ราชบุรี

ราชบุรี

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา

1. เขาโปกโล้น ร่องเขานครชุม จ.พิษณุโลก เขาโปกโล้น ตั้งอยู่ที่ตำบลนครชุม อำเภอนครไทย จังหวัดพิษณุโลก เป็นจุดชมวิวธรรมชาติและทะเลหมอก ระยะทางเดินขึ้นไปประมาณ 1-2 กิโลเมตร ใช้เวลาเดินประมาณ 30-40 นาที ถ้าโชคดีในช่วงเช้าเราจะเห็นทะเลหมอก ซึ่งในฤดูหนาวจะมีทะเลหมอกทุกวันเลยนะ แต่ถ้าไม่มีหมอก เราก็ถ่ายรูปกับเขาก็ได้ สวยเหมือนกัน ฮ่าๆ และตามเส้นทางเดินยังมีจุดสำคัญให้ศึกษา ไม่ว่าจะเป็นบ่อเสือตก น้ำบ่อศักดิ์สิทธิ์ และถ้ำผาปอง เป็นต้น  สำหรับที่พัก แอดแนะนำให้พักที่โฮมสเตย์ในอำเภอนครชุม เพราะเราจะต้องตื่นเช้า ประมาณ 05.00 น. เพื่อเดินขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ที่สวยงามที่เขาโปกโล้นกัน ราคาโฮมสเตย์ 450 บาท/คน มีอาหารให้ 2 มื้อ คือมื้อเย็นและมื้อเช้า  ถ้าหากพร้อมแล้วและสนใจพิชิตทะเลหมอกติดต่อ อบต.นครชุม โทร 055 009 808 การเดินทาง ไปตามเส้นทางพิษณุโลก-นครไทย จากนั้นขับรถไปที่ตำบลนครชุม ประมาณ 28 กิโลเมตร ซึ่งห่างจากตัวเมืองพิษณุโลกประมาณ 100 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/qfZa5MPvr8Q2 2.จุดชมวิวบ้านจ่าโบ่ จ.แม่ฮ่องสอน เป็นอีกหนึ่งจุดเช็คอินถ่ายรูป ที่ไม่ว่าใครก็ต้องมานั่งกินก๋วยเตี๋ยวห้อยขา ท่ามกลางหุบเขาและวิวทะเลหมอกแบบนี้  นั่งถ่ายรูปสวยๆ กินบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความเขียวชอุ่มและอากาศบริสุทธิ์ เติมพลังกันให้เต็มที่ไปเลย บ้านจ่าโบ่ ตั้งอยู่ไม่ไกลจากอำเภอปายมากนัก ใช้เวลาเดินทางจากอำเภอปายประมาณ 1 ชั่วโมง ถ้าใครที่ไปเที่ยวปาย ก็อย่าลืมแวะไปด้วยนะครับผม การเดินทางจากตัวเมืองแม่ฮ่องสอนวิ่งตามทางหลวงหมายเลข 1095 ไปทางอำเภอปางมะผ้า จนถึงแยกจุดตรวจแม่ละนา ให้เลี้ยวซ้ายไปตามทางหลวงหมายเลข 1226 อีก 3.5 กิโลเมตร จะถึงจุดชมวิวบ้านจ่าโบ่พิกัด : https://goo.gl/maps/yvUfLiyGYex 3.เขื่อนรัชชประภา จ.สุราษฎร์ธานี หรือที่ใครๆ รู้จักกันดีว่า “เขื่อนเชี่ยวหลาน” อันเป็นชื่อดั้งเดิม ก่อนจะเปลี่ยนเป็นเขื่อนรัชชประภาในปัจจุบัน สำหรับเขื่อนรัชชประภานั้น มีจุดเด่นอยู่ตรงที่ภายในทะเลสาบเหนือเขื่อนเต็มไปด้วยภูเขาหินปูนธรรมชาติที่มีรูปร่างต่างๆ แปลกตา สวยงามลงตัวราวกับบรรจงสร้างมาให้เราเข้าไปชมเลยล่ะ  ไปยืนถ่ายรูปที่หัวเรือ โพสท่าเก๋ๆ คู่กับภูเขาหินปูน เอามาไว้โพสต์อวดเพื่อนๆ ในโซเชียล กิจกรรมที่น่าสนใจ– นอนเล่นกลางแพชมวิวทะเลสาบ อ่านหนังสือเล่มโปรด ฟังเพลงเบา ๆ – ล่องเรือชมธรรมชาติเหนือเขื่อน ชมเขาสามเกลอ หนึ่งในไฮไลท์ของภูเขาหินปูนที่อยู่ในอ่างเก็บน้ำ– พายเรือคายักหรือแคนู ซึ่งที่พักบางแห่งจะจัดไว้บริการนักท่องเที่ยว– ท่องถ้ำน้ำทะลุ ซึ่งเป็นถ้ำที่อยู่ห่างจากหน่วยพิทักษ์อุทยานฯ 6 กิโลเมตร เป็นถ้ำใหญ่ที่มีธารน้ำไหล มีหินงอกหินย้อยที่งดงาม การเดินเที่ยวถ้ำจำเป็นต้องมีเจ้าหน้าที่นำทาง การเดินทางจากอำเภอเมืองฯ ไปตามทางหลวงหมายเลข 401 แยกเข้าสู่หน่วยพิทักษ์อุทยานฯ ขส.2 (เชี่ยวหลาน) ตรงหลักกิโลเมตรที่ 60 ระยะทาง 14 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/kXnARbdFFuv 4.เสม็ดนางชี จ.พังงา มาพังงาทั้งที ถ้าไม่ได้ไปเสม็ดนางชีถือว่าพลาด ถ้ามีโอกาสแอดอยากจะแนะนำให้ขึ้นไปชมวิวสุดประทับใจ ถ่ายรูปคู่กับทิวทัศน์สวยๆ ที่นี่ซักครั้ง นักท่องเที่ยวสามารถขึ้นไปกางเต็นท์นอนค้างแรมเพื่อรอชมกลุ่มดาวเต็มท้องฟ้า และเมื่อเช้าวันใหม่อันสดใสมาถึง ทิวทัศน์ของตะวันขึ้นที่อ่าวพังงาก็จะติดตาตรึงใจเพื่อนๆ ไปอีกนาน ด้านบนมีร้านอาหาร มีเมนูทั้งอาหารคาวและอาหารหวานให้เราได้เลือกทานอย่างหลากหลาย  หรือจะชมแสงสุดท้ายยามเย็น พร้อมนั่งทานอาหารสุดอร่อย ดื่มด่ำกับวิวธรรมชาติอันสวยงาม ขอบอกเลยว่าจะทำให้มื้ออาหารมื้อนี้ประทับใจไม่รู้ลืมเลยล่ะ การเดินทางจากตัวเมืองพังงา ใช้เส้นทางพังงา-โคกกลอย เข้าสู่อำเภอตะกั่วทุ่งไปยังบ้านท่าอยู่ สังเกตจะมีสะพานลอยอยู่ก่อนถึงทางเข้าบ้านท่าอยู่ และมีซอยเล็กๆ ให้เลี้ยวเข้าไป ขับตรงไปอีกประมาณ 13 กิโลเมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/CFH2LK5vscQ2 5.ม่อนครูบาใส อุทยานแห่งชาติแม่เมย จ.ตาก ม่อนครูบาใส อยู่ห่างจากที่ทำการอุทยานฯ ประมาณ 7 กิโลเมตร เป็นจุดชมทะเลหมอกยามเช้า วิวภูเขา และพระอาทิตย์ตกดินที่สวยงาม นอกจากนี้ยังเป็นจุดที่มองเห็นดาวได้ชัดเจนอีกด้วย สามารถถ่ายรูปสวยๆ กับวิวสุดอลังการเก็บไปชมได้ไม่มีเบื่อเลยล่ะ ข้างบนนี้สามารถกางเต็นท์นอนได้ แต่ไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกใดๆ เลย เพราะฉะนั้นต้องเตรียมอาหาร น้ำ และสิ่งของจำเป็นต่างๆ ขึ้นไปให้เรียบร้อยนะครับ การเดินทางแนะนำให้ใช้รถขับเคลื่อนสี่ล้อ เพราะช่วงนี้หน้าฝน ถนนอาจจะมีหลุมมีบ่ออยู่บ้าง และควรสอบถามกับทางอุทยานฯ ก่อนไปนะครับ ว่าเหมาะที่จะขึ้นไปเที่ยวหรือไม่ แต่ถ้าฝนไม่ตกติดต่อกันหลายวัน ก็สามารถขึ้นได้ครับผม การเดินทางจากตัวเมืองตาก ไปตามทางหลวงหมายเลข 105 (เส้นทางแม่สอด-แม่ระมาด-ท่าสองยาง) ระยะทางประมาณ 114 กิโลเมตร เลี้ยวขวาที่จุดตรวจแม่สลิด ซึ่งเป็นทางที่จะตัดไปสู่อำเภออมก๋อย จังหวัดเชียงใหม่ เป็นทางขึ้นเขาไปอีกประมาณ 11 กิโลเมตร จะถึงที่ทำการอุทยานฯ (ทางขึ้นเขาเป็นทางลาดชัน รถบัสใหญ่ไม่สามารถขึ้นได้)พิกัด : https://goo.gl/maps/5nbbC1GW7b42 6.ดอยหัวหมด เขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าอุ้มผาง จ.ตาก ยอดเขาหัวโล้นที่ปกคลุมด้วยต้นหญ้าและไม้ทนแล้ง ไม่มีต้นไม้ใหญ่ขึ้น เป็นที่มาของชื่อ “ดอยหัวหมด” บ้างก็เรียกว่า “เขาหัวโล้น” ลักษณะเป็นภูเขาหินปูนทอดตัวเป็นแนวยาวหลายลูกติดต่อกัน สามารถชมวิวได้รอบทิศ  ไฮไลท์เด่นของที่นี่คือ การชมพระอาทิตย์ขึ้นท่ามกลางทะเลหมอกในยามเช้า ควรเดินทางมาถึงจุดชมวิวในช่วง 05.00-06.00 น.  ดอยหัวหมดเป็นเนินที่ไม่สูงมากและระยะทางเดินไม่ไกลมากนัก เดินกันได้ชิลๆ ถ่ายรูปกันได้เรื่อยๆ เลยล่ะ การเดินทาง จากตัวเมืองตาก ใช้ทางหลวงหมายเลข 105 (ตาก-แม่สอด) ถึงหลักกิโลเมตรที่ 96 เปลี่ยนมาใช้ทางหลวงหมายเลข 1090 (แม่สอด-อุ้มผาง) เข้าสู่อำเภออุ้มผาง มุ่งหน้าบ้านปะหละทะ บริเวณกิโลเมตรที่ 10-11 จะมีทางแยกซ้ายไปดอยหัวหมด ประมาณ 700 เมตร จะถึงจุดจอดรถพิกัด : https://goo.gl/maps/V1k4MoZt7FD2 7.เนินมะปราง จ.พิษณุโลก เมื่อมาถึงอำเภอเนินมะปรางกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ห้ามพลาดเลยก็คือ การไปชมวิวภูเขาหินปูนล้านปี ที่บ้านมุง บอกเลยว่าภูเขาสวยอลังการมาก ถ่ายรูปออกมาแล้วให้ความรู้สึกเหมือนหลุดไปในภาพยนตร์เรื่องอวตารกันเลยทีเดียว ถ้าจะให้ดีต้องลองนั่งรถอีแต๊กที่ชาวบ้านบริการ หรือนำจักรยานมาปั่นเองในช่วงยามเย็น จะได้สัมผัสบรรยากาศของพระอาทิตย์ตกและธรรมชาติที่สวยงามบริเวณนั้น และยังสามารถรอชมฝูงค้างคาวนับล้านบินออกจากถ้ำไปหากิน ตอนเวลาประมาณ 18.00-19.00 น. ได้อีกด้วยนะ หากใครอยากลองนั่งรถอีแต๊กชมภูเขาหินปูนล้านปี ติดต่อได้ที่ คุณพิษณุชัย ทรงพุฒิ โทร. […]

9 จุด ถ่ายรูปกับ เขา อ่านเพิ่มเติม

งานเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน ครั้งที่ 13

หนังใหญ่วัดขนอน ราชบุรี กลุ่มผู้สานต่อลมหายใจ การแสดงหนังใหญ่ที่วัดขนอน ร่วมกันสืบทอดมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมการแสดงหนังใหญ่ โดยนักแสดงผู้เชิด ผู้เขียนบท ผู้พากย์บท และนักดนตรีไทยทั้งหมดเป็นเด็กนักเรียนจากโรงเรียนวัดขนอน ซึ่งมีรุ่นพี่และคุณครูผู้ฝึกสอนเป็นผู้ถ่ายทอดวิชาและร่วมแสดงด้วย ปัจจุบันวัดขนอนมีพิพิธภัณฑ์ที่เก็บรักษาตัวหนังใหญ่ไว้อยู่จำนวนหนึ่ง ทั้งหมดยังคงอยู่ในสภาพดี ถึงแม้ว่าแต่ละตัวจะมีอายุกว่า 100 ปีแล้วก็ตาม พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่แห่งนี้เป็นโครงการตามพระราชดำริในสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ที่ทรงเห็นคุณค่าในการแสดงศิลปะหนังใหญ่ โดยทรงมีพระราชดำริให้ทางวัดช่วยกันอนุรักษ์ตัวหนังใหญ่ และสืบทอดมรดกเหล่านี้เอาไว้ พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่เปิดให้เข้าชมทุกวันเวลา 08.00-17.00 น. หนังใหญ่เป็นศิลปะการแสดงโดยใช้ตัวหนังขนาดใหญ่ที่ทำมาจากหนังวัวหรือหนังควายดิบตากแห้ง จากนั้นนำไปขึงลงในกรอบให้ตึง แล้วฉลุแผ่นหนังเป็นรูปตัวละครต่างๆ มีไม้ผูกทาบตัวหนังไว้ทั้งสองข้าง เพื่อทำให้ตัวหนังตั้งตรงไม่งอ และทำเป็นด้ามจับสำหรับเชิดในการแสดง ฉากหลังใช้ผ้าขาวคาดเป็นจอ ส่วนด้านหลังจอจะก่อกองไฟไว้ แสงจากกองไฟด้านหลังจะส่องผ่านตัวหนังทำให้เห็นลวดลายที่ฉลุเป็นตัวละครต่างๆ ส่วนคนเชิดจะรำและทำท่าทางประกอบกับอารมณ์ของตัวละครในแต่ละฉาก ตามจังหวะดนตรีและบทพากย์ หนังใหญ่เป็นการแสดงที่รวบรวมศิลปะไว้ด้วยกันถึง 5 ประเภท คือ 1. ด้านหัตถศิลป์ การแกะตัวหนังที่ผู้แกะต้องฝึกฝนจนชำนาญในการแกะลายบนแผ่นหนังเป็นตัวละครและฉากต่างๆได้อย่างเหมาะสม 2. ด้านนาฏศิลป์ ผู้เชิดเปรียบเหมือนกับผู้สร้างชีวิตให้กับตัวหนัง ทักษะด้านนาฏศิลป์จึงเป็นสิ่งสำคัญ ผู้เชิดต้องรู้จักดนตรีไทยและผ่านการฝึกฝนท่าทางในการเดิน การเต้น การโยกตัว การเชิดตัวหนังให้เข้ากับจังหวะของดนตรีและเรื่องราวตามบทพากย์ เพื่อเร้าอารมณ์ผู้ชมให้คล้อยตามไปกับการแสดงในแต่ละฉาก 3. ด้านวรรณศิลป์ เป็นบทพากย์ประกอบการแสดง โดยบทพากย์จะมีทั้งในส่วนที่เป็นบทเล่าเรื่อง บทพูดของตัวละครแต่ละตัว และบทสนทนาในแต่ละฉาก 4. ด้านวาทศิลป์ คือน้ำเสียงของผู้พากย์ ที่จะแสดงถึงอารมณ์ของตัวละครในแต่ละฉาก น้ำเสียงของผู้พากย์จะสร้างอารมณ์ร่วมให้แก่ผู้ชมได้เป็นอย่างดี 5. ด้านดุริยางคศิลป์ คือดนตรีประกอบการแสดง  หนังใหญ่ถือเป็นต้นแบบของการแสดงโขน ซึ่งการแสดงโขนได้การพากย์ การขับร้อง และการรำมาจากหนังใหญ่ แต่โขนจะพัฒนาให้คนแสดงแต่งตัวใส่ชุด ใส่หัวโขนเป็นตัวละครต่างๆ และเพิ่มฉากการต่อสู้โดยใช้ศิลปะการต่อสู้แบบกระบี่กระบองเข้ามาประกอบการแสดงด้วย ในส่วนของการแสดงเชิดหนังใหญ่ ทางวัดจะจัดแสดงทุกวันเสาร์ เวลา 10.00-11.00 น.

งานเทศกาลหนังใหญ่วัดขนอน ครั้งที่ 13 อ่านเพิ่มเติม

เขากระโจม สวรรค์ของการผจญภัยไม่ไกลกรุง

เขากระโจม ตั้งอยู่ที่อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี ที่นี่เป็นยอดเขาที่สูงที่สุดของเทือกเขาตะนาวศรี ซึ่งอยู่สุดเขตประเทศไทยทางภาคตะวันตกที่ติดกับประเทศพม่า โดยก่อนจะได้ชื่อว่า “เขากระโจม” นั้น ว่ากันว่าในสมัยก่อนชาวกะเหรี่ยงที่เคยอาศัยอยู่ในบริเวณนี้ได้ตั้งชื่อเขาลูกนี้ว่า “เขาลันดา” ซึ่งหมายถึงภูเขาที่มีที่ราบ ต่อมาคนไทยได้มาทำเหมืองแร่ดีบุกและเห็นลักษณะของเขาคล้ายกับกระโจมอินเดียนแดง จึงเรียกว่า “เขากระโจม” หรือ “เขาช่องกระโจม” นั่นเอง สำหรับการเดินทางขึ้นไปบนยอดเขากระโจมนั้น แอดบอกเลยว่าถูกใจสำหรับนักผจญภัยสายลุยแน่นอน เพราะตลอดระยะทาง 10 กิโลเมตรจากตีนเขาถึงยอดเขานั้น สมบุกสมบัน ท้าท้าย และหวาดเสียวพอดู แม้ช่วง 2 กิโลเมตรแรกจะเป็นทางลาดยางเรียบง่าย แต่หลังจากนั้นเรียกว่าตัวโยกกันไปมาเลยทีเดียว เพราะสภาพเส้นทางค่อนข้างลำบาก เป็นร่อง เนิน และหลุมบ่อสลับกัน มีความสูงชัน และในบางจุดนั้นต้องลุยน้ำที่สูงเกือบครึ่งคันรถเลยทีเดียว ซึ่งยานพาหนะที่ใช้ในการขึ้นเขาต้องเป็นรถขับเคลื่อนสี่ล้อเท่านั้น การเดินทางขึ้น-ลงเขากระโจมจะมีช่วงเวลากำหนดไว้ โดยช่วงเช้าตั้งแต่ 04.00-07.00 น. จะกำหนดให้รถเดินทางขึ้นอย่างเดียว หลังจากนั้นเวลา 07.00-09.00 น. จะเป็นเวลาที่ให้รถลงจากเขา ซึ่งทั้ง 2 ช่วงเวลานี้ห้ามรถสวนทางกันโดยเด็ดขาด และจะสามารถเดินทางขึ้น-ลงได้ปกติ ตั้งแต่เวลา 09.00-19.00 น. โดยหลังจาก 19.00 น. เป็นต้นไปจะไม่อนุญาตให้เดินทางขึ้นเขากระโจม เพราะเป็นเวลากลางคืน อาจเกิดอุบัติเหตุได้  บนยอดเขากระโจมเป็นสถานที่ยอดนิยมในการชมพระอาทิตย์ตกในช่วงเย็น ดูดาวในยามค่ำคืน รวมไปถึงชมวิวทะเลหมอกและพระอาทิตย์ขึ้นในช่วงเช้า มีพื้นที่กว้างขวางล้อมรอบไปด้วยวิวภูเขามากมาย และยังมีธรรมชาติที่สดชื่นให้เราสูดหายใจได้เต็มปอด เหมาะสำหรับนักผจญภัยที่อยากใกล้ชิดธรรมชาติเป็นอย่างมาก  บนยอดเขานี้สามารถกางเต็นท์พักแรมได้ แต่ต้องนำเต็นท์ไปเอง รวมถึงอาหารด้วย เนื่องจากด้านบนเขาไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกบริการ อีกหนึ่งจุดท่องเที่ยวที่น่าสนใจที่อยู่ระหว่างทางขึ้นเขากระโจมก็คือ “น้ำตกผาแดง” อยู่ห่างจากยอดเขากระโจมประมาณ 2 กิโลเมตร เป็นน้ำตกขนาดกลาง เกิดจากห้วยลันดา และลำห้วยอื่นๆ บนเขากระโจมมารวมกันและไหลลงสู่หน้าผาหินสีแดงที่สวยงาม  แม้น้ำตกแห่งนี้จะไม่สามารถเล่นน้ำได้ แต่เราก็สามารถเดินไปตามก้อนหินเพื่อชมความงามของน้ำตกและธรรมชาติรอบข้างได้ ซึ่งต้องใช้ความระมัดระวังกันซักนิด เนื่องจากหินค่อนข้างลื่น ที่ตั้งเขากระโจม : ฐานปฏิบัติการตำรวจตระเวนชายแดนตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีพิกัด : https://goo.gl/maps/hbZQdSLhY352 การเดินทาง จากกรุงเทพ ใช้ถนนเพขรเกษม มุ่งหน้าสู่จังหวัดราชบุรี เมื่อถึงแยกห้วยไผ่ให้เลี้ยวขวา เข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3208 ไปอำเภอสวนผึ้ง ขับไปประมาณ 40 กิโลเมตร จะเจอแยกชัฏป่าหวาย ให้ขับตรงไปซอยเล็กจะทะลุเข้าสู่ทางหลวงหมายเลข 3087 ขับตรงไปอีกประมาณ 28 กิโลเมตร จะถึงทางขึ้นเขากระโจม  สำหรับใครที่จะมาเขากระโจม และไม่มีรถโฟร์วีล ตรงปากทางขึ้นเขากระโจมก็มีบริการรถโฟล์วีลด้วย สามารถเช่าได้ทั้งแบบเช้าไปเย็นกลับ หรือจะเหมาค้างคืนบนเขาก็ได้ ติดต่อได้ที่ชมรมรักษ์เขากระโจม ถ้าที่พักอยู่ใกล้ๆ เขากระโจม ก็สามารถบอกให้รถมารับ-ส่งถึงที่พักได้เลย สอบถามข้อมูลหรือจองรถขึ้นเขาชมรมรักษ์เขากระโจม (คุณไก่ ประธานชมรมฯ)โทร. 087 135 8623

เขากระโจม สวรรค์ของการผจญภัยไม่ไกลกรุง อ่านเพิ่มเติม

เที่ยวใกล้กรุง 2 วัน 1 คืน ที่ราชบุรี

“เที่ยวใกล้กรุง 2 วัน 1 คืน ที่ราชบุรี” วันแรก เริ่มต้นทริปกันแบบหิวๆ ยามเช้า กับสถานที่ท่องเที่ยวสำคัญในจังหวัดราชบุรีที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลย นั่นก็คือ “ตลาดน้ำดำเนินสะดวก” ที่มีความเก่าแก่กว่า 100 ปี  ในแต่ละวันจะมีนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติจำนวนมาก เดินทางมาชม ชอป และชิมของอร่อย รวมทั้งซึมซับบรรยากาศของตลาดน้ำแห่งนี้ ถ้าใครอยากมาเที่ยว ขอแนะนำว่าให้มาช่วงเช้า เนื่องจากแดดไม่ร้อนและมีเรือขายสินค้าจำนวนมาก ที่นี่มีอาหารให้เลือกซื้อ เลือกชิมมากมาย ไม่ว่าจะเป็น กุยช่ายโบราณ ก๋วยเตี๋ยวเรือ ก๋วยจั๊บ ข้าวหมูแดง ต่อด้วยขนมไทยนานาชนิดก็มีให้ทาน ไม่ว่าจะเป็น ทองม้วน ทองหยิบ ทองหยอด ขนมเบื้อง ขนมถังแตก แล้วปิดท้ายด้วยผลไม้รสชาติอร่อย เช่น ส้มโอ มะม่วง กล้วยไข่ กล้วยน้ำว้า กล้วยหอม เป็นต้น ใครที่หิวๆ มา สามารถมาฝากท้องฝากพุงไว้ที่นี่ได้เลย นอกจากนี้ที่ตลาดน้ำดำเนินสะดวก ยังมีบริการเรือนำเที่ยวพาชมสวน และการทำน้ำตาลสด ใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง เรือพาย ราคาลำละ 400 บาท เรือหางยาว ราคาคนละ 100 บาท สอบถามข้อมูลได้ที่ ท่าเรือยุวันดา โทร. 032 241 392, 086 668 9471, 089 161 0909 เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 07.00 – 12.00 น. (ช่วง 08.00 – 11.00 น. จะมีของขายเยอะ) การเดินทางใช้ถนนเพชรเกษม (ทางหลวงหมายเลข 4) ผ่านบางแค สวนสามพราน นครชัยศรี นครปฐม เลยกิโลเมตรที่ 83 ไปเล็กน้อยจะพบแยกบางแพ เลี้ยวซ้ายเข้าทางหลวงหมายเลข 325 ประมาณ 25 กิโลเมตร ข้ามสะพานธนะรัชต์ไปประมาณ 200 เมตร แล้วแยกขวาเข้าไปอีก 1 กิโลเมตรพิกัด : https://goo.gl/maps/iVJ2nWB6iiA2 ที่ต่อมา เราพามาเรียนรู้ศิลปวัฒนธรรมกันที่ “พิพิธภัณฑ์หนังใหญ่วัดขนอน” ตั้งอยู่ในวัดขนอน อำเภอโพธาราม เป็นอาคารเรือนไทย ภายในจัดแสดงหนังใหญ่ที่อยู่ในสภาพสมบูรณ์สวยงามจำนวน 313 ตัว โดยส่วนใหญ่เป็นตัวละครจากเรื่องรามเกียรติ์ พิพิธภัณฑ์เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 17.30 น.นอกจากนี้ทุกวันเสาร์ เวลา 10.00 น. จะมีการแสดงหนังใหญ่ ณ โรงละครหนังใหญ่ให้ชมฟรีด้วย  สอบถามข้อมูลได้ที่ โทร. 089 555 4195, 032 234 834 เปลี่ยนแนวมาชมธรรมชาติกันบ้างกับ “อุทยานหินเขางู” เดิมที่นี่เป็นแหล่งระเบิดหินและย่อยหินที่สำคัญของประเทศไทย แต่หลังจากที่ได้มีการยกเลิกสัมปทานและปรับปรุงภูมิทัศน์ ก็ทำให้ที่นี่กลายเป็นสวนสาธารณะและสถานที่ท่องเที่ยวยอดฮิตของจังหวัดราชบุรีไปแล้ว มีจุดให้พักผ่อนหย่อนใจมากมายไม่ว่าจะเป็น สะพานแขวนซึ่งเป็นไฮไลท์ที่ทุกคนต้องมาถ่ายรูปเก๋ๆ หรือจะออกกำลังกายน่องโดยการถีบเรือเป็ด กินลมชมวิวก็ชิลล์ไม่แพ้กัน บริเวณอุทยานหินเขางูยังเป็นที่ตั้งของถ้ำหลายแห่ง ที่สำคัญได้แก่ ถ้ำฤาษี ถ้ำฝาโถ ถ้ำจาม และถ้ำจีน ซึ่งแต่ละถ้ำมีภาพสลักหินที่เกี่ยวข้องกับพุทธศาสนามาตั้งแต่สมัยทวารวดี นับเป็นร่องรอยศิลปะทวารวดีที่สำคัญอีกแห่งหนึ่ง (ในภาพคือภายในถ้ำฤาษี ซึ่งมีพระพุทธรูปประทับนั่งห้อยพระบาท ปางแสดงธรรม ประดิษฐานอยู่ตรงกลาง) อุทยานหินเขางู เปิดทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00 – 18.00 น.ไม่เสียค่าเข้าชม การเดินทางจากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3087 (ราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง) ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร เมื่อถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวาจากนั้นขับไปประมาณ 1 กิโลเมตร อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางซ้ายมือ หรือจากวัดหนองหอย ใช้ทางหลวงหมายเลข 3089 อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางขวามือพิกัด https://goo.gl/maps/48ywbyKGNR62 คืนนี้นอนนี่นะ…”ไฮซีน รีสอร์ท” ที่พักบนเนินเขาท่ามกลางขุนเขากับวิวหลักล้าน มองเห็นทิวทัศน์ได้แบบ 360 องศา พักกายพักใจกันในคืนนี้ ชาร์จแบตกันให้เต็มที่ ก่อนที่จะไปลุยกันต่อในวันต่อไป  ที่ตั้ง : 250 หมู่ 2 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรี โทร. 084 343 7434พิกัด : https://goo.gl/maps/eJwUq5ovtZo  เช้าวันที่สอง แฮปปี้ดี๊ด๊ากันที่ “The Scenery Vintage Farm” สถานที่ท่องเที่ยวฮอตฮิตในอำเภอสวนผึ้ง รับรองว่าถูกอกถูกใจผู้ที่ชื่นชอบแกะเล็กแกะใหญ่แน่นอน มาได้ทั้งวัยรุ่น วัยเรียน หรือจะมาเป็นครอบครัวก็ยิ่งดี มีกิจกรรมให้ทำมากมายเลยล่ะ.เปิดวันพุธ-จันทร์ (ปิดวันอังคาร)– วันจันทร์ และวันพุธ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 18.00 น.– วันเสาร์ อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่เวลา 08.30 – 18.30 น..ค่าเข้าชม ผู้ใหญ่ 50 บาท เด็กสูงไม่ถึง 120 ซม. 30 บาท.ที่ตั้ง : 234 หมู่ 7 ตำบลสวนผึ้ง อำเภอสวนผึ้ง จังหวัดราชบุรีโทร. 098 263 1236พิกัด : https://goo.gl/maps/6CKfUtnCQDL2 ถ้าอยากเปลี่ยนอารมณ์จากการชมฟาร์มชมไร่ ให้อาหารแกะ มาทำอะไรสนุกๆ ตื่นเต้น ท้าทาย ที่เดอะ

เที่ยวใกล้กรุง 2 วัน 1 คืน ที่ราชบุรี อ่านเพิ่มเติม

สืบสาวราวเรื่องเมืองราชบุรี ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี

พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี อยู่ริมถนนวรเดช ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี เดิมเป็นศาลากลางจังหวัดราชบุรี สร้างในสมัยพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ตัวอาคารเป็นสถาปัตยกรรมแบบตะวันตกสวยงาม  ภายในอาคารจัดแสดงเรื่องราวเมืองราชบุรีในด้านธรณีวิทยา ประวัติศาสตร์ โบราณคดี ร่องรอยอารยธรรม และความหลากหลายชาติพันธุ์และกลุ่มชนที่สุดแห่งหนึ่ง เช่น ลาวโซ่งกะเหรี่ยง และไทย-ยวน รวมทั้งงานหัตถกรรมศิลปะพื้นบ้าน เช่น เครื่องปั้นดินเผาเครื่องหล่อ ผ้าทอ ภายในพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี จัดแสดงเป็นห้องในช่วงยุคสมัยต่าง ๆ ประกอบด้วย  ห้องที่ 1 ธรณีวิทยา แหล่งกำเนิดทรัพยากรธรรมชาติประเภทดิน หิน แร่ และตัวอย่างของซากดึกดำบรรพ์ หิน แร่ อัญมณี จากทรัพยากรธรรมชาติที่มีกำเนิด ในจังหวัดราชบุรี และรูปจำลองภูมิประเทศของจังหวัดราชบุรี ห้องที่ 2 ยุคก่อนประวัติศาสตร์ จัดแสดงร่องรอยหลักฐานของมนุษย์ในยุคแรก ๆ ที่มีการตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยในจังหวัดราชบุรี โดยโบราณวัตถุที่พบในจังหวัด เช่น เครื่องมือหิน ภาชนะดินเผา เครื่องประดับจากหินสี และโลหะ และโครงกระดูกมนุษย์  ห้องที่ 3 สมัยทวารวดี ร่องรอยวัฒนธรรมทวารวดีในช่วงพุทธศตวรรษที่ 11-15 เมืองโบราณคูบัว และทิวเขางู ห้องที่ 4 สมัยลพบุรี พบหลักฐานศิลปวัฒนธรรมเขมร ช่วงพุทธศตวรรษที่ 16-19 หลักฐานทางด้านโบราณคดี เช่น พระปรางค์ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ เมืองโบราณโกสินารายณ์ ในท้องที่อำเภอบ้านโป่ง ซึ่งเป็นแหล่งโบราณคดีสำคัญ พระโพธิสัตว์อวโลกิเตศวร เปล่งรัศมี เป็นโบราณวัตถุที่โดดเด่นของพิพิธภัณฑ์ พบที่บริเวณจอมปราสาท เมืองโบราณโกสินารายณ์ อันเป็นจำนวน 1 ใน 5 องค์ ซึ่งพบในดินแดนประเทศไทย  ห้องที่ 5 สมัยอยุธยา ระหว่างพุทธศตวรรษที่ 18-24 ชื่อเมืองราชบุรีมีปรากฏในศิลาจารึกสุโขทัยพ่อขุนรามคำแหงมหาราช หลักที่ 1 เป็นเมืองท่าสำคัญด้านตะวันตก และเมืองหน้าด่านปราการชั้นในของกรุงศรีอยุธยา เป็นสมรภูมิรบมาจนถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์ ในห้องนี้จัดทำฉากจำลองโบราณวัตถุประเภทเครื่องปั้นดินเผาชนิดต่าง ๆ ที่จมอยู่ใต้ลำน้ำแม่กลอง ห้องที่ 6 สมัยรัตนโกสินทร์ เรื่องราวในช่วง พ.ศ. 2325-2485 แสดงถึงความสำคัญของเมืองราชบุรีซึ่งเกี่ยวข้องกับพระบรมราชจักรีวงศ์ในด้านต่างๆ เช่น การเมือง การปกครอง สังคมเศรษฐกิจ การพัฒนาท้องถิ่น และกิจการเสือป่า และมีพระแสงราชศาสตราประจำมณฑลราชบุรี ซึ่งพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 โปรดเกล้าฯ พระราชทานเป็นสัญลักษณ์แทนพระองค์แก่ราษฎรจังหวัดราชบุรี และภาพถ่ายเก่าจังหวัดราชบุรีสมัยรัชกาลที่ 5-6  ห้องที่ 7 ราชบุรีในวันนี้ จัดแสดงสภาพในปัจจุบันของจังหวัดราชบุรี ทั้งทางด้านการเมือง การปกครอง สังคม เศรษฐกิจ ประชากร การประกอบอาชีพ แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญ ทั้งทางด้านวัฒนธรรม และธรรมชาติ งานศิลปหัตถกรรมพื้นเมืองที่มีชื่อเสียงของจังหวัดราชบุรี  ห้องที่ 8 วัฒนธรรมพื้นบ้าน จัดแสดงเรื่องราวประวัติความเป็นมา วิถีชีวิต และสิ่งของเครื่องใช้ที่สำคัญของชนกลุ่มต่างๆ ที่ตั้งถิ่นฐานอยู่อาศัยในจังหวัดราชบุรี โดยเฉพาะชาวไทยเชื้อสายลาวโซ่ง ชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง และชาวไทยเชื้อสายไทยวน โดยนำลักษณะเด่นทางวัฒนธรรมของแต่ละกลุ่มชนมาจัดแสดง ได้แก่ ภาพถ่ายสิ่งของเครื่องใช้ที่ใช้ในพิธี เซ่น ผีเฮือนของชาวไทยเชื้อสายลาวโซ่ง หุ่นจำลองบ้านเรือนพักอาศัยของชาวไทยเชื้อสายกะเหรี่ยง เครื่องมือเครื่องใช้ ผ้าซิ่นตีนจก ลวดลายต่างๆ ทอมาแต่โบราณของชาวไทยเชื้อสายไทยวน ห้องที่ 9 จัดแสดงผลิตภัณฑ์และกรรมวิธีการผลิตโอ่งมังกร ซึ่งเป็นผลิตภัณฑ์สัญลักษณ์สำคัญ และเป็นสินค้าที่มีชื่อเสียงของเมืองราชบุรีมาจนถึงปัจจุบัน  ห้องที่ 10 จัดแสดงเรื่องราวของนักกีฬาที่ทำชื่อเสียงให้จังหวัดราชบุรีและประเทศไทย ในการแข่งขันกีฬาประเภทและระดับต่าง ๆ โดยสื่อในการจัดแสดงเป็นรางวัลที่นักกีฬาได้รับ เช่น โล่และถ้วยเกียรติยศ เหรียญรางวัล และธงกีฬา รวมทั้งภาพถ่ายกิจกรรมการกีฬาและนักกีฬาที่มีชื่อเสียง พิพิธภัณฑ์ฯ เปิดให้บริการวันพุธ-อาทิตย์ เวลา 09.00-16.00 น. (ปิดวันจันทร์-วันอังคาร) ค่าเข้าชม ชาวไทย 20 บาท เด็กไม่เสียค่าเข้าชม ชาวต่างชาติ 30 บาท  สอบถามข้อมูล โทร. 032 321 513, 032 338 964

สืบสาวราวเรื่องเมืองราชบุรี ณ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ ราชบุรี อ่านเพิ่มเติม

ย้อนเวลา ค้นหาอดีต ณ บ้านคูบัว ราชบุรี

เรื่องราวของราชบุรีที่ยังมีอีกมากมายความเป็นเมืองเก่าของราชบุรีที่ปรากฏหลักฐานจากโบราณสถานในยุคทวารวดี และงานผ้าทอที่บ้านคูบัว จึงยังคงมีเรื่องราวเมืองราชบุรีในอดีตให้เรียนรู้กันต่อไป เพราะวันนี้โบราณสถาน โบราณวัตถุ ไม่ได้เป็นเพียงหน้าประวัติศาสตร์ของสถานที่และวัตถุที่ถูกมองผ่าน แต่ได้รับความสนใจอย่างกว้างขวาง มีการติดตาม สืบสาวราวเรื่องชนิดพลาดตกกระแสกันไม่ได้ทีเดียว ความเป็นเมืองเก่าสมัยทวารวดี โบราณสถานบ้านคูบัว ตำบลคูบัว ซึ่งพบหลักฐานทางโบราณคดีว่าดินแดนแห่งนี้เคยเป็นเมืองท่าที่เจริญรุ่งเรืองในยุคทวารวดี โดยสถาปัตยกรรมเมืองโบราณบ้านคูบัวได้รับอิทธิพลด้านศิลปะจากช่างสมัยคุปตะ ประเทศอินเดีย ปรากฏเป็นหลักฐานที่แสดงถึงพุทธศาสนาได้เข้ามาสู่ในประเทศไทยมากกว่า ๑,๐๐๐ ปี ทั้งโบราณวัตถุ เช่น เศียรพระพุทธรูป และโบราณสถาน เช่น โบราณสถานวัดโขลงสุวรรณคีรี และโบราณสถานที่อยู่ด้านหลังโรงเรียนวัดคูบัว โดยโบราณสถานเป็นฐานเจดีย์รูปสี่เหลี่ยมจัตุรัส ถัดขึ้นไปเป็นฐานบัวโค้ง ด้านบนเป็นลานประทักษิณ ชั้นที่สองเป็นฐานองค์เจดีย์ มีฐานบัวโค้งรองรับ บริเวณโบราณสถานร่มรื่นด้วยพรรณไม้ บรรยากาศสงบเย็น ยิ่งเมื่อได้อ่านเรื่องราวความเป็นมาของสถานที่มาก่อน จะชวนให้การเดินชมโบราณสถานสามารถจินตนาการย้อนสู่อดีตเมื่อครั้งที่นี่เคยรุ่งเรือง นอกจากโบราณสถาน สามารถมาชมผ้าทอโบราณบ้านคูบัวที่ จิปาถะภัณฑสถานบ้านคูบัว ตำบลคูบัว ในบริเวณวัดโขลงสุวรรณคีรี เป็นพิพิธภัณฑ์ท้องถิ่นชุมชน จัดห้องแสดงในเรื่องต่าง ๆ ๑๐ ห้อง เช่น ห้องศิลปวัตถุโบราณสมัยยุคทวารวดี ห้องหุ่นขี้ผึ้งจำลองการจัดตั้งพิพิธภัณฑ์ ห้องจัดแสดงวิถีชีวิตชุมชนไท-ยวนที่เคลื่อนย้ายจากเมืองเชียงแสน เมื่อปี พ.ศ. ๒๓๔๗ มาตั้งถิ่นฐานที่เมืองราชบุรี มีการจำลองลักษณะบ้านเรือนที่อาศัย เช่น ครัว หุ่นขี้ผึ้งหญิงกำลังคลอดและหมอตำแย หุ่นขี้ผึ้งหญิงหลังคลอดอยู่ไฟพร้อมลูกน้อย จัดแสดงการอยู่แบบครอบครัวใกล้ชิดและสั่งสอนลูกหลาน ห้องภูมิปัญญาการทอผ้าจกไท-ยวนเชียงแสน และผ้าจกไท-ยวน ที่มีอายุกว่า ๒๐๐ ปี ผ้าจกไท-ยวนมึถึง ๘ ลาย ลักษณะลวดลายคล้ายเส้นสายของเรขาคณิต และการให้สีสันของเส้นด้าย ผ้าจึงประณีตงดงามด้วยฝีมือ ห้องจัดแสดงการแต่งกายของชาติพันธุ์ต่าง ๆ ในจังหวัดราชบุรี เช่น ยวน ลาวโซ่ง ลาวเวียง มอญ กะเหรี่ยง จีน ไทยพื้นถิ่น การจัดแสดงทุกห้องมีความน่าสนใจอย่างยิ่ง เดินดูแต่ละห้องได้อย่างเพลิดเพลิน  จิปาถะภัณฑ์สถานเป็นสถานที่หนึ่งในราชบุรีที่ไม่ควรพลาดเข้าไปชม สามารถเข้าไปเยี่ยมชมได้ทุกวัน เวลา ๐๙.๐๐-๑๖.๐๐ น.

ย้อนเวลา ค้นหาอดีต ณ บ้านคูบัว ราชบุรี อ่านเพิ่มเติม

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : “เถ้าฮงไถ่”

จากโรงงานทำโอ่งมังกร สู่โรงงานเซรามิคร่วมสมัย “เถ้าฮงไถ่”  กระเบื้องเซรามิคลวดลายต่างๆ สำหรับใช้ตกแต่งอาคารบ้านเรือน ในส่วนของโรงงาน บางจุดได้เปิดให้ผู้ที่มาซื้อผลิตภัณฑ์และผู้ที่สนใจงานศิลปะเข้าเยี่ยมชมวิธีการทำและขั้นตอนการผลิต ไม่ว่าจะเป็นการนวดดิน การปั้นขึ้นรูป การเขียนลายโดยช่างผู้เชียวชาญ พร้อมกับมีงานนิทรรศการหมุนเวียนจัดแสดงผลงานให้ได้ชมกันฟรีทุกวัน ตั้งแต่เวลา 08.00-17.00 น. ภายในโรงงานมีร้านกาแฟเล็กๆ เก๋ๆ น่ารักๆ ทั้งภายนอกและด้านในตกแต่งด้วยสีสันของงานเซรามิค พามาชมข้างในโรงงานกันบ้าง หลังจากเตรียมดินสำหรับการปั้นเรียบร้อยแล้ว ก็จะนำดินมาปั้นเพื่อขึ้นเป็นรูปทรงต่างๆ ตามที่ต้องการ ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ก่อนลงลวดลายและสีสัน ขั้นตอนการลงสีและลวดลาย พาไปชมรอบนอกของโรงงาน ซึ่งมีตัวอย่างผลิตภัณฑ์เซรามิคของที่โรงงานทำไว้ และเตรียมจัดส่งให้กับลูกค้า ผลิตภัณฑ์ส่วนใหญ่ของที่โรงงานจะทำส่งตามบ้านหรือตามโรงแรมต่างๆ เพื่อประดับตกแต่งและบางอย่างก็ใช้งานได้จริงด้วย สำหรับผู้ที่สนใจสามารถดูตัวอย่างผลิตภัณฑ์หรือสอบถามเพิ่มเติมได้ที่  เว็ปไซด์ http://www.thtceramic.com/อีเมล: info@thtceramic.comโทรศัพท์ : 032-337574, 032- 323630

เพื่อนร่วมทาง พา Go Local : “เถ้าฮงไถ่” อ่านเพิ่มเติม

อยากพาเธอไปเจอ “เขา”

อุทยานหินเขางู ตั้งอยู่ที่ตำบลเกาะพลับพลา อำเภอเมือง จังหวัดราชบุรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 18.00 น. การเดินทาง– รถยนต์ จากตัวเมืองไปตามทางหลวงหมายเลข 3087 (ราชบุรี-จอมบึง-สวนผึ้ง) ห่างจากตัวเมืองราชบุรีไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือ ประมาณ 8 กิโลเมตร เมื่อถึงสี่แยกให้เลี้ยวขวา จากนั้นขับไปประมาณ 1 กิโลเมตร อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางซ้ายมือหรือจากวัดหนองหอย ใช้ทางหลวงหมายเลข 3089 อุทยานหินเขางูจะอยู่ทางขวามือ – รถโดยสาร มีรถโดยสารประจำทางจากตัวเมืองราชบุรีมายังอุทยานหินเขางู ท่ารถอยู่หน้าธนาคารออมสิน ใกล้ตลาดสนามหญ้า ริมแม่น้ำแม่กลอง พิกัด https://goo.gl/maps/48ywbyKGNR62 เมื่อมาถึงอุทยานหินเขางู สิ่งแรกที่เราจะเจอก็คือสะพานแขวนค่ะ บอกเลยว่านี่คือไฮไลท์ สะพานแขวนนี้เป็นสะพานไม้ที่ทอดยาวข้ามบึงน้ำและเชื่อมไปยังทางเดินรอบแนวทิวเขาหินปูนของเขางู ถือเป็นสัญลักษณ์ของที่นี่เลยที่เดียว ต้องห้ามพลาดที่จะถ่ายภาพเก็บไว้เป็นที่ระลึกกันนะคะ ความสวยงามของที่นี่อยู่ที่บึงน้ำขนาดใหญ่โอบล้อมด้วยภูเขาหินปูนที่ตั้งตระหง่าน เราสามารถเดินชมบึงน้ำและภูเขาได้โดยการเดินลัดเลาะไปตามทางเดินรอบบึงซึ่งทำไว้อย่างสวยงาม ระหว่างทางเพื่อนๆ ยังสามารถแวะทักทายเจ้าฝูงปลาที่แหวกว่ายไปมากันอย่างชุกชุมได้อีกด้วยค่ะ หลังจากเดินชมบรรยากาศที่สวยงามโดยรอบแล้ว เพื่อนๆ อาจจะเหนื่อยล้าและอยากนั่งพัก ภายในอุทยานแห่งนี้ก็มีศาลาพักกายพักใจไว้คอยให้เพื่อนๆ ได้ใช้หลบแดดหลบฝนกันด้วยค่ะ บริเวณพื้นโดยรอบศาลามีการนำหินชนิดต่างๆ หลากหลายสีมาประดับตกแต่งดูสวยงามแปลกตา ไม่ว่าจะถ่ายจากมุมไหนก็จะได้ภาพชิคๆ เก๋ๆ ยิ่งถ่ายมุมสูงแบบนี้แอดว่าก็สวยไม่ใช่เล่นเหมือนกันนะคะ นั่งพักจนหายเหนื่อยแล้ว แอดก็อยากจะแนะนำกิจกรรมอย่างหนึ่งที่ไม่ควรพลาดเมื่อมาเยือนอุทยานหินเขางู นั่นก็คือการปั่นเรือถีบในบึง รับลมเย็นๆ ค่ะ ถ้าได้มานั่งปั่นเรือถีบกับคนรู้ใจคงจะโรแมนติกสุดๆ เลยล่ะค่ะ เฮ้ออ…พูดแล้วก็อิจฉาคนมีคู่จริงๆ เล้ยย แต่ไม่เป็นไร แอดไม่ได้ปั่นเรือกับเค้า ก็ปั่นกับเขา(งู)ก็ได้ค่าาา ฮ่าๆๆๆ สิ่งที่น่าสนใจภายในบริเวณอุทยานหินเขางูยังไม่หมดเพียงแค่นี้ เพราะที่นี่ยังมีพระพุทธรูปปางลีลาแบบนูนต่ำขนาดใหญ่ที่สร้างโดยการยิงแสงเลเซอร์บนหน้าผาหิน ทำให้อุทยานแห่งนี้แลดูโดดเด่นยิ่งขึ้น นอกจากนี้บนภูเขาในบริเวณนี้ยังมีแหล่งท่องเที่ยวทางโบราณคดีประเภทถ้ำอยู่หลายแห่งซึ่งอยู่ไม่ไกลกัน ได้แก่ ถ้ำฤาษี ถ้ำฝาโถ ถ้ำจาม และถ้ำจีน ภายในถ้ำมีพระพุทธรูปเก่าแก่ศิลปะทวารวดีสลักอยู่บนผนังถ้ำ ถ้าเพื่่อนๆ มีเวลา ก็อยากแนะนำให้ไปเยี่ยมชมกันค่ะ แต่ต้องฟิตร่างกายกันนิดนึงนะคะ เพราะถ้ำอยู่บนเขา ต้องเดินขึ้นบันไดไปค่อนข้างสูงเลยล่ะค่ะผู้แต่ง

อยากพาเธอไปเจอ “เขา” อ่านเพิ่มเติม

สงกรานต์วิถีไทย แต่งไทยไปทำบุญ

สงกรานต์วิถีไทย แต่งไทยไปทำบุญ วัดเพชรสมุทรวรวิหาร จังหวัดสมุทรสงคราม งานนมัสการและสรงน้ำหลวงพ่อบ้านแหลม วัดเพชรสมุทรวรวิหาร วัดเพชรสมุทรวรวิหาร หรือ วัดบ้านแหลม ตำบลแม่กลอง อำเภอเมืองสมุทรสงคราม สิ่งสำคัญที่สุดของวัดคือ หลวงพ่อบ้านแหลม เป็นพระพุทธรูปปางอุ้มบาตร มีความสูง 167 เซนติเมตร สันนิษฐานว่าสร้างสมัยสุโขทัย-อยุธยาตอนต้น โดยมีการจัด งานนมัสการและสรงน้ำหลวงพ่อบ้านแหลม ช่วงสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 13-19 เมษายน ของทุกปี วัดมหาธาตุวรวิหาร จังหวัดราชบุรี วัดมหาธาตุวรวิหาร หรือ “วัดหน้าพระธาตุ” หรือ “วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ” ตำบลหน้าเมือง อำเภอเมืองราชบุรี วัดโบราณสมัยทวารวดี ซึ่งมีปรางค์ปราสาทศิลปะเขมร หรือลพบุรี และวิหารประดิษฐาน พระมงคลบุรี พระพุทธรูปปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอยุธยาตอนต้น พระพักตร์แบบสมัยสุโขทัย วัดขุนอินทประมูล จังหวัดอ่างทอง วัดขุนอินทประมูล ตำบลอินทประมูล อำเภอโพธิ์ทอง วัดสร้างในสมัยกรุงศรีอยุธยา เป็นที่ประดิษฐานพระปางไสยาสน์ ซึ่งองค์พระพุทธรูปมีขนาดใหญ่และความยาวที่สุดในประเทศไทย มีความยาวถึง 50 เมตร และมีพุทธลักษณะงดงาม พระพักตร์ยิ้มละไม ดูสงบเยือกเย็น เพียงได้ชมและสักการะพระพุทธรูปองค์นี้ก็เอิบอิ่มสุขใจ วัดท่าอิฐ จังหวัดอ่างทอง วัดท่าอิฐ อยู่บ้านท่าอิฐ ตำบลบางพลับ อำเภอโพธิ์ทอง สันนิษฐานว่าบริเวณที่ตั้งเดิมเป็นที่ปั้นและเผาอิฐเพื่อนำไปก่อสร้างวัดขุนอินทประมูล จึงเป็นที่มาของชื่อวัด มีพระพุทธรูปสำคัญ คือ หลวงพ่อเพ็ชร ประดิษฐานในพระอุโบสถ และ หลวงพ่อขาวประดิษฐานในวิหาร นอกจากนี้ มีพระธาตุเจดีย์ศรีโพธิ์ทอง สถาปัตยกรรมสวยงามโดดเด่นสีทองอร่าม ประดิษฐานพระบรมสารีริกธาตุส่วนพระศอพระพุทธเจ้า วัดไลย์ จังหวัดลพบุรี วัดไลย์ อยู่ริมน้ำบางขาม ตำบลเขาสมอคอน อำเภอท่าวุ้ง วัดโบราณสมัยกรุงศรีอยุธยาและมีพระพุทธรูปสำคัญ พระศรีอาริยเมตไตรย์ หรือ พระศรีอารย์ พระพุทธรูปปางมารวิชัย และมีการจัด งานประเพณีชักพระศรีอารย์ ในวันขึ้น 14 ค่ำ เดือน 6 ของทุกปี นอกจากนี้ ภายในวัดมีสิ่งสำคัญ เช่น พระวิหาร สถาปัตยกรรมแบบอยุธยาตอนต้น มีพระประธานปางมารวิชัย ศิลปะสมัยอู่ทองในซุ้มเรือนแก้ว มีภาพปูนปั้นประติมากรรมที่ผนังด้านนอก เรื่องทศชาติ และปฐมสมโพธิ์ อันเป็นประติมากรรมฝาผนังขนาดใหญ่ที่มีความสำคัญชิ้นหนึ่งของชาติ และพระอุโบสถ์สีทองอร่ามเรืองสวยงาม

สงกรานต์วิถีไทย แต่งไทยไปทำบุญ อ่านเพิ่มเติม

ถ้ำเขาบิน สีสันเมืองคนอาร์ต ราชบุรี

ถ้ำเขาบิน สีสันเมืองคนอาร์ต ราชบุรี…

ถ้ำเขาบิน สีสันเมืองคนอาร์ต ราชบุรี อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top