สระบุรี

สระบุรี

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง

วันนี้แอดมีตัวอย่างเส้นทาง “2 วัน 1 คืน สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง” มาฝาก เป็นเส้นทางท่องเที่ยวสั้นๆ เหมาะสำหรับไปกับครอบครัว ซึ่งสถานที่ที่เลือกมาส่วนใหญ่เป็นสถานที่เปิด มีพื้นที่กว้างขวาง อากาศถ่ายเทสะดวก แต่ก็ต้องอย่าลืมที่จะ social distancing เว้นระยะห่างทางสังคม ปฏิบัติตัวตามวิถี New Normal ให้ชิน เพื่อเป็นการรักษาสุขอนามัยที่ดีของตนเองและผู้อื่นด้วย วันที่ 1– วัดพระพุทธฉาย จ.สระบุรี– วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร จ.สระบุรี– ศาลพระกาฬ จ.ลพบุรี– พระปรางค์สามยอด จ.ลพบุรี– วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ จ.ลพบุรี วันที่ 2– พระนารายณ์ราชนิเวศน์ จ.ลพบุรี– พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ สมเด็จพระนารายณ์ จ.ลพบุรี– บ้านเจ้าพระยาวิชาเยนทร์ จ.ลพบุรี– ร้านกระเพรา & coffee จ.ลพบุรี เริ่มกันที่ วัดพระพุทธฉาย ตั้งอยู่ที่เชิงเขาปถวี (ปฐวี) ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรี ตามประวัติไม่ปรากฏแต่ชัดว่าสร้างขึ้นเมื่อใด แต่สันนิษฐานว่าราว พ.ศ.2163-2171 ภายหลังจากที่มีการค้นพบรอยพระพุทธบาทที่ อ.พระพุทธบาท แล้ว พระเจ้าทรงธรรมก็ได้มีรับสั่งให้ค้นหารอยพระพุทธบาทตามภูเขาทุกแห่ง และได้พบพระพุทธฉาย ณ ที่แห่งนี้ ในสมัยพระเจ้าเสือมีการสร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธฉายเอาไว้ ซึ่งได้รับการบูรณปฏิสังขรณ์เรื่อยมา พระพุทธฉาย หรือรอยพระพุทธรูป มีลักษณะเป็นภาพสีแดงคล้ายพระพุทธเจ้าที่มีรัศมีรอบพระวรกาย อยู่บริเวณเชิงเขาปถวี พระมหากษัตริย์และเชื้อพระวงศ์หลายพระองค์ ตั้งแต่สมัยอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ได้เคยเสด็จมานมัสการพระพุทธฉายแห่งนี้ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 5 ได้เสด็จมาที่นี่ และทรงจารึกพระปรมาภิไธยย่อ จปร. ณ บริเวณผาด้านทิศตะวันตกของมณฑปพระพุทธฉาย นอกจากนี้ยังมีพระนามาภิไธยของพระบรมวงศานุวงศ์อีกหลายพระองค์ ซึ่งยังคงปรากฏชัดเจนจนถึงปัจจุบันนี้ นอกจากนั้นด้านบนยอดเขายังเป็นที่ประดิษฐานรอยพระพุทธบาทเบื้องขวาของพระพุทธเจ้า และเป็นจุดชมวิวที่สามารถมองเห็นได้ 360 องศาเลย วัดพระพุทธฉายที่ตั้ง ต.หนองปลาไหล อ.เมือง จ.สระบุรีเปิดทุกวันวันจันทร์-ศุกร์ ตั้งแต่ 08.00-17.00 น.วันเสาร์-อาทิตย์ และวันหยุดนักขัตฤกษ์ ตั้งแต่ 08.00-18.00 นพิกัด https://goo.gl/maps/fxRaGQCJEtLKNiVGA สถานที่ต่อมาคือ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร ตั้งอยู่ที่ ต.ขุนโขลน อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรี สร้างขึ้นเมื่อปี พ.ศ.2167 หลังจากที่ได้มีการค้นพบ “รอยพระพุทธบาทบนแผ่นดินเหนือไหล่เขาสุวรรณบรรพต หรือเขาสัจจพันธคีรี” ซึ่งพระเจ้าทรงธรรมทรงเห็นว่าเป็นรอยพระพุทธบาทที่มีลวดลายมงคล 108 ประการ จึงโปรดเกล้าฯ ให้สร้างมณฑปครอบรอยพระพุทธบาทไว้ หลังจากนั้นก็ได้เสด็จมานมัสการเรื่อยมาจนกลายเป็นประเพณี และวัดพระพุทธบาทก็ได้รับการทำนุบำรุงตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยาจนถึงปัจจุบัน ตามคติโบราณกล่าวไว้ว่า หากได้มานมัสการรอยพระพุทธบาทแห่งนี้ครบ 7 ครั้ง จะได้ไปจุติยังสรวงสวรรค์ และแม้แต่ในชาติภพนี้ อานิสงส์ผลบุญก็จะส่งให้ชีวิตมีแต่ความสำเร็จสมหวังทุกประการ เทศกาลประเพณี– งานนมัสการรอยพระพุทธบาท จัดขึ้นปีละ 2 ครั้ง คือ ระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 3 และระหว่างวันขึ้น 8 ค่ำ – แรม 1 ค่ำ เดือน 4 – งานตักบาตรดอกไม้ จัดขึ้นในวันเข้าพรรษาของทุกปี ตรงกับวันแรม 1 ค่ำ เดือน 8 วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารที่ตั้ง เขาสุวรรณบรรพต อ.พระพุทธบาท จ.สระบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 06.00-18.00 น.พิกัด https://goo.gl/maps/DccHGR5T2nhuNDiW7  จากนั้นก็เข้าเมืองลพบุรีกัน มาลพบุรีทั้งทีถ้าไม่แวะไปศาลพระกาฬถือว่ามาไม่ถึงถิ่น เพราะที่แห่งนี้เปรียบเสมือนสถานที่ศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองลพบุรี ศาลพระกาฬ เป็นเทวสถานขอมเก่าแก่ที่สร้างด้วยศิลาแลง ตั้งอยู่บนฐานสูง ผู้คนจึงเรียกกันว่า “ศาลสูง” ภายในเป็นที่ประดิษฐานเจ้าพ่อพระกาฬ ซึ่งมีลักษณะเป็นเทวรูปประทับยืน ทำด้วยศิลา สันนิษฐานว่าเป็นเทวรูปพระนารายณ์ นอกจากนี้ยังมีศิลาจารึกแปดเหลี่ยมอักษรมอญโบราณอีกด้วย บริเวณโดยรอบศาลพระกาฬ เป็นที่อยู่อาศัยของเหล่าฝูงลิงน้อยใหญ่ ที่จะคอยเข้ามาทักทายและขออาหารจากนักท่องเที่ยวอยู่เป็นประจำ ศาลพระกาฬที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 05.30-18.00 น.พิกัด : https://goo.gl/maps/SdxeVMFywrF2 ไปต่อกันที่ พระปรางค์สามยอด ซึ่งถือเป็นแลนด์มาร์กของจังหวัดเลยก็ว่าได้ มีลักษณะเป็นปราสาทศิลาแลงเรียงต่อกัน 3 องค์ ศิลปะขอมแบบบายน ด้านหน้าทางทิศตะวันออกมีวิหารที่สร้างขึ้นในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช ภายในประดิษฐานพระพุทธรูปศิลาขนาดใหญ่ปางสมาธิ พระปรางค์สามยอดถือเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางประวัติศาสตร์และโบราณคดีที่สำคัญแห่งหนึ่งของจังหวัดลพบุรี พระปรางค์สามยอดที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.00-18.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/TGwHQS4nrBz ปิดท้ายวันแรกกันที่ วัดพระศรีรัตนมหาธาตุ ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรี วัดนี้ไม่มีประวัติการสร้างแน่ชัด แต่นักวิชาการสันนิษฐานกันว่าสร้างขึ้นก่อนการสถาปนากรุงศรีอยุธยา สิ่งที่น่าสนใจภายในวัดคือ “ปรางค์ประธาน” ซึ่งนับเป็นปรางค์รุ่นแรกที่พัฒนามาจากปราสาทแบบขอม และยังเป็นปรางค์ที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในลพบุรีอีกด้วย “วิหารหลวง” สร้างในสมัยสมเด็จพระนารายณ์มหาราช เป็นวิหารขนาดใหญ่ที่ผสมผสานศิลปะแบบไทยและตะวันตกเข้าด้วยกัน สังเกตได้จากหน้าต่างที่มีลักษณะโค้งแหลมแบบศิลปะโกธิค นอกจากนี้ภายในวัดยังมีเจดีย์และปรางค์หลากหลายรูปแบบซึ่งยังคงสภาพดีหลงเหลือให้ชมอยู่ ปรางค์ประธานองค์นี้ ยังได้รับการยกย่องจากสมเด็จฯ กรมพระยาดำรงราชานุภาพ ให้เป็น 1 ใน “8 จอมเจดีย์แห่งสยาม” อีกด้วย วัดพระศรีรัตนมหาธาตุที่ตั้ง ต.ท่าหิน อ.เมือง จ.ลพบุรีเปิดทุกวัน ตั้งแต่ 08.30-16.00 น.ค่าเข้าชม ชาวไทย 10 บาท ชาวต่างชาติ 50 บาทพิกัด https://goo.gl/maps/yu7cFNdweaE1eb3f6 วันที่ 2 เริ่มต้นกันที่ พระนารายณ์ราชนิเวศน์ ช่วงที่ละครบุพเพสันนิวาสกำลังมาแรงนั้น มีคนเดินทางมาตามรอยละครที่นี่กันเป็นจำนวนมาก สมเด็จพระนารายณ์มหาราช โปรดเกล้าฯ

สระบุรี – ลพบุรี ทริปดีๆ ไม่ไกลกรุง อ่านเพิ่มเติม

สวนบิ๊กเต้ : Big Tae Garden

ที่มาของชื่อสวนบิ๊กเต้ ก็มาจากชื่อเจ้าของคือ คุณเต้ นั่นเอง ง่ายๆ แค่นี้ล่ะ แหม แอดก็คิดว่าเจ้าของสวนจะเป็นคุณลุงซะอีก จริงๆ แล้วคุณเต้ยังหนุ่มอยู่เลยนะ  สวนบิ๊กเต้ เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงเกษตรที่ปลูกดอกเบญจมาศมานานกว่า 10 ปี แต่เพิ่งจะเปิดให้นักท่องเที่ยวได้เข้ามาเที่ยวชมเมื่อ พ.ศ.2559 ซึ่งสามารถชมได้ตลอดทั้งปีเลยค่ะ ที่นี่มีดอกเบญจมาศมากกว่า 30 สายพันธุ์ แบ่งแปลงปลูกออกเป็นแถวตอนลึก แต่ละแถวแยกเป็นดอกเบญจมาศสีสันต่างๆ อย่างสวยงาม มีทั้งขาว ชมพู เหลือง และแดง การออกดอกของเบญจมาศ ใช้ระยะเวลาประมาณ 3 เดือน ถึงจะโตเต็มที่ โดยต้องอยู่ในพื้นที่ที่แดดส่องถึง เรียกได้ว่าเป็นดอกไม้ที่ชอบแสงแดดสุดๆ และต้องรดน้ำวันละ 2 ครั้ง คือช่วงสายและเย็นค่ะ ชุ่มฉ่ำสุดๆ บอกกล่าวเผื่อใครยังไม่รู้ ที่นี่เป็นสถานที่ถ่ายทำละครเรื่อง “บัลลังก์ดอกไม้” ด้วยล่ะ แฟนคลับของมาริโอ้และเต้ย จรินทร์พร ต้องไม่พลาดมาเยี่ยมชมนะ เวลาเพื่อนๆ เดินเข้าไปถ่ายรูปในแปลงดอกไม้ ต้องใช้ความระมัดระวังอย่าไปเด็ดหรือสัมผัสดอกไม้แบบแรงๆ นะคะ เพราะดอกไม้ในสวนจะต้องตัดไปขายค่ะ เดี๋ยวเค้าขายไม่ได้ล่ะแย่เลย  บ้านไหนมีเด็กๆ ไปก็ต้องจับกันไว้ให้ดีนะ เพราะพื้นที่ในสวนค่อนข้างกว้างพอสมควร เดี๋ยวพลัดหลงกันจ้า ค่าเข้าชม คนละ 20 บาทเท่านั้น  โดยบัตร 1 ใบจะได้ส่วนลดเครื่องดื่ม 5 บาทด้วยนะ จะสั่งเครื่องดื่มก่อนเข้าไปชมสวน หรือออกมาแล้วค่อยสั่งก็ได้ ได้ส่วนลดก็ใช้สิคะ รออะไร จัดไปชาเขียว 1 แก้ว สวนบิ๊กเต้ – BigTae Garden ที่ตั้ง : 213 หมู่ 5 ตำบลหนองย่างเสือ อำเภอมวกเหล็ก จังหวัดสระบุรี เปิดทุกวัน เวลา 08.00 – 17.30 น.โทร. 081 878 4569

สวนบิ๊กเต้ : Big Tae Garden อ่านเพิ่มเติม

Cafe Dé Forest : ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์น

Cafe Dé Forest : ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์น จังหวัดสระบุรีบ้านไร่ใบเฟิร์น จ.สระบุรี by Yunsita & Mam ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์นแห่งนี้ ตั้งอยู่ระหว่างทางไปศูนย์ศึกษาธรรมชาติและท่องเที่ยวเชิงนิเวศเจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า จิบกาแฟเสร็จก็สามารถไปปิกนิกหรือกางเต็นท์พักแรมต่อกันได้  การเดินทางจากกรุงเทพฯ ใช้ทางหลวงหมายเลข 1 (ถนนพหลโยธิน) ตรงไปจังหวัดสระบุรี ใช้ทางหลวงหมายเลข 2 (ถนนมิตรภาพ) มุ่งหน้าเข้าตำบลทับกวาง และกลับรถตรงสะพานเกือกม้าหน้าเทศบาลทับกวาง เลี้ยวซ้ายเข้าสู่ทางหลวงชนบท 1003 (เจ็ดคด-โป่งก้อนเส้า) เลยเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแก่งคอยประมาณ 200 เมตร ร้านจะอยู่ทางขวามือ จากบ้านไม้หลังใหญ่ ได้รับการรีโนเวทให้กลายเป็นร้านกาแฟสุดฮิปชิค แบ่งเป็น 2 ชั้น พร้อมมุมถ่ายรูปอีกเพียบ แค่หน้าร้านก็แชะภาพได้เยอะเลยล่ะ นอกจากนี้ที่นี่เค้ายังเปิดให้มากางเต็นท์พักแรมริมลำธารได้ด้วยนะ บรรยากาศดีมากๆ เลย แอบเสียดายที่วันที่แอดไปมีฝนตก ท้องฟ้าก็เลยดูขมุกขมัวเล็กน้อย แต่ก็ทำให้อากาศเย็นสบายมากเลยค่ะ ถ้ามาในช่วงฤดูหนาวคงจะฟินน่าดู สงสัยต้องมาจัดอีกสักรอบแล้ว ชั้นล่างบริเวณใต้ถุนบ้านมีที่นั่งให้เลือกหลายแบบ ไม่ว่าจะเป็นโต๊ะเก้าอี้ไม้ โซฟา แม้แต่ชิงช้าหรือเปลญวนก็มี ภายในร้านตกแต่งแนววินเทจ มีรูปถ่าย ของกระจุกกระจิกน่ารักๆ ที่มุมนั้นมุมนี้เต็มไปหมด ดูแล้วเข้ากัน ลงตัวไปหมดทุกอย่าง ส่วนที่ชั้น 2 ก็มีระเบียงให้ชมวิวภูเขาด้านหลังร้านด้วย วิวดีมากๆ เลย  ร้านเปิดแค่วันเสาร์-อาทิตย์ จึงทำให้มีผู้มาเยือนเเน่นร้านเลยล่ะ ได้ยินเจ้าของร้านเปรยๆ ว่า เร็วๆ นี้อาจจะเปิดวันธรรมดาด้วย ยังไงก็รอติดตามกันต่อไปนะคะ ^^ ขึ้นมาชั้น 2 ของร้านกันบ้าง ใครชอบถ่ายรูปบอกเลยว่า 5 นาทีจัดไป 20-30 ภาพแน่นอน มองไปก็เห็นวิวภูเขาอยู่ตรงหน้าแล้ว พร้อมที่นั่งเก๋ๆ จิบกาแฟกันได้เพลินๆ เลย มาฝากท้องมื้อหนักที่นี่ได้ เพราะเค้ามีทั้งอาหารคาวและเครื่องดื่มให้บริการ ทุกเมนูเจ้าของร้านทำเองและยังเสิร์ฟเองอีกด้วย เป็นกันเองสุดๆ เหมือนมาเที่ยวบ้านญาติจริงๆ เลย ^^

Cafe Dé Forest : ร้านกาแฟในป่า@บ้านไร่ใบเฟิร์น อ่านเพิ่มเติม

ล้มบนฟูก Home&Cafe @สระบุรี

บ้านล้มบนฟูก Home & Cafe ร้านเเบ่งเป็น 2 โซน ในส่วนของ Indoor จะเป็นโซนห้องแอร์ กว้างขวาง มีเคาน์เตอร์สำหรับสั่งขนมและเครื่องดื่มต่างๆ ใครอยากนั่งชิลแบบเย็นฉ่ำก็เลือกนั่งกันได้สบายๆ เลย แต่สำหรับไฮไลท์ของที่นี่ต้องโซนถัดไปเลยค่ะ โซน outdoor บรรยากาศร่มรื่นใต้ต้นจามจุรี ริมแม่น้ำป่าสัก พร้อมฟูกและหมอนสามเหลี่ยมสีฟ้าสดใส ที่มาของชื่อร้าน “ล้มบนฟูก” นั่นเอง แค่เห็นก็น่าล้มตัวลงไปนอนมากๆ แล้ว จะนั่งหรือจะนอนก็ทำได้ตามสบาย สมกับเป็นสถานที่รวมพลคนขี้เกียจจริงๆ เลยค่ะ ฮ่าๆๆ  ใครอยากชิลเงียบๆ แนะนำมาวันธรรมดาค่ะ ถ้ามาวันหยุดขอบอกว่าเต็มทุกที่นั่งเลยล่ะ พระเอกของเรามาแล้ว มะม่วงน้ำดอกไม้ ครัมเบิ้ลเค้ก บอกเลยว่ามันดีต่อพุงอะค่ะ ^^ หอม เปรี้ยว หวาน กลมกล่อมกำลังดี ถ้าใครมาที่นี่ต้องลองสั่งมาทานกันดูนะคะ รับรองติดใจแน่นอน.สำหรับเมนูขนมอื่นๆ ยังมีให้ได้ลองกันอีกหลายเมนู เช่น ครัวซองต์แฮมชีส / มัลฟินฟักทองแอลมอนด์ / เค้กกล้วยน้ำว้าตาก และอิงลิชสโตน แยมมะม่วงหาวมะนาวโห่  ส่วนเมนูเครื่องดื่มที่เราสั่งมานั้นก็คือ ชาวานิลลาลูกตาลเชื่อม ชากลิ่นวานิลลามีลูกตาลเป็นท้อปปิ้ง มีเนื้อให้เคี้ยวเล่นหนึบหนับ รสชาติไม่จนหวานเกินไป เมนูนี้แนะนำเลย ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เมนูที่อยากให้เพื่อนๆ มาลิ้มลองยังมีอีกเพียบ ไม่ว่าจะเป็น น้ำมะม่วงหาวมะนาวโห่ น้ำตะไคร้ว่านหางจระเข้ น้ำมะตูมน้ำผึ้ง และน้ำผึ้งมะนาว สำหรับผู้ที่ชื่นชอบกาแฟ ก็มีให้เลือกหลายสไตล์ อย่างแก้วนี้ชื่อว่า “ป้าเพ็ญ” ไม่ใช่ชื่อของผู้ใดทั้งสิ้นแต่เป็นชื่อเมนูต่างหาก เป็นกาแฟดำ + นม ก็จะได้ความมันของนมผสมกับกาแฟสกัดเย็น นอกจากนั้นก็ยังมีเมนูกาแฟชื่อเก๋อีก เช่น “ลุงหนวด” เป็นกาแฟดำล้วน “น้องกิ๊ฟ” เป็นกาแฟ + นม + คาราเมล เจ้าถิ่นหลับปุ๋ย ^^ ดูบรรยากาศ…ชิลแค่ไหนคิดดู สบายสุด ^^

ล้มบนฟูก Home&Cafe @สระบุรี อ่านเพิ่มเติม

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น”

ฤดูฝนเป็นฤดูแห่งการทำนา ในระหว่างเข้าพรรษาพระภิกษุสงฆ์จะต้องจำพรรษาเป็นเวลา 3 เดือน เพื่อไม่ให้ไปเดินเหยียบย่ำข้าวกล้าของชาวนาเสียหาย และเนื่องจากสมัยก่อนไม่มีไฟฟ้าใช้ ชาวบ้านจึงหล่อเทียนขนาดใหญ่ขึ้นมาเพื่อถวายให้พระภิกษุสงฆ์ได้ใช้ในการปฏิบัติกิจวัตรต่างๆ ยามค่ำคืนตลอดช่วงเวลาของการเข้าพรรษา การนำเทียนไปถวายนั้น จะให้เดินไปถวายแบบปกติมันก็จะธรรมดาไป โลกไม่จำค่ะ ชาวบ้านจึงจัดขบวนแห่กันอย่างเอิกเกริกสนุกสนาน และปฏิบัติสืบทอดกันมาจนกลายเป็นประเพณีอย่างที่เราเห็นกันทุกวันนี้ค่ะ ถ้าพูดถึงประเพณีแห่เทียนพรรษาแล้ว จังหวัดแรกที่นึกถึงคงหนีไม่พ้น จ.อุบลราชธานี เพราะที่นี่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากในเรื่องการแกะสลักเทียนเป็นรูปต่างๆ อย่างวิจิตรงดงาม ไม่ว่าจะเป็นสัตว์ในวรรณคดี บุคคลสำคัญในช่วงเวลานั้นๆ และอื่นๆ อีกมากมาย  งาน “ฮีตศรัทธาราชธานีแห่งแสงเทียน” จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 23 – 28 กรกฎาคม 2561 ภายในงานจะมีกิจกรรมการแสดง แสง สี เสียงสุดอลังการ โดยขบวนแห่จะมีทั้งกลางวันและกลางคืน – แห่เทียนกลางคืน ในช่วงค่ำของวันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีขบวนแห่เทียนและการแสดงประกอบแสงเสียง เรื่อง “เกิดแต่อุบล” บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม โดยวันที่ 27 กรกฎาคม ตั้งแต่เวลา 19.00-20.30 น. ส่วนวันที่ 28 กรกฎาคม เริ่มประมาณ 18.00 น. – แห่เทียนกลางวัน วันที่ 28 กรกฎาคม 2561 จุดเริ่มต้นขบวนจะอยู่บริเวณหน้าวัดศรีอุบลรัตนาราม เริ่มตั้งแต่ 08.00 น. เป็นต้นไปค่ะ “มหกรรมแห่เทียนพรรษาและตักบาตรบนหลังช้าง” ถือเป็นอีกหนึ่งประเพณีที่ชาวสุรินทร์ภาคภูมิใจ เพราะเป็นวัฒนธรรมการแห่เทียนที่ยิ่งใหญ่และไม่เหมือนใคร ตักบาตรบนหลังช้างทำยังไง? ทำได้ด้วยเหรอ? ถ้าอยากรู้ ต้องลองไปสัมผัสด้วยตัวเองนะคะ^^  งานจัดขึ้นระหว่างวันที่ 26-27 กรกฎาคม 2561 กิจกรรมภายในงานมีดังนี้ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 เวลา 16.00 น. เป็นต้นไป ชมริ้วขบวนแห่เทียนพรรษา ขบวนฟ้อนรำศิลปวัฒนธรรมจังหวัดสุรินทร์ พร้อมกับขบวนแห่ช้างกว่า 80 เชือก  วันที่ 27 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น. จะมีกิจกรรมทำบุญตักบาตรบนหลังช้าง บริเวณอนุสาวรีย์พระยาสุรินทรภักดีศรีณรงค์จางวางค่ะ โคราช เป็นอีกหนึ่งจังหวัดที่มีการจัดงานแห่เทียนเข้าพรรษาที่มีความสวยงามและอลังการไม่แพ้ที่อื่นๆ เลยค่ะ โดยมีการจัดงานทั้งหมด 3 ที่ ได้แก่ วันที่ 26 กรกฎาคม 2561 จะมีการแห่เทียนพรรษาของอำเภอโชคชัยและอำเภอพิมายค่ะ (เริ่มแห่ตั้งแต่ประมาณ 13.00 น. เป็นต้นไป) โดยจะเป็นการประกวดต้นเทียนพรรษา เมื่อได้ผู้ชนะของแต่ละอำเภอแล้วทั้งหมดก็จะไปรวมตัวกันบริเวณลานอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารีค่ะ  งานแห่เทียนพรรษาที่อำเภอโชคชัย ใช้ชื่องานว่า “เทศกาลกินหมี่ ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอโชคชัย” ส่วนที่อำเภอพิมายใช้ชื่องานว่า “ประเพณีแห่เทียนพรรษา อำเภอพิมาย” ภายในงานของทั้ง 2 อำเภอจะมีมหรสพการแสดง และกิจกรรมต่างๆ มากมายค่ะ วันที่ 27 – 28 กรกฎาคม 2561 จะมีการจัด “งานแห่เทียนพรรษาโคราช” ณ บริเวณอนุสาวรีย์ท้าวสุรนารี เป็นการแห่เทียนพรรษาสุดยิ่งใหญ่ของชาวโคราชค่ะ (ขบวนแห่เริ่มวันที่ 28 กรกฎาคม 2561 เวลา 09.00 น.) โดยจะนำต้นเทียนพรรษาที่ชนะจากทั้ง 2 อำเภอมาแห่ และจัดแสดงให้ชมกันค่ะ  นอกจากนี้ภายในงานยังมีการแสดง แสง สี เสียง รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ท้องถิ่น ของดีเมืองโคราช สินค้าโอท็อปต่างๆ มาให้เพื่อนๆ ได้เลือกชอปเลือกชิมกันตลอดงานเลยค่ะ “ประเพณียายดอกไม้” ครั้งแรกที่แอดได้ยิน็ถึงกับงงเลยทีเดียว ว่านี่คือประเพณีอะไร? ประเพณียายดอกไม้เป็นประเพณีท้องถิ่นของชาวเวียงจันทน์ที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานที่จังหวัดสิงห์บุรีค่ะ คำว่า “ยาย” นั้นเพี้ยนมาจาก คำว่า “หย่าย” ในภาษาลาว แปลว่า การแจกจ่ายหรือการให้ คำว่า “ยายดอกไม้” จึงหมายถึงการให้ หรือถวายดอกไม้แด่พระสงฆ์ เพื่อนำไปบูชาพระพุทธเจ้านั่นเองค่ะ  และในปีนี้ชาวจังหวัดสิงห์บุรีก็ได้จัดงานนี้ขึ้น ภายใต้ธีม “ตักบาตรยายดอกไม้ นุ่งซิ่นไทย-ลาวเวียง” ณ วัดจินดามณี จังหวัดสิงห์บุรี ระหว่างวันที่ 27-28 กรกฎาคม 2561 เวลา 07.00 น.  ภายในงานมีกิจกรรมมากมายไม่ว่าจะเป็น การทอดผ้าป่าดอกไม้ ถวายเทียนพรรษา ชิมอาหารถิ่นสิงห์บุรี ชมการแสดงเต้นบาสโลป และอื่นๆ อีกมากมาย แอดอยากเชิญชวนเพื่อนๆ ไปสัมผัสกับบรรยากาศวัฒนธรรมท้องถิ่นของที่นี่ดูนะคะ ว่าจะมีความงดงามแตกต่างจากวัฒนธรรมที่เพื่อนๆ คุ้นเคยมากน้อยแค่ไหนค่ะ ^^ สำหรับใครที่คิดว่าการแห่เทียนพรรษาทางบกธรรมดาไป ต้องมางานนี้เลยค่ะ “ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำ” ณ คลองลาดชะโด อ.ผักไห่ จ.พระนครศรีอยุธยา ประเพณีแห่เทียนพรรษาทางน้ำเอกลักษณ์หนึ่งเดียวในอยุธยา  งานจัดขึ้นในวันที่ 27 กรกฎาคม 2561 โดยจะเริ่มแห่ประมาณ 11.00 น. กิจกรรมภายในงานจะมีการประกวดบ้านสวนริมคลอง การแข่งขันกีฬาพื้นบ้านลาดชะโด การจัดแสดงภาพถ่ายวิถีชีวิตชาวลาดชะโด การจำลองบรรยากาศตลาดน้ำย้อนยุค และอื่นๆ อีกมากมาย นอกจากนี้เพื่อนๆ ยังจะได้สัมผัสวิถีชีวิตบ้านริมน้ำอีกด้วยนะคะ “ประเพณีตักบาตรดอกเข้าพรรษา” จัดขึ้นระหว่างวันที่ 26 – 28 กรกฎาคม 2561 ณ วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหารจ.สระบุรี ซึ่งเป็นประเพณีที่มีชื่อเสียงเป็นอย่างมากของ จ.สระบุรี นับเป็นประเพณีที่แปลกไม่เหมือนใคร และมีเพียงแห่งเดียวอีกด้วย  โดยในยามเช้าพระสงฆ์จะเดินรับบิณฑบาตรจากพุทธศาสนิกชน ซึ่งจะนำดอกไม้ชนิดหนึ่งมาใส่บาตร ดอกไม้ชนิดนี้จะบานในช่วงเข้าพรรษาพอดี จึงได้ชื่อว่า “ดอกเข้าพรรษา” ค่ะ เชื่อว่าเพื่อนๆ หลายคนอาจจะไม่รู้จักดอกไม้ชนิดนี้ และแอบไปเสิร์ชหารูปจากอินเตอร์เน็ตดู แต่เชื่อเถอะค่ะว่ายังไงก็ไม่สวยเท่าไปเห็นด้วยตาตัวเองหรอกนะคะ ต้องลองไปสัมผัสดูค่ะ สำหรับเพื่อนๆ ที่ไม่อยากเดินทางไปต่างจังหวัด วัดราชบพิธสถิตมหาสีมารามก็เป็นอีกหนึ่งวัดที่จัดกิจกรรมเข้าพรรษาค่ะ

“ท่องเที่ยวอิ่มบุญ…สัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น” อ่านเพิ่มเติม

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำความสำเร็จ

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำความสำเร็จ ไม่ว่าจะทำสิ่งใด เรื่องเล็ก เรื่องใหญ่ ความสำเร็จ…มักจะเป็นเป้าหมายสูงสุดที่ใครๆ ก็อยากจะไปให้ถึง ธรรม(ดา) พาทัวร์ อาทิตย์นี้ แอดมินจึงอยากแนะนำสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่เมื่อเราไปไหว้พระขอพรแล้วนั้น อานิสงส์จะหนุนนำ ส่งเสริมเรื่องความสำเร็จทั้งปวง แฟนเพจท่านไหนเคยไปสถานที่ใดแล้วประสบผลดังใจหวัง มาคอมเม้นใต้ภาพ บอกต่อกับเพื่อนๆได้เลยนะ อยากไปทำบุญกับใคร กด Like กด Share กด Tag แล้วไปทำบุญกันน ขอบคุณข้อมูลจากหนังสือ 108 เส้นทางออมบุญ จัดทำโดย การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยเดินทางครั้งต่อไป อย่าลืมให้เราเป็น “เพื่อนร่วมทาง” ไปกับคุณสอบถามข้อมูลท่องเที่ยวเพิ่มเติมได้ที่ Call Center 1672 วัดพระพุทธบาทราชวรมหาวิหาร สระบุรี ตามคติของคนโบราณกล่าวไว้ว่า หากได้มานมัสการรอยพระพุทธบาท ครบ 7 ครั้ง จะได้ไปจุติในสรวงสวรรค์ แม้แต่ในชาติภพนี้ อานิสงส์ผลบุญจะส่งให้ชีวิตมีความสำเร็จสมหวังในทุกประการ งานเทศกาลนมัสการพระพุทธบาท ปกติจัดปีละ 2 ครั้ง คือขึ้น 8 ค่ำ เดือน 3 จนถึงแรม 1 ค่ำ และขึ้น 8 ค่ำ เดือน 4 จนถึงแรม 1 ค่ำ วัดชนะสงครามราชวรมหาวิหาร กรุงเทพมหานคร มีความเชื่อที่ว่า หากได้มาสักการะพระประธานในพระอุโบสถ และพระรูปของสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาทที่วัดชนะสงคราม จะทำให้มีชัยชนะเหนือศัตรูและผ่านพ้นอุปสรรคทั้งปวงไปได้ รวมทั้งชีวิตนั้นจะประสบกับความสำเร็จสมตามความมุ่งมาดปรารถนา ไหว้พระประธานในพระอุโบสถ ด้วยธูป 3 ดอก เทียน 3 เล่ม และดอกบัว สำหรับสมเด็จกรมพระราชวังบวรมหาสุรสิงหนาท ไหว้ด้วยธูป 5 ดอก เทียน 1 เล่ม พร้อมด้วยดอกบัว 1 ดอก วัดพระแก้ว เชียงราย ชาวเชียงรายนิยมมาไหว้พระทำบุญที่วัดพระแก้วนี้ และนมัสการรอยทางอันศักดิ์สิทธิ์แห่งองค์พระแก้วมรกต รวมทั้งยังมาสักการะพระหยกเชียงรายและพระเจ้าล้านทอง เพื่อขอพรให้เกิดความเป็นสิริมงคล ประสบความสำเร็จ มีความรุ่งเรืองยิ่งขึ้นไป ในช่วงวันมาฆบูชา จะมีงานประเพณีแห่โคมไฟไหดอก โดยมีขบวนแห่โคมไฟไหดอกเคลื่อนไปถวายตามวัดต่างๆ ภายในเขตเทศบาลเพื่อถวายเป็นพุทธบูชา รวมทั้งวัดพระแก้วเชียงรายแห่งนี้ด้วย  วัดสังกัสรัตนคีรี อุทัยธานี ชาวอุทัยธานีเชื่อกันว่า หากได้มากราบไหว้ขอพรพระพุทธมงคลศักดิ์สิทธิ์ที่วิหารนมัสการพระพุทธบาท และสักการะพระราชานุสาวรีย์ปฐมบรมราชชนกบนยอดเขาสะแกกรังนี้แล้ว อานิสงส์ที่ได้คือ ความเป็นสิริมงคล ความสำเร็จสมหวังในความปรารถนา ประสบแต่ความสุขความรุ่งเรืองในชีวิต เทศกาล งานประเพณี งานตักบาตรเทโววัดสังกัสรัตนคีรี ในวันออกพรรษาของทุกปี จะมีพระสงฆ์กว่า 300 รูป ออกบิณฑบาตโดยเดินลงบันไดกว่า 400 ขั้น จากยอดเขาสะแกกรัง นับเป็นงานตักบาตรเทโวที่สวยงาม และยิ่งใหญ่ที่สุดในประเทศไทย วัดบูรพาภิราม ร้อยเอ็ด ชาวร้อยเอ็ดถือว่าพระเจ้าใหญ่นั้นเป็นพระพุทธรูปคู่บ้านคู่เมือง ที่คอยปกป้อง คุ้มครองชาวร้อยเอ็ด ให้มีชีวิตความเป็นอยู่อย่างร่มเย็นเป็นสุข  ด้วยความสูงขององค์พระทำให้เกิดความเชื่อว่า หากได้มากราบไหว้ จะได้อานิสงส์สูงเทียมเมฆเทียมฟ้า ทำการสิ่งใดก็สำเร็จผลด้วยประการทั้งปวง

ธรรม(ดา) พาทัวร์ ตอน เข้าวัดทำบุญ หนุนนำความสำเร็จ อ่านเพิ่มเติม

Scroll to Top