600 บาท ค่าบริการกิจกรรมดำน้ำ คนละ 50

5 เกาะสวย ดำน้ำดูปะการัง…สุดฟิน อ่านเพิ่มเติม

สีสันตะวันออก เมืองเกาะในฝัน

สีสันตะวันออก เมืองเกาะในฝัน 1. เกาะช้าง  เกาะที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดในจังหวัดตราด และอันดับ 2 ของไทย จุดเด่นคือ เกาะช้างมีสิ่งอำนวยความสะดวก และทั้งที่พักร้านอาหารมากที่สุด นอกจากนั้นยังมีแพขนานยนต์ ที่สามารถนำรถยนต์ส่วนบุคคลข้ามไปใช้สัญจรบนเกาะได้อีกด้วย 2. เกาะกูด มีพื้นที่ใหญ่เป็นอันดับที่ 2 ในจังหวัดตราด บรรยากาศบนเกาะค่อนข้างเงียบสงบ น้ำใสมาก…ใสไม่แพ้กับทะเลฝั่งอันดามันเลย พื้นที่บนเกาะส่วนใหญ่ยังคงสภาพความเป็นธรรมชาติไว้ได้ดี มีป่าชายเลนที่อุดมสมบูรณ์ ไฮไลท์อยู่ที่การพายเรือคายัคจากที่พัก ผ่านพื้นที่ป่าชายเลน 2 ข้างทาง เพื่อไปเที่ยวที่น้ำตกคลองเจ้า บรรกาศเหมือนได้ผจญภัยในป่ายังไงยังงั้น 3. เกาะขาม  ได้รับฉายาไข่มุกมรกตแห่งทะเลตราด เพราะน้ำทะเลที่นี่ใสมากๆ และมีสีมรกต เอกลักษณ์ของที่นี้คือหินภูเขาไฟขนาดใหญ่ที่เรียงรายอยู่ตามชายหาด และมีแนวสันทรายที่ทอดยาวไปในทะเลเหมือนทะเลแหวก ด้านทิศตะวันออกของเกาะยังมีแนวปะการังที่สวยงาม เหมาะแก่การดำน้ำอีกด้วย 4. เกาะหมาก ที่นี่มีการจัดการสิ่งแวดล้อม Low Carbon Destination เพื่อรักษาทรัพยากรธรรมชาติอย่างยั่งยืน ไม่ว่าจะเป็นการใช้พลังงานไฟฟ้าจากโซล่าเซล การคัดแยกขยะเพื่อการกำจัดอย่างยั่งยืน การใช้น้ำอย่างมีประสิทธิภาพ การเชื่อมโยงวิถีชีวิตชุมชนกับการท่องเที่ยว มีการใช้วัตถุดิบบนเกาะมาเป็นเมนูอาหาร เช่น การใช้ปลาทะเลที่หาได้จากเรือประมงของชาวบ้าน แทนการนั่งเรือออกไปซื้อปลายอดนิยมจากบนฝั่งมาขายให้นักท่องเที่ยว มีการปลูกผักสลัด ผักสวนครัว ไว้รับประทานเองด้วย นอกจากบรรยากาศชายหาดของเกาะหมากแล้ว กิจกรรมการปั่นจักรยานบนเกาะแห่งนี้ ถือได้ว่าไม่ควรพลาด เพราะเส้นทางที่ไม่ยากนัก จะพาลัดเลาะไปตามชุมชน ร้านค้า ชายหาด ป่าเขาน้อยใหญ่ ผ่านสวนมะพร้าว สลับเนิน นอกจากนั้นยังมีพิพิธภัณฑ์เกาะหมาก ภายในจัดแสดงข้อมูลเกี่ยวกับวิถีชีวิตและข้าวของเครื่องใช้ของชาวเกาะหมากในอดีต โดยพิพิธภัณฑ์ฯ จะเปิดทุกวันเวลา 10.30 – 17.00 น. 5.เกาะรัง  เป็นหนึ่งในเกาะที่อยู่รวมกันเป็นแอ่ง นอกจากเกาะรัง ในบริเวณใกล้เคียงยังมี เกาะกระ เกาะเทียน เกาะยักษ์ และเกาะสามพี่น้อง สำหรับใครที่ชอบดำน้ำตื้น พวกเราแนะนำต้องที่นี่เลย หมู่เกาะรังเป็นแหล่งดำน้ำตื้นที่สวยงามมากที่สุดแห่งหนึ่ง ด้วยความอุดมสมบูรณ์ของธรรมชาติ และยังไม่ถูกรบกวนจากนักท่องเที่ยวมากนัก บนเกาะแห่งนี้ไม่มีโรงแรมรีสอร์ท แต่มีที่พักของทางอุทยานที่สามารถกางเต็นท์ได้ หรือจะพักที่เกาะใกล้เคียงแล้วซื้อทัวร์มาลงดำน้ำที่นี่ก็ได้เช่นกัน 6.เกาะหวาย เกาะเล็กๆ ที่ความสวยงามและความอุดมสมบูรณ์ไม่แพ้กับเกาะอื่นๆในตราดเลย เกาะหวายเป็นจุดดำน้ำตื้นและดำน้ำลึกที่สวยงาม สามารถพบเห็นสัตว์ทะเลและปะการังหลากชนิด ทั้งปะการังก้อน ปะการังเขากวาง ปะการังพุ่ม  นอกจากนี้เกาะหวายยังเป็นที่ตั้งของศูนย์อนุรักษ์การเรียนรู้ ICEF ที่จัดทำโครงการฟื้นฟูอนุรักษ์ทรัพยากรทางทะเลหลากหลายโครงการ เช่น โครงการปลูกปะการัง โครงการปล่อยเต่าทะเล และโครงการอนุบาลสัตว์น้ำหายาก 7. เกาะยักษ์ น่าจะเป็นเกาะที่เป็นที่รู้จักของนักท่องเที่ยวน้อยที่สุดด้วย เกาะยักษ์ไม่มีพื้นที่ชายหาดให้เดินเล่น โดยเกาะจะแบ่งเป็น 2 เกาะ คือ เกาะยักษ์ใหญ่และยักษ์เล็ก ส่วนเรื่องความสวยงามก็ปล่อยให้ภาพเล่าเรื่องแทนแล้วกันนะครับ 8. เกาะกระดาด เกาะกระดาดมีลักษณะเฉพาะตัวที่ค่อนข้างแปลกจากเกาะอื่นๆทั่วไป เนื่องจากพื้นที่มีลักษณะที่แบนราบเหมือนกับกระดาด ไม่มีเนินเขาเหมือนหรือหน้าผาเลย ไฮไลท์ของที่นี่คือ การนั่งรถแทร๊คเตอร์ของชาวบ้านวนรอบเกาะไปชมฝูงกวางป่านับร้อยตัวในบรรยากาศ “ซาฟารีกลางทะเล”

สีสันตะวันออก เมืองเกาะในฝัน อ่านเพิ่มเติม

พายคายัค..รักษ์ธรรมชาติ @เกาะช้าง จ.ตราด

การพายเรือคายัคที่เกาะช้าง สามารถพายได้ในหลายจุด เช่น ตามชายหาดต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นหาดทรายขาว หาดไก่แบ้ หมู่บ้านสลักคอก หรือบริเวณคลองพร้าว..

พายคายัค..รักษ์ธรรมชาติ @เกาะช้าง จ.ตราด อ่านเพิ่มเติม

ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว จังหวัดตราด ชุมชน 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม

มาบ้านน้ำเชี่ยว ต้องเที่ยวป่าชายเลน
ล่องเรือจากคลองน้ำเชี่ยวออกไปไม่ไกล จะเป็นพื้นที่ป่ากันชน หรือป่าชายเลน แหล่งที่เปรียบเหมือนอู่ข้าวอู่น้ำของชุมชน ที่นี่มีทั้งศูนย์ศึกษาธรรมชาติป่าชายเลน เส้นทางศึกษาธรรมชาติ โดยมีไกด์ท้องถิ่นของชุมชนเป็นผู้ช่วย…

ชุมชนบ้านน้ำเชี่ยว จังหวัดตราด ชุมชน 2 ศาสนา 3 วัฒนธรรม อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top