ชลบุรี

ชลบุรี

หนีดำจากเมืองกรุง..มุ่งไปดำน้ำที่เมืองชล

หนีดำจากเมืองกรุง..มุ่งไปดำน้ำที่เมืองชล ช่วงนี้ ใครๆก็บ่นร้อน บ่นดำ เพราะแดดแรง! แอดมินเลยมีทริปหนีร้อน 2 วัน 1 คืน ที่เดินทางไม่ไกลจากกรุงเทพฯ มานำเสนอ นั่นคือที่ “อ.สัตหีบ จ.ชลบุรี” ใครสนใจก็ปักหมุด กดแชร์ วางแผนเที่ยวตามกันได้เลย!! อ.สัตหีบ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ที่ได้รับการดูแลอย่างดีจากเหล่าราชนาวีไทย ไม่ว่าจะเป็น เกาะขาม หาดน้ำใส เกาะแสมสาร ฯลฯ ต่างพร้อมใจต้อนรับนักเดินทาง ให้เข้ามาสัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ ดำน้ำทักทายฝูงปลา ชื่นชมความอุดมสมบูรณ์ของระบบนิเวศใต้โลกสีคราม ดินแดนแห่งนี้ยังเปี่ยมล้นเรื่องราวน่าประทับใจ และอีกหลากหลาย แง่มุมน่าค้นหา… มีเวลาวันหยุดพักผ่อนเมื่อไหร่ อย่าลืมชวน แก๊งเพื่อนสนิทมาเริงร่าท้าฟองคลื่น ซึมซับวิถีชีวิตเรียบง่าย ของผู้คนในชุมชนชาวประมงเก่าแก่ ลิ้มรสบรรดากุ้ง ปู เนื้อสดหวาน ฯลฯ คอนเฟิร์มทริปนี้คุ้มค่า หรรษาตลอดการเดินทางแน่นอน Day 107.30 น. เตรียมชุดตัวเอง แว่นกันแดดสวยๆ หยิบกล้องประจำตัว ออกเดินทางออกจากกรุงเทพฯ 09.00 – 10.00 น. Surf & Turf Beach Club & Restaurant ร้านบรรยากาศสุดชิลนั่งเพลินริมทะเล ทานอาหารรสชาติอร่อย หลากหลายแบบ ฟังเสียงคลื่นทะเล มีมุมให้เลือกนั่งหลายมุม และมีความเป็นส่วนตัวผ่อนคลายสุดๆ เปิด: ทุกวัน 09.00-23.00 นโทร.091 758 3895 10.30 – 11.30 น. ทานอาหารจนอิ่มแล้ว ก็ไปเที่ยวต่อที่ “เขาพระตำหนัก” ซึ่งสามารถชื่นชมทัศนียภาพเวิ้งอ่าวพัทยาสวยเต็มตาแล้ว ยังสามารถแวะสักการะ อนุสาวรีย์พลเรือเอก พระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ บิดาแห่งกองทัพเรือไทยขอพรเพื่อความเป็นสิริมงคลได้อีกด้วย  12.00-13.30 น. เมื่อถึงเวลาเที่ยง ก็แวะร้าน “The Glass House The Glass House” ร้านอาหารริมทะเลบรรยากาศสุดชิลล์ ตัวร้านเป็นเรือนกระจกใสที่ตกแต่งอย่างสวยงาม เหมาะกับการนั่งรับประทานอาหารพร้อมชมวิวทะเลไปด้วย หรือใครที่อยากรับลมเย็นๆ ก็สามารถนั่งโซนด้านนอกที่เป็นหาดทรายเนียน สำหรับอาหารของที่นี่มีหลากหลาย ให้เลือกทาน  เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 11.00 – 23.59 น.โทรศัพท์ : 038 255 922, 081 266 6110 14.30 -17.30 น. หนังท้องตึง ก็ไปเที่ยวต่อกันที่ “หาดทรายแก้ว” เป็นหาดที่สวยงาม อยู่ในความดูแลของหหารเรืออยู่ใกล้โรงเรียนชุมพลทหารเรือ เป็นหาดทรายขาวละเอียด และสวยงามมาก มีน้ำทะเลใส เหมาะแก่การดำน้ำและพักผ่อนหย่อนใจ หรือใครอยากเล่นห่วงยาง พายเรือคายัค ฯลฯ ก็พร้อมบริการอย่างครบครัน และบริเวณนี้ ห้ามก่อไฟ ห้ามประกอบอาหาร ห้ามเล่นการพนัน ห้ามส่งเสียงดังรบกวน หากฝ่าฝืนปรับ 1,000 บาทเชียวนะ 18.00-19.00 น. เที่ยวมาทั้งวันแล้ว ทานอาหารเย็นกันที่ “ร้านอาหารบ้านเพื่อนทะเล” ซึ่งตัวร้านยื่นออกไปในทะเลบรรยากาศชิลล์ๆ สามารถรับลมทะเลได้อย่างเต็มที่ พร้อมอร่อยกับอาหารทะเลสดๆ ที่ขนมาเสิร์ฟหลากหลายเมนู  เปิดบริการ : ทุกวัน เวลา 10.00 – 23.00 น.โทรศัพท์ : 09-9623-5693 19.15 น. เข้าพักที่ บ้านสัตหีบ ที่พักสัตหีบบรรยากาศดี สีขาวทำให้เข้ากับบรรยากาศทะเล มีที่พักให้เลือกสองกลุ่ม คือ ‘ลมทะเล’ ที่สามารถเห็นบรรยากาศทะเลสัตหีบได้แบบ 180 องศา และ ‘ลมบก’ ที่พักราคาย่อมเยา แต่ใช้ห้องน้ำรวมและเห็นวิวทะเลสวยๆเช่นกัน โดยห้องน้ำและสุขาแยกออกจากเพื่อความสะดวกของผู้เข้าพัก  ติดต่อที่พักสัตหีบ : 089 929 7807 หรือ 038 439 304 Day 207.00-08.00 น. ทานมื้อเช้าเช็คเอาท์ออกจากที่พัก 08.30-14.00 น. เช้านี้รับประทานอาหารให้อิ่มท้อง เช็คเอาท์แล้วแตะคันเร่งไปจับจองตั๋วเรือรอบ 9 หรือ 10 โมง ที่ท่าเทียบเรือหมาจอ เพื่อมุ่งหน้าสู่ “อุทยานใต้ทะเลเกาะขาม” เกาะสวรรค์สำหรับนักเดินทาง ซึ่งถูกจัดให้เป็นพื้นที่แห่งการอนุรักษ์ และฟื้นฟูสภาพแวดล้อมใต้ท้องทะเล บริเวณอ่าวฝั่งทิศเหนือ เหมาะแก่การเปลือยเท้าเปล่าสัมผัสผืนทรายเนียนละเอียด สูดอากาศ บริสุทธิ์ลงเล่นน้ำ สนุกสนานกับการพายคายัค  ส่วนทิศใต้นั้น แม้เต็มไปด้วย ทรายหยาบและโขดหิน ทว่าก็มีมุมสวยๆ บนสะพานไม้ให้กดชัตเตอร์ ถ่ายรูปจนหนำใจที่สำคัญมาแล้วห้ามพลาด สวมชูชีพใส่สน็อกเกิ้ล ตื่นตา กับความอุดมสมบูรณ์ของแนวปะการังเขากวาง ปะการังโต๊ะ ปะการังสมอง ดอกไม้ทะเล หยิบกล้องถ่ายภาพใต้น้ำ ตามบันทึกความน่ารักของ ฝูงปลาผีเสื้อ เจ้าสลิดหิน ปลาอมไข่ หอยมือเสือ ฯลฯ  แต่ถ้าใครไม่สันทัด การดำน้ำ คุณก็สามารถใช้บริการเรือท้องกระจก เพลิดเพลินกับความ สวยงามได้เช่นกัน 14.00 – 14.45 น. นั่งเรือกลับ 15.30 – 17.00 น. ทานอาหารเย็นก่อนกลับที่ ร้าน “ลุงไสว ซีฟู้ด” ร้านอาหารบนหาดจอมเทียน บรรยากาศดีริมชายหาด มองเห็นทะเลสวยๆ ระหว่างรับประทานอาหาร ที่นี่มีอาหารทะเลสดใหม่คอยบริการ และมีให้เลือกหลากหลายเมนู ไม่ว่าจะเป็นกุ้งอบวุ้นเส้น หมึกผัดไข่เค็ม กรรเชียงปูนึ่ง แกงส้มไข่ปลาเรียวเซียว […]

หนีดำจากเมืองกรุง..มุ่งไปดำน้ำที่เมืองชล อ่านเพิ่มเติม

5 ผืนป่าชายเลน การผจญภัยแนวอนุรักษ์

1. ศูนย์ศึกษาการพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.ท่าใหม่ จ.จันทบุรี ศูนย์ฯ แห่งนี้ก่อตั้งขึ้นตามพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช เพื่อพัฒนาอาชีพด้านการประมงและการเกษตรในเขตพื้นที่ชายฝั่งทะเลจันทบุรี รวมไปถึงการสร้างระบบนิเวศเพื่อใช้ในการบำบัดน้ำเสีย และการอนุบาลพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ  ภายในพื้นที่ป่าชายเลนจะมีเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติ ระยะทาง 1.6 กิโลเมตร ระหว่างทางมีศาลาพักซึ่งมีบอร์ดให้ความรู้เกี่ยวกับประวัติความเป็นมาของศูนย์ฯ และพันธุ์ไม้ต่างๆ ในป่าชายเลน จำนวน 10 ศาลา กระจายตัวอยู่เป็นระยะ บรรยากาศค่อนข้างร่มรื่นและเย็นสบายด้วยต้นไม้ที่ปกคลุมตลอดสองข้างทาง นอกจากกิจกรรมเดินชมและศึกษาพื้นที่ป่าชายเลนแล้ว ยังมีกิจกรรมอื่นๆ ที่น่าสนใจ อาทิ – การขึ้นไปชมวิวมุมสูงบนหอดูเรือนยอดไม้ ซึ่งนอกจากจะได้เห็นพื้นที่ป่าชายเลนโดยรอบแล้ว ยังอาจพบนกที่อาศัยอยู่ในพื้นที่นี้ ซึ่งมีมากกว่า 120 ชนิดด้วย ไม่ว่าจะเป็นนกยางเปียง นกยางเหนียว นกจาบคาเล็ก ฯลฯ – กิจกรรมพายเรือคายัครอบพื้นที่ป่าชายเลน – บริเวณใกล้เคียงกับศูนย์ฯ ยังมีสถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา ซึ่งมีพันธุ์สัตว์น้ำต่างๆ จัดแสดงไว้ให้ชมถึง 36 ชนิดด้วยกัน  นอกจากนี้ทางศูนย์ฯ ยังมีบริการห้องพักสำหรับนักท่องเที่ยวด้วย  ศูนย์ศึกษาพัฒนาอ่าวคุ้งกระเบนฯ เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 นโทร. 039 433 216-8, 039 433 210  สถานแสดงพันธุ์สัตว์น้ำเฉลิมพระเกียรติ 6 รอบพระชนมพรรษา เปิดวันอังคาร-อาทิตย์ (ปิดวันจันทร์) – วันอังคาร-ศุกร์ เวลา 08.30-16.30 น. – วันเสาร์-อาทิตย์ เวลา 08.30-17.30 น. โทร. 039 433 105 Website: http://www.fisheries.go.th/cf-kung_krabaen พิกัด : https://goo.gl/maps/6xQ3crf1cAm 2. โครงการศึกษาวิจัยและพัฒนาสิ่งแวดล้อมแหลมผักเบี้ยอันเนื่องมาจากพระราชดำริ อ.บ้านแหลม จ.เพชรบุรี อีกหนึ่งพื้นที่ป่าชายเลน ที่เกิดจากพระราชดำริของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช ที่ต้องการฟื้นฟูสภาพป่าชายเลน และแก้ไขปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกี่ยวกับน้ำเน่าเสียและขยะมูลฝอยของจังหวัดเพชรบุรี นอกจากนี้ที่นี่ยังเป็นสถานที่พักผ่อนและศึกษาธรรมชาติอีกด้วย  ภายในพื้นที่โครงการฯ จะมีทางเดินไม้ทอดยาวไปตามป่าชายเลน ระยะทางประมาณ 850 เมตร ตลอดทางค่อนข้างร่มรื่นเพราะมีต้นโกงกางและต้นแสมคอยปกคลุม รวมทั้งยังมีจุดชมวิวหอภูมิทัศนา เป็นจุดชมวิวมุมสูงเหนือป่าชายเลน ให้เราได้ศึกษาระบบนิเวศของป่าชายเลน รวมทั้งยังเป็นจุดชมนกประเภทต่างๆ ซึ่งที่นี่นับว่าเป็น 1 ใน10 ของแหล่งดูนกที่ดีที่สุดในประเทศไทยอีกด้วย ไฮไลท์อยู่ที่ปลายทางของสะพานที่ยื่นออกไปกลางทะเล จากจุดนี้เราจะเห็นวิวที่สวยงามของท้องทะเลและป่าชายเลน เหมาะแก่การนั่งพักหรือถ่ายรูปสวยๆ นอกจากนี้ยังสามารถแวะชมระบบการจัดการบำบัดน้ำเสียด้วยวิธีการต่างๆ ของโครงการฯ และที่นี่ยังมีที่พักให้บริการสำหรับนักท่องเที่ยวที่ต้องการพักค้างแรมอีกด้วย  ภายในโครงการฯ มีบริการรถรางนำชมตามจุดต่างๆ หรือถ้าอยากชิลล์จะปั่นจักรยานชมรอบๆ ก็ได้  เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.โทร. 02 579 2116Website: http://www.lerdilc.com/พิกัด : https://goo.gl/maps/ZwuMxrEj6h32 3. ศูนย์ศึกษาเรียนรู้ระบบนิเวศป่าชายเลนสิรินาถราชินี อ.ปราณบุรี จ.ประจวบคีรีขันธ์  หนึ่งในป่าชายเลนในพื้นที่ปากน้ำปราณบุรี ซึ่งแต่ก่อนเคยมีสภาพเสื่อมโทรมจากการทำนากุ้งมาเป็นเวลานาน แต่ด้วยน้ำพระราชหฤทัยของพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ในรัชกาลที่ 9 เมื่อครั้งเสด็จฯ ปราณบุรี พ.ศ.2539 ทำให้มีการยกเลิกสัมปทานนากุ้ง และฟื้นฟูพื้นที่ 786 ไร่ ให้กลายเป็นป่าชายเลนที่เต็มไปด้วยต้นโกงกางเช่นทุกวันนี้  ภูมิทัศน์โดยรอบของป่าชายเลนแห่งนี้ มีความสงบ ร่มรื่น และเย็นสบาย มีทางเดินลัดเลาะไปตามป่าชายเลน ระยะทาง 1 กิโลเมตร ระหว่างทางมีป้ายบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ เกี่ยวกับป่าชายเลนแห่งนี้ เหมาะสำหรับศึกษาความหลากหลายของระบบนิเวศ ต้นโกงกางและพันธุ์ไม้ต่างๆ รวมไปถึงสัตว์ที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลนด้วย นอกจากการเดินชมต้นโกงกางตามเส้นทางเดินศึกษาธรรมชาติแล้ว ก็ยังมีกิจกรรมในจุดอื่นๆ อีก ไม่ว่าจะเป็นชมวิวบนหอชะคราม หอคอยสูงเท่าตึก 6 ชั้น ซึ่งเป็นจุดชมวิวมุมสูงแบบ 360 องศา ที่สามารถมองเห็นผืนป่าชายเลนเขียวชอุ่มกว้างไกลสุดลูกหูลูกตา หรือชมต้นโกงกางประวัติศาสตร์ ต้นโกงกางใบเล็ก 2 ต้น ที่พระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช และสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ได้ทรงปลูกไว้อีกด้วย  เปิดทุกวัน เวลา 08.30-16.30 น.โทร. 032 632 255 Website: https://welovesirinart.wordpress.com/พิกัด : https://goo.gl/maps/wup77tyRCyJ2 4. ทุ่งโปรงทอง ปากน้ำประแส อ.แกลง จ.ระยอง  สถานที่ท่องเที่ยวเชิงนิเวศในเขตชุมชนบ้านแสมภู่ ริมน้ำประแส ซึ่งแต่เดิมพื้นที่กว่า 6,000 ไร่นี้เคยเป็นพื้นที่ทำการประมง เลี้ยงกุ้ง และทำการเกษตรของชาวบ้านมาเป็นเวลานาน จนทรัพยากรบริเวณนี้เกิดความเสื่อมโทรม หน่วยงานต่างๆ ในพื้นที่เริ่มเห็นความสำคัญของระบบนิเวศป่าชายเลน จึงได้ร่วมกับชาวบ้านฟื้นฟูป่าชายเลนแห่งนี้ เพื่อให้ระบบนิเวศได้ฟื้นคืนกลับมา และเปิดให้เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ ในพื้นที่ป่าชายเลนมีสะพานไม้ให้เดินศึกษาธรรมชาติ ซึ่งทั้งสองข้างทางตลอด 1 กิโลเมตร จะมีพันธุ์ไม้หลายชนิดขึ้นอยู่มากมาย จุดเด่นคือต้นโปรงงมากมายที่ขึ้นเบียดเสียดกันเต็มท้องทุ่งจนมองไม่เห็นพื้นดินด้านล่าง จนเรียกกันว่าเป็น “ทุ่งโปรงทอง” ช่วงเวลาที่เหมาะสมสำหรับการมาชมทุ่งโปรงทองก็คือ ช่วงเช้า และบ่ายแก่ๆ ที่เมื่อสีเขียวปนเหลืองอ่อนของใบไม้กระทบกับแสงแดดก็จะกลายเป็นสีทองเหลืองอร่ามไปทั้งทุ่ง งดงามมาก เชื่อว่าใครที่ได้ไปชมก็คงไม่พลาดที่จะเก็บภาพไว้อย่างแน่นอน  นอกจากทุ่งโปรงทองแล้ว ภายในบริเวณนี้ก็ยังมีจุดอื่นที่สวยงาม ได้แก่ ศาลาริมน้ำ หรือ ท่าน้ำที่ยื่นออกไปในทะเล และถ้ามาจากทางวัดตะเคียนงาม ปลายทางจะไปที่ปากน้ำประแสจะมีเรือรบหลวงประแส ให้นักท่องเที่ยวได้ไปเยี่ยมชมด้วย เปิดทุกวัน เวลา 06.00-18.00 น.เทศบาลตำบลปากน้ำประแส โทร. 038 661 720-1พิกัด : https://goo.gl/maps/XH6LQtYv8jo 5. ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและอนุรักษ์ป่าชายเลนเพื่อการท่องเที่ยวเชิงนิเวศ อ.เมืองชลบุรี จ.ชลบุรี ป่าชายเลนผืนสุดท้ายของจังหวัดชลบุรีที่ยังคงความอุดมสมบูรณ์ มีเนื้อที่กว่า 300 ไร่ ศูนย์นี้จัดตั้งขึ้นเพื่ออนุรักษ์ป่าชายเลนไว้ให้ได้ศึกษาเรียนรู้ ด้านหน้าศูนย์ฯ มีต้นจิกทะเลที่สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ทรงปลูกไว้เมื่อครั้งเสด็จมาเยือน พ.ศ.2549  ภายในบริเวณมีทางเดินศึกษาธรรมชาติเป็นสะพานไม้ที่มีระยะทางถึง 2,300 เมตร ซึ่งนับเป็นทางเดินชมป่าชายเลนที่ยาวที่สุดในประเทศไทย ตลอดเส้นทางมีพันธุ์ไม้ต่างๆ ทั้งต้นโกงกาง ต้นแสม ต้นตะบูน ฯลฯ รวมไปถึงสัตว์น้ำที่อาศัยอยู่ในป่าชายเลน เช่น ปลาตีน ปูก้ามดาบ นอกจากนี้ยังมีปูหยกฟ้า ซึ่งเป็นปูก้ามดาบชนิดหนึ่งที่มีกระดองสีฟ้าอมเขียว สวยงามแปลกตาอีกด้วย  สิ่งที่น่าสนใจภายในศูนย์ยังมีสะพานแขวนโยกเยกที่สร้างความหวาดเสียวให้แก่นักท่องเที่ยว

5 ผืนป่าชายเลน การผจญภัยแนวอนุรักษ์ อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน สถานที่ทำบุญ หนุนนำความรัก

“ลพบุรีน่ะมีแต่ลิง แต่ถ้าคนรักจริงคงจะมีแต่เรา” “รักชาติให้ยืนตรง ถ้าอยากรักมั่นคงให้มายืนข้างๆ กัน” “อยากรวยต้องลงทุน อยากสร้างอนาคตกับคุณต้องทำไง” อ่ะ โพสแคปชั่นอ่อยก็แล้ว ลงรูปให้ดูว่าโสดก็แล้ว ยังนก!!! ได้!! ในเมื่อไม่ได้ด้วยเล่ห์ ก็เอาด้วยกล ไม่ได้ด้วยมนต์ ก็เอาด้วยคาถา!!!  ใครสายนกมาทางนี้ วันนี้แอดมินมีวัดที่เชื่อกันว่า หากไปไหว้บูชาขอพร แล้วอานิสงส์จะช่วยส่งไปหนุนนำความรักให้สมหวังดังใจ แต่เดี๋ยวก่อนคนที่มีแฟน หรือเป็นคู่รักก็ไปไหว้บูชาขอพรได้เหมือนกันนะ อานิสงส์จะยิ่งทำให้คู่ของคุณนั้นยืนยาวและมั่นคงต่อๆไป ใครที่เคยไปที่ไหนแล้วสมหวังดังใจ มาบอกต่อได้เลยนะ แบ่งปันกัน เพื่อนๆคนอื่นจะได้สมดังใจบ้าง  ศาลท่านท้าวมหาพรหม กรุงเทพมหานคร เชื่อกันว่า ท่านท้าวมหาพรหมเป็นเทพเจ้าที่ทรงมีเมตตา สามารถบันดาลให้ผู้ที่มาขอพรนั้นสมปรารถนา ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของความรัก ชีวิต การงาน โดยผู้ที่มาขอพรพระพรหมนั้นมักจะบนบานด้วยการถวายพวงมาลัยดอกไม้เจ็ดสี เจ็ดศอก ช้างไม้ หรือละครรำ ยังมีกิตติศัพท์เลื่องลือกันในหมู่ของผู้ไม่มีบุตรด้วยว่า หากได้มาอธิฐานขอพรจากท่านมักจะสมหวัง แม้แต่ชาวต่างชาติบางคนถึงกับข้ามน้ำข้ามทะเลมาเพื่อการนี้โดยเฉพาะ การสักการะนั้นให้ใช้ ธูป 12 ดอก เทียน 1 เล่ม และพวงมาลัย 4 พวง โดยเริ่มไหว้พระพรหมด้านที่ตรงกับประตูทางเข้าเป็นด้านแรก แล้วเดินเวียนขวาจนครบทั้งสี่ด้าน (ใช้ธูป พระพักตร์ละ 3 ดอก พวงมาลัย 1 พวง) บทบูชานะโมตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ (3 จบ) บทสวดหลัก (นิยมใช้มากที่สุด)โอม อาฮัม พรหมมา อัสมิ  ในวันที่ 9 พฤศจิกายนของทุกปี จะมีการจัดงานบวงสรวง เนื่องจากเป็นวันครบรอบการตั้งศาล พระตรีมูรติ กรุงเทพมหานคร หากผู้ใดที่ยังไร้คู่หรืออับโชควาสนาในด้านความรัก ถ้าได้มาบูชาพระตรีมูรติและตั้งจิตใจอธิฐานขอพรให้พบกับเนื้อคู่หรือรักแท้แล้ว ก็มักจะได้สมดังปรารถนา ซึ่งรวมทั้งเรื่องของชีวิต และการงานอีกด้วย เชื่อกันว่าเวลาที่ดีที่สุดในการสักการะ คือ ทุกคืนวันพฤหัสฯ เวลา 21.30 น. บูชาท่านด้วยธูปแดง 9 ดอก เทียนแดง ดอกกุหลาบแดง และผลไม้ พร้อมกล่าวชื่อ นามสกุล รวมทั้งที่อยู่ของตนเองไปด้วย คำสวดบูชาพระตรีมูรติ คือ คำว่าโอม แค่เพียงเอ่ยว่า โอม ก็เหมือนการเอ่ยนามของเทพเจ้าทั้งสาม ซึ่งโอม มาจาก โอมะ(พระพรหม) อะ(พระวิษณุ) อุ(พระศิวะ) ถือเป็นเทพเจ้าที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในศาสนาพราหมณ์ เป็นการรวมกันของมหาเทพ 3 องค์ คือ พระพรหม พระวิษณุ(พระนารายณ์) และพระศิวะ(พระอิศวร) ที่ถือเป็นผู้สร้าง ผู้รักษา และผู้ทำลาย การรวมอานุภาพของมหาเทพทั้ง 3 ไว้ในองค์เดียวกัน ผู้บูชาย่อมบังเกิดความเป็นสิริมงคล และความสมบูรณ์พูนสุขในชีวิต ดุจดังพลานุภาพของเทพทั้ง 3  วันบวงสรวง ตรงกับวันที่ 2 ธันวาคม ของทุกปี เวลาที่ดีที่สุดที่จะขอพรคือ วันพฤหัสบดี เวลา 21.30 น.เชื่อว่าเป็นเวลาที่เทพจะลงมายังโลกมนุษย์ เพื่อรับคำและประทานพรให้แก่ผู้ขอ วัดศาลาลอย อ.เมือง จ.นครราชสีมา ชาวโคราชและประชาชนทั่วไปนิยมเดินทางมาสักการะรูปปั้นและเจดีย์บรรจุอัฐิย่าโมที่วัดศาลาลอยนี้ เพื่อบนบานขอพรย่าโมให้ปกป้องคุ้มครอง โดยเฉพาะในเรื่องของความรักและคู่ครอง มีความเชื่อว่าย่าโมจะสามารถดลบันดาลให้สมหวังได้ในที่สุด และเมื่อได้รับความสำเร็จดังอธิษฐานแล้ว ก็มักจะแก้บนด้วยเพลงโคราชที่มีทั้งนักร้องและนักรำแต่งตัวสวยงาม เพราะเชื่อว่าย่าโมนั้นชอบฟังเพลงโคราชเป็นชีวิตจิตใจ วัดศาลาลอย เป็นวัดเก่าแก่ที่ท้าวสุรนารีสร้างขึ้นภายหลังจากรบชนะกองทัพของเจ้าอนุวงศ์ เมื่อปี พ.ศ. 2370 ซึ่งได้มีการสร้างอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี และอนุสรณ์สถานเจดีย์บรรจุอัฐิท้าวสุรนารีขึ้นภายในวัด ภายหลังที่ท่านได้ถึงแก่อสัญกรรมแล้ว พระธาตุศรีสองรัก อ.ด่านซ้าย จ.เลย เชื่อกันว่า หากผู้ใดได้มาบนบานศาลกล่าว แล้วแก้บนด้วยต้นผึ้งนั้น จะได้ตามปรารถนาทุกประการ และถ้ามาขอพรในด้านที่เกี่ยวกับความรักและมิตรภาพ สัมพันธภาพนั้นก็จะยั่งยืนสืบไป ข้อปฏิบัติที่ควรทราบ คือไม่ควรแต่งกายชุดสีแดง รวมทั้งงดนำสิ่งของหรือดอกไม้สีแดงขึ้นไปบูชา เพราะสีแดงเป็นสัญลักษณ์ของเลือดและความรุนแรง และไม่ควรกางร่ม สวมหมวกและรองเท้าขึ้นไปบนพระธาตุ สร้างเมื่อ พ.ศ.2103 แล้วเสร็จเมื่อ พ.ศ. 2106 ในสมัยแผ่นดินสมเด็จพระมหาจักรพรรดิ์แห่งกรุงศรีอยุธยาเพื่อเป็นสักขีพยานแสดงความสัมพันธ์อันดีงามระหว่างกัน กับพระเจ้าไชยเชษฐาธิราชแห่งกรุงศรีสัตนาคนหุต(เวียงจันทร์) ศาลเจ้าแม่สามมุข ใกล้หาดบางแสน อ.เมือง จ.ชลบุรี ด้วยตำนานรักที่อมตะ เจ้าแม่สามมุขจึงเป็นที่พึ่งทางใจของหนุ่มสาวที่พากันเดินทางมาอธิษฐาน ขอพรให้สมหวังในความรักและคู่ครองอยู่เสมอ เชื่อกันว่าหากคู่รักที่มีความมั่นคงและซื่อสัตย์ต่อกัน หากนำว่าวที่เขียนชื่อตนเองกับคนรักมาไหว้เจ้าแม่ แล้วนำไปแขวนบริเวณศาลนั้น เจ้าแม่จะอวยพรให้มีความสุขสมหวัง และฝ่าฟันอุปสรรคไปได้ในที่สุด นอกจากนี้แล้วชาวประมงที่ให้ความเคารพนับถือ จะมาสักการะด้วยการจุดประทัดถวายทุกครั้งก่อนออกเรือ เพื่อให้เดินทางปลอดภัยและจับปลาได้มาก ตำนานเล่าว่า ศาลแห่งนี้สร้าง เพื่อเป็นอนุสรณ์แห่งรักแท้ของสาวมุก และนายแสน ที่กระโดดหน้าผาและตายไปตามกัน เพื่อยืนยันคำมั่นสัญญาว่าจุอุทิศชีวิตให้ ชาวบ้านจึงตั้งชื่อหน้าผาว่า สามมุข และตั้งชื่อชายหาดริมทะเลที่อยู่เบื้องล่างว่า บางแสน และได้มีการสร้างศาล เจ้าแม่สามมุข ขึ้นที่บริเวณเชิงผา ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช (วัดลุ่มหาชัยชุมพล) อ.เมือง จ.ระยอง ความเชื่อ เชื่อกันว่าพระบารมีของพระองค์จะช่วยปกป้องคุ้มครองให้มีแต่ความสุขเป็นสิริมงคล มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นและยังเชื่อกันว่าสามีภรรยาที่มีบุตรยาก หากมาขอพรจากศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราชแห่งนี้แล้ว มักจะสมดังใจปรารถนา ศาลสมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช แห่งวัดลุ่มมหาชัยชุมพล เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่สำคัญแห่งหนึ่งใน จ.ระยอง ซึ่งมีผู้คนเดินทางมาสักการะเพื่อน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณของพระองค์ในการกอบกู้เอกราชให้ผืนแผ่นดินไทยอยู่เสมอ มีการจัดงานสมโภชศาลแห่งนี้เป็นประจำในช่วงเทศกาลตรุษจีน และทุกวันที่ 28 ธันวาคมของทุกปี จะมีการทำบุญตักบาตร ถวายพวงมาลาและเครื่องสักการะ เพราะเป็นคล้ายวันเสด็จขึ้นครองราชย์ของพระองค์ วัดโสธรราชวรารามวรวิหาร จ.ฉะเชิงเทรา ผู้ที่นับถือในหลวงพ่อโสธรเชื่อว่าเมื่อได้มาสักการะแล้ว จะมีแต่ความสุข เป็นสวัสดิมงคลในชีวิตนอกจากนี้ในหมู่ผู้ที่มีบุตรยากยังเดินทางมาพร้อมความหวัง เพราะเชื่อกันว่า หากได้มาสักการะขอพรหลวงพ่อแล้วมักจะได้ลูกชายและเมื่อสมดังใจอธิษฐาน จะนิยมถวายหลวงพ่อโสธรด้วย ละครชาตรี ไข่ต้ม ผลไม้ และพวงมาลัย บทบูชา(ท่องนะโม 3 จบ) กาเยนะ วาจายะ เจตสา วา โสธะรัง นามะ อิทธิปะฏิหาริกะรัง พุทธะรูปัง อะหัง วันทามิ สัพพะโสฯ เดิมชื่อว่า วัดหงส์ สร้างในสมัยอยุธยาตอนปลาย เป็นที่ประดิษฐานหลวงพ่อพุทธโสธร พระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมืองของจังหวัดฉะเชิงเทรา

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน สถานที่ทำบุญ หนุนนำความรัก อ่านเพิ่มเติม

เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา (PATTAYA INTERNATIONAL FIREWORKS FESTIVAL 2018

เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา (Pattaya International Fireworks Festival 2018) งานส่งเสริมการท่องเที่ยวครั้งยิ่งใหญ่ประจำปีของเมืองพัทยา

เทศกาลพลุนานาชาติเมืองพัทยา (PATTAYA INTERNATIONAL FIREWORKS FESTIVAL 2018 อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top