สระบุรี

สระบุรี

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จังหวัดสระบุรี

เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า เป็นศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศ ตั้งอยู่ที่จังหวัดสระบุรี ไม่ไกลจากกรุงเทพฯ ใช้เวลาเพียง 2 ชั่วโมงกว่าๆ ก็ถึงแล้ว ก่อนอื่นเลยเมื่อมาถึงแล้ว เพื่อนๆ ต้องไปลงทะเบียนที่ศูนย์บริการนักท่องเที่ยวก่อนโดยใช้บัตรประชาชนอย่างเดียว เจ้าหน้าที่ก็จะแจ้งกฏระเบียบต่างๆ ของการตั้งแคมป์และเข้าพักในบ้านพัก (บ้านพักต้องติดต่อล่วงหน้ามาก่อนนะ) ที่นี่ไม่มีค่าเข้านะคะ แล้วแต่ว่าใครอยากให้ค่าบำรุงสถานที่เท่าไหร่ก็ได้ ภายในศูนย์ฯ จะแบ่งพื้นที่ออกเป็นศูนย์บริการนักท่องเที่ยว ร้านค้าสวัสดิการ ลานกางเต็นท์ บ้านพัก ห้องน้ำและพื้นที่ป่า ติดต่อลงทะเบียนเรียบร้อยแล้ว เราหาทำเลกางเต็นท์ในคืนนี้ แอดบอกเลยว่าอุปกรณ์พร้อมมาก ตื่นเต้นสุดๆ ฮ่าๆ หลังจากที่เรากางเต็นท์เสร็จเรียบร้อย เราก็เริ่มเตรียมอาหารเย็น ทริปนี้แอดนำอุปกรณ์เครื่องครัวและวัตถุดิบมาเองค่ะ (เตาต้องมีฐานรองด้วยนะคะ ไม่อนุญาตให้จุดกับพื้นหญ้าโดยตรง เพื่อป้องกันไฟไหม้หญ้า) เมนูมื้อเย็นของแอดวันนี้มีผัดผัก หมูย่าง และข้าวโพดปิ้ง เห็นง่ายๆ แบบนี้อร่อยสุดๆ เลยนะ หมูย่างยั่วๆ จ้า ถ้าใครไม่ได้เตรียมหมูมาเอง ที่นี่มีหมูกระทะครบชุดจำหน่ายด้วยนะ สามารถสั่งได้ที่ร้านค้าสวัสดิการเลยค่ะ พร้อมทานแล้วค่ะ หมูย่างร้อนๆ กับน้ำจิ้มแจ่วรสเด็ด ท่ามกลางบรรยากาศธรรมชาติ ฟินมากก บรรยากาศช่วงเย็นก็จะประมาณนี้ ชิลสุดๆ แอดแนะนำเลย ที่นี่เหมาะแก่การพักผ่อนมาก ไม่ว่าจะมากับครอบครัว ชิลเอาท์กับแก๊งค์เพื่อนหรือจะเปลี่ยนบรรยากาศเมื่อยล้าจากการนั่งโต๊ะทำงานมาเป็นตั้งแคมป์ชิลๆ แบบแอดสักครั้ง แอดบอกเลย ไม่ว่าจะไปกางเต็นท์ที่ไหนพร็อบต้องแน่นนะคะทุกคน ทั้งไฟประดับ เทียน ธงตกแต่ง จัดเต็มกันได้เลย พอเริ่มมืดอากาศก็เริ่มเย็น เพราะช่วงนี้ยังอยู่ในฤดูฝน คืนนี้เราจะนอนดูดาวกันชิลๆ รับลมเย็นๆ ก่อนนอน เช้าแล้วๆๆ เช้านี้มีหมอกบางๆ ค่ะ เนื่องจากว่าเมื่อคืนมีฝนตกเล็กน้อย เช้านี้อากาศเลยเย็นเป็นพิเศษ  มานั่งรอพระอาทิตย์ขึ้นซะหน่อย แอบเสียดายถ้าหากมีหมอกเยอะกว่านี้คงจะสวยมากๆ  หมอกจางๆ ยามเช้า เช้านี้เราดื่มโอวัลตินร้อนๆ กับบรรยากาศเย็นๆ มื้อเช้าวันใหม่ของแอด เมนูง่ายๆ ตามวัตถุดิบที่มี บอกเลยว่าอิ่มท้องอยู่นะ วันนี้ต้องใช้พลังงานเยอะหน่อยค่ะ เพราะเราจะไปเดินป่าและชมน้ำตกกัน รอบๆ เต็นท์เรามีเพื่อนใหม่ด้วยแหละ พร้อมแล้ว ลุยกันเลย! วันนี้เราจะไปน้ำตกเจ็ดคดเหนือ ห่างจากจุดกางเต็นท์ ประมาณ 1.5 กิโลเมตร นอกจากน้ำตกเจ็ดคดเหนือแล้ว ยังมีน้ำตกเจ็ดคดกลาง เจ็ดคดใต้และเจ็ดคดใหญ่ ซึ่งระยะทางจะไกลออกไปอีกค่ะ หากจะเข้าไปชมน้ำตก สามารถเดินเข้าไปได้เลยหรือจะติดต่อเจ้าหน้าที่ให้นำทางเข้าไปก็ได้เช่นกัน นอกจากนี้ยังมีกิจกรรมอีกหนึ่งอย่างนั่นคือ ปั่นจักรยานรอบอ่างเก็บน้ำ สายลุยต้องไม่พลาดนะ วันหนึ่งฉันเดินเข้าป่า เข้าป่าทีไรจะต้องมีเพลงนี้เข้ามาในหัวทุกที ระหว่างทางก็จะเขียวๆ หน่อยเพราะเรามาในช่วงฤดูฝนพอดี ฟิน แต่ระวังกิ่งไม้แหลมๆ เกี่ยวเอาด้วยนะคะ แอดได้แผลมาแล้ว เส้นทางเดินไม่ยากค่ะ เป็นทางเรียบสลับกับขึ้นเนินบ้าง ก้อนหินเยอะพอสมควร ระมัดระวังกันด้วยนะคะ สวมรองเท้าให้รัดกุม แล้วลุยค่ะ แล้วสิ่งที่แอดแอบหวังว่าจะเจอก็เจอจนได้ “เห็ดแชมเปญ” น้องน่ารักมากเลยค่ะ รูปร่างหน้าตาเหมือนถ้วยเล็กๆ คล้ายกับแก้วแชมเปญ สีแดงอมส้ม สวยๆๆ  เห็ดแชมเปญพบเห็นได้ในช่วงฤดูฝนหรือจุดที่มีความชื้นสูง หากใครเจอแล้วก็อย่าไปจับหรือแตะต้องนะคะ เพื่อให้น้องอยู่กับธรรมชาติไปนานๆ ความจริงแล้วที่นี่สามารถมาเที่ยวได้ตลอดปีเลยนะคะ แต่ละฤดูก็จะมีสภาพอากาศและสิ่งแวดล้อมแตกต่างกันไป  ถึงแล้วจ้า น้ำตกเจ็ดคดเหนือ ช่วงนี้พอมีน้ำบ้างแล้วค่ะ สามารถเล่นน้ำได้ แต่ต้องระมัดระวัง ดูแลตัวเองกันด้วยนะคะ บริเวณนี้จะมีโขดหินเล็กๆ น้อยๆ อยู่บ้าง อาจเกิดอันตรายและมีบาดแผลได้ นอกจากกางเต็นท์และเดินป่าแล้ว พื้นที่ป่าเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า ยังเหมาะสำหรับส่องสัตว์อีกด้วย เนื่องจากเป็นพื้นที่รอยต่อกับอุทยานแห่งชาติเขาใหญ่นั่นเอง มองไปทางไหนก็เขียวไปหมด แอดเป็นประเภทธรรมชาติเลิฟเวอร์ หลายๆ คนก็คงเป็นแบบแอดเหมือนกัน ใช่มั้ย? การหาเวลาพักผ่อนและเติมพลังให้ตัวเอง มันเป็นสิ่งที่ดีมากๆ เลยเนอะ แค่ได้มาอยู่กับเพื่อนๆ ธรรมชาติ และผู้คนที่ไลฟ์สไตล์เหมือนกัน แค่นี้ก็สุดยอดแล้ว  ค่าบริการ เช่าเต็นท์– เต็นท์หลังละ 300 บาท สำหรับ 2 คน– ผ้าห่ม 50 บาท– ถุงนอน 50 บาท– แผ่นรองนอน 50 บาท– หมอน 20 บาท บ้านพักราคาเริ่มต้น 800 – 1,500 บาท/หลัง เตาปิ้งย่างราคาเตาละ 50 บาท มีค่ามัดจำ 50 บาท สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมโทร.089 801 4932, 065 342 8282 บอกเลยว่าใครไปตรงกับวันหยุด ไม่มีเหงาแน่นอนเพราะเพื่อนๆ กางเต็นท์เพียบค่ะ พูดมาซะเยอะ เตรียมแพ็คกระเป๋าแล้วออกไปลุยกันเลย!! เผยแพร่ใน Facebook : TAT Contact Center เพื่อนร่วมทาง วันที่ 29 กรกฎาคม 2562

ศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จังหวัดสระบุรี อ่านเพิ่มเติม

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง

วันนี้แอดมีตัวอย่างเส้นทาง “2 วัน 1 คืน สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง” มาฝาก เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสั้นๆ เหมาะสำหรับไปกับครอบครัว ซึ่งสถานที่ที่เลือกมาส่วนใหญ่เป็นสถานที่เปิด มีพื้นที่กว้างขวาง อากาศถ่ายเทสะดวก แต่ก็ต้องอย่าลืมที่จะ social distancing เว้นระยะห่างทางสังคม ปฏิบัติตัวตามวิถี New Normal ให้ชิน เพื่อเป็นการรักษาสุขอนามัยที่ดีของตนเองและผู้อื่นด้วย วันที่ 1– วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี– วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จ.สระบุรี– ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี– พระปรางค์สามยอด จ.ลพบุรี– วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี วันที่ 2– พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี– บ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ จ.ลพบุรี– ร้านกระเพรา & coffee จ.ลพบุรี เริ่มกันที่ วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่เชิงเขาปถวี (ปฐวี) ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี ตามประวัติไม่ปรากฏแต่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าราว พ.ศ.2163-2171 ภายหลังจากที่มีการค้นพบรอยพระพุทธบาทที่ อ.พระพุทธบาท แล้ว พระเจ้าทรงธรรมก็ได้มีรับสั่งให้ค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแห่ง และได้พบพระพุทธฉาย ณ ที่แห่งนี้ ในสมัยพระเจ้าเสือมีการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธฉายเอาไว้ ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา พระพุทธฉาย หรือรอยพระพุทธรูป มีลักษณะเป็นภาพสีแดงคล้ายพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีรอบพระวรกาย อยู่บริเวณเชิงเขาปถวี พระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ได้เคยเสด็จมานมัสการพระพุทธฉายแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมาที่นี่ และทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ณ บริเวณผาด้านทิศตะวันตกของมณฑปพระพุทธฉาย นอกจากนี้ยังมีพระนามาภิไธยของพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ ซึ่งยังคงปรากฏชัดเจนจนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากนั้นด้านบนยอดเขายังเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ 360 องศาเลย วัดพระพุทธฉายที่ตั้ง ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรีเปิดทุกวันวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 08.00-18.00 นพิกัด https://goo.gl/maps/fxRaGQCJEtLKNiVGA สถานที่ต่อมาคือ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2167 หลังจากที่ได้มีการค้นพบ “รอยพระพุทธบาทบนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี” ซึ่งพระเจ้าทรงธรรมทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่มีลวดลายมงคล 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ หลังจากนั้นก็ได้เสด็จมานมัสการเรื่อยมาจนกลายเป็นประเพณี และวัดพระพุทธบาทก็ได้รับการทำนุบำรุงตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ตามคติโบราณกล่าวไว้ว่า หากได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ครบ 7 ครั้ง จะได้ไปจุติยังสรวงสวรรค์ และแม้แต่ในชาติภพนี้ อานิสงส์ผลบุญก็จะส่งให้ชีวิตมีแต่ความสำเร็จสมหวังทุกประการ เทศกาลประเพณี– งานนมัสการรอยพระพุทธบาท จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือ ระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 3 และระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 4 – งานตักบาตรดอกไม้ จัดขึ้นในวันเข้าพรรษาของทุกปี ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารที่ตั้ง เขาสุวรรณบรรพต อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/DccHGR5T2nhuNDiW7  จากนั้นก็เข้าเมืองลพบุรีกัน มาลพบุรีทั้งทีถ้าไม่แวะไปศาลพระกาฬถือว่ามาไม่ถึงถิ่น เพราะที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี ศาลพระกาฬ เป็นเทวสถานขอมเก่าแก่ที่สร้างด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่บนฐานสูง ผู้คนจึงเรียกกันว่า “ศาลสูง” ภายในเป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬ ซึ่งมีลักษณะเป็นเทวรูปประทับยืน ทำด้วยศิลา สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึกแปดเหลี่ยมอักษรมอญโบราณอีกด้วย บริเวณโดยรอบศาลพระกาฬ เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าฝูงลิงน้อยใหญ่ ที่จะคอยเข้ามาทักทายและขออาหารจากนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ ศาลพระกาฬที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 05.30-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/SdxeVMFywrF2 ไปต่อกันที่ พระปรางค์สามยอด ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดเลยก็ว่าได้ มีลักษณะเป็นปราสาทศิลาแลงเรียงต่อกัน 3 องค์ ศิลปะขอมแบบบายน ด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีวิหารที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ปางสมาธิ พระปรางค์สามยอดถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี พระปรางค์สามยอดที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-18.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/TGwHQS4nrBz ปิดท้ายวันแรกกันที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี วัดนี้ไม่มีประวัติการสร้างแน่ชัด แต่นักวิชาการสันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ “ปรางค์ประธาน” ซึ่งนับเป็นปรางค์รุ่นแรกที่พัฒนามาจากปราสาทแบบขอม และยังเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในลพบุรีอีกด้วย “วิหารหลวง” สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นวิหารขนาดใหญ่ที่ผสมผสานศิลปะแบบไทยและตะวันตกเข้าด้วยกัน สังเกตได้จากหน้าต่างที่มีลักษณะโค้งแหลมแบบศิลปะโกธิค นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจดีย์และปรางค์หลากหลายรูปแบบซึ่งยังคงสภาพดีหลงเหลือให้ชมอยู่ ปรางค์ประธานองค์นี้ ยังได้รับการยกย่องจากสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ให้เป็น 1 ใน “8 จอมเจดีย์แห่งสยาม” อีกด้วย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-16.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/yu7cFNdweaE1eb3f6 วันที่ 2 เริ่มต้นกันที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ช่วงที่ละครบุพเพสันนิวาสกำลังมาแรงนั้น มีคนเดินทางมาตามรอยละครที่นี่กันเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดเกล้าฯ

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง อ่านเพิ่มเติม

สวนบิ๊กเต้ : Big Tae Garden

ที่มาของชื่อสวนบิ๊กเต้ ก็มาจากชื่อเจ้าของคือ คุณเต้ นั่นเอง ง่ายๆ แค่นี้ล่ะ แหม แอดก็คิดว่าเจ้าของสวนจะเป็นคุณลุงซะอีก จริงๆ แล้วคุณเต้ยังหนุ่มอยู่เลยนะ  สวนบิ๊กเต้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ปลูกดอกเบญจมาศมานานกว่า 10 ปี แต่เพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชมเมื่อ พ.ศ.2559 ซึ่งสามารถชมได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ ที่นี่มีดอกเบญจมาศมากกว่า 30 สายพันธุ์ แบ่งแปลงปลูกออกเป็นแถวตอนลึก แต่ละแถวแยกเป็นดอกเบญจมาศสีสันต่างๆ อย่างสวยงาม มีทั้งขาว ชมพู เหลือง และแดง การออกดอกของเบญจมาศ ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ถึงจะโตเต็มที่ โดยต้องอยู่ในพื้นที่ที่แดดส่องถึง เรียกได้ว่าเป็นดอกไม้ที่ชอบแสงแดดสุดๆ และต้องรดน้ำวันละ 2 ครั้ง คือช่วงสายและเย็นค่ะ ชุ่มฉ่ำสุดๆ บอกกล่าวเผื่อใครยังไม่รู้ ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง “บัลลังก์ดอกไม้” ด้วยล่ะ แฟนคลับของมาริโอ้และเต้ย จรินทร์พร ต้องไม่พลาดมาเยี่ยมชมนะ เวลาเพื่อนๆ เดินเข้าไปถ่ายรูปในแปลงดอกไม้ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่าไปเด็ดหรือสัมผัสดอกไม้แบบแรงๆ นะคะ เพราะดอกไม้ในสวนจะต้องตัดไปขายค่ะ เดี๋ยวเค้าขายไม่ได้ล่ะแย่เลย  บ้านไหนมีเด็กๆ ไปก็ต้องจับกันไว้ให้ดีนะ เพราะพื้นที่ในสวนค่อนข้างกว้างพอสมควร เดี๋ยวพลัดหลงกันจ้า ค่าเข้าชม คนละ 20 บาทเท่านั้น  โดยบัตร 1 ใบจะได้ส่วนลดเครื่องดื่ม 5 บาทด้วยนะ จะสั่งเครื่องดื่มก่อนเข้าไปชมสวน หรือออกมาแล้วค่อยสั่งก็ได้ ได้ส่วนลดก็ใช้สิคะ รออะไร จัดไปชาเขียว 1 แก้ว สวนบิ๊กเต้ – BigTae Garden ที่ตั้ง : 213 หมู่ 5 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.30 น.โทร. 081 878 4569

สวนบิ๊กเต้ : Big Tae Garden อ่านเพิ่มเติม

Cafe Dé Forest : ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์น

Cafe Dé Forest : ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์น จังหวัดสระบุรีบ้านไร่ใบเฟิร์น จ.สระบุรี by Yunsita & Mam ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์นแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างทางไปศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จิบกาแฟเสร็จก็สามารถไปปิกนิกหรือกางเต็นท์พักแรมต่อกันได้  การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ตรงไปจังหวัดสระบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าเข้าตำบลทับกวาง และกลับรถตรงสะพานเกือกม้าหน้าเทศบาลทับกวาง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบท 1003 (เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า) เลยเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแก่งคอยประมาณ 200 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ จากบ้านไม้หลังใหญ่ ได้รับการรีโนเวทให้กลายเป็นร้านกาแฟสุดฮิปชิค แบ่งเป็น 2 ชั้น พร้อมมุมถ่ายรูปอีกเพียบ แค่หน้าร้านก็แชะภาพได้เยอะเลยล่ะ นอกจากนี้ที่นี่เค้ายังเปิดให้มากางเต็นท์พักแรมริมลำธารได้ด้วยนะ บรรยากาศดีมากๆ เลย แอบเสียดายที่วันที่แอดไปมีฝนตก ท้องฟ้าก็เลยดูขมุกขมัวเล็กน้อย แต่ก็ทำให้อากาศเย็นสบายมากเลยค่ะ ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวคงจะฟินน่าดู สงสัยต้องมาจัดอีกสักรอบแล้ว ชั้นล่างบริเวณใต้ถุนบ้านมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้ โซฟา แม้แต่ชิงช้าหรือเปลญวนก็มี ภายในร้านตกแต่งแนววินเทจ มีรูปถ่าย ของกระจุกกระจิกน่ารักๆ ที่มุมนั้นมุมนี้เต็มไปหมด ดูแล้วเข้ากัน ลงตัวไปหมดทุกอย่าง ส่วนที่ชั้น 2 ก็มีระเบียงให้ชมวิวภูเขาด้านหลังร้านด้วย วิวดีมากๆ เลย  ร้านเปิดแค่วันเสาร์-อาทิตย์ จึงทำให้มีผู้มาเยือนเเน่นร้านเลยล่ะ ได้ยินเจ้าของร้านเปรยๆ ว่า เร็วๆ นี้อาจจะเปิดวันธรรมดาด้วย ยังไงก็รอติดตามกันต่อไปนะคะ ^^ ขึ้นมาชั้น 2 ของร้านกันบ้าง ใครชอบถ่ายรูปบอกเลยว่า 5 นาทีจัดไป 20-30 ภาพแน่นอน มองไปก็เห็นวิวภูเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมที่นั่งเก๋ๆ จิบกาแฟกันได้เพลินๆ เลย มาฝากท้องมื้อหนักที่นี่ได้ เพราะเค้ามีทั้งอาหารคาวและเครื่องดื่มให้บริการ ทุกเมนูเจ้าของร้านทำเองและยังเสิร์ฟเองอีกด้วย เป็นกันเองสุดๆ เหมือนมาเที่ยวบ้านญาติจริงๆ เลย ^^

Cafe Dé Forest : ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์น อ่านเพิ่มเติม

ล้มบนฟูก Home&Cafe @สระบุรี

บ้านล้มบนฟูก Home & Cafe ร้านเเบ่งเป็น 2 โซน ในส่วนของ Indoor จะเป็นโซนห้องแอร์ กว้างขวาง มีเคาน์เตอร์สำหรับสั่งขนมและเครื่องดื่มต่างๆ ใครอยากนั่งชิลแบบเย็นฉ่ำก็เลือกนั่งกันได้สบายๆ เลย แต่สำหรับไฮไลท์ของที่นี่ต้องโซนถัดไปเลยค่ะ โซน outdoor บรรยากาศร่มรื่นใต้ต้นจามจุรี ริมแม่น้ำป่าสัก พร้อมฟูกและหมอนสามเหลี่ยมสีฟ้าสดใส ที่มาของชื่อร้าน “ล้มบนฟูก” นั่นเอง แค่เห็นก็น่าล้มตัวลงไปนอนมากๆ แล้ว จะนั่งหรือจะนอนก็ทำได้ตามสบาย สมกับเป็นสถานที่รวมพลคนขี้เกียจจริงๆ เลยค่ะ ฮ่าๆๆ  ใครอยากชิลเงียบๆ แนะนำมาวันธรรมดาค่ะ ถ้ามาวันหยุดขอบอกว่าเต็มทุกที่นั่งเลยล่ะ พระเอกของเรามาแล้ว มะม่วงน้ำดอกไม้ ครัมเบิ้ลเค้ก บอกเลยว่ามันดีต่อพุงอะค่ะ ^^ หอม เปรี้ยว หวาน กลมกล่อมกำลังดี ถ้าใครมาที่นี่ต้องลองสั่งมาทานกันดูนะคะ รับรองติดใจแน่นอน.สำหรับเมนูขนมอื่นๆ ยังมีให้ได้ลองกันอีกหลายเมนู เช่น ครัวซองต์แฮมชีส / มัลฟินฟักทองแอลมอนด์ / เค้กกล้วยน้ำว้าตาก และอิงลิชสโตน แยมมะม่วงหาวมะนาวโห่  ส่วนเมนูเครื่องดื่มที่เราสั่งมานั้นก็คือ ชาวานิลลาลูกตาลเชื่อม ชากลิ่นวานิลลามีลูกตาลเป็นท้อปปิ้ง มีเนื้อให้เคี้ยวเล่นหนึบหนับ รสชาติไม่จนหวานเกินไป เมนูนี้แนะนำเลย ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมนูที่อยากให้เพื่อนๆ มาลิ้มลองยังมีอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ น้ำตะไคร้ว่านหางจระเข้ น้ำมะตูมน้ำผึ้ง และน้ำผึ้งมะนาว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟ ก็มีให้เลือกหลายสไตล์ อย่างแก้วนี้ชื่อว่า “ป้าเพ็ญ” ไม่ใช่ชื่อของผู้ใดทั้งสิ้นแต่เป็นชื่อเมนูต่างหาก เป็นกาแฟดำ + นม ก็จะได้ความมันของนมผสมกับกาแฟสกัดเย็น นอกจากนั้นก็ยังมีเมนูกาแฟชื่อเก๋อีก เช่น “ลุงหนวด” เป็นกาแฟดำล้วน “น้องกิ๊ฟ” เป็นกาแฟ + นม + คาราเมล เจ้าถิ่นหลับปุ๋ย ^^ ดูบรรยากาศ…ชิลแค่ไหนคิดดู สบายสุด ^^

ล้มบนฟูก Home&Cafe @สระบุรี อ่านเพิ่มเติม

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น”

ฤดูฝนเป็นฤดูแห่งการทำนา ในระหว่างเข้าพรรษาพระภิกษุสงฆ์จะต้องจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อไม่ให้ไปเดินเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวนาเสียหาย และเนื่องจากสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านจึงหล่อเทียนขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อถวายให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้ในการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ยามค่ำคืนตลอดช่วงเวลาของการเข้าพรรษา การนำเทียนไปถวายนั้น จะให้เดินไปถวายแบบปกติมันก็จะธรรมดาไป โลกไม่จำค่ะ ชาวบ้านจึงจัดขบวนแห่กันอย่างเอิกเกริกสนุกสนาน และปฏิบัติสืบทอดกันมาจนกลายเป็นประเพณีอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ค่ะ ถ้าพูดถึงประเพณีแห่เทียนพรรษาแล้ว จังหวัดแรกที่นึกถึงคงหนีไม่พ้น จ.อุบลราชธานี เพราะที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องการแกะสลักเทียนเป็นรูปต่างๆ อย่างวิจิตรงดงาม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ในวรรณคดี บุคคลสำคัญในช่วงเวลานั้นๆ และอื่นๆ อีกมากมาย  งาน “ฮีตศรัทธาราชธานีแห่งแสงเทียน” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 28 กรกฎาคม 2561 ภายในงานจะมีกิจกรรมการแสดง แสง สี เสียงสุดอลังการ โดยขบวนแห่จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน – แห่เทียนกลางคืน ในช่วงค่ำของวันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีขบวนแห่เทียนและการแสดงประกอบแสงเสียง เรื่อง “เกิดแต่อุบล” บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม โดยวันที่ 27 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 19.00-20.30 น. ส่วนวันที่ 28 กรกฎาคม เริ่มประมาณ 18.00 น. – แห่เทียนกลางวัน วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 จุดเริ่มต้นขบวนจะอยู่บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม เริ่มตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไปค่ะ “มหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง” ถือเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่ชาวสุรินทร์ภาคภูมิใจ เพราะเป็นวัฒนธรรมการแห่เทียนที่ยิ่งใหญ่และไม่เหมือนใคร ตักบาตรบนหลังช้างทำยังไง? ทำได้ด้วยเหรอ? ถ้าอยากรู้ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองนะคะ^^  งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2561 กิจกรรมภายในงานมีดังนี้ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ชมริ้วขบวนแห่เทียนพรรษา ขบวนฟ้อนรำศิลปวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับขบวนแห่ช้างกว่า 80 เชือก  วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น. จะมีกิจกรรมทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวางค่ะ โคราช เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการจัดงานแห่เทียนเข้าพรรษาที่มีความสวยงามและอลังการไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยค่ะ โดยมีการจัดงานทั้งหมด 3 ที่ ได้แก่ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 จะมีการแห่เทียนพรรษาของอำเภอโชคชัยและอำเภอพิมายค่ะ (เริ่มแห่ตั้งแต่ประมาณ 13.00 น. เป็นต้นไป) โดยจะเป็นการประกวดต้นเทียนพรรษา เมื่อได้ผู้ชนะของแต่ละอำเภอแล้วทั้งหมดก็จะไปรวมตัวกันบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีค่ะ  งานแห่เทียนพรรษาที่อำเภอโชคชัย ใช้ชื่องานว่า “เทศกาลกินหมี่ ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอโชคชัย” ส่วนที่อำเภอพิมายใช้ชื่องานว่า “ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอพิมาย” ภายในงานของทั้ง 2 อำเภอจะมีมหรสพการแสดง และกิจกรรมต่างๆ มากมายค่ะ วันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีการจัด “งานแห่เทียนพรรษาโคราช” ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เป็นการแห่เทียนพรรษาสุดยิ่งใหญ่ของชาวโคราชค่ะ (ขบวนแห่เริ่มวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.00 น.) โดยจะนำต้นเทียนพรรษาที่ชนะจากทั้ง 2 อำเภอมาแห่ และจัดแสดงให้ชมกันค่ะ  นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดง แสง สี เสียง รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ของดีเมืองโคราช สินค้าโอท็อปต่างๆ มาให้เพื่อนๆ ได้เลือกชอปเลือกชิมกันตลอดงานเลยค่ะ “ประเพณียายดอกไม้” ครั้งแรกที่แอดได้ยิน็ถึงกับงงเลยทีเดียว ว่านี่คือประเพณีอะไร? ประเพณียายดอกไม้เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดสิงห์บุรีค่ะ คำว่า “ยาย” นั้นเพี้ยนมาจาก คำว่า “หย่าย” ในภาษาลาว แปลว่า การแจกจ่ายหรือการให้ คำว่า “ยายดอกไม้” จึงหมายถึงการให้ หรือถวายดอกไม้แด่พระสงฆ์ เพื่อนำไปบูชาพระพุทธเจ้านั่นเองค่ะ  และในปีนี้ชาวจังหวัดสิงห์บุรีก็ได้จัดงานนี้ขึ้น ภายใต้ธีม “ตักบาตรยายดอกไม้ นุ่งซิ่นไทย-ลาวเวียง” ณ วัดจินดามณี จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น.  ภายในงานมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น การทอดผ้าป่าดอกไม้ ถวายเทียนพรรษา ชิมอาหารถิ่นสิงห์บุรี ชมการแสดงเต้นบาสโลป และอื่นๆ อีกมากมาย แอดอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับบรรยากาศวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่ดูนะคะ ว่าจะมีความงดงามแตกต่างจากวัฒนธรรมที่เพื่อนๆ คุ้นเคยมากน้อยแค่ไหนค่ะ ^^ สำหรับใครที่คิดว่าการแห่เทียนพรรษาทางบกธรรมดาไป ต้องมางานนี้เลยค่ะ “ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำ” ณ คลองลาดชะโด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในอยุธยา  งานจัดขึ้นในวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 โดยจะเริ่มแห่ประมาณ 11.00 น. กิจกรรมภายในงานจะมีการประกวดบ้านสวนริมคลอง การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านลาดชะโด การจัดแสดงภาพถ่ายวิถีชีวิตชาวลาดชะโด การจำลองบรรยากาศตลาดน้ำย้อนยุค และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังจะได้สัมผัสวิถีชีวิตบ้านริมน้ำอีกด้วยนะคะ “ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2561 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารจ.สระบุรี ซึ่งเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของ จ.สระบุรี นับเป็นประเพณีที่แปลกไม่เหมือนใคร และมีเพียงแห่งเดียวอีกด้วย  โดยในยามเช้าพระสงฆ์จะเดินรับบิณฑบาตรจากพุทธศาสนิกชน ซึ่งจะนำดอกไม้ชนิดหนึ่งมาใส่บาตร ดอกไม้ชนิดนี้จะบานในช่วงเข้าพรรษาพอดี จึงได้ชื่อว่า “ดอกเข้าพรรษา” ค่ะ เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจจะไม่รู้จักดอกไม้ชนิดนี้ และแอบไปเสิร์ชหารูปจากอินเตอร์เน็ตดู แต่เชื่อเถอะค่ะว่ายังไงก็ไม่สวยเท่าไปเห็นด้วยตาตัวเองหรอกนะคะ ต้องลองไปสัมผัสดูค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่อยากเดินทางไปต่างจังหวัด วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่จัดกิจกรรมเข้าพรรษาค่ะ

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น” อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำความสำเร็จ

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำความสำเร็จ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ ความสำเร็จ…มักจะเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ใครๆ ก็อยากจะไปให้ถึง ธรรม(ดา) พาทัวร์ อาทิตย์นี้ แอดมินจึงอยากแนะนำสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เมื่อเราไปไหว้พระขอพรแล้วนั้น อานิสงส์จะหนุนนำ ส่งเสริมเรื่องความสำเร็จทั้งปวง แฟนเพจท่านไหนเคยไปสถานที่ใดแล้วประสบผลดังใจหวัง มาคอมเม้นใต้ภาพ บอกต่อกับเพื่อนๆได้เลยนะ อยากไปทำบุญกับใคร กด Like กด Share กด Tag แล้วไปทำบุญกันน ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ 108 เส้นทางออมบุญ จัดทำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเดินทางครั้งต่อไป อย่าลืมให้เราเป็น “เพื่อนร่วมทาง” ไปกับคุณสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1672 วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี ตามคติของคนโบราณกล่าวไว้ว่า หากได้มานมัสการรอยพระพุทธบาท ครบ 7 ครั้ง จะได้ไปจุติในสรวงสวรรค์ แม้แต่ในชาติภพนี้ อานิสงส์ผลบุญจะส่งให้ชีวิตมีความสำเร็จสมหวังในทุกประการ งานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ปกติจัดปีละ 2 ครั้ง คือขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร มีความเชื่อที่ว่า หากได้มาสักการะพระประธานในพระอุโบสถ และพระรูปของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทที่วัดชนะสงคราม จะทำให้มีชัยชนะเหนือศัตรูและผ่านพ้นอุปสรรคทั้งปวงไปได้ รวมทั้งชีวิตนั้นจะประสบกับความสำเร็จสมตามความมุ่งมาดปรารถนา ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 3 เล่ม และดอกบัว สำหรับสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ไหว้ด้วยธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม พร้อมด้วยดอกบัว 1 ดอก วัดพระแก้ว เชียงราย ชาวเชียงรายนิยมมาไหว้พระทำบุญที่วัดพระแก้วนี้ และนมัสการรอยทางอันศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์พระแก้วมรกต รวมทั้งยังมาสักการะพระหยกเชียงรายและพระเจ้าล้านทอง เพื่อขอพรให้เกิดความเป็นสิริมงคล ประสบความสำเร็จ มีความรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป ในช่วงวันมาฆบูชา จะมีงานประเพณีแห่โคมไฟไหดอก โดยมีขบวนแห่โคมไฟไหดอกเคลื่อนไปถวายตามวัดต่างๆ ภายในเขตเทศบาลเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา รวมทั้งวัดพระแก้วเชียงรายแห่งนี้ด้วย  วัดสังกัสรัตนคีรี อุทัยธานี ชาวอุทัยธานีเชื่อกันว่า หากได้มากราบไหว้ขอพรพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ที่วิหารนมัสการพระพุทธบาท และสักการะพระราชานุสาวรีย์ปฐมบรมราชชนกบนยอดเขาสะแกกรังนี้แล้ว อานิสงส์ที่ได้คือ ความเป็นสิริมงคล ความสำเร็จสมหวังในความปรารถนา ประสบแต่ความสุขความรุ่งเรืองในชีวิต เทศกาล งานประเพณี งานตักบาตรเทโววัดสังกัสรัตนคีรี ในวันออกพรรษาของทุกปี จะมีพระสงฆ์กว่า 300 รูป ออกบิณฑบาตโดยเดินลงบันไดกว่า 400 ขั้น จากยอดเขาสะแกกรัง นับเป็นงานตักบาตรเทโวที่สวยงาม และยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วัดบูรพาภิราม ร้อยเอ็ด ชาวร้อยเอ็ดถือว่าพระเจ้าใหญ่นั้นเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ที่คอยปกป้อง คุ้มครองชาวร้อยเอ็ด ให้มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข  ด้วยความสูงขององค์พระทำให้เกิดความเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้ จะได้อานิสงส์สูงเทียมเมฆเทียมฟ้า ทำการสิ่งใดก็สำเร็จผลด้วยประการทั้งปวง

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำความสำเร็จ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top